ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic D.gray-man]Relation Of Darkness

    ลำดับตอนที่ #4 : โซ่สัมพันธ์ที่สาม : หุบเขาเงาจันทรา

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 51


    โซ่สัมพันธ์ที่สาม : หุบเขาเงาจันทรา

     

    หุบเขาเงาจันทรา


    หุบเขาแห่งเงามืด..


    ที่ซึ่งสุริยันไม่อาจเฉิดฉายเข้าไปได้


    อาณาจักรต้องห้ามของเหล่าภูติแสงสว่าง


    แต่กระนั้น.....

     

     


    สุริยาเฉิดฉายสาดส่องเข้ามายังร้านตีดาบขนาดย่อม พระเนตรของเจ้าชายพระองค์น้อยเบิกขึ้น ฉลองพระองค์ที่สวมใส่ยังคงเป็นตัวเดิมกับเมื่อยามราตรีที่ผันผ่านมา ดวงตาสีนิลกาฬมองไปยังประตูที่อยู่ด้านตรงข้ามของเตียงนุ่มในห้องนอนอีกห้องของร้านตีดาบที่เขามาอาศัยชั่วคราว ก่อนจะพระขนงจะขมวดมุ่นเมื่อพบร่างขององครักษ์สาวนั่งหลับอยู่ที่ข้างประตู


    ..นั่นมันผู้หญิงแน่รึ..


    ปรารรภขึ้นในใจ สงสัยเป็นหนักหนาในความแกร่งของสตรีคนตรงหน้า แต่ก็มิได้ใส่ใจอันใด เจ้าชายน้อยแห่งนิศากาลบิดวรกายเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปยังด้านนอกห้องนอน


    พระบาทที่เปลือยเปล่าพากายตรงไปยังที่ซึ่งเสียงตีดาบดังแว่วมา พระหัตถ์เล็กแต่กร้านเพราะจับดาบบ่อยเปิดประตูบานหนา ก่อนที่ใบหน้าของจัสต์เมนท์นักตีดาบจะหันมอง


    อรุณสวัสดิ์พะย่ะค่ะ  เมื่อคืนกว่าจะพักผ่อนก็ตั้งสองยาม ท่านควรจะบรรทมต่อเอ่ยพร้อมหันไปตีดาบต่อ องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรรัตติกาลไม่ได้ตอบคำทักทายนั้น และเดินออกมาอย่างแสนปกติธรรมดา ก่อนจะไปที่ลานกว้างซึ่งแสงอรุโณทัยกำลังสาดส่องพาให้แสบตา


    เด็กชายหยิบดาบที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่ามันบิ่นและทำท่าจะหัก


    ไม่หักสิแปลก ดาบของแม่องครักษ์จอมถึกแข็งยังกับอะไรดี..


    แต่น่าแปลกที่ดาบจากร้านเล็กๆกลับทานความแข็งแกร่งของดาบสีขาวเล่มนั้นได้... คำร่ำลือถึงความเก่งกาจไม่ใช่แค่ข่าวลือ


    เด็กชายเจ้าของเรือนผมสีนิลกาฬควงดาบทดสอบหวดลมชั่วครู่ ก่อนจะก้าวเดินออกไปยังลานกว้างที่แสงแดดสาดอ่อนๆ


    จิตสัมผัสถึงสิ่งที่ใกล้เข้ามา


    ดวงตาปิดลง เปิดสัมผัสส่วนอื่นให้กว้างขึ้น


    ได้ยินเสียงของใบไม้ ผิวสัมผัสถึงสายลม กลิ่นอ่อนบางหอมหวานของไพร


    วิ้ว...


    ขวับ..
    !


    สายลมพัดโบกให้ใบไม้หลายใบพัดตกลงมา เด็กชายกระชับดาบ ก่อนจะก้าวขาตามจังหวะที่ถูกเสี้ยมสอน คมดาบตวัดถูกใบไม้ใบแล้วใบเล่าด้วยความเร็ว กระทั่งสายลมที่พัดโบกนั่นคลายพลังลง....


    เด็กชายลืมเนตรขึ้น จ้องมองจำนวนใบไม้อย่างไม่พอใจ


    ในจำนวนใบไม้ที่ถูกผ่าออกเป็นสองเสี่ยง มีอยู่สามใบที่ยังมีสภาพดังเดิม


    ชิ...พลาดไปสามพึมพำ ก่อนจะเบิกดวงตาเล็กน้อยเมื่อพบว่าร่างของหญิงสาววิ่งออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว


    รีฟ นั่นเจ้าคิดจะไปไหน


    น้ำเสียงดังกังวานราบเรียบเรียกให้หญิงสาวหันมองร่างของนายเหนือหัวที่ยืนอยู่ตรงลานกว้าง ก่อนจะย่อกายลงคำนับอย่างนอบน้อมและเงยหน้าขึ้น


    อรุณสวัสดิ์เพคะ...ส่วนเรื่องที่ถาม..ในปราสาทอนธกาลเกิดเรื่องขึ้นเพคะ ทหารสองนายในพระราชวังฝ่ายในถูกสังหารอย่างไร้ร่องรอย คนร้ายหายตัวไป ทางปราสาทได้ส่งจดหมายมนตรามาถึงว่าให้ข้าไปตรวจสอบ....... จัสต์ ข้าฝากฝ่าบาทไว้ได้ไหม!!”


    วิ่งไปถามคนที่นั่งอยู่ในห้องตีดาบ คนถูกทักสะดุ้ง ก่อนจะยืนขึ้น ละจากงานที่ทำแล้วจึงหันมองหญิงสาว
    อะไรของเจ้า?


    ข้าจะกลับปราสาท..ฝากฝ่าบาทยูไว้ที่นี่ได้ไหม?เอ่ยคล้ายจะวิงวอน ดวงตาสีแซฟไฟร์จ้องลึกในดวงตาสองสีที่งดงาม ก่อนชายหนุ่มจะพยักหน้าอย่างง่ายดายตามใจเจ้า


    นั่นมันปราสาทข้า ข้าจะไปดูความเรียบร้อยด้วย!”โอรสแห่งรัตติตรัสขึ้น ความโกรธปะทุ พระราชวังฝ่ายในใช่จะเข้าไปกันได้โดยง่าย การเกิดเรื่องเช่นนี้ย่อมมิใช่เรื่องธรรมดา


    แต่กระนั้น ราชองครักษ์ผู้แข็งแกร่งกลับไม่ยินยอม... ร่างเพรียวสูงหันขวับจ้องร่างที่เยาว์กว่าตน ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม


    ฝ่าบาท คนร้ายเข้าไปถึงปราสาท ที่นั่นไม่ใช่ที่ปลอดภัยในตอนนี้ เวลานี้ ชั่วขณะนี้ ร้านตีดาบที่กระหม่อมกางเขตแดนไว้เข้มแข็งที่สุด


    แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยหา!?


    หน้าที่ของข้าคือการปกป้องพระองค์!!”           


    และเรื่องนั้นมันทำให้เจ้ามีสิทธิ์สั่งข้าหรือไงเล่า!!? รีฟ!!”เสียงกังวานขององค์รับทายาทหนุ่มน้อยทำให้หญิงสาวนิ่งงัน


    หากหน้าที่ของเจ้าคือการปกป้องข้า  ก็จงให้ข้าตามเจ้าไปด้วยและปกป้องข้า หรือว่าเจ้าไม่มีปัญญาปกป้องกระทั่งเด็กแค่คนเดียว?


    เอ่ยพลางแสยะยิ้มหยัน จ้องมองหญิงสาวที่ยืนนิ่งไป... รีฟถอนหายใจเฮือก มองดวงตาขวางขององค์ชายผู้เป็นนายเหนือหัว ก่อนจะกลอกตาเหนื่อยหน่ายแล้วย่อกายลงถวายความเคารพ


    ตามแต่พระองค์จะต้องการ แต่บอกไว้ก่อนว่าพระองค์ห้ามอยู่ห่างจากหม่อมฉัน


    ข้าปกป้องตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งใครหน้าไหน แม้แต่เจ้าก็ตาม


    แล้วหน้าที่ข้าล่ะเพคะ? จะให้ท่านเจ้าลงโทษข้ารึไร


    ช่างหัวเจ้า ไม่ใช่เรื่องของข้า


    หญิงสาวนิ่งไปชั่วครู่ คร้านที่จะเถียงต่อ ก่อนจะตะโกนลั่นสุดเสียง


    เด็กน้อยที่ข้าเคยดูแลหายไปไหนเนี่ย!!”


    ครั้นแล้วจึงลุกขึ้นพร้อมหัวเราะในลำคอ โดยไม่ลืมสังเกตใบหน้าแสนขุ่นเคืองของนายเหนือหัวแห่งตน นิ้วมือเรียวดีดเป็นจังหวะบางเบา พลันสายลมจากทั่วทิศทางก็โอบล้อมร่างของหญิงสาวและรัชทายาทพระองค์น้อยเป็นวงกลม


    ถ้าเช่นนั้น หากดาบเรียบร้อยแล้วช่วยเอาไปส่งที่ปราสาทด้วยนะ จัสต์


    เอ่ยกับช่างตีดาบหนุ่ม และได้รับคำตอบเป็นการขยิบตาให้อย่างต้องการกวนประสาทองครักษ์แห่งราตรี ก่อนที่สายลมจะโอบล้อมห่อหุ้ม และสลายหายไปในอากาศธาตุที่หมุนวน...

     

    ......................

     

    ........

     

    อเลน นั่นเจ้าทำอะไรอยู่


    เฮือก
    !


    ทะ...ท่านทิกี้ มีอะไรรึขอรับ?เอ่ยพร้อมหันพักตร์หวานไปทางวรกายสูงที่ย่างก้าวเข้ามาในตำหนักจันทรา พระเนตรสีม่วงใสมองไปรอบห้องสว่างขาวด้วยสงสัย ก่อนจะตรัสขึ้น หรือเจ้ายังขบคิด..เรื่องที่ว่ามนุษย์จะรักกับเทพได้หรือไม่อยู่?

    ขะ..ข้ามิได้!!


    อย่าโกหกข้าเลย..เด็กน้อยเอ๋ย ข้ารู้ว่าเจ้ายังพะวงมิหาย..เทพจันทรา..ตรัสพลางมองเทพองค์น้อยที่พลันชะงักไป ก่อนจะถอนพระปัสสาสะ แล้วก้าวเดินเข้าไปหา ข้าดูแลเจ้ามาแต่เล็กแต่น้อย แล้วเหตุอันใดจึงจะไม่รู้ความคิดเจ้า


    เทพองค์น้อยชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาหลุบมองพื้นหินอ่อนสีขาวของพระตำหนักจันทรา พระโอษฐ์ขบเม้มแน่น รู้สึกราวถูกสะกิดตะกอนขุ่นขลักในพระหทัยที่เพิ่งก่อตัวไปไม่นานนัก

    ท่านเทพราตรีขอรับ..ข้า..รู้สึก..สนใจ..คนผู้นั้นจริงๆนะขอรับ..



    ราตรี..ที่งดงามและน่าลุ่มหลงยิ่งกว่าราตรี..


    ยิ่งกว่าความมืดที่ข้าคงอยู่..


    ดวงตาคมกริบนั่น..ราวจะจับตัวเอาไว้...



    ..พระเนตรสีม่วงใสมองวรกายบางที่ก้มพักตร์มองพื้นดิน หัตถ์น้อยๆกำชายเสื้อสีขาวของเจ้าตัวไว้แน่น พระวรกายสูงจึงเดินมานั่งเคียงข้าง วางหัตถ์หนาลงขยี้เกศานุ่มสีเงินของเทพจันทรา ก่อนจะถอนหายใจแล้วตรัสขึ้น


    บางทีความรักมักก่อตัวขึ้นโดยที่เราไม่อาจรู้..มันเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้...ข้าเข้าใจ..


    พระเนตรสีเงินกระจ่างใสขึ้น


    ...หากแต่ บางคราความรักก็ไม่สมปรารถนา อุปสรรคมันมีมากกว่าที่จะฝ่าฟันไป โดยเฉพาะการที่เจ้ารักมนุษย์..และที่สำคัญ..

    มนุษย์ผู้นั้นอาจมิได้รักเจ้า....


    พระเนตรสีม่วงใสทอแสงหม่นหมอง ก่อนจะพลันนึกถึงใครบางคน


    ..ใช่..ไม่มีวันสมหวัง..


    ไม่มีวัน..



    ดังนั้นก่อนจะถลำลึก เจ้าควรเลิกเสียเถิด..ตัดใจตอนนี้ยังทัน….จันทรา..


    โซ่ที่พันธนาการเจ้าไว้ไม่ใช่โซ่ที่จะหลุดออกง่ายๆหรอกนะ...


    ตรัสจบสิ้นก็ลุกขึ้น เดินออกจากพระตำหนักโดยไม่เหลียวแลมอง


    ..ตัดใจหรือ..

    มือเรียวกำเสื้อสีขาวแน่น


    นั่นมันยากมิใช่หรือ..มนุษย์เองยามสูญสิ้นความรักยังทำตัวราวกับคนบ้า..


    ..หรือจะบอกว่าเทพมิใช่นะ..


    พระเนตรใสหม่นหมองพลันมองไปยังกระจกน้ำราบเรียบ ก่อนจะแตะลงพลางพึมพำมนตรา ก่อเกิดเป็นรูปของปราสาทอนธกาลแห่งนิศานคร

    พระเนตรเสาระหา ก่อนจะพบร่างของเด็กชายเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลที่ยืนนิ่งอยู่ในพระราชวังฝ่ายในแห่งปราสาทอนธกาล


    พระโอษฐ์แดงสดแย้มยิ้มเศร้า

    ..อย่างไรเสีย..ขอซักครั้งเถิด..


    ..ขอมีความสุขกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ..ก่อนจะต้องตัดใจจากมันเถิด..


    ......................


    ........


     


    สายลมพัดโบกวนในพระราชวังฝ่ายในแห่งนิศานคร หญิงสาวเจ้าของผิวขาวซีดรีบหันหน้ามองไปยังกลุ่มสายลมนั่นทันที กระทั่งปรากฏร่างของบุคคลทั้งสองแล้วจึงวิ่งเข้าหาอย่างเร่งรีบเร็ว

    มาแล้วรึเจ้าคะ ท่านหญิง!!”


    แอนนิต้า เป็นอย่างไรบ้าง มีข้อมูลอะไรไหม?


    ทหารของเราถูกฆ่าเมื่อประมาณก่อนสองทุ่ม ช่วงเวลาเดียวกับที่ฝ่าบาทยูหายตัวไป คนร้ายรวดเร็วจนน่าตกใจ ทั้งลอบมาในราชวังฝ่ายในโดยที่พวกเราไม่รู้ตัว..ซักคนเดียวเอ่ยเน้นวลีหลัง พาให้หญิงสาวเจ้าของตำแหน่งราชองครักษ์รู้สึกเครียดขึ้นถนัดตา



    เล็ดรอดไปได้หรือ


    ปราสาทอนธกาลมิได้หละหลวมถึงเพียงนั้น


    ผู้ใดกัน ที่เก่งกาจบังอาจถึงเพียงนี้
    !!



    ดวงตาประกายเนตรสีน้ำเงินเปล่งประกายกร้าว สมองเริ่มประมวลผลหาเหตุและจำกัดวงของผู้ที่ก่อคดี


    มีใครรู้หรือพบเห็นผู้ต้องสงสัยหรือเปล่า แอนนิต้า


    ไม่มีเจ้าค่ะ ทหารรักษาวังหน้าบอกว่าผู้ที่เดินผ่านเข้านอกออกในนั้นมีเพียงท่านเจ้ากรมหลวงกับท่านเสนาบดีกรมพระคลังเอ่ยพลางยื่นเอกสารที่ตนจัดเรียบร้อยให้หญิงสาวเข้าของเกศาสีเงิน มือเรียวบางพลิกเอกสารและไล่สายตาอย่างรวดเร็ว


    ราชวังฝ่ายในว่าอย่างไรบ้าง


    นางสนองพระโอษฐ์บอกว่าไม่พบผู้น่าสงสัย บุคคลที่เข้าออกมีเพียงสตรีที่เป็นเหล่านางกำนัล และอันที่จริง ในช่วงเกิดเหตุแทบไม่มีใครเข้าใกล้บริเวณที่ทหารทั้งสองคนถูกฆ่าเลยเจ้าค่ะเอ่ยฉะฉานข้าเตรียมเอกสารไว้ที่ห้องแล้วเจ้าค่ะ อันที่จริงนอกจากคดีเร่งด่วนแล้วยังมีอีกหลายคดีที่ท่านต้องสะสาง ระหว่างรอข่าวสาวรเพิ่มเติมช่วยจัดการให้หมดก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ?

    ไม่ใช่ว่าข้าสะสางหมดแล้วรึ?


    คดีฉ้อราษฏหลวงยังไม่จบเจ้าค่ะ


    อา..ข้าจะนั่งดูให้ให้แล้วกันหญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะก้าวเดินปังห้องทำงาน โดยไม่ลืมสั่งสั่งงานไว้อย่างเค่งครัด หากพบข่าวสาวรใดรีบไปบอกข้า เอาล่ะ ฝ่าบาท ไปกับหม่อมฉัน


    หันบอกองค์รัชทายาท ก่อนจะก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปที่ห้องทำงาน มือเรียวเปิดประตูเข้าไป เผยให้เห็นห้องขนาดเล้กที่เต็มไปด้วยเอกสาร ก่อนหญิงสาวจะก้าวเดินเข้าไปหยิบเอกสารกองหนึ่งเข้ามาและเริ่มอ่านพร้อมจับปากกาขึ้นขีดเขียน ในขณะที่เด็กชายยังงุนงงกับห้องที่ดูน่ากลัวพิกล


    อ่านสำนวนคดีแก้เบ่อก็ได้นะเพคะ


    สำนวนคดี?


    นู่นไงเพคะชี้ไปที่กแงเอกสารตังยักษ์ให้พระเนตรสีรัตติกาลกระพริบปริบ ก่อนจะถอนพระปัสสาสะ แล้วหยิบสำนวนคดีชั้นบนสุดลงมาอ่าน


    เวลาผ่านไปเนิ่นนานกระทั่งยามสนธยาย่ำกราย..




     

    ปัง!


    ได้ข่าวสารเพิ่มเติมแล้วเจ้าค่ะ!!”


    ช้า


    เสียงที่สองนั้นได้จากรัชทายาทองค์น้อยที่กำลังนั่งตาขวางหงุดหงิด หญิงสาวเจ้าของเนตรสีน้ำเงินปราดมองปรามแม้จะไร้ผล ก่อนจะเอ่ยถามออกไป
    ได้ข่าวสารใดเพิ่มเติมมาล่ะ แอนนิต้า


    เอ่อ....สูดลมหายใจลึก เตรียมบอกข่าวสารอีกหนึ่งที่น่าตระหนกใจ ก่อนจะพลันเหลือบมองเห็นนายเหนือหัวที่ยืนอยู่ข้างผู้บังคับบัญชาของตน อะ..เจ้าชาย...ทรงไปเล่นที่อื่นก่อนได้ไหมเพคะ?


    ข้ารับฟังไม่ได้รึไงเอ่ยพลางยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง หญิงสาวผิวซีดทำท่าเหลอหลา ก่อนจะพึมพำขึ้น เอ่อ.นี่เป็นเรื่องภายในด้วย ข้าเลย..


    ข้ามีสิทธิที่จะรับรู้เรื่องภายใน  หรือเจ้าจะบอกว่าไม่? ..ข้าเป็นใครถึงจะรับรู้ไม่ได้เอ่ยกังวานฟังชัด แล้วจึงตรัสต่อ อย่ามาทำยโสโอหังตัดสินว่าสิ่งใดข้าควรรู้.. สิ่งใดข้าไม่ควรรู้ นั่นมันหน้าที่ข้าที่ข้าจะต้องตัดสินเอง ไม่ใช่ให้เจ้ามาแส่!!!”เอ่ยยาวเหยียด มองหญิงสาวด้วยสายตาคมกริบเย้ยหยันจนแอนนิต้าสะดุ้งเฮือก ก่อนเด็กชายจะถูกหยิกพระกรรณด้วยฝีมือขององครักษ์หญิงประจำกายที่อุตส่าห์เดินจากโต๊ะมา


    เจ้าทำบ้าอะไร!!”


    ฝ่าบาทไปเรียนคำพวกนั้นมาจากไหนเอ่ยถาม แต่สิ่งที่ได้คืนมากลับเป็นดำรัสโต้เถียง


    แล้วยายแก่คนไหนพูดแบบนี้ให้ข้าฟังทุกครั้งที่ข้าทำไม่ถูกใจล่ะ


    ถ้าข้าเป็นยายแก่.. แล้วท่านเสนาบดีกรมมหาดเล็กจะเรียกว่าอะไรรึเพคะ?


    ทวด


    อยากจะมาประลองต่อที่นี่ไหมล่ะเพคะ ?


    ถ้าอยากท้าข้าก็ยินดีจะรับ


    แต่ก่อนที่การประลองระหว่างนายกับบ่าวจะเริ่มขึ้น แอนนิต้าก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน


    ข้าว่าเราควรพูดเรื่องนี้ให้ได้ผลลัพธ์โดยเร็วนะเจ้าคะ ว่าแต่..จะให้เจ้าชายทรงรับรู้ด้วยจริงๆนะรึเจ้าคะ?เอ่ยถามไม่แน่ใจ มองผู้บังคับบัญชาของตน


    รีฟมองใบหน้าของผู้ใต้บังคับบัญชา ก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยตอบตามสัตย์จริง
    พระองค์อยู่ในวัยที่ควรเรียนรู้การทำงานแล้ว..พูดมาเถอะ แอนนิต้า


    ....ข้าได้ยินเสียงข่าวสารจาก[สายลม]ว่าพบกลิ่นหอมประหลาด


    กึก
    !


    หญิงสาวนิ่งงันไปทันที ก่อนจะขมวดคิ้วเคร่งเครียด
    เป็นกลิ่นหอมแบบใดรึ?


    ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่[สายลม]บอกว่า..เป็นกลิ่นหอมที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่ใช่ทั้งของรัตติกาลและวายุหลเจ้าค่ะแอนนิต้าเอ่ย มองผู้บังคับบัญชาที่นิ่งไป แล้วจึงก้มมองพระพักตร์ของเจ้าชายองค์น้อยที่อยู่ในภาวะครุ่นคิดไม่แพ้กัน


    ..กลิ่นหอมเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงชนเผ่า..


    ..กลิ่นหอมที่ไม่ใช่ของทั้งสองอาณาจักรที่คงเหลืออยู่..


    ..หรือจะเป็น..


    ..ประกายเหมันต์..


    ..ชนเผ่าที่สาบสูญไปแต่โบราณกาล..


    เสียงทุ้มของเด็กชายเอ่ยขึ้นข้างกาย หญิงสาวหันมองดวงตาคมกริบของเจ้าชายพระองค์น้อยที่มองตอบขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
    ประกายเหมันต์สูญสิ้นไปนานแล้ว ฝ่าบาท


    ก็ใช่ว่าจะไม่เหลืออยู่


    ทรงรู้จักชาวประกายเหมันต์มากนักรึไงเพคะ?


    อย่างกับเจ้ารู้จักดี?


    อย่างน้อยก็ดีกว่าพระองค์


    อะ..เอ่อ..ทั้งสองท่านจะทะเลาะกันไปถึงไหนรึเจ้าคะ!!”


    อย่ามายุ่ง!!”


    ตวาดกกลับกันทั้งนายทั้งบ่าวจนหญิงสาวสะดุ้งเฮือก หนึ่งรัชทายาทหนึ่งราชองครักษ์ถึงได้เริ่มรู้สึกตัว


    ...ขอโทษนะแอนนิต้า เอาล่ะ..สูดลมหายใจเข้า แล้วเริ่มเข้าสู่เนื้องานอีกครา “[สายลม]บอกเจ้ารึเปล่าว่ากลิ่นนั้นมุ่งตรงไปทางใด


    ไปทางทิศตะวันออกของปราสาทเจ้าค่ะ


    ..ทิศตะวันออก..


    รัชทายาทพระองค์น้อยฉุกคิด ก่อนจะหันพักตร์ไปยังทิศทางที่ถูกกล่าวถึง พระเนตรสีรัตติกาลปราดมองสถานที่ซึ่งอยู่ในใจมานาน และได้รับการกระตุ้นโดยคำกล่าวของสตรีผู้เป็นหนึ่งในเงารัตติกาล


    ดินแดนแห่งความมืดที่ลึกล้ำกว่าความมืดอันใดบนโลก ดินแดนแห่งความมืดที่แสงสว่างมิอาจเยื้องกราย..


    หรือจะเป็นที่นั่น..?


    เมื่อความคิดพลันหวนชะงักจบสิ้น พระวรกายก็เดินจากไปโดยไม่รั้งรอราชองครักษ์ข้างกาย


    ..สู่หุบเขาเงาจันทรา..


     

    ..หุบเขางันจันทรา..


    ดินแดนทางทิศตะวันออกของรัตติกาลนคร..แม้ไม่ได้น่ากลัวมากมายนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นที่ที่ไม่อยากก้าวเข้าไป โจรป่าส่วนมากซ่องสุมอยู่ที่นั่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกนักโทษที่ถูกขุมขัง


    สถานที่ที่อันตรายและน่าหวาดสะพรึง


    จะปล่อยไปดีไหมเจ้าคะ..เอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล ทราบดีตั้งแต่แรกว่าเป็นหุบเขาอันตรายที่แม้แต่คนของราตรีก็ไม่อยากย่ำกรายเข้าไป


    ...อา..เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา มือเรียวเสยเรือนผมสีขาวขึ้นอย่างอ่อนล้า ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร..รอฝ่าบาทกลับมาก่อนกีกว่า ช่วงนี้ก็พยายามตรวจตราให้เข้มงวดก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะกางอาณาเขตไว้เอง แล้วก็ให้พวกทหารเฝ้าระวังด้วย


    เจ้าค่ะ ท่านหญิง


    เอาล่ะ งั้นเรากลับไปรับดาบเถิดเพคะ..ฝ่า........


    หัวใจจมดิ่งสู่ผืนปฐพีทันใดที่ไร้พระวรกายขององค์เหนือหัวอยู่ข้างกาย ร่างเพรียวสูงแทบทรุดฮวบลงกับพื้นหากไม่ค้ำขอบเก้าอี้เอาไว้ สัญชาตญาณการปกป้องแผ่ขยายกว้างจับสัญญาณขององค์รัชทายาทแห่งห้วงนิศากาลทันที


    .แย่แล้ว....


    เกิดอะไรขึ้นรึเข้าคะ?? ท่านหญิง?


    จัดเตรียมทหารให้พร้อม!! คัดเฉพาะพวกที่พอจะไปลุยที่หุบเขาได้!!”เอ่ยดสียงดังลั่น มือเรียวบางกระชับดาบสีขาวพิสุทธิ์ที่ห้อยอยู่ข้างเอว ก่อนจะก้าวเดินจากไปและหยดชะงักเมื่อหญิงสาวเอ่ยตะโกนถามมา


    เมื่อครู่ท่านบอกว่าจะรอให้ฝ่าพระบาทกลับมานี่เจ้าคะ!?


    ข้าคิดแบบนั้น แต่ว่าตอนนี้...เอ่ยเสียงแห้งผาก


    ฝ่าบาทยูตรงไปที่หุบเขาเงาจันทราแล้ว!!”

     

     

    ..................

    ............

    ....



    หุบเขาเงาจันทรา...


    พระเนตรสีเงินใสของเทพจันทราผุ้เฝ้าดูเหตุการณ์จากในพระตำหนักร้อนรนขึ้นมาทันใด หุบเขานั่นแม่แต่ทวยเทพยังเป็นที่ต้องห้าม ไม่ใช่ใครจะอยากเข้าไปหากไร้เหตุจำเป็น


    แต่หากคนผู้นั้นเป็นอะไรไปล่ะ..หากราตรีได้รับบาดเจ็บล่ะ...


    ความเป็นห่วงถาโถม คำสาบานที่ว่าจะไม่ไปโลกมนุษย์อีกแล้วมันค้ำคอไว้.. กระนั้นก็ยังอยากลงไปหา อยากจะลงไปช่วย


    แค่ครั้งเดียว..ครั้งเดียวเท่านั้น..


    ..โปรดอภัยให้ข้าด้วย..


    ตระบัดสัตย์เป็นคราที่สอง แล้วจึงย่างกรายออกจากตำหนักจันทราอย่างเร่งรีบ วิ่งตรงไปสู่จันทราทวารซึ่งจักพาสู่นคราของชนเผ่าแห่งราตรี...


    ..หุบเขาเงาจันทรา..สินะ..


    พึมพำในใจ แล้วจึงวิ่งตรงไปอย่างไม่รีรอ....






     

     

     

    หุบเขาเงาจันทรา...


    ที่ซึ่งเต็มไปด้วยภยันตราย


    ที่ซึ่งมืดมิดนักในยามทิวาครอบครอง


    แต่กระนั้น...


     

    ..


    ...

     


    ...

    ..แสงจันทรานวลลออ..


    ..กลับสาดส่องแทรกผ่านใบไม้หนาเข้ามาได้ในยามราตรี
    ..


    ++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×