ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    If Only I Can Touch You [Yaoi, BL]

    ลำดับตอนที่ #12 : Part II : ผู้ร่วมทาง : CH 5 : ภาพสะท้อนบนเปลือกไม้[60%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 132
      5
      22 เม.ย. 57

    หัวใจของข้าเริ่มสงบลง

    ความเศร้ายังไม่หายไป ทว่าความทรมานเริ่มคลายลง

    ข้าเริ่มมอง..มองผู้ที่บอกว่ารักข้าอย่างเต็มตา

    ข้าเริ่มคุยกับคนผู้นั้น ทำในสิ่งที่สมัยก่อนข้าทำได้โดยไม่มีปัญหา

    ทว่าบัดนี้กลับยากเย็นแสนเข็ญเพราะความทรมานจากการสูญเสีย

    ข้าคุยกับคนผู้นั้น มองเห็นคนผู้นั้นชัดเจนกว่าเดิม

    มองจนกระทั่งเห็นว่าคนผู้นั้นเปราะบางเพียงใด

    ข้ามอบนามให้คนผู้นั้น ถามสิ่งที่คนผู้นั้นชอบ และคนผู้นั้นก็ร้องไห้

    ข้ารู้สึกว่า..ข้าปล่อยคนผู้นี้ไปไม่ได้จริงๆ

     

    Part II : CH5 : ภาพสะท้อนบนเปลือกไม้

    แล้ว..ตกลงเจ้าชอบอะไร

    ชายหนุ่มเอ่ยถามผมเช่นนั้นระหว่างที่เรากำลังเก็บสมุนไพรและผักป่า

    ผมหันไปมองเขา นิ่งไปเพื่อครุ่นคิดคำตอบ เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่หยุดมือซึ่งกำลังถอนเห็ดขึ้นมา และนั่งจ้องผมอย่างสงสัยใคร่รู้

    นี่ก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่ชายหนุ่มเอ่ยถามผมเช่นนี้ และเป็นครั้งที่สามเช่นกันที่ผมไม่รู้ว่าควรตอบอะไรออกไป

    ผมเม้มริมฝีปาก นัยน์ตาเหลือบมองชายหนุ่มที่จดจ้องมาที่ตน ผมพยายามเค้นความรู้สึกของตัวเองว่ามีอะไรที่ชอบบ้าง..ทว่าต่อให้คิดหนักแค่ไหน สิ่งสิ่งเดียวที่ผมให้ความสำคัญก็เป็นชายหนุ่มอยู่ดี

    ผมคิดว่าจะตอบออกไปตามที่ใจคิด แต่ผมรู้สึกว่าการตอบออกไปว่าชอบเขาออกจะประหลาดอยู่ซักหน่อย อีกอย่างถึงแม้ความสัมพันธ์ของเราจะดีขึ้น ผมก็ยังไม่กล้าพอที่จะ บอกรักเขาอีกครั้งรวมทั้งไม่มีความกล้าที่จะถามไถ่ถึงมันด้วย

    แต่ถึงอย่างนั้น การบอกเขาว่าผมชอบอะไรนอกเหนือไปจากตัวเขานั้นเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ตลอดมาผมให้ความสำคัญแต่กับตัวตนของชายหนุ่ม สิ่งอื่นใดนอกเหนือจากนั้นไม่อยู่ในความสนใจของผมแม้แต่น้อย

    ผมครุ่นคิดอยู่นานท่ามกลางการรอคอยของเขา แต่สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ยิ้มแหยๆ ให้ชายหนุ่ม พร้อมกับเอ่ยพึมพำเสียงแผ่วเบา ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ…’

    ชายหนุ่มนิ่งรับฟังคำตอบของผม ก่อนที่เขาจะพรูลมหายใจ และยิ้มบางๆ ให้ผม ช่างเถอะ..ถ้าคิดออกก็บอกข้าด้วยแล้วกัน เพราะข้าอยากรู้..’

    ผมผงกหัวให้เขา คาดหวังในใจว่าจะสามารถตอบคำถามเขาได้ซักวันหนึ่ง

     

    +++++++++++++++++++++

    หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปแล้ว นับแต่วันที่ผมได้รับชื่อของตนมา

    ระหว่างนั้นความสัมพันธ์ของผมและเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเราพูดคุยกันมากขึ้น สนิทสนมกันมากขึ้น บทสนทนาที่เคยตะกุกตะกักเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน บัดนี้ลื่นไหลและต่อเนื่องอย่างน่าตกใจ จะมีชะงักบ้างก็เพราะผมที่ไม่คุ้นชินกับบทสนทนา แต่ในเวลาแบบนั้น เขาก็จะหลุดหัวเราะออกมา และต่อบทสนทนาต่อไปเรื่อยๆ อย่างอ่อนโยน

    ผมเริ่มช่วยเขาเก็บผักป่าและสมุนไพรที่พอจะใช้การได้ ชายหนุ่มสอนผมว่าผักแบบไหนกินได้ เห็ดแบบไหนเป็นเห็ดพิษ สมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณอย่างไร สอนวิธีก่อไฟละวิธีทำอาหารอย่างง่ายๆ ครั้งหนึ่งเราพบกระต่ายป่าโดดผ่านหน้าไป แล้วผมก็ช่วยเขาดักจับมันเพื่อนำไปทำเป็นอาหารมื้อเย็นของเรา

    เมื่อถึงยามค่ำ ผมกับเขาก็มักจะพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย อาจจะเป็นเรื่องราวที่พวกเราเจอในวันนั้น หรือเรื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว แต่ปกติแล้วชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายที่เล่าเรื่องต่างๆ ออกมาโดยมีผมเป็นผู้รับฟัง นานๆ ครั้งผมถึงจะเป็นฝ่ายเล่าให้เขาฟังบ้าง..ซึ่งหากเทียบสัดส่วนแล้วผมก็เล่าน้อยกว่าเขาโขทีเดียว

    สิ่งที่ผมเล่ามักจะเป็นนิทานเพ้อฝัน ไม่ก็เรื่องประหลาดๆ ที่ผมกลั่นกรองออกมาจากความทรงจำของตน ชายหนุ่มมักจะหัวเราะเสมอที่ได้ฟังผมเล่า เขาบอกว่าเขาคลับคล้าบคลับคลาเหมือนเคยฟังเรื่องเหล่านั้นเมื่อนานมาแล้ว บางทีอาจจะเป็นสมัยที่เขายังเด็กมากจนตัวเขาในตอนนี้ไม่อาจจำได้ ..ซึ่งก็เป็นความจริง

    เรื่องเล่าของผมล้วนเป็นเรื่องเล่าจากช่วงเวลาที่เขาเป็นเพียงเด็กชายตัวน้อย.. เป็นเด็กชายที่รักและเคารพบิดามารดา ดื้อรั้นและแสนซนเช่นที่เด็กทั่วไปเป็น

    ชายหนุ่มไม่ได้ถามอะไรผมมากมายนัก รวมทั้งพยายามไม่แตะต้องผม ดูเหมือนชายหนุ่มจะเข้าใจว่าผมหนีอะไรมา และบางทีผมอาจเกลียดกลัวการถูกสัมผัส ซึ่งแม้จะผิดไปจากความผิดอยู่โข ผมก็ไม่คิดจะแก้ความเข้าใจผิดนั้นของเขา

    เพราะถึงแม้จะน่ารังเกียจ นั่นก็เป็นป้อมปราการหนึ่งเดียวที่ผมมี

    ++++++++++++++++++++

    หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องที่ผมไม่คุ้นเคยสองเรื่อง

    เรื่องแรกคือเรื่องการนอนหลับ

    ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาผมไม่เคยหลับใหลเลย ทว่าหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผมกลับรู้จักความรู้สึกง่วง ผมไม่จำเป็นต้องนอนมากอย่างเขา กระนั้นก็มักจะเผลอผล็อยหลับไปในยามค่ำคืนและตื่นขึ้นมาตอนที่แสงสว่างอาบฟากฟ้าเป็นสีทอง

    ช่วงแรกๆ ที่ผมเริ่มรู้สึกง่วง ผมเป็นกังวลเสมอว่าตนจะหลับไปก่อนชายหนุ่มและตื่นหลังเขา แต่สุดท้ายแล้ว ผมมักจะตื่นทันเห็นเขานอนหลับอยู่ และกล่าวราตรีสวัสดิ์กับเขาหลังจากเขาหลับไปแล้วเสมอ หากกิจวัตรประจำวันเหล่านี้ยังคงอยู่ การนอนหลับที่ทำให้ผมข้ามผ่านช่วงเวลาอันเงียบเหงาไปได้ก็นับว่าล้ำค่าทีเดียว

    อีกเรื่อง….อาจจะเป็นชื่อของผม

    แรกๆ ผมยังไม่คุ้นกับชื่อเรียกของตนนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มคุ้นชินกับการถูกเรียกด้วยชื่อที่เขาตั้งให้ ทุกงครั้งที่ชายหนุ่มเรียกชื่อของผม ผมจะรู้สึกแปลกๆ ทั้งดีใจ ทั้งรู้สึกเขินในเวลาเดียวกัน

    ผมไม่กล้าถามว่าชื่อของผมมีความหมายหรือเปล่า และผมไม่มีความสามารถที่จะอ่านความหมายของมันจากแผ่นหนังหลายๆ แผ่นมัดกันที่เขาเรียกว่าหนังสือ เหตุผลหนึ่งเพราะตอนนี้เราไม่มีของแบบนั้น และผมอ่านหนังสือไม่ออก

    เรื่องนั้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บใจอยู่บ้าง ที่ในช่วงเวลาที่เฝ้ามองเขา ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนไปกับเขาด้วย

    ผมรู้สึกปรารถนาใคร่รู้ ชื่อที่เขาตั้งให้มีความหมายว่าเช่นไร เขามองตัวตนของผมแบบไหนถึงได้ตั้งชื่อด้วยความหมายนั่น แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ชายหนุ่มจะตั้งขึ้นมาส่งๆ ดังนั้นผมก็เลยกลัวจนไม่ได้ถามออกไป

    ถึงกระนั้น การได้หลับใหลและความรุ้สึกแห่งการมีตัวตนเวลาที่ถูกเขาเรียกชื่อ ก็ทำให้ผมสั่นไหวและวาบหวามในหัวใจอย่างประหลาด

    ผมมีความสุขทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับแสงทองของรุ่งอรุณ ได้เห็นใบหน้ายามหลับใหลและยามตื่นนอนของเขา รวมทั้งได้ยินเสียงของชายหนุ่มเรียกนามของตน

    บางครั้ง..ผมก็กลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเพียงความฝัน แต่ในเมื่อผมไม่เคยหลับใหลและไม่เคยฝันซักครั้งในชีวิต ผมก็ปรารถนาจะเชื่อว่านี่คือความจริง

    แต่ยิ่งกว่าความไม่คุ้นเคยอันแสนสุข คือความเปลี่ยนแปลงอันน่ายินดีที่ผมเฝ้าคอยมานาน

    ..ชายหนุ่มเริ่มกลับมาแกะสลักแล้ว

    ผมไม่แน่ใจนักว่าผมเข้าใจถูกไหม แต่หลังจากที่เราคุยกันครั้งนั้น ชายหนุ่มก็คล้ายกับปล่อยวางบางสิ่งได้ เขาเริ่มคัดไม้ฟืนที่เนื้อหนาพอจะแกะสลักได้ เริ่มจับอุปกรณ์ในถุงมาเปิดดูแล้วขมวดคิ้ว เริมที่จะใส่ใจกับรูปลักษณ์ของใบไม้และสิ่งของอีกครั้ง

    แรกๆ เขายังคงไม่คุ้นชินกันมันนัก หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยแตะต้องอุปกรณ์แกะสลักของเขาเลย อีกทั้ง..เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งมันลงกองเพลิง คมมีดของเครื่องแกะสลักจึงบิดเบี้ยวและทื่อลง หรือไม่ก็ด้ามจับไหม้ไปบางส่วน ชายหนุ่มต้องใช้เวลานานทีดียวในการลับและบิดมันให้กลับมาดีดั้งเดิม จึงจะเริ่มลองกดคมมีดลงบนเนื้อไม้เพื่อแกะลายได้

    ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ

    ผมจำได้ว่าผมแถมลืมหายใจ ตอนที่เขาค่อยๆ ไสมีดลงบนเนื้อไม้ เปลวเพลิงระริกไหวในดวงตาของเขา มันสะท้อนความรู้สึกมากมายออกมา

    ความรัก ความเสียใจ ความโหยหาอาลัย ความสูญเสีย และความรำลึกถึง

    ชายหนุ่มกัดรอมฝีปากเบาๆ เขาค่อยๆ ขยับใบมีดไปบนเนื้อไม้ เสียงของผิวไม้ที่แตกออกจากกันดังกังวานในความเงียบที่มีเพียงเสียงปะทุของเปลวไฟ

    ท่าทางของเขาเก้ๆกังๆ ไม่ลื่นไหลเช่นการก่อน กระนั้นเขาก็ไสมีดลงไปอย่างระมัดระวัง ละเอียดรอบคอบ และให้ความใส่ใจ ไม่นานนัก ไม้ชิ้นแรกที่แกะสลักหลังจากที่ไม่ได้จับต้องมานานออกมาเป็นรูปเป็นร่าง  

    ผมขมวดคิ้วมองอยู่นานเพราะเดาไม่ออกว่ามันคืออะไร ผมรู้ว่ามันออกมาเป็นรูปร่างแล้ว แต่รูปร่างดังกล่าวดูประหลาดพิลึกจนผมไม่รู้จะเปรียบเทียบมันกับอะไร และอาจเพราะเขาเห็นว่าผมส่งสายตางุนงงใส่ผลงานชิ้นนั้น เขาถึงได้หัวเราะแล้วบอกออกมา

    ข้าพยายามแกะดอกไม้ชายหนุ่มบอกผมแล้วเกาหน้าเขินๆ เป่าขี้เลื่อยออกและใช้นิ้วปัดทำความสะอาดผิวของมัน แต่ข้าไม่ได้แกะมานาน มือไม้จึงไม่เข้าที่ แต่ว่าเอาเถอะ….’

    ชายหนุ่มพึมพำได้แค่นั้นก็เงียบไป เขาหลุบตาลง ทว่านิ้วยังคงลูบไปบนไม้สลักรูปดอกไม้ที่ไม่มีความงดงาม

    แปลกดีเหมือนกัน..’ ชายหนุ่มพึมพำขึ้น ข้าเคยเจ็บปวดแทบตาย..ตอนที่แกะสลักแล้วนึกถึงอดีต

    พูดได้เท่านั้น เขาก็เงียบไปอีกครั้ง นัยน์ตาของเขาหลุบลงยามครุ่นคดถึงความหลัง ทว่าในแววตานั้นไม่มีความโศกเศร้าอันหนักหน่วงอีกแล้ว..

    เหลือเพียงความคิดคะนึงโหยหาอันเบาบาง

    ผมชันเข่าขึ้นกอด มองเขาที่ยังคงลูบดอกไม้ดอกนั้นอย่างทะนุถนอม

    ‘…ตอนนี้..เท่านี้ก็พอแล้ว…’ ชายหนุ่มพึมพำแผ่วเบาคล้ายบอกกับตัวเอง เพียงทำได้โดยไม่เจ็บปวด…’

    เขาพรูลมหายใจ รอยยิ้มบางๆผุดบนดวงหน้าอ่อนโยนของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันมาบอกผมว่าควรนอนได้แล้ว และเทขี้เถ้าใส่กองไฟให้ดับวูบลง

    +++++++++++++++++++++++++++++

    คุยกับคนเขียน [60%]

    ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากเอาเพลงสามเพลงมาให้ผู้อ่านฟัง

    เพลงแรก คือเพลงนี้ค่ะ 


    http://www.youtube.com/watch?v=6BXN8p2z60Q


    นี่เป็นเพลงที่เป็นต้นกำเนิดของนิยายเรื่องนี้อย่างแท้จริง ความจริงเนื้อเพลงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องเลยค่ะ แต่ท่อนฮุคของเพลงนี้ทำให้คนเขียนซึ่งตอนนั้นฟังเพลงนี้ไปแต่งไป เห็นฉากๆ หนึ่งขึ้นมา (เป็นฉากที่ผ่านไปแล้วค่ะ ใครทราบนี่เก่งมาก แสดงว่าคิดเหมือนคนเขียน XD) ประกอบกับตอนนั้นมีพล็อตแปลกๆในหัว เลยประกอบเข้ากัน กลายเป็นเรื่องอย่างที่อ่านค่ะ



    เพลงที่สองคือเพลงนี้ เป็นเพลงที่คนเขียนรู้สึกว่า มันคือเพลงที่แทนเรื่องราวนี้จริงๆ ส่วนตอนจบจะเป็นเช่นไร คนเขียนจะไม่สปอยล์ และไม่บอกค่ะ 


    http://www.youtube.com/watch?v=oUvXRzFyMPA 




    สำหรับเพลงสุดท้ายไม่มีอะไรค่ะ เป็นเพลงที่ฟังหลังช่วงตอนที่ 4 มา เนื่องจากต้องแต่งให้ออกมาเบาๆ สบายๆ 

    http://www.youtube.com/watch?v=-LqBzDMCSfg





    ท่านผู้อ่านฟังแล้วอาจจะงงๆ เอ๊ะ เพลงพวกนี้ฟังแล้วไม่เห็นจะเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง เนื้อเพลงก็ไม่เกี่ยวโยงกัน คนเขียนเป็นพวกฟังแล้วคิดภาพในหัวน่ะค่ะ ดังนั้นเพลงไหนที่ฟังแล้วสามารถทำให้เกิดภาพในหัวได้ คนเขียนจะฟังเพื่อบิวท์เขียนนิยาย

    แล้วพบกันอีก 4o% ค่ะ ><" (ถ้าคนเขียนยังไม่ตัน จะพยายามไม่ตันนะคะโฮ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×