ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Dream In The Blood Moon Night
...นานเท่าไหร่นะ...
...ในห้วงแห่งความมืดนี้...
...ตั้งแต่วันที่ผมก่อความผิดนั่น...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...ในห้วงความมืดอันแสนว่างเปล่านี้...
...แสงสว่างทีสอดส่องผ่านลูกกรงเหล็กสีนิลลงมามีเพียงแสงจันทร์...
...จากดวงจันทร์สีทองกลมโต...
...แสงนวลที่ทำให้ใจรื่นรมย์...
...แต่แล้วในค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์...
...จันทราก็แปรผัน...
...จากเดือนเพ็ญเป็นจันทร์เสี้ยว...
...แสงสีทองแปรเป็นแดงฉาน...
...ดังโลหิตไหลชโลมแผ่นดิน...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...ในค่ำคืนเช่นนั้นไม่เคยมีแสงใดปลอบโยน...
...มีก็เพียงแสงสีแดงที่ย้ำเตือนถึงความผิด...
...ความผิดที่มิได้ปรารถนาจะก่อขึ้น...
...แต่ภาพที่ติดอยู่ในห้วงความคิดยังคงวนเวียนให้ปวดร้าว...
...น้ำตาไหลรินจากดวงตาจนบอบช้ำ...
...เสียงกรีดร้องร่ำไห้ที่ไร้ผู้ใดรับฟัง...
...นอกจากจันทร์เสี้ยวสีแดงบนผืนราตรี...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...หัวใจที่บอบช้ำขึ้นทุกครา...
...จันทร์เสี้ยวโลหิตที่ปรากฏขึ้นบ่อยครั้งเต็มทีในห้วงความมืดอันเป็นนิรันดร์....
...กระทั่งเกือบจะลืมตัวตนของตัวเอง...
....กระทั่งอยากจะสิ้นสุดลมหายใจลงเสียตรงนี้...
...เพียงให้หนีไปได้...หนีจากสิ่งนี้...
...จากจันทร์เสี้ยวโลหิตนั้น...
...ที่รังแต่จะมอบความปวดร้าวทรมานให้...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...แต่เหนือสิ่งอื่นใด...
...ยิ่งกว่าห้วงความมืดอันหนาวเหน็บ...
...ยิ่งกว่าจันทร์เสี้ยวโลหิตบนฟากฟ้า...
...ความเหงาหงอยอันแสนโดดเดี่ยวนั้นกัดกินหัวใจเสียยิ่งกว่าความทุกข์ใด...
...ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ...
..ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว...
...จะแม้แต่โซ่ตรวนล่องหนบนร่างกายก็ยังไร้เสียงกระทบ.....
...พระเจ้า...
...แม้รู้ดี..พระองค์รังเกียจ..
...แต่ได้โปรด มอบให้ได้หรือไม่...
...อะไรก็ได้...
...ที่จะทำให้หนีจากความอ้างว้างนี้ไปได้...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...แล้ววันหนึ่งในค่ำคืนที่จันทร์เสี้ยวโลหิตปรากฏบนฟากฟ้า...
...ปีกสีขาวก็ร่วงหล่นผ่านลูกกรงเหล็กลงมา...
...พร้อมกับเมฆหมอกสีขาวขุ่นประหลาด...
...แล้วใครคนหนึ่งก็ปรากฏตัว...
...ใครบางคนที่มีเรือนผมและดวงตาดั่งราตรี...
...ตัดกับปีกสีขาวพิสุทธิ์บนแผ่นหลัง...
...ใครคนนั้นขับไล่ความทรงจำอันปวดร้าวไป...
...ใครคนนั้นเรียกเอารอยยิ้มที่จางหายไปกลับคืนมา...
...ใครคนนั้นมอบความอบอุ่นที่เรียกว่าความสุขให้อย่างมากมาย...
...แต่ทว่า...
...เมื่อจันทร์เสี้ยวโลหิตหายไปจากราตรี...
...ใครคนนั้นก็หายไป...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...นับจากนั้นใจจึงเฝ้ารอราตรีที่จันทร์เสี้ยวโลหิตปรากฏ...
...ในค่ำคืนอันเวิ้งวางและเงียบเหงา...
...ใครคนนั้นจะปรากฏตัวพร้อมขนปีกสีขาวและหมอกขุ่น..
...มอบความอบอุ่นให้...
...มอบรอยยิ้มให้...แม้นั่นจะมีให้เห็นเพียงบางครา...
...มอบอะไรบางอย่างที่เรียกว่าความสุข...
...แม้บางคราอาจสร้างความทรมานให้...
...แต่ก็ช่างเป็นความทรมานอันหอมหวาน...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...ตั้งแต่นั้น...ยามใดที่จันทร์เพ็ญสีทองอร่ามบนฟากฟ้าใจกลับว้าวุ่น...
...ปรารถนาจะพบพานกับใครคนนั้น...
...ที่ปรากฏพร้อมจันทร์เสี้ยวโลหิต...
...บางคราที่ปรารถนาในรสสัมผัสนั้น...
...รสสัมผัสอันแปลกประหลาดชวนวาบหวาม...
...แต่กระนั้นหัวใจก็เบิกบานเกินกว่าจะประมวลผล...
...เกินกว่าจะฉุกคิดถึงรสสัมผัสนั้น...ว่าคเป็นสิ่งใด...
...เกินกว่าจะตริตรองอะไรบางอย่าง...
+++++++++++++++++++++++++++++++
...แต่แล้ววันหนึ่งก็คิดได้...
...ว่านั่นคงเป็นเพียงความฝัน...
...ปีกสีขาวที่โปรยปรายลงมาไม่เคยเหลือทิ้งไว้...
...ไม่มีหลักฐานใดบอกว่าเป็นความจริง...
...นอกจากสัมผัสที่ได้รับ...
...แต่นั้นเป็นหลักฐานที่อ่อนเหลือเกิน ...
...ในเมื่อไม่เคยเหลือร่องรอยการกระทำใดบนกาย...
...น้ำตาไหลรินจากดวงตากลมโต...
...ใครคนนั้นเป็นเพียงความฝัน...
...ความฝันที่สร้างขึ้นในค่ำคืนอันเงียบงันแล้วอ้างว้าง...
...เป็นเพียงตัวตนทีถูกสร้างขึ้น...
...เพื่อหนีจากความจริงอันโหดร้าย...
...แต่เมื่อรู้เช่นนั้นแล้ว...
...สิ่งใดละที่ควรกระทำ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
...จากนั้นแม้จันทร์เสี้ยวโลหิตปรากฏ...
...ใครคนนั้นก็ไม่มา...
...น้ำตาจึงไหลริน...
...ภาพที่แสนทรมานจึงไหลวนกลับมาอีกครั้ง...
...ทรมานจนทำร้ายตัวเอง...
...ทรมานจนทั่วทั้งรร่างมีโลหิตชโลมกาย...
...ที่เกิดเพราะบาดแผลมากมายที่ตนก่อขึ้น...
...กระทั่งเรือนผมสีขาวสะอาดเต็มไปด้วยคราบเลือด...
...กระทั่งอาภรณ์สีขาวที่ตัดกับปีกสีนิลนั้นถูกย้อมเป็นสีเลือด...
...กระทั่งทรมานจนหลับไหลไป...
+++++++++++++++++++++++++++++++
...เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง...
...เรือนผมสีขาวยังคงเต็มไปด้วยคราบเลือด...
...อาภรณ์ยังคงเป็นสีแดง...
...แต่แล้วเมื่อจันทร์โลหิตปรากฏอีกครา...
...กลับสัมผัสถึงความอบอุ่นบางอย่าง...
....ความอบอุ่นที่เคยสัมผัส และคิดว่าเป็นเพียงความฝัน...
...ขนปีกสีขาวและเมฆหมอก...
+++++++++++++++++++++++++++++
...จากนั้นมา...
...ทุกค่ำคืนที่จันทร์โลหิตปรากฏ...
...ใครคนนั้นก็จะปรากฏพร้อมกัน...
...ครั้งนี้จะไม่สงสัยอะไรแล้ว...
...เพราะแม้นเป็นเพียงฝัน ...
...แต่ก็เป็นหนทางเพียงหนึ่งที่จะบรรเทาความทรมาน..
....ถ้าเช่นนั้น...
...จะขอปิดตาลงซักข้างหนึ่ง...
...แล้วมีความสุขกับฝันอันงดงามนี้ต่อไป...
+++++++++++++++++++++++++++++++++
.......................................................
.................................
..................
...ผมปรารถนาจะหลุดออกจากที่นี่...
...ผมปรารถนาจะโบยบินด้วยปีกสีดำนิลกาฬของตน....
...ความปรารถนาเล็กน้อยนี้..จะสมหวังไหมนะ...
............
.........................
.............................................
--คำรำพึงของเทวทูตสีดำ--
++++++++++++++++++++++++++++
อ่านมึนๆหน่อยนะคะ เอามาจากวอทอัพในมายไอดี^^"
พอแต่งแล้วลองอ่านแล้วมันก็...เอ...ดูแล้วจิ้นเป็นดะเลนพอไหว=="
...ในห้วงแห่งความมืดนี้...
...ตั้งแต่วันที่ผมก่อความผิดนั่น...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...ในห้วงความมืดอันแสนว่างเปล่านี้...
...แสงสว่างทีสอดส่องผ่านลูกกรงเหล็กสีนิลลงมามีเพียงแสงจันทร์...
...จากดวงจันทร์สีทองกลมโต...
...แสงนวลที่ทำให้ใจรื่นรมย์...
...แต่แล้วในค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์...
...จันทราก็แปรผัน...
...จากเดือนเพ็ญเป็นจันทร์เสี้ยว...
...แสงสีทองแปรเป็นแดงฉาน...
...ดังโลหิตไหลชโลมแผ่นดิน...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...ในค่ำคืนเช่นนั้นไม่เคยมีแสงใดปลอบโยน...
...มีก็เพียงแสงสีแดงที่ย้ำเตือนถึงความผิด...
...ความผิดที่มิได้ปรารถนาจะก่อขึ้น...
...แต่ภาพที่ติดอยู่ในห้วงความคิดยังคงวนเวียนให้ปวดร้าว...
...น้ำตาไหลรินจากดวงตาจนบอบช้ำ...
...เสียงกรีดร้องร่ำไห้ที่ไร้ผู้ใดรับฟัง...
...นอกจากจันทร์เสี้ยวสีแดงบนผืนราตรี...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...หัวใจที่บอบช้ำขึ้นทุกครา...
...จันทร์เสี้ยวโลหิตที่ปรากฏขึ้นบ่อยครั้งเต็มทีในห้วงความมืดอันเป็นนิรันดร์....
...กระทั่งเกือบจะลืมตัวตนของตัวเอง...
....กระทั่งอยากจะสิ้นสุดลมหายใจลงเสียตรงนี้...
...เพียงให้หนีไปได้...หนีจากสิ่งนี้...
...จากจันทร์เสี้ยวโลหิตนั้น...
...ที่รังแต่จะมอบความปวดร้าวทรมานให้...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...แต่เหนือสิ่งอื่นใด...
...ยิ่งกว่าห้วงความมืดอันหนาวเหน็บ...
...ยิ่งกว่าจันทร์เสี้ยวโลหิตบนฟากฟ้า...
...ความเหงาหงอยอันแสนโดดเดี่ยวนั้นกัดกินหัวใจเสียยิ่งกว่าความทุกข์ใด...
...ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ...
..ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว...
...จะแม้แต่โซ่ตรวนล่องหนบนร่างกายก็ยังไร้เสียงกระทบ.....
...พระเจ้า...
...แม้รู้ดี..พระองค์รังเกียจ..
...แต่ได้โปรด มอบให้ได้หรือไม่...
...อะไรก็ได้...
...ที่จะทำให้หนีจากความอ้างว้างนี้ไปได้...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...แล้ววันหนึ่งในค่ำคืนที่จันทร์เสี้ยวโลหิตปรากฏบนฟากฟ้า...
...ปีกสีขาวก็ร่วงหล่นผ่านลูกกรงเหล็กลงมา...
...พร้อมกับเมฆหมอกสีขาวขุ่นประหลาด...
...แล้วใครคนหนึ่งก็ปรากฏตัว...
...ใครบางคนที่มีเรือนผมและดวงตาดั่งราตรี...
...ตัดกับปีกสีขาวพิสุทธิ์บนแผ่นหลัง...
...ใครคนนั้นขับไล่ความทรงจำอันปวดร้าวไป...
...ใครคนนั้นเรียกเอารอยยิ้มที่จางหายไปกลับคืนมา...
...ใครคนนั้นมอบความอบอุ่นที่เรียกว่าความสุขให้อย่างมากมาย...
...แต่ทว่า...
...เมื่อจันทร์เสี้ยวโลหิตหายไปจากราตรี...
...ใครคนนั้นก็หายไป...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...นับจากนั้นใจจึงเฝ้ารอราตรีที่จันทร์เสี้ยวโลหิตปรากฏ...
...ในค่ำคืนอันเวิ้งวางและเงียบเหงา...
...ใครคนนั้นจะปรากฏตัวพร้อมขนปีกสีขาวและหมอกขุ่น..
...มอบความอบอุ่นให้...
...มอบรอยยิ้มให้...แม้นั่นจะมีให้เห็นเพียงบางครา...
...มอบอะไรบางอย่างที่เรียกว่าความสุข...
...แม้บางคราอาจสร้างความทรมานให้...
...แต่ก็ช่างเป็นความทรมานอันหอมหวาน...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...ตั้งแต่นั้น...ยามใดที่จันทร์เพ็ญสีทองอร่ามบนฟากฟ้าใจกลับว้าวุ่น...
...ปรารถนาจะพบพานกับใครคนนั้น...
...ที่ปรากฏพร้อมจันทร์เสี้ยวโลหิต...
...บางคราที่ปรารถนาในรสสัมผัสนั้น...
...รสสัมผัสอันแปลกประหลาดชวนวาบหวาม...
...แต่กระนั้นหัวใจก็เบิกบานเกินกว่าจะประมวลผล...
...เกินกว่าจะฉุกคิดถึงรสสัมผัสนั้น...ว่าคเป็นสิ่งใด...
...เกินกว่าจะตริตรองอะไรบางอย่าง...
+++++++++++++++++++++++++++++++
...แต่แล้ววันหนึ่งก็คิดได้...
...ว่านั่นคงเป็นเพียงความฝัน...
...ปีกสีขาวที่โปรยปรายลงมาไม่เคยเหลือทิ้งไว้...
...ไม่มีหลักฐานใดบอกว่าเป็นความจริง...
...นอกจากสัมผัสที่ได้รับ...
...แต่นั้นเป็นหลักฐานที่อ่อนเหลือเกิน ...
...ในเมื่อไม่เคยเหลือร่องรอยการกระทำใดบนกาย...
...น้ำตาไหลรินจากดวงตากลมโต...
...ใครคนนั้นเป็นเพียงความฝัน...
...ความฝันที่สร้างขึ้นในค่ำคืนอันเงียบงันแล้วอ้างว้าง...
...เป็นเพียงตัวตนทีถูกสร้างขึ้น...
...เพื่อหนีจากความจริงอันโหดร้าย...
...แต่เมื่อรู้เช่นนั้นแล้ว...
...สิ่งใดละที่ควรกระทำ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
...จากนั้นแม้จันทร์เสี้ยวโลหิตปรากฏ...
...ใครคนนั้นก็ไม่มา...
...น้ำตาจึงไหลริน...
...ภาพที่แสนทรมานจึงไหลวนกลับมาอีกครั้ง...
...ทรมานจนทำร้ายตัวเอง...
...ทรมานจนทั่วทั้งรร่างมีโลหิตชโลมกาย...
...ที่เกิดเพราะบาดแผลมากมายที่ตนก่อขึ้น...
...กระทั่งเรือนผมสีขาวสะอาดเต็มไปด้วยคราบเลือด...
...กระทั่งอาภรณ์สีขาวที่ตัดกับปีกสีนิลนั้นถูกย้อมเป็นสีเลือด...
...กระทั่งทรมานจนหลับไหลไป...
+++++++++++++++++++++++++++++++
...เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง...
...เรือนผมสีขาวยังคงเต็มไปด้วยคราบเลือด...
...อาภรณ์ยังคงเป็นสีแดง...
...แต่แล้วเมื่อจันทร์โลหิตปรากฏอีกครา...
...กลับสัมผัสถึงความอบอุ่นบางอย่าง...
....ความอบอุ่นที่เคยสัมผัส และคิดว่าเป็นเพียงความฝัน...
...ขนปีกสีขาวและเมฆหมอก...
+++++++++++++++++++++++++++++
...จากนั้นมา...
...ทุกค่ำคืนที่จันทร์โลหิตปรากฏ...
...ใครคนนั้นก็จะปรากฏพร้อมกัน...
...ครั้งนี้จะไม่สงสัยอะไรแล้ว...
...เพราะแม้นเป็นเพียงฝัน ...
...แต่ก็เป็นหนทางเพียงหนึ่งที่จะบรรเทาความทรมาน..
....ถ้าเช่นนั้น...
...จะขอปิดตาลงซักข้างหนึ่ง...
...แล้วมีความสุขกับฝันอันงดงามนี้ต่อไป...
+++++++++++++++++++++++++++++++++
.......................................................
.................................
..................
...ผมปรารถนาจะหลุดออกจากที่นี่...
...ผมปรารถนาจะโบยบินด้วยปีกสีดำนิลกาฬของตน....
...ความปรารถนาเล็กน้อยนี้..จะสมหวังไหมนะ...
............
.........................
.............................................
--คำรำพึงของเทวทูตสีดำ--
++++++++++++++++++++++++++++
อ่านมึนๆหน่อยนะคะ เอามาจากวอทอัพในมายไอดี^^"
พอแต่งแล้วลองอ่านแล้วมันก็...เอ...ดูแล้วจิ้นเป็นดะเลนพอไหว=="
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น