ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hagalaz..ผนึกรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #2 : ผนึกที่ 1 : กลางทะเลทราย

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 54


    ผนึกที่ 1 : กลางทะเลทราย

    สิ่งที่คงเหลือมีเพียงรอยสักอันไร้ที่มา
    อันเป็นเบาะแสหนึ่งเดียวที่เรามี



    ภายใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้าไร้เมฆบดบังนั้น ร่างสองร่างภายใต้ผ้าคลุมหนาสีขาวกำลังย่ำเท้าอย่างต่อเนื่องบนผืนทรายที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์ระยิบระยับเป็นสีทอง รอยเท้าที่ย่ำลงนั้นเหลือรอยทิ้งไว้เป็นทางยาวจนสุดสายตา ก่อนจะหายไปเมื่อลมทะเลทรายพัดโบกให้ฝุ่นทรายกลบร่องรอยนั้นไป ชายร่างสูงที่เดินนำทางอยู่นั้นยกมือขึ้นกันฝุ่นทรายที่อาจจะพัดเข้าตา พร้อมกับมองแผนที่และเข็มทิศทรงกลมแบนไปพลาง แหงนหน้ามองดวงอาทิตย์อันร้อนแรงไปพลาง แล้วถอนหายใจ พร้อมมองออกไปข้างหน้าบนเส้นทางทะเลทรายสุดสายตา

    “.......สามกิโลเมตรพึมพำขึ้นแล้วถอนหายใจยาวพรืด ปาดเหงื่อที่ไหลลงมาตรงคางก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดลงย่าม คงเหลือแต่เพียงเข็มทิศระยะทางที่อยู่ในมือ แล้วจึงก้าวเดินต่อไปโดยไม่เหลียวหลังมองผู้ที่เดินตามมา

    เห็นดังนั้นแล้ว ร่างเพรียวบางที่เดินตามเลยอ้าปากจะเอ่ยเรียกคนที่เดินฉับๆไปข้างหน้าโดยไม่รอกัน แต่แล้วปากที่อ้าจะเอ่ยก็หุบฉับลงด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ แม้จะนึกหงุดหงิดในใจว่าอีกฝ่ายช่างเดินดุ่มไม่ดูคนข้างหลังเอาเสียเลย.. แต่ยังไงซะ เขาเองก็ควรจะชินกับความไม่ใส่ใจอันนั้นได้ซะทีหลังจากที่คบกันมานาน

    ว่าแล้วก็ถอนหายใจยาว ก่อนเร่งฝีเท้าก้าวเดินตามไปเงียบๆอย่างอดทน แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้น เสียงทุ้มหวานก็บ่นออกมา

    ร้อน......เอ่ยพึมพำด้วยความอ่อนแรง มือเรียวบางปาดเหงื่อและเส้นผมสีม่วงอ่อนยาวที่ชื้นเหงื่อจนแนบติดใบหน้าให้พ้นออกไป เผยให้เห็นดวงตากลมหวานสีแดงทับทิมที่กำลังมองตรงไปด้วยแววตาหงุดหงิดรำคาญใจ ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินนำทางนั้นชะงักไปเล็กน้อยแม้ฝีเท้าจะยังสม่ำเสมอหลังได้ยินคำพึมพำนั้น ก่อนจะออกเสียงทุ้มราบเรียบตอบกลับมาโดยไม่หันมอง

    จะทำอะไรได้ล่ะ...อีกอย่าง ฉันฟังเธอพูดคำนั้นมาสามรอบแล้ว

    “..แล้วอิลก็ตอบผมว่า [จะทำอะไรได้ล่ะ] มาสามรอบแล้วเหมือนกันเอ่ยตอบโต้แล้วก็ปาดเหงื่อที่ไหลย้อยมาที่ปลายคางอีกรอบ ที่จริงการที่สูญเสียน้ำในร่างกายไปแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พอเจอความร้อนเข้าร่างกายมันก็ลดความร้อนในตัวด้วยการเหงื่ออกซะเฉยๆ..ควบคุมไม่ได้นี่นะ “...แล้วถ้าไม่พูดกระตุ้นตัวเอง เกิดผมสลบกลางทางขึ้นมาล่ะเหนื่อยอิลแบกผมอีกนะเอ้า

    คิดเหรอว่าฉันจะใจดีแบกไป ฝันเถอะ ทิ้งมันไว้ที่นี่แหละเอ่ยฉะฉานตอกกลับแทบจะในทันที ทำเอาร่างเพรียวบางเบะปากกับคำพูดไม่ชวนฟังทันที

    ใจร้ายชะมัดเลยว่าแต่อิลเถอะ ปกติแต่งอะไรก็ดำๆๆหมดนี่ คราวนี้ไหงสีขาวเชียวล่ะ

    จะให้ฉันใส่ล่อแดดรึไงเจ้าเด็กบ้าคราวนี้อารมณ์ขึ้นจนเอ่ยด้วยเสียงดังแบบชัดถ้อยชัดคำ ร่างสูงหยุดเดิน ใบหน้าคมหันมามองด้วยแววตาสีทองขุ่นซึ่งแสดงออกว่าโมโหปนเหนื่อยหน่าย อันที่จริง..ตามปกติก็คงจะมีกำปั้นลอยมาอยู่บนหัวเขาด้วย แต่ดูท่าทางกลางทะเลทรายนี่ อีกฝ่ายก็คงไม่อยากใช้แรงให้หมดไปเปล่าๆปลี้ๆซักเท่าไหร่ สิ่งที่ตามมาจึงมีแต่เพียงแค่คำบ่นพึมพำไม่ได้ศัพท์จากร่างที่เดินนำไปกับคำพูดแฝงความห่วงใยปนแดกดันที่ดังขึ้นมาอีกประโยคนึง

    “....เงียบเถอะ ยิ่งพูดยิ่งคอแห้ง ไม่มีน้ำจะให้กินแล้วด้วยนะ

    รับทราบครับ..กล่าวด้วยน้ำเสียงแห้งผาก เด็กหนุ่มก้าวเดินตามไปอีกครั้งด้วยสภาพที่แย่ลงทุกที ทุกย่างก้าวทีเท้ายวบลงบนทรายนั้นให้ความรู้สึกเหมือนจะถูกดูดเอาเรี่ยวแรงไป เหงื่อที่ผุดออกมาทุกขณะยิ่งทำให้รู้สึกเหนียวไปทั้งกายจนนึกรำคาญ มือเรียวบางข้างซ้ายที่มีถุงมือเปลือยนิ้วสีดำปาดเหงื่อบนใบหน้าออกพร้อมเกลี่ยเรือนผมยาวสีขาวเหลือบม่วงให้พ้นไปจากใบหน้า ลำคอแห้งผากที่เรียกร้องหาน้ำมาดับกระหายนั้นชวนให้รู้สึกแย่ลงกว่าเดิม ก่อนคิ้วเรียวจะขมวดเป็นปม เมื่อรู้สึกมึนหัวและพบว่าภาพซึ่งปรากฏในดวงตาเริ่มรางเลือนขึ้นทุกที

    ...จะไม่ไหวแล้วสินะเรา...

    อิล....

    เอ่ยเรียกคนที่เดินอยู่ข้างหน้า มือเรียวบีบแขนประคองสติของตนไว้  แต่ก็ไร้เสียงตอบรับกลับมา


    ..เดินไปไกลแค่ไหนแล้วนะ..เห็นแค่แผ่นหลังสีขาวๆ..มองไม่ชัดเลย

    อิล..อิลเวส..

    “..อะไรคราวนี้มีเสียงตอบกลับมา แต่เสียงย่ำทรายยังคงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

    ผม..เปลือกตาบางเริ่มหนักขึ้น ภาพแผ่นหลังซึ่งแต่เดิมเห็นเป็นรางๆเริ่มบิดเบือนจนดูราวกับคลื่นน้ำเข้าทุกที มือเรียวบางยื่นไปข้างหน้าหวังจะกระตุกผ้าคลุมให้อีกฝ่ายรู้ แต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้น

    สติก็ดับวูบไปในทันที

    ตุบ..

    ชายร่างสูงชะงักทันทีที่เสียงฝีเท้าซึ่งเดินตามตนมาตลอดได้เงียบไป  ก่อนจะหันหลังไปมองอย่างกังวล ดวงตาเบิกกว้าง และตะโกนสุดเสียงเมื่อพบว่าร่างของผู้ร่วมทางล้มฟุบไปบนกองทราย

    เนลล่า!!

    สิ้นเสียงตะโกนของตัวเองชายหนุ่มก็วิ่งไปที่ร่างของเด็กหนุ่มร่างบางทันที สายลมพัดวูบส่งผลให้ผ้าคลุมส่วนหัวเปิดออกเผยเส้นผมสีน้ำเงินที่ส่วนหนึ่งยาวเป็นปอยเคลียไหล่ออกมา ดวงตาสีทองมองร่างที่ล้มลงไปด้วยความห่วงใยปนกังวล ก่อนจะสอดแขนเข้าที่ท้ายทอยแล้วประคองร่างเพรียวบางของเด็กหนุ่มขึ้นมา นัยน์ตาเรียวมองใบหน้าซีดที่หอบหายใจอย่างสม่ำเสมอของร่างเพรียว  แล้วจึงใช้มืออีกข้างที่เหลือเกลี่ยเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงที่ปรกใบหน้าออกให้เจ้าตัวรู้สึกสบาย ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าย่ามแล้วหยิบกระบอกน้ำออกมา ก่อนจะเทมันลงบนผ้าสะอาดแล้วแตะลงบนริมฝีปากแห้งผากของร่างที่หมดสติไป

    อิลเวสถอนหายใจ ก่อนจะอุ้มร่างของเนลล่าขึ้น ดวงตามองไปรอบกายที่เต็มไปด้วยทะเลทราย ไร้แม้แต่ก้อนหินที่จะใช้บังเงาลมแดดอันร้อนแรง ริมฝีปากขบเม้มหงุดหงิด ในขณะที่อ้อมแขนกอดเด็กหนุ่มร่างบางแน่นขึ้นตามสภาพอารมณ์

    ..หมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดจากตรงนี้คือสามกิโลเมตร ไม่ใช่เรื่องยากหรอกถ้าจะเดินไปให้ถึง แต่ยากที่จะแบกใครซักคนแล้วเดินไปด้วยในระยะทางขนาดนั้นใต้แดดแรงๆนี่

    ..ต่อให้เป็นปิศาจที่ตายไม่ได้ก็เดี้ยงเอาเหมือนกัน

    ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง เสียงบางอย่างก็ดังใกล้เข้ามา

    ฝุ่นคลุ้งขึ้นเป็นม่านสีเหลืองทองจนมองภาพที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้ แต่ภายใต้ม่านทรายที่ว่า ก็ปรากฏเงาสีดำๆของวัตถุบางอย่างที่เริ่มใกล้เข้ามา กระทั่งเขาสามารถมองเห็นได้ว่ามันคืออะไร

    สิ่งที่เคลื่อนมาอย่างเชื่องช้าคือเกวียนเทียมอูฐเล่มหนึ่งที่ตรงเข้ามา และหยุดลงเมื่อมาถึงจุดที่พวกเขายืนอยู่ ขณะนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ลงมาจากเกวียน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยท่าทีห่วงใย

    น้องชาย..เป็นอะไรมากรึเปล่า?”

    -------------------

    .......................

    .........

    ............


    ..ภาพที่ไหลเข้ามาในคลองจักษุนั้นคือเพดานผ้าสีขาวที่มีแสงสว่างกระทบอยู่รำไร เด็กหนุ่มร่างบางกระพริบตาอยู่สองสามครั้ง แล้วลุกพรวดขึ้นมาในคราวเดียวจนผ้าเปียกที่แนบบนหน้าผากหล่นลงมา ก่อนที่จะฟุบหน้าลงแนบกับมือเมื่ออาการหน้ามืดเล่นงานเข้าอย่างจัง เนลล่าครางเบาๆกับอาการมึนหัว ก่อนจะส่ายหัวไปมาแรงแล้วมองรอบข้างให้เต็มตาที่นี่มัน....

    เกวียนของกองคาราวานที่ผ่านมาแถวนี้คำตอบดังมาจากอีกฟากของเกวียนแคบๆที่กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วระดับปานกลาง เด็กหนุ่มผมขาวมองไปยังร่างของเพื่อนร่วมทางที่กำลังก้มดูแผนที่อยู่ ..ชายร่างสูงเจ้าของดวงตาสีทองและเรือนผมสีน้ำเงินยาวซึ่งเป็นปอยเคลียอยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้างของเจ้าตัว ผิวที่ออกขาวขับใบหน้าเรียวคมให้ยิ่งมีเสน่ห์จับตา อาภรณ์ที่สวมใส่ยามนี้คือเสื้อคอเต่าแขนยาวสีขาวกับกางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อน และรองเท้าหนังสีเดียวกัน

    "....อา.."เด็กหนุ่มที่ยังมึนหัวอยู่นวดขมับตัวเอง ก่อนจะลองทบทวนความทรงจำที่ขาดช่วงไป

    ..จริงสิ เราสลบไปนี่นะ

    อืม...โอ๊ย!ร้องเสียงหลงเมื่อมือหนาสองข้างขยี้ศีรษะที่ปกคลุมเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงของตนเองอย่างไม่ทันตั้งตัว มือสองข้างของเด็กหนุ่มรีบยึดจับแขนของอีกฝ่ายพร้อมเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งใส่ผู้ประทุษร้ายทันที  ก่อนจะร้องโวยวายใส่โดยไม่ต้องมีการีรอ เจ็บนะอิล!! หัวยุ่งหมดแล้ว!

    สมน้ำหน้า! อยากทำให้เป็นห่วงนักนี่!!

    แล้วใครเขาอยากเป็นลมกลางทะเลทรายเล่า ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย!ตะโกนโวยวายในขณะที่มือดันร่างของอีกฝ่ายออก ก่อนมือหนาจะละไปเองในสภาพที่พอใจกับหัวยุ่งๆของเด็กหนุ่มร่างบาง  อิลเวสถอนหายใจเฮือก แล้ววางมือลงบนศีรษะบางอีกครั้ง ..ครั้งนี้ลูบเบาๆพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงกว่าเดิม

    “..เป็นไงบ้าง

    “...ดีขึ้นแล้วฮะแหงนมองชายหนุ่มหน่อยๆ ก่อนจะก้มลงมองพื้น ปล่อยให้มือใหญ่ลูบหัวตัวเองต่อไป

    “...คราวนี้โชคดีที่มีคาราวานผ่านมา ครั้งหน้าอาจไม่มีแล้วนะ ดูแลตัวเองหน่อย

    ครับ....ตอบรับพยักหน้าเบาๆ อยากถามใจจะขาดว่าจะดูแลตัวเองยังไงให้ไม่เป็นลมกลางทะเลทราย แต่ก็รู้ดี...ว่าที่ประทุษร้ายแรงๆแบบนั้น..ที่พูดออกมาแบบนี้ก็เพราะห่วงใย..บางทีเขาอาจผิดเองที่ดูแลตัวเองไม่เต็มที่จนเป็นลมไปกลางทะเลทราย..

    ..อีกอย่างคนที่รบเร้าจะมาเองทั้งที่รู้ว่าต้องเป็นแบบนี้..มันก็เขานี่นา..

    เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากอิลเวส ก่อนมือหนาจะละไปจากหัวของเขา แล้วนั่งลงข้างๆกายพร้อมหยิบแผนที่ขึ้นมามองอีกครา ดวงตาสีทับทิมกลมโตจึงมองไปรอบๆอีกครั้ง สำรวจพื้นที่เล็กๆบนเกวียนกลางอากาศร้อนระอุในทะเลทราย

    ..ดูเหมือนรอบๆตัวเขาจะเต็มไปด้วยกองสัมภาระและถุงสินค้าที่คาราวานขนมาขายตามหมู่บ้านต่างๆที่ผ่านทาง เกวียนเลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่มากเท่าไหร่นักด้วยใช้สัตว์ที่วิ่งไม่เร็ว แต่อย่างไรเสีย สัตว์ที่เทียมเกวียนเล่มนี้มาก็ดูจะวิ่งในอัตราที่เร็วกว่าอูฐ และสามารถทนต่อการอดน้ำได้เช่นเดียวกัน อีกอย่าง ถ้าจะเดินทางในทะเลทรายล่ะก็ หวังเรื่องความเร็วไม่ได้มาตั้งแต่แรกแล้ว

    “.........ว่าแต่อิลเวสพึมพำ เรียกความสนใจของเนลล่าให้กลับไปที่ชายร่างสูง มือหนาพับแผนที่เก็บเข้าย่ามสีเนื้อ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแดกดัน น่าสมเพชนะ เป็นผู้ชายซะเปล่า ดันสลบกลางทะเลทราย ..อ่อนแอจริงๆ

    “...อิล ตะกี้ยังเป็นห่วงผมอยู่เลยนี่เนลล่าเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ค่อยๆหันไปทางผู้ร่วมทาง ก่อนจะหรี่ตามองบุคคลที่ปรับอารมณ์ได้ที่เร็วปานปิศาจด้วยสายตาไม่พอใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็มีแค่เสียงหัวเราะเบาๆ

    ก็เพราะห่วงนี่แหละถึงพูดขึ้นมา ก็ถ้ายังอ่อนแอแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะมีสาวมาสนน่ะฮึ? ที่ผ่านมามีแต่ผู้ช....

    หยุด! หยุด! ทำไมแค่เรื่องสลบเหมือดกลางทะเลมันโยงไปเรื่องนั้นล่ะครับ!เนลล่ากระโดดไปนั่งตรงหน้าแล้วใช้มือเรียวสองข้างรีบปิดปากคนพูดทันที แม้ไม่มีใครมารับรู้เรื่องชวนอนาถของตน แต่แค่ได้ยินผ่านปากเขาก็ยังขนลุกไม่หาย.. เนลล่ามองซ้ายมองขวา ก่อนจะเอ่ยตอกคืนบ้างอย่างมีน้ำโห "ทีตัวเองล่ะโสดสนิทมาตลอดไม่ใช่เหรอ..."

    "...นั่นสิ เพราะดูแลเด็กที่ไหนไม่รู้มาตลอดนี่นา"

    ..ความผิดผมงั้นสิ
     
    ฮะ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆ!!

    เสียงหัวเราะดังร่ามาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของเกวียน อิลเวสกับเนลล่าสะดุ้งเฮือกแล้วหันมองหาต้นเสียงทันที ก่อนจะทันมองเห็นกองผ้าขยับ และเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังนอนอยู่ใต้กองผ้าที่ว่ายันตัวขึ้นมา พร้อมเกาหัวแกรกๆแก้เก้อที่ส่งเสียงออกไป

    "โทษทีที่เสียมารยาท พอดีว่าเห็นพวกนายทะเลาะกันเรื่องแปลกๆเลยเผลอหัวเราะน่ะ.."เอ่ยพลางหัวเราะต่อไปโดยไม่สนว่าต้นเหตุอาจจะลุกมาฟาดหัวใส่เข้าซักที อิลเวสขมวดคิ้วไม่ชอบใจก่อนจะกอดอกแล้วนั่งนิ่งโดยไม่พูดอะไร ส่วนเนลล่าก็นั่งเฉยๆมองชายร่างผอมเก้งก้างที่จู่ๆก็โผล่พรวดออกมา ..แล้วเอ่ยถามออกไปด้วยท่าทีงุนงง พร้อมชี้ไปที่กองผ้าที่สุมกันเป็นกองอย่างเละเทะที่ด้านหลังเจ้าตัว "ขอโทษนะครับ..แต่..ทำไมถึงไปอยู่ในกองผ้านั่นล่ะครับ"

    "หืม..."ย่นคิ้วเข้าหากันแล้วกอดอก ดึงเสื้อแขนสั้นสีขาวคอกลมที่สวมอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง พร้อมกับมัดผมสีรัตติกาลยุ่งเหยิงให้เข้าที่ ดวงตาสีเทาฉายแววสนุกสนาน ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามด้วยท่าทีสบายๆ "ฉันเป็นคนเฝ้าเกวียนน่ะ แต่พอดีนอนๆไปแล้วกองผ้ามันถล่มใส่หัวนะ เกือบขาดอากาศหายใจแล้วนะเนี่ย ถ้าไม่ได้ยินเสียงพวกนายล่ะก็.. เอ้อ..แล้วพวกนายขึ้นเกวียนมาได้ยังไงล่ะ"

    "..เรื่องนั้น...."

    "ไม่ใช่เรื่องที่นายจำเป็นจะต้องรู้"เสียงทุ้มนุ่มดังออกมาจากปากของอิลเวสในขณะที่เนลล่ายังไม่ได้ตอบอะไร.. ยังผลให้ใบหน้ายิ้มแย้มสบายๆของชายเจ้าของผมสีดำดูลดดีกรีลงจนกลายเป็นชืดไป เด็กหนุ่มลอบกลืนน้ำลายกับอารมณ์อันเอาแน่เอานอนไม่ได้ของผู้ร่วมทาง..มองดวงตาสีทองที่ดูคล้ายไม่สบอารมณ์.. ไอ้เขาจะช่วยพูดให้ก็ไม่ได้ซะด้วย เพิ่งตื่นเอง ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย

    แต่บรรยากาศกดดันนั้นคงอยู่เพียงชั่วครู่ อีกฝ่ายก็ทำลายมันลงอย่างรวดเร็ว

    "...ช่างเถอะ ลุงไกร์คงเก็บของตามทางอีกตามเคย ..ฉันไม่ถามแล้วก็ได้..คุณชายปากหนัก"ว่าแล้วก็เหล่มองอิลเวสด้วยสายตาปนสนุกสนาน รู้สึกเป็นสุขกับคิ้วที่ขมวดมุ่นของชายที่ยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างง่ายๆเมื่อครู่ ชายหนุ่มกลอกดวงตาสีเทาไปมา  แล้วจึงมองเลยไปยังเด็กหนุ่มร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆกัน แล้วเบิกตาเล็กๆอย่างตกใจ

    ..ผู้ชาย?

    ถึงจะไม่เหมือนผู้หญิงซะทีเดียว แต่เขาก็ยอมรับว่าถ้ามองแค่แวบแรกล่ะก็ เขาจะพูดออกมาเลยว่าคนตรงหน้าเป็นผู้หญิงที่สวมชุดผู้ชาย ..รูปร่างของเด็กหนุ่มที่วัยน่าจะราวๆสิบห้าสิบหกคนนี้บางเกินไปสำหรับบุรุษเพศ..ถึงแม้ว่าส่วนสูงจะช่วยให้รูปร่างดูสมส่วนขึ้นบ้างก็ตามที นอกจากนี้ ผิวของเด็กหนุ่มก็ขาวเกินกว่าจะอยู่ในทะเลทราย

    ..คงจะมาจากนครอื่น

    มือของเด็กหนุ่มนั้นเรียวบาง และสวมถุงมือนิ้วเปลือยไว้เพียงข้างเดียวคือมือซ้าย ดวงตากลมโตสีทับทิมคู่นั้นออกหวานน่ามอง เรือนผมสีขาวเหลือบม่วงยาวเกินไหล่มานิดหน่อย และส่วนหน้ายาวปรกลงมาจนชวนให้คนมองรำคาญตาแทน ดูเหมือนชุดที่เด็กหนุ่มใส่จะเป็นของนครอื่นเพราะเขาไม่คุ้นเคย..เสื้อสีขาวแขนกุดกับปลอกแขนยาวที่ทำให้เปิดผิวบริเวณหัวไหล่ และสวมกางเกงสีเดียวกันทรงกระบอกธรรมดา

    ..น่าแปลกที่ทนเดินทางกลางทะเลทรายได้ ทั้งที่ดูรูปร่างบอบบางขนาดนั้น แล้วยังชุดชวนร้อนตับแตกนั่นอีก

    เอ้อ จริงสิ...คุยกันตั้งนานยังไม่รู้ชื่อเลย ผมชื่อเนลล่าครับ เนลล่า เลเซเบล ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนทางนี้....ผายมือไปทางชายหนุ่มที่เนลล่าประเมินแล้วว่าคงเข้าโหมดเงียบตลอดทาง เพราะไม่ถูกใจชายผู้เจิดจ้าคนที่อยู่ในเกวียนอีกคน คิดแล้วแล้วจึงเอ่ยแนะนำชื่อให้ชายหนุ่มร่างผอมได้รู้จักกัน เขาชื่ออิลเวส ครับ  อิลเวส ลินสแตรงก์ เป็นเพื่อนร่วมทางของผมเอง

    “..โอเค ยินดีที่ได้รู้จักนะ เนลล่า ฉันชื่อเดรย์ เดรย์ ซอร์เซ่..หลานผู้คุมขบวนยื่นมือออกไปทักทายแล้วยิ้มแฉ่ง เนลล่ายิ้มตามความสดใสนั้น ก่อนจะยื่นมือขวาออกไปสัมผัส

    ครับ เดรย์..ว่าแต่ อีกนานไหมครับกว่าจะถึง

    “...อืม...ไม่นานหรอก ถึงจะเคลื่อนตัวช้าแต่คงอีกไม่เท่าไหร่ ว่าแต่...หยุดไปซักครู่ ชี้ไปที่ถุงมือข้างซ้ายของเนลล่า ทำไมนายถึงใส่ถุงมือข้างเดียวล่ะ?”

    อ๋อ แฟชั่นน่ะครับ

    “...........”

    ล้อเล่นครับ ล้อเล่น..พอดีว่ามือข้างนี้มันมีรอยแผลเหวอะหวะน่ะครับ มันไม่ดีต่อสายตาคนมองเท่าไหร่ ก็เลยใส่ถุงมือปิดไว้ยิ้มหวาน ก่อนจะใช้มือขวาลูบที่ถุงมือสีดำเบาๆ ชายหนุ่มร่างผอมมองท่าทีนั้นด้วยแววตาไม่เข้าใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากที่หาวหวอดแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

    “...โอเค ข้อสงสัยหายไปแล้ว งั้น...ฉันหลับต่อล่ะ

    อ้าว.....

    เด็กหนุ่มมองร่างที่คลานกลับไปที่กองผ้าแล้วฟุบลงหลับต่ออย่างงุนงง ..จากที่ดูแล้ว...ท่าทางจะหลับจริงๆซะด้วย เนลล่าเอียงคอมองแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะมองมาทางอิลเวสที่มองไปด้วยความงุนงงไม่แพ้กัน ชายหนุ่มหรี่ดวงตาลง ก่อนจะกอดอกแล้วพึมพำขึ้นกับร่างบางที่นั่งอยู่ข้างกัน

    “....คราวนี้จะคว้าน้ำเหลวอีกไหม?”

    เนลล่าหันมองผู้ถามคำถาม ก่อนจะยิ้มบางๆแล้วเอ่ยตอบกลับไปด้วยดวงตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์

    “.......ไม่รู้สิครับ...แต่ถ้าไม่มาดูให้แน่ใจ มันก็ยังค้างๆคาๆในใจอยู่ดี..แล้วก็จะเสียดายที่ไม่ได้มายิ้มแห้งๆ มองมือซ้ายที่สวมถุงมือดำไว้ ดวงตาหรี่แสงลงด้วยความเศร้าที่ปรากฏขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนที่ประกายทับทิมสีแดงจะกลับมาส่องสว่างเช่นเดิม

    ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมขอออกไปขอบคุณคนที่ช่วยเราหน่อยนะฮะชี้ออกไปที่ด้านหน้าซึ่งหลังม่านไปจะเป็นที่นั่งคนขับ มองใบหน้าคมเชิงขออนุญาต อิลเวสเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำเสียงเรียบเป็นเชิงอนุญาติไป “...ตามใจสิ

    ครับยิ้มหวานตามนิสัยก่อนจะคลานไปด้านหน้าแล้วแหวกผ้าม่านออก ดวงตาสีทับทิมหรี่ลงเมื่อพบกับแสดงแดดจ้าที่ต่างจากภายในเกวียน มือเรียวบางยกขึ้นกันแสงแดดที่แยงตา ก่อนจะหันไปมองตามเสียงทุ้มโทนใจดีที่ดังออกมา

    พ่อหนุ่ม ตื่นแล้วรึ อาการเป็นไงบ้าง?”ยิ้มแฉ่งให้กับเด็กหนุ่มที่โผล่หัวออกมา มือท้วมจับเชือกบังเหียนไว้ในขณะที่หันมองมองเนลล่าที่โผล่หัวมา ก่อนจะเอ่ยชักชวนด้วยท่าทางใจดี ขึ้นมานั่งสิ รับลมบ้างก็ดีนะ เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น ยังมึนๆหัวอยู่ล่ะสิ

    ขอบคุณครับเนลล่าตะกายขึ้นมานั่งอย่างเรียบร้อย ก่อนจะหันไปคุยกับชายวัยกลางคนผู้ใจดี เอ่อ.. คุณไกร์สินะฮะ? ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยพวกผมไว้

    อ้อ..เรื่องนั้นอย่าคิดมากเลย ฉันเห็นใครสลบเหมือดก็จับโยนเข้ารถทุกทีล่ะ แล้วก็ไม่ต้องเรียกคุณหรอก เรียกลุงไกร์ก็ได้นะพ่อหนุ่ม เอ้อ ว่าแต่คิดยังไงถึงมาเดินดุ่มกลางทะเลทรายล่ะฮึ?”ขมวดคิ้ว มองด้วยอารามของผู้ใหญ่ที่สั่งสอนเด็ก ปกติน่ะเค้าต้องติดมากับคาราวานนี่? รู้ไหมถ้าฉันไม่ไปเจอเข้าล่ะก็ พวกเธอได้แห้งตายคาทะเลทรายแน่

    “...ที่จริงมันก็..ความผิดผมเองล่ะครับหัวเราะแห้งๆ ยกมือขึ้นตบลำคอคล้ายสำนึกผิดผมรีบไปหน่อยเลยไม่อยากรอคาราวานที่จะออกจากตัวเมือง..เพราะพวกเขาจะเดินทางวันพรุ่งนี้ผมก็ลากเพื่อนผมออกมาแล้วเดินดุ่มมากันมาเองพร้อมแผนที่เก่าๆที่ได้ฟรีมา…”

    ไกร์ขมวดคิ้วมองหน้าเด็กหนุ่มที่บัดนี้เรือนผมสีขาวเหลือบม่วงยาวถูกลมพัดจนยุ่งเหยิงจนเจ้าตัวต้องเอามือกดเรือนผม ก่อนจะหัวเราะในลำคอแล้วลูบศีรษะเกือบล้านเลี่ยนของตน พร้อมเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นสู้เสียงอู้ของลมบอกไว้ก่อนนะพ่อหนุ่มน้อย ว่าแผนที่เก่าๆน่ะเชื่อใจไม่ค่อยได้หรอก เพราะบางทีหมู่บ้านจะย้ายกันไปตามแหล่งน้ำ บรรดาพ่อค้าถึงต้องเขียนแผนที่ใหม่กันแทบทุกเดือน...บางทีแทบจะสาบสูญด้วยซ้ำ เพราะมีการติดต่อสื่อสารกันลำบาก โชคดีของเธอนะที่ฉันผ่านมาและหมู่บ้านนั้นคงไม่มีทางย้ายไปไหนได้..

    ไม่มีทางย้ายไปไหน?..เพราะอะไรหรือครับ?”เอ่ยสงสัย ดวงตาสีทับทิมมองใบหน้าของชายวัยกลางคนที่มองตรงไปข้างหน้า ไกร์ยิ้มแฉ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น

    “...แหล่งน้ำของหมู่บ้านนั้นน่ะ ได้ชื่อว่าไม่มีวันแห้งเหือดน่ะสิ! ได้ยินว่ามีเทพเจ้าปกปักคุ้มครอง ฉันเองก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอกนะ แต่เรื่องที่ว่าหมู่บ้านนั้นปักหลักมาหลายร้อยปีเพราะแหล่งน้ำที่ไม่เคยเหือดแห้งน่ะ เรื่องจริง...แต่ว่า

    ไกร์ขมวดคิ้ว ถอนหายใจแผ่วก่อนจะเอ่ยต่อได้ยินว่าตอนนี้ น้ำในบ่อแห้งเหือดไปอย่างไร้สาเหตุล่ะนะ

    ............................

    เอ้า ถึงแล้ว

    ชายคุมเกวียนผู้ใจดีเอ่ยเมื่อมาถึงหมู่บ้านที่เป็นจุดหมายปลายทาง มือหนาอวบสองข้างกระชากสายบังเหียนให้เจ้าสัตว์รูปร่างหน้าตาประหลาดหยุดวิ่งลง เด็กหนุ่มร่างบางกระโดดลงมาจากเกวียนแล้วมองสภาพหมู่บ้านด้วยท่าทีประหลาดใจเล็กๆกับสิ่งปลุกสร้างที่ดูไม่น่าใช่หมู่ย้านกลางทะเลทราย..

    สิ่งที่ใช้ปลูกสร้างบ้านเรือนมีลักษณะเป็นปูน..เป็นสิ่งก่อสร้างแบบบ้านเรือนทั่วไปทั้งๆที่หากเป็นหมู่บ้านกลางทะเลทรายก็ควรที่จะเป็นกระโจมซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก แต่ก็คงจะเป็นอย่างที่บอก หมู่บ้านแห่งนี้คงตั้งรกรากมานานพอที่จะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากบรรดาหมู่บ้านทั่วไปที่เคลื่อนไปตามแหล่งน้ำ ..เพราะมีแหล่งน้ำที่ไม่เคยเหือดแห้ง ทั้งที่ไม่ใช่โอเอซิส..ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่ลำบากลำบนในทะเลทราย

    .แต่..

    เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว มองสภาพแห้งแล้งที่มีล้มแห้งๆพัดและใบหน้าซูบผอมของชาวบ้านแต่ละคน

    ..แหล่งน้ำแห้งไปโดยไร้สาเหตุ...งั้นรึ?

    คนที่ควบคุมน้ำได้ก็พวกจอมเวทย์หรือไม่ก็พวกที่มีพลังพิเศษ แล้วก็..

    เนลล่าชะงักกับคำที่กำลังจะผุดขึ้นมา ก่อนจะกลบฝังลงในความคิดเพื่อรวันฉุกคิดอีกครั้งหนึ่ง

    ..เอาเถอะ ยังอยู่ที่นี่อีกนาน..

    คิดได้เช่นนั้น เนลล่าจึงหันหลังไปมองดูสัตว์ทะเลทรายที่ไม่ใช่อูฐให้เต็มๆตา..รูปร่างคล้ายม้าแต่อวบกว่า มีสีขาว หางสั้น หูยาวเหมือนกระต่าย กีบเท้าออกจะคล้ายกับอูฐ ดวงตาเล็กป้องกันลมทะเลทราย..

    เด็กหนุ่มแตะมือลงบนผิวของสัตว์ตัวนั้น ก่อนจะสะดุ้งแล้วรีบชักมือกลับมา

    ..ผิวเย็นเฉียบ..

    ลุงไกร์ฮะ เจ้านี่เขาเรียกว่าอะไรเหรอครับ?”ชี้พลางเอ่ยถามชายหนุ่มที่กำลังเดินไปขนของลงเกวียน ไกร์หันมายิ้มแฉ่งให้ ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมตบมือลงบนลำตัวของสัตว์ตัวนั้นอย่างภาคภูมิใจ

    แปลกใช่ไหมล่ะ? เจ้านี่เขาเรียกกันว่าพาลาร์ เป็นสัตว์ผสมน่ะ แต่ผสมอะไรกับอะไรนี่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้านี่น่ะทั้งที่ผิวเย็นแต่ก็อยู่ในเขตทะเลทรายได้ ถ้าเจ้านี่ดื่มน้ำเยอะๆหน่อยมันจะไปช่วยปรับอุณหภูมิผิวให้ลดความร้อนในร่างกายลงได้..เขาว่ามากันอย่างนี้นะ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ

    “...อ๋อเด็กหนุ่มผงกหัวหงึกๆ ก่อนจะหันไปมองตามเสียงตุบเบาๆเมื่อมีคนกระโดดลงมาจากเกวียน

    จะไปไหนต่อ

    ไปหาที่พักก่อนฮะ อิลเวส...เพราะหมู่บ้านนี้กว้างพอควร วันเดียวคงเดินไม่ทั่วหรอกฮะเอ่ยพลางรับสัมภาระของตัวเองที่ถูกอิลเวสโยนมาหา มือเรียวบางจับผ้าคลุมสีมอตัวเก่าขึ้นคลุมกายตัวเอง ก่อนจะหันไปทางไกร์แล้วโค้งให้อย่างมีมารยาทพร้อมเอ่ยขอบคุณขอบคุณลุงไกร์มากเลยนะฮะที่ให้เราอาศัยเกวียนมา ถ้าไม่ได้ลุงพวกเราแย่แน่เลย

    ที่แย่น่ะเธอคนเดียว เจ้าเด็กบื้อ ไม่เกี่ยวกับฉันชายร่างสูงเนตรทองว่าพลางแสยะยิ้มแล้วพาดย่ามไว้กับบ่า เนลล่าสะดุ้งกึก ก่อนจะหันขวับไปหาคนปากบอนที่เงียบมาตลอดทาง

    “..............อิล..!!หันไปคว้าคอเสื้อเตรียมจะวางมวยกับซักรอบ แต่ก็หยุดชะงักไปด้วยเสียงหัวเราะอันดังก้องของชายคุมเกวียนอายุมากผู้ใจดี

    ฮ่าๆ...! เอาน่า เอาน่า อย่าทะเลาะกันสิ ว่าแต่จะพักกับกองคาราวานของพวกฉันก็ได้นี่? พวกเราจะพักอยู่ที่นี่สองสามวันน่ะ พ่อหนุ่มสองคนรีบไหมล่ะเอ่ยถามเนื่องด้วยดูเหมือนทางฝ่ายหนุ่มน้อยผมขาวจะดูรีบร้อนเสียเหลือเกิน แต่เนลล่าที่ได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัวแล้วตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา

    ไม่รีบหรอกฮะ เพราะว่าต้องอยู่ทำอะไรอีกนาน....แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้นจะเป็นการรบกวนนะครับ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมจะลองหาที่พักดูครับ อย่าห่วงเลยยิ้มหวานให้พร้อมโค้งอีกครั้ง แต่ลุงไกร์คนดีกลับขมวดคิ้วไม่เห็นด้วย

    พ่อหนุ่ม ที่นี่ไม่ใช่ในตัวเมืองนะถึงจะมีโรงแรมหรือบ้านพักสำหรับนักเดินทาง แต่เดี๋ยวก็ต้องไปตามบ้านขอรบกวนเขาอาศัยอยู่ดี อยู่กับฉันก็ได้ ไม่มีปัญหาหรอก แค่ยัดคนลงกระโจมมาอีกแค่สองคนเอง

    แต่ผมมีปัญหานะลุง เรื่องให้นอนกับผู้ชายอีกตั้งสองคนอ่ะขอเหอะแล้วเจ้าของเสียงก็โดดลงมาจากเกวียนชายเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลยาวรูปร่างเก้งก้างเบ้ปาก ก่อนจะได้คำพูดที่ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโหจากลุงของตนไปเป็นของตอบแทน

    เอ๊ะแกนี่ !ใจดีกับเขาเป็นไหมวะ เดรย์

    อ่า..ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเรา.....

    ฉันไม่ได้เลี้ยงแกให้โตมาเป็นอย่างนี้นะเฟ้ย!

    ไม่ได้ใจร้ายอะไรซักหน่อยนี่ ลุงก็ ..ลุงเลี้ยงผมมายังไงผมก็โตมางั้นแหละใช้นิ้วก้อยแคะหูตัวเองคล้ายเอือมระอาพลางยืนพิงกับเกวียนส่งของ ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นพูดอีกครั้ง  อีกอย่าง ผมแค่จะแนะนำที่ดีๆให้เขาต่างหากล่ะ

    ที่ไหน?”อิลเวสเอ่ยถาม กอดอกหรี่ตามองไม่ไว้ใจ

    เดรย์ยักคิ้วท้าทายไม่เกรงกลัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ

    บ้านคนรู้จัก คิดว่าหล่อนคงไม่รังเกียจหรอกถ้ามีคนไปพัก

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×