ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hagalaz..ผนึกรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #10 : ผนึกที่ 9 : เบาะแสที่คาดไม่ถึง

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 54


     

    ผนึกที่ 9 : เบาะแสที่คาดไม่ถึง



    ยามเช้าค่อยๆคืบคลานเข้ามา กลืนกินน่านฟ้าสีนิลประดับดาราพราวและจันทราให้กลายเป็นสีแสดของรุ่งอรุณซึ่งประดับด้วยเมฆาขาวฟุ้งและสุริยาฉายแสง พระอาทิตย์ส่องประกายเจิดจ้ากระทบลงบนผืนน้ำเป็นแสงระยิบระยับงามตา เสียงของนกน้อยและสายลมเริ่มขับขาน ผู้คนมากมายต่างตื่นขึ้นมารับแสงอาทิตย์ยามเช้าอย่างครื้นเครงและทำกิจวัตรประจำวันของตนไปอย่างเช่นทุกวัน โดยที่ยังไม่มีใครรู้ถึงคดีสยองขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนวาน ...คดีอันร้ายกาจที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สี่

    ความครื้นเครงเกิดขึ้นทุกที่ในเมือง โดยเฉพาะร้านอาหารชื่อดังของย่านชนชั้นกลางที่ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาหาอาหารเช้าทานกัน บ้างก็นัดเพื่อนนัดฝูงมาคุย บรรยากาศดำเนินไปอย่างครื้นเครงในเช้าอันสดใสของนครแห่งวารี และ ณ ที่นั้นเอง

    มีร่างสองร่างที่กำลังนั่งคุยอย่างสงบท่ามกลางความครื้นเครง

    ขอบตาคล้ำๆนะ

    “...เจอภาพแบบนั้นมาใครจะหลับลงล่ะครับเนลล่าตอบพลางดื่มน้ำหวานเข้าไปอีกใหญ่ เหล่มองคนที่เจอศพจังๆอีกคนซึ่งดูจะหลับสบายได้อย่างน่าอิจฉา ขณะนี้พวกเขากำลังนั่งคุยกันไปในร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่บริเวณเขตชนชั้นกลาง บนโต๊ะมีเพียงแค่กาแฟกับน้ำหวานแก้วหนึ่งวางอยู่พร้อมกระดาษสองแผ่นกับดินสอบนโต๊ะที่จดอะไรลงไปมากมายหลายภาษาตามแต่ที่สองนักเดินทางจะคิดออกมาได้ ซึ่งความหลากภาษานี่เองที่ทำใหคนที่แอบเหล่ตอนเดินผ่านถึงกับมึนหัวแต่เช้าเลยทีเดียว

    ขอบดวงตาสีดำคล้ำบนใบหน้าขาวนวลนั้นมีผลมาจากการนอนอย่างไม่เพียงพอเมื่อคืนของเด็กหนุ่มร่างบาง ประการแรกที่ทำให้หลับไม่ลงก็คือร่างของเหยื่อที่ไปพบเจอ มันโหดร้ายเกินไปจนเมื่อขับตาลงมันก็ดันลอยผุดขึ้นมาอย่างน่ารำคาญ กระทั่งทำให้ขยะแขยงแล้วพาลหลับไม่ลงไปเสียดื้อๆ ส่วนประการที่สอง.....เกิดขึ้นเมื่อคืนเช่นกัน

    หลังจากที่กลับมาถึงคฤหาสน์เฟริดส์อย่างปลอดภัยกันทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มเจ้าของสีผมขาวเหลือบม่วงก็เดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองมาสะพายท่ามกลางความงุนงงของเพื่อนร่วมทาง

    อิลเวส เดี๋ยวผมจะออกไปหาโรงแรมอยู่นะ

    หา?’อิลเวสขึ้นเสียงสูงงุนงง ก่อนจะตะโกนใส่เสียงดังจนเด็กหนุ่มร่างบางสะดุ้งเฮือกจะบ้าหรือไง!?’

    ก็ผมไปพูดจารุนแรงแบบนั้นใส่คุณเอลส์นี่ครับ ไม่โดนไล่ออกสิแปลก ผมเลยว่าจะออกไปหาโรงแรมอยู่นี่ไง แล้วเราค่อยนัดกันข้างนอกก็ได้เอ่ยตอบไปด้วยรู้ดีว่านิสัยอย่างเอลส์บางทีอาจจะขอยื่นคำขาดไม่ให้เขามาเหยียบในที่ๆตนอยู่อีกต่อไป แต่คำตอบที่ได้รับกลับผิดคาดจากที่เดาไว้อย่างสิ้นเชิง

    พร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากอิลเวสที่นานๆจะได้เห็นซักที

    อิลเวสหัวเราะ หัวเราะเงียบๆแต่ดูสะใจกว่าทุกครั้งราวกับไปเจอเรื่องถูกใจมา ปล่อยเขาให้ยืนงุนงงมองอยู่นาน เอาแต่หัวเราะโดยไม่พูดอะไร เนลล่ามองและมอง จนกระทั่งทนไม่ไหว คำพูดถึงได้หลุดออกมาจากปากของเขาอย่างไม่ยากเย็นอิล..หัวเราะอะไรนะครับ

    อา..หึ...เจ้าเฟรริดส์คนพี่นั่นน่ะฝากมาบอกว่า...ฉันไม่ได้ไล่มันออกจากบ้าน แต่ถ้าพูดจาแบบนี้อีกก็ไม่แน่’ ’

    ..คำพูดนั้นทำเอาเนลล่าอึ้งไปถนัดตา

    ก็หมายความว่า

    เธอยังอยู่บ้านนี้ได้ยังไงเล่า เอาล่ะ ไปนอนได้แล้ว

    หา เอ่อ เอ๋....

    แล้วเขาก็โดนลากไปโยนลงบนเตียงทั้งๆที่ยังงงอยู่อย่างนั้น อาจจะแถมด้วยมือหนักๆที่ลูบหัวอย่างเอ็นดูนั่นด้วย

    ไม่อยากเชื่อ เชื่อไม่ได้ เชื่อได้ยาก ถึงหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาก็ไม่อยากเชื่อ!!

    ถึงจะรู้สึกขัดแย้งแบบนั้น แต่การที่เอลส์ไม่ได้บุกมาที่ห้องเขาแล้วโยนกระเป๋าออกนอกบ้านพร้อมตะโกนเสารพัดนั้นอาจเป็นหลักฐานชั้นดี แต่ที่น่าขัดข้องใจคือเรื่องที่สองพี่น้องดันไม่อยู่ให้เขาถามกับคุยให้รู้เรื่องพร้อมกันซะนี่ เพราะดูเหมือนว่าสองพี่น้องแห่งเฟรริดส์จะออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าเพื่อทำงานของตน โดยไม่อาจรอให้พวกเขาสองคนตื่นได้ จึงเหลือแต่บรรดาคนรับใช้ที่มารอหน้าประตูแต่เช้าเพื่อปรนนิบัติรับใช้แขกทั้งสองคน แต่เพราะเจ้าบ้านไม่อยู่ ทั้งเขาและอิลเวสจึงรีบทานอาหารเช้าที่คนรับใช้เตรียมมาแล้วออกมานั่งคุยกันข้างนอกแทน

    โดยที่เขายังคาใจเรื่องนั้นไม่หาย


    คิดว่าไง

    ครับ?? อิล เรื่องที่ผมไม่โดนโยนออกจากคฤหาสน์เหรอ??”หลุดออกจากภวังค์ ให้ความสนใจกับคำถามที่ดังขึ้น

    ไม่ใช่!! เรื่องคดีเมื่อวาน จะเป็นฆาตกรคนเดียวกันรึเปล่า?”เอ่ยถามขึ้นโดยไม่ลืมสะบัดเสียงในตอนแรก เด็กหนุ่มเงยหน้ารับฟัง ผงกหัวหงึกๆเข้าใจ ก่อนจะก้มหน้าลงครุ่นคิดประมวลคำตอบ แล้วกล่าวออกมาหลังจากที่ใคร่ครวญแล้ว

    “..ถ้าแค่ลางของผม ผมคิดว่าคนร้ายคนเดียวกันครับ แล้วอิลเวสคิดว่ายังไงล่ะครับว่าจบก็คนช้อนในแก้วน้ำหวานไปมา  ก่อนจะเอนแผ่นหลังเอนพิงกับเก้าอี้รอคำตอบจากบทสนทนา ชายร่างสูงที่ถูกย้อนคำถามท้าวคางมองเด็กหนุ่มร่างบางก่อนจะเสสายตามองออกไปนอกร้านที่มีผู้คนเดินไปมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบดุจเดิมมีความเป็นไปได้ทั้งสองทาง คือเป็นฆาตกรคนเดียวกัน แต่ปรับเปลี่ยนเวลา กับ กรณีที่มีฆาตกรเกิดขึ้นสองคน โดยใช้ระยะเวลาต่างกันแต่มีวิธีฆ่าเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากนะ ที่ฆาตกรสองคนจะฆ่าด้วยวิธีที่เหมือนกัน

    แต่เราก็ยังไม่รู้อยู่ดีนี่ครับว่าศพที่ผ่านๆมาน่ะถูกฆ่าด้วยวิธีไหนยังไง แล้วจะไปตัดสินได้ยังไงกัน แล้วยังช่วงเวลาที่แน่นอนอีก อีกอย่าง ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ตายคนเมื่อวานน่ะเป็นใคร

    ถ้าไม่มีคนผ่านมาดูก็ยังจะตรวจสอบต่อได้อยู่หรอกถอนหายใจยาว สบถในลำคออย่างไม่พอใจแล้วดื่มกาแฟลงไปอีกอึกแล้วจะเอาไงต่อ

    เนลล่าเอียงคอ ขมวดคิ้วด้วยอาการที่ดูเหมือนจะลังเล ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอันที่จริง...ผมได้แผนผังของสถานที่ที่พอจะไปเอาข้อมูลมาได้แล้วล่ะครับ

    อิลเวสเบิกตากว้างตกใจ สำลักกาแฟในลำคอ ก่อนจะรีบเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความตกใจไปเอามาจากไหน?!”

    ผมไปเจอในห้องสมุดของคฤหาสน์เฟริดส์น่ะครับว่าพลางหยิบแผ่นกระดาษสีน้ำตาลที่พับไว้ในกระเป๋าขึ้นมาแล้วคลี่ออก เผยให้เห็นถึงแผนผังของสถานที่แห่งหนึ่งเมื่อคืน..พอดีผมนอนไม่หลับก็เลยเดินเล่นๆไปหาอะไรอ่านที่ห้องสมุดดู... นั่นแหละครับ สะเดาะกุญแขเข้าไป..ปรากฏว่ามีข้อมูลทางการทหารอยู่เยอะเลยล่ะ ผมว่าใครซักคนในบ้านนั้นคงทำงานด้านทหารในวัง ถึงได้มีข้อมูลเยอะขนาดนั้น และนี่..คือแผนที่ของวังแห่งนครลากูน่าครับ

    อิลเวสมองเส้นลายสีดำง่ายๆในแผ่นกระดาศที่มีรอยพับ เคาะกระดาษสีน้ำตาลที่แผ่ออก ก่อนจะแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอันนี้เธอแค่คัดลอกมาสินะ?”

    แน่อยู่แล้วสิครับ ขืนผมเอาของจริงมาก็ยุ่งสิ" พูดขึ้นพลางค้อนใส่ มือเรียวนำที่เขี่ยยาสูบมาทับกระดาศไว้ มองหน้าคนไม่แสดงอารมณ์ ก่อนจะว่าต่อไป วังนี่มีชื่อว่า เมอคิวเรส เป็นวังที่สร้างขึ้นหลังจากที่น้ำเอ่อล้นเข้ามาท่วมในเมืองลากูน่า ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่อยู่ของผู้ครองเมืองซึ่งในตอนนั้นสูญเสียวังของตนไปกับกระแสน้ำที่เข้ามาพังสิ่งก่อสร้างให้ทลายในพื้นที่เขตต่ำ ตอนนี้วังที่สร้างขึ้นจึงถูกสร้างในที่ที่สูงที่สุด ณ ใจกลางของเมืองลากูน่าครับ ที่นี่เป็นสถานที่เก็บเอกสารสำคัญทั้งหมดของเมืองนี้ จึงมีการวางข่ายมนตราป้องกันไว้ มีทหารวางเวรยามอยู่ทั้งวัน เป็นการยากที่จะเล็ดรอดเข้าไป อีกอย่าง  รู้สึกว่าห้องที่รวบรวมเอกสารข้อมูลของคดีน่าจะอยู่ลึกเข้าไป เป็นห้องที่ไม่ได้อยู่ติดกับหน้าต่างเสียด้วย ทางที่พอจะลัดเข้าไปได้ก็แค่จากหน้าต่างห้องพักทหารแล้วก็เดินไปตามระเบียงเท่านั้นเอง

    “....เธอนี่มันจอมหาข้อมูลจริงๆอิลเวสมองอย่างอดประทับใจไม่ได้กับความสามารถในการหาข้อมูลของเพื่อนร่วมทางรูปบางคนนี้ ชายหนุ่มครางหึในลำคอ ท้าวคางกับแขนของตัวเอง ก่อนจะพึมพำต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าไปล่ะนะ

    อิลเวสท้าวคาง ใช้ปากกาขีดเส้นทางในการแอบเข้าไป ก่อนจะเพิ่มตรงนู้นตรงนี้เป็นทางฉุกเฉินเผื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา ก่อนจะปิดฝาปากกาแล้วเอ่ยขึ้นเสียงบเรียบกับเด็กหนุ่มร่างบางแล้วจะลองก่อนไหม?”

    ครับ?”

    เนลล่าขึ้นเสียงสูงไม่เข้าใจในคำถามขอองีกฝ่าย อิลเวสวางปากกาลงกับพื้น แสยะรอยยิ้มเล็กๆแล้วว่าต่อไป

    ขอข้อมูลไปซึ่งๆหน้าน่ะ





    ไม่ได้!

    เดาผิดซะที่ไหนล่ะเนี่ย

    เนลล่าคิดในใจขณะที่ยืนอยู่หน้าปราสาทของเจ้าเมืองอันมีนามว่าเมอคิวเรส ณ บริเวณตึกส่วนหนึ่งอันเป็นที่ทำการของเหล่าทหารรักษาการณ์ประจำเมือง ปราสาทกว้างใหญ่และมีน้ำล้อมรอบอยู่เป็นเกาะลอยอย่างที่ได้เห็นมาแล้วในแผนผัง แต่ก็กว้างมากกว่าที่เคยคิดไว้ ...อันที่จริงตอนนี้อิลเวสก็กำลังหาทางสำรวจพื้นที่อยู่เหมือนกันว่าจะเข้าไปได้ทางไหนได้บ้าง เวรยามการดูแลตึกจะเป็นอย่างไร เวทย์คุ้มกันนั่นจะสามารถกำจัดไปได้รึเปล่า แต่ที่มายืนอยู่หน้าตึกนี่ที่จริงก็แค่อยากจะลองขอกันซึ่งๆหน้าก่อนเท่านั้นเอง เผื่อจะไม่ต้องเหนื่อยแอบเข้าไปเอาข้อมูลออกมา แต่ก็อย่างที่เดาเอาไว้นั่นล่ะ

    ไม่มีทหารคนไหนบ้าพอจะให้ประชาชนดูเอกสารลับหรอก!

    แต่ถึงอย่างนั้นก็เพิ่งจะบอกว่าอยากได้ข้อมูลเท่านั้นเอง ไม่แน่บางทีถ้าลองอ้างเหตุผลดีๆไปอาจจะยอมเอาข้อมูลมาให้ก็ได้

    ว่าแล้วเนลล่าก็ดำเนินแผนการทันที

    คือคุณทหารครับเนลล่ากล่าว  แกล้งทำสีหน้าจริงจังราวกับข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็น ผมน่ะ กำลังรวบรวมข้อมูลของพวกฆาตกรเพื่อทำบัญชีดำของแต่ละเมืองน่ะครับ เป็นเรื่องที่เบื้องสูงของเมืองผมสั่งมา เลยอยากจะขอข้อมู...

    จะมาจากไหนก็ไม่รู้หรอกนะ เบื้องสูงอะไรนั่นของแกก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉันด้วย แต่ถ้าไม่มีสาส์นมาจากทางพระราชวังหรือจดหมายขออนุญาตก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้ามาในนี้เลย!!"

    ปัง!

    ประตูใหญ่ของตึกทหารสีขาวปิดเสียงดังจนเนลล่าสะดุ้งแรงไปทีนึง ตามด้วยเสียงโซ่ที่คล้องประตูซึ่งดังเคร้งคร้างราวจะบอกถึงความยากในการเล็ดรอดเข้าไป เด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วงกระพริบตาปริบๆมองบานประตู ก่อนทีจะถอนหายใจยาวแล้วขยี้เรือนผมของตัวเอง

    ..ท่าทางจะไม่ไหวแฮะ แบบนี้คงต้องไปหวังทางอิลเวสแล้ว

    เด็กหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าใบเล็กๆที่ผูกไว้กับเอวของตน ก่อนจะหยิบลูกแก้วสีฟ้าขึ้นมา กายบางวิ่งไปทางมุมไร้คน  เนตรสีทับทิมมองซ้ายมองขวาว่าปลอดภัย แล้วจึงพึมพำบางอย่างใกล้ๆลูกแก้ว ก่อนที่แสงสว่างจะพลันเรือนรองขึ้นมาจากลูกแก้วสีฟ้าสวยบนมือของเด็กหนุ่มร่างบาง

    อิลเวสครับ

    เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกด้วยเสียงกระซิบ

    ว่าไง ขอข้อมูลได้รึเปล่าเสียงทุ้มนุ่มขออีกฝ่ายดังผ่านเข้ามา และแน่นอนว่าเนล่าก็กล่าวตอบไปด้วยเสียงระโหยเหนื่อยใจ

    ไม่ได้ครับ การ์ดแข็งมาก ทางอิลเวสล่ะฮะ?”

    มีเวทย์บางๆคลุมอยู่ทั้งตึก ยังไม่รู้ว่าเป็นเวทย์อะไร ฉันไม่รู้ว่ามันมีผลยังไงบ้างเลยว่าจะตรวจสอบก่อน

    ให้ผมไปช่วยไหมครับ?”

    ไม่ดีกว่า ถ้ามาอยู่กันสองคนเดี๋ยวจะสะดุดตาคน ไปเดินเล่นก่อนเถอะ ถ้าเรียบร้อยแล้วฉันจะติดต่อไป

    เข้าใจแล้วครับ งั้นผมตัดการติดต่อแค่นี้นะ

    อืม

    ลูกแก้วสีฟ้าที่ส่องประกายเรืองรองค่อยๆหม่นแสงลงกระทั่งกลับเป็นลูกแก้วสีฟ้าแวววาวเช่นเดิม

    เด็กหนุ่มเก็บลูกแก้วสีฟ้าสำหรับสื่อสารลงย่ามของตัวเอง ก่อนจะนึกพึมพำในใจ

    เวทย์เหรอ..นึกว่าเมืองนี้จะไม่มีความเจริญก้าวหน้าด้านมนตราเสียอีก ก็เห็นสืบคดีกันด้วยกำลังคน แถมทั้งเมืองยังมีเครื่องย้ายมิติแค่เครื่องเดียวอีกต่างหาก

    ทวีปอกาธาร์เป็นทวีปที่มีความหลากหลายของวัฒนธรรมค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าแต่ละเมืองแทบจะแปลกแยกกันไปเลยทีเดียว บางเมืองก็เต็มไปด้วยเวทย์มนตร์จนตาลาย บางเมืองก็รังเกียจมนตราจนวิทยาการด้านอื่นก้าวล้ำไป บางที่ก็เป็นพวกที่เอะอะก็โวยวายเรื่องผีสาง  สิ่งที่เหมือนกันคงจะเป็นภาษาที่ยังพุดคุยกันได้รู้เรื่องทั่วกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางเมืองที่พูดคุยกัยด้วยภาษาโบราณ ..เรียกว่าใครเดินทางไปทั่วทวีปแล้วเข้าได้กับทุกเมืองนี่เก่งฉกาจฉกรรจ์เลยทีเดียว

    นั่นรวมถึงพวกเขาด้วยหรือเปล่านะ

    เนลล่าหัวเราะขำกับสิ่งที่ตัวเองพูด แต่บางทีอาจจะจริง ในเมืองเขาเดินทางมาหลายเมืองแล้วในช่วงเวลาสิบกว่าปีนี้

    ว่าแต่...


     “เดินเล่นเหรอ...เด็กหนุ่มพึมพำ มองไปรอบๆกาย เกาหัวแกรกๆอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้วจะไปเดินเล่นที่ไหนดีล่ะ



    เปรี๊ยะ..

    เสียงไฟฟ้าสถิตที่เกิดจากการเสียดสีของม่านเวทย์กับวงมนตราที่ถูกร่ายขึ้นอีกวงดังขึ้นประสานกับเสียงพึมพำคาถาที่ดังเรื่อยยาวจากริมฝีปากหนาของชายร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินซึ่งขณะนี้กำลังนั่งอยู่บนต้นไม้ในมุมอับเพื่อวิเคราะห์ม่านเวทย์บางๆที่คลุมไปทั้งตึกของทหารรักษาการณ์ ..ม่านเวทย์ที่ส่วนประกอบไม่บางเหมือนลักษณะของมัน

    สิ่งที่ได้จากการวิเคราะห์ม่านนี้ไม่มีอะไรมากมาย ประการแรก ดูเหมือนว่ามันจะสามารถจดจำลักษณะของผู้ที่เดินผ่านเข้ามาออกตึกนี้ได้ โดยที่ได้รับคำสั่งไว้ว่าใครก็ตามที่ไม่ได้รับอนุญาตและได้รับการจดจำจากมันจะไม่สามารถเข้ามาในนี้ได้ ดังนั้นผู้ที่ไม่ได้รับอนญาติ เมื่อสาวเท้าก้าวเข้ามาก็จะพบกับกำแพงล่องหนที่ไม่ว่าอย่างไรก็เดินผ่านไม่ได้

    และประการที่สอง

    เปรี๊ยะ!

    สายฟ้าปรากฏขึ้นในมือของอิลเวสก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีผนังของตึกอย่างรุนแรง ควันที่เกิดจากทำลายและความร้อนที่เผาไหม้อากาศเป็นไอน้ำพวยพุ่งขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังม่านควันกลับเป็นผนังตึกที่ไม่มีร่องรอยการถูกทำลายแม้แต่รอยเดียว

    ม่านบางๆนี้ทำลายยากเหลือเชื่อ

    อิลเวสเสยผมตัวเองขึ้นแล้วถอนหายใจ หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะกระโดดลงไปยังชั้นหนึ่ง มองเข้าไปยังห้องร้างคน แล้วยื่นมือผ่านหน้าต่างเข้าไป พร้อมขยับไปมาสองสามที

    ..ก็ผ่านได้ แต่จากแผนผัง ห้องเก็บข้อมูลอยู่ชั้นบน ไม่ว่ายังไงก็ต้องผ่านระเบียงทางเดินที่อาจมีคนเห็นได้ง่าย
    นี่มันตึกทหารที่เห็บรวบรวมข้อมูลสำคัญ เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่เวรยามจะหละหลวม

    ตึก..ตึก..

    เสียงฝีเท้า!

    อิลเวสขมวดคิ้วแล้วรีบกระโดดส่งตัวเองขึ้นไปนั่งบนต้นไม้ทันที ดวงตาสีทองสวยมองดูร่างของทหารสองสามนายที่เดินเข้ามาแล้วคุยกระซุบกระซิบกันก่อนจะเดินมาดูที่หน้าต่างบานซึ่งเขาสอดมือเข้าไป

    ไม่มีใครอยู่นี่นา สงสัยจะมีกระรอกวิ่งผ่านเข้าไปมั้งถึงได้มีปฏิกิริยาทหารหนึ่งในนั้นว่าขึ้น ก่อนจะเดินไปประจำการยังที่เดิมของตัวเอง

    ..อย่าบอกนะว่า ไม่ใช่ว่าชั้นล่างไม่ได้ป้องกัน แต่เป็นตรวจจับ?

    ชายหนุ่มอ้าปากค้าง คิ้วขมวดกันจนเป็นปม ก่อนจะสบถดังลั่นแต่เพียงในใจ

    ทำไมมันวุ่นวายแบบนี้!





    พ่อหนุ่ม!! มายืนทำอะไรอยู่แถวนี้เนี่ย นี่มันเขตห้ามเข้านะ!!

    เนลล่าที่ได้ยินเสียงขณะชมดอกไม้ในสวนแห่งหนึ่งสะดุ้งเฮือกทันที ดวงตาสีทัมทิมลนลานมองหาเจ้าของเสียงก่อนจะรีบกล่าวแจ้งแถลงการณ์สาเหตุออกไป

    ผะ ..ผมแค่เดินเล่นมาเรื่อยๆน่ะครับตอบไปตามตรงเพราะเดินเล่นมาเรื่อยๆแบบไม่คิดมากจริงๆ แต่ทางอาจจะไม่เหมือนที่คนอื่นเดินเท่านั้นเอง..เพราะเขาเล่นเดินไปตามหลังคานี่นะ

    ชายวัยกลางคนซึ่งมีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนขมวดคิ้วงุนงง สงสัยเป็นล้นพ้นว่าเด็หนุ่มหน้าสวยคนนี้เข้ามาที่นี่ได้อย่างไรทั้งที่แประตูกับป้ายห้ามก็ออกจะชัดเจนแน่นหนา ก่อนจะรีบดันหลังเด็กหนุ่มร่างบางให้เดินออกจากเขตสวนสีเขียวซึ่งมีดอกไม้บานสะพรั่งหลากสีไป

    เดินอีท่าไหนให้เข้าที่นี่ได้ล่ะเนี่ย เอ้า รีบๆออกไปได้แล้ว

    "เอ๋ ..อ่า..ครั.."

    ที่รัก!

    หมับ!!

    ชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามากอดเนลล่าแน่นแล้วจนเด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งตกใจร้องออกมาไม่เป็นภาษา ขนทั้งกายพร้อมกันลุกเกรียวด้วยความตกใจปนขนลุกขนพองที่ใครก็ไม่รู้พุ่งเข้ามากอดแล้วพูดคำสุดเอียนออกมา เด็กหนุ่มลนลานสติเปิดเปิงอยู่นานกว่าจะคว้ากลับมาได้ ก่อนที่ดวงตาจะหันขวับไปมองหน้าชายวัยกลางคนซึ่งบอกให้เขาออกไปที่ยามนี้ยกมือขึ้นปิดหน้าผากด้วยความเหนื่อยใจ เนลล่าเห็นดังนั้นจึงรีบตะโกนโวยวายถามชายหนุ่มรุ่นลุงทันที

    นี่มันอะไรกันน่ะครับ!

    ที่รัก อย่าทิ้งฉันไปเลย จากนี้ฉันจะทำตัวดีๆ

    ผมไปเป็นที่รักคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ! อีกอย่างผมเป็นผู้ชายด้วย ปล่อยผมนะ ปล่อยผมซี่!หันขวับไปตวาดใส่อย่างไม่ไว้หน้าแล้วดิ้นพล่านพลางดันหน้าของชายที่เข้ามากอดตน ชายคนนี้รูปร่างบางแต่กลับแรงเยอะอย่างกับอะไรดี แถมดวงตายังเลื่อนลอยราวกับมองผ่านหน้าเขาไปที่ไกลแสนไกล คุณลุงครับ ช่วยด้วย! แล้วหมอนี่มันเป็นใคร!!

    ก็คนบ้าน่ะสิ นี่มันสถานพยาบาลนะพ่อหนุ่ม  แต่ที่ผิดน่ะมันเธอที่เข้ามาต่างหาก แถมยังเคราะห์ดีเข้ามาในเขตดูแลผู้ป่วยสมองพิการด้วย  เฮ้!! ไกร่า นั่นมันไม่ใช่เมียนายซักหน่อย เป็นผู้ชายด้วย ปล่อยเขาได้แล้ว!!

    ชายวัยกลางคนเข้ามาดึงร่างของชายหนุ่มออก แต่เจ้าของนามไกร่ากลับสะบัดมือนั้นออกแล้วโวยวายขึ้นมาไม่ใช่ นี่ล่ะเมียฉัน ที่รัก ได้โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ นะ นะ

    ปล่อยผมเถอะครับ!!ดันหน้าชายหนุ่มออกทันก่อนที่ริมฝีปากแห้งผากจะแล่นมาสัมผัสที่ใบหน้า รู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากชกหน้าเข้าจังๆถ้าไม่ถือว่าเป็นคนบ้าที่ไม่รู้เรื่องอะไร..ก่อนจะถอนความคิดอย่างแรงเมื่อถูกกอดแน่นขึ้นไปทุกที

    หรือว่าจะจับหักคอให้ตายคาที่ไปเลยดี!!

    อุ๊บ!!

    เสียงที่หลุดออกมาเรียกให้สามดวงตาหันไปมองทันที ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งในชุดสีขาวล้วนที่กำลังยืนปิดปากตัวเองอยู่ ดวงตามีแววขบขันและประหลาดใจ ความเงียบและเวลาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนชายคนนั้นจะหลุดหัวเราะออกมา

    อะ..ฮ่าๆๆๆ...!

     “.........รีท!!




    ใจเย็นๆนะครับ โบราณเขาว่าอย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมารีเรทที่ยังหัวเราะไม่หยุดเอ่ยปลอบเนลล่าหลังจากที่ถูกคนไข้ซึ่งมีอาการจิตผิดปรกติกอดเข้าให้ที่สวนเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นภรรยา (ทั้งที่เป็นผู้ชายอกสามศอก!.เอ้อ สองศอกก็ได้..) สถานพยาบาลแห่งนี้แบ่งเป็นหลายส่วนสำหรับคนไข้หลายประเภท แล้วเด็กหนุ่มร่างบางคนนี้ก็ดันซวยที่ไปหยุดเดินเล่นเอาตรงสวนสำหรับคนไข้ที่ป่วยทางด้านจิตเข้าเสียนี่

    แล้วทำไมรีทต้องหัวเราะขนาดนั้นด้วยล่ะครับ?”หรี่ตามอง ตีสีหน้ายุ่งเหยิง  ลูบแขนตัวเองด้วยยังขนลุกไม่หายจากสถานการณ์ที่ผ่านมา ยามนี้พวกเขาได้เข้ามาเดินในบริเวณส่วนทางเดินที่นำไปสู่ส่วนอื่นของสถานพยาบาลโดยการนำทางของรีเรท เนลล่าสะบัดหัวพยายามลืมความอัปยศครั้งนี้ออกไป ส่วนรีเรทที่ถูกห้ามก็ปิดปากตัวเองด้วยพยายามกลั้นหัวเราะ ก่อนจะต้องหลุดออกมาแล้วหัวเราะซะเสียงดัง จนเนลล่าทำตาขวางใส่นั่นแหละเจ้าตัวถึงได้รับเก็บเสียงหัวเราะลงไปอีกครา

    อึก...ห..ค....ขอโทษนะครับ

    “..จะหัวเราะก็หัวเราะเถอะครับ ไม่ห้ามแล้วล่ะ อย่าไปบอกใครละกัน โดยเฉพาะคุณเอลส์คำสุดท้ายดูเหมือนจะจริงจังเอาเรื่องเพราะชนักติดหลังที่ดันไปพูดจารุนแรงใส่คุณชายเข้า เข้าใจว่าถ้าขืนเจ้าตัวรู้เร่องนี้เข้ามีหวังโดนล้อแกมหยันไปตลอดช่วงเวลาที่ต้องเจอหน้ากัน รีเรทมองใบหน้าของเนลล่าแล้วหลุดหัวเราะอีกครา เข้าใจในความหมายนั้น ก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ยสัญญาด้วยท่าทีกึ่งเล่นกึ่งจริจัง

    โอเคครับ ไม่บอกพี่เอลส์แน่นอนพูดจบก็ยิ้มินดๆเมื่อเด็กหนุ่มร่างบางถอนหายใจยาว เนลล่าที่กำลังเดินไปเรื่อยๆกับรีเรทหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาถามชายหนุ่มด้วยนึกสงสัยมานาน

    “..ว่าแต่ รีทมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ

    ผมเป็นหมออยู่ที่นี่น่ะ

    กึก!

    “..จริงอ่ะ!!เนล่าร้องพลางมองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ส่วนรีเรทที่เห็นท่าทีดังกล่าวก็ขมวดคิ้วไปเสียเฉยๆ

    หน้าตาผมมันไม่เหมาะจะเป็นหมอขนาดนั้นเลยเหรอครับขมวดคิ้วทำสีหน้าน้อยใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มร่างบางทำสีหน้าตกใจแล้วตะโกนใส่ซะเสียงดัง เนลล่าที่เห็นแบบนั้นจึงต้องรีบแก้ตัวเป็นพลันวัน

    เปล่าๆ ไม่เชิงหรอกครับ คือ....มันดูไม่เข้ากันเท่าไหร่น่ะครับ”..ก็เล่นดูเป็นพวกอ่อนแอ ซุ่มซ่าม โอนอ่อนตามคนอื่นง่ายแล้วก็อ่อนโยนขนาดนั้นนี่นา แต่ที่จริงก็อาจจะไม่แปลกเท่าไหร่ก็ได้

    คนที่อ่อนโยนน่าจะอยากรักษาผู้คน

    ขอโทษนะครับที่ทำท่าแบบนั้นกล่าวสำนึกผิด แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ใส่ใจ

    ช่างมันเถอะ ตอนที่ผมมาเรียนหมอกับอาจารย์ที่นี่ก็มีแต่คนบอกว่าผมไม่เหมาะทั้งนั้นแหละ ผมชินแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับรีเรทถอนหายใจยาวคล้ายจะรู้สึกหน่ายใจ แต่ก็หันมายิ้มบางๆให้เนลล่าสบายใจ ขาเรียวใต้กางเกงสีดำยาวเดินไปตามระเบียงต่อไป โดยไม่ลืมถามถึงสาเหตุที่เด็กหนุ่มหลงเข้ามาในสถานพยาบาลที่ตนทำงานว่าแต่ไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงกันครับเนี่ย?”

    ก็...ผมเดินเล่นแล้วหลงเข้าไปน่ะครับ ใครจะไปรู้ล่ะว่า..มองไปทางอื่น ดูเหมือนจะไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่ ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน จะว่าไป ผมนึกว่ารีทจะทำงานอะไรที่ดู..เอ่อ แบบพวกชนชั้นสูงน่ะ ก็ดูบ้าน...

    เด็กหนุ่มละไว้ในฐานที่เข้าใจ

    อ้อ.. ไม่ใช่หรอกครับ บ้านนั้นน่ะตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่แล้วล่ะครับ พวกคนรับใช้ก็มีแค่ที่พอจะดูแลได้เท่านั้นเอง เงินตอนนี้น่ะมาจากเงินที่ปู่ของทิ้งไว้ให้ เงินที่ทางท่านผู้ครองเมืองจ่ายให้พวกชนชั้นขุนนาง กับเงินที่ได้จากการทำงานของพวกผมเท่านั้นล่ะครับ พ่อผมก็ทำงานเป็นทหารในวัง แม่เป็นนางพยาบาล พี่คนโตของผมก็เป็นหมอ ส่วนพี่เอลส์น่ะเป็นเสนาบดีอยู่ในวังครับ

    ““พี่ชายคนโต? ผมยังไม่ได้เจอเลยนี่ครับ แล้วยังคุณพ่อคุณแม่ของรีทด้วย?”

    ดวงตาของรีเรทหมองลงจนหัวใจของเนลล่าร่วงตุบลงบนดินราวกับว่าได้ทำให้ชายหนุ่มไปนึกถึงเรื่องไม่ดีเข้า ดูเหมือนความเงียบจะเข้าครอบคลุมซักครู่ รีเรทยิ้มบางๆ ก่อนจะหันมาตอบด้วยน้ำเสียงโทนเดิม“....พวกท่านเสียไปหมดแล้วล่ะครับ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านเจออุบัติเหตุที่ทะเลทรายเมื่อห้าปีก่อน ส่วนพี่ชายคนโต...ก็เสียไปเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้เลยเหลือกันแค่ผมกับพี่เอลส์เท่านั้นแหละครับ

    เนลล่าชะงักนิ่งไป เงียบตามพักใหญ่ก่อนจะเอ่ยขึ้นแผ่วเบาราวสำนึกผิด“...ขอโทษที่ทำให้นึกถึงเรื่องไม่ดีนะครับ

    ไม่เป็นไรครับ....อย่ากังวลเลยยิ้มฝืดเฝื่อน มือเรียวผอมยกขึ้นลูบศีรษะของเด็กหนุ่มที่สูงกว่าตนเล็กน้อยอย่างเอื้อเอ็นดู พยายามปรับอารมณ์ของตน แล้วจึงค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาอีกคราแต่เพราะเหลือกันสองคนนี่ล่ะ เมื่อวานเราหยุดพร้อมกันเลยว่าจะชวนพี่เอลส์ไปเดินเล่นซะหน่อย..แต่พี่ดันนัดหญิงไว้ก่อนซะได้ ผมก็เลยโมโหไปหาอะไรกินที่ร้านเหล้า..แล้วก็ทำน้ำหกใส่เนลนั่นล่ะครับ

    อา.. งั้นเหรอครับหัวเราะเบาๆเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวานแล้วก็ดูเหมือนคุณเอลส์จะโดนผู้ชายท่าทางน่ากลัวเข้าใจผิดว่าเป็นพวกขายตัวซะด้วยสินะครับ

    ว่าขึ้น แต่ก็เรียกความสนใจของรีเรทได้ทันที

    ไปรู้มาจากไหนครับนั่น?”

    อา ..คือว่า อิลเวสเล่าให้ฟังน่ะครับ ว่าอิลเวสเขาเข้าไปช่วยตอนที่คุณเอลส์กำลังถูกไล่ตามพอดีเนลล่าเอ่ยตอบ  คลายความสงสัยของรีเรทได้ทันที ก่อนเจ้าตัวจะเริ่มสาธยายข้อเสียของพี่ชายตัวเองออกมาราวกับอัดอั้นตันใจมานาน

    “....พี่เขาโดนเข้าใจผิดบ่อยตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วล่ะครับ ไม่เข้าใจสายตาคนอื่นเหมือนกันว่ามองพี่เอลส์ยังไงให้เป็น..พวกนั้น แต่ที่จริงขานั้นน่ะเห็นรูปร่างบอบบางขนาดนั้นแต่เป็นพวกเจ้าชู้ประตูดินสุดๆเลยนะครับนั่นยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วมองด้วยสีหน้าจริงจังราวเป็นการรับประกันคำพูด เนลล่าหัวเราะเบาๆกับท่าทีดังกล่าว ก่อนจะเอ่ยถามต่อไป จะว่าไป ..ระยะนี้ได้ยินข่าวฆ่าหั่นศพสินะครับ ที่ว่ามีเหยื่อไปสี่รายแล้วนั่น..

    หมายถึงคดีที่ถนนเลดเซน่ะเหรอครับ?”

    ครับ นั่นล่ะยืนยัน ก่อนจะถามต่อไปในระหว่างที่ก้าวเดินไปตามระเบียงยาวพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นไหมครับ?”

    รีเรทส่ายหัวทันทีผมไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคดีหรอกครับ แต่ถ้าเรื่องเล่าของถนนเลดเซล่ะก็...

    งั้นช่วยเล่าให้ผมฟังทีได้ไหมฮะ?”เนลล่ารีบกล่าวขอ ดวงตาเป็นประกายราวเด็กที่เจอเรื่องถูกใจ รีเรทยิ้มบางๆ รู้สึกทั้งรักทั้งเอ็นดูเด็กหนุ่มร่างบาง ก่อนจะพยักหน้าแล้วเริ่มเล่าไป

    ถนนเลดเซเป็นถนนที่มีการยกสูงตั้งแต่ก่อนที่น้ำจะเข้ามาท่วมน่ะ แล้วก็เป็นถนนที่มีข่าวลือไม่ดีด้วยครับ เป็นข่าวลือผีๆสางๆน่ะครับ...

    ข่าวลือผีๆสางๆ???”เนลล่าว่าขัดขึ้น

    เขาเล่ากันว่าน้ำที่เข้ามาท่วมในเมืองเป็นเหมือนสิ่งที่จะคอยคุ้มครองและดูแลเราต่อไป แต่เฉพาะถนนเลดเซซึ่งน้ำเข้าไม่ถึงเท่านั้นที่จะไม่ได้รับการคุ้มครอง เลยทำให้มีการฆาตกรรมเกิดขึ้นบ่อยน่ะครับ..

    บ่อย?”ขึ้นเสียงสูง ขมวดคิ้วแล้วตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจแสดงว่ามีเหตุการณ์ฆ่ากันแบบนี้เกิดขึ้นตลอดเลยเหรอครับ!?”

    ประมาณนั้นแหละครับ ส่วนมากคดีฆ่าคนหรือการฉกชิงวิ่งราวก็จะเกิดขึ้นแถวๆถนนเลดเซเป็นส่วนใหญ่ จนตรงจุดนั้นไม่ค่อยมีใครเดินผ่านกันเท่าไหร่ เลยกลายเป็นที่ที่น่ากลัวไป ..”

    แล้ว...

    หมอรีเรทคะ!!


    ก่อนที่เนลล่าจะอ้าปากเอ่ยถามอะไรต่อ เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่วิ่งตรงมาทางพวกเขา

    มีอะไรหรือครับ คุณเพนร่า? วิ่งมาเหนื่อยเชียวชายหนุ่มร่างผอมเอ่ยถามหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินที่ใส่ผ้ากันเปื้อนซึ่งเปื้อนเลือดเล็กน้อย หญิงสาวที่วิ่งมาหาหอบหายใจหน่อยๆ ก่อนจะเอ่ยต่อไปทางใต้ดินขอให้คุณไปช่วยงานหน่อยน่ะค่ะ

    กึก!

    รีเรทพลันเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดนั้น ใบหน้าลำบากใจมองกลับไปยังหญิงสาวร่างสูงซึ่งเป็นผู้ช่วยแพทย์ใมนสถานพยาบาล  ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแหบแห้งคนทางนั้นไม่พออีกแล้วหรือครับ..?”

    อันที่จริงคือ วันนี้คนทางนั้นไม่มาสามคนค่ะ...ก็เลย...

    ไม่ว่าอย่างไรผมก็ต้องไปสินะครับพึมพำ ดวงตาแฝงแววหวาดกลัวไม่พอใจ แต่แล้วก็ต้องปลงเมื่อหญิงสาวพยักหน้าด้วยท่านทีเกรงใจและลำบากใจไม่แพ้กัน รีเรทถอนหายใจยาว ก่อนจะหันมาทางเนลล่า ยิ้มบางๆแล้วเอ่ยขึ้นดูเหมือนว่าผมจะต้องไปทำงานต่อแล้ว เนลจะกลับไปก่อนไหมครับ?”

    “...ไว้ก่อนก็ได้ฮะ ผมขอเดินดูที่นี่หน่อยได้หรือเปล่า?”

    ไม่มีปัญหาครับ เอานี่ไว้แล้วกันรีเรทหยิบเข็มกลัดอันหนึ่งขึ้นมา แล้วกลัดที่เสื้อตรงบริเวณอกซ้ายของเด็กหนุ่มร่างบาง เช็มกลัดนั้นมีรูปใบไม้สีเขียวที่ซ้อนทับกับดอกลิลลี่สีชมพู ซึ่งพอประดับไว้บนเสื้อผ้าสีขาวของเนลล่าแล้วก็ทำให้เข็มกลัดพลันเด่นชัดขันมาทันทีนี่เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นแขกของสถานพยาบาลและสามารถเดินเข้าออกที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าคนดูแลห้องบอกว่าอย่าแตะต้องอะไรก็อย่าไปแตะต้องนะครับ

    เนลล่ามองเข็มกลัด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรีเรทที่กำลังจะเดินไปเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมาก

    ไม่มีปัญหาครับ"ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ มองดวงตาของเนลล่า

    นานแล้วที่เขาไม่ได้คุยกับคนอื่นอย่างสนุกสนานเช่นนี้ อย่างเป็นกันเองเช่นนี้ ความรู้สึกเก่าๆที่พลันหวนคืนมาอย่างช้าและอ่อนโยน

    ...ถ้าเพียง..ถ้าเพียงแต่

    "ถ้าเพียงแต่คุณจะมาที่นี่เร็วกว่านี้......"

    "..? เมื่อครู่พูดอะไรเหรอครับ"เนลล่าเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้ยินคำพึมพำไม่ได้ศัพท์ของอีกฝ่าย แต่รีเรทก็แค่ยิ้ม ก่อนจะส่ายหัวไปมาเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร แล้วหันไปทางหญิงสาวที่ดูจะยืนรอเขานานพอสมควรแล้ว "งั้นเราไปกันเถอะครับคุณเพนร่า

    แต่ก่อนหน้านั้น เนลล่าก็เรียกชายผมดำเอาไว้

    เอ้อ..รีทฮะ...

    ครับ?”รีเรทหันมาตามคำเรียก

    ไม่ทราบว่าแผนผังสถานพยาบาลอยู่ไหนเหรอครับ?”



    ++++++++++

    นครลากูน่ามีทางน้ำสองสายใหญ่ไหลผ่าน

    หนึ่งคือถนนสายน้ำ ฟรองซัวร์และสองคือถนนสายน้ำเลเดนเซ่

    นอกเหนือจากนั้นถึงจะมีชื่อก็เป็นสายน้ำสาขาที่แยกกันไป และจุดพบบรรจบกันของทั้งสองถนนสายน้ำก็คือจัตรัสกลางของลากูน่า สถานที่ชุมนุมของคนในเมือง

    เหนือขึ้นไปยังใจกลางของเมือง จะปรากฏปราสาทสีขาวสูงตระหง่านที่เห็นเด่นชัดจาดที่จุดในนคร  ปราสาทของผู้ครองเมืองลากูน่า หญิงสาววัยกลางคนผู้มีนามว่าเอนีเซีย

    และที่ใกล้ๆกับด้านหน้าของตึกทหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทนั้น มีชายคนหนึ่งยืนอยู่

    ชายคนนั้นมีเรือนผมสีน้ำเงินยาวซึ่งคลออยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้าง ร่างกายสูงใหญ่สมส่วน ไม่เพรียวบางต้องลมแต่ก็ไม่ได้กล้ามมัดใหญ่ราวกับชายร่างโต ดวงตาสีทองคมกริบราบเรียบที่มักไม่แสดงแววใดๆ  เครื่องแต่งกายชวนร้อนอันประกอบด้วยเสื้อคอเต่าสีดำแขนยาวตัวหนึ่ง ทับด้วยเสื้อผ้าฝ้ายสีเนื้อแขนกุดชายยาวคลุมเข่าซึ่งมีกระดุมและโซ่คล้องให้เสื้ออยุ่ติดกัน ก่อนจะสวมทับด้วยเสื้อสีขาวขอบทองแล้วคาดเอวไว้ด้วยหนังสีแดงซึ่งผูกถุงเงินเอาไว้ เครื่องประดับมีเพียงหนึ่งเดียวคือสร้อยซึ่งแขวนตราบางอย่างเอาไว้ กับกางเกงสีขาวและรองเท้าข้อสูงสีราตรี

    อิลเวส ลินสแตรงก์นั่นเอง

    อันที่จริงมันถึงเวลาที่เขาควรจะติดต่อกับเนลล่าแล้ว แต่เพราะยังคาใจกับม่านเวทย์ที่ตนไขส่วนประกอบไม่ออก ถึงได้ยังลังเลว่าจะลองหาวิธีบุกให้ถึงที่สุดก่อนดีไหมแล้วค่อยปรึกษาทางใหม่

    ชั้นล่างน่ะมีทางให้ไปอยู่แล้ว ถึงจะเสี่ยงกับการถูกตรวจจับแต่ถ้าเร็วซักอย่างก็อาจจะตามไม่ทัน แต่นั่นหมายถึงในกรณีที่เวทย์ตรวจจับเพียงที่เดียว เพราะมีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่ภายในนั้นจะตรวจจับทุกจุดและทุกซอกทุกมุมของตึกสีขาวสูงใหญ่เด่นสายตา

    ..
    อีกเรื่องที่น่าสงสัย

    ลากูน่าเป็นเมืองที่ไม่มีความก้าวหน้าด้านมนตรา ดังนั้นตามจริงแล้วถึงแม้จะเป็นสถานที่สำคัญแต่ก็น่าจะไม่ถึงกับมาลงมนต์คุ้มครอง ในเมื่อเอาเข้าจริงเพียงเวรยามที่แน่นหนาก็สามารถป้องกันความปลอดภัยได้แล้ว แต่นี่ถึงขนาดกับลงมนต์ที่ซับซ้อนได้..มนต์ที่คงต้องให้จอมเวทเป็นคนลงถึงจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้ และในเมื่อนี่เป็นเมืองที่ขาดการสนับสนุนเวทย์มนตร์ ย่อมหมายความว่า บางทีเจ้าเมืองหรือใครซักคนที่ปกป้องที่แห่งนั้นคงจะ 'จ้าง' ให้จอมเวทมาลงมนต์ แต่...
    เหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องลงทุนขนาดนั้น?? มีเหตุผลอะไรที่เขายังนึกไม่ออกหรือ??

    แต่เมื่อคิดหนักดจนชักวนไปไกล อิลเวสก็รีบวกกลับมาที่ปัญหาหลักของตัวเองหรือก็คือจะทำอย่างไรให้แอบเข้าไปในนั้นได้ดี ..หรือว่าจะต้องยอมแพ้แค่นี้?

    อิลเวสถอนหายใจยาว ขมวดคิ้วหงุดหงิดแล้วส่งเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ

    ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามา

    ดูเหมือนกำลังจะกลุ้มใจอยู่นะ

    อิลเวสหันขวับไปหาต้นเสียงในทันที ก่อนคิ้วเข้มสีดำจะพลันขมดหนักกว่าเดิมเมื่อพบร่างเจ้าของเสียงประจักษ์แก่สายตา

    “...
    นายคือ




    กึก..กึก..

    ติ๋ง

    เสียงฝีเท้าที่กระทบลงบนพื้นหินขังน้ำดังขึ้นในความเงียบวังเวงและอับชื้นของชั้นใต้ดิน เสียงน้ำหยดลงยังพื้นหินดังแว่วมา แสงสว่างอันเลือนรางผซึ่งอาศัยเพียงแสงเทียนค่อยๆถูกจุดขึ้นจากเทียนเล่มหนึ่งสู่อีกเล่มหนึ่ง กระทั่งสว่างไปทั่วทิ้งพื้นที่แคบในห้องใต้ดิน

    ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยชั้นวางอุปกรณ์มากมาย ทั้งมีด ไหใส่ยา ขวดแก้ว และเตียงเหล็กที่วางทอดเรียงกันออกไป ซึ่งบางเตียงมีร่างของมนุษย์นอนทอดกายอยู่อย่างสงบ

    และ ณ ใจกลางนั้นเอง ปรากฏร่างอยู่สองร่าง

    ร่างหนึ่งอยู่ในชุดคลุมยาวสีขาว เรือนผมสีเทาซีดซึ่งปกคลุมใบหน้าเหี่ยวย่นยืนอยู่ใกล้ๆเตียงเหล็กซึ่งมีร่างหนึ่งนอนทอดกายอยู่ ร่างนั้นเปลือยเปล่า ปรากฏรอยเย็บมากมายบนเรือนร่าง ทั้งเต็มไปรอยเลือดแห่งกรังแทบทุกสว่นบนร่างกาย

    ที่สำคัญ ร่างนั้นไร้วิญญาณ

    หลังจากนั้นก็ปรากฏชายชุดสีขาวอีกราวสองสามคนเดินออกมา ชายทั้งสามมีเรือนผมสีแดง อยู่ในช่วงวัยกลางคนจากร่องอยใบหน้า ดวงตาสี่คู่อันรวมไปถึงชายชรามีแววกังวล กระทั่งพบร่างที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ ดวงตานั้นก็พลันเปลี่ยนแปรเป็นโล่งใจ

    ตึก..

    ร่างนั้นมีเรือนผมสีรัตติกาลตัดสั้นเรียบร้อย ดวงตาตาสีฟ้าดุจนภาคราม สวมใส่เสื้อสีขาวสลักลวดลายสีทองอันต่างจากชายที่เหลือทั้งสี่อย่างชัดเจน

    ชายชราในชุดสีขาวละออกจากข้างร่างไร้วิญญาณ ก่อนจะเดินเข้าไปจับแขนของผู้มาใหม่ที่สะดุ้งไปเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสร่างกาย เจ้าของมือเหี่ยวย่นแสยะยิ้มยินดี เสียงพร่าแหบสั่นของชายชราดังกังวานในห้องใต้ดินซึ่งเล็กและมืดมัว


    กำลังรออยู่เลย...

    ....
    รีเรท

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×