ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hagalaz..ผนึกรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #19 : ผนึกที่ 18 : ความจริงทั้งหมด[100%][RWบางส่วน]

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 54


    ผนึกที่ 18 : ความจริงทั้งหมด

     

    เคร้ง!

    ยังหาไม่เจออีกหรือไง!”

    เสียงตวาดอันเฉียบขาดของหญิงสาวเจ้าของเนตรสีสนธยาดังก้อง มือเรียวขว้างแก้วเหล้าในมือลงกับพื้นจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆด้วยความโกรธา เปลวเทียนที่วูบไหวในเส้นทางใต้ดินทำให้ใบหน้าเรียบเฉยของหญิงสาวยิ่งดูน่าหวาดกลัว ก่อนที่เสียงทรงอำนาจจะดังกังวานกราดเกรี้ยวขึ้นอีกครั้ง ทางใต้ดินไม่ได้กว้างมากถึงขนาดที่จะหาเด็กสาวคนหนึ่งไม่เจอไม่ใช่หรือ!”

    ขออภัยจริงๆค่ะนายหญิงกลาเดีย...เด็กสาวร่างบางก้มหน้าลงมองพื้น ไม่อาจกล้าพอจะสบสายตาอันแหลมคมของหญิงสาวที่จ้องมองมาอย่างทิ่มแทงได้ กายบางสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวในความเกรี้ยวโกรธของนายหญิงแห่งหอรุ้งเจ็ดสี ดวงตาสีหวานเต็มไปด้วยแววระริกและหยาดน้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะเอ่ยรายงานด้วยเสียงสั่นเครือ เราส่งคนไปค้นทั่วเส้นทางใต้ดินแล้วแต่ไม่พบเด็กสาวคนนั้นเลย......บางที เด็กสาวคนนั่นคงหนีไปแล้วล่ะค่ะ..

    ทางใต้ดินของหอรุ้งเจ็ดสีถูกสร้างขึ้นเพื่อขังคน จะไปมีทางออกอื่นได้อย่างไร!!มาดามกลาเดียวยังคงตวาดอย่างหัวเสีย รองเท้าส้นสูงคู่งามเหยียบลงบนเศษแก้วที่แตกไปแล้วให้ยิ่งแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากกว่าเดิม คิ้วเรียวขมวดมุ่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี หงุดหงิดที่เสียสินค้าชิ้นงามไป หากเหนือสิ่งอื่นใด..เธอเสียดายตัวตนของเด็กสาวคนนั้น

    ผิวขาวเนียนราวกระเบื้องเคลือบ เครื่องหน้างดงามอันกอปรด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเสน่ห์สีแดงสวยดั่งทับทิม เรือนผมสีแปลกตาที่แสนสวย...เหนือสิ่งอื่นใดคือเสน่ห์ที่ไร้เหตุผลซึ่งมีอยู่ในตัวของเด็กสาวคนนั้น....

    เสียดาย..เสียดายเหลือเกิน......

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ มาดามกลาเดีย

    น้ำเสียงโทนสบายที่ดังขึ้นนั้นทำให้บรรดาผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นทั้งหมดเงียบเสียงและหันมอง ในขณะที่เสียงฝีเท้าของใครบางคนค่อยๆใกล้เข้ามา กระทั่งเจ้าของเสียงฝีเท้าที่ดังกังวานนั้นปรากฏขึ้นภายใต้แสงเรืองรองของดอกโรซีเอ้ ชายหนุ่มมีเรือนผมสีแดงเพลิงทรงรากไทร โครงหน้าเหล่อเหลาอันกอปรด้วยจมูกโด่งและริมฝีปากหนาสีแดงสวย รับเข้ากับผิวสีขาวซีดดั่งไม่เคยต้องแสงตะวันและดวงตาสีม่วงอันเร้นไปด้วยเล่ห์กลแพรวพรา ชายหนุ่มก้าวเข้ามากระทั่งอยู่ในระยะที่ใกล้กับนายหญิงแห่งหอรุ้งเจ็ดสี ใบหน้าคมหันมองรอบกายอย่างสนใจ ก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกสงสัย  ทำไมคนของคุณถึงมารวมตัวกันแบบนี้ล่ะ? มีคนบุกรุกเข้ามาหรือ?

    ...มารายน์!”หญิงสาวร้องเบา ดวงตาคู่งามเบิกกว้างอย่างตกใจกับการมาอย่างไร้กำหนดการณ์ของคู่ค้าคนสำคัญของตน ชายหนุ่มอยู่ในชุดประจำตำแหน่งตัวเองด้วยเสื้อแขนสั้นขลิบขอบสีน้ำเงินประกายและกางเกงขายาวสีน้ำตาล ประดับด้วยผ้าคลุมกลัดเข็มกลัดสีทองทรงกลมซึ่งสลักลวดลายอันไม่ชัดเจน ดวตาคู่สวยที่เบิกกว้างเหล่มองคนรอบข้างเธอ ก่อนจะหญิงสาวจะรีบไล่คนของเธอให้ออกไปจากเส้นทางใต้ดิน ไปก่อน เฝ้าทางเข้าออกไว้ให้ดี...ฉันจะคุยกับมารายน์ซักครู่หนึ่ง

    นายหญิง........

    ไปซะ

    เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาโค้งกาย ก่อนจะรีบเดินจากไปแม้ยังสงสัยกับตัวตนของชายหนุ่มที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา เป็นเรื่องแปลกที่เขาสามารถเดินลงมาถึงทางใต้ดินได้ทั้งที่ไม่ได้ผ่านประตูเวทย์ซึ่งมียามรักษาการณ์อยู่ หากพวกหล่อนและพวกเขาก็ไม่อาจจะสืบค้นหรือสงสัยการกระทำของชายผู้นั้นได้...มารายน์ เดธ คู่ค้าคนสำคัญของหอรุ้งเจ็ดสี

    ชายผู้แปลกประหลาด.....

    กลาเดียมองส่งเหล่าคนของตนเดินจากไปจนลับสายตา ดวงหน้าสวยหลุบตาลงอย่างอ่อนล้า ก่อนจะหันมามองชายหนุ่มด้วยแววตาสงสัยระคนไม่ไว้ใจ ทำไมถึงมาที่นี่กัน..ยังไม่ถึงกำหนดแลกเปลี่ยนสินค้านี่นา..

    เห็นว่าหอรุ้งเจ็ดสีวุ่นวายมาสองวันเต็มๆแล้วก็เลยมาดูลาดเลาน่ะ..เมื่อครู่...บอกว่ามีเด็กสาวหายตัวไปงั้นหรือ….ใช่สินค้าหรือเปล่า..?

    นายหญิงแห่งหอรุ้งเจ็ดสีดูอึดอัดที่จะตอบ แต่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วกล่าวไปตามจริง

    ..ใช่แล้ว เป็นเด็กที่ฉันบังเอิญได้พบ แต่ตอนนี้ยังหาตัวไม่เจอ บางทีคงอยู่ในเส้นทางใต้ดินนี่แหละ” เอ่ยพลางกระชับผ้าคลุมไหล่ด้วยอากาศเริ่มหนาวยะเยือกขึ้นอย่างไร้สาเหตุ สินค้าล็อตก่อนเป็นอย่างไรบ้าง?

    อืม...เด็กๆที่เธอหามาให้ก็ใช้ได้ดีอยู่หรอก แต่มันยังไม่ใช่ที่สุดน่ะ..คงต้องรบกวนต่อไปแล้วล่ะ..มารายน์เอ่ย ฉีกยิ้มสุดริมฝีปาก ดวงตาที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลมองหญิงสาวอย่างคาดหวัง...ดวงตาที่ลึกลับราวกับโคลนตม

    กลาเดียไม่ชอบใจชายหนุ่มนัก ...หล่อนเกลียดดวงตาที่ลึกลงไปราวกับเขาวงกตจนราวกับจะอ่านความรู้สึกไม่ได้...ห้วงอารมณ์ที่คล้ายคลึงกับไลบราลี..หากแต่ลึกล้ำและอันตรายหว่า

    หญิงสาวติดต่อกับชายผู้นี้เพียงผิวเผินเพื่อส่งต่อสินค้าให้ และไม่เคยนึกอยากขัดใจหรือสนิทสนมให้มากกว่านั้น

    ...อืม จะว่าไป คงจะเป็นเด็กสาวที่น่าสนใจทีเดียวสินะ ถึงทำให้คุณฟูมฟายเสียดายแบบนี้พูดพลางลูบคางด้วยนึกสนุก แล้วมองหญิงสาวอย่างต้องการคำตอบ  เป็นเด็กสาวแบบไหนล่ะ

    เป็นแบบที่คุณต้องการนั่นแหละ ลักษณะเด่นๆก็ผมขาวเหลือบม่วงกับ....

     “...ผมสีขาวเหลือบม่วงกับตาสีแดง?มารายน์เอ่ยตามพร้อมเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ กลาเดียมองหน้าชายหนุ่ม ผงกหัวด้วยความสงสัย ใช่..หรือว่าคุณเจอเธอแล้ว?

     ชายหนุ่มไม่ตอบคำ หากรอยยิ้มบนใบหน้ากลับกว้างขึ้นเรื่อยๆจนราวกับจะกลายเป็นความวิปลาสไป เสียงหัวเราะค่อยๆดังขึ้นเรื่อย..ดังขึ้น..กระทั่งก้องไปทั่วเส้นทางใต้ดินที่ทอดตัวยาวออกไป....หึ....หึ....ฮ่าๆๆๆ!!”

    ...ขำอะไรกันน่ะ....มาดามกลาเดียกล่าวอย่างไม่พอใจ มารายน์หยุดชะงัก ก่อนจะปาดน้ำตาซึ่งเล็ดออกมาพร้อมยิ้มอย่างสุขใจ

    ......ไม่มีอะไรหรอก... มาดามกลาเดีย ฉันแค่แปลกใจเท่านั้นเอง ไม่นึกว่าจะโชคดีถึงปานนี้รอยยิ้มขำยังคงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา ก่อนเสียงทุ้มจะกล่าวต่อไป ไม่ต้องไปตามหาหรอก ป่านนี้คงรอดออกไปข้างนอกแล้วล่ะ อีกอย่างลองหาทั้งวันแล้วไม่เจอแบบนี้ ก็คงไม่อยู่ในเขตหอรุ้งเจ็ดสีแล้วล่ะ..

    อ้อ คราวนี้ฉันแค่แวะเวียนมาเฉยๆ เดี๋ยวกำหนดคราวหน้าฉันจะมาเอาสินค้าอีกทีหนึ่ง..เพื่อเป็นการขอโทษฉันจะรับซื้อด้วยราคาที่มากกว่าเป็นเท่าตัวเอง ส่วน..สินค้าเร่งด่วน..ฉันไม่ต้องการแล้วล่ะ เพราะเดี๋ยวคืนนี้คงได้มาแล้ว..จากอีกเส้นทาง...

    อีกเส้นทาง......... หญิงสาวพึมพำทวนคำ ก่อนจะเบ้หน้าอย่างไม่พอใจ“Red Lady นั่นน่ะหรือ…..

    ...ใช่ ถึงจากนี้จะได้ใช้บริการเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเป้าหมายบรรลุผลแล้วก็เถอะ....ดวงหน้าคมแสดงสีหน้าเสียดาย ก่อนรอยยิ้มจะประดับบนใบหน้าดังเดิม

    .. แต่คืนนี้ก็ทำท่าจะเกิดเรื่องสนุกอยู่ดี...ชายหนุ่มยิ้ม ตวัดผ้าคลุมสีเทาซึ่งเกิดจากอากาศธาตุขึ้นคลุมกาย  ...ฉันหมดธุระแล้ว..ลาล่ะนะ...

    ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ก่อนผ้าคลุมสีเทานั่นจะห่อคลุมกาย แล้วหายไปในอากาศธาตุอย่างไร้ร่องรอย

     

    ตึก..

    เสียงฝีเท้าหยุดลง ความเงียบโรยตัวลงรอบข้างในถนนแคบอันมีชื่อเสียงเรียงนามว่าถนนเลดเซ

    ผู้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่านั้นคือชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง อาภรณ์ของเขามีสีขาวโพลนตัดกับเรือนผมสีน้ำเงินเข้มที่พลิ้วไสวต้องสายลม  นิ้วเรียวยาวแตะลงบนดาบบางสีรัตติกาล ใบหน้าคมหันหลังมองเส้นทางที่ทอดยาวออกไปเบื้องหลังตน ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงันให้หายไปพร้อมคำพูดของตน คนที่ตามฉันมาน่ะ จะช่วยปรากฏตัวหน่อยได้ไหม?

    สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบงัน..สิ่งที่อิลเวสคาดไว้อยู่แล้ว

    ถ้าไม่ออกมา งั้นฉันจะเป็นฝ่ายเข้าหาแกเอง

    สิ้นเสียงนั้น ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ก็หายวับไปในพริบตา กระทั่งปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหลังเสียงวัตถุขนาดใหญ่ตกลงบนพื้นดังโครม

    อั่ก!”

    ร่างที่หลบซ่อนในเงามืดถูกซัดร่วงลงกับพื้น เจ้าของร่างใต้ผ้าคลุมสีเทาซีดพยายามลุกขึ้น ก่อนจะถูกกดร่างลงแนบกับพื้นขณะแขนถูกบิดพันธนาการที่ด้านหลังแล้วตามทับด้วยเชือกมนตราสีดำ เสียงคำรามดังขึ้นขู่ขวัญหากผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่ากลับมิได้ใส่ใจ เจ้าของเนตรสีทองควบคุมเชือกสีดำที่เกิดจากมนตราไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบโทนเดียว

     “ต้องการอะไร

    สิ่งนั้น.......

    หืม?

    เอามาให้เรา!!”

    เสียงตะโกนกราดเกรี้ยวดังขึ้นพร้อมกับที่เชือกถูกกระชากออก คลื่นพลังโหมแผ่กระจายจนพื้นหินบริเวณนั้นแตกร้าวและลอยขึ้นมา อิลเวสรีบกระโดดออกมาทันก่อนที่คลื่นพลังจะกระแทกเขาให้กระเด็นออกมา ชายหนุ่มหยุดยืนลงบนพื้นหินที่ห่างออกไป ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าร่างที่ตามติดตนมาคือ [อะไร]

    ร่างนั้นยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพลังที่หมุนวน ผ้าคลุมสีเทาซีดปลิวสะบัดตามแรงลมที่เกรี้ยวกราด ผ้าคลุมหัวสีเดียวกันถูกพัดจนร่วงลงจากศีรษะ เผยเรือนผมสีขาวอมเทายุ่งเหยิงและดวงตาดำมืดไร้ตาขาวที่จ้องมาอย่างไร้อารมณ์ มือสีเทาซีดยกขึ้น ตวัดหยุดคลื่นพลังที่หมุนวนจนสงบลงในที่สุด

    ทาสแห่งความตาย!!

    บ้าน่า...ในที่พรรค์นี้....เสียงแห้งผากเอ่ยแผ่วด้วยความตระหนก หากเพียงชั่วครู่คลื่นพลังก็พุ่งตรงมาที่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว อิลเวสรีบกระโดดหลบแล้วจ้องมองไปยังทาสแห่งความตายที่ยืนอยู่ตรงหน้า...ถ้ามีมันอยู่ในที่แบบนี้ก็แสดงว่า.....

    ใบหน้าของอิลเวสเครียดเขม็งขึ้นทันที มือหนากระชับดาวเรียวยาวไว้เตรียมจะชักออกมา แต่แล้วคลื่นลมคมกริบกลับเข้าปะทะเข้าอย่างไม่ทันตั้งตัว

    ...อุ!”

    ร้องอุทานเสียงเบาเมื่อคมสายลมคมกริบเฉี่ยวช่วงเอวของตนไปเล็กน้อย มือหนากุมรอยแผลไว้ ก่อนจะจ้องไปยังทาสแห่งความตายตรงหน้าตน

    ร่างนั้นก้าวเข้ามาด้วยท่าทีคุกคาม เสียงทุ้มต่ำคำรามราบเรียบไร้อารมณ์

    .สิ่งที่อยู่กับแก......เอามาให้เรา

    ดวงตาสีทองหรี่ลง จ้องมองร่างซึ่งย่างก้าวเข้ามาด้วยแววตาสงสัย

    ทาสแห่งความตาย..สิ่งมีชีวิตที่ถูกพรากความตายไปเช่นเดียวกับพวกเขา แต่ด้วยความตายที่ถูกพรากนั้นเป็นไปในทางที่ถูกฉีกกระชากออกมาและหลงเหลือเศษชิ้นส่วนของความตายเอาไว้ ร่างกายและวิญญาณจึงเกิดร่องรอยของบาดแผลจนไม่อาจหลอมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์

    ปรกติแล้ว หากร่างกายและวิญญาณหลอมรวมกันไม่สมบูรณ์ ร่างกายที่ไม่อาจเจริญเติบโตได้อีกต่อไปก็จะค่อยๆ ผุพังลง ส่งผลต่อดวงวิญญาณและจิตใจให้วิปริตผิดแผกไป..กลายเป็นเพียงซากศพที่ขยับร่างกายได้ตามสัญชาตญาณ หรือไม่เช่นนั้นหากร่างกายไม่ได้หยุดการเจริญเติบโต เซลล์ในร่างกายก็จะเติบโตผิดปรกติจนกลายเป็นปิศาจในที่สุด

    ทั้งที่ควรจะดำรงตนตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด แต่ทว่า....ทาสแห่งความตายตรงหน้าเขากลับพูดได้ทั้งยังมีความคิดของตัวเอง คนที่สร้างทาสแห่งความตายที่สมบูรณ์ถึงขนาดนี้ได้.....เป็นใคร!

    ผู้พรากความตายไม่อาจสร้างทาสแห่งความตายได้ เพราะการ [กิน] ของผู้พรากความตายนั้นไม่สร้างผลกระทบใดๆให้กับวิญญาณและร่างกาย .ดังนั้น..สิ่งที่ให้กำเนิดทาสแห่งความตายขึ้นมาก็คือ...แต่

    ถ้า [มัน]มาที่นี่ แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้ตัว!!

    ขวับ!

    โดยไม่ทันตั้งตัว ทาสแห่งความตายก็มุ่งเข้าโจมตีในทันที อิลเวสรีบเบี่ยงกายหลบกรงเล็บสีดำที่ตรงเข้ามาพร้อมหันไปประจันหน้า มือเรียวยาวชักดาบเรียวบางสีรัตติกาลขึ้นแล้วฟันใส่ร่างสีเทาซีดอย่างไม่ปรานี เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาตามแนวฟันดาบพร้อมเสียงกรีดร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด.. ดวงตาสีดำไร้แววจ้องมองมาด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะวิ่งเข้ามาอีกครั้งพร้อมตวัดกรงเล็บใส่ หากคราวนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นกรงเล็บวายุสีดำที่พุ่งตรงเข้าใส่ อิลเวสจำจับต้องเบี่ยงกายหลบคมดาบเหล่านั้นอย่างเสียไม่ได้ ก่อนชะงักเมื่อร่างนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าตนอย่างไม่ทันตั้งตัว

    ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้โจมตี อิลเวสก็รีบตวัดดาบใส่อีกครั้งแล้วกระโดดถอยหลังออกมา เป็นผลให้แขนสีเทาซีดถูกเฉี่ยวเป็นรอยยาวจนเลือดซิบ ร่างเจ้าของเรือนผมสีขาวอมเทาก้าวถอยหลัง ใบหน้าราบเรียบเริ่มเหี้ยมเกรียมขึ้นราวกับขาดสติเพราะความเจ็บปวด คลื่นพลังบางอย่างโหมขึ้นอีกคราจนสายลมปั่นป่วนกระทั่งหวุนวนมารวมกันที่มือเป็นกลุ่มพลังสีดำเทาที่อัดแน่นไปด้วยพลังงาน ร่างสีเทาซีดยืนนิ่งก่อนจะพุ่งเข้ามาอีกครั้งพร้อมคลื่นพลังในมือ

    อิลเวสกระชับดาบ แม้การเคลื่อนไหวจะรวดเร็วแต่ก็ใช่ว่าจะไม่อาจหลบหลีกได้ ชั่วเวลาก่อนที่มือของร่างนั้นจะตรงเข้าปะทะเขา เจ้าของเนตรสีทองจึงเบี่ยงกายหลบอย่างรวดเร็ว พร้อมฟันดาบลงบนแขนข้างที่รวบรวมกลุ่มพลังจนขาดกระเด็น แขนข้างนั้นหมุนคว้างกลางอากาศชั่วครู่พร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นและเสียงกรีดร้องคำรามด้วยความทรมาน ก่อนที่ร่วงหล่นลงกับพื้นหินข้างๆกัน

    แวบ!!

    กลุ่มพลังสีดำเทาที่มือซึ่งขาดกระเด็นไปพลันขยายใหญ่ขึ้น ก่นจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว

    อิลเวสหันมองไปยังจุดที่สิ่งนั้นหายไป ร่างกายชาวาบเมื่อเห็นสภาพที่เกิดขึ้นตามมา

    พื้นดิน..ส่งก่อสร้างที่ถูกกลุ่มพลังเม่อครู่กลืนกิน..หายไปหมดสิ้น!!

    ถ้าเมื่อครู่เป็นเขาที่ถูกพลังนั้นเขาจังๆ....

    อิลเวสรีบรวบรวมสติ มองไปยังร่างของทาสแห่งความตายที่ยืนโงนเงนไร้ศูนย์ถ่วง เลือดยังคงไหลรินทั้งจากบาดแผลแรกที่หน้าอกกับแขนที่ขาดไป ร่างสีเทาซีดพยายามประคองกายไว้ หากเพียงครู่ก็ล้มลงกองกับพื้นเจิ่งนองเลือดของตัวเอง

    เนตรสีทองมองร่างตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย แขนเสื้อสีขาวปาดเลือดที่สาดกระเซ็นต้องใบหน้าออกอย่างใจเย็น ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้าหาร่างของทาสแห่งความตายอย่างระมัดระวัง

    ตึก....

    เสียงฝีเท้าหยุดลงเมื่อระยะห่างระหว่างสองร่างเหลือเพียงคืบ อิลเวสยกดาบขึ้นวางทาบที่คอของร่างสีเทาซีด ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเจ้านายของแกเป็นใคร

    ลองมีความสามารถขนาดนี้ไม่มีวันจะเป็นเพียงทาสแห่งความตายที่คลุ้มคลั่ง..จะต้องมีใครอยู่เบื้องหลังแน่นอน

    แต่..ใครล่ะ

    เจ้าของดวงตาสีดำมืดเงียบกริบ  ไม่มีคำตอบใดหลุดออกมานอกจากความนิ่งเฉย อิลเวสขมวดคิ้ว เฝ้ารอคำตอบอย่างใจเย็น หากเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรกลับยังไร้ซึ่งคำตอบรับใดๆ กลับมาก ร่างสูงจึงเพียงถอนหายใจแล้วใช้ดาบทาบลงบนมือตัวเอง

    งั้นก็หายไปซะ

    ชายหนุ่มกดน้ำหนักลงบนมือตนจนเกิดบาดแผล ก่อนจะรูดดาบออกจากมือจนเลือดสีแดงสดอาบทั่วดาบสีราตรี มือหนากระชับดาบ ก่อนจะเงื้อขึ้น เตรียมฟันลงบนร่างของทาสแห่งความตาย

    หากเพียงชั่วครู่ ร่างนั้นกลับหายวับไปจากสายตา เนตรสีทองเบิกกว้าง ไม่นึกว่าร่างตรงหน้าจะยิ่งมีแรงขยับไหว ก่อนแลกวาดเนตรสีทองไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง กระทั่งรู้สึกถึงสัมผัสบางอย่างที่แผ่นหลังของตน อิลเวสรีบกวาดดาบไปด้านหลังทันที  ส่งผลให้เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอีกครั้ง อิลเวสมองดาซึ่งมีเลือดที่ไม่ใช่ของตนปะปนอยู่ ก่อนจะมองเห็นร่างของทาสแห่งความตายปรากฏขึ้นอีกครั้งในจุดที่ห่างออกไป

    ทาสแห่งความตายยืนนิ่ง ที่มุมปากมีเลือดไหลรินออกมา ดวงตาไร้แววมองที่มีดยาวคมกริบประดับอัญมณีในมือ ก่อนจะค่อยๆเดินถอยหลังไปอย่างโรยแรง

    แก......เสียงทุ้มพึมพำ มือหนาหันไปจับที่ด้านหลังของตนซึ่งเคยมีมีดเล่มหนึ่งเสียบไว้ ซึ่งบัดนี้มันไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว ...ต้องการมีดนั่นงั้นหรอกหรือ

    ไม่มีคำพูดใดออกจากปากของทาสแห่งความตาย ร่างนั้นก้าวถอยหลังจนสุดทาง ก่อนจะออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

    เดี๋ยว..!”อิลเวสอุทานแล้วรีบวิ่งตามไป หากเมื่อวิ่งผ่านมุมตึกแคบออกมา ร่างของทาสแห่งความตายกลับหายไปเสียแล้ว

    .

    .

    ตุบ...

    ทาสแห่งความตายโรยตัวลงในสถานที่แห่งหนึ่ง รอบข้างดำมืดราวกับตัดขาดจากอีกโลก ร่างสีเทาซีดหอบหายใจหนัก ก่อนจะทรุดกายลงกับพื้นด้วยไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป

    ตึก..ตึก..ตึก..

    ตึก..

    เสียงฝีเท้าของใครบางคนหยุดลงข้างกาย

    ดูเหมือนจะบาดเจ็บนี่นะเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น เรียกให้ใบหน้าของทาสแห่งความตายเงยขึ้นมอง แล้วก็..ดูท่าทางจะใช้พลังไปด้วยนี่นะ?

    ผัวะ!

    ร่างสีเทาซีดไถลไปกับความมืดอย่างแรง มือสั่นระริกกุมหน้าท้องที่ถูกถีบเข้าเต็มกำลังจนจุก มีดที่อยู่ในมือแต่เดิมกระเด็นไปทางอื่น ในขณะที่เลือดซึ่งไหลรินไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อครู่ได้หยุดลง

    ฉันหยุดเลือดให้แล้ว ไปเก็บมีดมา

    ..ขอบ......อุ่ก!”ไม่ทันที่จะได้ลุกขึ้นหรือคลานไปเก็บมีด เส้นผมสีขาวอมเทาที่บัดนี้ไม่อาจมองเห็นได้ก็ถูกกระชากขึ้นมา บังคับให้ใบหน้าต้องแหงนมองความมืดไร้ตัวตน

    ระวังหน่อยสิ พลังนั้นคือแก่นชีวิตของแกนะ ขืนเอาออกมาใช้บ่อยๆล่ะก็ ได้สลายไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวแน่ ฉันยังไม่อยากเสียตัวหมากไปเร็วๆนี้หรอก หัดควบคุมสติตัวเองหน่อย

    ขะ...เข้าใจแล้วเสียงราบเรียบโรยแรงตอบ ก่อนจะทรุดฮวบลงเมื่อถูกปล่อยตัว

    เจ้าของเสียงทุ้มปริศนายืนนิ่ง มองร่างของทาสแห่งความตายที่คลานไปเก็บมีดซึ่งกระเด็นออกไปด้วยรอยยิ้ม...ซึ่งไม่อาจคาดเดาอารมณ์

    เอาล่ะ...ฉันช่วยยืดเวลาแล้วนะ จะทำยังไงต่อไปล่ะ..... Red Lady”

    .

    .

    แกร่ก...

    เสียงเปิดประตูทำให้เด็กหนุ่มบนเตียงเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่ตนกำลังอ่านอย่างตั้งใจ ก่อนจะยิ้มพร้อมทักทายเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเดินเข้ามา

    ...ยินดีต้อนรับกลับครับอิ.........ว๊าก!! ทำไมโชกเลือดแบบนั้นล่ะครับ ยา! เข็ม! เอ๊ย!! กล่องปฐมพยาบาลๆๆๆๆคนป่วยที่อาการเริ่มดีขึ้นดีดตัวขึ้นจากเตียงพร้อมวิ่งลนลานหากล่องปฐมพยาบาลทันที แต่ไม่ทันที่จะหาเจอ ชายหนุ่มที่ร่างเต็มไปด้วยหยาดเลือดสีแดงก็โบกมือไปมาเป็นเชิงปฏิเสธพร้อมเดินไปกุมแขนของเด็กหนุ่มไว้เบาๆ ตามด้วยน้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างโรยแรง

    ไม่ใช่เลือดของฉันหรอก เลือดคนอื่นน่ะ แล้วนี่รีเรทหายไปไหนล่ะ

    ไปเข้าเวรแล้วครับ ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่าย ผลก็เลยลุกไปขนเอกสารมานั่งอ่านบนเตียงเอ่ยตอบพร้อมถอนหายใจโล่งอก  ใบหน้าเงยมองร่างที่เต็มไปด้วยเลือดแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย แล้วนี่ไปทำอะไรมาถึงเป็นแบบนี้ล่ะครับ?

    ชายหนุ่มยืนนิ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบออกมา

    ....ฉันไปเจอทาสแห่งความตายมาว่าพลางถอดเสื้อตัวนอกซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือดออก ในขณะที่เนลล่าเบิกตากว้างแล้วร้องขึ้นเสียงดัง

    หมายความว่าไงกันครับ!”

    มันสะกดรอยตามฉันมาน่ะสิ เลือดบนตัวเป็นเลือดของมันที่กระเซ็นมาโดนฉัน  ดูเหมือน...จะต้องการมีดที่ได้มาวันนั้นเอ่ยตอบเสียงราบเรียบ ไม่ใส่ใจท่าทีร้อนรนของเด็กหนุ่มด้วยบัดนี้มีสิ่งที่น่าสนใจกว่า

    ....สีของเลือด....

    ทำไม..เนลล่าที่กำลังจะยิงคำถามต่อชะงัก ก่อนดวงตาจะพลันเบิกมองสีเลือดซึ่งตกค้างบนเสื้อสีขาวโพลนด้วยความประหลาดใจ..อิลเวส สีของเลือด..

    ทำไมถึงเป็นสีแดง?

    จริงอยู่ว่าทาสแห่งความตายไม่ได้ต่างจากมนุษย์ แต่สีเลือดของทาสแห่งความตายจะคล้ำมากกว่านี้..คล้ำจนคล้ายจะเป็นสีขุ่นขลักของบ่อโคลน..

    แต่สีสันนี้มัน...แดงฉานราวกับเลือดสดๆที่ไหลรินออกจากร่างของมนุษย์!

    ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน อิลเวสยกมือขึ้นแตะคางอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยพึมพำออกมา เป็นทาสแห่งความตายที่สมบูรณ์มาก...

    ...ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คนที่ทำสัญญากับมนุษย์และสร้างทาสแห่งความตายขึ้นคงเป็นคนที่เราเดาสินะครับ...เนลล่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงแห้งผาก ดวงตาเปล่งประกายเครียด ก่อนริมฝีปากจะเอื้อนเอ่ยต่อไป แล้ว...ทำไมถึงต้องการมีดเล่มนั้น

    บางทีอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับ Red Lady และไม่ต้องการให้เราสืบสาวถึงตัวการ...แต่เหตุผลยังไม่ชัดเจนหรอก

    ความเงียบโรยตัว เปิดช่องว่างให้สองผู้พรากความตายดำดิ่งสู่ความคิดของตน ก่อนเด็กหนุ่มร่างบางจะเป็นฝ่ายถอนหายใจแล้วเอ่ยต่อไป

    ...งั้นผมว่าเราคงต้องวางเรื่องนั้นไว้ก่อนแล้วมาดูสิ่งที่เรามีอยู่ในมือตอนนี้แล้วล่ะครับ เกี่ยวกับคดีของ Red Lady  ผมพอจะเชื่อมโยงเรื่องต่างๆเข้าด้วยกันได้แล้วเอ่ยพลางเดินไปหยิบเอกสารเอกสารทั้งหมดมาวางไว้บนโต๊ะไม้ตรงหน้าตน มือเรียวจับเอกสารขึ้นบางชุดแล้วเปิดกางเฉพาะส่วนที่ต้องการจะพูดถึง ชายหนุ่มร่างสูงมองกระดาษสีขาวบ้างเหลืองกรอบบ้างมากมายที่ค่อยๆถูกคลี่ลงบนโต๊ะ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งลงแล้วเอ่ยขึ้นอย่างสนใจ

    ก็ดีเหมือนกัน ฉันเองก็ตรวจสอบอะไรไปบ้างแล้ว เธอรู้เรื่องอะไรเพิ่มขึ้นบ้างล่ะ

    ก่อนอื่น...เนลล่าเอ่ยพึมพำ ดวงตากรอกมองแผ่นกระดาษบนโต๊ะ ก่อนหยิบเอกสารที่ตนต้องการขึ้นมา ...เกี่ยวกับข้อมูลชันสูตรศพที่ผมได้มากับของตึกทหาร ข้อมูลทั้งสองแห่งมีความแตกต่างกัน....มากเลยทีเดียวคำหลังนั้นเน้นย้ำพร้อมเสสายตาขึ้นมองร่างสูง อิลเวสพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยต่อไป

     อย่างที่เธอเห็น ข้อมูลชันสูตรศพที่เธอได้มาจากสถานพยาบาลน่ะละเอียดกว่ามากเมื่อเทียบกับอีกเล่ม เหมือนกับว่าข้อมูลเล่มที่เธอได้มาเป็นข้อมูลจริง...

    “…และข้อมูลที่ตึกทหารเป็นข้อมูลที่ถูกบิดเบือน...

    เนลล่าเอ่ยต่อคำ ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ถูกเอกสารยกขึ้นบดบัง

    เท่าที่ดูเอกสารที่ตึกทหารนั้นทางสถานพยาบาลเป็นผู้ส่งข้อมูลไปให้ครับ แต่ในเมื่อข้อมูลถูกบิดเบือนไปแสดงว่า..สถานพยาบาลปิดบังข้อมูลบางอย่างไว้

    แล้วเธอคิดว่าปิดบังอะไรไว้ล่ะ?

    เนตรสีแดงทับทิมหลุบลงยามได้ยินคำถามจากปากชายร่างสูง ความเงียบโรยตัวชั่วขณะ ดวงตายังคงไม่ละจากเอกสารเบื้องหน้า มือเรียวลดเอกสารในดวงตาลงให้เห็นใบหน้าเพียงครึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา...หากเฉียบขาดและชัดเจน

    .....การค้าอวัยวะมนุษย์ ไม่ก็การทดลองหรือพิธีกรรมบางอย่าง

    สิ้นประโยคนั้น เนลล่าก็เงยหน้าขึ้น เนตรทับทิมสบดวงตาสีทองเรียวคมของชายหนุ่มร่างสูงอิลเวสก็คิดแบบนั้นสินะครับ

    ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้านิดๆ

    .....ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้นเอ่ยจบก็พลิกเอกสารอีกครั้ง ชี้ไปยังจุดซึ่งข้อมูลมีความคลาดเคลื่อนจากกันไป ในแฟ้มข้อมูลของสถานพยาบาลดูเหมือนว่านอกจากร่องรอยการชันสูตรแล้วจะมีการบันทึกไว้ด้วยว่ามีการเอาอวัยวะอะไรออกไปบ้าง เรียงเป็นระบบเรียบร้อยจนถึงรายละเอียดของสภาพร่างกายที่เหลืออยู่ ในขณะที่เอกสารของทางตึกทหารกลับมีแค่ร่องรอยชันสูตรทั่วไป..แถมยังปิดบังบางส่วนไว้ด้วยว่ามีการผ่าตรงไหนบ้าง... ถึงไม่รู้ว่าส่งไปที่ไหน หรือหายไปได้อย่างไร แต่สถานพยาบาลก็จงใจปิดไม่ให้ทางการรู้ มีทางเดียวที่เป็นไปได้คือการค้าอวัยวะมนุษย์

    แม้ในดินแดนที่เวทย์มนตร์เฟื่องฟู หรือแม้กระทั่งนครที่วิทยาการอื่นก้าวหน้า อวัยวะของมนุษย์ก็ยังคงเป็นที่ต้องการในหลายเส้นทาง บ้างเพื่อเปลี่ยนสับให้ผู้ที่มีอวัยวะอ่อนแอ บ้างก็มีไว้เพื่อประกอบพิธีกรรมบูชายัญ....แม้แต่เพื่อกิน

    ที่จริงแล้วผมได้เอกสารการค้ามนุษย์มา แต่ไว้เราค่อยหาข้อมูลเพิ่มเติมกันทีหลังแล้วกันนะครับ เพราะเท่าที่ดูแล้วแม้ว่ารายงานการชันสูตรจะไม่ตรงกัน แต่เหยื่อทั้งสี่คนก็ไม่ได้มีชื่อในรายนามสินค้าที่ผมเอามาเลย เรื่องค้ามนุษย์ไม่เกี่ยวกับเรางั้นก็ทิ้งๆมันไปก่อนแล้วกันครับ ก่อนอื่นคือข้อมูลนี้

    เนลล่าดึงเอกสารอื่นมาวางไว้บนโต๊ะ เรียกสายตาอิลเวสให้ก้มมองด้วยสายตาสงสัย

     คดีเกี่ยวกับการตายของอีวาน เฟรริดส์ครับ ..คดีที่คล้ายคลึงกันเมื่อสองปีก่อน คือมีการฆ่าชำแหละโสเภณีชายและมีศพสุดท้ายเป็นแพทย์คนสำคัญของนครลากูน่าคืออีวาน เฟรริดส์..ซึ่งผลจากการสูญเสียบุคลากรคนสำคัญไปนั้นทำให้คดีนี้ปิดฉากลงอย่างรวดเร็ว ฆาตกรในตอนนั้นมีทั้งหมด 5 คนที่ร่วมกันก่อคดี เอกสารที่ผมได้มาไม่ได้ระบุแรงจูงใจไว้  แต่จากรายชื่อและข้อมูลแล้วก็พอจะรู้อะไรคร่าวๆบ้าง

    คือ...?

    มือเรียวปาดกองกระดาษให้คลี่ไปทีละหน้าจนเห็นรูปภาพที่วาดขึ้นง่ายๆของบุคคลห้าคน

    ฆาตกรทั้งห้าในคดีเมื่อสองปีก่อน...เป็นเหยื่อในคดีนี้ครับ

    สิ้นสุดคำกล่าวของเด็กหนุ่มร่างบาง ความเงียบก็ครอบคลุมชั่วขณะ

    นั่นน่ะ...ชายหนุ่มพึมพำ มือหนายกขึ้นสัมผัสกับริมฝีปากของตนอย่างครุ่นคิด ..เป็นความจริงสินะ..?

    สิ้นเสียงเครียดนั้น ดวงตาคมก็หรี่ลง ก่อนเงยหน้าขึ้นพร้อมรับกระดาษสองปึกจากมือเนลล่าไปดู แล้วเบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างนึกประหลาดใจ

    ผมตรวจสอบหน้าตาและชื่อแล้ว  มีบางคนที่เปลี่ยนชื่อไป หรือถูกลบตัวตนออกจากหลักฐานประชากร แต่พอลองค้นข้อมูจากหลายๆ ที่แล้ว ก็พบว่าข้อมูลของทั้งห้าคนก็ตรงกันหมดเลยครับ

    อันที่จริง ตอนนี้เหยื่อคนที่ห้ายังหลุดรอดไปอยู่...คนที่ผมช่วยไว้ แต่เราก็ไม่รู้ว่า Red Lady จะล่าเหยื่อต่อเมื่อไหร่...

     “ถ้าอย่างนั้น..ก็มีความเป็นไปได้ที Red Lady จะเป็นคนที่มีความแค้นกับเรื่องเมื่อสองปีก่อนสินะ..พูดง่ายๆก็มีความแค้นเป็นแรงจูงใจ....อิลเวสยกมือขึ้นลูบคางอย่างครุ่นคิด เนลล่าขมวดคิ้วคล้ายลังเล ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “..ผมก็คิดแบบนั้น แต่ก็มีโอกาสที่จะมีสาเหตุอื่นเหมือนกัน...

     ..ฉันคิดว่าน่าจะมีแต่สาเหตุนี้นั่นล่ะ หรือไม่งั้นก็ต้องเกี่ยวข้องกับคดีเมื่อสองปีก่อนเพราะการที่เหยื่อทุกรายเป็นฆาตกรในคดีเดียวกันมันออกจะเจาะจงเกินไป แต่..ถ้าแบบนี้ก็พอจะบีบวงแคบได้แล้วอิลเวสพึมพำ อันที่จริงแล้ว..คนที่แค้นเหยื่ออาจมีอยู่เยอะก็ได้..แต่ถ้ารวมกับหลักฐานอื่นแล้ว...

    รูปร่างกลางๆ ไม่สูงใหญ่ไม่บางเกินเนลล่าเปรย ตามด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ดังตาม

     ต้องมีฝีมือในการใช้มีดสูง..มากพอจะทำให้ปากแผลไม่เหวอะหวะ

     “…..พูดถึงฝีมือในการใช้มีดเสียงทุ้มหวานเอ่ยขึ้นเมื่อนึกได้ ก่อนจะดึงข้อมูลชันสูตรศพของเหยื่อคนหนึ่งออกมาพลิกดู “Red Lady ที่เราพบใช้มีดต่อสู้ก็จริง..

    แต่ร่องรอยบนร่างของเหยื่อแต่ละคนมีการใช้มีดที่เป็นระเบียบมากกว่าจะแค่ใช้มีดในการต่อสู้  ดูเหมือนว่าจะรู้จักตำแหน่งอวัยวะบนร่างกาย รู้ว่าต้องลงมีดที่ไหนถึงจะได้ตามที่ใจต้องการ...เป็นระบบ..ที่คล้ายกับการลงมีดบนร่างมนุษย์เพื่อการรักษา

    ครั้งหนึ่งเด็กหนุ่มเคยมีโอกาสได้ไปเยือนเมืองแห่งหนึ่ง เมืองซึ่งดูแปลกแยกจากนครทั้งปวงในอกาธาร์ ดินแดนซึ่งวิทยาการก้าวล้ำจนเกือบถึงขีดสุด...ดินแดนที่พร้อมจะล่มสลายได้ทุกเมื่อ

    [ไชน์]

    ดินแดนซึ่งตัดขาดจากทุกนครในทวีปเดียวกัน

    ในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เขาก็ได้พบเห็นการกรีดร่างมนุษย์โดยไม่ได้ตั้งใจ

    ..ดูเหมือนว่าจากข้อมูลที่เห็น กับร่างที่เขาได้เห็นกับตาในตอนนั้น คงจะทำให้คาดเดาไม่ผิด

    ...นั่นน่าจะหมายถึงต้องมีความสามารถด้านการแพทย์ด้วย ..

    เสียงทุ้มหวานพึมพำเครียด มือเรียวเผลอกำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนคิ้วที่ขมวดมุ่นจะคลายตัว ตามด้วยเสียงถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง สงสัยต้องไปไล่ตรวจสอบรายชื่อของพวกหมอในลากูน่าแล้ว...

    เราไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกนะอิลเวสเอ่ยเสียงเฉียบขาด ดวงตาเหล่มองร่างข้างกายที่บัดนี้ล้มตัวลงนั่งกับเก้าอี้นุ่ม ซินเธียต้องการให้เราจับฆาตกรให้ได้ภายในคืนนี้

    เด็กหนุ่มที่ได้ยินเช่นนั้นเบิกตากว้าง ทะลึ่งลุกพรวดจากเก้าอี้พร้อมส่ายหัวไปมาอย่างเร็วแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกครับ! แม้แต่คนร้ายเราก็ยังไม่ได้รู้ แล้วไหนจะหลักฐานอีก.....

    ยังไงก็ต้องจับให้ได้ภายในคืนนี้อยู่ดี หลักฐานไม่ต้องหรอก ขอแค่รู้แน่จริงๆ ว่าใครเป็นคนร้ายก็พอ ถึงตอนนั้นก็จับส่งหาซินเธียซะเป็นอันจบเอ่ยราวกับเป็นเรื่องง่ายดายจนเนลล่าส่ายหัวไปมาแล้วกุมขมับ เด็กหนุ่มเจ้าของผมขาวเหลือบม่วงทรุดลงนั่งยองๆกับพื้น ยกมือข้างหนึ่งเสยผมแล้วพึมพำออกมาเบาๆไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องรีบขนาดนั้น...

    ดูเหมือนในคืนจันทร์เต็มดวงคืนนี้ภูติน้ำแห่งลากูน่าจะเข้าจำศีล ไม่รู้อีกกี่ปีจะตื่นร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ หากในน้ำเสียงกลับแฝงแววเครียดไว้อย่างแผ่วปลาย ดวงตาสีทับทิมเหลือบขึ้นมองร่างสูงใหญ่ ก่อนจะหลุบลงมองพื้นตามเดิม

    ความเงียบปกคลุมโรยตัวพร้อมความเครียดชั่วขณะ ก่อนเสียงกรอบแกรบของกระดาษจะดังขึ้นทำลายบรรยากาศที่เกิดขึ้น

     ...ที่จริงฉันได้ข้อมูลอีกอย่างมาเสียงทุ้มต่ำว่าพลางล้วงกระเป๋าเข้าไปหยิบกระดาษที่ถูกเทวดาหนุ่มมอบให้กับมือ ก่อนจะคลี่ออกแล้วยื่นให้เด็กหนุ่มผมขาวดู

    กระดาษซึ่งมีรายชื่อของคนอยู่ 13 คน

    ดวงตาสีทับทิมไล่สายตาไปตามรายชื่อที่เรียงลงมา ก่อนจะสะดุดที่ชื่อชื่อหนึ่ง

    X. อีวาน เฟรริดส์

    X…หมายเลข 10 ..ตัวเลขที่สลักลงบนมีดซึ่งเขาได้มา!

    นี่มัน...

    มีดนั้นเป็นมีดสั่งทำพิเศษ มีอยู่บนโลกนี้แค่ 13 เล่ม เป็นมีดที่ผู้ครองเมืองมอบให้ผู้ที่เธอถูกใจ 13 คน มีดที่เธอได้มาเป็นหมายเลขสิบ ซึ่งมีดเล่มนั้นเป็นของอีวาน..อีวาน เฟรริดส์...ตามบันทึกของผู้ได้รับมีดนั่นจากผู้ครองเมือง

    ..มีดของคนที่ตายไปแล้ว..

    ทำไมถึงปรากฏในมือของฆาตกร!

     จะว่าไปแล้ว....มีดที่ Red Lady ใช้ก็มีรูปลักษณ์เดียวกัน งั้นคนร้ายก็อาจจะเป็นคนในรายชื่อนี้......เนลล่าพึมพำขึ้นมา ความคิดเริ่มเชื่อยโมงกันเป็นจุดๆ ก่อนจะไล่สายตาลงไปเรื่อยๆแล้วเอ่ยขึ้น ในรายชื่อนี้มีสี่ห้ารายที่เป็นแพทย์ครับ ทีนี้น่าจะพอกำหนดตัวคนร้ายได้แล้ว ที่เหลือก็ต้องหาตัวให้พบแล้วยืนยันหลักฐาน....

    ....XIII. เอลส์ เฟรริดส์

    ชื่อซึ่งทำให้หัวใจของเนลล่าจมดิ่งลงไป ชื่อซึ่งอาจไม่แปลกหากจะปรากฏขึ้นบนรายชื่อนี้ ในเมื่อเจ้าตัวทำงานใกล้ชิดผู้ครองเมือง แต่ทว่า….

    .....ไม่น่าใช่....แต่ว่า...

    ความผิดปรกติบางอย่างแล่นวูบไหวในความคิดของเนลล่า เหตุกาณ์ผิดปรกติซึ่งบัดนี้หวนกลับคืนให้เขารู้สึกสะกิดใจ

    มีดของอีวาน...เฟรริดส์ ตอนนั้นถ้าอีวานตายไปแล้ว..มีดควรจะตกอยู่ที่ใคร..?

    มีฝีมือทางการแพทย์..อาการชะงักที่พบเขา คำพูดแปลกๆที่เผลอได้ยินในวันนั้น..?

    บางที...

    อิลเวสครับ ช่วยหากระดาษที่แผ่นกว้างๆให้ผมหน่อย อยู่ในกองนั้น!!”เนลล่าร้องลั่น ก่อนที่ตัวเองจะลงมือหาของอีกอย่างในกองกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ ส่วนอิลเวสที่ถูกสั่งก็รีบไปหากระดาษแผ่นใหญ่ๆที่ว่ามา มือหนายื่นให้เด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กับที่เนลล่ารับไปโดยไม่พูดไม่จาอะไร มือเรียวรีบเปิดกางกระดาษซึ่งเต็มไปด้วยตัวอักษรและตัวเลขหวัดๆแผ่นนั้น ก่อนจะจำกระดาษเล็กๆอีกแผ่นมาวางเทียบกัน

    นั่น...

    ตารางเวรสถานที่ราชการทุกที่ในลากูน่าครับ

    แล้วมันทำไมรึ?

    “…เวลาเกิดเหตุ กับเวลาเข้าออกเวรการทำงานของแต่ละคนครับเสียงพึมพำดังแผ่วเบา ๆ ขณะไล่สายตาลงบนตารางเวรอย่างรวดเร็วถ้าผมคิดถูกล่ะก็ ที่ Red Lady ลงมือแค่ยามสนธยา..และที่ในคดีที่สี่เขาลงมือในช่วงกลางคืน..คงจะเป็นเพราะว่า....

    ไม่จริงหรอก นี่มันคงแค่บังเอิญ..แต่..

    ..แต่ทำไมเวลามันถึงเหมาะเจาะแบบนี้นะ..

    เหมาะเจาะจนเกินไป...............

    รู้ตัวคนร้ายแล้วงั้นหรือ..?เสียงทุ้มกระซิบถามอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อใบหน้าที่เงยขึ้นจากโต๊ะปรากฏร่องรอยของความเจ็บปวด....ทรมาน

    รอยยิ้มขื่นพาดผ่านบนใบหน้าขาวนวล

    ...ไม่เชิงหรอกครับ แต่..คิดว่าคงจะเป็นคนคนนี้แค่สัญชาตญาณ...และผมก็พอจะเดาได้แล้วว่าจะพบเขาที่ไหน.....

    Red Lady จะต้องปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแน่นอน..เพื่อล่าเหยื่อคนสุดท้ายที่หลุดรอดไป...

    เหยื่อที่หลุดรอดไปด้วยฝีมือของผม....

    ริมฝีปากขบแน่น ดวงตาวูบไหวคล้ายจะแตกร้าว มือเรียวกำแน่นจนสั่นระริก ก่อนเจ้าของเส้นผมสีขาวอมม่วงจะสูดลมหายใจลึก แล้วเอ่ยขึ้น “แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจนักหรอกนะครับ ก่อนอื่นผมคิดว่าเราน่าจะลองไปหาคนที่อยู่ในรายชื่อทั้งสิบสามคนก่อนยังมีเวลาอีกเยอะกว่า Red Lady จะปรากฏตัว..ถ้ามันเป็นไปตามที่ผมคิดน่ะนะ”

    ลองหาหลักฐานอื่นเพิ่ม เพื่อที่บางที..เขาอาจจะคิดผิด เพื่อที่บางทีความคิดที่ผุดวูบขึ้นมานี่อาจจะผิดพลาดและเชื่อถือไม่ได้

    ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน

     อิลเวสยืนนิ่งมองเพื่อนร่วมเดินทางของตน ก่อนจะวางมือลงบนบ่าของเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วกดหนักพร้อมเอ่ยขึ้นเชิงห่วงใย

     “เธอยังไม่ต้องพูดออกมาก็ได้นะว่าเธอสงสัยคือใคร

    ใบหน้านวลเงยมองดวงตาสีทอง รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นในใบหน้า ก่อนเด็กหนุ่มจะส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยขึ้นไม่หรอกครับ..เพราะถึงผมไม่พูดซะตอนนี้ วันนี้เราคงได้รู้กันอยู่ดี

    บางที Red Lady น่ะ…..คงจะเป็น...................”

    .

    .

    .

    ติ๋ง ติ๋ง

    ซ่า..............

    สายฝนพร่างพรม ร่วงหล่นตกต้องผืนดินและผืนน้ำในดินแดนลากูน่า เริ่มจากเพียงหยาดน้ำที่ต้องกระทบแผ่วเบาเพียงประปราย กระทั่งหนักขึ้นจนกลายเป็นห่าฝนที่ร่วงหล่นลงมาอย่างหนักจนบัดบังทัศนียภาพทั้งมวล

     “ตาแก่ เอาของเข้าร้านเร้ว!! ฝนตกแล้ว!”หญิงวัยกลางคนร้องลั่นพลางวิ่งออกไปหยิบลังผลไม้ที่วางเรียงรายอยู่นอกร้านเข้ามาไว้ข้างใน เป็นธรรมดาที่คนค้าขายต้องรีบเก็บของเข้าบ้านเพราะหากเปียกฝนแล้วจะทำให้สินค้าเสียหายและผุพังไป เช่นเดียวกับนักเดินทางและเรือส่วนตัวหลายลำที่เจ้าของจำต้องรีบนำจอดเทียบท่าแล้ววิ่งหาที่หลบฝนซึ่งจู่ๆก็ตกลงมาอย่างไมมี่คำเตือน

     แปลกจริงๆ...ลากูน่าไม่มีฝนตกมานานแล้วนะ

    เสียงของใครบางคนรำพึงขึ้น

     

    แฮ่ก..แฮ่ก...

    มันมาแล้ว มันมาอีกแล้ว

    ร่างของคนที่ไล่ล่าเขาในวันนั้น

    ในคืนวันนั้นเขารอดมาได้เพราะโชคช่วย หากวันนี้เล่าใครจะมาช่วยเขา

    สายฝนที่ตกลงมาจนทั่วร่างเปียกปอนทำให้วิ่งได้ลำบากกว่าเก่า ภาพเบื้องหน้าดูเลอะเลือนด้วยม่านพิรุณที่บดบัง

    เรือนผมสีทองสว่างเปียกชื้นแนบลำคอ ดวงตาสีฟ้าทอประกายความหวาดกลัว โลหิตที่ต้นแขน..หลั่งรินและถูกชะล้างให้หายไปกับสายฝนที่กระหน่ำต้องร่างกาย

    ใกล้เข้ามาแล้ว

    แม้เสียงฝนจะโปรยปกปิด แม้ภาพเบื้องหน้าเลอะเลือนบดบัง

    เสียงฝีเท้า เสียงลมหายใจ

    สัมผัสแห่งเพชฌฆาต

    อุ่ก!”

    โครม!!                                          

    ร่างของชายหนุ่มล้มลงกับพื้นหินเสียงดังลั่น ขณะร่างภายใต้เงาฝนนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามา เจ้าของดวงตาสีฟ้าพยายามลุกขึ้น แต่แล้วสิ่งที่ดังออกมากลับเป็นเสียงกรีดร้องด้วยความทรมาน

    อ๊ากกกกกกกกก!”

    เสียงโหยหวนดังขึ้น เมื่อความเจ็บปวดแล่นปราดขึ้นจากข้อเท้า พลันประสาทสัมผัสที่ส่วนนั้นก็ดับหายไป..

    เขาถูกแทง??

    นาย.......

    เสียงอันวังเวงดังแผ่ว

    นายไม่มีวัน..รอดไปได้หรอก....

    เสียงซึ่งดังใกล้เข้ามาพร้อมฝีเท้า

    ตึก..ตึก...

    ร่างสีดำยิ่งเข้าใกล้จนเห็นได้ชัด หากใบหน้ากลับถูกปกปิดด้วยความมืดและหมวกที่คลุมถึงศีรษะ

    ไม่ว่าจะหนีไปอีกกี่ครั้ง ก็จะฆ่านายให้ได้.....

    ฉึก!!

    อั่ก!!”

    มีดถูกปล่อยลงจากด้านบน ทะลุลงที่สีข้างของชายหนุ่ม หยาดเลือดไหลรินหลอมรวมเข้ากับสายฝน กลายเป็นธารเลือดสีแดงที่อาบย้อมรอบกาย

    ลมหายใจติดขัด หัวใจก็เต้นเร่าราวกับจะหลุดออกมา

    ในดวงตาเห็นเพียงภาพของมัจจุราชสีเทาที่ใกล้เข้ามา

    สายฝนดังกระหน่ำซาซัด หากกลับได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจด้วยความหวาดกลัวของตน

    ไม่..ได้..โปรด..ไว้ชีวิต อ๊าก!!”เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมร่างที่กระตุกขึ้น เมื่อรองเท้าหนังภายใต้ผ้าคลุมพลันยกขึ้นเหยียบลงบนมีดที่ฝังลึกบนร่างของชายหนุ่มให้ยิ่งแทงลงบนร่างมากไปกว่าเดิม ช่วยด้วย..ช่วยด้วย..ใครก็ได้ ช่วยด้วย...

    ช่วยเขาด้วย ช่วยเขาด้วย

    เขายังไม่อยากตาย ไม่อยากตายอย่างทรมาน ยังอยากมีชีวิตอยู่ ยังอยากอยู่ต่อไป

    ช่วยด้วย..ไม่อยากตาย..ไม่อยาก..ต.ย...

    ร่างที่แผ่ราบกับพื้นหินเปียกฝนพึมพำซ้ำไปซ้ำมาด้วยดวงตาเลื่อนลอยและเสียงแห้งผาก ผู้ไล่ล่าแค่นหัวเราะดังแผ่วเบา ตามด้วยเสียงกระซิบใคร่สังหาร

    ตายซะ

     

    หยุดอยู่ตรงนั้นแหละครับ

    เสียงทุ้มกังวานอันราบเรียบดังขึ้น หยุดทุกสรรพสิ่งในที่นั้นให้แข็งทื่อราวกับถูกหยุดเวลา

    เสียงหยาดฝนโปรยปรายดังอย่างสม่ำเสมอ ขณะร่างหนึ่งค่อยๆเดินใกล้เข้ามา

    ดูเหมือนผมจะมาทันเวลาสินะครับ..ทันก่อนที่การกระทำของคุณจะสัมฤทธิ์ผล....

    เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วเบา ดวงตาสีโลหิตจ้องไปยังร่างใต้เงาฝนที่กำลังค่อยๆ หันมามอง ร่างนั้นยืนขึ้น มองร่างที่ยืนห่างออกไปอย่างไร้อารมณ์

    ดูเหมือนว่าผมจะเดาถูกสินะครับ ว่าคุณจะปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้เอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน หากผู้ล่าหาได้ใส่ใจไม่ ร่างใต้ผ้าคลุมหนายกมือซึ่งกำด้ามมีดอยู่ขึ้นเตรียมจะแทงลงบนร่างของเหยื่ออีกครั้ง แต่แล้วกลับถูกบางสิ่งดันให้กระเด็นออกมา

    เคร้ง!!!

    มีดหมุนคว้างในอากาศ แล้วร่วงหล่นลงกระทบพื้นหินเจิ่งนอง

    เสียงของฝีเท้าดึงใกล้เข้ามา..พร้อมคำพูดอันเยือกเย็นที่ดังกังวานชัดเจน

     แย่หน่อยนะครับ แต่เมื่อครู่ผมได้ลงมนต์ปกป้องคนคนนั้นไว้แล้ว คุณไม่มีวันแตะต้องเขาได้อีกเป็นครั้งที่สองแน่

    ผู้ไล่ล่ายืนนิ่ง หยิบมีดขึ้นมาไว้ในมือตน ถอยห่างจากร่างของเหยื่อที่นอนสั่นกลัวอยู่บนพื้นแล้วจ้องไปยังคนแปลกหน้าอีกครา

    เนลล่าค่อยๆก้าวเดินฝ่าม่านฝน ดวงตาสงบจ้องมองร่างตรงหน้านิ่ง ก่อนจะหยุดลง แล้วเอื้อนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันกังวาน

    ...เรดเลดี้...ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องฆ่าคนด้วยการหั่นร่างของพวกเขาเป็นชิ้นๆ แต่ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจแล้ว ถึงเหตุผลของการกระทำของคุณ

    ทีแรกผมไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก เพราะในรายชื่อของสินค้าไม่มีชื่อของเหยื่อทั้งห้าคนอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะคิดผิด เพราะดูเหมือนว่า..แฟ้มชันสูตรศพนี้จะถือเป็นรายชื่อสินค้ากลายๆ นี่เอง

    สำหรับนครอื่นที่ใช้เหยื่อบูชายัญแล้ว ลากูน่าดูเหมือนจะเป็นแหล่งผลิตสินค้าชั้นเยี่ยมสินะครับ ถ้าอยากได้สินค้าเป็นๆ ก็จะได้จากหอรุ้งเจ็ดสี..แต่ถ้าต้องการแค่อวัยวะ หรือร่างไร้วิญญาณ ก็จะซื้อได้จากสถานพยาบาล

    ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ทางการจะไม่รู้เรื่อง มันก็แน่นอนนะครับ เพราะแฟ้มการชันสูตรของจริงไปหลบอยู่ในห้องเก็บของที่ไม่มีความสำคัญอะไร ส่วนแฟ้มที่ทำขึ้นหลอกๆก็นอนนิ่งในตึกเก็บเอกสารสำคัญของนคร....โดยที่แทบจะไม่มีใครใส่ใจ น่าแปลกจริง ทั้งที่เป็นนครที่ที่วิทยาการการแพทย์เจริญก้าวหน้าแท้ๆ แต่กลับดูเหมือจะไม่ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้เอาเสียเลย

    เป็นความโชคดีของคุณที่ผู้ตายเป็นโสเภณีชายซึ่งไม่ได้รับสวัสดิภาพทางสังคม ดังนั้นการสืบสวนคดีจึงไม่ได้จริงจังมากนัก รวมทั้งประเด็นบังเอิญที่ว่าจะต้องมีเส้นผมสีทองและดวงตาสีฟ้ารวมทั้งมีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกันนั่นและเป็นโสเภณีชาย..ทำให้ทุกคนมองข้ามไปว่าที่จริงแล้วเหยื่อทั้งสี่คนที่ตายไป ล้วนเป็นฆาตกรในคดีเมื่อสองปีก่อนทั้งสิ้น...

    ที่จริงถ้าข้อมูลชันสูตรศพถูกต้อง ก็จะรู้ว่าร่องรอยบนร่างกายเกิดจากของมีคมที่ยาวประมาณยี่สิบเซนต์ คมกริบ ร่องรอยซึ่งบอกว่าเกิดจากมีดซึ่งเป็นของสั่งทำพิเศษจากเจ้าเมืองที่มอบให้คนสิบสามคนที่เธอถูกใจ

    นอกจากนี้ รอยผ่าบนร่างของเหยื่อก็สวย..สวยจนเกินไป รอยซึ่งบ่งบอกได้ว่าฆาตกรเป็นผู้ใช้มีดที่เก่งกาจ และจากการที่รู้ตำแหน่งอวัยะบนร่างกายเป็นอย่างดี ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกด้วยว่ามีฝีมือในการแพทย์ ซึ่งหากรวบรวมรายชื่อแพทย์ที่มีอยู่ไม่มากในนครลากูน่ามาก็คงพอจะจำกัดตัวผู้ต้องสงสัยได้

    สำหรับเรื่องของเวลาที่จะต้องเป็นช่วงสนธยา ก็เพราะหากพระอาทิตย์ไม่ตดิน เหยื่อของคุณก็คงจะไม่ได้ออกมาเดินอยู่บนถนน...โดยเฉพาะบนถนนเลดเซที่ได้ชื่อว่าเป็นถนนแห่งความตายสินะครับ

    เสียงหวานทุ้มหยุดหายไป ตามด้วยเสียงของร่างที่สองที่เดินเข้ามา

    ที่จริงแล้วถนนเลดเซมีทางลับเชื่อมกับหอแต่ละหอในเขตเริงรมณ์ เพราะฉะนั้นบางครั้งโสเภณีชายซึ่งไม่มีช่องทางทำมาหากินจึงมักจะใช้มันออกมาหาลูกค้าที่ถนนสายนี้  เป็นเรื่องที่รู้กันอย่างลับๆ ในการแลกเปลี่ยนสินค้า คุณที่รู้เรื่องนั้นอยู่แล้วจึงใช้ถนนเลดเซเป็นเวทีในการก่อคดี

    อิลเวสเอ่ยราบเรียบ ก้าวขึ้นมายืนข้างเด็กหนุ่มร่างบาง ดวงตาสีทองคมปราดมองตรงไปยังร่างที่ยืนห่างออกไป ก่อนเนลล่าจะเป็นฝ่ายพูดต่อไป

    สำหรับคุณแล้วยิ่งเป็นถนนที่มีข่าวลือเรื่องอาถรรพ์....การจะค้นหาความจริงก็ยิ่งลำบาก และขาดแรงจูงใจที่จะทำ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ล่อให้เหยื่อของคุณปรากฏตัวได้ง่ายขึ้นเสียด้วย

    และอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องปรากฏตัวในช่วงเวลานั้น...ก็เพราะว่าคุณมีเวลาว่างที่พอจะปลีกตัวมาแค่ช่วงนั้นใช่ไหมล่ะครับ? เรดเลดี้..ไม่สิ

    ..รีเรท เฟรริดส์!!”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×