ฟิคบารามอส:เพื่อนรักตลอดกาลของเฟริน
เพื่อนรัก...เพื่อนแท้..ของเฟริน(ไงล่ะ!~)
ผู้เข้าชมรวม
1,915
ผู้เข้าชมเดือนนี้
13
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ที่นี่ทีไหน”พูดจบเด็กหนุ่มก็มองไปรอบๆตัว ดวงตาสีน้ำตาลไหม้ฉายแววงงงวยเป็นที่สุด ด้วยเหตุที่ว่าทิวทัศน์ตรงหน้าช่างแปลกตาเหลือเกิน ลมอ่อนๆที่พัดโชยมามิใช่กลิ่นอันคุ้นเคย ลมเริ่มพัดแรงก่อเกิดเสียงอันไพเราะจากธรรมชาติที่ผู้ใดได้ฟังคงรื่นโสตและสบายใจ หากแต่ไม่อาจดับความร้อนรุ่มในใจของเด็กหนุ่มผู้นี่ได้
เด็กหนุ่มครุ่นคิดพลางลูบแผลใต้ตาซ้ายอย่างคุ้นชิน แต่กระนั้นก็อดเอามือขยี้ผมสีเดียวกับนัยน์ตาซึ่งยุ่งเหยิงพออยู่แล้วของตนไม่ได้ ก่อนจะค่อยๆลำดับเหตุการณ์เรื่องราวทั้งหมด...
“พ่อว่าไงนะ.. แม่หายไป!” เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง แววตาฉายแววกรุ่นโกรธบิดาของตนเป็นยิ่งนัก นี่มันครั้งที่เท่าไรแล้วนะที่พ่อทำแม่หายตัวไป!
“พะ.. พ่อทำงี้ได้ไง! รีบไปตามหาแม่กันเร็ว”เด็กหนุ่มร้อนรน แม้ว่าจะเกิดเรื่องพรรค์นี้เป็นร้อยๆรอบแล้ว แต่กระนั้นด้วยวัยเพียง 12 ปีก็ยังห่วงหาแม่อยู่ดี
“บ๊ะ! คิดมากไปได้เจ้าลูกคนนี้ เดี๋ยวแม่แกก็หาทางกลับมาเองล่ะ เหมือนทุกครั้งไง”คนเป็นพ่อพยายามปลอบลูก ไม่ใช่ด้วยความเป็นห่วงแต่เป็นรำคาญแต่ดูเหมือนจะคาดผิดเพราะลูกของเขา เฟริน เดอเบอโรว์ เดอะ ทีฟ ออฟ บารามอสยิ่งคลั่งขึ้นไปอีก...
“นั่นมันบารามอสกับคาโนวาล หรือไม่ก็เวนอลกับแอเรียส แต่ตอนนี้แม่อยู่ที่แกรนไลน์นะ! แกรนไลน์ แกรนไลน์กับบารามอส” เขาคงจะรู้ตัวเร็วกว่านี้ถ้าพ่อบ้าไม่บอกว่าแม่นั่งเรือมาด้วยกันแล้วแถมพ่อตัวแสบ.. มาดัส เดอเบอโรว์ เดอะ ทีฟ ออฟ บารามอส เพิ่งมาบอกเขาว่าแม่หายไป ก็เมื่อมาถึงบารามอสแล้ว และตัวเขาก็ไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งพ่อบอก...
“งั้นแกก็ไปหาคนเดียวซิวะ แกไม่รู้เรอะว่าสายสืบแม่แกเยี่ยมขนาดไหน” พูดจบคนเป็นพ่อก็หันหลังเดินไป เฟริน ก้าวเท้าจะตามผู้เป็นพ่อไปแต่ในขณะนั้นเอง
ราวกับพื้นส่วนที่เขายืนหายไป ร่างกายหล่นวูบลงไป ความรู้สึกมากมายเข้ามารุมเรา หัวหมุนราวกับจับไข้ครั้นแล้วเขาก็หมดสติไป
แล้วก็มาโผล่ที่นี่
“ตกลงที่นี่มันที่ไหนกันแน่”
“ล้า...”
เสียงเพลงลอยมา... เป็นท่วงทำนองที่แสนไพเราะ ที่เมื่อได้ฟังแล้วอบอุ่นหัวใจเป็นยิ่งนัก เฟรินจึงลุกขึ้นและเดินตามหาต้นเสียงของบทเพลงนั้นจนกระทั่งใกล้จนพอจะจับใจความเพลงได้
“สายลมผันผ่าน
ผันกาลเวลา
เสียงเพลงครวญมา
โศกเศร้าฤทัย
หัวใจร้าวฉาน
หมดทางเยียวยา
ควรได้เวลา
ลาสู่จุดเดิม
อาทิตย์ย่อมผัน
แสงจันทร์ย่อมเปลี่ยน
ทุกอย่างหมุนเวียน
ผันเปลี่ยนเวียนไป
ตัวข้าวิ่งไป
ไร้ซึ่งจุดหมาย
ควรถึงเวลา
หยุดวิ่งเสียที
ตัวเจ้าพูดถูก
อาทิตย์คล้อยไป
แสงจันทร์กลับมา
แสงจันทร์คล้อยไป
อาทิตย์กลับมา
ทุกอย่างผันไป
ตามกาลเวลา
ไปแล้วกลับมา
เจอแล้วจากไป
แต่เจ้าดูก่อน
เวลายังมี
จะรีบยอมพลี
ไปด้วยเหตุใด
จงมีชีวิต
องอาจเกรียงไกร
ให้สมที่เจ้า
ได้กำเนิดมา...”
เสียงเพลงยังคงล่องลอยมา ทั้งเศร้าโศกและให้กำลังใจ เฟรินยังคงนั่งฟังต่อไป จนกระทั่งผิดสังเกต เพราะเสียงเพลงเงียบไป
“นี่”
“แว้ก”
“ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ” เฟรินลืมตาขึ้น และพบสาวน้อยคนหนึ่งที่น่าจะอายุพอๆกับเขา เส้นผมสีดำยาวยวงถูกมัดไว้หลวมๆอย่างไม่ตั้งใจนัก ดวงตาสีมรกตฉายแววงงงวยอย่างตระหนก ในกริยาท่าทางของเขา
“แล้วเธอล่ะ..”
“ฉันก็นั่งร้องเพลงอยู่ไง พอดีเหลือบมาเห็นนายนั่งอยู่หลังโขดหินเลยเดินมาดู” สาวน้อยคนนั้นตอบอย่างไม่ใยดีนัก
“คือ...ฉันหลงทาง” คำแรกที่ออกมาจากปากของเฟริน เนื่องจากเป็นเรื่องเดียวที่อยู่ในสมองตอนนี้
สาวน้อยคนนั้นหัวเราะคิกคักอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก ก่อนจะยื่นมือให้เขา “เดี๋ยวฉันพานายกลับเอง ตอนนี้ลุกขึ้นก่อนเถอะ ฉันชื่อ เซฟีน่า ราเรล เรียกว่าเดือนแล้วกัน ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วนาย...”
“เฟริน เดอเบอโรว์ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” เฟรินจับมือเซฟีน่าแล้วลุกขึ้น จากนั้นทั้ง 2 คนก็คุยกันสะระตะ จนวนมาเรื่องที่เขากำลังหนักใจที่สุด
“แล้วตกลงนายมาจากไหนกันแน่”
“เอ่อ...บารามอส”
เงียบ~
“ตะกี้...นายว่าไงนะ”
“ฉันบอกว่ามาจากบารามอส” เฟรินตอบแบบงง
ฉับพลันเดือนก็ลากเฟรินไป และเร่งความเร็ววิ่งชนิดลืมหายใจ
“เฮ้ย! เดือน! เดื๊อน... ยู๊ดดดด....” เฟรินพยายามตะโกนแต่ไม่ได้ผล เพราะเดือนกลับยิ่งเร่งฝีเท้าขึ้น ผู้คนแถวนั้นจึงเห็นภาพเด็กสาววิ่งอย่างรวดเร็วพร้อมลากเด็กหนุ่มที่โวยวายไม่หยุดไปด้วย จนกระทั่งถึงปราสาทที่สร้างด้วยหินอ่อนเรียบมันสีเหลืองอ่อน จากนั้นเดือนก็ผลักประตูเข้าไป และลากเขาขึ้นบันไดไป จนกระทั่งถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง
“พี่โซฟีเลีย”เดือนหยุด แล้วหอบหายใจ เช่นเดียวกับเขาที่ลูบหน้าอกขึ้นหลงอย่างยังหวาดเสียวไม่หาย
“อะไร” เสียงเย็นเฉียบแฝงอารมณ์กรุ่นดังขึ้นจนเฟรินหนาวเยือก เส้นผมสีทองดูจะยุ่งเหยิง คงเป็นเพราะงานที่กองสุมหัว ดวงตาสีแดงอมเหลืองฉาแววเหนื่อยหน่ายเหมือนจะบอกว่า ‘อะไรอีกล่ะงานนี้’
“คือ..เขาหลงทางมาค่ะ”
“ก็พาไปส่งสิ จากไหนล่ะ? ฟาร์เรล โอลันวีบีส ซาไนย์ ทาเนเทีย ซีเนเรีย หรือว่า เดเลนีน?” โซฟีเลียถามรัวเป็นปืนกล
“จากบารามอสค่ะ”
“อ้อ บารามอส หา!?” โครม!? เสียงเสียงตกเก้าอี้ดังสนั่น เมื่อโซฟีเลียลุกขึ้นก็นั่งกุมขมับอย่างปวดหัวในเรื่องที่เพิ่งรับทราบ พอๆกับเฟรินซึ่งบัดนี้เกาหัวแกรกๆอย่างไม่เข้าใจ
“เดือน..ออกไปก่อนเถอะ”โซฟีเลียพูด เดือนจึงออกไปรอข้างนอก แล้วหันมาคุยกับเฟริน และถามไถ่เรื่องทั้งหมด...
“เธอหลุดมาที่โลกอื่นน่ะ”
“หา!!!!!!!!” เฟรินตะโกนอย่างตกใจ
“ฉันจะพูดสั้นๆนะหนุ่มน้อย ที่นี่น่ะเป็นอีกโลกในหลายๆโลก แล้วเธอก็แจ็คพอตแตกตกลงไปในหลุมแห่งเวลา แล้วมาโผล่ที่นี่ การที่เธอจะกลับไปต้องใช้เวลา 1 เดือนนะ ระหว่างนั้นก็อยู่ที่นี่ก่อนแล้วกัน รายละเอียดเกี่ยวกับที่นี่ เดี๋ยวฉันให้เดือนอธิบายให้ฟังเอง งานฉันเยอะ มีปัญหาอะไรก็ช่วยด้วยนะเดือน!!! ไปได้แล้วหนุ่มน้อย ฉันต้องทำงานต่อแล้ว เพราะพ่อใครไม่รู้ดันหนีเที่ยว ยูเอะนะยูเอะ ” โซฟีเลียพูดพลางจัดการงานไปพลาง เสียงโครมดังมาจากข้างนอกทำให้รู้ว่า ‘พ่อใครไม่รู้’ที่ว่าก็คงเป็นพ่อของคนที่ยืนรออยู่ข้างนอก
เฟรินเปิดประตูออกไปเห็นเดือนยืนยิ้มอยู่ เฟรินจึงทักและเดินตามเดือนไปห้องพักของตน
“ทำไมเขาอารมณ์เสียขนาดนั้นล่ะ” เฟรินถามเดือนเมื่ออยู่ในห้องพักแล้ว
“พอดีช่วงนี้งานเยอะน่ะ แล้วพ่อฉันก็ดันไปเที่ยวเล่นด้วย คอยดูเถอะ กลับมาคราวนี้จะเอาให้หนักเลย! “เดือนพูดพลางส่งสายตาเยือกเย็นฝากสายสายลมไปให้ผู้เป็นพ่อ
*ที่ไกอา*
“บรื๋อ..” ยูเอะทำท่าขนลึก รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาทันที
“ทำไมมันหนาวอย่างนี้นะ” ไม่ได้รู้ชะตากรรมตัวเองเล้ย...
“พูดถึงพ่อ พ่อฉันก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกัน แม่หายไปทั้งที่ไม่มีทุกข์ร้อนอะไรซักอย่าง”เฟรินหยิบพ่อตนขึ้นมาเผาบ้าง จากนั้นเฟรินรู้ว่าโลกที่เขาอยู่มีชื่อว่า อารูนรานาเรซ ซึ่งมีการปกครองใหญ่ๆได้ 7 ประเทศ คือ ฟาร์เรล โอลันวีบีส ซาไนย์ ทาเนเทีย ซีเนเรีย เดเลนีน และโครนอส ซึ่งเขากำลังอยู่ที่โครนอส และสาเหตุที่ต้องรออีก 1 เดือน ก็เพราะว่าหลุมแห่งกาลเวลาจะเปิดได้เฉพาะวันเพ็ญ และได้รู้ว่า เดือนเชี่ยวชาญการต่อสู้มาก! ทั้ง 2 คนคุยกัน นานจนตะวันคล้อยไป เดือนจึงชวนเฟรินไปโรงอาหาร
เฟรินเดินตามเดือนไปที่โรงอาหารและสั่งอาหารไปนั่งทาน แต่ทว่า..
พลั่ก!
“อุ๊บ! แค่กๆ”เฟรินสำลักออกมาเพราะมีคนมาตบหลังตน พอเริ่มดีขึ้นจึงหันขวับไปหาคนกระทำ สิ่งที่เขาเห็นคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ดูท่าทางสำอาง ผมสีน้ำตาลอ่อนออกจะยุ่งเหยิง ดวงตาสีมรกตฉายแววพอใจและสั่นระริก “แหม! ขอโทษๆ ทักทายแรงไปหน่อย นยคือพ่อหนุ่มที่หลงเวลามาสินะ”
“พี่คาอิล! ไปแกล้งเขาทำไม”เดือนตะโกนอย่างฉุนเฉียว แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่กระทบกระเทือนอะไรนัก
“น่า! แค่ทักทายกันตามประสาลูกผู้ชาย จริงไหม?”คาอิลหันมาถามเฟริน
“ไม่ครับ” เสียงนี้ไม่ได้ดังมาจากเฟริน แต่ดังมาจากชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ที่มีเส้นผมสีเงินที่ดูน่าจะออกไปทางขาว ดวงตาสีเงินขี้เทาดูเข้ากับเส้นผมเอามาก จากนั้นก็หันมาหาเฟริน “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อ อเลน ราเรล คุณล่ะครับ?”
“เอ่อ...เฟริน เดอเบอโรว์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ส่วนฉันชื่อคาอิล ราเรล คงรู้แล้วใช่ไหม”
เฟรินนั่งคุยกับทั้ง 3 คน จนกระทั่งกินเสร็จจึงขึ้นไปนอน
เวลาผ่านไปทำให้เฟรินได้รู้ว่าคาอิล และอเลนเป็นพี่น้องร่วมสาบาน และรู้ว่าอเลนเป็นเจ้าชายแห่งฟาร์เรล เฟรินสนิทกับเดือนมากขึ้น จนทั้ง 2 คนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนตายได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จนกระทั่ง 1 เดือนผ่านไป เวลาแห่งการจากลาก็มาถึง..
“เดือน” เฟรินเข้าไปในห้องของเดือนก็พบเจ้าของห้องนั่งอยู่
“ อีก....2 วัน..ก็จะไปแล้วสินะ?”เดือนถาม เฟรินจึงพยักหน้าเบาๆ
“ว่างๆก็แวะมาเยี่ยมบ้างล่ะ”เดือนพูดแล้วขยิบตาให้
เฟรินจึงกอดเพื่อนตัวแสบของเขาอย่างแนบแน่นก่อนจะตะโกนใส่หู “ถ้ามีหลุมแห่งเวลาอีกฉันจะกระโดดลงไปล่ะกัน”
ทั้ง 2 คนเดินคุยกันไปจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ที่กลางสนามหน้าปราสาท ทุกคนกำลังสู้กับอะไรบางอย่างอยู่
อะไรบ้างอย่างบุกมาที่โครนอส!
“เฟรินนายรออยู่นี่นะ”
“เดือน!!” เฟรินเรียก แต่ก็ไม่ได้ผล เมื่อบัดนี้เจ้าของชื่อกระโดดลงไปสู่สมรภูมิแล้ว
เฟรินรีบวิ่งลงไปดูทันทีแต่ไม่ได้ออกไปต่อสู้ ใจหนึ่งก็เป็นห่วงเพื่อนรัก แต่อีกใจก็รู้ดีว่าตนอ่อนแอ....
เวลาผ่านไป ฝนตกลงมาทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย
“ไหวไหม” เดือนถามอเลนซึ่งระวังหลังให้กันอยู่..
อเลนหัวเราะแห้งๆแล้วตอบ “ไม่ไหวก็ต้องไหวแล้วล่ะฮะ...งานนี้” เดือนหัวเราะหึๆก่อนจะฟาดฟันต่อ
“ไปช่วยคนอื่นเถอะ..อเลน ทางนี่พี่พอไหว” เดือนพูดกับอเลน อเลนลังเลอยู่เล็กน้อย..ก่อนจะไปช่วยคนอื่น
เดือนกระชับดาบมากขึ้นเพราะคราวนี้ต้องระวังทั้งหน้าหลัง แต่สายตาของเดือนไม่ไวพอจึงไม่ทันเห็นศัตรูที่หมายจะฟันอยู่ข้างหลัง
“ระวัง!”
ฉัวะ!
สายเลือดหลั่งรินออกจากบาดแผลไม่หยุดเดือนนิ่งไปดวงตาค้าง เพราะผู้ที่เข้ามาปกป้องเธอคือ....คาอิล
หลังจากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบไปทั่วก่อนจะกลับเป็นเหมือนเดิม ขณะนี้ศัตรูทั้งหมดได้หายไปแล้ว หากแต่สายฝนยังคงหลั่งลงมาจากท้องฟ้าไม่หยุดหย่อน
“ตะกี้มัน...”โซฟีเลียพึมพำ
“บ้าชิบ! ยัยเด็กนั้นไม่ยอมควบคุม ‘พลัง’ “ยูเอะสบถ
“พี่! พี่คาอิล! อย่าเป็นอะไรนะ” เดือนกอดร่างอ่อนปวกเปียกของคาอิลไว้แนบอก ด้วยความกลัวว่าจะต้องสูญเสียพี่ชายของตนไป แต่สิ่งที่ทำให้
เธอยิ่งเสียขวัญขึ้นไปอีกหลังจากที่อเลนตรวจสอบดาบแล้วพบว่าดาบที่ฟันลงมามีพิษเคลือบอยู่! คาอิลลืมตาขึ้นมา และพูดคำๆหนึ่งออกมาก่อนที่ร่างนั้นจะหมดลมหายใจ...
“พี่คาอิล! พี่คาอิล! ” เดือนพูดออกมาก่อนที่จะกรีดร้อง และพายุก็เกิดขึ้นโดยมีเดือนและอเลนเป็นใจกลาง เฟรินเห็นท่าไม่ดีจึงถามบุคคลข้างๆดู
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“พลังแปรปรวน เพราะผู้ค้ำยันสิ้นชีวิตลง” โซฟีเลียพูดพลางกัดฟันกรอด
เฟรินกัดฟันกรอด เพราะเขาเห็นเดือนกุมแขนอยู่ส่วนอเลนกุมดวงตาข้างซ้ายอยู่ท่าทางเจ็บปวด เขาไม่สนใจอะไร ไม่สนแม้แต่คำร้องตะโกนห้ามที่มาเป็นระลอก วิ่งเข้าไปกลางพายุเมื่อเข้าไปถึงใจกลางและพบเดือนกับอเลน ก็รู้สึกร้อนที่ฝ่ามือ...ก่อนที่สติจะดับวูบไป
ภาพอันเจนตาในห้องไหลเข้ามาในคลองจักษุ ในตอนแรกนั้นยังคงงัวเงียและเมื่อยล้ากายอยู่ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบสอดส่ายสายตาอย่างร้อนรน แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อ 2 ร่างที่หาอยู่นอนอยู่ในเตียงถัดไป
“ตื่นแล้วหรือ? เฟริน” เฟรินหันขวับไปที่ต้นเสียง ก็พบโซฟีเลียนั่งอยู่
“ลองมองที่มือซ้ายสิ” เฟรินมองที่มือของตน ก็พบอักขระบางอย่างสลักอยู่บนมือของตน เป็นอักขระที่แปลกประหลาดและดูไม่สมบูรณ์...
“เธอรู้ไหม? ว่ามันคืออะไร” เฟรินส่ายหน้า “งั้นฉันจะเล่าอะไรดีๆให้ฟัง เอาไหม?” โซฟีเลียถาม ซึ่งเฟรินก็พยักหน้า
“นานแสนนานมาแล้ว ที่นี่ไม่ได้มีแค่มนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่มีอีกชนเผ่าหนึ่งอาศัยอยู่ เรียกว่า ‘ชนเผ่าแห่งกาลเวลา’ . ชนเผ่าแห่งกาลเวลานั้นมี ร่างกายเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีพลังเวทย์มหาศาล อย่างที่คาดไม่ถึงและจะเก่งในเรื่องของเวทย์แห่งเวลา แต่วันหนึ่ง ก็มีมนุษย์คนหนึ่งที่หวาดกลัวและต้องการพลังนั้นมาเป็นของตน จึงปลุกระดมและหว่านล้อมเพื่อนมนุษย์ให้ก่อสงครามล้างชนเผ่าแห่งกาลเวลาและที่เลวยิ่งกว่านั้น คือมันเรียนมนต์ดำต้องห้ามที่ใช้ผนึกเวทย์ของชนเผ่าแห่งกาลเวลา ทำให้ชนเผ่าแห่งกาลเวลาที่ไม่ถนัดด้านการสู้รบต้องสูญสิ้นไป พวกมนุษย์ที่ทำตามมนุษย์ผู้นั้น รู้สึกผิดเป็นอันมาก จึงรวมพลังกันกำจัดมนุษย์ผู้นั้น และก่อตั้งพื้นที่ส่วนหนึ่งให้เกี่ยวข้องกับชนเผ่าแห่งกาลเวลากาลเวลา ซึ่งก็คือโครนอส ประเทศที่เธออยู่นี่” โซฟีเลียพูดจบก็เงียบไป...
“อยากฟังต่อไหม?” เฟรินพยักหน้า
“แต่ก็มีสิ่งที่เราไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้น คือชนเผ่าแห่งกาลเวลาส่วนหนึ่งหลบหนีไปยังโลกต่างๆ และลบเลือนพลังเวทย์ของตนไป ทำให้เมื่อได้คู่ครองในโลกอื่น พลังของเผ่าตนจะไม่ปรากฏออกมา แต่ทว่า...
แม้พลังจะไม่เกิดในรุ่นลูก แต่กลับไปเกิดในรุ่นลูกหลานต่อๆมาจะมากน้อยแล้วแต่คน ซึ่งจะแสดงในลักษณะของคนที่มีเวทย์สูง และมีหญิงสาวคนหนึ่ง...ซึ่งสืบสายเลือดมาซึ่งมิได้ปรากฏพลังใดๆ ที่บ่งบอกถึงชนเผ่าแห่งกาลเวลาเลย จากนั้นนางได้แต่งงานกับเจ้าชายแห่งฟาร์เรล และกลายเป็นราชินีในที่สุด แต่แล้วก็ต้องเกิดเรื่องสลดขึ้น..เมื่อได้ประสูติธิดาน้อยออกมา เพราะพลังของธิดาน้อย บ่งบอกได้ถึงพลังอันเป็นพลังดั้งเดิมของชนเผ่าแห่งกาลเวลา ราชาและราชินีแห่งฟาร์เรลจึงต้องทิ้งลูกของตนไปในห้วงเวลาที่สับสน”
“โหดร้ายที่สุด!”เฟรินตะโกนสุดเสียง
“โหดร้าย?”โซฟีเลียทวนคำ”แล้วจะให้ทำยังไง พลังเวทย์มหาศาลนั้นหากควบคุมไม่ได้มีแต่ตายกับตาย และหากผนึกพลังไว้แต่มีผู้ที่ต้องการพลังหมายปองก็ยิ่งอันตรายนะ อย่างนั้นผนึกแล้วให้คนอื่นเลี้ยงไม่ดีกว่าหรือ ถ้าจะเถียงว่าทำไมต้องทิ้งลูกของตนไปในห้วงเวลาที่สับสน นั่นก็เพราะว่าจะทำให้จับสัญญาณไม่ได้ แต่...
แต่เหมือนชะตากลั่นแกล้ง เมื่อสาวน้อยที่โดนทิ้งไปนั้น กลับมาอีกครั้งแต่กลับมาที่โครนอส ฝึกฝนพลังของตนจนเข้มแข็ง และพบกับน้องชายของตนเองซึ่งมีพลังพอๆกับตน แต่เพราะพลังที่มีเหมือนถูกผนึกมาแต่เกิดจึงไม่มีปัญหาใดๆ เหมือนคราวของพี่สาวโดยไม่รู้ว่าอีกคือน้องชายแท้ๆของตน แต่กลับสนิทสนมกันราวกับเป็นพี่น้องแท้ๆ”
“หรือว่า...เดือน”เฟรินลองเดา
โซฟีเลียพยักหน้าก่อนพูดต่อ
“แต่แล้ว วันที่ผนึกเสื่อมสลายก็มาถึง เมื่อผนึกเสื่อมสลายในร่างเด็กวัยเพียง 10 ปี จึงไม่อาจต้านทานพลังได้ เมื่อ 2 ปีก่อนพลังของเด็ก 2 คนนั้นระเบิดออกมาและจะเจ็บบริเวณที่มี ‘ตราบาป’เป็นอันมาก สำหรับเดือนคือต้นแขนซ้าย ส่วนอเลนคือตาซ้าย จึงจำเป็นต้องมี ‘ผู้ร่วมชะตากรรม’ ที่จะมาแบ่งเบาพลังอันมหาศาลนั้นไป ซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อน คาอิลคือผู้ร่วมชะตากรรม ...แต่คาอิลได้ตายลงแล้ว ‘ตราบาป’ในส่วนนั้นจึงต้องหา‘ผู้ร่วมชะตากรรม’ คนใหม่ ซึ่งก็คือเธอ สัญลักษณ์ที่มือเธอเป็นตัวบ่งบอกได้ดี ว่าบัดนี้เธอมีชีวิตร่วมกับ 2 คนนั้น”
เฟรินนิ่งไป ก่อนก้มมองสัญลักษณ์ในมือของตนใจหนึ่งเศร้ากับการจากไปของพี่ชายตัวแสบ แต่อีกใจกลับรู้ลึกดีที่ได้แบ่งเบาภาระของเดือนกับอเลน
‘ฝาก 2 คนนั้นด้วยนะ’
เฟรินสะดุ้งสุดตัว เพราะเสียงที่ได้รับฟังเป็นเสียงของคาอิล
‘เดี๋ยวฉันต้องไปแล้ว ฉันฝากน้อง 2 คนนั้นไว้กับนายนะ ดูแลดีๆล่ะ’ ตามด้วยเสียงหัวเราะอันเบาบางก่อนจะจางหายไป
“ฮะ”
“เฟริน ?เธอพูดกับใครหรือ”
“เปล่าฮะ...ไม่มีอะไร”เฟรินพูดพลางส่ายหัวไปมาก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งด้วยความเหนื่อยอ่อน
2 วันแล้ว...
งานศพของคาอิลผ่านไปด้วยดี แต่มีคน 2 คน ที่ไม่ยอมออกจากห้อง...
เดือน กับอเลน
ทั้ง 2 คนตื่นขึ้นมาปุ๊บพอรู้เรื่องที่คาอิลตายแล้ว ก็ขังตัวเองไว้ในห้อง
เฟรินหนักใจกับอาการของทั้ง 2 คนมาก...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นตัวสมานแผล.. เพราะเขาต้องกลับไปแล้ว
ป่านนี้...พ่อแม่กับแม่คงเป็นห่วงมาก
เฟรินเดินไปที่ห้องโซฟีเลียเพื่อไปที่วงแหวนที่จะใช้กลับบ้าน แต่เขาแวะที่หน้าห้องเดือน
“เดือน” เฟรินตะโกนหน้าห้องของเดือน
“รีบๆเลิกเศร้าได้แล้ว! พี่คาอิลเขาไม่อยากให้เธอเศร้าหรอกน่า! แล้วก็เรื่อง ’ตราบาป’ นะ ฉันไม่ได้รู้สึกแย่กับมันนะ รู้สึกดีที่ได้แบ่งเบาภาระด้วยซ้ำ! เพราะฉะนั้น..ห้ามโทษตัวเองเด็ดขาด... อเลนด้วย !”สิ้นเสียงประตูก็เปิดผลักออกมา
“ใครร้องไห้ยะ”เดือนตะโกนท้วง ทั้งที่ตายั้งช้ำอยู่
“พี่ครับ ตาเป็นหมีแพนด้าเลย” อเลนว่าพลางจับตาบวมๆของตน
“เอ้า ! “เดือนว่าพลางยื่นของให้เขา
“แหวน?”เฟรินพูดแล้วส่งสายตางงๆไปให้เดือน ข้างในสลักว่า Ferin&D&A เฟรินดูก่อนจะสวมเข้าไป
“ตอนแรกเป็นของพี่คาอิล แต่ตอนนี้ฉันทำให้นาย ในฐานะที่นายเป็นผู้ร่วมชะตากรรมแทนพี่คาอิล แล้ว...ฉันก็ขอบคุณมาก ที่นายคอยเป็นห่วงเป็นไยพวกเราเสมอ ”
“เรื่องจิ๊บๆน่า! ฉันต้องไปแล้ว...ว่างๆจะมาเยี่ยม”เฟรินพูดจบก็เดินไปมือที่มีสัญลักษณ์แห่งตราบาป ซึ่งเขาเพิ่งใส่แหวนไปอบอุ่นอย่างประหลาดเฟรินเดินไปจนถึงห้องพี่โซฟีเลีย ก่อนจะเดินไปที่ใจกลางวงแหวนเวทย์
“พร้อมนะ”โซฟีเลียถาม และเฟรินก็พยักหน้า
โซฟีเลียเริ่มร่ายเวทย์พื้นที่เขายืนเริ่มหายไป..การเดินทางครั้งนี้ดูจะสบายกว่าตอนมา
“.............เฟ..เฟริ....”
“เฟริน! ถ้านายไม่ตื่นละก็” เฟรินค่อยๆลืมตาขึ้น ก็พบใบหน้าของคาโลห่างกันไม่ถึงคืบ
“นาย! ไป๊! ตาบ้าออกไปเลยนะ” เฟรินร้องอย่างสติแตก ใบหน้าเป็นสีแดงระเรื่ออย่างเขินอาย
“ในเมื่อนายตื่นแล้วก็รีบๆไปอาบน้ำซะ ขึ้นปี 3 แล้วยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม”คาโลพูดเสียงเย็น
เฟรินหาวเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ความคิดหวนไปถึงเพื่อนรักกับน้องชาย
2 ปีแล้ว..
นับแต่เข้าเอดินเบิร์กมา เธอก็ไม่ได้ติดต่อกับเดือนเลย
ตอนนี้ หนุ่มน้อยนามเขา เฟริน เดอเบอโรว์ เดอะ ทีฟ ออฟ บารามอส แปรเปลี่ยนเป็นสาวน้อยไปแล้ว ฐานะจากหัวขโมยบัดนี้ป็นถึงเจ้าหญิง แล้วสาวน้อยอีกคนเล่าบัดนี้จะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว...
ไม่รู้อเลนจีบสาวติดหรือยัง
คิดถึง?
ไม่รู้ แต่ตอนนี้อยากเจอ อยากไปแกล้งให้หัวปั่น อยากเห็นรอยยิ้มที่เคยสร้างร่วมกัน 3 คน
คิดถึงชะมัด
“วันนี้เฟรินมันดูเหม่อลอยชอบกล ว่าไหม?คาโล”คิลถามคาโลเมื่อเห็นเฟรินดูเหม่อๆ
“ฉันจะไปรู้เรอะ”
“นั่นสิ คิลลี่ เฟรี่เป็นอะไรไปนะ เห็นอ่านจดหมายแล้วก็ยิ้มระรื่น”คิลกับคาโลหันไปดูเฟริน ก็พบว่าเฟรินกำลังอ่านจดหมายอยู่ แถมยิ้มไปหัวเราะไป สร้างความแปลกใจให้คาโลและคิลเป็นอย่างมาก
“เฟริน”
“ฮะ”เฟรินขานรับเสียงเรียกของโรเวน
“พอดีมีเรื่องอยากให้ช่วย มาด้วยกันหน่อย”
“ฮะ”เฟรินตอบรับพลางวางจดหมายลง เฟริน คาโล และลูคัสจึงรีบไปหยิบมาอ่านทันที
ถึงเฟริน
ไม่ได้เขียนจดหมายมาหาตั้งนาน นายยังสบายดีอยู่ไหม หรือว่าโดนใครลากไปข่มขืนแล้ว...ล้อเล่นน่ะ แต่ก่อนอื่นมีเรื่องที่ต้องเคลียร์ ที่ไม่ติดต่อมาตั้ง 2 ปีนี่มันหมายความว่าไง? พอเข้าเอดินเบิร์กได้เพื่อนใหม่ก็ลืมกันเลยนะ ชิ! แต่ฉันยกโทษให้เพราะฉันเองก็ไม่ได้ติดต่อไปเช่นกัน... ตอนนี้ฉันสบายดี อยู่ๆก็โดนหญิงเหล็ก...พี่โซฟีเลียน่ะแหละ จับเข้าโรงเรียนเวทย์มนตร์ตกใจสุดๆเลย นี่เป็นสาเหตุที่ไม่ได้เขียนจดหมายตอบของฉัน เพราะว่าพอไปเรียนก็ทำสนามประลองของเขาพัง เลยโดนพี่โซฟีเลียบังคับให้ทำงานชดใช้...ก็เลยไม่มีเวลาเขียนจดหมายหานาย วันๆหนึ่งมีเวลาให้นอนก็ดีถมไปแล้ว... ตอนนี้อเลนจีบรินารีนติดแล้ว ฉันเองก็วางใจ ตอนนี้ฉันเป็นองค์รักษ์ให้เจ้าชายซาร์ดอยู่ พอจำเจ้าชายท่ามาก ขี้เก๊ก จอมกวนได้ไหม? หมอนั่นล่ะ เรื่องหนักใจอีกเรื่อง คือท่านอาซาเนีย ซึ่งจนบัดนี้ฉันยังสยองวิธีการฝึกเวทมนตร์ของท่านไม่หาย ฉันเลยสะดุ้งเฮือกทุกทีเวลาได้ยินชื่อของท่านอา
อีกเรื่องคือ..พ่อของฉัน หมายถึงยูเอะนะ ยังเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ไม่หยุดหย่อน พอกลับมางานเยอะก็บ่น ทำให้ฉันอยากพาพ่อตัวเองไปฆ่าชำแหละศพเสียจริงๆ
แค่นี้แหละ ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว...บาย
จาก...เดือน เพื่อนตัวแสบของนาย
ป.ล. ว่าแต่ ที่ฉันเคยทำนายว่านายจะมีคนรักเป็นผู้ชายน่ะ? ตกลงเป็นไงบ้าง
ทั้ง 3 คนเมื่ออ่านจดหมายจบต่างก็งุนงง แต่ใบหน้าของคาโลยามนี้กลับร้อนผ่าวอย่างไม่มีสาเหตุ...หรืออาจจะมี เมื่ออ่านไปถึงนายจะมีคนรักเป็นผู้ชาย
แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เมื่อเรนอนมาเรียกพวกป้อมอัศวินปี 3 ไปที่ห้องประชุม
“ปีนี้เราจะมีเพื่อนใหม่ 1 คน เป็นผู้หญิง ...”เสียงเฮฮาเกิดขึ้น ก่อนจะเงียบลงเราะเสียงทุบโต๊ะของมาทิลด้า
“เด็กคนนี้พึ่งเข้ามาปีนี้ แต่ขอให้ทุกคนสนิทกันไว้ด้วย ออกมาเลย!” มาทิลด้าตะโกนเข้าไป
หญิงสาวที่ออกมามีผิวสีขาวเนียนละเอียดภายใต้ชุดนักเรียน ดวงตาสีมรกตกลมโตดูน่าหลงใหล เส้นผมสีดำเงางามตักกับสิผิวทำให้งดงามยิ่งขึ้นไปอีก “เซฟีน่า ราเรล เดอะ วอริเออร์ ออฟ คาโนวาล ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ตึง!
ทุกคนคาดว่าเสียงนี้อาจมาจากหนุ่มคนใดก็ตามที่หลงใหลแม่สาวคนนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเสียงนั้นมาจากเฟรินเดอเบอโรว์ สาวสวย ผู้เป็นอดีตเด็กหนุ่มหัวขโมย!
“ดะ...เดือนเหรอ?”
“ยะ...อย่าบอกนะว่าเธอ...”
“คือเฟริน!"
*********-------------------*********
“ยินดีต้อนรับสู่ป้อมอัศวินนะ! ” ทุกคนพูดพร้อมกัน หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ฉัน...อยากไปที่ดาดฟ้าน่ะ ได้ไหม มาทิลด้า”เซฟีน่าถาม
“ได้ ใครจะพาไป”
“ให้เฟลิโอน่าพาไปก็ได้”เซฟีน่าตอบ ก่อนที่จะเดือนไปฉุดให้เฟรินลุกขึ้นแล้วเดินไปด้วยกัน
“น่าสงสัย”ครี้ดพูดขึ้น
“นั่นสิครับ ยังกะเคยรู้จักกันมาก่อนงั้นแหละ”ซีบิลรับคำต่อ
“อาจจะขึ้นไปคุยกันเรื่องที่บอกใครไม่ได้ก็ได้” ห้องสมุดเคลื่อนที่อย่างโรยังสงสัย
“ฉันมีวิธีนะ?”ลูคัส กับลอเรนซ์ ซึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้พูดขึ้น
****-----------------------------------------------------****
“เฟริน อีกนานไหมกว่าจะถึงดาดฟ้า “
“อีกนิดน่ะ”เฟรินตอบ โดยที่เซฟีน่าทำหน้าเบื่อหน่าย
เสียงเหล่านั้นได้ดังไปถึงเหล่าชาวป้อมอัศวินส่วนหนึ่งซึ่งกำลังใจจดใจจ่อแอบดูจากเวทย์ที่ลูคัสสร้างขึ้น แต่แน่นอน ฝ่ายที่ถูกแอบดูย่อมไม่รู้เรื่องนี้....
“ถึงแล้วล่ะ...เดือน”เฟรินพูดก่อนสูดอากาศยามราตรี
“ถ้าอยู่ที่โครนอสก็บินขึ้นมาแล้ว”เดือนบ่นพึมพำ แต่ไม่พ้นหูเฟริน
“แล้วที่นี่มันใช่ไหมล่ะ?”
“ฉันไม่อยากเชื่อเลย”เดือนพูดพลางมองร่างของเฟริน “ไหงนายกลายเป็นแบบนี้เนี่ย?
“เรื่องมันยาว”
“แต่ก่อนอื่น....”เฟรินพูดพลางดึงเดือนมากอดเบาๆ “ยินดีที่ได้พบกัน”
“เช่นกัน”เดิอนกอดตอบก่อนจะปล่อย
“ว่าแต่แฟนนายนี่คนไหน? ใช้พ่อหนุ่มขี้เก็กที่เย็นนอกอุ่นใน ที่มีผมสีเงินคนนั้นหรือเปล่า”
“มะ...หมายความว่าไง”เฟรินหน้าแดง ถึงจะรู้ความหมายของเจ้าหล่อนก็เถอะ “ละ....แล้วรู้ไดไง”
“ศึกชิงราชบุตรเขยออกจะดัง” เจ้าตัวพูดพลางหัวเราะ ทำให้เฟรินยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่
“แล้วอเลน..ล่ะ เฮ้ยเดือน! เป็นอะไร”เฟรินร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆเดือนก็สลบ
“ฟี้~~ฟี้~~”
“ละ...หลับ?”เฟรินพูดก่อนถอนหายใจ แล้วประคองศีรษะของเพื่อนรักมาไว้บนตักของตนเพื่อให้นอนสบายขึ้น
‘คงทำงานหนัก’ เฟรินคิด...เพราะในจดหมายก็มีบอกไว้
เฟรินนั่งอยู่ในท่านั้นพลางมองหน้าเดือน บางครั้งเธอเคยคิด ว่าสิ่งที่เธอมีให้เดือนคือความรักหรือเปล่า ตอนนี้เธอตอบได้เต็มปากว่าใช้ แต่ในความหมายของพี่น้อง...เฟรินคิดพลางปัดปอยผมที่ปรกหน้าของเดือนออก
เดือนขยับรอยยิ้มนิดหนึ่งก่อนที่ลมหายใจสม่ำเสมอจะดำเนินต่อไป...
MY FRIEND .FOREVER
END
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
มุก(ก็คนเขียนน่ะแหละ) ขอบคุณเฟรินมากนะ ที่อุตส่าห์มาเป็นนักแสดงสำคัญให้_/\_
เฟริน ไม่เป็นไร ทำให้ได้เพื่อนใหม่มาคน
เดือน ขอบคุณนะ...^_^
เฟริน แต่อย่าเขียนคลุมเคลือสิ ฉันไม่ใช่เลสเบี้ยนนะ-_-^
มุก(ก็คนเขียนน่ะแหละ) ขอโต๊ด...
คาโล ฉันไม่มีบทเลย...=_=
เฟริน อย่าคิดมากน่าคาโล...
โร ฉันมีบทน้อยยังไม่พูดเลย
ลูคัส ใช่ตัวเอกเรื่องนี้ เขามีแต่เดือนกับเฟรี่ เนอะ? ลอรี่
ลอเรนซ์ ฉึก!
ลอเรนซ์ หุบปากซะ!
มุก(ก็คนเขียนน่ะแหละ) อย่านะ ลอรี่!!!!!!!!!!!!!
ลอเรนซ์ ฉึก!
*******************คนเขียนบาดเจ็บ...จึงต้องจบไว้แต่เพียงเท่านี้*******************
ผลงานอื่นๆ ของ sinnerdarker ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ sinnerdarker
ความคิดเห็น