ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hagalaz..ผนึกรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #11 : ผนึกที่ 10 :ไลบราลี

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 54


    ผนึกที่ 10 :ไลบราลี


    ขวับ!

    โดยไม่มีการพูดพร่ำทำเพลง ชายร่างสูงเจ้าของเนตรสีทองก็เข้าโจมตีผู้มาใหม่ทันที ดาบเรียวบางสีราตรีที่ไม่เปราะดังรูปร่างกวาดฟันใส่ร่างของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นถอยหลังให้พ้นจากรัศมีฟันได้อย่างหวุดหวิด แต่ไม่ทันจะตั้งหลักดาบเล่มเดิมก็เข้าโจมตีอีกระลอกจนเจ้าตัวหลบแทบไม่ทัน แล้วร้องขึ้นอย่างผวาเมื่อชุดของตัวเองโดนฟันขาดเป็นทางยาว เจ้าตัวบ่นพึมพำเสียดายของซักครู่แล้วจึงย่อตัวลงเมื่อดาบสีราตรีพลันตวัดฟันลงมาอีกครา

    เฮ้...นี่จะไม่พูดจาอะไรกันก่อนเลยเรอะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ แม้ว่าสีหน้าจะแสดงออกถึงความหนักใจในฝีดาบที่รวดเร็วและพลิ้วไหวไร้ช่องว่างของอีกฝ่าย ชายหนุ่มจำต้องเอียงกายหลบอีกครั้งเมื่อดาบพุ่งฟันเข้ามา อาวุธในมือก็ไม่มีอะไรแข็งแกร่งมากพอจะไปต่อกร ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงลมรุนแรงจากเบื้องล่างของตัวเอง

    ฟุ่บ!

    ชายแปลกหน้าหลบดาบที่พุ่งขึ้นจากเบื้องล่าง นึกทึ่งในการโจมตีอันต่อเนื่องของชายเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้ม แต่น่าหนักใจอยู่บ้างที่การฟันนั้นทำเอาผมหน้าของเขาแหว่งไปพร้อมกับรอยถากของดาบที่มาสะกิดคางของตน ร่างนั้นลูบใบหน้าของตนเอง เนตรสีม่วงสวยแสดงออกถึงความหนักใจอย่างยากเกินจะเข้าใจ

    ดวงตาสีทองทั้งสองข้างจ้องมองร่างของบุรุษแปลกหน้าอย่างศัตรู ดาบยาวพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว ชายหนุ่มผู้ถูกโจมตีเบี่ยงตัวหลบปลายดาบที่พุ่งเข้ามาด้วยฝีเท้าที่เข้ากับผู้โจมตี ก่อนจะอาศัยจังหวะเพียงชั่วเสียววินาทีซึ่งหาได้ยากที่ดาบนั้นหยุดเคลื่อนไหวถีบตัวเองขึ้นไปยืนบนหลังคาบ้านสีน้ำตาล

    รุนแรงเกินไปแล้วนา คุณผู้พรากความตาย

    ไม่มีผู้พรากความตายคนไหนจะยืนนิ่งๆเวลามีเทวดามาอยู่ใกล้ตัวหรอก

    อิลเวสสวนกลับพลางเตรียมอาวุธในท่าระวัง ดวงตาคมกริบมองขึ้นไปยังชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบางซึ่งยืนอย่างสบายอารมณ์บนหลังคาบ้านคนอื่น...เทวดาซึ่งเขาพบในร้านเหล้าตอนนั้น

    ชายหนุ่มมีดวงตาเจ้าเล่ห์สีม่วงดุจอัญมณีอเมทิสต์น้ำงาม เรือนผมสีเขียวหยักศกที่ยาวเลยบ่าและรวบเป็นจุกเล็กๆที่ต้นคอ ชายคนนั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าโทนสีสดลายตา กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินที่มีเข็มขัดสีดำหัวทองคาดไว้ เสื้อแนบเนื้อสีดำแขนกุดที่สวมทับด้วยเสื้อสีฟ้าสดแขนสั้นเอวลอยซึ่งขอบฟูฟ่องราวกับขนนกบอบบาง สร้อยคอรูปไม้กางเขน และตบท้ายด้วยรองเท้าหนังผูกเชือกซึ่งยาวขึ้นมาถึงกลางขาเจ้าตัว ริมฝีปากคู่นั้นแสยะยิ้มพึงใจสนุกสนาน ตบมือเปาะแปะราวจะล้อความเคร่งเครียดของผู้ที่เมื่อครู่มุ่งทำร้ายตน

    หวา..เรียกว่าสัญชาตญาณระวังภัยของผู้พรากความตายสินะ น่ากลัวจัง น่ากลัวจัง มิน่าตอนนั้นถึงลากพ่อหนุ่มน้อยออกไปซะเร็วเชียวเอ่ยครื้นเครง นึกถึงเรื่องที่ร้านเหล้าเมื่อวานอย่างสนใจ เสแสร้งทำท่าทางหวาดกลัว กระนั้นดวงตากลับยิ้มอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มกอดอก ก่อนจะเอียงคอมองแล้วถามอย่างสงสัย ว่าแต่ทำไมถึงรู้ว่าฉันเป็นใครล่ะ คุณผู้พรากความตาย ทั้งที่อุตส่าห์ปิดกลิ่นอายซะมิดแท้ๆ

    พอดีว่าฉันมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าคนอื่นเขานิดหน่อย..ถ้าอยากจะสู้ต่อก็ลงมาเอ่ยตอบแม้จะยังไม่คลายจากท่าเตรียมโจมตี ชายเนตรสีม่วงยิ้มด้วยท่าทีหนักใจ ก่อนจะมองไปรอบกายแล้วเอ่ยขึ้นไอ้สู้น่ะอยากสู้หรอก แต่คนมุงเริ่มมาซะแล้วสิ

    ชี้ไปรอบๆถนนที่อยู่โดยรอบปราสาทเริ่มปรากฏตัวผู้คนมากมายออกมายืนดูการต่อสู้จากอีกฟากของสายน้ำ และทหารที่กำลังวิ่งออกมาดูแลความเรียบร้อย

    ชักยุ่งแล้วสิ

    ย้ายสถานที่กันเถอะน่า

    มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องไล่ตามนายไป?”อิลเวสถามหยั่งเชิง แต่ดูเหมือนคนชวนจะมีทางออกไว้แล้ว

    อ่ะฮ่า หรือจะให้ฉันไปป่าวประกาศว่านายคือ..ผู้ต้องสงสัยของคดีเมื่อคืนล่ะ

    ..
    หมอนี่เห็น!

    พูดจบเจ้าตัวก็วิ่งไปบนหลังคาสีน้ำตาลโดยไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ผู้พรากความตายที่เขาหบย่อนระเบิดใส่เข้าใจ อิลเวสสบถในลำคอ ลังเลว่าจะตามไปหรือว่าจะปล่อยให้ชายคนนั้นวิ่งไปเองคนเดียวโดยไม่ตามไป ในเมื่อเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยกับผู้ชายคนนั้น..แต่

    สัญชาตญาณบางอย่างในตัวเขาบอกว่าควรจะตามไป ทั้งยังคำขู่ที่หมอนั่นพูดออกมาด้วย..บางทีเทวดานั่นอาจจะรู้อะไรที่เขาไม่รู้

    อิลเวสเก็บดาบ มองรอบกายที่เริ่มมีคนมามุงดู ก่อนจะสบถออกมาอีกคราแล้วกระโดดขึ้นหลังคาวิ่งตามไป

    ชิ



    ++++


    โครม!!!!

    อ่ะ..ชู่..!..

    ทำเสียงแผ่วเบากับตัวเองเมื่อเผลอทำกองเอกสารหล่นลงมากองกับพื้นเข้า ยังดีที่ว่าของพวกนั้นเป็นเอกสารที่หน้าตาเหมือนๆกันถึงสามารถจะจับยกขึ้นไปเรียงได้โดยไม่ต้องสนใจลำดับใดใด เนลล่ามองไปรอบๆห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นกระดาษลอยอวล ห้องสีขาวแห่งนี้เต็มไปด้วยเอกสารมากมายที่แยกออกเป็นส่วนๆอันประกอบด้วย ประวัติสถานพยาบาล ประวัติคนไข้โดยแยกเป็นแผนก ประวัติพนักงาน บัญชีรายรับ-รายจ่ายของสถานพยาบาล และอีกมากมายหลายส่วนที่เขายังไม่ได้ไปนั่งค้นหาเพราะเจอฝุ่นฟุ้งขึ้นมาซะก่อน และตอนนี้เขาก็ยังหาสิ่งที่ต้องการไม่เจอ

    ผลการชันสูตรศพผู้ตาย

    เนลล่าแน่ใจว่าจะต้องมีข้อมูลการชันสูตรศพผู้ตายแน่นอน อย่างน้อยก็ในเมืองนี้ที่ไม่มีวิทยาการเวทย์มนตร์ แต่ปัญหาคือเด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าจะเจอข้อมูลของเหยื่อในคดีแห่งถนนเลดเซที่สถานพยาบาลแห่งนี้หรือเปล่า เพราะเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าในเมืองนี้มีสถานพยาบาลกี่แห่ง และในกรณีที่แย่ที่สุด เมืองนี้อาจไม่มีการชันสูตรศพเพื่อตามล่าตัวคนร้ายก็เป็นได้

    พูดถึงคำว่าชันสูตรศพแล้วก็ทำเอานึกขึ้นมาได้ เขายังจำได้ติดตาตอนที่ไปเมืองอิเลคเทน่า ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายถึงได้มีโอกาสเข้าไปเห็นเขาผ่าศพแบบจะๆตา ..รู้สึกว่าตอนนั้นจะทำเอาเนลล่าเป็นไข้จับสั่นไปหลายวันเลยทีเดียว..

    เนลล่าสะบัดหัวไล่ความทรงจำออกไป ก่อนจะเริ่มตั้งต้นหาข้อมูลที่ตัวเองต้องการอีกครั้ง

    ห้องนี้ไม่กว้างแต่ก็ไม่แคบมากนัก ทั้งไม่ต้องห่วงเรื่องจะมีคนเดินมาดูเพราะดูเหมือนคนในสถานพยาบาลจะไม่ชอบเข้ามายุ่งกับห้องเอกสารเท่าไหร่ ทั้งเป็นโชคดีของเขาที่มีเข็มกลัดที่รีเรทให้มา ทำให้บรรดาคนในนี้ไม่เอ่ยถามว่าทำไมเขาถึงเข้ามาลึกถึงส่วนเฉพาะของพนักงานได้ สรุปคือเรื่องมีคนมาเห็นน่ะไม่มีปัญหา แต่ปัญหาใหญ่ก็คือการที่มีกองเอกสารวางอยู่โดยทั่วจนไม่มีทางเดินมากกว่า เอกสารฝุ่นจับเอย หนังสือที่เย็บเล่มรวมแล้วไม่เขียนสันเอย บางเล่มถึงกับฉีกออกเป็นชิ้นๆ ขั้นหนักก็โดนปลวกกิน ..สิ่งที่เห็นได้ยากในเมืองที่มีเวทย์มนตร์ เพราะมันแน่นอนที่จะต้องมีการร่ายเวทย์รักษาสภาพ

    ก็เมืองนี้ไม่ใช่เมืองที่วิทยาการนั้นล้ำหน้านี่นะ

    คิดอย่างระอาพลางหยิบหนังสือเล่มที่อยู่เหนือหัวของตนออกมา ปัดฝุ่นมองหน้าหนังสือแล้วก็จับคืนเข้าที่ไป ก่อนเนตรทับทิมจะพลันเห็นหนังสือขอบดำที่ดูใหม่กว่าใครเพื่อนบนชั้นสูงสุดของชั้นหนังสือสีน้ำตาล

    เนลล่าเขย่งปลายเท้าแล้วเอื้อมมือขึ้นไปจับ แต่ที่สัมผัสหับหนังสือกลับมีเพียงแค่ปลายนิ้วมือของตน นิ้วเรียวสะกิดหนังสือให้ค่อยๆเลื่อนออกมาจากชั้น แต่แล้ว....

    หนังสือที่อยู่ข้างกันกลับตกลงมาแทนเล่มสีดำที่หมายตาไว้

    อะ....

    หล่นลงมาอีกแล้วเหรอ!!

    โครม! โครม! พั่บ!

    เด็กหนุ่มหลับตาปี๊สะดุ้งกับเสียงอันกึกก้องที่เกิดจากหนังสือที่ตกลงมาแล้วกระทบกับกองนู่นกองนี่สารพัดจนฝุ่นคลุ้ง เด็กหนุ่มปัดมือที่ข้างหน้าของตัวเองไล่ฝุ่น ก่อนจะก้มตัวลงหยิบหนังสือขึ้นมา

    บนหนังสือไม่มีตัวอักษรบ่งบอกแต่อย่างใดว่าคือนี่หนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร เนลล่าเช็ดฝุ่นที่คลุ้งติดบนหนังสือด้วยแขนเสื้อ ก่อนจะลองเปิดออกดู

    ดวงตาของเนลล่าเบิกกว้าง เมื่อพบว่าภายในไม่ใช่หนังสืออย่างที่คิดแต่เป็นเอกสารซึ่งมีไม้ที่คอยเสียบกระดาษลงไปได้เรื่อยๆแล้วล็อกไว้ไม่ให้กระดาษปลิวออกมา ข้างในมีรูปวาดหน้าคน ข้อมูลชื่อ ที่อยู่ ประวัติส่วนตัว..และ

    วันตาย กับข้อมูลการชันสูตรศพ!

    เจอแล้ว!!

    เจออะไรเหรอครับ? เนล

    เฮือก!!

    เนลล่ารีบซ่อนหนังสือไว้ด้านหลังตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น หัวใจเต้นแรงด้วยความตกใจ ก่อนจะตะโกนชื่อของคนที่ทักตนออกมา รีท! ตกใจหมดเลย

    ผมต่างหากที่ตกใจ สะดุ้งแรงไปแล้วนะครับรีเรทหัวเราะเบาๆมองท่าทีของเนลล่าก่อนจะเอียงคอมองมือของเด็กหนุ่มผมขาวที่เอาไปซ่อนไว้ด้านหลัง

    ที่ซ่อนอยู่น่ะ อะไรกันครับ

    คือ..คะ...ผมเจอเอกสารน่าสนใจก็เลยอยากลองอ่านน่ะครับ แต่จู่ๆก็ถูกทักเลยตกใจแล้วซ่อนไว้ด้านหลัง

    ขอผมดูหน่อยได้ไหม? เผื่อว่าจะเอาออกจากสถานพยาบาลได้

    ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร...เอ้อ...เนลล่าที่ซ่อนหนังสือไว้ข้างหลังเอ่ยตะกุกตะกักหาข้อแก้ตัวไม่ถูก รีเรทขมวดคิ้วก่อนจะเดินมามองเอกสารในมือเนลล่า แต่ไม่ทันจะเห็นเด็กหนุ่มร่างบางก็ขยับตัวหนีไม่ให้เห็นซะแล้ว

    ให้ผมดูหน่อยครับ เผื่อว่าเป็นเอกสารที่เอาออกไปได้ เนลจะได้เอากลับไปอ่านไงรีเรทเงยหน้ามองเด็กดหนุ่มที่ดูอ้ำอึ้ง ก่อนจะพยายามเอื้อมมือไปแย่งเอกสารจากมือเจ้าตัว แล้วเนลล่าก็ขยับตัวหนีอีก เนลล่ามองท่าทีที่หาข้อแก้ตัวไม่เจอในสถานการณ์ร้อนรน พอเห็นท่าไม่ดีจึงรีบประมวลหาข้อแก้ตัวกับเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจ แต่แล้วจึงรีบทักออกไปเมื่อได้กลิ่นประหลาดลอยจากตัวของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนจะว่าไป ทำไมถึงมีกลิ่นแปลกๆ...ไม่สิ..ทำไมรีเรทใส่น้ำหอมเสียฉุนเลยล่ะครับ

    ชายหนุ่มชะงักไป สะดุ้งสุดตัวราวกับถามเรื่องไม่ควรถามออกไป รีเรทหยุดยืนอยู่กับที่ มือไม่อยู่เป็นสุข ลุกลี้ลุกลนราวกับเด็กที่ทำความผิดมา ก่อนที่ซักพัก เจ้าตัวจะเปิดปากพูดออกมาพอดีว่า..ไปโดนเลือดของผู้ป่วยเข้าแล้วมันเหม็นกลิ่นคาวเลือดน่ะครับ ก็เลยต้องใส่น้ำหอมไว้ดับกลิ่นน่ะ"

    อ๋อ ..เข้าใจแล้วล่ะครับ งั้น ผมขอกลับก่อนก็แล้วกันนะครับ พอดีว่าถึงเวลาที่นัดอิลเวสไว้พอดีโกหกพลางยิ้มเพื่อเอาตัวรอด รีเรทมองใบหน้าของเด็กหนุ่มร่างบางก่อนจะพยักหน้า แต่ไม่วายทักเรื่องหนังสือที่หลบซ่อนอยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มร่างบาง

    หนังสือน่ะ จะยืมไปก็ได้นะครับ เพราะส่วนมากเอกสารในห้องนี้ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ ออกจะแค่เก็บไว้เผื่อใช้มากกว่า  แต่ถึงอย่างไรต้องรีบเอามาคืนนะครับ

    เนลล่ายิ้มแฉ่งกับคำอนุญาต ก่อนจะพยักหน้าและตอบรับคำ

    ครับ!!"






    ฟิ้ว..


    เสียงของสายลมที่พัดผ่านใบหูดังแว่วมาขณะวิ่งฝ่าสายลมเย็นซึ่งหมุนวนอยู่เหนือหลังค้าบานซึ่งสูงต่ำต่างกัน บัดนี้พวกเขาได้ดำเนินมาถึงเขตที่ไร้ผู้คนเรียบร้อยแล้วตามความประสงค์ของผู้นำทาง ..บุรุษผมเขียวที่เขาไม่รู้จุดประสงค์ที่นำทางเขามายังที่แห่งนี้

    บางทีการที่เขาไล่ตามชายผู้นี้อยู่อาจเป็นเรื่องที่ผิดก็เป็นได้ ..ไม่มีเหตุผลอะไรทีเอิลเวสจะต้องมาตามชายคนนี้ที่จู่ๆก็โผล่มา..เทวดาที่เก่งกาจขนาดปิดกลิ่นอายของตัวเอง...มิดชิดอย่างที่คนประสาทไวอย่างเนลล่ายังไม่ทันได้รับรู้ นอกเหนือจากเขาซึ่งผ่านชีวิตมาเนิ่นนานจนสัญชาตญาณคมกริบ

    และสัญชาตญาณที่ว่านี่เอง ที่กำลังสั่งให้เขาไล่ตามชายผู้นั้นตามคำเชิญไป

    ตึก...

    ร่างแห่งสีสันยืนหยุดอยู่กับที่เมื่อไปถึงจุดหนึ่ง ไกลจากสายตาสีทองออกไปนั้น ใบหน้าเรียวซึ่งประดับเนตรสีม่วงกำลังหันมาพร้อมรอยยิ้มหยักและดวงตาที่พราวระริกเล่ห์กล ชายคนนั้นหันกายมามองอิลเวส ก่อนจะพลันปล่อยตัวเองให้ตกลงไปในซอกระหว่างตึกแคบที่อยู่ไกลออกไป อิลเวสมองตามพลางขมวดคิ้ว ชะงักฝีเท้าแล้วจึงก้มมองลงไปข้างล่าง

    ไกลออกไปคือจัตุรัสกลางแห่งลากูน่าซ่งผู้คนเดินกันขวักไขว่...และส่วนที่ใกล้เข้ามา คือพื้นดินลาดหินสีเทาที่ไร้ซึ่งทางน้ำไหลเวียน

    ..
    นี่มัน

    ถนนเลดเซ!

    อิลเวสกัดริมฝีปาก ดูเหมือนตั้งแต่มาที่นี่เขาจะต้องเกี่ยวข้องกับถนนสายนี้มาสองครั้งแล้ว และแต่ละครั้งก็เกิดคดีขึ้นจนน่ารำคาญ...แล้วครั้งนี้มันจะเกิดอะไรอีก?

    ถึงแม้จะหวาดระแวง แต่สิ่งที่อิลเวสต้องทำก็คือการเดินไปยังจุดที่ชายคนนั้นทิ้งตัวลงไปอยู่ดี

    ซอกตึกนั้นมืด ไร้แสงสว่างส่องเข้ามาทั้งที่เป็นช่วงเวลาย่ำสายแล้ว เนตรสีทองจ้องมองลงไปเบื้องหลัง ก่อนจะได้ยินเสียงอันเริงร่าลอยขึ้นมาตามลม

    เฮ้ ลงมาสิ คุณผู้พรากความตาย

    “..............”
    อิลเวสไม่ได้ตอบคำถาม และยังคงยืนอยู่บนหลังคาเพื่อดูท่าที

    ให้ตายสิ ถ้ายังไม่ลงมาล่ะก็..ลากเสียงยาว ยิ้มแสยะด้วยเนตรพราวประกายฉันจะขึ้นไปแทนก็แล้วกันนะ

    ควับ!

    เพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่เขาเผลอ ร่างของชายคนนั้นก็พลันหายไปจากสายตา เนตรสีทองกวาดมองไปโดยรอบหาร่างซึ่งหายตัวไป กระทั่งรู้สึกได้ถึงวัตถุบางอย่างที่พุ่งเข้ามาหาตน อิลเวสเอนกายไปข้างหลังตามสัญชาตญาณที่สั่งมา แล้วจึงปรากฏร่างของชายเจ้าของเรือนผมสีเขียวที่พุ่งขึ้นมาได้ชัดถนัดตา ในมือของร่างนั้นมีเปลวงเพลิงสีฟ้าอยู่ ริมฝีปากที่แต่เดิมแสยะยิ้มกว้างอยู่แล้วยิ่งกว้างกว่าเดิม ก่อนคำบริกรรมคาถาขั้นสุดท้ายจะพลันหลุดออกมาจากปากของเจ้าตัว

    อัคคีน้ำแข็ง!

    เพลิงสีฟ้าที่มุ่งหมายโจมตีชายร่างสูงพลาดไปเผาไหม้กระเบื้องสีส้มที่ปูลาดหลังคาบ้าน เปลวเพลิงนั้นมอดไหม้ชั่วครู่ ก่อนจะพลันถูกแช่แข็งเป็นผลึกสีน้ำเงินสวยไป

    อิลเวสมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นจากเวทย์ ในมือกระชับดาบซึ่งเหน็บอยู่กับเอว มุมริมฝากกระดกขึ้นเล็กน้อย จ้องมองไปยังร่างของชายผู้เตรียมลูกไฟสีเขียวและเหลืองไว้ในมือนี่คือเหตุผลที่ทำให้นายไม่กล้าตอบโต้ฉันในตอนแรกสินะ?”

    ประมาณนั้น เพราะถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าจะพาลแตกตื่นกันหมด โดยเฉพาะในลากูน่าที่เรื่องของเวทย์มนตร์ไม่แพร่หลายด้วยล่ะก็..ยิ่งแล้วใหญ่สิ้นคำพูดนั้น ร่างเพรียวสูงก็พลันแล่นวิ่งเข้ามา ลูกเพลิงในมือถูกขว้างออกโดยมีเป้าหมายที่ร่างของชายเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงิน อิลเวสยืนมอง ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบลูกไฟ แต่แล้ว ลูกไฟหลากสีทั้งสองกลับพุ่งตรงตามเขามา

    ดวงตาของอิลเวสเบิกมอง แล้วจึงพลันขมวดคิ้วไม่ชอบใจ ดวงตาหันมองไปยังผู้ที่ใช้เวทย์โจมตีมาฉลาดใช้ได้นี่

    แน่นอน

    ยิ้มรับคำอย่างครื้นเครง แต่แทนที่จะได้เห็นสีหน้าหนักใจของผู้พรากความตายคนนั้น สิ่งที่พบกลับเป็นรอยยิ้มหยัน

    ดาบเรียวบางสีราตรีตลอดเล่มถูกชักออกมา ตวัดอย่างรวดเร็วลงบนลูกไฟ เพียงเสี้ยวพริบตาที่ดาบสัมผัสบนเวทย์ ลูกไฟทั้งสองก็พลันมลายหายไป อิลเวสตวัดดาบไปมา อยู่ในท่าเตรียมพร้อมอีกครั้ง ก่อนจะกระดกมุมริมฝีปากอย่างดูแคลนแล้วกล่าวขึ้นอีกครา “...มีปัญญาแค่นี้เรอะ?”

    เมื่อลูกไฟของตัวเองหายไป ก็ส่งผลให้ผู้ใช้ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นทันที  บนมือเรียวปรากฏลูกไฟที่ใหญ่และโชติช่วงกว่าเดิมสองเท่า ก่อนจะขวางไปใส่คู่ต่อสู้ตามเดิม แต่แล้วลูกไฟกลับหายไปอีกครั้งเมื่อสัมผัสกับดาบเล่มยาวที่ถูกตวัดออกมา

    เจ้าของเรือนผมสีเขียวหยักศกขมวดคิ้วจนยุ่งกว่าเก่า ด้วยมนตราของตนถึงจะเรียบง่ายแต่ก็ไม่กระจอกถึงขั้นที่เพียงตวัดดาบแล้วจะสลายไปได้ ชายหนุ่มทดลองอีกครั้ง ครั้งนี้เรียกเอาเวทย์สายลมคมกริบมากมายออกมา ริมฝีปากบริกรรมคาถายาวเหยียดไร้ความหมาย ก่อนจะลงท้ายคำด้วยเสียงสั้นได้ใจความ สะบัดมือลงตรงหน้าตน ส่งผลให้คมวายุมากมายพุ่งตรงไปยังร่างของชายร่างสูง อิลเวสยังคงยืนนิ่ง ถือดาบไว้ด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะหมุนข้อมือให้ดาบกวาดเป็นวงกลม คมวายุที่ต้องคมดาบพลันสลายสูบไปทันที ประดุจดั่งว่าดาบซึ่งถูกชายหนุ่มถืออยู่นั้นเป็นโล่ห์ชั้นดี  และแทนที่จะเสียขวัญเมื่อเวทย์มนตร์ไม่อาจถูกดึงออกมาใช้ได้ ชายคนนั้นกลับแสยะยิ้ม ผิวปากอย่างคนที่ถูกใจในของที่ได้เห็น จ้องมองไปยังคู่ต่อสู้ด้วยแววตาที่จริงจังกว่าเดิม

    สลายเวทย์ได้ซะด้วย? แล้วใครล่ะสลาย? นายหรือดาบเล่มนั้น

    คิดเอาเองก็แล้วกัน แล้วก็ รีบบอกมาจะดีกว่า..

    หืม?”

    ทำไมนายถึงคิดว่าฉันเป็นผู้ต้องสงสัย นายเห็นเหตุการณ์หรือแค่เดาสุ่มกันแน่?”

    อันที่จริง...ก็ต้องบอกว่าเพราะว่าเห็นจะจะตาน่ะ แต่ฉันรู้ว่านายไม่ได้ฆ่า..และสิ่งที่ฉันต้องการเสนอนายก็คือ สิ่งที่จะทำให้นายเข้าไปในตึกนั้นอย่างราบรื่น

    "
    ตึก..?"

    สายลมพัดผ่าน พาให้เครื่องแต่งกายของทั้งสองร่างพลิ้วไสวสะบัดตาม ดวงตาของอิลเวสจ้องไปยังชายร่างเพรียวด้วยสายตาที่ยังไม่เข้าใจ

    "
    เอ้า นายต้องการเข้าไปในตึกทหารไม่ใช่หรือไง? ฉันมีใบอนุญาตในการใช้งานที่นั่นอยู่ บางทีพวกนายอาจต้องการมัน"เอ่ยต่อไป กอดอกมองอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า "ก็เห็นแล้วนี่ ว่าตึกนั้นมีเวทย์บางๆป้องกันอยู่ แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นเสียด้วย..ถ้านายเข้าไปโดยไร้ใบอนุญาตล่ะก็ ทันทีที่นายก้าวเข้าไปในตึกก็จะพบกับดักมากมายที่เกิดจากมนตราและวิทยาการของลากูน่า ต่อให้นายหาวิธีเข้าไปในนั้น กว่าจะหาเอกสารเอย กว่าจะตรวจสอบความถูกต้องเอย กว่าจะได้ผ่านไปที่ที่ต้องการก็รากเลือดพอดี"

    "
    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย"

    "
    อันที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวน่ะนะ"เจ้าตัวยักไหล่ "ก็แค่พวกนายมันน่าสนใจ แล้วก็เป็นผู้พรากความตายที่เป็นปริศนาซึ่งฉันคนนี้ยังไม่อาจสืบเสาะได้.. ฉันก็เลยอยากจะสงเคราะห์อะไรให้ซักหน่อยก็เท่านั้นเอง แต่........

    นั่นหมายถึงนายต้องเอาชนะฉันให้ได้ก่อนน่ะนะ"

    ฟึบ!

    ร่างนั้นขยับกายอย่างรวดเร็วมาอยู่ตรงหน้าอิลเวส ชายร่างสูงขมวดคิ้วก่อนจะตวัดฟันลงบนร่างของอีกฝ่าย ชายคนนั้นถอยหลังกลับ กระโดดตีลังกาก่อนจะอาศัยจังหวะที่ลอยกลางอากาศซัดพลังเวทย์เข้าหาอีกครา คราวนี้เป็นมนต์วารีสายโซ่ซึ่งพุ่งตรงเข้าหาชายหนุ่ม

    อิลเวสตั้งท่าจะฟันดาบใส่ แต่แล้วก็ชะงัก นิ้วเรียวยาวหันมาเขียนนิ้วเป็นสัญลักษณ์เวทย์บนอากาศแทน ก่อนจะเอ่ยกล่าวคำอัญเชิญหนักแน่นเสียงดัง

    “luxcaer!!”

    พระเพลิงสีนิลกาฬปรากฏขึ้น ก่อนจะมุ่งตรงกลืนกินและแผดเผาโซ่ซึ่งมุ่งตรงเข้ามาจนถึงปลายสายที่ยังคงอยู่ในมือของชายร่างเพรียว บุรุษเจ้าของเนตรสีม่วงรีบสะบัดมือให้ตัดจาดจากโซ่วารีทันที ใบหน้าดูเครียดขึงตึง ริมฝีปากเม้มสนิท..ก่อนที่จะ

    ฮะ...ฮ่าๆๆๆ!!

    หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

    “.....”
    อิลเวสไม่พูดอะไรออกมา ตั้งท่ารอเวลาที่อีกฝ่ายจะหยุดหัวเราะ ชายคนนั้นหัวเราะเสียงดังอย่าบ้าคลั่งจนพอใจ ก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้อีกฝ่าย “...ใช้เวทย์ได้สวย..แต่ที่เมื่อกี้ไม่สลายเวทย์ บางทีอาจเพราะมันเกินกำลังที่ดาบ..หรือไม่ก็ความสามารถของนายจะสลายได้สินะ

    ไม่มีคำตอบรับจากผู้ที่ถูกถาม และนั่นเป็นการเรียกให้ชายเจ้าของเนตรสีอเมทิสต์ถอนหายใจยาวออกมา

    เอาเถอะ.. ตั้งแต่ลงจากสวรรค์มาก็ไม่ได้เจอพวกเคี้ยวยากเลยซักคน  มีนายคนแรกนี่ล่ะที่สลายเวทย์ของฉันซะไม่เหลือหลอแบบนี้ น่าสนุกชะมัดเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ส่อแววสนุกสนานมาต่อกันดีกว่า

    ลูกไฟถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง หากแต่คราวนี้เป็นลูกไฟที่มีพลังมหาศาลและซับซ้อนกว่าเก่า  อิลเวสจำต้องเก็บดาบด้วยไม่มีประโยชน์ที่จะใช้สลายเวทย์อีกต่อไป ก่อนจะยกมือขึ้น เตรียมอัญเชิญธาตุมาต่อสู้แทน

    อ๊ะ จริงสิ"ขณะที่กำลังเลี้ยงลูกไฟไว้บนมือของตน ชายหนุ่มก็พูดขึ้นเหมือนนึกได้ แล้วชี้นิ้วไปทางคู่ต่อสู้ของตนเอง นายชื่ออะไรเรอะ

    อิลเวส ลินสแตรงก์ชายหนุ่มตอบอย่างว่าง่ายจนคนถามยังแปลกใจ

    พรึ่บ!

    ลูกไฟนิลกาฬปรากฏขึ้นในมือผู้พรากความตายอีกครั้งเอาล่ะ จะไม่เสียมารยาทไปเรอะ ที่นายจะไม่บอกชื่อออกมา

    คนถูกย้อนถามยักคิ้วไส่ใส่ใจโทษทีนะ บางทีอาจจะบอกไม่ได้ เพราะฉันดันลืมชื่อของตัวเองไปแล้ว

    เปรี๊ยะ!!

    ตูม!!

    เวทย์แห่งเปลวเพลิงที่เข้าปะทะกับในชั่วเสี้ยววินาทีระเบิดออกเมื่อพลังต่างหักล้างกัน ต่างฝ่ายต่างรีบบริกรรมคาถาเวทย์อีกครั้งหนึ่ง ในขระที่ชายผู้นั้นแสยะยิ้มแล้วแนะนำตัวออกมา

    ฉันคงแนะนำตัวเองไม่ได้ถ้าดันลืมไปซะสนิทใจแบบนี้ เอางี้ละกัน...ตอนนี้น่ะคนอื่นเขาเรียกฉันว่า

    ไลบราลี..


    +++++++++

    ซ่า...จ๋อม..จ๋อม

    เสียงน้ำกระเพื่อมดังในอ่างแก้ว มือเรียวถูไปมาในอ่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับคราบสกปรกยังไม่จางหาย สบู่ถูกใช้งานอีกครั้งจนน้ำในอ่างขาวขุ่นเพราะสบู่ที่ผสมลงไป

    เจ้าของมือยกมือขึ้นดม แต่แล้วก็ทำใบหน้าเหยเก ก่อนจะเปลี่ยนน้ำในอ่างแก้วแล้วล้างมืออีกครั้ง

    กลิ่นยังอยู่ทั้งที่ใส่น้ำหอมแล้ว ความสะอิดสะเอียนยังไม่หายไปทั้งที่เวลาก็ล่วงเลยมานานเหลือเกิน

    ภาพยังติดตา..ทั้งที่ไม่อยากจะจำ

    ทำไมต้องเป็นเขาที่มาเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งที่มีผู้มีคุณสมบัติอีกตั้งมากมาย

    ทำไมต้องเป็นเขา!!

    ทำไม ทำไม

    คำถามวนเวียนในหัว ดังสะท้อนซ้ำซากไปมาโดยไม่เคยหยุดลง

    ชายหนุ่มแสยะยิ้ม

    ดวงตาทอประกายขมขื่น มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมอง ก่อนจะท้าวลงบนโต๊ะที่วางอ่างแก้วไว้ ใบหน้าก้มมองน้ำที่ขาวขุ่นจนไม่เห็นใบหน้าของตัวเอง

    หยาดน้ำที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนร่วงหล่นลงบนผิวน้ำนิ่งให้กระจายวงกว้างออกไป

    เขาเฝ้าถามตัวเองเป็นร้อยครา  แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว

    เพราะจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน..ก็ไม่มีใครให้คำตอบเขาได้อีกแล้ว



    ++++

    หากว่าท่านเดินอยู่บนถนนเลียบสายน้ำ บางทีท่านอาจมองเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

    เด็กหนุ่มคนนั้นมีเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงยาวราวบ่า ผมหน้าที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นผมหน้าม้านั้นยาวรุงรังปรกหน้าตาจนแทบจะปิดบังความสวยงามของเนตรสีทับทิมกลมโต รูปร่างของเจ้าตัวบอบบางแต่เคลื่อนไหวได้กระฉับระเฉง ผิวขาวอย่างคนเหนือ เจ้าตัวสวมใส่เสื้อสีขาวยาวราวสะโพกแขนกุดที่มีแถบสีเหลืองยาวพาดลงสองเส้นบนเสื้อ ปลอกแขนสีขาวยาวปิดข้อมือสองข้างถูกใส่ไว้ราวกับไม่รู้จักร้อน ซิปที่ไว้ใช้แทนกระดุมนั้นมีหัวซิปเป็นรูปดอกกุหลาบอย่างที่เข้ากับเจ้าตัวได้อย่างน่าประหลาด และปิดท้ายด้วยกางเกงสีขาวและร้องเท้าหนังหุ้มข้อสีเดียวกัน

    และหากท่านเห็นเขาล่ะก็ บางทีท่านอาจรู้ดี..

    ว่าสีหน้าของเจ้าตัวกำลังเหม็นเบื่อได้ที่เชียวล่ะ



    ..
    อิลเวสไปอยู่ซะที่ไหนล่ะเนี่ย

    เนลล่าถอนหายใจยาว ครางเพียงในใจพลางมองไปรอบๆกาย หลังจากที่เขาออกจากสถานพยาบาลมาพร้อมหนังสือใส่ข้อมูลการชันสูตรศพที่ในที่สุดก็อุตส่าห์เอาออกมาได้แล้ว เด็กหนุ่มก็รีบวิ่งตรงมาหาอิลเวสทันที แต่ปรากฏว่าไม่มีวี่แววของอิลเวสอยู่รอบๆปราสาทของผู้ครองเมืองเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มร่างบางลองตามหารอบๆจนหมดความอดทน แล้วถึงไปถามชาวบ้านหรือไม่ก็ทหารแถวๆนี้ ซึ่งก็ได้ความมาว่าชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินคนนั้นต่อสู้กับใครบางคนแล้วกระโดดขึ้นหลังคาวิ่งหายกันไป ..ว่าแต่ วิ่งหายไปอยู่ทีไหนกันล่ะ ..เมืองนี้ก็ใช่ว่าจะแคบจนหากันเจอได้ง่ายๆนี่
    อิลเวสชอบหาว่าผมหาเรื่องให้อยู่เรื่อย..แต่ตัวเองก็ใช่หยอกซะเมื่อไหร่

    ลองไปเดินหาในเมืองดีกว่า...

    เฮ้ย

    เสียงเรียกดังขึ้นในวินาทีที่ย่างก้าว แต่เด็กหนุ่มร่างบางก็ไม่ได้สนใจอะไรกับคำเรียกที่ไม่ได้เจาะจงสรรพนาม และยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไปโดยในใจบ่นพึมพำถึงคนที่จู่ๆก็หายตัวไป

    เฮ้ย!

    เสียงเรียกที่แห้งเป็นมะนาวไม่มีน้ำดังขึ้นกว่าเก่า แต่เนลล่าก็ยังคงเดินต่อไปพลางอุ้มหนังสือไว้ในอ้อมแขนของตน

    เฮ้ย!! เจ้าหัวหงอกนี่!!

    กึก!!


    “......
    เรียกผมเหรอครับ?”หันหน้าไปหาเจ้าของเสียงด้วยสีหน้าหงุดหงิดกับคำกระทบที่คาวนี้เจาะจงแกมกระทบกระเทือนใจคนถูกเรียกอย่างแรง แต่แล้วเนล่าก็ต้องตัวแข็งเป็นหินเมื่อพบว่าคนที่มาเรียกตนไว้เป็นใคร

    ทำหน้ายังกับคนเจอผี

    ผมว่ามันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นะ

    ตอกกลับฉับพลันพลางมองร่างของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองผู้มีรูปร่างบอบบางไม่ตรงกับนิสัยของตนเอง ยามนี้เจ้าตัวสวมใส่ชุดผ้าไหมสีเงินสวยงามที่ดูมีภูมิฐาน พู่สีขาวหรูหราติดบนไหล่ทั้งสองข้างพร้อมสายคล้องและแถบสีแดงกันน้ำเงินที่เย็บติดกับแขนเสื้อขาว กางเกงสีเดียวกันกับรองเท้าหนังยิ่งส่งเสริมให้เจ้าตัวดูดีขึ้นกว่าตอนใส่ชุดพิลึกอย่างทันตา  เนลล่าพิจารณาอีกฝ่ายชั่วครู่ก่อนจะทันเห็นดวงตาสีฟ้าครามที่มองมาที่เขาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่เป็นมิตรอย่างตรงไปตรงมา ชายหนุ่มร่างเล็กยักคิ้ว ก่อนจะกอดอกแล้วเอ่ยเสียงสูงประชดประชัน "โฮ่ หาว่าฉันเป็นผีเรอะ?"

    "
    ใครเป็นใครรับครับ"

    "
    นาย.......!!!"เอลส์ขึ้นเสียงสูง ก่อนจะชะงักแล้วสูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์พลางเอ่ยลอดไรฟัน "ฉันอุตส่าห์จะไม่โวยวายใส่นายแล้วนะ เจ้าเด็กนี่"

    เนลล่าเบิกตาเล็กน้อย ยิ้มบางอย่างนึกขัน ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆครับ..ครับ..แล้ว...มีอะไรเหรอครับ?”

    "
    หืม?"

    คนถูกถามยังกอดอก

    "
    เรียกทำไมครับ"

    แล้วเรียกไม่ได้รึไงล่ะ?”

    ก็ ปกติไม่มีอะไรจะเรียกไว้ทำไมล่ะครับ

    เจอคนรู้จักแล้วทักไม่ได้รึไง?”

    อ้าว....ก็ ..เนลล่ากระพริบตาปริบๆ ชักสับสนกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้าก็ คุณเกลียดผมไม่ใช่เหรอ??”

    “....
    ไม่ได้เกลียด

    คำพูดนั้นเหมือนจะทำให้เนลล่าใจชื้นขึ้น

    แค่หมั่นไส้

    .........
    ถ้าไม่มีประโยคต่อมา

    เนลล่ากุมขมับ เข้าใจแล้วว่าชาตินี้คงญาติดีกับเอลส์ เฟรริดส์คนนี้ไม่ได้ เด็กหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะหันหลังให้แล้วตัดสินใจเดินหาอิลเวสต่อ "งั้นผมไปนะครับ"

    "
    เดี๋ยว อย่าเพิ่ง"

    "
    ครับ?"หันมาทางคนเรียก

    "
    ไปหาอะไรกินกัน หิว"

    ".....

    ..........

    ......

    ห๊า?"

    +++++++++

    "
    เอา................"

    เสียงสั่งอาหารจากปากของชายหนุ่มรูปงามผู้มีเสน่ห์ทั้งต่อเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันนั้นไม่ได้เข้าหูของเนลล่าเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากตอนนี้สมองของเด็กหนุ่มตื้อไปเรียบร้อยแล้วด้วยความงุนงงระคนแปลกใจที่จู่ๆก็จับพลัดจับผลูได้มานั่งกินอาหารที่ร้านหรูประจำเมืองโดยมีบุคคลที่เขาคาดไม่ถึงเป็นคนเลี้ยงอย่างฟรีๆ

    ปกติ คนเราจะเลี้ยงอาหารคนที่ตัวเองรู้สึกหมั่นไส้รึไงนะ??

    คำตอบที่ดังในสมองคือไม่ คนปกติธรรมดาคงไม่ใจดีมาเลี้ยงข้าวคนที่ตัวเองเกลียดหรอก แต่ในกรณีของเอลส์ เฟรริดส์คนนี้ เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจัดเจ้าตัวให้อยู่ในประเภทคนธรรมดาได้รึเปล่า

    รูปร่างบอบบาง แต่ไม่ได้อ่อนแอ แล้วยังเป็นเพลย์บอย แถมตอนนี้ยังพอเข้าใจแล้วซะด้วยว่าทั้งที่รูปร่างเหมือนผู้หญิงแบบนั้นแต่ทำไมมีสาวมาติดตรึม ดูเป็นคนหลักลอย แต่กลับทำงานดีๆอย่างการเป็นเสนาบดีประจำปราสาทของท่านผู้ครองเมือง อีกทั้งยามอยู่ในชุดเต็มยศเช่นนี้แล้ว เข้าตัวก็หล่อใช่หยอกซะเมื่อไหร่

    แต่..นี่มันจะเป็นความต่างที่ต่างสุดขั้วเกินไปแล้วไม่ใช่หรือไง??

    "........

    ...............
    เฮ้ย !! จะกินไหมเนี่ย!!"

    "
    คะ..ครับ..หืม???"เนลล่ากระพริบตาปริบๆ มองใบหน้าหวานของเอลส์ แล้วมองตามนิ้วของเจ้าตัวที่ชี้ลงโต๊ะ ..เพียงเวลาครู่เดียวที่เนลล่าใช้ครุ่นคิดถึงสภาพโดยรวมของคนตรงหน้า อาหารมากมายก็มาวางกองอยู่ตรงหน้าเขาซะแล้ว

    ว่าแต่..

    "
    นี่มัน..ไม่เยอะไปหรือครับ?"มองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะไปหมดกับจำนวนคนที่นั่งบนโต๊ะ แต่คนสั่งอาหารกลับตอบมาด้วยคำพูดสบายๆ

    "
    หืม? ปกติฉันก็กินเท่านี้แหละ มีปัญหาหรือไงล่ะ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องกิน! ไปไหนก็ไปเลย"

    ได้ข่าวว่าคนที่ชวนผมมากินคือคุณนะครับ

    และแม้ในใจจะคิดอย่างนั้นแต่ความหิวก็ตะโกนบอกความต้องการของมัน เนลล่าจึงเลิกคิดที่จะโต้เถียงกลับไปแล้วยอมทานอาหารที่ไม่ได้ควักเงินตัวเองมาจ่ายแต่โดยดี

    "
    เฮ้ย"

    เสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นขัดการทานอาหาร แต่แน่นอนว่าเนลล่าก็ขานรับคำ

    "
    ครับ?"

    "
    พูดอะไรหน่อยดิ๊"

    ..
    ใครเขาพูดจาตอนทานอาหารกันบ้างล่ะครับ "...แล้วจะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ จะให้สอนคุณเหมือนเมื่อวานไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นล่ะมีให้พูดอีกเป็นกระบุงโกย"

    "แก....ไอ้"

    "
    เกรงใจคนอื่นเขาบ้างก็ดีนะฮะ คุณเอลส์ แล้วก็ รู้จักระงับอารมณ์กับความรู้สึกที่พร้อมจะหยามคนทั้งโลกเอาไว้บ้างก็ดี"เนลล่ากล่าวทั้งที่ยังยัดอาหารเข้าปากโดยไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองร่างกายที่สั่นเทาด้วยความโกรธ

    "
    นายมีสิทธิ..อะไรมาว่าฉันแบบนี้!!"เอ่ยลอดไรฟันด้วยยังมีต่อมรู้สึกอายต่อผู้ที่อยู่ในร้านอาหาร แม้ว่าระดับเสียงจะดังขึ้นจนเรียกความสนใจได้บ่างแล้วก็ตาม เนลล่าที่ได้ยินเช่นนั้นเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะว่าต่อไป


    "
    ไม่สิทธิอะไรทั้งนั้นแหละฮะ ผมก็พูดไปเรื่อย ถ้าคุณไม่ได้เป็นอย่างที่ผมพูด คุณก็อย่าร้อนตัวสิฮะ?"ว่าจบก็หรี่ตามองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล ดูเหมือนจะยิ่งสนุกที่ทำให้อีกฝ่ายโกรธาได้ เอลส์ลุกขึ้นด้วยอารมณ์เดือดที่ไม่อาจทานไหวอีกต่อไป มือสองข้างละจากอาหารแล้วตบลงบนโต๊ะดังปัง เสี่ยงเกรี้ยวกราดตวาดดังราวกับจะออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ

    "
    อย่างนายจะไปรู้อะไร!!"

    "
    ก็ไม่รู้ไงฮะ ผมไม่รู้จักคุณ เพราะฉะนั้นผมจึงพูดไปตามที่ตาเห็น"ตอบกลับอย่างรวดเร็วและชัดเจน ก่อนจะเงยหน้ามองตรงๆเป็นครั้งแรก "แล้วคุณก็คงต้องรับรู้ไว้ซะบ้างนะครับ...ว่าอารมณ์ของคุณมันทำให้ทั้งตัวคุณเองและคนอื่นเดือดร้อน ..อันที่จริงตัวคุณเองก็มีนิสัยดีๆกับตัวเองเหมือนกัน ไม่งั้นคุณคงไล่ผมออกมานานแล้ว แต่ทิฐิกับอะไรหลายๆอย่างมันคงกันไม่ให้คุณทำแบบนั้น

    ...
    ผมพูดผิดรึเปล่าครับ?"

    เนลล่ามองลึกในดวงตาของชายหนุ่ม เด็กหนุ่มไม่ได้เข้าใจในตัวตนของอีกฝ่าย ..เพียงแต่คาดเดาจากการกระทำเหมือนกับทุกครั้งที่เขาคิดจะคบกับใครซักคน เอลส์ที่แต่เดิมยืนขึ้นตัวสั่นด้วยความโมโหเริ่มอารมณ์เย็นลงแม้จะไม่ใช่ด้วยความเต็มใจซักเท่าไหร่นัก หากแต่ดวงตาคู่นั้นที่มองมาลงบอกว่าพูดออกมาด้วยสิ่งที่มองเห็น..ไม่ใช่ด้วยอคติที่เขาเป็ผู้ก่อเมื่อแรกเจอกัน ดังนั้นชายหนุ่มร่างบางจึงถอนหายใจยาว ก่อนจะกระแทกตัวลงกับที่นั่งของตัวเอง

    "
    ให้ตายสิ..เพิ่งเจอกันแท้ๆ ดันมาพูดซะอย่างกับคนคบกันมาเป็นสิบๆปี"

    "
    เอาเข้าจริงผมก็แค่เดามั่วเอง ก็ผมเพิ่งพูดกับคุณไม่กี่ครั้งเอง ว่าแต่นี่มันไปแทงใจดำคุณเหรอครับ?"ว่าพลางมองคนที่ลงมานั่งหลังจากโวยวายไปยกหนึ่งพร้อมเริ่มตักอาหารของตัวเองเข้าปากแล้ว"แสดงว่าผมเดาเก่งใช้ได้เลยนะเนี่ย"

    "
    เออสิ...เดาเก่งมาก...."ลากเสียงยาวคล้ายประชดประชัน แต่ก็ยังลงมือกินอาหารต่อไป "ทำไมนายเดานิสัยคนเก่งนักฮะ เจ้าหัวหงอก"

    "
    ไม่รู้สิครับ หรือไม่ บางทีคุณอาจจะดูง่ายมากเลยก็ได้"

    "....
    ที่จริงฉันก็คิดงั้นนะ เพียงแต่ไม่มีคนคิดจะพูด"เอลส์แค่นหัวเราะ "แต่ละคนไม่พอใจก็เก็บเงียบ ไม่พอใจก็โวยใส่ ไม่พอใจก็ทำเป็นไม่พูดด้วย น้อยนักที่จะยอมด่าฉันตรงๆ...อย่างนายหรืออีวาน"

    "
    อีวาน"เนลล่าขึ้นเสียงสูงอย่างสงสัย มือเรียวที่ถือชอนส้อมอยู่หยุดไปกะทันหันด้วยความสนใจ "ใครกันครับ"

    "......
    หืม? รีทไม่ได้เล่าเหรอ นึกว่าจะเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟังจนหมดเปลือกทั้งเรื่องลับเรื่องแจ้งแล้วซะอีก"เอ่ยประชดประชันเสียงดังจนคนในร้านมอง เอาแขนข้างหนึ่งตั้งขึ้นท้าวคางแล้วกินอาหารต่อไป ดวงตาหันไปทางอื่นไม่สนใจอีกฝ่ายแต่ก็ยินดีจะพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา "...แฝดฉันเอง"

    "
    เห?"เนลล่าอุทานขึ้นมาอย่างแปลกใจ อ้าปากกำลังจะถามว่าแล้วทำไมคนคนนั้นถึงไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับทั้งสองคน เขาก็เพิ่งจะนึกถึงคำพูดของรีเรทขึ้นมาได้

    จะว่าไป..

    "
    แต่ว่า..ตายไปแล้วล่ะ"น้ำเสียงฟังดูเศร้าสร้อยวังเวง ชายหนุ่มวางช้อนส้อมลง ท้าวคางลงบนมือข้างหนึ่งของตัวเอง ก่อนจะเล่าต่อไป "ตั้งแต่สองปีก่อน"

    ดวงตาสีฟ้าของชายหนุ่มทอดมองออกไป ผสมปนเปทั้งความโกรธ ความเกลียดชัง ความอิจฉาและความเหงา ..น่าแปลก เขาไม่เคยคิดจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แต่วันนี้ กลับอยากจะให้ใครซักคนมารับรู้เรื่องราว

    "
    อีวานเป็นคนนิสัยดี..ตามที่รีทชอบพูดบ่อยๆน่ะนะ หมอนั่นน่ะหน้าตาเหมือนฉันไม่มีผิดแต่กลับอ่อนโยนและเป็นที่รักของทุกๆคน ส่วนทางฉันเองน่ะวันๆมีแต่คนมองแล้วชักสีหน้าไม่อยากยุ่ง ซึ่งสำหรับฉันมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องชวนลำบากใจอะไร ว่าตามตรงคนที่ฉันอยากให้สนใจน่ะมีแต่สาวๆเท่านั้นแหละ"

    นิสัยเพลย์บอยชัดๆ

    เนลล่าคิดในใจพลางกินต่อ แต่พอโดนสายตาคนจะเล่าเรื่องจ้องเขม็งเข้าให้ก็ต้องวางลงตามมารยาท แล้วรีบเช็ดปากแม้ว่าจะยังไม่อิ่มเลยก็ตาม "ครับ แล้ว?"

    "...
    อีวานชอบบ่นเทศน์ฉันอยู่ตลอดว่า'อย่าทำอย่างนั้นสิ' 'ทำแบบนี้มันไม่ดีนะ' 'ถ้านายยังทำตัวแบบนี้คนอื่นจะเดือดร้อนนะ' วันๆเอาแต่เทศน์ฉันจนฉันยังสงสัยว่าตกลงหมอนี่มันเอาเวลาที่ไหนไปทำงาน แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายฉันก็ยังไม่ปรับปรุงตัว ปากฉันมันก็เป็นอย่างนี้ นิสัยฉัยมันก็เป็นอย่างนี้ ไอ้เรื่องจะแก้มันยาก..แต่ฉันก็ยังรู้สึกดีที่มีใครสักคนกล้ามาด่าตัวเอง.."

    "
    แต่ดูเหมือนคุณจะแสดงออกว่าไม่พอใจนะครับ ขนาดเมื่อวานคุณยังแทบจะไล่ผมออกจากบ้านเลย"

    "
    ใครเขาจะบ้าชอบให้คนมาด่า!! หรือนายชอบ!!"ทุบมือลงบนโต๊ะดังปัง มองใบหน้าของคนที่บังอาจมาต่อล้อต่อเถียงกับเขา ก่อนจะเย็นลงเมื่อเห็นใบหน้าที่ตกใจของอีกฝ่าย "ก็อย่างที่บอก  ฉันไม่พอใจ โกรธ แต่ไม่ได้รังเกียจ..."

    เอลส์กระตุกมุมริมฝีปาก แววตาสีฟ้าครามทอดมองออกไปไกล....โหยหา "อีวานเป็นแพทย์ เป็นแพทย์คนดังเสียด้วย อีวานเป็นแพทย์ที่เก่งที่สุดในตอนนั้น ไม่ว่าใครในลากูน่าก็ย่อมต้องรู้จักหมออีวานที่เลื่องชื่อ รีเรทที่เห็นแบบนั้นก็เลยอยากเป็นหมอบ้าง...เขาเรียกว่ายังไงนะ อ้อ ชื่นชม มนุษย์ดีเด่นตัวอย่าง"

    โทนเสียงคล้ายจะประชดประชัน แต่กลับแฝงด้วยความภาคภูมิใจ

    "...
    อีวานเป็นคนดี"น้ำเสียงอ่อนลง "เป็นคนที่ดียิ่งกว่าใครๆ ถึงมาทนอารมณ์ฉันได้ ไม่สิ คงเพราะเป็นฝาแฝดด้วยมั้ง ถึงได้เข้าใจฉันไปซะทุกเรื่อง และพร้อมจะพูดความจริงกับฉันทุกเรื่อง"


    มองด้วยสายตา..ที่ซื่อตรงกว่าใครๆ
    อ่อนโยนกว่าใครๆ รู้ใจเขากว่าใครๆ
    มอง..ลึกถึงความต้องการของเขามากกว่าใครๆ
    คนที่..เข้าใจเขามากกว่าตัวเขาเองเสียอีก
    ครึ่งหนึ่งของเขา ที่คงไม่มีวันกลับคืนมา

    "..
    ฉันน่ะมันคนอารมณ์ร้อนแล้วก็เอาแต่ใจ ใครๆก็ไม่ค่อยอยากคบ แต่อีวานก็พยายามเต็มที่ให้ฉันพยายามปรับปรุงตัวเอง แต่สุดท้ายฉันก็ทำไม่ได้ซักที..แล้วสุดท้าย..หมอนั่นก็มาหนีฉันไป..ขี้โกงจริงๆ ทั้งที่ฉันยังปรับปรุงตัวเองไม่ได้เลยแท้ๆ"

    น้ำเสียงท้ายดูหงอยเหงา โหยไห้ คิดถึงอย่างที่ไม่อาจเก็บงำเอาไว้ แม้ว่าจะพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แสดงสว่นที่อ่นแอออกมาก็ตาม

    ความรู้สึก..ที่ทำให้เนลล่าสงสารคนตรงหน้าเหลือเกิน..สงสาร..แต่ไม่อาจเข้าถึง

    หากซักวันเขาได้รักใครซักคน รักคนคนนั้นมากไม่ว่าในฐานะใด แล้วคนคนนั้นต้องจากไปโดยไม่อาจหวนคืน...บางทีถึงตอนนั้นเขาคงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ ..โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเอลส์แล้ว อีวานเป็นคนเพียงคนเดียวที่รู้จักเขาอย่างแท้จริง..เพียงคนเดียวเท่านั้น

    คนคนเดียวที่ใครก็แทนที่ไม่ได้

    "...
    เอลส์คงรักคุณอีวานมากสินะครับ"เนลล่าถามออกไป และคำที่ได้รับกลับมาก็ดูจะแห้งแล้งตามคาด

    "..
    ถ้าใช่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย"อันที่จริงน้ำเสียงนั้นอ่อยลงและเจือด้วยวคามรักถึงเจ้าของชื่อที่เนลล่าบอก แต่นิสัยก็ทำให้คำตอบดูไม่นาฟังได้เช่นกัน และแน่นอนว่าเนลล่าไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย ทั้งยังตอกลับไปอย่างแรงเสียด้วย

    "
    ก็....เกี่ยวตรงที่ผมเป็นคนที่จู่ๆก็ต้องมานั่งฟังคุณเล่านี่ล่ะฮะ"ยิ้มหวานให้อย่างที่รู้ว่าอีกฝ่ายจนมุม เอลส์ดูจะหน้าถอดสี..นานแล้วที่เขาไม่ได้จนมุมแบบนี้ตั้งแตอีวานเสียไป แต่..นานๆทีมีคนมาตีฝีปากก็ไม่เลว

    นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้ รู้สึกสนุกกับการปะทะฝีปากที่สูสี การปะทะฝีปากที่ทำไปแค่สนุก..ไม่ใช่การทะเลาะกันที่หาสาระประโยชน์อะไรไม่ได้ ..การเล่นสนุกแรงๆเหมือนเมื่อครั้งอีวานยังมีชีวิตอยู่

    เพราะรีทไม่มีวันเข้าใจถึงความรู้สึกมากมายที่ซ่อนหลังคำพูดของเขาเช่นอีวาน และไม่มีใครจะเก่งพอตีฝีปากต่อกับเขาเช่นกัน

    ด้วยเหตุนี้ แม้หมั่นไส้ปนชังเด็กหนุ่มตรงหน้าเหลือเกิน แต่ก็สบายใจที่จะคุยด้วยมากกว่าใครๆในตอนนี้

    "..
    เฮอะ รีทฉันก็รักนะ แต่เขาต่างกับอีวานนี่ ขานั้นน่ะรู้ใจฉันซะหมด แต่รีท..ก็หมอนั่นไม่เข้าใจฉันนี่หว่า.. ไอ้ฉันมันก็ถนัดแต่บทจีบสาว บทจีบหนุ่มนี่..ไม่ไหว"ว่าพลางโคลงหัวไปมา แต่คนฟังชักขนลุกกับคำว่าจีบหนุ่มซึ่งไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหนกับความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง แต่พอฟังแล้วเด็กหนุ่มก็อดจะพึมพำขึ้นมาอย่างเชิงประชดประชันไม่ได้

    "
    สงสัยถนัดโดนจีบ.."

    "
    หา"

    "
    เปล๊า ไม่มีอะไรครับ"เนล่าเฉไฉไปได้ แต่ก็รู้ดีว่าที่ตัวเองพูดออกไปเสียดังมันค่อนข้างจะเป็นคำพูดที่ย้อนกลับเข้ามาแทงตัวเอง รูปร่างของเอลส์บอบบาง แต่ดวงตาของชายหนุ่มกลับฉายแววระริกทะเล้นพราวเสน่ห์อย่างที่สตรีพึงชอบ ในขณะเดียวกัน ตัวเขาเองล่ะ รูปร่างบอบบาง ถึงจะสูงกว่าอีกฝ่ายก็เถอะ แต่มีชีวิตอยู่มาสิบแปดปีก็มีแต่คนหาว่าเขาเป็น..เด็ก

    โลกนี้มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

    "
    เฮอะ..."ร้องขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ที่จริงเอลส์น่ะได้ยินเต็มสองรูหู แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานแล้วอีกฝ่ายเฉไฉเขาก็คงสวนไปไม่ได้ ว่าคนตรงข้ามน่ะดูน่าจะโดนจีบมากกว่าเขาซะอีก ทั้งเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงเคลียไหล่ ทั้งรูปร่างบางที่แม้ดูกระฉับกระเฉงแต่ถ้าใครบ้าจับมาใส่ชุดผู้หญิงก็คงดูไม่ขัดตา ...และส่วนที่ยิ่งสนับสนุนคำพูดนั้นที่สุด..ก็คือดวงตากลมโตสีทับทิมแดง..ที่คล้ายจะใสซื่อ กระจ่างใสราวกระจก

    เอลส์เริ่มกินข้าวต่ออีกครั้ง

    "...
    จะว่าไปช่วงนี้มีคดีที่ถนนเลดเซอีกแล้วสินะ.."

    "
    ครับ...ได้ยินว่าสี่ศพแล้ว"

    "
    หึ คราวนี้จะมีใครเป็นฆาตกรอีกล่ะเนี่ย"

    เนลล่าเงยหน้าขึ้นมองทันที

    "
    คราวนี้??"

    "
    เมื่อสองปีก่อนก็เคยเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น แล้วอีวานก็......"

    "
    ตายแล้ว! เอลส์!! ไม่ได้เจอกันนาน หมู่นี้ไม่ได้ไปที่คลับเลยนะ~ ไปกกสาวที่ไหนมาเนี่ย"เสียงหวานแหลมดังขัดขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้พูดอะไร มือเรียวสวยที่เล็บทาด้วยสีแดงเปรี้ยวเมื่อริมฝีปากหยาดเยิ้มของเจ้าตัวแตะลงบนไหล่ของชายหนุ่ม เอลส์มองใบหน้าของสาวเจ้าก่อนจะยิ้มพรายแล้วยกมืออีกฝ่ายขึ้นจูบเบาๆ

    "
    ไม่ได้ไปกกที่ไหนหรอก งานเยอะ วันนี้ว่างด้วย เดี๋ยวจะไปหาแล้วกัน โอเค เฮ้ย เจ้าหัวหงอก ฉันจะจ่ายค่าอาหารให้เอง ไปล่ะนะ"พูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะโดยที่อาหารยังอยู่เต็มโต๊ะอย่างที่คนร่วมรับประทานนึกเสียดายแทน ชายเจ้าของเรือนผมสีทองโอบเอวหญิงสาวแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะ แต่ก่อนจะจากไป เนลล่าก็ตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนรน

    เขาต้องถามเรื่องที่ติดค้างคาในใจให้รู้เรื่อง!!

    "
    คุณเอลส์ครับ เรื่องเมื่อสองปีก่อนอะไรนั่นน่ะ...!! ..ตกลงเกิดอะไรขึ้นหรือครับ!!"

    เนลล่าที่ลุกขึ้นยืนมองไปทางชายหนุ่มที่กำลังเกาะเอวของหญิงสาวนางหนึ่งอยู่ เอลส์ทำท่าจะไม่บอก แต่เมื่อเห็นประกายตาที่ชัดแจ้งแล้ว...เขาก็หลุบตาลง ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยเสียงสั่นพร่าราวไม่อยากนึกถึงให้ปวดใจ

    "....
    อีวาน..เป็นเหยื่อรายสุดท้ายในตอนนั้นน่ะ"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×