คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท : คนึงหาที่อยู่[Wish Home]
2.มีดองแน่เจ้าค่ะ ลงตอนนี้เสร็จ อาจจะซักปี คุณถึงจะเห็นตอนใหม่
3.ซินมีโครงการจะดัดแปลงเป็นออริฯ แต่อยากลองทำแบบฟิคก่อน ถ้าไปเห็นมันลอยหน้าลอยตาแบบเปลี่ยนตัวละครแต่โครงแบบเดิม ก็อย่าคิดมาก
ขอบคุณงิ
++++++++++++++++++++
ชีวิตนี้
ก็เพียง...เงา..
สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนใครบางคน
ไม่มีสิทธิ์จะมีชีวิตอยู่..ไม่มีสิทธิ์จะหายใจ..
..ไม่มีสิทธิ์จะรัก..
แต่ว่า..เมื่อมีหัวใจแล้ว..จะทำอย่างไรล่ะ..
เมื่อรู้จักเจ็บ..เมื่อรู้จักความสุข..เมื่อรู้จักเศร้า..
..เมื่อรู้จักแล้ว ควรจะทำอย่างไร..
..หากไร้ผู้ปรารถนาถึงตัวตนนี้.
..ที่อยู่ของเงาตนนี้..
..คือที่ไหนกันล่ะ..?
..[เซสึนะ!!]
ร่างที่นอนเอนกายบนกิ่งไม้สะดุ้งกับเสียงที่ลอดมาจากหูฟังที่เสียบไว้กับหู ก่อนจะลุกขึ้นนั่งและเอ่ยตอบไป “พะย่ะค่ะ?”
[ตอนนี้สถานการณ์เป็นไงบ้าง?]
“ไม่มีผู้ลักลอบเข้ามาพะย่ะค่ะ”
เอ่ยพลางสอดส่องสายตามองรอบด้าน ก่อนสุรเสียงทุ้มจะผ่านเข้ามาเชิงขบขัน
[เธอเป็นราชองครักษ์ ทำไมไม่มาอยู่ข้างๆมัน ลงทุนไปเรียกฉันมาทำไม]
“กระหม่อมเป็นเงาพะย่ะค่ะ ไม่สามารถเผยตัวให้ผู้ใดเห็นได้ ... แล้วฝ่าบาทอเลนล่ะกระหม่อม?”
[หมอนั่นจะหลับแล้ว ท่าทางเบื่อเต็มแก่กับงานเลี้ยง]เอ่ยสุรเสียงขัน หญิงสาวหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะลอบมองวรกายแบบบางของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ผ่านหน้าต่างที่อยู่ข้างๆต้นไม้สูงที่เธอนั่งอยู่ พระเนตรปรือคล้ายจะบรรทมแหล่มิบรรทมแหล่ รอบกายมีเสนาบดีระดับสูงคอยพูดจาฉอเลาะน่ารำคาญ และต้องละไปเมื่อสบพระเนตรดุๆของกษัตริย์เพื่อนบ้านที่นั่งอยู่ข้างๆเข้า
“มองไปพะย่ะค่ะคะ ฝ่าบาท มองไป สายพระเนตรดุๆแบบนั้นซักพักจะไม่มีสาวคนไหนเข้าใกล้....ให้ยล”เอ่ยหยอกล้อ ก่อนจะโดนอีกฝ่ายสวนกลับ
[จะไปมองใคร แค่ดูแลเด็กคนเดียวฉันก็ระอาแล้ว ตอนนี้ไม่คิดมองสาวที่ไหนหรอกนะยัยเงามืด]
“ทำอย่างกับพระองค์เคยคิดจะเลิกดูแลเหนือหัวของกระหม่อม”เอ่ยเสียงขันติดเย็นเยียบ “..แล้วจะดูแลไปถึงเมื่อไหร่ล่ะพะย่ะค่ะ?”
[ชั่วชีวิต]
เอ่ยไม่คิดด้วยเสียงแผ่วเบา เนื่องจากคุยกันโดยผ่านไมค์ลอย หญิงสาวยิ้ม ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“เป็นเรื่องดีพ่ะย่ะค่ะ”เอ่ยกลั้วหัวเราะ ก่อนจะกวาดสายตามองรอบด้านอีกครั้ง “ยังไงหม่อมฉันจะกางเขตอาคมไว้แล้วกันนะกระหม่อม พระองค์ช่วยดูแลเหนือหัวของหม่อมฉันด้วย”
[ถึงเธอไม่บอก ฉันก็ทำอยู่แล้ว]
..แล้วสัญญาณจึงตัดไป..
หญิงสาวลุกขึ้นยืน ก่อนจะสูดลมหายใจ ประกายดวงตาแวววับเปลี่ยนไป ม่านตาหรี่แคบคล้ายรูปแมว ก่อนเขตอาคมจะถูกสร้างด้วยจิตที่แผ่ขยายออกไป เส้นสีเหลืองทองที่หากไร้ดวงตาแบบพิเศษก็ยากจะมองเห็นค่อยๆลากไปทั่วอาณาบริเวณปราสาทสูงตระหง่าน ก่อนจะบรรจบกันเป็นเส้นวงกลม
ตูม!
หญิงสาวหันมองภายใน ก่อนจะสบถลั่น
เสร็จกัน! มันเขาไปก่อนที่อาคมจะสมบูรณ์!
“......ทำยังไงดีล่ะฝ่าบาท”วรกายเล็กกระซิบกับชายหนุ่มที่ยามนี้ลุกขึ้นยืนข้างกาย เนตรสีเงินขี้เถ้ามองความชุลมุนวุ่นวายอย่างสงบ ปิศาจรูปลักษณ์ประหลาดหลายสิบตัววิ่งวุ่นในงาน บ้างก็ตวัดคมเล็บใส่มนุษย์ บ้างก็คว้าหมับไว้เล่นๆ ปิศาจแต่ละตนในปราสาทที่วิ่งวุ่นอยู่มีรูปร่างใหญ่โตราวซํกสองเมตรได้ รูปร่างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแต่มีสีดำทมึน ดวงตาโปนไร้แวว ลิ้นแดงก่ำยาวสองแฉกแลบเลียร่างของมนุษย์ที่จับไว้เล่นๆ เสียงหัวเราะพร่าส่อแววความอำมหิต กรงเล็บจิกเบาๆเรียกเลือดที่ใบหน้าของเหยื่อ พระเนตรสีนิลกาฬก้มมองวรองค์เล็กที มองที่ปิศาจที ก่อนจะเอ่ยเรียบ “จัดการฆ่าพวกนั้น แล้วจบงานเลี้ยงงี่เง่าซะที”
“ฝ่าบาท..คำราชา...”
“จะไปใช้ทำไมวะ!!”
“แล้วตกลงคุณเป็นกษัตริย์จริงๆรึเปล่าครับ!!”
กี๊ซซซซซซซซซ
ปิศาจสองตัวที่กำลังวิ่งตรงเข้าหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ถูกฟันด้วยเคียวคมกริบ เสียงกรีดร้องดังหวีดแสบแก้วหู ร่างใหญ่กักขฬะสีดำทมึนล้มลงไปกองกับพื้นทันที ส่วนคอถูกสะบั้นขาดด้วยโลหะคมกริบ ดวงตาสีแดงเลือดไร้แววโตไร้เปลือกตาเหลือกขึ้น เขาอันใหญ่ทั้งสองที่แทงยอดออกมาจากผิวหนังถูกมือเรียวจับเพื่อยกศีรษะขึ้น ก่อนจะถูกโยนทิ้งอย่างไม่ยี่หระ ในขณะที่ร่างสีดำอีกตนที่ถูกฟันขาดครึ่งยังดิ้นอยู่ราวกับมีชีวิต ดวงตากลอกไปมาหาหนทางรอดที่ถูกดับไปแล้ว ก่อนหัวจะแบะกระจายเมื่อถูกรองเท้าบู๊ทสีนิลเหยียบลงไปอย่างแรง พร้อมกันนั้นปิศาจหลายตนก็ฆ่าตายในพริบตาด้วยเคียวคมกริบ ร่างกักขฬะลงไปนอนอยู่กับพื้นทีละตัว ทีละตัว... พระพักตร์คมและพระพักตร์เยาว์หันมองเจ้าของเคียวยักษ์ที่ยามนี้อาบเลือดสีทมิฬของปิศาจ ก่อนจะเอ่ยเรียก “เซสึนะ?”
ร่างเจ้าของนามที่เพิ่งโดดเข้ามานิ่งชั่วครู่ เรือนผมสีขาวยามนี้ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำสนิท เรือนกายเปื้อนเลือดสีดำของปิศาจ หญิงสาวเดินเข้ามาก่อนจะย่อกายลงถวายความเคารพ “ไม่มีบาดแผลสินะพะย่ะค่ะ”
“ใช้[เพคะ]สิครับ คุณเซสึนะ”เอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะหลับตาลงด้วยแรงลมจากเคียวเล่มใหญ่ตวัดฟันปิศาจอีกตนซึ่งใกล้เข้ามา
ร่างของปิศาจลงไปนอนกับพื้น บาดแผลเหวอะหวะ ปากที่ไร้ริมฝีปากแต่มีเพียงเขี้ยวโผล่ออกมาอ้าพะงาบๆหาอากาศ ก่อนจะถูกแทงลงอีกครั้งจนตายคาที่
“...กระหม่อมถนัดของกระหม่อมแบบนี้..เปลี่ยนไม่ได้หรอกพะย่ะค่ะ..”เอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะกระชับเคียวเปื้อนเลือดขึ้น มองปิศาจที่จับมนุษย์ไว้เป็นตัวประกัน “มีคนตายไปซักสองสามคนแล้วมั้ง..จัดการทีละตัวมันน่ารำคาญ..ตายเพิ่มอีกซักสี่ซ้าห้าศพคงไม่เป็นไร”
..พวกเสนาบดีไร้สมอง..อยู่ไปก็รกโลก..
“ยังครับ! ยัง ผมดูอยู่ ยังไม่มีคนตาย!!! แล้วก็ไม่ยอมให้มีใครตายด้วย!!”สุรเสียงหวานเอ่ยลั่น พลางจับร่างของหญิงสาวไว้ ก่อนจะเอ่ยกับราชองครักษ์เสียงอ่อย “กรุณาจัดการพวกนั้นโดยไม่มีคนตาย... จะได้ไหมครับ?”
“............”ราชองครักษ์สาวนิ่งเงียบ ก่อนจะหันหน้าเข้าหา และย่อกายลงอย่างนอบน้อม
“น้อมรับบัญชา”
ร่างเพรียวบางหันกลับไป ก่อนจะกระโจนขึ้นไปด้านบน หญิงสาวโดดลงบนปิศาจตนใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะใช้เคียวตวัดฟันแขนข้างที่จับตัวประกันไว้.. “หนึ่งตัว..”
ฉัวะ!!
ตัวประกันหลุดออกจากแขนเหยื่อที่ถูกจับไว้ร่วงลงพร้อมแขนของปิศาจ ร่างกักขฬะกรีดร้องเสียงแหลม ยกมือข้างที่ถูกตัดขึ้นแกว่งไปมาด้วยความเจ็บปวด
เซสึนะยื่นมือจับที่หัวของปิศาจ ดวงตาประกายหรี่เล็ก พลันลูกสุญญากาศสีดำมหึมาก็กระจายตัว กลืนปิศาจตนนั้นให้สูญสลายหายไป
หญิงสาวโดดออก ก่อนจะลงที่ร่างของเป้าหมายใหม่ “ตัวที่สอง....”
ควับ!
เคียวขนาดใหญ่ตวัดโดนร่างนั้นด้วยความเร็วเหนือแสง ร่างของปิศาจผ่าครึ่งออก ส่วนที่จับมนุษย์ไว้ล้มลง ท่านหญิงอธิการบดีหน้าซีด ก่อนจะกุลีกุจอลุกหนีไป เซสึนะมองตามอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเอ่ยพึมพำเสียงเย็น
“ตัวที่สาม....”
ฟุบ!!
เคร้ง...
“........”
เคียวคู่ใจหลุดมือเมื่ออีกฝ่ายปัดออกในขณะที่กำลังจะลงมือ หญิงสาวยื่นนิ่ง ประกายแซฟไฟร์สงบมองร่างกักขฬะ ตัวประกันที่ถูกจับไว้สั่นกึกๆด้วยความกลัว
“เหะ..เหะ..”เจ้าปิศาจหัวเราะ ฟันเหลืองที่เรียกว่าเขี้ยวแสยะขึ้น ดวงตาสีเลือดจ้องหญิงสาว กรงเล็บแกว่งไปมาอย่างอวดดี “ฝีมือไม่เท่า....อั๊ก!”
“ไก่อ่อนเอ๊ย....”พึมพำในลำคอขณะที่กรงเล็บจากมือเรียวฝังลงในตัวของปิศาจ แล้วจึงฉีกกระชากเอาเลือดสีทมิฬออกมา ก่อนร่างใหญ่จะล้มลง และถูกกลืนเข้าลูกสุญญากาศทรงกลมไปอีกตน “น่ารำคาญ..”
ก๊าซซซซซซ
“ตัวสุดท้าย.......”
ควับ!
เคียวขนาดใหญ่ปักทะลุกายของปิศาจตัวมหึมา ก่อนจะล้มลง ร่างฉีกออกเป็นแนวเส้นตรงด้วยล้มโดยถูกเคียวที่ยังไม่ดึงออกเฉือนเป็นแนวยาว
“....เก่งจัง....”เอ่ยพึมพำ พระเนตรสีเงินพราวระริก วรกายสูงข้างตัวถอนพระปัสสาสะ ก่อนจะมองหญิงสาวที่เดินตรงเข้ามา
“เลิกงานเลี้ยงไว้แค่นี้เถอะพะย่ะค่ะ กระหม่อมสั่งให้พวกทหารพาพวกนั้นกลับแล้ว”เอ่ยเสียงเบา ชี้[พวกนั้น]ที่หน้าซีดกับเป็นแถว และเก็บอาวุธเข้าที่เดิม เคียวขนาดใหญ่เปล่งแสง ก่อนจะกลายเป็นสร้อยคอเส้นบาง
“ครับ คุณเซสึนะ ยังไงก็ช่วยกางเขตอาคมถาวรให้ใหม่ด้วยนะครับ”เอ่ยยิ้มแย้ม เงยพระพักตร์มองราชองครักษ์ “ส่วนงานเอกสาร ไว้เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ค่อยมาที่ห้องนะครับ เดี๋ยวเลือดที่เปื้อนจะซักไม่ออกเวลามันแห้งแล้ว”
“..เพคะ...”
“ก็ใช้ได้นี่ครับ ใช้พ่ะย่ะค่ะทำไมกัน ”เอ่ยสุรเสียงแข็งติดแย้มยิ้ม ก่อนจะเงยมองกษัตริย์หนุ่มข้างกาย “พระองค์ก็ด้วย เป็นกษัตริย์ ใช้คำราชาศัพท์บ้างสิพะย่ะค่ะ”
“มันไม่จำเป็น”เอ่ยพลางถอนพระปัสสาสะ วรกายบางทำท่าจะเถียงตอบ พลันดวงตากลับเห็นสิ่งหนึ่งก่อน
“คุณเซสึนะครับ!! อันตราย!!”
พลั่ก!!
“เดี๋ยว!! เจ้าถั่วงอก!!”
พระหัตถ์หนาคว้าวรกายบางไว้ไม่ทัน กษัตริย์พระองค์น้อยที่เข้าผลักหญิงสาวจากวิถีกรงเล็บของปิศาจจึงถูกรอยเล็บนั้นเข้าอย่างจัง
“อ.......”
“.....ฝ่าบาท!!!”
จักปกป้องไม่ได้อีกแล้วหรือ...เงาเอ๋ย!!!
กี่คราที่มิอาจปกป้อง..สิ่งสำคัญ..ดวงแก้วมณีเปราะบาง..
..ครานี้..จักต้องสูญเสียไปอีกหรือไร!!
“.........................”
“..................”
“........”
“....นะ..นะ...เซสึนะ!!”
กึก!
“พ..เพ...เพคะ....ฝ่าบาท..”เอ่ยเสียงสั่นเครือ ตอบรับสุรเสียงของกษัตริย์หนุ่มแห่งเมืองวายุหล ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมายังเมืองประกายเหมันต์
“พอกันเลย ทั้งเงามืดทั้งราตรี จะตกใจไปถึงไหน” เอ่ยสุรเสียงเบื้อหน่าย ก่อนจะหันไปตบหน้ากษัติรย์แห่งเมืองอนธกาลที่โอบร่างของเด็กหนุ่มไว้ “ยู! ตื่นได้แล้ว แกจะอึ้งไปถึงเมื่อไหร่!!”
ดวงตาสีแซฟไฟร์หันมองวรกายสูง พระเนตรคมมองพระหัตถ์ขององค์เอง ประกายตาแฝงความเจ็บปวด
..คว้าไว้ไม่ทัน..
อย่างนั้นสินะ
คิดอย่างเข้าใจความรู้สึกของกษัตริย์หนุ่ม ก่อนจะรวบรวมสติ
“ฝ่าบาทยู..”
เอ่ยเรียกพลางลุกขึ้น มองวรกายสูง และพูดต่อไป “ถ้าไม่ทรงลุกขึ้น เหนือหัวของกระหม่อมจะเป็นอันตรายกว่านี้”
“...พิษของปิศาจ หมอเทวดาที่ไหนก็รักษาไม่ได้หรอกนะ....”
เอ่ยสุรเสียงแห้งผาก พระเนตรสีนิลมองที่องค์บางในอ้อมแขนที่ใบหน้าซีดขาวขึ้นทุกที ก่อนกำหมัดแน่นแล้วชกลงพื้น “โธ่เว้ย!!”
เซสึนะมองวรองค์บางที่กำลังหอบหายใจ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“ไม่ต้องหรอกเพคะ ถ้าแค่รีดเอาพิษคำสาปออกมา แค่เงาตนเดียวก็ทำได้”
“..เธอ..”
มือข้างซ้ายวางลงที่แผ่นอกบาง ก่อนแสงสว่างจะวาบขึ้น
สีดำทมึนน่าสะอิดสะเอียนค่อนๆคืบคลานเข้ามาในมือของหญิงสาว แล้วสีพระพักตร์ของเด็กหนุ่มจึงดีขึ้น
..แต่ที่น่าแปลก..รอยสักที่มือของหญิงสาวกลับแผ่กว้างขึ้น..
“พิษหมดแล้ว รีบรักษารอยแผลเถิดเพคะ เมื่อครู่หม่อมฉันได้ยินว่าหมอหลวงมาถึงห้องบรรทมแล้ว ฝ่าบาทอุ้มทูลกระหม่อมไปที”
ชายหนุ่มมองเซสึนะ ก่อนจะพึมพำเบา
“...ขอบใจ..”เอ่ยพลางมองหญิงสาวที่ลุกขึ้น ก่อนจะอุ้มร่างบอบบางแนบอกอย่างทนุถนอม และรีบหันหลังวิ่งไปทันที
หญิงสาวยืนนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะหันมองออกไปด้านนอกที่ฝนตก
ผิดนัก..เงาเอ๋ย..
แสงจันทรานุ่มนวล..ที่เจ้าเคยสัญญามั่นเหมาะว่าจักปกป้อง..
..แม้นจักไม่สูญสิ้น แต่...
..เจ้ากลับปกป้องมิได้..
..............
.............
..............
..ซ่า..
เสียง..?
หนาวจังเลย....
อะไรนะ...
นัยน์ตาเบิกขึ้น มองดูเบื้องนอก
“...อา...”
“ฝนอีกแล้วหรือ...”
ร่างที่นอนขดกายบนฟูกหนาในห้องซึ่งไร้เตียงด้วยความประสงค์ของเจ้าของพึมพำ ดวงตาสีแซฟไฟร์ที่ข้างซ้ายถูกปิดด้วยผ้าพันแผลสีขาวเงยมองหน้าต่างซึ่งเต็มไปด้วยไอน้ำจากหยาดพิรุณที่พร่างพรูลงมา ยามเช้านี่ฟากฟ้ามืดครึ้ม แต่ความเย็นที่โรยตัวก็ทำให้ชื่นใจ
กายเพรียวลุกขึ้นนั่งบนฟูก ก่อนจะพิงกายกับฟูกหนาที่มีอาณาบริเวณไปถึงบนกำแพง เรือนผมสีขาวหิมะยาวเปียกชื้นกระจาย ร่างเพรียวบางห่มด้วยอาภรณ์สีนิลคล้ายผ้าคลุมรุ่งริ่งด้วยสภาพการใช้งานที่อาจจะเรียกว่า..สมบุกสมบัน..ที่ยามนี้แห้งกรังด้วยคราบเลือดสีดำติดจะชื้นแฉะ ภายใต้ผ้าคลุมนิลกาฬคือเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่ยาวเกินมือมาซักคืบ ที่คอมีโบสีแดงผูกไว้ กางเกงสีดำผ้าแบบรัดรูป และระบายออกที่ช่วงข้อเท้า ส่วนฝ่าเท้ายามนี้เปลือยเปล่าเพราะรองเท้าบู๊ทคู่ใจสีดำบัดนี้วางไว้อย่างเป็นระเบียบที่ข้างโต๊ะทำงาน
ฝน..
..หนาวเหน็บ..แต่ก็ทำให้จิตใจสงบนิ่ง...
..โดยเฉพาะในช่วงเวลาแบบนี้..
“...อึ๊ก....”
หญิงสาวขย้ำเสื้อที่หน้าอกซ้าย หอบหายใจ สูดเอาอากาศเข้าปอดอย่างยากลำบาก
..คำสาป..
..เจ็บ..
น้ำตาราวจะร่วงหล่น แต่ก็กลั้นฝืนไว้
..ไม่เป็นไร..ไม่เป็นไร..
ทุกวันนี้..ก็แค่ใช้ชีวิตไปวันวัน..เฝ้ารอความตายอยู่แล้ว..
..ไม่เป็นไร..
ไม่สิ..แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ..
...ถ้า..เมื่อวานไม่ใช่แค่นั้น...
ไม่ใช่เพียงกรงเล็บถาก..
..ฝ่าบาท ถ้าทรงบาดเจ็บมากกว่านั้น..
แอ๊ด..
“คุณเซสึนะ..”
กึก!!
“..!..ฝ่าบาท!!”เอ่ยเรียกผู้ที่เข้ามาในห้อง ก่อนจะลุกขึ้นถวายความเคารพ และเงยมองร่างแบบบางขององค์เหนือหัว “บาดแผลล่ะพะย่ะค่ะ!”
“..ใช้[เพคะ]สิครับ เป็นผู้หญิงแท้ๆ...”เอ่ยสุรเสียงขุ่น ก่อนจะถอนพระปัสสาสะ “ที่จริงไม่ต้องใช้เลยยิ่งดี..”
“มิได้ พระองค์เป็นเจ้านายของหม่อมฉันนะพะย..เพคะ..”หญิงสาวเอ่ยตอบอย่างติดจะตะกุกตะกักกับหางเสียง ด้วยดวงตาของออีกฝ่ายจ้องมาด้วยท่านทีโกรธขึ้ง ก่อนจะโดนร่างเล็กลากให้นั่งลงบนฟูก
“แต่ผมเห็นคุณเซสึนะเป็นพี่สาวนี่ครับ....”เอ่ยพลางสบมองดวงตาสีแซฟไฟร์ หญิงสาวสบตอบพระเนตร ก่อนจะมองโครงพระพักตร์อ่อนวัย และเลื่อนลงมองที่ผ้าพันแผลบนพระวรกายของกษัตริย์หนุ่มน้อย
มือเรียวบางกุมขย้ำผ้าคลุม ก่อนจะเอ่ยเสียงเครือ
“ฝ่าบาท...แผลยังไม่หายดี..เดี๋ยวก็โดน...”
“..จะโดนฝ่าบาทดุก็ช่างเถอะครับ ให้เป็นห่วงบ้างก็ดี!”เอ่ยพลางค้อนใส่คนที่ไม่ได้อยู่ด้วย และการกระทำนั้นทำให้พระเกศาสีเงินไหวตามแรงสะบัดหน้า พระเนตรสีเดียวกันฉายแววโกรธขึ้งปนงอนเล็กๆ หญิงสาวมองการกระทำดั่งกล่าวด้วยสายตาอ่อนโยน
เธอเอ็นดูองค์เหนือหัวคนนี้ราวกับน้องชาย..
ทรงเข้มแข็งนัก..ขึ้นครองราชย์ทั้งที่มีพระชนมายุเพียงรอบ..แต่ในขณะเดียวกันก็เปราะบาง..
ต้องขอบคุณฝ่าบาทจากเมืองอนธกาล..ที่ช่วยดูแลเหนือหัวพระองค์น้อยของเธอ..
“....ยูน่ะ..หาว่าผมเจ้าระเบียบอยู่เรื่อยเลย..”บ่นสุรเสียงแผ่ว “แล้วก็ ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กๆอยู่เรื่อย ทั้งที่ตัวเองก็มีเมืองให้ดูแลแท้ๆ แต่ดันมาอาศัยอยู่กับผมเสียอย่างงั้น..”
“แถมยังเจ้ากี้เจ้าการกับงานของผมด้วย.. ปัดโธ่เอ๊ย กษัตริย์ของที่นี่น่ะผมนะ!”
ถึงงั้น..ที่เมืองอนธกาล..
บุคลากรแต่ละคนไม่ธรรมดานะเพคะ..คนของราตรีน่ะ..ไม่ต้องมีกษัตริย์ปกครองด้วยซ้ำ
พึมพำในใจ แต่ไม่ได้ตอบออกไปเพื่อคลายความสงสัยของเด็กหนุ่ม
“จะว่าไป พิษในร่างผม...ที่ได้รับมาเมื่อคืน....”พระพักตร์งามเงยมองหญิงสาว “คุณเซสึนะเป็นคนรับไปสินะครับ”
ความเงียบเข้าคลอบคลุมชั่วครู่ ก่อนหญิงสาวจะเอ่ยตอบเสียงแห้ง “เพคะ..”
“ทำไมทำแบบนั้นล่ะครับ”สุรเสียงทุ้มหวานเอ่ยสั่นเครือ “ผมไม่อยากเป็นภา..”
“ไม่เป็นภาระนะเพคะ! ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นราชองครักษ์ประจำพระองค์นะเพคะ ย่อมต้องปกป้องพระองค์อยู่แล้ว!”เอ่ยดังลั่น ก่อนจะแผ่วลงในประโยคถัดมา “อีกอย่าง....ร่างนี้เป็นที่สิงสู่ของคำสาปอยู่แล้ว จะเพิ่มมาอีกซักอย่างสองอย่างจะเป็นอะไรไปเพคะ....และ...”
“ครั้งนี้..หม่อมฉันผิดเอง..ที่ปกป้องพระองค์ไม่ได้...”
แค่สายฝนรุนแรงที่บาดผิวยังน้อยไป
กับความผิดที่ก่อขึ้น
มือนี้ ทำไม ถึงคว้าไว้ไม่ทัน ปกป้องไว้ไม่ทัน
..[ที่อยู่]ของเธอ..
“ถึงแบบนั้น คุณเซสึนะก็ไม่น่าไปยืนตากฝน ฝ่าบาทก็ไม่ยอมให้ผมออกไปห้ามคุณ”เอ่ยพลางค้อนให้อากาศอีกวง ก่อนจะเอนกายลงนอนบนฟูกหนา “...สบายจังฮะ ผมขอให้ช่างมาปูให้บ้างดีกว่า”
หญิงสาวมองร่างเล็กข้างกาย ก่อนจะเอนกายนอนตาม
“...นี่..คุณเซสึนะฮะ..”
“เพคะ?”
“..คุณเซสึนะไปเจออะไรมาบ้างครับ ชีวิตของคุณเซสึนะ..”หยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ระหว่างที่ยูยังหาผมไม่เจอ ช่วยเล่าให้ฟังทีสิครับ”
หญิงสาวนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย
“....รับด้วยเกล้าเพคะ..แต่..หม่อมฉันชักจำไม่ได้แล้ว....”หลับตาลง นึกทบทวนความจำ “กระหม่อมอยู่มานานเท่าไหร่แล้วนะ....”
....กี่ปีกันนะ....
ชีวิตของเรา..ผ่านมานานเพียงใดแล้ว..
ย้อนกลับไปตอนนั้นที่เพิ่งเกิด..
สิ่งแรกที่สติรับรู้..
......คือน้ำเสียงทุ้มแสนสุดอ่อนโยนและสนุกสนานของพ่อขุนนางพันปีกระมัง.....?
ความคิดเห็น