ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic D.gray-man]Memory Shadow

    ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท : คนึงหาที่อยู่[Wish Home]

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 51


     อนึ่ง 1. เจ้าฟิคนี้ มีเซสึนะ ตัวละครออริของซินเป็นตัวนำ ดังนั้น หากอ่านไปแล้วไม่ชอบ หมั่นไส้ ไม่ปลื้ม ขอความกรุณาปิดซะ และทำเป็นไม่เห็น=="


    2.มีดองแน่เจ้าค่ะ ลงตอนนี้เสร็จ อาจจะซักปี คุณถึงจะเห็นตอนใหม่


    3.ซินมีโครงการจะดัดแปลงเป็นออริฯ แต่อยากลองทำแบบฟิคก่อน ถ้าไปเห็นมันลอยหน้าลอยตาแบบเปลี่ยนตัวละครแต่โครงแบบเดิม ก็อย่าคิดมาก


    ขอบคุณงิ


    ++++++++++++++++++++

    ปฐมบท : คนึงหา-ที่อยู่


    ชีวิตนี้…ก็เพียง...เงา..


    สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนใครบางคน


    ไม่มีสิทธิ์จะมีชีวิตอยู่..ไม่มีสิทธิ์จะหายใจ..


    ..ไม่มีสิทธิ์จะรัก..


    แต่ว่า..เมื่อมีหัวใจแล้ว..จะทำอย่างไรล่ะ..


    เมื่อรู้จักเจ็บ..เมื่อรู้จักความสุข..เมื่อรู้จักเศร้า..


    ..เมื่อรู้จักแล้ว ควรจะทำอย่างไร..


    ..หากไร้ผู้ปรารถนาถึงตัวตนนี้.


    ..ที่อยู่ของเงาตนนี้..


    ..คือที่ไหนกันล่ะ..?


    ..[เซสึนะ!!]

    กึก!


    ร่างที่นอนเอนกายบนกิ่งไม้สะดุ้งกับเสียงที่ลอดมาจากหูฟังที่เสียบไว้กับหู ก่อนจะลุกขึ้นนั่งและเอ่ยตอบไป “พะย่ะค่ะ?”


    [ตอนนี้สถานการณ์เป็นไงบ้าง?]


    “ไม่มีผู้ลักลอบเข้ามาพะย่ะค่ะ”


    เอ่ยพลางสอดส่องสายตามองรอบด้าน ก่อนสุรเสียงทุ้มจะผ่านเข้ามาเชิงขบขัน


    [เธอเป็นราชองครักษ์ ทำไมไม่มาอยู่ข้างๆมัน ลงทุนไปเรียกฉันมาทำไม]


    “กระหม่อมเป็นเงาพะย่ะค่ะ ไม่สามารถเผยตัวให้ผู้ใดเห็นได้ ... แล้วฝ่าบาทอเลนล่ะกระหม่อม?”


    [หมอนั่นจะหลับแล้ว ท่าทางเบื่อเต็มแก่กับงานเลี้ยง]เอ่ยสุรเสียงขัน หญิงสาวหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะลอบมองวรกายแบบบางของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ผ่านหน้าต่างที่อยู่ข้างๆต้นไม้สูงที่เธอนั่งอยู่ พระเนตรปรือคล้ายจะบรรทมแหล่มิบรรทมแหล่ รอบกายมีเสนาบดีระดับสูงคอยพูดจาฉอเลาะน่ารำคาญ และต้องละไปเมื่อสบพระเนตรดุๆของกษัตริย์เพื่อนบ้านที่นั่งอยู่ข้างๆเข้า


    “มองไปพะย่ะค่ะคะ ฝ่าบาท มองไป สายพระเนตรดุๆแบบนั้นซักพักจะไม่มีสาวคนไหนเข้าใกล้....ให้ยล”เอ่ยหยอกล้อ ก่อนจะโดนอีกฝ่ายสวนกลับ


    [จะไปมองใคร แค่ดูแลเด็กคนเดียวฉันก็ระอาแล้ว ตอนนี้ไม่คิดมองสาวที่ไหนหรอกนะยัยเงามืด]


    “ทำอย่างกับพระองค์เคยคิดจะเลิกดูแลเหนือหัวของกระหม่อม”เอ่ยเสียงขันติดเย็นเยียบ “..แล้วจะดูแลไปถึงเมื่อไหร่ล่ะพะย่ะค่ะ?”


    [ชั่วชีวิต]


    เอ่ยไม่คิดด้วยเสียงแผ่วเบา เนื่องจากคุยกันโดยผ่านไมค์ลอย หญิงสาวยิ้ม ก่อนจะหัวเราะเบาๆ


    “เป็นเรื่องดีพ่ะย่ะค่ะ”เอ่ยกลั้วหัวเราะ ก่อนจะกวาดสายตามองรอบด้านอีกครั้ง “ยังไงหม่อมฉันจะกางเขตอาคมไว้แล้วกันนะกระหม่อม พระองค์ช่วยดูแลเหนือหัวของหม่อมฉันด้วย”


    [ถึงเธอไม่บอก ฉันก็ทำอยู่แล้ว]


    ..แล้วสัญญาณจึงตัดไป..


    หญิงสาวลุกขึ้นยืน ก่อนจะสูดลมหายใจ ประกายดวงตาแวววับเปลี่ยนไป ม่านตาหรี่แคบคล้ายรูปแมว ก่อนเขตอาคมจะถูกสร้างด้วยจิตที่แผ่ขยายออกไป เส้นสีเหลืองทองที่หากไร้ดวงตาแบบพิเศษก็ยากจะมองเห็นค่อยๆลากไปทั่วอาณาบริเวณปราสาทสูงตระหง่าน ก่อนจะบรรจบกันเป็นเส้นวงกลม


    ตูม!


    หญิงสาวหันมองภายใน ก่อนจะสบถลั่น


    เสร็จกัน! มันเขาไปก่อนที่อาคมจะสมบูรณ์!







    “......ทำยังไงดีล่ะฝ่าบาท”วรกายเล็กกระซิบกับชายหนุ่มที่ยามนี้ลุกขึ้นยืนข้างกาย เนตรสีเงินขี้เถ้ามองความชุลมุนวุ่นวายอย่างสงบ ปิศาจรูปลักษณ์ประหลาดหลายสิบตัววิ่งวุ่นในงาน บ้างก็ตวัดคมเล็บใส่มนุษย์ บ้างก็คว้าหมับไว้เล่นๆ ปิศาจแต่ละตนในปราสาทที่วิ่งวุ่นอยู่มีรูปร่างใหญ่โตราวซํกสองเมตรได้ รูปร่างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแต่มีสีดำทมึน ดวงตาโปนไร้แวว ลิ้นแดงก่ำยาวสองแฉกแลบเลียร่างของมนุษย์ที่จับไว้เล่นๆ เสียงหัวเราะพร่าส่อแววความอำมหิต กรงเล็บจิกเบาๆเรียกเลือดที่ใบหน้าของเหยื่อ พระเนตรสีนิลกาฬก้มมองวรองค์เล็กที มองที่ปิศาจที ก่อนจะเอ่ยเรียบ “จัดการฆ่าพวกนั้น แล้วจบงานเลี้ยงงี่เง่าซะที”


    “ฝ่าบาท..คำราชา...”


    “จะไปใช้ทำไมวะ!!”


    “แล้วตกลงคุณเป็นกษัตริย์จริงๆรึเปล่าครับ!!”


    กี๊ซซซซซซซซซ



    ปิศาจสองตัวที่กำลังวิ่งตรงเข้าหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ถูกฟันด้วยเคียวคมกริบ เสียงกรีดร้องดังหวีดแสบแก้วหู ร่างใหญ่กักขฬะสีดำทมึนล้มลงไปกองกับพื้นทันที ส่วนคอถูกสะบั้นขาดด้วยโลหะคมกริบ ดวงตาสีแดงเลือดไร้แววโตไร้เปลือกตาเหลือกขึ้น เขาอันใหญ่ทั้งสองที่แทงยอดออกมาจากผิวหนังถูกมือเรียวจับเพื่อยกศีรษะขึ้น ก่อนจะถูกโยนทิ้งอย่างไม่ยี่หระ ในขณะที่ร่างสีดำอีกตนที่ถูกฟันขาดครึ่งยังดิ้นอยู่ราวกับมีชีวิต ดวงตากลอกไปมาหาหนทางรอดที่ถูกดับไปแล้ว ก่อนหัวจะแบะกระจายเมื่อถูกรองเท้าบู๊ทสีนิลเหยียบลงไปอย่างแรง พร้อมกันนั้นปิศาจหลายตนก็ฆ่าตายในพริบตาด้วยเคียวคมกริบ ร่างกักขฬะลงไปนอนอยู่กับพื้นทีละตัว ทีละตัว... พระพักตร์คมและพระพักตร์เยาว์หันมองเจ้าของเคียวยักษ์ที่ยามนี้อาบเลือดสีทมิฬของปิศาจ ก่อนจะเอ่ยเรียก “เซสึนะ?”


    ร่างเจ้าของนามที่เพิ่งโดดเข้ามานิ่งชั่วครู่ เรือนผมสีขาวยามนี้ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำสนิท เรือนกายเปื้อนเลือดสีดำของปิศาจ หญิงสาวเดินเข้ามาก่อนจะย่อกายลงถวายความเคารพ “ไม่มีบาดแผลสินะพะย่ะค่ะ”


    “ใช้[เพคะ]สิครับ คุณเซสึนะ”เอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะหลับตาลงด้วยแรงลมจากเคียวเล่มใหญ่ตวัดฟันปิศาจอีกตนซึ่งใกล้เข้ามา


    ร่างของปิศาจลงไปนอนกับพื้น บาดแผลเหวอะหวะ ปากที่ไร้ริมฝีปากแต่มีเพียงเขี้ยวโผล่ออกมาอ้าพะงาบๆหาอากาศ ก่อนจะถูกแทงลงอีกครั้งจนตายคาที่


    “...กระหม่อมถนัดของกระหม่อมแบบนี้..เปลี่ยนไม่ได้หรอกพะย่ะค่ะ..”เอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะกระชับเคียวเปื้อนเลือดขึ้น มองปิศาจที่จับมนุษย์ไว้เป็นตัวประกัน “มีคนตายไปซักสองสามคนแล้วมั้ง..จัดการทีละตัวมันน่ารำคาญ..ตายเพิ่มอีกซักสี่ซ้าห้าศพคงไม่เป็นไร”


    ..พวกเสนาบดีไร้สมอง..อยู่ไปก็รกโลก..


    “ยังครับ! ยัง ผมดูอยู่ ยังไม่มีคนตาย!!! แล้วก็ไม่ยอมให้มีใครตายด้วย!!”สุรเสียงหวานเอ่ยลั่น พลางจับร่างของหญิงสาวไว้ ก่อนจะเอ่ยกับราชองครักษ์เสียงอ่อย “กรุณาจัดการพวกนั้นโดยไม่มีคนตาย... จะได้ไหมครับ?”


    “............”ราชองครักษ์สาวนิ่งเงียบ ก่อนจะหันหน้าเข้าหา และย่อกายลงอย่างนอบน้อม


    “น้อมรับบัญชา”


    ร่างเพรียวบางหันกลับไป ก่อนจะกระโจนขึ้นไปด้านบน หญิงสาวโดดลงบนปิศาจตนใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะใช้เคียวตวัดฟันแขนข้างที่จับตัวประกันไว้.. “หนึ่งตัว..”



    ฉัวะ!!


    ตัวประกันหลุดออกจากแขนเหยื่อที่ถูกจับไว้ร่วงลงพร้อมแขนของปิศาจ ร่างกักขฬะกรีดร้องเสียงแหลม ยกมือข้างที่ถูกตัดขึ้นแกว่งไปมาด้วยความเจ็บปวด


    เซสึนะยื่นมือจับที่หัวของปิศาจ ดวงตาประกายหรี่เล็ก พลันลูกสุญญากาศสีดำมหึมาก็กระจายตัว กลืนปิศาจตนนั้นให้สูญสลายหายไป


    หญิงสาวโดดออก ก่อนจะลงที่ร่างของเป้าหมายใหม่ “ตัวที่สอง....”


    ควับ!


    เคียวขนาดใหญ่ตวัดโดนร่างนั้นด้วยความเร็วเหนือแสง ร่างของปิศาจผ่าครึ่งออก ส่วนที่จับมนุษย์ไว้ล้มลง ท่านหญิงอธิการบดีหน้าซีด ก่อนจะกุลีกุจอลุกหนีไป เซสึนะมองตามอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเอ่ยพึมพำเสียงเย็น


    “ตัวที่สาม....”


    ฟุบ!!


    เคร้ง...


    “........”


    เคียวคู่ใจหลุดมือเมื่ออีกฝ่ายปัดออกในขณะที่กำลังจะลงมือ หญิงสาวยื่นนิ่ง ประกายแซฟไฟร์สงบมองร่างกักขฬะ ตัวประกันที่ถูกจับไว้สั่นกึกๆด้วยความกลัว


    “เหะ..เหะ..”เจ้าปิศาจหัวเราะ ฟันเหลืองที่เรียกว่าเขี้ยวแสยะขึ้น ดวงตาสีเลือดจ้องหญิงสาว กรงเล็บแกว่งไปมาอย่างอวดดี “ฝีมือไม่เท่า....อั๊ก!”


    “ไก่อ่อนเอ๊ย....”พึมพำในลำคอขณะที่กรงเล็บจากมือเรียวฝังลงในตัวของปิศาจ แล้วจึงฉีกกระชากเอาเลือดสีทมิฬออกมา ก่อนร่างใหญ่จะล้มลง และถูกกลืนเข้าลูกสุญญากาศทรงกลมไปอีกตน “น่ารำคาญ..”


    ก๊าซซซซซซ


    “ตัวสุดท้าย.......”


    ควับ!


    เคียวขนาดใหญ่ปักทะลุกายของปิศาจตัวมหึมา ก่อนจะล้มลง ร่างฉีกออกเป็นแนวเส้นตรงด้วยล้มโดยถูกเคียวที่ยังไม่ดึงออกเฉือนเป็นแนวยาว


    “....เก่งจัง....”เอ่ยพึมพำ พระเนตรสีเงินพราวระริก วรกายสูงข้างตัวถอนพระปัสสาสะ ก่อนจะมองหญิงสาวที่เดินตรงเข้ามา


    “เลิกงานเลี้ยงไว้แค่นี้เถอะพะย่ะค่ะ กระหม่อมสั่งให้พวกทหารพาพวกนั้นกลับแล้ว”เอ่ยเสียงเบา ชี้[พวกนั้น]ที่หน้าซีดกับเป็นแถว และเก็บอาวุธเข้าที่เดิม เคียวขนาดใหญ่เปล่งแสง ก่อนจะกลายเป็นสร้อยคอเส้นบาง


    “ครับ คุณเซสึนะ ยังไงก็ช่วยกางเขตอาคมถาวรให้ใหม่ด้วยนะครับ”เอ่ยยิ้มแย้ม เงยพระพักตร์มองราชองครักษ์ “ส่วนงานเอกสาร ไว้เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ค่อยมาที่ห้องนะครับ เดี๋ยวเลือดที่เปื้อนจะซักไม่ออกเวลามันแห้งแล้ว”


    “..เพคะ...”


    “ก็ใช้ได้นี่ครับ ใช้พ่ะย่ะค่ะทำไมกัน ”เอ่ยสุรเสียงแข็งติดแย้มยิ้ม ก่อนจะเงยมองกษัตริย์หนุ่มข้างกาย “พระองค์ก็ด้วย เป็นกษัตริย์ ใช้คำราชาศัพท์บ้างสิพะย่ะค่ะ”


    “มันไม่จำเป็น”เอ่ยพลางถอนพระปัสสาสะ วรกายบางทำท่าจะเถียงตอบ พลันดวงตากลับเห็นสิ่งหนึ่งก่อน


    “คุณเซสึนะครับ!! อันตราย!!”


    พลั่ก!!


    “เดี๋ยว!! เจ้าถั่วงอก!!”


    พระหัตถ์หนาคว้าวรกายบางไว้ไม่ทัน กษัตริย์พระองค์น้อยที่เข้าผลักหญิงสาวจากวิถีกรงเล็บของปิศาจจึงถูกรอยเล็บนั้นเข้าอย่างจัง


    “อ.......”


    “.....ฝ่าบาท!!!”


    จักปกป้องไม่ได้อีกแล้วหรือ...เงาเอ๋ย!!!












    กี่คราที่มิอาจปกป้อง..สิ่งสำคัญ..ดวงแก้วมณีเปราะบาง..


    ..ครานี้..จักต้องสูญเสียไปอีกหรือไร!!








    “.........................”


    “..................”


    “........”


    “....นะ..นะ...เซสึนะ!!”


    กึก!


    “พ..เพ...เพคะ....ฝ่าบาท..”เอ่ยเสียงสั่นเครือ ตอบรับสุรเสียงของกษัตริย์หนุ่มแห่งเมืองวายุหล ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมายังเมืองประกายเหมันต์


    “พอกันเลย ทั้งเงามืดทั้งราตรี จะตกใจไปถึงไหน” เอ่ยสุรเสียงเบื้อหน่าย ก่อนจะหันไปตบหน้ากษัติรย์แห่งเมืองอนธกาลที่โอบร่างของเด็กหนุ่มไว้ “ยู! ตื่นได้แล้ว แกจะอึ้งไปถึงเมื่อไหร่!!”


    ดวงตาสีแซฟไฟร์หันมองวรกายสูง พระเนตรคมมองพระหัตถ์ขององค์เอง ประกายตาแฝงความเจ็บปวด


    ..คว้าไว้ไม่ทัน..


    อย่างนั้นสินะ


    คิดอย่างเข้าใจความรู้สึกของกษัตริย์หนุ่ม ก่อนจะรวบรวมสติ


    “ฝ่าบาทยู..”


    เอ่ยเรียกพลางลุกขึ้น มองวรกายสูง และพูดต่อไป “ถ้าไม่ทรงลุกขึ้น เหนือหัวของกระหม่อมจะเป็นอันตรายกว่านี้”


    “...พิษของปิศาจ หมอเทวดาที่ไหนก็รักษาไม่ได้หรอกนะ....”


    เอ่ยสุรเสียงแห้งผาก พระเนตรสีนิลมองที่องค์บางในอ้อมแขนที่ใบหน้าซีดขาวขึ้นทุกที ก่อนกำหมัดแน่นแล้วชกลงพื้น “โธ่เว้ย!!”


    เซสึนะมองวรองค์บางที่กำลังหอบหายใจ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ


    “ไม่ต้องหรอกเพคะ ถ้าแค่รีดเอาพิษคำสาปออกมา แค่เงาตนเดียวก็ทำได้”


    “..เธอ..”


    มือข้างซ้ายวางลงที่แผ่นอกบาง ก่อนแสงสว่างจะวาบขึ้น


    สีดำทมึนน่าสะอิดสะเอียนค่อนๆคืบคลานเข้ามาในมือของหญิงสาว แล้วสีพระพักตร์ของเด็กหนุ่มจึงดีขึ้น


    ..แต่ที่น่าแปลก..รอยสักที่มือของหญิงสาวกลับแผ่กว้างขึ้น..


    “พิษหมดแล้ว รีบรักษารอยแผลเถิดเพคะ เมื่อครู่หม่อมฉันได้ยินว่าหมอหลวงมาถึงห้องบรรทมแล้ว ฝ่าบาทอุ้มทูลกระหม่อมไปที”


    ชายหนุ่มมองเซสึนะ ก่อนจะพึมพำเบา

    “...ขอบใจ..”เอ่ยพลางมองหญิงสาวที่ลุกขึ้น ก่อนจะอุ้มร่างบอบบางแนบอกอย่างทนุถนอม และรีบหันหลังวิ่งไปทันที


    หญิงสาวยืนนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะหันมองออกไปด้านนอกที่ฝนตก




    ผิดนัก..เงาเอ๋ย..

    แสงจันทรานุ่มนวล..ที่เจ้าเคยสัญญามั่นเหมาะว่าจักปกป้อง..


    ..แม้นจักไม่สูญสิ้น แต่...


    ..เจ้ากลับปกป้องมิได้..


    ..............


    .............


    ..............


    ..ซ่า..

    เสียง..?


    หนาวจังเลย....


    อะไรนะ...


    นัยน์ตาเบิกขึ้น มองดูเบื้องนอก


    “...อา...”


    “ฝนอีกแล้วหรือ...”


    ร่างที่นอนขดกายบนฟูกหนาในห้องซึ่งไร้เตียงด้วยความประสงค์ของเจ้าของพึมพำ ดวงตาสีแซฟไฟร์ที่ข้างซ้ายถูกปิดด้วยผ้าพันแผลสีขาวเงยมองหน้าต่างซึ่งเต็มไปด้วยไอน้ำจากหยาดพิรุณที่พร่างพรูลงมา ยามเช้านี่ฟากฟ้ามืดครึ้ม แต่ความเย็นที่โรยตัวก็ทำให้ชื่นใจ


    กายเพรียวลุกขึ้นนั่งบนฟูก ก่อนจะพิงกายกับฟูกหนาที่มีอาณาบริเวณไปถึงบนกำแพง เรือนผมสีขาวหิมะยาวเปียกชื้นกระจาย ร่างเพรียวบางห่มด้วยอาภรณ์สีนิลคล้ายผ้าคลุมรุ่งริ่งด้วยสภาพการใช้งานที่อาจจะเรียกว่า..สมบุกสมบัน..ที่ยามนี้แห้งกรังด้วยคราบเลือดสีดำติดจะชื้นแฉะ ภายใต้ผ้าคลุมนิลกาฬคือเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่ยาวเกินมือมาซักคืบ ที่คอมีโบสีแดงผูกไว้ กางเกงสีดำผ้าแบบรัดรูป และระบายออกที่ช่วงข้อเท้า ส่วนฝ่าเท้ายามนี้เปลือยเปล่าเพราะรองเท้าบู๊ทคู่ใจสีดำบัดนี้วางไว้อย่างเป็นระเบียบที่ข้างโต๊ะทำงาน


    ฝน..


    ..หนาวเหน็บ..แต่ก็ทำให้จิตใจสงบนิ่ง...


    ..โดยเฉพาะในช่วงเวลาแบบนี้..


    “...อึ๊ก....”


    หญิงสาวขย้ำเสื้อที่หน้าอกซ้าย หอบหายใจ สูดเอาอากาศเข้าปอดอย่างยากลำบาก


    ..คำสาป..


    ..เจ็บ..


    น้ำตาราวจะร่วงหล่น แต่ก็กลั้นฝืนไว้


    ..ไม่เป็นไร..ไม่เป็นไร..


    ทุกวันนี้..ก็แค่ใช้ชีวิตไปวันวัน..เฝ้ารอความตายอยู่แล้ว..


    ..ไม่เป็นไร..


    ไม่สิ..แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ..


    ...ถ้า..เมื่อวานไม่ใช่แค่นั้น...


    ไม่ใช่เพียงกรงเล็บถาก..


    ..ฝ่าบาท ถ้าทรงบาดเจ็บมากกว่านั้น..


    แอ๊ด..


    “คุณเซสึนะ..”


    กึก!!


    “..!..ฝ่าบาท!!”เอ่ยเรียกผู้ที่เข้ามาในห้อง ก่อนจะลุกขึ้นถวายความเคารพ และเงยมองร่างแบบบางขององค์เหนือหัว “บาดแผลล่ะพะย่ะค่ะ!”


    “..ใช้[เพคะ]สิครับ เป็นผู้หญิงแท้ๆ...”เอ่ยสุรเสียงขุ่น ก่อนจะถอนพระปัสสาสะ “ที่จริงไม่ต้องใช้เลยยิ่งดี..”


    “มิได้ พระองค์เป็นเจ้านายของหม่อมฉันนะพะย..เพคะ..”หญิงสาวเอ่ยตอบอย่างติดจะตะกุกตะกักกับหางเสียง ด้วยดวงตาของออีกฝ่ายจ้องมาด้วยท่านทีโกรธขึ้ง ก่อนจะโดนร่างเล็กลากให้นั่งลงบนฟูก


    “แต่ผมเห็นคุณเซสึนะเป็นพี่สาวนี่ครับ....”เอ่ยพลางสบมองดวงตาสีแซฟไฟร์ หญิงสาวสบตอบพระเนตร ก่อนจะมองโครงพระพักตร์อ่อนวัย และเลื่อนลงมองที่ผ้าพันแผลบนพระวรกายของกษัตริย์หนุ่มน้อย

    มือเรียวบางกุมขย้ำผ้าคลุม ก่อนจะเอ่ยเสียงเครือ


    “ฝ่าบาท...แผลยังไม่หายดี..เดี๋ยวก็โดน...”


    “..จะโดนฝ่าบาทดุก็ช่างเถอะครับ ให้เป็นห่วงบ้างก็ดี!”เอ่ยพลางค้อนใส่คนที่ไม่ได้อยู่ด้วย และการกระทำนั้นทำให้พระเกศาสีเงินไหวตามแรงสะบัดหน้า พระเนตรสีเดียวกันฉายแววโกรธขึ้งปนงอนเล็กๆ หญิงสาวมองการกระทำดั่งกล่าวด้วยสายตาอ่อนโยน


    เธอเอ็นดูองค์เหนือหัวคนนี้ราวกับน้องชาย..


    ทรงเข้มแข็งนัก..ขึ้นครองราชย์ทั้งที่มีพระชนมายุเพียงรอบ..แต่ในขณะเดียวกันก็เปราะบาง..


    ต้องขอบคุณฝ่าบาทจากเมืองอนธกาล..ที่ช่วยดูแลเหนือหัวพระองค์น้อยของเธอ..


    “....ยูน่ะ..หาว่าผมเจ้าระเบียบอยู่เรื่อยเลย..”บ่นสุรเสียงแผ่ว “แล้วก็ ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กๆอยู่เรื่อย ทั้งที่ตัวเองก็มีเมืองให้ดูแลแท้ๆ แต่ดันมาอาศัยอยู่กับผมเสียอย่างงั้น..”


    “แถมยังเจ้ากี้เจ้าการกับงานของผมด้วย.. ปัดโธ่เอ๊ย กษัตริย์ของที่นี่น่ะผมนะ!”




    ถึงงั้น..ที่เมืองอนธกาล..


    บุคลากรแต่ละคนไม่ธรรมดานะเพคะ..คนของราตรีน่ะ..ไม่ต้องมีกษัตริย์ปกครองด้วยซ้ำ


    พึมพำในใจ แต่ไม่ได้ตอบออกไปเพื่อคลายความสงสัยของเด็กหนุ่ม



    “จะว่าไป พิษในร่างผม...ที่ได้รับมาเมื่อคืน....”พระพักตร์งามเงยมองหญิงสาว “คุณเซสึนะเป็นคนรับไปสินะครับ”

    ความเงียบเข้าคลอบคลุมชั่วครู่ ก่อนหญิงสาวจะเอ่ยตอบเสียงแห้ง “เพคะ..”


    “ทำไมทำแบบนั้นล่ะครับ”สุรเสียงทุ้มหวานเอ่ยสั่นเครือ “ผมไม่อยากเป็นภา..”


    “ไม่เป็นภาระนะเพคะ! ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นราชองครักษ์ประจำพระองค์นะเพคะ ย่อมต้องปกป้องพระองค์อยู่แล้ว!”เอ่ยดังลั่น ก่อนจะแผ่วลงในประโยคถัดมา “อีกอย่าง....ร่างนี้เป็นที่สิงสู่ของคำสาปอยู่แล้ว จะเพิ่มมาอีกซักอย่างสองอย่างจะเป็นอะไรไปเพคะ....และ...”


    “ครั้งนี้..หม่อมฉันผิดเอง..ที่ปกป้องพระองค์ไม่ได้...”



    แค่สายฝนรุนแรงที่บาดผิวยังน้อยไป


    กับความผิดที่ก่อขึ้น


    มือนี้ ทำไม ถึงคว้าไว้ไม่ทัน ปกป้องไว้ไม่ทัน


    ..[ที่อยู่]ของเธอ..



    “ถึงแบบนั้น คุณเซสึนะก็ไม่น่าไปยืนตากฝน ฝ่าบาทก็ไม่ยอมให้ผมออกไปห้ามคุณ”เอ่ยพลางค้อนให้อากาศอีกวง ก่อนจะเอนกายลงนอนบนฟูกหนา “...สบายจังฮะ ผมขอให้ช่างมาปูให้บ้างดีกว่า”

    หญิงสาวมองร่างเล็กข้างกาย ก่อนจะเอนกายนอนตาม


    “...นี่..คุณเซสึนะฮะ..”


    “เพคะ?”


    “..คุณเซสึนะไปเจออะไรมาบ้างครับ ชีวิตของคุณเซสึนะ..”หยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ระหว่างที่ยูยังหาผมไม่เจอ ช่วยเล่าให้ฟังทีสิครับ”


    หญิงสาวนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย


    “....รับด้วยเกล้าเพคะ..แต่..หม่อมฉันชักจำไม่ได้แล้ว....”หลับตาลง นึกทบทวนความจำ “กระหม่อมอยู่มานานเท่าไหร่แล้วนะ....”


    ....กี่ปีกันนะ....

    ชีวิตของเรา..ผ่านมานานเพียงใดแล้ว..


    ย้อนกลับไปตอนนั้นที่เพิ่งเกิด..


    สิ่งแรกที่สติรับรู้..


    ......คือน้ำเสียงทุ้มแสนสุดอ่อนโยนและสนุกสนานของพ่อขุนนางพันปีกระมัง.....?

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×