[Fic. Attack on Titan] Calm Down, Baby [RivaillexEren; PG-13 - [Fic. Attack on Titan] Calm Down, Baby [RivaillexEren; PG-13 นิยาย [Fic. Attack on Titan] Calm Down, Baby [RivaillexEren; PG-13 : Dek-D.com - Writer

    [Fic. Attack on Titan] Calm Down, Baby [RivaillexEren; PG-13

    โดย sinnerdarker

    รีไวล์xเอเลน เมื่อเอเลนฝันร้ายจนไม่นอนหนึ่งสัปดาห์เต็ม

    ผู้เข้าชมรวม

    3,234

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    3.23K

    ความคิดเห็น


    44

    คนติดตาม


    70
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 พ.ค. 56 / 12:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title : Calm Down, Baby

      Author : sinnerdarker

      Paring : RivaillexEren

      Rating : PG-13... G เลยดีกว่าไหม!!!

       

       

      ใช่..คุณทำได้ รีไวล์….. ฉันไม่เคยคลอดฟิคติดกันมาก่อนเลยนะ!! /ร้องไห้

       

      ขนาดฮิบาริซังเอย ซินแบดเอย จาฟาลเอย ยังไม่ทำให้ฉันเพ้อจนออกฟิคเลยนะ!! /ปิดหน้า

       

      (ไม่นับ คันดะกับอเลน อันนั้นขึ้นหิ้งไปนานแล้ว)

       

       

      ปล. แอบซ้ำกะฟิค โกหกของหม่ามี๊ ตอนอ่านตกใจมาก หม่ามี๊กะป้าซิงโครกันเร้ออออออ

       

       

      ปลล. ฟิคนี้ท่านรีไวล์อ่อนโยนมากถึงมากที่สุด(รึเปล่านะ.. ก็ถึงขนาดลูบหัวกับให้นอนแขนก็คงใช่ล่ะมั้ง)

       

      ขอโทษค่ะ ฟิคนี้นิสัยรีไวล์ซังหลุดและหวานมาก ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่าาาาาาา

       

       

       

      (ปล. กลัวไม่ฟินเท่าเรื่องแรกจัง /ร้องไห้)

       

       

       

      ++++++++++++++++++++++++

       

       

       

      เขาได้กลิ่นเหล็ก

       

      กลิ่นนั้นติดค้างอยู่ที่ปลายจมูกของเขา ฉุนรุนแรงราวกับใครเอาเหล็กขึ้นสนิมมากเกย แต่อีกทีเขากลับรู้สึกว่ากลิ่นนี้อยู่ใกล้กว่านั้น.. มันติดอยู่ในลำคอของเขา

       

      เอเลนรู้สึกว่าลำคอของตนเหนียวเหนอะอย่างประหลาด ทั้งระคายจนอยากสำรอก แต่ที่หนักกว่านั้น.. กลับเป็นร่างกายที่หนักอึ้งจนไม่สามารถบังคับ

       

      รอบข้างเงียบสงัดเงียบอย่างน่าประหลาด เงียบจนเบาคิดว่าตนควรจะลืมตา

       

      สิ่งที่เห็นอย่างแรกคือสีแดง..

       

      สีแดงนั้นไม่ได้ไหลนองเป็นทะเล ทว่าไหลนองเป็นแอ่งอยู่หลายบริเวณ

       

      วินาทีต่อมาเขาก็รู้ว่าสีแดงนั้นคือเลือด

       

      และในอีกวินาทีต่อมา เขาก็รู้ว่านั่นคือเลือดของมนุษย์ เลือดที่ไหลออกมาจากร่างมนุษย์ที่นอนระเกะระกะอยู่รอบข้างเขา

      ความโกรธพุ่งทะยานขึ้นมาในใจของเขา แผดเผาลุกไหม้อยู่ภายใน ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธขึ้งที่ไม่อาจทำให้ดับมอดลงได้อย่างง่ายดาย

       

       

      ใคร!!

       

      ใครเป็นคนทำเรื่องพวกนี้!!

       

       

      เอเลนกำหมัดแน่น ก่อนเปล่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ภายใน ทว่าเมื่อเสียงของเขาถูกเปล่งออกไป.. เอเลนกลับต้องเป็นฝ่ายชะงักเสียเอง

       

      เพราะเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของเขา….แต่เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคย

       

      มันเป็นเสียงคำราม

       

      เอเลนยกสองมือขึ้นมอง ก่อนเบิกตากว้างเมื่อมันดูแปลกตาไปกว่าที่เคย

       

      ..นี่ไม่ใช่มือของเขา

       

      เหนือสิ่งอื่นใด..มันเปลือยเปล่าและแปดเปื้อนด้วยเลือดเลือดเหนอหนะสีแดงสด

       

      กลิ่นของเหล็กยังติดอยู่ที่ลำคอ

       

      ไม่ใช่..มันไม่ใช่กลิ่นของเหล็ก

       

      มันคือกลิ่นของเลือด

       

      เอเลนแตะนิ้วลงบนริมฝีปากของเขา ปาดของเหลวเหนอะหนะที่เปื้อนอยู่ออกมา และพบว่ามันคือเลือด..เลือดและเศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าของมนุษย์

       

      ห้วงความคิดของเด็กหนุ่มเริ่มสับสน ความจริงบางอย่างพลันร่วงหล่นในใจเขา ทว่ายากจะยอมรับ..ยากจะพูดออกมา

       

      ในที่สุดก็อาละวาดแล้วสินะ

       

      เสียงทุ้มต่ำไร้อารมณ์ดังมาจากที่ไหนซักแห่ง และเมื่อทอดมองออกไป สิ่งที่เขาเห็น..คือร่างของผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของเขา

      ร่างนั้นยืนนิ่งอย่างสงบท่ามกลางสายลมเหนอะหนะที่พัดผ่านอย่างเย้ยหยัน โบกสะบัดพัดพาให้ผ้าคลุมสีเขียวพริ้วไหวตามสายลม ดวงตาเรียวคมหรี่หยันกดดันมองตรงมาที่เขา ราวกับกำลังมองศัตว์โสโครกที่ต้องกำจัดเสียให้ดับดิ้น

       

       ริมฝีปากของชายหนุ่มหยัดตรง ไร้อารมณ์ พร้อมด้ามดาบโลหะที่กระชับไว้ในมือ

       

      เอเลนนึกอยากจะส่งเสียงเรียกอีกฝ่าย ทว่าเสียงที่หลุดออกมากลับเป็นเพียงเสียงคำราม

       

      ..เสียงที่ไร้ซึ่งความหมาย และไม่อาจมีใครเข้าใจได้

       

      “..ในเมื่ออาละวาดแบบนี้ชายหนุ่มเอ่ยพึมพำ เอียงคอราวกับไม่ใส่ใจนัก ฉันคงต้องจัดการนายแล้วสินะ ..”

       

      พูดจบคำ ไอน้ำก็พวยพุ่งจากวัตถุทรงกลมที่ด้านหลังเอว พร้อมปลายฉมวกที่พลันพุ่งออกมาปักลงบนสิ่งก่อสร้าง และร่างของชายหนุ่มผู้ปราดเปรียวที่โบยบินราวกับติดปีกแห่งสายลม

       

      ร่างนั้นมุ่งตรงมาที่เขา อ้อมมาที่ด้านหลังทันก่อนที่เอเลนจะขยับหนี พร้อมสะบัดดาบคู่ยาวตรงลงที่ช่วงด้านหลังของลำคอ

      ความเจ็บที่แล่นปราดไปทั่วร่างทำร้ายเขาจนแทบหมดสติ

       

      .

       

       

      .

       

      .

       

      .

       

      .

       

       

       

      เฮือก!!

       

       

       

       

       

      เด็กหนุ่มเบิกดวงตาขึ้น มองทอดไปยังเพดานสีอิฐเก่าทรุดโทรม

       

      เสียงลมหายใจกระชั้นพร้อมหัวใจที่เต้นรัว.. และร่างกายที่สั่นระริกเกร็ง

       

      อากาศยะเยือกอย่างประหลาด บางทีคงเพราะเขานอนอยู่ในชั้นใต้ดินซึ่งิตดจะชื้นเสียหน่เอย แต่ถึงแม้อากาศจะเย็น เหงื่อมากมายก็ยังผุดขึ้นจนร่างกายของเขาเหนอะหนะ

       

      ดวงตาของเด็กหนุ่มกลอกมองไปทั่วบริเวณห้องกึ่งโค้งซึ่งก่อด้วยอิฐ ความเงียบสงบในยามค่ำคืนซึ่งกอปรด้วยเสียงสายลมและแมลงทำให้หัวใจของเขาเริ่มสงบลง ลมหายใจรัวเร็วจึงเริ่มผ่อนลง และทอดถอนยาวในที่สุด

       

      เอเลนยันกายขึ้นนั่ง พร้อมกับยกมือขึ้นมามอง ก่อนจะกอดร่างตัวเองที่ยังคงสั่นสะท้านไม่หยุด

       

      ความฝัน..

       

      นัยน์ตามีเขียวสว่างหรี่ลง โล่งอกอย่างหาที่ประมาณไม่ได้ เด็กหนุ่มค่อยเอนหลังพิงกับหมอนของตน ก่อนยกมือขึ้นสัมผัสที่หลังคอของตน

       

      ..สัมผัสในความฝันเหมือนจริงเสียจนหลงเหลือความรู้สึกเจ็บเอาไว้

       

      เมื่อสำนึกรู้สึกตัวพลันตกต้องร่างอีกครั้ง ภาพความฝันก็ประดังประเดร่วงหล่นสู่ความคิด สุดท้ายอาการคลื่นเหียนก็เล่นงานเอเลน จนสุดท้ายเด็กหนุ่มต้องวิ่งไปสำรอกออกในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องของตน

       

      อ่อกแค่ก!เด็กหนุ่มอาเจียนจนรู้สึกถึงรสเปรี้ยวของน้ำย่อยในกะเพาะ ทว่าอาการคลื่นไส้กลีบยังคงอยู่ วนเวียนไปมาพร้อมภาพในความฝันที่แจ่มชัดจนน่าใจหาย

       

      ใช่แล้วแม้จะรู้แล้วว่าเป็นความฝัน ทว่าร่างกายของเขากลับยั่งสั่นสะท้านไม่หยุด พร้อมภาพที่หมุนวนแจ่มชัดราวกับเกิดขึ้นจริง

       

      ไม่เป็นไร..

       

      เด็กหนุ่มได้แต่ปลอบตัวเอง

       

      นั่นเป็นแค่ความกังวลเท่านั้น..เขาควบคุมร่างไททันได้ต้องควบคุมได้..ดังนั้นไม่เป็นไร

       

      เขายังคงอยู่ท่ามกลางเหล่าผู้คนที่เขารักได้

       

      เมื่ออาเจียนจนแทบจะหมดแรง เด็กหนุ่มร่างเพรียวก็ทรุดลงกับพื้น พิงหลังลงกับกำแพงชื้นสกปรก และหายใจแผ่วอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมกับกอดร่างของตัวเองไว้

       

      นับแต่วันที่รู้ตัวว่าตนเป็นไททัน เขาก็ฝันเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชัดเจนยิ่งขึ้นตามกาลเวลา

      เอเลนรู้ดีว่านี่เป็นแค่ความกังวลของเขาความกังวลที่กัดกินสะสมอยู่ภายใน ทว่าเขากลับห้ามมันไม่ได้..ห้ามความฝันที่เกิดขึ้นทุกค่ำคืนไม่ได้

       

      เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะเล่าความกังวลนี้ให้ใครฟัง เขาไม่กล้าเล่าให้เหล่ารุ่นพี่ในหน่วยฟัง และยิ่งไม่กล้าเล่าให้หัวหน้ารีไวล์หรือฮันซี่ซังฟัง

       

      ..เขาอยากเล่าเรื่องนี้ให้มิคาสะหรือไม่ก็อาร์มินฟัง ทว่าบัดนี้เขาไม่สามารถแม้แต่จะพบหน้าเพื่อนรักได้

       

      คิดถึงตรงนี้ เอเลนก็กัดริมฝีปากตัวเองเบา สะบัดความอ่อนแอของตนทิ้งเสีย ก่อนลุกขึ้นแล้วตบใบหน้าของตนเสียงดัง

       

      เขาจะอ่อนแอไม่ได้

       

       

      จะอ่อนแอไม่ได้!

       

       

       

       

      +++++++++++++++++

                     

       

       

       

      เอเลน สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”ฮันซี่เอ่ยถามในขณะที่กำลังตรวจร่างกายของเด็กหนุ่ม พร้อมกวาดสายตามองเอเลนตั้งแต่หัวจรดเท้า เด็กหนุ่มดูซีดเซียวไปมากจากช่วงแรกๆ ที่เจอกัน ขอบตาดำคล้ำ พร้อมกับผอมไปอักโขทีเดียว ดูผอมไปเยอะเลยนะ เป็นผลกระทบจากการทดลองรึเปล่าเนี่ย? แต่ฉันก็ว่าไม่ได้ทำอะไรที่มีผลข้างเคียงนะ

       

      ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่เครียดนิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ใช่เพราะฮันซี่ซังหรอกครับเอเลนบอกปัดความคิดอีกฝ่ายพร้อมยิ้มแหยและหัวเราะแห้งๆ แม้ว่าจะรู้สาเหตุที่แท้จริงดีแก่ใจก็ตาม

       

      เขาจะบอกได้ยังไงว่าไม่ได้นอนมาเป็นสัปดาห์แล้ว

       

      จะบอกว่าเอเลนขี้ขลาดก็ได้ แต่เขาไม่กล้าหลับไม่กล้าแม้แต่จะสัพหงก เพราะกลัวความฝันที่ไม่น่ารื่นรมย์จะคืบคลานรุกเข้ามาหาเขาอีกในยามหลับใหล สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงฝืนตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต.. ด้วยการไม่หลับไม่นอนมาตลอดสัปดาห์นึงเต็มๆ

      น่าตกใจเหมือนกันที่เขายังยืนอยู่ได้ ปกติไม่ได้นอนเป็นสัปดาห์คงลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหวแล้ว แต่เอเลนก็ยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เกือบเหมือนปกติ.. แม้ว่าภายนอกจะดูโทรมอย่างน่าอนาถก็ตามที

       

      อืม.. จะไปพักซักหน่อยไหม? ตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่จำเป็นต้องทำ สภาพแบบนี้ต่อให้ออกไปสำรวจหรือทำภารกิจก็คงไม่ไหวหรอกหญิงสาวหางม้าผู้สวมแว่นตาเป็นนิตย์กอดอกและเอียงคอมองเอเลนกึ่งห่วงกึ่งกังวล แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธเป็นอาการส่ายหน้าหวือของเจ้าตัว

       

      อย่าเลยครับ ผมยังไหว อีกอย่างถ้าหลบไปพักคนเดียว..มีหวังหัวหน้ารีไวล์ลงโทษเอาแหงๆ..

       

      ฉันทำไมนะ

       

      เสียงทุ้มต่ำแสนกดดันดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาเด็กหนุ่มร่างเพรียวสูงสะดุ้งอย่างไม่รู้ตัว

       

      หะ..หัวหน้ารีไวล์!เอเลนอุทานเรียกชื่ออีกฝ่ายแล้วรีบหันกลับไปมอง จึงเห็นร่างของชายหนุ่มผมดำตัดสั้นยืนกอดอกมองเขาอยู่ด้วยสายตาคมกริบเช่นทุกครั้ง ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไรทั้งนั้น!

       

      เอเลนตอบพร้อมทุบลงบนอกซ้ายของตนเพื่อทำความเคารพอย่างคุ้นชิน ในขณะที่รีไวล์มองเด็กหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าตามฮันซี่ไปอีกคน และเบ้หน้าพร้อมเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง ทำไมโทรมแบบนี้

       

      เอ๋?”

       

      โสโครก สกปรกอีกต่างหาก เห็นแล้วชวนคันไม้คันมือเสียจริงเจ้าตัวว่าพลางแผ่รังสีประหลาด พร้อมยกมือหยาบกร้านจากการต่อสู้ขึ้นขยับไปมาราวกับต้องการจะทำอะไรซักอย่างกับเขา และไม่ว่าไอ้อะไรซักอย่างนั้นจะเป็นอะไร เอเลนก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเพราะรังสีชวนสะพรึงกลัวนั่น

       

      พอดีเลย รีไวล์ เอาตัวเอเลนไปพักหน่อยเถอะ ดูท่าทางจะไม่ไหวแล้วมั้งนั่นฮันซี่ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิมมองเอเลนที่ถอยกรูดไปพร้อมหันมาหารีไวล์ ชายหนุ่มร่างเตี้ยสบถเบาในลำคอเล็กน้อย ทว่ายังไม่พูดอะไร

       

      “..ก่อนเอาตัวไปพัก ฉันควรจะเอาตัวไปโยนบ่อก่อนล่ะมั้งว่าจบก็ทำท่าจะจะเดินมาจับเอเลนโยนลงบ่อจริงๆ เล่นเอาเด็กหนุ่มผวาเฮือกไปครู่ใหญ่ ก่อนต้องทำใจแข็งเอ่ยออกไปว่า อย่าเลยครับ หัวหน้ารีไวล์ เดี๋ยวผมจะจัดการตัวเองเอง

       

      ถ้าเล่นปล่อยปละละเลยถึงขนาดนี้ ก็แสดงได้แล้วว่านายดูแลตัวเองไม่เป…”รีไวล์ชะงักก่อนจะจบประโยค พร้อมเขม็งจ้องมองเอเลนอีกครั้ง และเดืมเข้ามามองเด็กหนุ่มให้ใกล้ยิ่งกว่าเก่า

       

      นี่นาย….”

       

      ครับ?”

       

       รีไวล์ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะสะบัดหน้าไปทางอื่นแล้วพึมพำ “..ช่างเถอะ

       

      รีไวล์ อ้าวเฮ้! ตกลงจะให้เอเลนพักรึเปล่า ถ้านายไม่พูดจะถือว่าให้พักนะ! อะไรของหมอนั่นเนี่ย…..”ฮันซี่เกาหัวแกรกๆ มองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เดินดุ่มๆ จากไป เอาเถอะ ยังไงนายก็ไปพักก่อนด..เอเลน?”

       

      ฮันซี่เรียกชื่อของเด็กหนุ่มเมื่อเจ้าตัวเริ่มยืนโอนเอน ดูราวกับคนเมา ในขณะที่เอเลนเริ่มรู้สึกว่าภาพรอบข้างหมุนวน พร้อมสติที่เริ่มรางเลือนเต็มที

       

      ถึงขีดจำกัดแล้วงั้นหรือ..

       

      เขาพยายามกัดริมฝีปากไม่ให้สติตนขาดหาย ทว่าร่างกายกลับเชื่อฟังสมองมากกว่าความต้องการของเขา สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงล้มทรุดลงไปราวกับตุ๊กตาที่เชือกขึงขาดลง

       

      เฮ้..เอเลน!!

       

      เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน..เหมือนจะเป็นเสียงของคุณฮันซี่..

       

      แต่ภาพสุดท้ายที่เห็น

       

      ดูเหมือนจะเป็นใบหน้าของหัวหน้ารีไวล์

       

       

       

      พร้อมกันนั้น สติของเขาก็ดับวูบเหือดหายตามไป

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      +++++++++++++++++++

       

       

       

       

      คราวนี้เขาฝันอีกครั้ง

       

      ความฝันเหมือนเดิมกับทุกครั้ง..เขาอยู่ในร่างของไททัน อาละวาดฆ่าทั้งเพื่อนและมนุษย์มากมาย และสุดท้ายหัวหน้ารีไวล์ก็จะโผล่มาเพื่อฆ่าเขา

       

      แต่คราวนี้มีอะไรบางอย่างแปลกไป

       

      สติของเขายังอยู่ในร่างไททัน ทว่าร่างกายกลับไม่เชื่อฟังคำสั่ง มือของเขาตวัดวาดกวาดใส่หัวหน้ารีไวล์ ทว่าอีกฝ่ายกระโดดหลบได้พร้อมเคลื่อนไหวฉวัดเฉียนกลางอากาศ

       

      ชายหนุ่มร่างปราดเปรียวพยายามเคลื่อนไหวไปที่ช่วงด้านหลังของเขา ทว่ามือของเอเลนกลับยกปิดไว้และหันหลบทุกครั้งที่เอื้ออำนวย..สุดท้ายความฝันเดิมจึงยืดยาวกว่าเดิมและเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา

       

      หัวหน้าเริ่มบาดเจ็บ..ทั้งที่เอเลนเชื่อว่าตนไม่มีวันทำร้ายหัวหน้ารีไวล์ได้

       

      เลือดไหลโทรมกายเล็ก เสียงหอบหายใจดังชัดเจนในความฝัน..และทั้งที่ควรจะมีคนร่วมฆ่าเขากับหัวหน้ารีไวล์ ในความฝันนั้น.. คนที่กำลังต่อสู้กับเอเลนกลับมีเพียงรีไวล์คนเดียว

       

      การต่อสู้ยืดเยื้อไม่สิ้นสุด ดูเลือนรางไม่แจ่มชัดเท่าความฝันดั้งเดิม ทว่าที่สุด หมัดของเขากลับต่อยกวาดออกไป ถูกร่างของหัวหน้ารีไวล์จนกระอักเลือด และร่วงลงกับพื้นดิน

       

      ตอนนั้นเองที่ทำให้เขาเกือบจะคลั่งจนเป็นบ้าไป

       

       

       

       

      หัวหน้า………………….!!!”

                      .

      .

       

      .

       

      .

       

      .

       

       

       

       

       

       

      .

       

       

       

       

       

       

       

       

      ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมา มือของใครบางคนก็อุดปากเขาอยู่

       

       “อย่าแหกปากได้ไหม

       

      เสียงทุ้มต่ำอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านบน ส่งผลให้เอเลนขนลุกเกรียว ก่อนสายตาจะหันเสไปมองเจ้าของมือที่ปิดปากเขาอยู่

       

      หัวหน้า

       

      เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายได้สติแล้ว และคงไม่แหกปากโวยวายอีก รีไวล์ก็ละมือออก ก่อนจะแจ้งบอกความเป็นไป นายหมดสติไป ตอนนี้ค่ำแล้ว คนอื่นกำลังพักผ่อน

       

      หมดสติ...”เอเลนพึมพำพร้อมนึกถึงเรื่องเมื่อช่วงบ่าย ดวงตาของเด็กหนุ่มกวาดมองไปรอบห้องมืดอับชื้นซึ่งเป็นห้องของเขา และบัดนี้มีเพียงแสงเทียนส่องสว่างให้เห็นสิ่งของรอบกาย..บ่งบอกว่ายามค่ำคืนได้เยี่ยมเยือนแล้ว

       

      เด็กหนุ่มกำผ้าห่มที่คลุมร่างตนอยู่แน่น ก่อนจะเงยมองรีไวล์และเอ่ยขึ้น ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยากนะครับ

       

      รีไวล์ไม่ได้รับคำขอทาของอีกฝ่าย ทว่าเปลี่ยนท่านั่งไขว่ห้างแล้วพิงหลังกับพนักพิง และเอ่ยถามออกไปแทน นาย..ไม่ได้นอนมากี่วันแล้ว

       

      เอ๋?”

       

      ฉันถามว่าไม่ได้นอนมากี่วันแล้วรีไวล์ย้ำคำถาม ตอบ

       

      หัวหน้าถามอะไร…”

       

      ตอบ

       

      “….หนึ่งสัปดาห์ครับเอเลนตอบคำ ไม่คิดอยากจะโกหกอีกฝ่ายหากไม่จำเป็น ผมต้องขออภัยอีกครั้งที่…”

       

      ทำไมถึงไม่นอนรีไวล์ถามขัดประโยคขอโทษของเอเลน นอกจากจะเป็นตัวประหลาดแล้วยังทำตัวประหลาดด้วยงั้นหรือ กลัวคนอื่นเห็นนายเป็นคนปกติรึไงถึงทำตัวแบบนั้น

       

      พอได้ยินคำว่า ตัวประหลาด เอเลนก็แข็งทื่อ ร่างกายสั่นเทาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

       

      ขอโทษครับ..”เอเลนกัดริมฝีปากพรี้อมกำผ้าห่มแน่น ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้น….”

       

      เขาไม่ได้อยากเป็นตัวประหลาด..

       

      แล้วจะอดนอนไปเพื่ออะไร? ทรมานตัวเองเรอะ? เอาเวลาทรมานฝึกให้ฝีมือพัฒนาดีกว่าไหม

       

      ผมไม่ได้ทรมานตัวเอง….”

       

      ไม่ได้อยากให้ตัวเองเจ็บปวด..

       

      “…ถ้าอย่างนั้นก็ตอบเสียทีว่า…” ทีแรก รีไวล์ไม่ได้สนใจอะไรและคิดจะคาดคั้นถามต่อ ทว่าร่างของเอเลนกลับยิ่งสั่นสะท้านและเกร็งขึนเรื่อยๆ.. สิ่งนั้นทำให้รีไวล์ชะงัก ก่อนเบิกตามองเด็กหนุ่มด้วยความสงสัย เอเลน?”

       

       

      ผมไม่ได้อยากเป็นตัวประหลาด!เอเลนตะโกนกร้าวกรีดร้อง ดวงตาสีเขียวสว่างวาวเรื่อขึ้นราวกับสัตว์ป่า ไม่ได้อยากแปลงเป็นไททันได้!! ไม่ได้อยากอดนอนเพื่อทรมานตัวเองให้เจ็บปวด…!! ….แต่ผมนอนไม่ได้ ถ้าผมนอนผมก็จะเห็นภาพที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต!! เห็นว่าตัวเองอาละวาด! เห็นว่าตัวเองฆ่าคนที่รักไปมากมาย ฆ่าเพื่อนฝูง ฆ่าเพื่อนมนุษย์ ฆ่าแม้แต่หัวหน้า!!

       

      ..ผมไม่ต้องการหลับเพื่อที่จะเห็นภาพพวกนั้นอีก!!!

       

       

      เอเลนหลุดความกังวลมากมายของตนในรวดเดียวจนหอบหายใจ มือของเขาเกร็งแน่นกำผ้าห่มจนนิ้วขึ้นข้อขาว ใบหน้าดูเครียดเขม็งจริงจังและซีดขาวจนราวกับจะสลบไปอีกครั้ง

       

      สติของเขาหลุดหายไปกับความโกรธขึ้งชั่วขณะ กระทั่งผ่านไปซักพักถึงรู้ว่าตนพูดอะไรออกไป และเพราะห้วงอารมณ์ของเขายังแตกกระจายเป็นชิ้นส่วยมากมายและไม่อาจประกอบให้กลับเป็นอย่างเดิม เอเลนจึงหลบตาจากสายตาเย็นเยียบของรีไวล์ และกอดเข่าซุกใบหน้าตนลงไประหว่างนั้นทั้งๆ ที่ร่างยังสั่นเทา

       

      สุดท้ายเขาก็หลุดพูดออกไปจนได้.. ทั้งที่พยายามจะเก็บมันไว้มาตลอด

       

      เอเลนกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ ร่างกายสั่นเทาเพราะเขื่อนความกังวลที่แตกทะลักออกมา ความหนาวยะเยือกกระทบร่างเขาให้รู้สึกว้าเหว่..เดียวดาย

       

      ซักพักหนึ่ง ความอบอุ่นบางอย่างก็แผ่สู่ร่างของเขา พร้อมเสียงทุ้มราบเรียบที่ดังแผ่วขึ้นเหนือศีรษะของตน

       

       

       

       

       

       “ไม่เป็นไร..”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกราบเรียบ แผ่วเบา ทว่าชัดเจนจนราวกับจะซึมซับลึกลงสู่หัวใจ พร้อมมือหยาบกร้านแสบอบอุ่นที่ลูบแผ่วเบาบนศีรษะอันปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาล ไม่เป็นไร นายแค่ฝันไป ยังไม่ได้ไปฆ่ากินใคร.. หรือต่อให้เป็นความจริง ฉันก็จะฆ่านายก่อนจะเกิดเรื่องแบบนั้น

       

       

       

      หัวใจของเอเลนเริ่มเต้นช้าลง ความอบอุ่นแผ่ซ่านเอ่อล้น ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตอบออกไปทั้งๆ ที่ยังซุกหน้าระหว่างเข่าของตน “..หัวหน้ารีไวล์ แล้วถ้าผมฆ่า….”

       

      นายมีความมั่นใจพอที่จะฆ่าฉันงั้นเหรอเสียงแค่นหัวเราะดังจากเหนือหัว ถึงไม่ต้องเงยหน้ามองเขาก็รู้ว่าหัวหน้ากำลังยิ้มหยัน ละเมอเพ้อพกเสียจริง

       

      แต่…”

       

      ความฝันก็คือความฝัน อะไรที่ยังไม่เกิดก็คือยังไม่เกิด นายกังวลไปล่วงหน้าก็ทำให้นายเสื่อมถอยลงเสียเปล่า เพราะฉะนั้นเลิกฟุ้งซ่านซะ..”คำสุดท้ายนั้นมาพร้อมมือที่เปลี่ยนจากลูบอย่างอ่อนโยนเป็นตบหนักๆ จนเอเลนรู้สึกเจ็บ แต่น่าแปลก.. ที่ร่างกายของเขาหายสั่น และหัวใจก็สงบลงแล้ว

       

      อันที่จริง..เด็กหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายเบาโหวงขึ้นในพริบตาทีเดียว

       

      “..ขอโทษนะครับ หัวหน้าเอเลนพึมพำ พร้อมเงยหน้าขึ้นจากเข่าของตน และมองรีไวล์ราวกับสุนัขตัวน้อย แล้วก็ขอบคุณมากครับ

       

      รีไวล์เสมองเด็กหนุ่มเล็กน้อย และพยักหน้ารับ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขานั่งอยู่อย่างนั้นซักครู่ใหญ่ กระทั่งเอเลนเริ่มตาปรือ และล้มลงนอนอย่างไม่รู้ตัว

       

      ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่ม ก่อนจะลงมือขยี้หัวเด็กหนุ่มอีกครั้งอย่างหมั่นเขี้ยวพร้อมกับถอนหายใจ

       

      ..ดูเหมือนเจ้าเด็กบ้านี่จะเก็บความกังวลไว้อักโขเลยสินะ

       

      รีไวล์คิดพร้อมกอดอก อันที่จริงไม่ใช่หน้าที่เขาที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไว้ไม่ได้.. สุดท้ายเขาถึงหลุดพูดสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดออกไป

       

      ..เขาควรจะกลับไปนอนซักทีล่ะมัง

       

      ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็ลุกขึ้น เตรียมจะเดินกลับห้องตัวเอง ทว่ากลับต้องชะงัก และหันมามองเด็กหนุ่มอีกครั้ง ดวงตาของเขาไล่ลงมาที่ช่วงสะโพกของตัวเอง และถึงเพิ่งเห็นว่าเด็กหนุ่มดึงเสื้อของตนเอาไว้อยู่

       

      รีไวล์ขมวดคิ้ว ความหงุดหงิดพุ่งปรี๊ดจนยากจะเคาะหัวเจ้าเด็กเปรต แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ….

       

      เพราะสีหน้าตอนหลับของเจ้าเด็กนี่ดูผ่อนคลายเสียจนไม่อยากจะปลุกขึ้นมาจริงๆ

       

       

       

      .

       

      .

       

      .

       

      .

      คืนนั้นเขาฝันอีกครั้ง….

       

       

       

       

      แต่ความฝันนั้นดูผิดแผก..แปลกไปกว่าเดิม

       

       

       

       

      เขาฝันไปว่าเขาแปลงเป็นไททัน และกำลังจะอาละวาด แต่คนที่เก่งที่สุดในหน่วยทหารก็ปรากฏตัวขึ้น ฟันดาบทั้งสองเล่มลงที่หลังร่างไททันของเขา และจัดการดึงตัวเขาออกมาทันทีก่อนที่จะเผลอไปทำร้ายใคร

       

       

      .

       

       

      .

       

       

      .

       

       

       

       

      และกอดตัวเขาที่ถูกดึงออกมาไว้ราวกับเด็กน้อย

       

       

       

      .

       

       

       

      .

       

       

       

      .

      ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจของเขาก็โปร่งโล่ง..กระจ่างอย่างประหลาด

       

      มันเป็นยามเช้าตามปกติที่มีแสงสาดส่องลงมาเล็กน้อยตามช่องด้านบนในห้องใต้ดิน  เป็นคืนแรกที่เขานอนเต็มตื่น และลืมตาขึ้นมาด้วยความโล่งสบาย

       

      จะเพราะด้วยเหตุนั้นหรือเปล่า.. เอเลนก็ไม่แน่ใจนัก เด็กหนุ่มจึงคิดอยากจะซุกผ้าห่มนอนต่ออีกซักหน่อย ทว่าเมื่อความอบอุ่นของผ้าห่มดูกึ่งนุ่มกึ่งแข็งอย่างน่าประหลาด เอเลนก็ต้องเบิกตาขึ้นเพื่อมองสิ่งที่ตนอาศัยซุกนอน

       

      สิ่งที่เห็นอย่างแรกคือใบหน้าเบื่อโลกของรีไวล์ที่กำลังหลับอยู่ข้างเขา

       

      หัวใจของแอลนเต้นรัวทันทีพร้อมร่างกายที่เกร็งกระตุกด้วยความหัวใจ สองมือยกมือปิดปากกลั้นเสียงตะโกนร้องด้วยความตกใจเพราะกลัวอีกฝ่ายจะตื่นมากระทืบเขา แต่ที่หนักกว่านั้น..

       

      ทำไมเขาถึงนอนหนุนแขนหัวหน้ารีไวล์อยู่!!

       

      เอเลนรีบลุกขึ้นมาในทันที พร้อมมองรีไวล์ที่นอนอยู่ข้างๆตนในท่าตะแคง สีหน้าดูเปลี่ยนไปมาระหว่างผ่อนคลายกับหงุดหงิด จนชวนให้เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเข้มรู้สึกขวัญผวาอย่างห้ามไม่อยู่

       

      หะ.หัวหน้ารีไวล์..ครับ?” เอเลนสะกิดชายหนุ่ม และตกใจจนแทบตกเตียงเมื่ออีกฝ่ายลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

       

      “………..” รีไวล์ตื่นขึ้นมาด้วยหัวกระเซอะกระเซิง สีหน้าดูหงุดหงิดเล็กน้อยเหมือนคนความดันเลือดต่ำ ก่อนหันขวับมามองเอเลนที่ตื่นอยู่ก่อนแล้วและขมวดคิ้ว

       

      รีไวล์มองหน้าเอเลนนิ่ง ก่อนกระตุกยิ้มขึ้นบาง พร้อมยกมือขึ้นขยี้หัวเอเลนแรงๆ อีกครั้ง และเดินลงจากเตียงไปเปิดประตูออกจากห้องไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       

      เอเลนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ ก่อนใบหน้าจะเริ่มเห่อร้อนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมหัวใจที่เต้นรัวเร็วจนเหมือนจะหลุดออกมา

       

      หัวหน้ารีไวล์ยิ้ม!! แถมยังลูบหัวเขา!!

       

      ยิ่งคิด ใบหน้าของเอเลนก็ยิ่งร้อยขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกบางอย่างจุกแน่นในอกจนเหมือนจะระเบิดออกมา เอเลนยกมือขึ้นกุมที่หัวใจตน ก่อนกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนคนบ้าจนตกเตียงไป

       

      โครม!

       

      เอเลน! เตรียมตัวได้แล้ว!!

       

      เสียงหนึ่งในรุ่นพี่ของเขาวิ่งมาบอกที่นอกประตู เด็กหนุ่มที่กำลังแตะสะโพกซึ่งกระแทกพื้นจึงตอบออกไป ครับ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ!!”

       

      เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน พยายามสูดลมหายใจลึกให้อาการนี้หายไปเสียที แต่ปัญหาคือไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ไม่อาจสลัดสัมผัสที่ติดอยู่บนหัวตนและภาพที่ค้างในความทรงจำออกไปได้เลย

       

      พอปัญหาเก่าเลิกไป ปัญหาใหม่ก็มาเลยสินะ

       

      เอเลนคิดพลางถอนหายใจเฮือก ก่อนจะนั่งลงบนเตียงและยิ้มมขึ้นบางๆ

       

      แต่เอาเถอะ...

       

      ช่างมันไปก่อนแล้วกันนะ..

       

       

       

       

      END

       

       

       

       

      ตรูแต่งอะไรลงไป /น้ำลายฟูมปาก ขอโทษค่ะ ขอโทษษษ ทำไมรีไวล์ซอฟท์จังวะ ม่ายยยยย หนูขอโทษษษษษษษ

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×