คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Part II : ผู้ร่วมทาง : CH 5 : ภาพสะท้อนบนเปลือกไม้[60%]
หัวใจของข้าเริ่มสงบลง
ความเศร้ายังไม่หายไป ทว่าความทรมานเริ่มคลายลง
ข้าเริ่มมอง..มองผู้ที่บอกว่ารักข้าอย่างเต็มตา
ข้าเริ่มคุยกับคนผู้นั้น ทำในสิ่งที่สมัยก่อนข้าทำได้โดยไม่มีปัญหา
ทว่าบัดนี้กลับยากเย็นแสนเข็ญเพราะความทรมานจากการสูญเสีย
ข้าคุยกับคนผู้นั้น มองเห็นคนผู้นั้นชัดเจนกว่าเดิม
มองจนกระทั่งเห็นว่าคนผู้นั้นเปราะบางเพียงใด
ข้ามอบนามให้คนผู้นั้น ถามสิ่งที่คนผู้นั้นชอบ และคนผู้นั้นก็ร้องไห้
ข้ารู้สึกว่า..ข้าปล่อยคนผู้นี้ไปไม่ได้จริงๆ
Part II : CH5 : ภาพสะท้อนบนเปลือกไม้
‘แล้ว..ตกลงเจ้าชอบอะไร’
ชายหนุ่มเอ่ยถามผมเช่นนั้นระหว่างที่เรากำลังเก็บสมุนไพรและผักป่า
ผมหันไปมองเขา นิ่งไปเพื่อครุ่นคิดคำตอบ เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่หยุดมือซึ่งกำลังถอนเห็ดขึ้นมา และนั่งจ้องผมอย่างสงสัยใคร่รู้
นี่ก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่ชายหนุ่มเอ่ยถามผมเช่นนี้ และเป็นครั้งที่สามเช่นกันที่ผมไม่รู้ว่าควรตอบอะไรออกไป
ผมเม้มริมฝีปาก นัยน์ตาเหลือบมองชายหนุ่มที่จดจ้องมาที่ตน ผมพยายามเค้นความรู้สึกของตัวเองว่ามีอะไรที่ชอบบ้าง..ทว่าต่อให้คิดหนักแค่ไหน สิ่งสิ่งเดียวที่ผมให้ความสำคัญก็เป็นชายหนุ่มอยู่ดี
ผมคิดว่าจะตอบออกไปตามที่ใจคิด แต่ผมรู้สึกว่าการตอบออกไปว่าชอบเขาออกจะประหลาดอยู่ซักหน่อย อีกอย่างถึงแม้ความสัมพันธ์ของเราจะดีขึ้น ผมก็ยังไม่กล้าพอที่จะ ‘บอกรัก’ เขาอีกครั้ง…รวมทั้งไม่มีความกล้าที่จะถามไถ่ถึงมันด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น การบอกเขาว่าผมชอบอะไรนอกเหนือไปจากตัวเขานั้นเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ตลอดมาผมให้ความสำคัญแต่กับตัวตนของชายหนุ่ม สิ่งอื่นใดนอกเหนือจากนั้นไม่อยู่ในความสนใจของผมแม้แต่น้อย
ผมครุ่นคิดอยู่นานท่ามกลางการรอคอยของเขา แต่สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ยิ้มแหยๆ ให้ชายหนุ่ม พร้อมกับเอ่ยพึมพำเสียงแผ่วเบา ‘ผม…ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ…’
ชายหนุ่มนิ่งรับฟังคำตอบของผม ก่อนที่เขาจะพรูลมหายใจ และยิ้มบางๆ ให้ผม ‘ช่างเถอะ..ถ้าคิดออกก็บอกข้าด้วยแล้วกัน เพราะข้าอยากรู้..’
ผมผงกหัวให้เขา คาดหวังในใจว่าจะสามารถตอบคำถามเขาได้ซักวันหนึ่ง
+++++++++++++++++++++
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปแล้ว นับแต่วันที่ผมได้รับชื่อของตนมา
ระหว่างนั้นความสัมพันธ์ของผมและเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเราพูดคุยกันมากขึ้น สนิทสนมกันมากขึ้น บทสนทนาที่เคยตะกุกตะกักเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน บัดนี้ลื่นไหลและต่อเนื่องอย่างน่าตกใจ จะมีชะงักบ้างก็เพราะผมที่ไม่คุ้นชินกับบทสนทนา แต่ในเวลาแบบนั้น เขาก็จะหลุดหัวเราะออกมา และต่อบทสนทนาต่อไปเรื่อยๆ อย่างอ่อนโยน
ผมเริ่มช่วยเขาเก็บผักป่าและสมุนไพรที่พอจะใช้การได้ ชายหนุ่มสอนผมว่าผักแบบไหนกินได้ เห็ดแบบไหนเป็นเห็ดพิษ สมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณอย่างไร สอนวิธีก่อไฟละวิธีทำอาหารอย่างง่ายๆ ครั้งหนึ่งเราพบกระต่ายป่าโดดผ่านหน้าไป แล้วผมก็ช่วยเขาดักจับมันเพื่อนำไปทำเป็นอาหารมื้อเย็นของเรา
เมื่อถึงยามค่ำ ผมกับเขาก็มักจะพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย อาจจะเป็นเรื่องราวที่พวกเราเจอในวันนั้น หรือเรื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว แต่ปกติแล้วชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายที่เล่าเรื่องต่างๆ ออกมาโดยมีผมเป็นผู้รับฟัง นานๆ ครั้งผมถึงจะเป็นฝ่ายเล่าให้เขาฟังบ้าง..ซึ่งหากเทียบสัดส่วนแล้วผมก็เล่าน้อยกว่าเขาโขทีเดียว
สิ่งที่ผมเล่ามักจะเป็นนิทานเพ้อฝัน ไม่ก็เรื่องประหลาดๆ ที่ผมกลั่นกรองออกมาจากความทรงจำของตน ชายหนุ่มมักจะหัวเราะเสมอที่ได้ฟังผมเล่า เขาบอกว่าเขาคลับคล้าบคลับคลาเหมือนเคยฟังเรื่องเหล่านั้นเมื่อนานมาแล้ว บางทีอาจจะเป็นสมัยที่เขายังเด็กมากจนตัวเขาในตอนนี้ไม่อาจจำได้ ..ซึ่งก็เป็นความจริง
เรื่องเล่าของผมล้วนเป็นเรื่องเล่าจากช่วงเวลาที่เขาเป็นเพียงเด็กชายตัวน้อย.. เป็นเด็กชายที่รักและเคารพบิดามารดา ดื้อรั้นและแสนซนเช่นที่เด็กทั่วไปเป็น
ชายหนุ่มไม่ได้ถามอะไรผมมากมายนัก รวมทั้งพยายามไม่แตะต้องผม ดูเหมือนชายหนุ่มจะเข้าใจว่าผมหนีอะไรมา และบางทีผมอาจเกลียดกลัวการถูกสัมผัส ซึ่งแม้จะผิดไปจากความผิดอยู่โข ผมก็ไม่คิดจะแก้ความเข้าใจผิดนั้นของเขา
เพราะถึงแม้จะน่ารังเกียจ นั่นก็เป็นป้อมปราการหนึ่งเดียวที่ผมมี
++++++++++++++++++++
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องที่ผมไม่คุ้นเคยสองเรื่อง
เรื่องแรกคือเรื่องการนอนหลับ
ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาผมไม่เคยหลับใหลเลย ทว่าหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผมกลับรู้จักความรู้สึกง่วง ผมไม่จำเป็นต้องนอนมากอย่างเขา กระนั้นก็มักจะเผลอผล็อยหลับไปในยามค่ำคืนและตื่นขึ้นมาตอนที่แสงสว่างอาบฟากฟ้าเป็นสีทอง
ช่วงแรกๆ ที่ผมเริ่มรู้สึกง่วง ผมเป็นกังวลเสมอว่าตนจะหลับไปก่อนชายหนุ่มและตื่นหลังเขา แต่สุดท้ายแล้ว ผมมักจะตื่นทันเห็นเขานอนหลับอยู่ และกล่าวราตรีสวัสดิ์กับเขาหลังจากเขาหลับไปแล้วเสมอ หากกิจวัตรประจำวันเหล่านี้ยังคงอยู่ การนอนหลับที่ทำให้ผมข้ามผ่านช่วงเวลาอันเงียบเหงาไปได้ก็นับว่าล้ำค่าทีเดียว
อีกเรื่อง….อาจจะเป็นชื่อของผม
แรกๆ ผมยังไม่คุ้นกับชื่อเรียกของตนนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มคุ้นชินกับการถูกเรียกด้วยชื่อที่เขาตั้งให้ ทุกงครั้งที่ชายหนุ่มเรียกชื่อของผม ผมจะรู้สึกแปลกๆ ทั้งดีใจ ทั้งรู้สึกเขินในเวลาเดียวกัน
ผมไม่กล้าถามว่าชื่อของผมมีความหมายหรือเปล่า และผมไม่มีความสามารถที่จะอ่านความหมายของมันจากแผ่นหนังหลายๆ แผ่นมัดกันที่เขาเรียกว่าหนังสือ เหตุผลหนึ่งเพราะตอนนี้เราไม่มีของแบบนั้น และผมอ่านหนังสือไม่ออก
เรื่องนั้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บใจอยู่บ้าง ที่ในช่วงเวลาที่เฝ้ามองเขา ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนไปกับเขาด้วย
ผมรู้สึกปรารถนาใคร่รู้ ชื่อที่เขาตั้งให้มีความหมายว่าเช่นไร เขามองตัวตนของผมแบบไหนถึงได้ตั้งชื่อด้วยความหมายนั่น แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ชายหนุ่มจะตั้งขึ้นมาส่งๆ ดังนั้นผมก็เลยกลัวจนไม่ได้ถามออกไป
ถึงกระนั้น การได้หลับใหลและความรุ้สึกแห่งการมีตัวตนเวลาที่ถูกเขาเรียกชื่อ ก็ทำให้ผมสั่นไหวและวาบหวามในหัวใจอย่างประหลาด
ผมมีความสุขทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับแสงทองของรุ่งอรุณ ได้เห็นใบหน้ายามหลับใหลและยามตื่นนอนของเขา รวมทั้งได้ยินเสียงของชายหนุ่มเรียกนามของตน
บางครั้ง..ผมก็กลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเพียงความฝัน แต่ในเมื่อผมไม่เคยหลับใหลและไม่เคยฝันซักครั้งในชีวิต ผมก็ปรารถนาจะเชื่อว่านี่คือความจริง
แต่ยิ่งกว่าความไม่คุ้นเคยอันแสนสุข คือความเปลี่ยนแปลงอันน่ายินดีที่ผมเฝ้าคอยมานาน
..ชายหนุ่มเริ่มกลับมาแกะสลักแล้ว
ผมไม่แน่ใจนักว่าผมเข้าใจถูกไหม แต่หลังจากที่เราคุยกันครั้งนั้น ชายหนุ่มก็คล้ายกับปล่อยวางบางสิ่งได้ เขาเริ่มคัดไม้ฟืนที่เนื้อหนาพอจะแกะสลักได้ เริ่มจับอุปกรณ์ในถุงมาเปิดดูแล้วขมวดคิ้ว เริมที่จะใส่ใจกับรูปลักษณ์ของใบไม้และสิ่งของอีกครั้ง
แรกๆ เขายังคงไม่คุ้นชินกันมันนัก หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยแตะต้องอุปกรณ์แกะสลักของเขาเลย อีกทั้ง..เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งมันลงกองเพลิง คมมีดของเครื่องแกะสลักจึงบิดเบี้ยวและทื่อลง หรือไม่ก็ด้ามจับไหม้ไปบางส่วน ชายหนุ่มต้องใช้เวลานานทีดียวในการลับและบิดมันให้กลับมาดีดั้งเดิม จึงจะเริ่มลองกดคมมีดลงบนเนื้อไม้เพื่อแกะลายได้
ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ
ผมจำได้ว่าผมแถมลืมหายใจ ตอนที่เขาค่อยๆ ไสมีดลงบนเนื้อไม้ เปลวเพลิงระริกไหวในดวงตาของเขา มันสะท้อนความรู้สึกมากมายออกมา
ความรัก ความเสียใจ ความโหยหาอาลัย ความสูญเสีย และความรำลึกถึง
ชายหนุ่มกัดรอมฝีปากเบาๆ เขาค่อยๆ ขยับใบมีดไปบนเนื้อไม้ เสียงของผิวไม้ที่แตกออกจากกันดังกังวานในความเงียบที่มีเพียงเสียงปะทุของเปลวไฟ
ท่าทางของเขาเก้ๆกังๆ ไม่ลื่นไหลเช่นการก่อน กระนั้นเขาก็ไสมีดลงไปอย่างระมัดระวัง ละเอียดรอบคอบ และให้ความใส่ใจ ไม่นานนัก ไม้ชิ้นแรกที่แกะสลักหลังจากที่ไม่ได้จับต้องมานานออกมาเป็นรูปเป็นร่าง
ผมขมวดคิ้วมองอยู่นานเพราะเดาไม่ออกว่ามันคืออะไร ผมรู้ว่ามันออกมาเป็นรูปร่างแล้ว แต่รูปร่างดังกล่าวดูประหลาดพิลึกจนผมไม่รู้จะเปรียบเทียบมันกับอะไร และอาจเพราะเขาเห็นว่าผมส่งสายตางุนงงใส่ผลงานชิ้นนั้น เขาถึงได้หัวเราะแล้วบอกออกมา
‘ข้าพยายามแกะดอกไม้’ ชายหนุ่มบอกผมแล้วเกาหน้าเขินๆ เป่าขี้เลื่อยออกและใช้นิ้วปัดทำความสะอาดผิวของมัน ‘แต่ข้าไม่ได้แกะมานาน มือไม้จึงไม่เข้าที่ แต่ว่าเอาเถอะ….’
ชายหนุ่มพึมพำได้แค่นั้นก็เงียบไป เขาหลุบตาลง ทว่านิ้วยังคงลูบไปบนไม้สลักรูปดอกไม้ที่ไม่มีความงดงาม
‘แปลกดีเหมือนกัน..’ ชายหนุ่มพึมพำขึ้น ‘ข้าเคยเจ็บปวดแทบตาย..ตอนที่แกะสลักแล้วนึกถึงอดีต’
พูดได้เท่านั้น เขาก็เงียบไปอีกครั้ง นัยน์ตาของเขาหลุบลงยามครุ่นคดถึงความหลัง ทว่าในแววตานั้นไม่มีความโศกเศร้าอันหนักหน่วงอีกแล้ว..
เหลือเพียงความคิดคะนึงโหยหาอันเบาบาง
ผมชันเข่าขึ้นกอด มองเขาที่ยังคงลูบดอกไม้ดอกนั้นอย่างทะนุถนอม
‘…ตอนนี้..เท่านี้ก็พอแล้ว…’ ชายหนุ่มพึมพำแผ่วเบาคล้ายบอกกับตัวเอง ‘เพียงทำได้โดยไม่เจ็บปวด…’
เขาพรูลมหายใจ รอยยิ้มบางๆผุดบนดวงหน้าอ่อนโยนของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันมาบอกผมว่าควรนอนได้แล้ว และเทขี้เถ้าใส่กองไฟให้ดับวูบลง
+++++++++++++++++++++++++++++
คุยกับคนเขียน [60%]
ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากเอาเพลงสามเพลงมาให้ผู้อ่านฟัง
เพลงแรก คือเพลงนี้ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=6BXN8p2z60Q
นี่เป็นเพลงที่เป็นต้นกำเนิดของนิยายเรื่องนี้อย่างแท้จริง ความจริงเนื้อเพลงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องเลยค่ะ แต่ท่อนฮุคของเพลงนี้ทำให้คนเขียนซึ่งตอนนั้นฟังเพลงนี้ไปแต่งไป เห็นฉากๆ หนึ่งขึ้นมา (เป็นฉากที่ผ่านไปแล้วค่ะ ใครทราบนี่เก่งมาก แสดงว่าคิดเหมือนคนเขียน XD) ประกอบกับตอนนั้นมีพล็อตแปลกๆในหัว เลยประกอบเข้ากัน กลายเป็นเรื่องอย่างที่อ่านค่ะ
เพลงที่สองคือเพลงนี้ เป็นเพลงที่คนเขียนรู้สึกว่า มันคือเพลงที่แทนเรื่องราวนี้จริงๆ ส่วนตอนจบจะเป็นเช่นไร คนเขียนจะไม่สปอยล์ และไม่บอกค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=oUvXRzFyMPA
สำหรับเพลงสุดท้ายไม่มีอะไรค่ะ เป็นเพลงที่ฟังหลังช่วงตอนที่ 4 มา เนื่องจากต้องแต่งให้ออกมาเบาๆ สบายๆ
http://www.youtube.com/watch?v=-LqBzDMCSfg
ท่านผู้อ่านฟังแล้วอาจจะงงๆ เอ๊ะ เพลงพวกนี้ฟังแล้วไม่เห็นจะเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง เนื้อเพลงก็ไม่เกี่ยวโยงกัน คนเขียนเป็นพวกฟังแล้วคิดภาพในหัวน่ะค่ะ ดังนั้นเพลงไหนที่ฟังแล้วสามารถทำให้เกิดภาพในหัวได้ คนเขียนจะฟังเพื่อบิวท์เขียนนิยาย
แล้วพบกันอีก 4o% ค่ะ ><" (ถ้าคนเขียนยังไม่ตัน จะพยายามไม่ตันนะคะโฮ)
ความคิดเห็น