คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : โซ่สัมพันธ์ที่หนึ่ง : ความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง
โซ่สัมพันธ์ที่หนึ่ง : ความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง
“เจ้ารู้ตัวสินะว่าผิด”
สุรเสียงทุ้มดังขึ้นในท้องพระโรงแห่งราตรี ทางพักก่อนเข้าสู่เมืองเทพ
นัยเนตรสีม่วงประกายงามจ้องเทพจันทราองค์น้อยที่ยืนก้มหัวอย่างสำนึกผิดด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธปนสงสาร...ด้วยรู้ดีว่าจิตใจขององค์เทพตัวน้อยนั้นยังเยาว์วัยและไร้เดียงสาเพียงใด กระนั้นกฎเทพก็ยังเป็นกฎที่จักฝ่าฝืนมิได้อย่างเช่นเดิม
ข้าคงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เจ้าเติบโตสินะ..
เทพแห่งความมืดมองเด็กชายที่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเงยใบหน้าขึ้นมองตน และเอ่ยขึ้นเสียงใส “แต่..ท่านเทพราตรีขอรับ แต่เดิมเราคงอยู่เพื่อช่วยเหลือมนุษย์นี่ขอรับ? เหตุใดจึงมีกฎที่ห้ามมิให้ยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ล่ะขอรับ..?”
ดวงเนตรใสสว่างดุจแสงจากดวงรัชนีกรเงยสบพระเนตรสีม่วง แววตานั่นเต็มไปด้วยคำถามที่เทพตัวน้อยไม่เข้าใจ
องค์เทพผู้ครอบครองราตรีถอนพระปัสสาสะ ก่อนจะย่อกายลงและเอ่ยกับเด็กชาย
“เด็กน้อยเอย..ทวยเทพเช่นเรานั้นมีอำนาจที่เปลี่ยนได้แม้แต่ชะตากรรมของมนุษย์ แต่นั่นคือสิ่งผิด หากชะตากรรมของมนุษย์ผู้หนึ่งเปลี่ยนไปจะเกิดผลกระทบกับทุกสรรพสิ่ง เช่นนั้นแล้ว ตัวเจ้ายังอยากจะเสี่ยงหรือ...”เอ่ยอย่างนุ่มนวลและแย้มพระโอษฐ์ ก่อนจะเอ่ยต่อไปด้วยสุรเสียงกังวาน
“ดีเพียงไรแล้ว.. ที่การกระทำครานี้มิได้ผิดกฎแห่งกรรมซึ่งพระเจ้าท่านรังสรรค์ มิเช่นนั้น...ข้าไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าโทษที่เจ้ารับจะหนักหนาเพียงไร”
สิ้นสุรเสียงที่แฝงแววความเป็นห่วงของชายหนุ่ม เทพองค์น้อยก็ได้แต่เพียงก้มหัวรับความผิดที่ตนพลั้งเผลอทำผิดกฎไปโดยมิไตร่ตรอง กระนั้น...
ข้าไม่เสียใจหรอก ที่ได้ช่วยเหลือคนผู้นั้น
แต่หากข้าไม่ช่วยเหลือเขา และไม่ได้คุยกัน
นั่นต่างหาก ที่มันอาจทำให้ข้าเสียใจไปชั่วชีวิต
ห้วงความคิดพลันคำนึงนึกถึงชายผู้เข้มแข็งและหยิ่งทระนงเช่นราชสีห์ เจ้าของดวงตาสีเดียวกับห้วงราตรีที่แสนงดงาม
สง่างามนัก ยิ่งกว่าเทพองค์ใดที่พบเห็น..
เสียดายที่มิได้เป็นเทพ
ทั้งที่คิดว่า หากได้อยู่ด้วยกันคงดีไม่น้อย
ความคิดเช่นนั้นทำให้ประกายแสงในดวงตาหรี่ลง
“ท่านเทพราตรีขอรับ...”
สุรเสียงหวานขององค์เทพแห่งจันทราดังขึ้นแผ่วเบา เรียกให้พระพักตร์คมขององค์เทพแห่งความมืดหันมอง พร้อมกับเอื้อนเอ่ยถาม
“ว่ากระไรหรือ เทพองค์น้อย?”
เด็กชายลังเลชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปากถาม
“...เทพกับมนุษย์ จะอยู่ด้วยกันได้ไหมขอรับ?”
ดูเหมือนประโยคที่ถูกเอ่ยขึ้นจะทำให้ทุกสิ่งเงียบสงัด
“เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร?”
“ตามที่เอ่ยขอรับ..เทพ..จะรัก..หรืออยู่กับมนุษย์ได้หรือไม่..?”
พระเนตรทั้งสองคู่จ้องสบกัน ก่อนวรกายขององค์เทพแห่งราตรีจะเดินตรงไปยังทวารบาลจนเสียงของรองพระบาทดังกึกก้องทั่วพระโถงราตรี
“เทพมีช่วงชีวิตที่ยาวนานกว่ามนุษย์..จะเรียกว่าเป็นอมตะก็คงไม่ผิด..”...เอ่ยพร่อมกับสาวเท้าไปเรื่อย “..ต่างกับมนุษย์ที่มีช่วงชีวิตแสนสั้นทั้งไร้พลัง..เจ้าเองก็มีภาระหน้าที่แห่งทวยเทพเหนี่ยวรั้งไว้ กฏแห่งเทพทั้งปวงคงไม่ปล่อยให้เจ้าละทิ้งมันไปอยู่กับมนุษย์ผู้นั้นได้..ดังนั้น..”
คำเอ่ยที่แสดงถึงเหตุผลดังกังวาน พร้อมกับคำพูดที่เด็กชายจักไม่อาจลืมเลือน
“เทพกับมนุษย์ไม่มีวันจะผูกพันกันได้..นิจนิรันดร์”
++++++++++++++++++++++
“ทรงไม่เป็นอะไรสินะเพคะ?”เอ่ยถามองค์ชายแห่งราตรีกาลด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง จ้องมองวรกายที่เล็กกว่าตนด้วยความฉงน พลางย่อกายลงสำรวจบาดแผลของเด็กชาย ก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อไม่พบอะไรอย่างที่คาดไว้ “ไม่มีบาดแผล..?แปลก”
“ข้าไม่บาดเจ็บแล้วไม่สาแก่ใจเจ้ารึ รีฟ”
ดวงตาสีน้ำเงินสวยเงยจ้องนายเหนือหัวพระองค์น้อยที่เอ่ยด้วยวาจาประชดประชัน ก่อนจะยิ้มและหัวเราะเบาๆ
“พระโอษฐ์กล้าแบบนี้แสดงว่าไม่เป็นไรจริงๆสินะเพคะ”เอ่ยพลางถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะยืนขึ้นและมองไปยังปราสาทอนธกาลที่อยู่ไกลลิบออกไป แล้วถอนหายใจเฮือกอย่างแสนเหนื่อยหน่าย“น่าตกใจจริงๆที่ทรงมาอยู่ที่หุบเขาเงาจันทรา...กว่าจะกลับถึงปราสาทได้ย่ำรุ่งแน่”
“หุบเขาเงาจันทรา..?”เอ่ยขึ้นอย่างแสนฉงนสงสัย ก่อนจะตรัสถามราชองครักษ์ข้างกาย “ที่นี่ไม่ใช่ในอาณาจักรเรารึ...?”
“หุบเขาเงาจันทราเป็นของเรานะเพคะ แต่ไม่มีการจดบันทึกลงไว้ในแผนที่...มันถูกบันทึกลงในนามของเขาลาดรัตตินนท์ ดินแดนแห่งนี้น่ากลัวนัก จึงไม่มีใครขึ้นมาถึงตัวเขา ส่วนมากมักทำการล่าสัตว์อยู่ที่ตีนเขา.. ผู้ที่พาพระองค์เข้ามาถึงที่นี่..ไม่เก่งกล้าก็คงมีเวทย์กล้าแข็งพอตัว”
เอ่ยพึมพำ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครา
“เจ้าพวกนั้นจับพระองค์มาตอนไหนเพคะ?”
เจ้าของพระเกศาสีนิลกาฬจ้องมองหยิงสาว ก่อนจะตรัสขึ้น
“....พวกมันลอบเข้ามาในปราสาท ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งเป็นองครักษ์ในการดูแลของเจ้า...มันจึงลักลอบเข้ามาและพาข้าออกไปอย่างง่ายดาย โดยอ้างว่าเจ้าขอให้พาข้าไป... รีฟ”เอ่ยพลางเหล่พระเนตรมองหญิงสาวเชิงติเตียน แต่ร่างที่สูงกว่ากลับเพียงพยักหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น
“การรักษาความปลอดภัยในปราสาทหละหลวมนัก ไว้ข้าคงต้องทำอะไรซักอย่างกับมัน ว่าแต่...ข้าได้ยินว่าพวกมันทำร้ายพระองค์ แล้วเหตุใดจึงไร้บาดแผล?” จับพระหัตถ์ของเด็กชายไว้พลางพลิกไปมา และขมวดคิ้วยุ่งกว่าเดิมด้วยแสนงุนงง
“ข้าจำได้ว่า ข้าบอกเจ้าไปว่ามีคนมาช่วยข้าไว้”
“และเขารักษาบาดแผลให้พระองค์รึเพคะ?”
เอ่ยขึ้นอย่างแสนประหลาดใจ มองสภาพร่างกายที่ดูปกติดีเยี่ยมจนนึกทึ่งในมนตราของผู้ที่ช่วยเหลือนายเหนือหัวของตน “เอาเถอะ ข้าไม่คิดสาวความถามให้มากกว่านี้....พระอง์ปลอดภัยก็เป็นการดีแล้ว”
แล้วหญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเครียด
“ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครแม้แต่องค์ราชานะเพคะ....”เอ่ยพลางมองพระพักตร์เยาว์เชิงขอคำตอบ และหญิงสาวก็ได้รับคำตอบที่ดีเป็นการพึมพำในลำคอ.. “..คงพอทราบว่าเพราะอะไรถึงจะให้ไปเข้าพระกรรณราชามิได้..นี่เพื่อตัวพระองค์เอง”
เพราะหากองค์ราชารู้ว่าเด็กชายออกมาแล้วได้รับอันตราย
อิสรภาพที่มีเสมอมา จะพลันอันตรธานหายไป
เธอเองยังไม่อยากเห็นทูลกระหม่อมพระองค์นี้ต้องนั่งทำหน้าบึ้งอย่าง...องค์ราชาหรอกนะ
คิดในเชิงขบขันแกมสงสาร ก่อนจะมองนายน้อยที่ชักทำหน้าเครียดขึ้นทุกที
..คงต้องหาทางให้เหนือหัวพระองค์น้อยยิ้มแล้ว..
ขณะที่หญิงสาวคิดค้นวีที่จะนำรอยยิ้มมาสู่เจ้าชายแห่งราตรีกาล พระเนตรสีนิลของเด็กชายกลับมองไปไกลแสนไกล
ที่ดวงจันทร์สีทองซึ่งเปล่งประกายงาม..
ไม่สิ...สีเงิน
สวย..เหมือนกับเรือนผมของเด็กคนนั้น
ร่างเจ้าของเรือนผมสีขาวและดวงตาสีเงิน ตัวตนขาวพิสุทธิ์ที่แสนงดงาม
เด็กคนนั้นเป็นใคร..ทำไมถึงงดงามเช่นนั้น
ร่างกายยามเมื่อเรืองรองนั้นคล้ายแสงจากดวงจันทรา รอยยิ้มของเด็กคนนั้นช่างอ่อนโยนและน่ายลมอง
พลันความคิดหนึ่งก็ถึงกับทำให้พระขนงขมวดมุ่น
แล้วชายผู้มาพากลับเป็นใคร
ตัวตนดุจเสือดำที่พร้อมจะขย้ำทุกสิ่งที่เข้าใกล้นั่น
ไม่น่าเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว
หากแต่หัวใจยังครุ่นนิด โหยหา ตัวตนอีกหนึ่งที่จากไปพร้อมกับตัวตนสีดำ
ดวงจันทราอันงดงามเอ๋ย..ข้าจะได้พบพานอีกหรือไม่..
...
..
.
.
“
..ฝ่าบาท!! ทรงได้ยินข้าไหมเพคะ?!”เสียงของหญิงสาวที่ดังเข้าจนแสบแก้วหูทำให้เด็กชายหลุดขากภวังคื พระรพักตร์อ่อนวัยหากแต่ออกแววคมหันมองหญิงสาว ก่อนจะถามขึ้น “อะไร”
“ข้าพูดว่า...ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะไปเดินเที่ยวหน่อยไหมล่ะเพคะ?”
“ได้หรือ!”เอ่ยพลางมองหญิงสาวอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ประกายสีน้ำเงินที่แฝงในดวงแก้วนั่นบอกว่าเป็นความจริง
“ได้เพคะ กว่าราชาจะกลับอีกตั้งสองวัน หม่อมฉันคิดว่าคงไม่เป็นไร...ทรงอยากไปที่ไหนไหมเพคะ”
“ข้าอยากไปหาจัสด์!”
กึก!!
หญิงสาวชะงักไปทันทีด้วยความตกใจ เหงื่อเย็นๆไหลลงมาบนใบหน้า
“...ว่า..อย่างไร..นะเพคะ..”
เอ่ยตะกุกตะกัก พาให้องค์รัชทายามขมวดคิ้วมุ่น
“ข้าจะไปหาจัสด์..? เจ้ามีอะไรกับเขารึจึงไม่อยากพบหน้า ”
หญิงสาวจ้องแววตาของเด็กชาย รู้ดีว่าทำไมจึงอยากไปที่นั่น..แต่...
“..ข้าแค่....”
“ไม่อยากเจอเขาเท่านั้นเอง....”
++++++++++++++++
....สั้นไหมขอรับ?
ความคิดเห็น