ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic D.gray-man]Relation Of Darkness

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : การพบกันใต้แสงจันทร์

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 51


    Title : Relation Of Darkness
    Author: sinnerdarker
    Pairing: KundaxAllen
    Rating: No comment.
    Disclaimer: Hoshino
    Anathor : มาแล้ว นิวไหดองหมายเลขสองของเกล้ากระผม กรั่กๆ...



    บทนำ : การพบกันใต้แสงจันทร์



    ...จันทราสาดส่องนภาหล้า
    นำพาขับกล่อมเพลงแว่วหวาน
    พาทุกสิ่งสู่นิทราแม้นหมู่มาร
    ในเพรงกาลหลับใหลลึกพร่างดารา

    บทเพลงอันแว่วหวานซึ้งหนักหนา
    คือมนตราแห่งทวยเทพท่านรังสรรค์
    นำพาซึ่งความเงียบงันมาโดยครัน
    เหนือนภาแสงจันทร์ประกายพราว

    ราตรีอันงดงามประดับดาว
    สุกสกาวคู่ศศิผ่องสดใส
    ขับกล่อมเถิดให้นิทราอย่างเพลินใจ
    ให้หลับใหลสู่ห้วงฝันลึกในทรวง


    หมู่มวลไพรร่วมขับกล่อมเพลงบวงสรวง
    พรายทั้งปวงกรีดร้องลั่นสนั่นไหว
    ร่วมบรรเลงร่วมร่ำร้องประสานไป
    เพลงอื่นใดไม่หวานเท่าเพลงราตรี..




    บทเพลงอันบรรเลงในค่ำคืนที่แสงจันทร์ทอประกายเต็มดวงนั้นดังไปทั่วทั้งอาณาจักรแห่งรัตติกาล..บทบรรเลงอันถูกรังสรรค์โดยกวีสูงศักดิ์แห่งอาณาจักรรัตติกาล ถูกขับร้องจากปากของกวีเร่รอนทุกคนที่อยู่ร่วมกันในดินแดนแห่งนี้ และระหว่างนั้น ร่างเล็กของเด็กชายคนหนึ่งได้เดินเข้าไปทักทายกวีซึ่งนั่งขับร้องอยู่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนยินดี

    ท่านกวี เพลงนี่มีชื่อเพลงไหมขอรับ?”

    กวีหนุ่มเงยมองร่างเล็กที่อยู่ในชุดคลุมสีราตรีสำหรับการเดินทาง ประกายตาสีเงินประดุจจันทรานั้นส่องประกายระริกตื่นเต้น ร่างที่นั่งขับกล่อมบทเพลงจึงยิ้ม ก่อนจะเอื้อนเอ่ยตอบอย่างยินดี

    หากท่านมิรู้จักเพลงนี้ แสดงว่าตัวท่านคงจักเป็นนักเดินทางสินะ.. บทเพลงซึ่งข้ากล่อมขานไปนั้นคือบทเพลงแห่งราตรี เป็นบทเพลงประจำอาณาจักรแห่งนี้ขอรับเอ่ยพลางมองใบหน้าที่ยิ้มราวเข้าใจของเด็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากรูปกระจับนั้นจะเอื้อนเอ่ยขึ้น

    มันเป็นบทเพลงที่ไพเราะมากเลยขอรับ ท่านกวี ข้ารู้สึกชอบมันเหลือเกิน

    หากท่านได้ท่องเที่ยวในอาณาจักรรัตติกาลนี้ ท่านจะได้ฟังเหล่ากวีขับขานบทเพลงทุกวันจนเบื่อเลยขอรับ
    เด็กน้อยแย้มยิ้ม พึงพอใจที่จะได้ฟังเพลงที่ตนพึงใจทุกวัน ก่อนเสียงหนึ่งจะดังมาจากข้างหลัง เรียกร้องให้เด็กชายตัวน้อยหันมอง

    อเลน! เจ้านี่น้า...ข้าบอกแล้วแท้ๆว่าเดี๋ยวหลงทาง!

    ชายหนุ่มในชุดคลุมสีราตรีกาลเช่นเดียวกับเด็กน้อยเดินเข้ามาหา ก่อนร่างเล็กจะเอ่ยอย่างลุแก่โทษ

    ขออภัยขอรับ ข้าเพียงรู้สึกถูกใจเพลงจึงยืนฟัง บทเพลงแห่งราตรีกระไรล่ะขอรับว่าพลางเงยมองชายหนุ่ม มือเรียวรั้งผ้าคลุมสีนิลกาฬของอีกฝ่าย ก่อนเสียงถอนหายใจจะดังแผ่วจากร่างซึ่งยืนอยู่เคียงเด็กน้อย

    ขออภัยที่น้องข้าทำให้ท่านลำบาก ท่านกวี

    มิได้ขอรับ ท่านนักเดินทาง อีกอย่าง การถูกชมเชยบทเพลงเป็นความภาคภูมิของพวกเราขอรับเอ่ยแล้วจึงแย้มยิ้ม ก่อนจะมองส่งสองร่างที่เดินกลับเข้าไปในฝูงชน..








    ท่านเทพราตรีขอรับ บทเพลงนั่นไพเราะเหลือเกิน ข้าอยากจะฟังอีก

    แต่ข้าฟังจนเบื่อแล้วล่ะ จันทราตัวน้อยเอ๋ย อีกอย่าง บนพื้นโลกจงเรียกข้าว่าทิกี้..เจ้าคิดว่ามนุษย์จะคิดอย่างไรหากได้ยินเจ้าเรียกข้าเช่นนี้?”ว่าพลางขยี้เรือนผมสีขาวของร่างเล็ก เด็กชายเจ้าของเรือนผมสีขาวราวประกายเหมันต์หัวเราะ ก่อนจะเงยขึ้นคุยกับผู้ที่ดูแลตน

    แต่ข้าเพิ่งจะเคยลงมายังผืนโลกนะขอรับ ทั้งที่ข้าเป็นเทพที่ปกปักดินแดนนี้ แต่กลับไม่มีโอกาสได้ยลความงดงามเลยเอ่ยพลางมองทัศนียภาพยามราตรีอันงดงามของดินแดนฟากเหนือที่ได้ชื่อว่าดินแดนแห่งอนธกาล..ดินแดนซึ่งทุกสิ่งจะงดงามเมื่อต้องแสงทองแห่งจันทรา

    ..นั่นคือเหตุผลที่เขาชอบดินแดนแห่งนี้..

    ปกติแล้ว หากพูดถึงเมืองอันรื่นเริง คงจักต้องนึกถึงเมืองที่ทุกอย่างครึกครื่นยามสุริยาฉาย หากแต่ตัวเขาเองเป็นเทพจันทรา จึงย่อมปรารถนาจักมองเมืองที่งดงามยามต้องแสงแห่งตน

    ดวงตาสีเงินประกายแสงจันทร์มองไปรอบกายอย่างเริงร่า แสงสีงดงามที่มิเคยได้ยลในแดนเทพ เสียงโห่ร้อง รอยยิ้ม เสียงพูดคุยครื้นเครงของผู้คน

    แตกต่างนัก กับที่ดินแดนของปวงเทพ ที่แม้นงดงามแต่ก็ไร้ความสนุกสนาน

    เขาชอบที่นี่มากกว่า

    ดวงตากลมโตยังคงมอบไปรอบกาย กระทั่งเผลอไปสนใจบทเพลงซึ่งขับกล่อมเสียอีกครา



    แสงสีเงินเฉิดฉายแย้มนวลหวาน
    สวยสะคราญเปล่งแสงทองชวนฉงน
    เหมือนจะจับให้หลงใหลในเงากล
    ให้หลงวนหลงคลั่งเคลิ้มอยู่ร่ำไป

    ตัวตนอันงดงามสว่างไสว
    รอยยิ้มใสที่แย้มโปรดงามหนักหนา
    เยื้องกรายไปในราตรีเบื้องนภา
    รอบกายาล้อมดาราพร่างอัมพร

    เสียงแว่วหวานไพเราะดั่งอัปสร
    ยังมิจรจากพงไพรพณาสัณฑ์
    เสียงวารีร่วมขับร้องสนั่นดัง
    วายุยังโหมกระหน่ำคู่แสงจันทร์

    จนสุดสิ้นห้วงราตรีที่เฝ้าฝัน
    สุริยันกำลังเกิดบรรเจิดฉาย
    ร่ำร้องบอกเลิกเถิดเหล่าภูติพราย
    แล้วจึงย่างกรายกลับสุขาวดี



    บทเพลงแปลกประหลาดที่เอ่ยถึงพระจันทร์ทำให้ตัวตนแห่งจันทราเช่นเด็กน้อยเคลิบเคลิ้ม กว่าจะรู้สึกตัวอีกที

    ..เทพราตรีก็พลันหายไปจากสายตาเสียแล้ว..

    ทะ....

    ท่านเทพราตรีขอรับ..เอ่ยเรียกแผ่วเบา มองรอบกายที่ไร้วี่แววของร่างสูงซึ่งดูแลตน ท่านทิกี้ ท่านเทพราตรีขอรับ!

    เด็กชายวิ่งเข้าไปในฝูงชน หัวใจร้อนรนเมื่อพบว่าพลัดหลงกับท่านเทพผู้สูงสักดิ์เสียแล้ว ร่างเล็กออกวิ่งโดยไม่สนบทเพลงอันใดอีกแม้นจะแสนไพเราะจนอยากฟัง กระทั่งวิ่งออกไปยังเนินว่างเปล่าเขียวขจีซึ่งร้างผู้คน
    เด็กชายมองไปรอบด้าน น้ำตาหลั่งรินจากดวงเนตรกลมโตด้วยความกลัว แม้จะปาดออกไปมากมายเพียงใด ก่อนเด็กน้อยจะนั่งลงบนเนินหญ้าแล้วลองครุ่นคิดว่าจะไปเช่นไรต่อไป



    ทำอย่างไรดีล่ะ..พลัดหลงกับท่านเทพราตรีเสียแล้ว..พึมพำพลางนึกถึงตนเองที่มัวแต่ระเริงไปกับบทเพลง อดไม่ได้ที่จะโทษตัวเองที่มัวแต่ฟังเพลงพวกนั้นจนพลัดหลงกัน

    ร่างเล็กถอดผ้าคลุมสีดำออก เผยให้เห็นชุดสีขาวยาวด้านในที่ดูผุดผ่องขาวสวย เข้ากับเรือนผมสีขาวประดุจหิมะซึ่งไว้เพียงระต้นคอ นัยเนตรสีเดียวกับแสงจันทร์ทอประกายเงยมองศศิธรดวงโต

    “..หรือเราจะกลับแดนเทพไปก่อนดีหนอ..แต่เช่นนั้นจักทำให้ท่านเทพราตรีเป็นห่วงไหมนะ?”เอ่ยพลางครุ่นคิด มองจันทราอันเป็นทวารสู่แดนเทพ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น เตรียมโผบินเพื่อกลับไปยังดินแดนของตน

    พลั่ก!

    ร่างหนึ่งพลันวิ่งมาชนอย่างแรง จนเด็กชายตัวน้อยล้มลงกับพื้นแล้วกลิ้งลงไปจนสุดเนิน ชุดสีขาวสวยคลุกฝุ่นจนสกปรก เรือนผมสีขาวเปรอะเศษดินขมุกขมอม ก่อนที่เด็กชายจะเงยมองร่างที่ล้มทับตนอย่างแสนงุดหงิด แต่แล้วก็พลันใจหายวูบเมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีเลือดออก มือป้อมจึงยื่นเข้าหาอย่างเป็นห่วง

    อะ..เอ่อ...ท่าน...เป็นอะไรไหม?”

    เผียะ!

    อย่ามายุ่งกับข้า!!

    มือที่ถลอกปอกเปิกปัดนิ้วเล็กที่ยื่นหาอย่างไม่ใยดี ดวงตาสีนิลกาฬแข็งแกร้าวจ้องมองเด็กชายสีขาวที่ยื่นมือเข้าหา ก่อนจะค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นย่างทระนงแม้นจะมีแผลเต็มตัว

    อั่ก....

    ครางเบาด้วยความเจ็บแผล ก่อนจะล้มลงนั่งชันเข่าอย่างอ่อนแรง พาให้เทพตัวน้อยรู้สึกกังวล

    ท....ท่าน....เลือดท่านออกมาเลยนะ...ไถ่ถามอย่างเป็นห่วง แต่ก็ไม่กล้าแตะร่างกายของอีกฝ่ายเพื่อขอดูบาดแผลเนื่องด้วยกลัวจะถูกตะคอกอีกครา แม้นเป็นทวยเทพ แต่หัวใจของเทพจันทราตนนี้ยังเยาว์นัก จึงมิอาจดูดายมนุษย์ตรงหน้าดั่งที่ทวยเทพหลายองค์กระทำได้

    “..เอ่อ..ให้ข้าปฐมพยาบาลได้ไหมขอรับ?”

    ร่างที่ลงไปหอบหายใจเหล่ดวงตาสีนิลขึ้นสบ จ้องมองเขม็งจนเทพเยาว์ลำคอแห้งผาก

    ริมฝีปากซีดเซียวแย้มเปิด

    “....ข้า.....

    แต่แล้วก่อนจะได้เอ่ยอะไรดวงตาคู่นั้นก็หลับลง

    “..ทะ...ท่าน...เด็กน้อยเอ่ยเครือ มือเล็กจับลงที่ไหล่ของอีกฝ่าย ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่ามีเลือดแห้งกรังอยู่เป็นจำนวนมาก

    ไม่รอช้า เทพแห่งแสงนวลรีบพลิกกายของเด็กชายให้หงายขึ้นทันที แล้วจึงสำรวจบาดแผลบนร่างกายของอีกฝ่าย แม้จะเสียเลือดมากแต่กลับแทบมองไม่เห็นรอบแดงของโลหิต อาจเพราะอาภรณ์ที่สวมใส่เป็นสีดำสนิทที่กลื่นสีแดงสดของเลือดเข้าไป แต่จากการสัมผัสแล้ว ทำให้พอรู้ได้ว่าที่ไหล่ทั้งสองข้างกับจุดที่ใกล้หัวใจนั่นถูกแทงด้วยมีดแหลมคม สวนที่ขาทั้งสองข้างนั้นถูกเฉี่ยวด้วยของมีคม ร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีขาวพิสุทธิ์มองสภาพของผุ่ที่บังเอิญพบด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงแตกทุ้มดังมาจากทิศที่ร่างแปลกหน้าจากมา

    ตามจับเจ้าชาย! หากจับได้จะได้เงินมหาศาล!

    เรียกค่าไถ่! ใช้เงินฟรีตลอดชาติ!

    เฮือก!

    เด็กชายสะดุ้ง มองกลุ่มคนร่างใหญ่หนาที่เริ่มเดินเข้ามา

    ท่าน..ท่าน...ท่านขอรับ..ตื่นเถิด...!เอ่ยพลางเขย่า แต่ดูเหมือนร่างตรงหน้าจะไม่รู้สึกอะไร อาจเพราะเสียเลือดมากไปทำให้หมดสติไป แต่ถึงกระนั้น เขาคงปล่อยให้คนคนนี้ไว้ที่นี่ไม่ได้

    มันอันตรายเกินไป

    เจอเจ้าชายแล้ว!!!

    เสียงหนึ่งร้องลั่นพร้อมชี้มาทางเด็กชายทั้งสอง อเลนสะดุ้งเฮือก มองกลุ่มคนที่วิ่งเข้ามาอย่างหวาดกลัว

    แย่แล้ว!

    อุทานในใจ ก่อนจะยกมือขึ้นร่ายมนตรา

    พลันร่างของทั้งสองคนก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเงิน และค่อยๆเลือนหายไปจากบริเวณนั้น...








    หายไปไหนแล้ว!!หนึ่งในกลุ่มนั้นเอ่ยดังลั่น ก่อนจะเตะหญ้าระบายอารมณ์ทั้งที่อุตส่าห์ล่ามาถึงนี่แล้วแท้ๆ!

    เจ้านั่นแหละที่ปล่อยพระองค์ออกมา! เห็นใจเพียงเพราะเคยทำงานให้เรอะ!!

    แล้วเจ้าทำรุนแรงทำไมเล่า! เพียงเรียกค่าไถ่เหตุใดจึงต้องทำรุนแรง!

    .
    .
    .

    “...พวกเจ้าทำร้ายพระองค์ด้วยหรอกหรือนี่...?”

    เสียงอันเย็นเยียบดังขึ้นจากด้านหลัง

    ด้วยความเร็วกว่าแสง และด้วยการเคลื่อนไหวดุจเงามืด ร่างเจ้าของเสียงนั่นจัดการตวัดฟันร่างที่ยินอยู่ในละแวกนั้นทีละคน..ทีละคน..โดยที่กลุ่มคนเหล่านั้นมิอาจต่อต้านได้

    กระทั่งถึงคนสุดท้าย

    เคียวสีเงินหยุดลงขณะที่จะตวัดลงสู่ลำคอของชายหนุ่ม นัยน์ตาสีน้ำเงินประกายดุจผิวน้ำนิ่งมองเจ้ายังภักดีต่อฝ่าบาทหรือไม่?”

    ร่างที่ถูกถามนิ่งเงียบ ก่อนจะสะบัดหน้าไปทางอื่น

    ริมฝีปากสวยแย้มยิ้ม

    ความละอายที่แสดงออกมาหมายถึงเจ้ายังคงภักดีต่อข้าและฝ่าบาท

    เคียวสีเงินละจากลำคอของชายหนุ่ม ก่อนหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวหิมะที่ยาวสยายจะดีดนิ้ม เก็บเคียวเข้าสู่มิติเดิม

    หากความภักดีเอาชนะความเห็นแก่ตัวเมื่อไหร่ จงกลับมาถวายตัวรับใช้ฝ่าพระบาทอีกคราเถิด

    เอ่ยพลางเดินละจากมา โดยไม่ได้สนมองใบหน้าซาบซึ้งในพระคุณของชายหนุ่ม

    เอาล่ะ

    หญิงสาวถอนหายใจ

    เจ้าชายไปอยู่ที่ใด?






    ..ในโพรงต้นไม้ขนาดใหญ่ร่างสองร่ากำลังนั่งอยู่ภายในราวกับลี้หลบบางอย่าง

    แฮ่ก..แฮ่ก..

    เสียงหอบหายใจดังออกมาจากร่างข้างกายที่ยังคงไม่ได้รับการรักษา บาดแผลทั่วทั้งกายยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ใบหน้าคมอ่อนเยาว์ดูซีดเซียวจนน่าเป็นห่วง ริมฝีปากซีดขาวจัดพร้อมกับอาการสั่น..หากไม่ได้รับการรักษาอาจะต้องเป็นอะไรไปก็ได้ เทพจันทราตนน้อยลังเลที่จะละเมิดกฎสวรรค์โดยการช่วยเหลือชีวิตของมนุษย์คนตรงหน้า แต่กระนั้นก็แสนกังวล และไม่ปรารถนาจะให้คนตรงหน้าต้องสิ้นลง

    ทำอย่างไรดี..ทำอย่างไรดี..

    เทพองค์น้อยชั่งใจความกลัวที่จะถูกลงโทษกับความอยากช่วยเด็กชายคนตรงหน้า ดวงตาสีเงินจ้องใบหน้าคมของอีกฝ่าย ซึ่งเพิ่งจะได้ยลอย่างชัดเจน

    ดวงตาสีนิลซึ่งบัดนี้หลุบลงใต้เปลือกตาบาง เรือนผมสีเดียวกับความมืดซึ่งสยายและเต็มไปด้วยคราบเลือด ใบหน้าคมปราดอ่อนวัยที่ดูซีดเซียว

    เด็กน้อยมองรูปหน้าอย่างแสนตะลึง ก่อนจะพึมพำในใจ

    ..ทำไมถึงเป็นมนุษย์ที่งดงามนัก..งดงามกว่าทวยเทพเสียอีก..

    ตัวตนของคนผู้นี้ช่างน่าเกรงขาม มีราศีของความเป็นผู้นำ ประดุจราชสีห์ที่ทะยานไปในเพลิงรบ แต่กระนั้น
    คนผู้นี้ก็ดูเหมือนกับราตรี

    ตัวตนที่คล้ายคลึงกับผู้ที่เป็นเหมือนพี่ชายทำให้อเลนตัดสินใจทันที ก่อนจะวางมือลงที่แขนของอีกฝ่าย

    เอาล่ะนะ!



    .

    .

    .

    .


    ...ที่นี่ที่ไหน..?

    ดวงตาสีราตรีกาลเบิกขึ้น มองรอบด้านที่ดูมืดมัว ก่อนจะมองหาแสงที่สาดส่องเพียงหนึ่งเดียวในเงามืด

    พระจันทร์..?

    ไม่สิ

    ..เด็กผู้ชาย..

    พรึ่บ!

    เด็กชายรีบลุกขึ้นมาทันทีพร้อมมองร่างที่สว่างไสวไปทั้งกายราวกับแสงจากจันทร์เต็มดวง.. เด็กชายผมขาวมองอีกฝ่าที่ลุกพรวดพราดขึ้นมา ก่อนจะจับแขนของเด็กชายไว้อย่าเพิ่งขอรับท่าน ท่านเสียเลือดไปมาก ข้ากำลังรักษาท่านอยู่

    ว่าจบ แสงที่ร่างกายของเด็กชายก็ยิ่งสว่างขึ้น ในขณะที่เขาเองก็เริ่มรู้สึกสบายตัว บาดแผลและความเจ็บปวดบนร่างกายเริ่มคลายลง

    ดวงตาสีนิลกาฬมองร่างที่ช่วยเหลือตน

    เจ้าเป็นใคร?”

    เอ่ยถามพลางจ้องเขม็งที่เด็กชายผมขาว ร่างเล็กลังเลชั่วครู่ ก่อนจะถามกลับ ละ...

    แล้วท่านล่ะเป็นใคร? เอ้อ อะ ขะ...ข้าเป็นเพียงนักเดินทางที่ผ่านมา มีนามว่าอเลนขอรับท่านเอ่ยเสริมเมื่อดวงตาสีเดียวกับความืดจ้องเขม็งอย่างน่ากลัว ก่อนจะเอ่ยถามทวนอย่างใคร่รู้ แล้วท่านล่ะขอรับ เป็นใคร เหตุใดจึงได้ถูกตามล่า

    ผู้ที่ถูกไถ่ถามเงียบไปชั่วครู่ จ้องมองร่างที่อยู่ข้างกาย ก่อนจะเอ่ยตอบข้าแค่ทำเรื่องไม่ถูกใจพวกมันก็เท่านั้น..แล้วเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ถึงมารักษาข้าด้วยวิธีประหลาดเช่นนี้?”

    เอ่อ...ขะ...ข้า..ข้าเพียงรู้ศาสตร์มนตรานิดหน่อยจึงช่วยท่านได้น่ะขอรับ..เอ่ยพลางหัวเราะแห้งๆ รู้สึกกดดันเมื่อดวงตาคู่นั้นจ้องมาก่อนจะเอ่ยถามท่านชื่ออะไรหรือ..?”

    “..เรียกว่าคันดะละกันเอ่ยพลางนั่งลง เพราะแม้ว่าบาดแผลตามร่างกายจะหายไปแล้ว แต่พลังกายดูจะยังไม่กลับมาทำไมถึงช่วยข้า?”

    “..เอ่อ..เห็นคนลำบากก็ต้องช่วยเหลือกันเป็นธรรมดานี่ขอรับ?”เอ่ยตอบอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ชวนให้เด็กชายแห่งราตรีงงฉงน


    เจ้าเด็กนี้ ทำไมถึงดูใสซื่อนัก

    ดวงตาสีเงินนั่น ไม่ได้บอกว่าโกหก

    ใสซื่อ บริสุทธิ์ ราวกับแสงจันทรา..

    ตัวตนอันงดงามและบริสุทธิ์

    ชักจะถูกใจแล้วสิ



    เจ้าชื่ออเลนสินะ?”

    ขอรับ

    เอ่ยพลางกระพริบตาปริบๆ มองตัวตนของราตรีที่นิ่งไปอีกครา



    ..เมื่อได้คุยกันแล้ว เด็กชายดูจะเรียบนิ่ง สงบเหมือนดังที่เคยคาดหวัง

    ตัวตนของราตรีซึ่งคลอบคลุมน่านฟ้า ยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม และแสนงดงาม

    คนผู้นี้ เหมาะจะปกป้องราตรีเสียมากกว่าท่านทิกี้ที่ชอบท่องเที่ยวเสียอีก

    หากว่าเป็นเทพเช่นเดียวกับเขา คงจักดีไม่น้อยเลย...

    แต่แล้วชั่วครู่ นัยเนตรนั่นก็หันมองมา ชวนให้เทพองค์น้อยสนใจ



    ริมฝีปากหนารูปกระจับเอื้อนเอ่ยขึ้น

    “..เจ้าสนใจจะไปอยู่กับข้าไ......

    ยังไม่ทันสิ้นคำพูด เบื้องนอกโพรงไม้สีน้ำตาลก็ถูกปกคลุมด้วยสีของราตรี

    ความมืดเข้าปกคุลมแสงจันทร์ที่ส่องสว่างลงมา ร่างของชายคนหนึ่งโรยตัวลงมาอย่างเช่องช้า พร้อมใบหน้าเคร่งเครียดโกรธา

    เทพจันทราเอ๋ย..เห็นทีข้าคงปล่อยเจ้าลงมาไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง หากเจ้าประพฤติตัวเช่นนี้เสียงทุ้มเอ่ยเชิงหงุดหงิด เรียกให้เด็กชายหันมอง

    ขออภัยขอรับ ท่านเทพราตรี

    เด็กชายข้างกายมองร่างเล็กที่ก้มหัวลงอย่างสำนึกผิด พลางมองชายหนุ่มที่โรยตัวลงมาอย่างเงียบงัน

    “..กลับได้แล้ว..

    มือหนาใต้ถุงมือสีขาวยื่นเข้าหาเทพองค์น้อย เด็กชายกระพริบตาปริบ มองร่างของผู้ที่อยู่ข้างกายอย่างแสนเสียดายที่ต้องจากจร ก่อนจะเดินไปหาเทพแห่งราตรี

    โดยไม่ลืมหันมองร่างของเด็กชายอีกครา

    เอ้อ......

    ข้าชื่ออเลนนะขอรับ..โปรดจำไว้ด้วย..

    เอ่ยพึมพำพลางยิ้มให้เด็กชาย ก่อนแสงสีดำจะโอบอุ้มร่างสีเงินที่สว่างไสว และพากันเลือนหายไปในห้วงราตรี
    ทิ้งไว้เพียงเด็กชายที่ยืนนิ่งงันกับสิ่งที่เห็น


    ..วิ้ว..

    ...เงามืดปรากฏขึ้นอย่างเชื่องช้า ก่อนจะโรยตัวลงตรงหน้าเด็กชาย พร้อมโค้งกายคำนับอย่างนอบน้อม

    ร่างกายเป็นอย่างไรบ้างรึเพคะ ฝ่าบาทเสียงหวานไถ่ถาม วรกายเล็กถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยตอบสุรเสียงแข็ง

    ข้าไม่เป็นไร ได้คนช่วยไว้

    ก็ดีเพคะ...แล้ว คนที่ช่วยพระองค์ไปไหนแล้วว่าพลางมองหา แต่กลับไร้วี่แววของผู้ใด

    “..หายไปแล้ว..

    พึมพำขึ้น อย่างที่หญิงสาวไม่อาจเข้าใจ

    หายไปซะแล้วล่ะ

    ตัวตนของแสงสีขาวที่งดงาม ซึ่งอยากได้มาไว้เคียงตน

    เคียงราตรีคนนี้

    ดวงตาสีน้ำเงินสวยมองเด็กชาย ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น โดยไม่ถามไถ่ความหมายของสายตาที่ดูอ้างว้างนั่น..

    หากไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับปราสาทอนธกาลเถิดเพคะ องค์รัชทายาทยู

    เข้าใจแล้ว ไม่ต้องมาเร่งหรอกน่า!

    สุรเสียงดังแผดร้อง แม้นจะรู้ดีว่าไม่มีวันทำหญิงสาวสะดุ้งสะเทือน ก่อนพระเนตรสีนิลจะมองขึ้นสู่ฟากฟ้าที่พร่างด้วยดารา..

    เราจะได้พบกันอีกไหม

    ..จันทราของข้า..




    จันทราสีเงินวัยเยาว์

    ได้อยู่เคียงกายราตรีอ่อนวัยเพียงชั่วครู่

    แต่กระนั้น ช่วงเวลาอันน้อยนิด ซึ่งอาจทำให้ใครหลายคนลืมเลือนไปนั่น..

    ..กลับตราตรึงตัวตนของกันและกันไว้อย่างแน่นหนา..




    TBc..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×