ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hagalaz..ผนึกรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #3 : ผนึกที่ 2 : น้ำที่เหือดแห้ง

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 54


    ผนึกที่ 2 : น้ำที่เหือดแห้ง

    มีนา~~~~~~~~~ อยู่ไหม!!

    เสียงตะโกนดังก้องสะท้อนไปทั่วบ้านสองชั้นขนาดเล็กที่มืดมิด เรียกให้บ้านใกล้เรือนเคียงหันมามองด้วยความสงสัย และหน้าบ้านนั้นเอง ปรากฏชายร่างผอมที่กำลังตะโกนด้วยท่าทีเฮฮาสบายๆอยู่หน้าบ้านสองชั้นสีเทาที่ดูใหญ่กว่าบ้านทั่วไปอยู่นิดหน่อย ..กับชายหนุ่มเนตรทองผมน้ำเงินผิวขาวในชุดเสื้อคลุมสีมอ...และเด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วงที่มีดวงตาสีแดงซึ่งบัดนี้ถอดผ้าคลุมพาดไว้กับแขนตัวเอง ...บุคคลซึ่งดูเหมือนเป็นคนต่างถิ่น


    มาทำไมในเวลาแบบนี้นะ....เสียงชาวบ้านคนหนึ่งพึมพำขึ้น

    นั่นสิ...จะมาให้เราลำบากกันเปล่าๆ

    ก็ขอให้เจ้าพวกนั้นรีบออกจากหมู่บ้านเราไปเร็วๆแล้วกัน

    “....
    ก่อนที่มันจะสร้างปัญหาให้กับเรา..

    “..
    เจ้าปิศาจนั่น.....

    ..
    นั่นเป็นเสียงพึมพำที่พวกเขาไม่ได้ยิน



    มีนา~~!”

    เดรย์ยังคงตะโกนโหวกเหวกต่อไปโดยไม่สนใจว่ามันจะไปรบกวนชาวบ้านคนอื่นเขาหรือไม่ กระทั่งเสียงตึงๆดังเรื่อยมาจากข้างในบ้าน ก่อนจะปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่วิ่งตรงมาที่ประตูบ้านซึ่งเดรย์เปิดผางเข้าไปอย่างถือวิสาสะอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าพร้อมวิ่งมาต้อนรับด้วยอารามดีใจ ก่อนสีหน้านั้นจะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเป็นเดรย์ที่โผล่หัวมาหน้าบ้านตน

    “...เดรย์เองรึ นึกว่านักเดินทางที่ไหนมาซะอีก แต่ก็นะ ถ้าเป็นนักเดินทางคงไม่โวยวายแบบนี้หรอก””

    หญิงสาวถอนหายใจ..ดูรูปร่างของแล้วน่าจะอายุราวๆยี่สิบกว่าปี กระนั้น ร่างกายดูเหมือนจะอวบหน่อยๆและมีส่วนสูงที่มากเกินไปสำหรับสตรี หญิงสาวคนนี้มีเรือนผมสีน้ำตาลทองยาวหยักศกและดวงตาสีเทาจาง เธอสวมใส่เสื้อกระโปรงตัวยาวสีเนื้อที่ป้องกันลมแดดและทราย มีนามองเดรย์ด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายพร้อมกอดอก ก่อนจะว่าขึ้นอย่างเนือยๆ ว่าไงล่ะ เอ้า มีเรื่องอะไรมาให้ฉันเดือดร้อนอีกก็ว่ามา

    อะไรเนี่ย ฉันไม่ใช่เทพแห่งความโชคร้ายนะแม่คุณ คนเขาอุตส่าห์เอาเหยื่อมาป้อนถึงที่ ยังมาว่าเขาอีกแน่ะชี้ไปทางสองนักเดินทางด้านหลัง ทำให้รอยยิ้มฉาบบนใบหน้าสวยอีกครั้ง

    เชิญเลยค่ะท่านนักเดินทาง! ค่าที่พักไม่แพงหรอก!! ดีกว่าอยู่ที่กระโจมเก่าๆเห็บกระโดดนั่นตั้งเยอะแยะ!ว่าพลางโดดไปหาสองหนุ่มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อิลเวสถึงกับผวาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ในขณะที่เนลล่าโดนกุมมือไว้แล้วถูกจ้องด้วยดวงตาเป็นประกายจนชวนให้หนักใจ

    แค่หนึ่งพันห้าร้อยลิมส์ต่อคืนค่ะท่าน ถ้าสามคืนลดให้พันนึงเลยเอ้า!

    เอ่อ..พวกผมจะอยู่ที่นี่สองสามวันอยู่แล้วละครับ แล้วก็คิดจะหาที่พักอยู่แล้วด้วย”....เพราะงั้นไม่ต้องลดแลกแจกแถมขนาดนั้นก็ได้ฮะ...

    เด็กหนุ่มเอ่ยอ้อมแอ้มพลางคิดในใจ ก่อนมือหนาของอิลเวสจะแปะลงบนหัวสีขาวของเด็กหนุ่มร่างบางแล้วดึงร่างออกห่างจากหญิงสาว(..ผู้น่ากลัว?) และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มเชิงตกลง

    ตกลงสามคืนนั่นล่ะ..อาจจะมากกว่านั้นด้วย ว่าแต่ลดแลกแจกแถมขนาดนี้น่ะ..จะเอาเงินที่ไหนไปใช้ล่ะ?”

    “...
    แหม ที่จริงกลางทะเลทรายเงินไม่ใช่พระเจ้าหรอกนะคะท่าน แต่ว่า..มันก็ต้องเก็บกันบ้างตามธรรมเนียม ...อีกอย่างฉันไม่ได้ทำการค้า แค่ไม่อยากบ้านนี้เหงาเฉยๆ

    หญิงสาวกอดอกยิ้ม ก่อนจะผายมือเข้าไปในบ้านของตน

    เข้ามาสิ คุณนักเดินทาง



    ภายในบ้านซึ่งยามแรกมองเข้าไปแล้วดูมืดจนมองไม่เห็นอะไรนั้น เมื่อจุดไฟตามที่ต่างๆแล้วก็เห็นทุกส่วนของบ้านได้เต็มตา ..ทั้งห้องรับแขกที่มีเก้าอี้ยาววางอยู่สองตัว โต๊ะรับแขกเล็กๆที่มีแจกันประดับดอกไม้ปลอมเป็นบรรยากาศสดใส ลึกเข้าไปเห็นเป็นห้องครัวที่มีแสงแดดอ่อนๆตกลงกระทบยังพื้นดิน ทุกสิ่งที่ตาเห็นนี้ ทำให้รับรู้ได้ในทันทีว่าเจ้าของบ้านใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้มากเพียงไร ..และแม้ว่าฝุ่นทรายจะเกาะอยู่บ้างเนื่องด้วยมีลมทรายพัดมาทุกวันก็ตาม แต่ก็สามารถพูดได้เต็มปากอยู่ดีว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่น่าอยู่มากเลยทีเดียว

    บ้านนี้...ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านที่ใช้อยู่อาศัยจริงๆ มากกว่าจะเป็นสถานที่สำหรับให้นักเดินทางพักซะอีก

    ข้างหลังไปจะเป็นห้องครัวนะ ส่วนห้องน้ำก็มีอยู่ข้างหลังบ้านห้องหนึ่ง และจะอยู่ในห้องส่วนตัวข้างบนแต่ละห้อง แล้วก็ถ้าเปิดประตูหลังบ้านไปจะเป็นบ่อน้ำที่มีทุกบ้าน ขอให้ใช้แค่เป็นน้ำดื่มนะคะ อืม..ส่วนดาดฟ้าตอนกลางคืนไปนอนนับดาวได้นะคะแต่ต้องระวังหน่อยเพราะอากาศในทะเลทรายตอนกลางคืนน่ะจะเย็นจัดตัดกับช่วงกลางวันเลย  ส่วนเรื่องอาบน้ำคงต้องขอร้องให้ประหยัดหน่อยเพราะระยะนี้ไม่มีน้ำให้ใช้มากนัก แล้วก็..

    “...
    ขอโทษนะครับ เอ่อคุณมีนา...?”เอ่ยขัดขึ้น เมื่อรู้สึกถึงข้อขัดแย้งบางอย่างจากคำพูดที่ดังออกมาผมได้ยินว่าหมู่บ้านนี้ได้ชื่อว่ามีแหล่งน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้งนี่ครับ? ...แล้วทำไมถึง......

    หญิงสาวชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ความเงียบก่อตัวขึ้นเพียงชั่วครู่และคลายลง ตามด้วยเสียงถอนหายใจของมีนา ก่อนที่หญิงสาวจะหันมาคุยกันเนลล่าด้วยโทนเสียงติดจะกังวล“...นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผิดจากความจริง แหล่งน้ำที่นี่...ไม่มีวันเหือดแห้ง...ถึงแม้จะถูกใช้มาหลายพันปีแล้วก็ตาม ระดับน้ำก็ไม่เคยลดลงไปจากเดิมเลย....แต่ว่า...เมื่อสองอาทิตย์ก่อนหน้านี้...




    หรือว่า..

    ...น้ำ...เหือดแห้งไปครับ?”




    เนลล่าคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งจากท่าทีของอีกฝ่ายและจากคำพูดของผู้ดูแลกองคาราวานที่เขาได้ฟังมาก่อนแล้ว หญิงสาวดูประหลาดใจที่เนลล่ารู้เรื่องนี้แต่ผงกหัวรับคำตอบนั้น ถอนหายใจยาวเป็นกังวล ก่อนจะกล่าวต่อไป

    เมื่อราวๆสองอาทิตย์ก่อน จู่ๆน้ำที่เคยสูงเกือบครึ่งบ่อก็ค่อยๆร่อยหรอลงไป..ตอนแรกชาวบ้านก็ไม่ได้คิดมากอะไรนัก เพราะแหล่งน้ำที่ใช้มากันกว่าพันปี..จะพร่องลงไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก..แต่พอวันถัดมา น้ำกลับลดระดับลงเรื่อยๆ..จนตอนนี้เหลืออยู่แค่ก้นบ่อเท่านั้น

    ..และพอคนไปดูที่ตาน้ำก็พบว่า..น้ำมันลดหายไปกว่าครึ่ง

    มีใครรู้สาเหตุไหม?”อิลเวสเอ่ยถามด้วยเสียงราบเรียบ และได้รับอาการส่ายหัวเป็นคำตอบ

    ไม่มีสาเหตุ ไม่มีใครรู้..น้ำเหือดแห้งลงเรื่อยๆโดยที่เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนลองดำน้ำลงไปในนั้นแล้ว...แต่..ก็ไม่รู้เลยว่าน้ำที่ลดลงเรื่อยๆนั้นไปอยู่ที่ไหน

    ความเคร่งเครียดกลืนกินอารมณ์ของบุคคลทั้งสามไปชั่วขณะ ก่อนหญิงสาวจะค่อยๆขยับมุมริมฝีปากเป็นรอยยิ้มแฉ่งแล้วว่าต่อไป

    “..เรื่องนั้นก็เป็นเรื่องของหมู่บ้านเรา ท่านนักเดินทางไม่ต้องสนใจหรอกนะคะ เดี๋ยวพวกเราก็หาทางแก้ได้เอง แค่รบกวนระวังเรื่องการใช้น้ำก็พอ ตอนนี้ก็ใช่ว่าน้ำจะลดถึงขั้นขาดแคลน  เอาล่ะ ฉันจะพาขึ้นชั้นบนนะ!

    หญิงสาวหยุดเรื่องไว้แล้วเดินนำพวกเขาขึ้นไปยังชั้นสองที่มีห้องอยู่สามสี่ห้อง มีนาหันมาทางพวกเขาก่อนจะยิ้มสดใสอีกครั้ง แล้วผายมือไปทางประตูห้องทั้งสี่และกล่าวขึ้น

    เอาล่ะ..ถ้าไงเลือกห้องเองเลยนะ ฉันเปิดบ้านไว้เป็นบ้านพักก็จริงแต่คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองแล้วกัน อาจจะไม่มีอะไรพิเศษเท่าไหร่ แต่ขอในระยะเวลาสองสามวันนี้ขอให้อยู่อย่างสบายนะคะ

    ขอบคุณครับเนลล่าเอ่ยขอบคุณพร้อมยิ้มให้ หญิงสาวจึงยิ้มตอบอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะปรบมือเบาๆแล้วเอ่ยถามขึ้นราวเพิ่งนึกได้จริงสิ ฉันยังไม่รู้จักชื่อพวกคุณสองคนเลย ชื่ออะไรกันเหรอคะ?”

    ผมเนลล่าฮะ เนลล่า เลเซเบล

    อิลเวส ลินสแตรงก์เอ่ยพลางปลดสัมภาระมาถือมีห้องคู่ไหม?”

    มีค่ะ อยู่ทางขวาชี้ไปยังห้องคู่ที่ว่า อิลเวสหันมามองเชิงถามเนลล่า ก่อนจะได้รับการพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าตกลง

    "งั้นพวกเราไปที่ห้องก่อนนะฮะ"





    ตุบ

    อิลเวสปลดสัมภาระลงบนเตียง มองไปรอบๆห้องสีขาวปูนที่มีเครื่องใช้ขนาดใหญ่วางอยู่ที่มุมนู้นมุมนี้นิดหน่อย ตรงกลางมีเตียงเล็กๆสองหลังวางอยู่คู่กัน ..หญิงสาวเจ้าของบ้านมองภายในห้องและลงมือตรวจสอบสภาพการใช้งานชั่วครู่ก่อนจะเดินไปที่ประตูเมื่อดูแล้วไม่มีอะไรที่ผุพัง โดยไม่ลืมหันมากล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างมีอัชฌาสัยไมตรี

    เอาล่ะ ทีนี้ก็ตามสบายเลยนะ มีอะไรก็เรียกได้ อ้อ ชื่อเต็มๆของฉันมีนา ซอร์เซ่นะคะ

    หญิงสาวโค้งให้ครั้งหนึ่ง ก่อนจะปิดประตูอย่างเบามือ...ทิ้งให้สองนักเดินทางอยู่กันเงียบๆสองคน

    ฟุบ

    เตียงนอนข้างหนึ่งยวบลงไปเมื่อเด็กหนุ่มผมขาวทิ้งกายลงนอน มือเรียวยกขึ้นก่ายหน้าผากก่อนจะหันมองชายร่างสูงที่นั่งลงข้างๆร่างของตนเหนื่อย.........

    อ่อนแอจริง ได้พักไปตอนนั่งเกวียนมาแล้วไม่ใช่หรือไง?”เอ่ยพลางหัวเราะในลำคอ ก่อนจะถอดเสื้อคอเต่าออกเผยผิวขาวที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ..ซึ่งแม้ไม่มากแต่ก็นับได้ว่ากำยำสมส่วน ชายหนุ่มดึงเสื้อเชิ้ตสีขาวออกมาจากย่ามตัวหนึ่ง ก่อนจะสวมเข้าไปแล้วกลัดกระดุม พร้อมกับมองเด็กหนุ่มที่พลิกกายนอนตะแคงหันมาทางตน

    “...น้ำเหือดแห้งเหรอ?”เด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วงพึมพำคิดว่าสาเหตุมาจากอะไรครับ?”

    “...
    ถึงจะเป็นในหมู่บ้านแต่คงไม่มีที่ที่จะกักเก็บน้ำได้ดี แหล่งน้ำหรือผืนดินที่เก็บน้ำได้น่าจะเป็นถ้ำหิน บางที ถ้ำหินอาจจะแค่เกิดรอยร้าว..หรือไม่ก็ อาจจะเกี่ยวพันกับสิ่งที่เราตามหา

    อิลเวสเว้นช่วงไปนิด ก่อนจะพูดต่อ

    เธอหวังให้เป็นแบบนั้นใช่ไหมล่ะ? เนลล่า




    นานแสนนานมาแล้ว..ในสมัยที่เทพเจ้าและมนุษย์ยังสื่อสารกันได้อยู่ มีหมู่บ้านแร้นแค้นในทะเลทรายอยู่แห่งหนึ่ง

    ในขณะนั้น พวกเขาต่างเร่ร่อนย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยตามแหล่งน้ำอันเป็นสิ่งมีค่าที่หาได้ยากในทะเลทราย โชคร้ายนักที่พวกเขาไม่อาจพักที่ใดได้นานๆด้วยแหล่งน้ำที่พบมักแห้งเหือดไปอย่างรวดเร็วเสมอ .. ยามใดแหล่งน้ำนั้นหมด พวกเขาก็จำต้องโยกย้ายตนเองต่อไปเพื่อเสาะหาแหล่งน้ำใหม่เพื่อความอยู่รอดของตน

    โชคร้ายมิได้มีแต่เพียงเท่านั้น ผู้คนในหมู่บ้านต่างพบความแร้นแค้นอย่างหนัก ด้วยประสบพบภัยร้ายตลอดการเดินทางเพราะไร้ผู้คุ้มครองคาราวาน..  ชาวบ้านผู้น่าสงสารต่างถูกปล้นชิงทรัพย์ของตนหลายครั้งหลายครา ..และด้วยไม่อาจต้านทานต่อภัยทุกข์ร้อนได้ ชาวบ้านจึงล้มตายลงทีละคน..ทีละคน ส่วนผู้ที่เหลืออยู่นั้น ต่างก็เหนื่อยล้ากับการเดินทางซึ่งไม่มีวันจบสิ้น เช่นนั้นแล้ว ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งอดทนมองความเดือดร้อนของพวกพ้องไม่ได้จึงอัญเชิญเทพลงมา

    ได้โปรดเถิดขอรับ ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ โปรดช่วยบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้คนในหมู่บ้านของข้าด้วยเถิด แล้วพระองค์จะปรารถนาในสิ่งใด ข้าก็ยินดีจะมอบให้พระองค์ทั้งสิ้น

    ลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขอร้อง เทพที่ถูกอัญเชิญมาจึงยกนิ้วขึ้น ชี้ไปยังตัวตนของลูกชายหัวหน้าหมู่บ้าน

    สิ่งที่ข้าต้องการคือเลือดเนื้อและวิญญาณของเจ้า หากมอบให้ข้าได้ ข้าก็ยินดีจักช่วยดูแลหมู่บ้านของเจ้าให้

    ลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านไม่ลังเล เขาตัดสินใจมอบเลือดเนื้อและวิญญาณของเขาให้แก่ท่านเทพทันที

    ข้าขอมอบเลือดเนื้อและวิญญาณของข้าเป็นเครื่องบรรณาการแห่งเทพขอรับ

    ทันใดนั้นเองข้างๆกระโจมของหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นเพียงแอ่งหินกว้างอันแห้งแล้ง ก็บังเกิดน้ำเอ่อล้นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ทั้งเหล่าผู้เหนื่อยล้ายามได้ดื่มน้ำที่เป็นดั่งโอสถทิพย์แล้ว ต่างก็เป็นสุขสบายกายกันถ้วนหน้า

    ชาวหมู่บ้านต่างร่วมแรงร่วมใจกันขุดบ่อน้ำขึ้น และเป็นดังหวัง น้ำได้ถูกถ่ายเทไปทั่วหมู่บ้าน และทำให้พื้นที่อุดมสมบูรณ์ขึ้น
    แต่กระนั้นท่านเทพได้กล่าวแก่หัวหน้าหมู่บ้านไว้ว่า และฝากสัญลักษณ์อันประดับจารึกลงบนหินก้อนหนึ่งบริเวณแหล่งน้ำซึ่งทรงประทานพรไว้

    'มนุษย์เอ๋ย...การกระทำครั้งนี้ผิดซึ่งกฏเกณฑ์แห่งโลกนัก ดังนั้นที่แห่งนี้จะไม่มีวันปลูกพืชใดเขียวชอุ่มได้ ด้วยน้ำนั้นเกิดจากพรแห่งข้า จึงมิอาจเจริญผลทรัพย์ใดๆต่อไปได้ดังกฎแห่งโลก ...พวกเจ้าจงตั้งรากถิ่นฐานเสียที่นี่ ใช้ชีวิตเฉกเช่นเดิมด้วยน้ำอันมิมีวันเหือดหาย จงบูชาสัญลักษณ์อันพึงบูชานี้ตลอดตราบชั่วลูกชั่วหลาน และจงระลึกว่าบุตรของเจ้าได้สละสิ่งใดจึงได้น้ำนี้มา..พึงระลึกเข้าไว้ แล้วเจ้าจะไม่มีวันประสบพบภัยร้อนใดๆตราบจนนิรันดร์


    ตำนานที่ว่ามา ก็อย่างที่ได้ยินแหละ!

    ฉันได้ยินมาสามรอบแล้ว ที่อยากได้น่ะคือที่ต่างจากนี้!

    เอ่ยตอบกลับฉับพลันชนิดไม่รอให้มีช่องว่างระหว่างบทสนทนา หญิงสาวผู้เล่าเรื่องให้ฟังดูจะผิดหวังไปหน่อยแต่ก็เพียงครู่เดียว ..ดวงตาสีทองของอิลเวสมองหญิงสาววัยกลางคนในชุดเสื้อผ้าสีขาวที่ยาวปิดทุกส่วนในร่างกาย แล้วจึงนวดขมับตัวเองไปด้วยหลังจากที่ถามใครก็เล่นเล่าแค่ตำนานนี้ตำนานเดียว..ซึ่งมันเป็นตำนานเดียวที่เขาได้ยินหลังจากที่ถามชาวบ้านมาหลายคน อิลเวสลอบถอนหายใจหลังจากที่คุยกับชาวบ้านเป็นคนที่สี่... ก่อนจะมองซ้ายมองขวาไปรอบๆ หมู่บ้านที่มีขนาดกว้างใหญ่เกินกว่าจะตั้งได้ในทะเลทราย

    มันไม่ใช่แค่แหล่งน้ำ

    ที่นี่ไม่ถูกพายุทรายทำลาย พื้นเมืองที่ย่ำอยู่นี่ก็ไม่ได้เป็นทรายแห้งที่ยวบลงยามที่ก้าวเดิน..มันออกจะแข็งอย่างพื้นดินธรรมดา

    แปลกเกินกว่าจะเชื่อ..ว่าตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายรอบข้าง โดยไม่มีพืชพรรณใดๆขึ้น

    ตำนานนั้นบอกเล่าแค่ผิวเผิน ..ถึงอยากได้อะไรที่มากกว่านี้ อะไรที่บ่งบอกถึงความผิดปกติ

    อะไรที่อาจจะเชื่อมไปหาสิ่งที่ต้องการ

    แต่ที่ได้มาก็ตำนานเรื่องเดิม!!


    [แยกกันเดินถามดีกว่านะฮะ อิล จะได้ได้ข่าวกว้างๆ]


    พูดเอาแต่ใจแล้วก็วิ่งแยกไปโดยไม่ถามไถ่ความคิดเห็นของคนอื่น..เนลล่า...เจ้าเด็กนั่นแบบนี้ประจำ

    ว่าแต่..ฉันว่าจะถามนานแล้ว  นายรู้จักอะไรกับเจ้าเด็กผีนั่นรึ?”เสียงทุ้มของชายหนุ่มเดินออกมาจากประตูบ้านหลังที่เขาเข้าไปสอบถาม ชายหนุ่มคนนี้ไว้หนวดครึ้ม ดวงตาดุน่ากลัว...ผ้าโพกสีขาวพันไว้บนหัวจนดูไม่ออกว่าผมสั้นหรือยาว และมีสีผมอะไร อิลเวสขมวดคิ้วงุนงงกับคำถาม ก่อนจะถามกลับไปด้วยความสงสัย เด็กผี? ใคร?”

    เอ้า ก็เจ้าหัวดำตาดำเก้งก้างที่มากับนายไง! เดรย์น่ะ เมื่อก่อนตอนหมอนั่นอยู่หมู่บ้านเจอแต่เรื่องซวยๆ.. เพิ่งจะมาสงบก็ช่วงสองปีที่หมอนั่นติดคาราวานไปเดินทางทั่วทะเลทรายนั่นล่ะ แถมกลับมาหมู่บ้านทีไรก็พาคนอื่นเจอเรื่องร้ายๆไปทั่วทุกที….เจ้านั่นมันตัวโชคร้ายชัดๆ  ดูสิ มาคราวนี้ก็ยิ่งหายนะกว่าเก่า ...น้ำที่เลี้ยงชีพเรามานานถึงกลับหายไปหมด..แถมเมื่อสองปีก่อนก็ยัง....ทำให้.ฟิวส์...ฮึ่ย..เจ้า...!!

    น้ำเสียงที่ดังออกมานั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจและชิงชัง คำพูดสุดท้ายที่ค้างคาไว้ดูเหมือนจะหาคำหยาบคายใดๆมาแทนที่ไม่ได้ อิลเวสขมวดคิ้วพลางนึกไปถึงชายหนุ่มร่างเก้งก้างที่มีนิสัยสบายๆซึ่งยามนี้อยู่ที่คาราวานของไกร์ ..แต่ก่อนที่อิลเวสจะได้โยงความสงสัยนั้นจนไกลออกไป หญิงสาวผู้ภรรยาก็เอ่ยออกไปเป็นเชิงเอ็ดสามี

    คุณคะ! อย่าพูดออกมาสิ..เอ้อ ..พ่อหนุ่ม เอาเป็นว่าฉันรู้แค่เท่าที่เล่าแล้วกันนะ..แล้วถ้าพูดไป ตอนนี้อย่าพูดเรื่องนี้จะดีกว่า เพราะตอนนี้ชาวบ้านหงุดหงิดกันเพราะแหล่งน้ำเริ่มเหือดแห้ง... ถ้าอยากรู้เรื่องเล่าอื่นนอกจากนี้ล่ะก็..ไปถามพวกนักบวชฝึกหัดที่วิหารลากัสเอาดีกว่านะ

    วิหารลากัส?”


    +++++++++++++++


    วิหารลากัสหรือครับ ลุงไกร์ แค่ที่นั่นที่เดียวเหรอครับ?”เด็กหนุ่มร่างบางเอ่ยถาม หลังจากที่เขาเดินลิ่วๆจนมาพบชายคุมเกวียนที่กรุณาช่วยเหลือเขากลางทะเลทรายอีกครั้ง...ชายหนุ่มดูเหมือนจะวุ่นอยู่กับการดูแลเกวียนและจัดสรรสินค้าให้เป็นที่เป็นทาง แต่ก็ยังใจดีพูดคุยกับเขาเรื่อยๆ จนยอมเล่าเรื่องตำนานของหมู่บ้านนี้ออกมา

    แต่ว่า..เรื่องเล่าตำนานนั้นมีแค่นั้นจริงๆหรือครับ? ลุงไกร์

    ตำนานที่ดูแล้วเป็นเรื่องธรรมดาของแถบนี้ นี่จะไม่มีจุดเชื่อมโยงอะไรที่เขาต้องการบ้างเลยรึไงนะ?

    "
    มันก็มีอยู่แค่นั้นแหละ ทำไมหรือ?"

    "
    คือ..ไม่มีหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกันเลยหรือครับ?"

    “...
    อืม..ขอโทษนะ...ฉันรู้แค่นี้เท่านั้นเอง.. ถ้าเธออยากฟังอะไรมากกว่านี้ก็คงต้องไปที่วิหารลากัสอย่างที่ฉันว่าแล้วล่ะเอ่ยพลางปีนขึ้นเกวียนไปทำความสะอาดสินค้าในของตน แล้วยื่นหัวออกมาคุยกับเนลล่าที่ยืนอยู่นอกเกวียนในวิหารน่ะใครก็เข้าไปไม่ได้นอกจากนักบวช หินเหินอะไรที่อยู่ในยุคตำนานก็อยู่ในนั้นหมดแหละ เพราะฉะนั้นนักบวชถึงรู้เรื่องทั้งหมดไงล่ะ เพราะงั้นถ้าจะถามล่ะก็ ไปถามพวกนั้นดีกว่า

    งั้นเหรอครับ.. แล้ววิหารลากัสนี่มันอยู่ที่ไหนล่ะครับ?”

    ใกล้ๆตาน้ำนั่นล่ะ  พ่อหนุ่ม เดินไปจะเจอตึกเตี้ยๆหลังใหญ่แถวๆตาน้ำ ถึงไม่ได้รับอนุญาตแต่ก็พอจะเข้าไปสอบถามได้ ลองดูแล้วกันนะ

    ขอบคุณครับ อ๊ะ..

    ..ว่าแต่ ทำไมลุงไกร์ถึงรู้อะไรละเอียดจังครับ ทั้งที่เป็นคนต่างหมู่บ้านแท้ๆ

    อ้อ..ผลพวงจากเดรย์น่ะ...เจ้าเด็กนี่เหมือนก่อนเคยอยู่ที่หมู่บ้านนี่แหละ แต่เห็นบอกว่าอึดอัด ก็เลยโดดขึ้นเกวียนปวารณาตัวเป็นหลานฉันแบบไม่ขออนุญาตแล้วก็ท่องไปด้วยกันทั่วทะเลทราย เมื่อก่อนนี้ฉันยังสงสัยเลยว่ามันจะเดินทางรอดรึเปล่า แต่ก็อย่างที่เห็นล่ะนะ ท่องไปด้วยกันเสียทั่ว ..หมอนั่นมันเหมาะกับชีวิตร่อนเร่พเนจรน่ะ

    เอ่ยถึงความหลังแล้วก็หัวเราะเสียงดัง เนลล่าเฝ้ามองชายหนุ่มที่ร่าเริงได้ไม่มีหยุดแล้วยิ้มแหยนิดๆ ก่อนจะลองนิ่งคิดไป

    จะว่าไปก็จริง..ดูเดรย์จะสนิทกับมีนามากเหมือนกัน แล้วก็ดูเหมือนจะทักชาวบ้านบางคนด้วยในเมือง..แต่

    ..ทำไมเขาถึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยนะ

    เอ้า เนลล่า แล้วตกลงจะไปไหมล่ะ? วิหารลากัส

    เสียงนั้นไม่ได้ดังมาจากชายร่างท้วมเจ้าของเกวียน แต่มาจากชายหนุ่มร่างผอมที่เขากำลังนึกถึงอยู่เมื่อครู่..เดรย์โผล่หัวมาจากบนหลังคาเกวียนพร้อมเสื้อแขนยาวสีเทาคอวีที่ดูเป็นชาวทะเลทรายมากกว่าเสื้อตัวก่อน ชายหนุ่มผอมบางยิ้มเผล่ ก่อนจะกระโดดลงมาจากหลังคาเกวียน

    สนใจอะไรตำนานงี่เง่าของที่นี่เรอะ เนลลี่

    ผมชื่อเนลล่า ครับ ไม่ใช่เนลลี่ แล้วก็ ผมสนใจตำนานที่ดูมีมูลฐานจากความจริงทุกเรื่องครับเอ่ยตอบฉะฉานโดยไม่แม้แต่จะสะอึกกับคำเรียก ริมฝีปากบางยิ้มนิ่มขณะรอคำพูดต่อไปจากปากของเดรย์

    “...หืม..แต่ว่าเกาคาง มองเด็กหนุ่มที่ยืนยิ้มโดยไม่สะทกสะเทือนไอ้นี่มันก็แค่นิทานปรัมปราเอง

    ตำนานปรัมปราและเรื่องเล่าทุกเรื่องมีที่มาและเค้าโครงจากความจริงครับ แม้จะแต่งเสริมเติมความประหลาดเข้าไปบ้างเพื่อความสนุกก็ตาม ..เพราะฉะนั้นถ้าลองสืบค้นดูจริงๆ อาจจะเจอเรื่องน่าสนุกก็ได้นะครับ

    เอ่ยตอบฉับพลันจนคนถูกตอกกลับอดเบิกตาขึ้นอย่างสนใจไม่ได้ ก่อนจะหัวเราะชอบใจแล้วมองไปยังใบหน้าของคนยิ้มนิ่ม

    ฉะฉานดีนะ เนลลี่

    ขอบคุณที่ชมครับ แล้วก็เนลล่าครับ ไม่ใช่เนลลี่

    “.....
    ยอมแพ้ก็ได้ เนลล่ายกมือยอมแพ้หลังพ่อหนุ่มหน้าตายตอกกลับได้นิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร เด็กหนุ่มที่แวบแรกเห็นแล้วทำเอาเขารู้สึกว่าเป็นพวกว่านอนสอนง่าย หรือไม่ก็ใสซื่อยังกับเด็กตัวเล็กๆแท้ๆ..ก็ยังทะเลาะเป็นเด็กๆแบบนั้นอยู่เลยนี่นะ

    นึกว่าจะเป็นพวกที่หยอกเล่นแล้วเต้นผางซะอีก ใจเย็นกว่าที่คิดแฮะ ไม่สนุกเลย

    เมื่อนึกถึงตรงนี้  ก็พาลนึกเลยไปทางชายหนุ่มผู้เงียบกริบ ไม่รู้เหตุใดกับเนลล่าเจ้าตัวถึงพูดได้พูดเอาขนาดนั้น แต่พอกับคนอื่นกลับทำเย็นชาราวกับเว้นระยะห่างไว้ก้าวหนึ่ง

    แต่เอาเหอะ ไม่ใช่เรื่องของเขานี่นะ

    แล้วตกลง จะไปใช่ไหมล่ะ วิหารลากัสถามให้แน่ใจแล้วมองศีรษะซึ่งปกคลุมด้วยเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงผงกหัวลงยืนยันคำโดยไม่มีการลังเล

    ไปฮะ แล้วทำไมล่ะ?”

    "
    ฉันก็จะได้นำทางไปไง"




    +++++++++++++



    “...
    แล้วที่บอกว่าสนใจตำนาน ถามจริง คิดยังไงถึงมาสนใจตำนานของหมู่บ้านเล็กๆเดรย์ถามขึ้นขณะที่กำลังเดินไปยังวิหารลากัสที่อยู่ทางไปตาน้ำ ดวงตาเหล่มองร่างที่กำลีงเดินตามตนมา ตำนานของที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนุกหรอกนะ จะบอกให้

    เราตัดสินอะไรโดยยังไม่ได้เห็นกับตาไม่ได้นะฮะ

    ถึงนายไม่ได้เห็นกับตา แต่คนที่เห็นมากับตาทั้งชีวิตอย่างฉันน่ะรับรองได้ ไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก หมู่บ้านที่มีตำนานเทพลงมาเสกน้ำน่ะ ธรรมดาจะตายไปเอ่ยแกมดูแคลนแล้วจึงลอบมองใบหน้าของเด็กหนุ่มร่างบาง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยขึ้นตอบการสนทนา

    ฟังจากคำเล่าคนอื่นน่ะไม่ทำให้คนเราเชื่อได้หรอกครับ

    "
    บางครั้งเชื่อคำเล่าคนอื่นไว้ก็ไม่เสียหลาย"

    "ก็ฟังไงครับ แต่แค่ไม่ทำตาม อีกอย่าง...

    ...ดูเหมือนเดรย์จะรู้เรื่องตำนานของที่นี่ดีเหลือเกินนะครับ"

    ..ความเงียบครอบคลุมชั่วอึดใจหนึ่ง

    เออ.. ช่างเถอะ อย่าพูดถึงอีกเลย ว่าแต่ว่า  นอกจากตำนานที่นี่นายไปล่าที่ไหนมาบ้างล่ะ?”

    ใช้คำว่าล่าเชียวเหรอครับ เอาแค่ตามหาดีกว่า...แต่เอ...ทำท่าครุ่นคิด มองใบหน้าอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่าย ประสานมือไว้ข้างหลังแล้วก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกล่าวออกมา ก็ไปมาหลายที่นะครับ เยอะเหมือนกัน บางตำนานก็สนุกดี บางเรื่องเล่าที่ดูน่าเบื่อ เบื้องหลังก็น่าสนุกเกินคาด..และบางเรื่องที่ดูดีน่ายกย่อง พอรู้เรื่องจริงเข้ากลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือก็มีเหมือนกัน

    เอาเข้าจริง เรื่องน่าสนุกของการตามหาตำนาน มันก็คือ'เบื้องหลัง'นั่นแหละครับ

    ใบหน้าของคนที่ก้าวไปหน้าเดรย์หันกลับมา บรรยากาศบางอย่างที่ชวนอึดอัดและลึกลับลอยตัวลงมาจากรอยยิ้มหวานและดวงตาที่ดูลึกจนอ่านไม่ออกอันปรากฏบนใบหน้าอ่อนเยาว์ เดรย์จึงรีบเอ่ยคำพูดต่อไปเพื่อตัดบรรยากาศนั้นออกทันที

    “...นะ..น่าสนใจนะ แสดงว่าท่องไปทั่วเลยสิ ไอ้ฉันน่ะแค่โดดขึ้นคาราวานก็เต็มคราบแล้ว ความจริงก็อยากไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่เหมือนกัน แต่ก็นะ ....จะทิ้งทะเลทรายไปตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ลง เออ แล้วทำไมนายถึงมาสนใจตำนานที่นี่ละ? เป็นพวกนักโบราณคดีที่สนใจความเป็นมารึไง

    ไม่ใช่ซะหน่อยเอ่ยพลางโบกมือแล้วทำหน้าเหนื่อยหน่ายกับคำว่า 'โบราณคดี' บัดนี้รอยยิ้มและดวงตาที่ดูลึกจนอ่านไม่ออกได้หายไปแล้วผมก็แค่ตามหาอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งมันอาจเกี่ยวข้องกับตำนานหรือเรื่องเล่าบางเรื่องน่ะครับ

    “....
    หาอะไรอยู่ละ

    เกินกว่านี้เป็นความลับครับแตะนิ่วที่ริมฝีปากของตัวเอง ยิ้มให้อย่างมีเลศนัย

    "...ช่างเหอะเกาหัวแก้เก้อเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอถามอะไรออกไปเยอะ  ดวงตายังคงมองไปที่มือซ้ายอย่างสงสัย..ถึงบางสิ่งที่เจ้าตัวปิดบังไว้

    ..แผล..แค่นั้นเหรอ?

    ++++++++


    “.....
    อ้าว...เนลล่าอุทานขึ้น ยกนิ้วชี้ไปยังร่างของคนคุ้นเคย อิลเวส มาที่นี่ได้ยังไงกันฮะ?”

    “...
    แล้วเธอล่ะ?”เบิกตาเล็กๆอย่างแปลกใจเมื่อเห็นร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังเดินกึ่งวิ่งตรงมาทางเขา เรือนผมสีขาวเหลือบม่วงสะท้อนแสงอาทิตย์ชวนแสบตา ก่อนคิ้วเรียวเข้มที่ขมวดมุ่นอยู่แล้วจะยิ่งขมวดเป็นปมเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นร่างที่เดิมตามมา “..เดรย์ แกมาที่นี่ทำไม

    โห...'แก'เลยเหรอคุณชายปากหนัก มากไปม้างกอดอก ว่าด้วยน้ำเสียงเหมือนจะตกใจ ชายหนุ่มเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสีน้ำตาลหลวมโพรก ก่อนจะก้าวเดินตามเนลล่าที่วิ่งมาก่อนด้วยท่าทีสบายๆ อ้อ ลืมตอบคำถาม ฉันนำทางเนลลี่มาน่ะ

    เนลล่าครับ เนลล่า

    เออน่าเอ่ยติดรำคาญ ชักจะทนไม่ไหวกับความนิ่งเกินคนของเด็กหนุ่มร่างบาง ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจไปโดยสิ้นเชิง เออ..นาย..คุณช...อิลเวส ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?”

    มีคนบอกว่าถ้าจะถามเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ตำนานโง่ๆล่ะก็มาถามเอากับนักบวชที่นี่จะดีกว่าเอ่ยแล้วก็มองสิ่งที่ชาวบ้านเรียกว่าวิหาร สิ่งก่อสร้างสีขาวล้วนทรงเตี้ยที่มีพื้นที่กว้างขวาง เสาและส่วนต่างๆของวิหารถูกสลักด้วยอักขระมากมายที่ไม่เข้าใจความหมาย  ตามกำแพงปรากฏร่างสลักนูนต่ำของเทพมากมายรายล้อมทั่ววิหารลากัส..

    เป็นวิหารที่แปลกดี น่าสงสัยว่าทำไมถึงมาตั้งอยู่กลางทะเลทรายอิลเวสเอ่ยขึ้น มองวิหารตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย เดรย์ขมวดคิ้ว เหมือนจะไม่ได้คิดพูดอะไร...แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะจู่ๆเจ้าตัวก็เอ่ยแดกดันออกมาว่า

    ก็เพราะมันเป็นวิหารเทพของหมู่บ้านนี้น่ะสิ!

    อิลเวสไม่ได้หันไปฟาดฝีปากต่อแต่เพียงหรี่ตาลงแล้วมองกลับไปด้วยสายตาเย็นๆ เป็นวิธีที่ได้ผลกับใครหลายคน แต่ดูเหมือนสำหรับเดรย์ มันจะไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ ...ออกจะสนุกเสียมากกว่า

    อิลเวสถอนหายใจ ไม่ชอบชายผู้ป่วนคนอื่นได้เสมอเช่นเดรย์ แต่ไหนแต่ไรเขาก็เกลียดพวกทองไม่รู้ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอต่อหน้าต่อตาแบบนี้ยิ่งรำคาญ ..ชายหนุ่มเจ้าของเนตรสีทองหรี่มองชายหนุ่มร่างผอม พลางครุ่นคิดถึงท่าทีรังเกียจของชาวบ้านที่มีต่ออีกฝ่าย

    แล้วก็..ฟิวส์

    "...ฟิวส์...."

    กึก!

    ปฏิกิริยาเกิดขึ้น ร่างของเดรย์สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินชื่อ แม้เพียงแวบเดียว..แต่ดวงตาสีดำเทาคู่นั้นเผยความเจ็บปวดออกมา และเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

    "นายรู้จักหรือ?"

    "..
    เปล่านี่ ชื่อใครล่ะ คุณชาย"

    "............"

    เนลล่าถอนหายใจกับภาพนั้น อดสงสัยชื่อที่อิลเวสกล่าวออกมาไม่ได้แต่ก็ปล่อยมันไป เพราะยามนี้สงครามเงียบเริ่มขึ้นแล้ว ..อิลเวสคงจะเดือดอยู่บ้างแต่ไม่ถึงขั้นจะไปต่อปากต่อคำเพราะเคยชินจากนิสัยของคนรู้จัก ส่วนเดรย์ก็ดูเหมือนจะสนุกกับการรอให้ความอดทนของคู่กรณีหายไป เด็กหนุ่มร่างบางตัดความสนใจจากภาพตรงหน้าแล้วหันไปมองรอบๆกาย คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อพบว่ารอบข้างมีผู้คนยืนอยู่มากกว่าเดิม

    แปลก มาทำอะไรกับแถววิหารนะ..ยืนกันเต็มไปหมดเลย ว่าแต่...

    ลากัส..Lagus...สายน้ำ

    อา...ช่างตั้งชื่อได้เหมาะเหม็งเสียนี่กะไร

    เนลล่าคิดในใจพลางมองดูสถาปัตยกรรมอันแปลกตาในทะเลทราย.. ไม่ได้หันไปใส่ใจกับสองหนุ่มข้างหลังตนอีกต่อไป
    ดวงตามองไปยังประตูวิหารที่สร้างจากหิน ไม่อาจทราบความหนาบางได้.. ..ประตูซึ่งแตกต่างจากรอบด้าน

    ..ไร้รอยสลักใดใด

    จากนั้นดวงตาจึงมองเลยไปยังตาน้ำ ซึ่งเป็นถ้ำตื้นๆที่พอจะมองเห็นได้จากจุดที่เขายืนอยู่ แม้จะบอกว่าวิหารอยู่ใกล้ๆตาน้ำ แต่เอาเข้าจริงก็ไกลพอดู แม้ว่าอาจใช้เวลาเดินไปแค่สั้นๆก็ตามจากที่ตาเห็น และ..ดูเหมือนข้างในจะมีแสงสว่างที่ส่องลงมาจากข้างบนด้วย

    เดินไปดูดีไหมนะ?

    ขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังใกล้เข้ามา

    พวกท่านมาที่วิหาร มีธุระอันใดหรือ?”

    เสียงนั้นดังออกมาจากตัววิหารในระหว่างที่สองชายหนุ่มกำลังทำสงครามเย็นใส่กัน เนลล่าละสายตาจากตาน้ำในถ้ำหินแล้วมองไปยังร่างที่ปรากฏตัวขึ้นมา ..ร่างของชายหนุ่มท่าทางสะโอดสะองค์คนหนึ่งก้าวเดินมาด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอภายใต้ชุดสีขาวยาวกรอมเท้ารุ่มร่ามและหมวกทรงสูงอันให้ความรู้สึกราวกับนักบวชของลัทธิที่น่านับถือ  ใบหน้าของชายคนนั้นเรียวยาว ดวงตาใสซื่อมองตรงมาที่พวกเขา ก่อนที่จะกล่าวขึ้นมาว่า

    พวกท่านเป็นนักเดินทาง มีธุระอะไรที่วิหารหรือ? ถ้าเรื่องพิธีอีกไม่นานก็จะเริ่มแล้วล่ะ

    นักบวชหนุ่มยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เนลล่ามองอีกฝ่ายชั่วครู่  ก่อนจะกล่าวแนะนำตัวออกไป

    ผมชื่อเนลล่า เลเซเบลครับ ถ้าไม่รังเกียจะเรียกว่าเนลล่าก็ได้ ท่านนักบวชครับ คือผมมีเรื่องจะถา...

    ช้าก่อนคุณเนลล่า กระผมเป็นนักบวชฝึกหัดขอรับ ดังนั้นไม่ต้องสุภาพด้วยก็ได้ กระผมชื่อทิวเรขอรับ แล้ว มีธุระอะไรกับกระผมหรือขอรับ?”

    เราได้ยินมาว่า...ถ้าจะถามเรื่องเกี่ยวกับตำนานที่นอกเหนือจากในนิทานเรื่องเล่า ให้มาถามกับนักบวชของที่นี่อิลเวสโผล่มากล่าวหลังเดินละจากเดรย์มา ทิวเรขมวดคิ้วชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    เข้าใจแล้วขอรับ ต้องการข้อมูลที่มากกว่าตำนานนั่นสินะขอรับ จะว่าไปเมื่อก่อนมีเหล่านักโบราณคดีมาสอบถามอยู่เหมือนกัน แต่ความจริงเรื่องเล่าในช่วงนั้นคลุมเครือเป็นอันมาก แม้แต่นักบวชฝึกหัดประจำวิหารเช่นพวกกระผมก็ไม่รู้เรื่องราวเหล่านั้นเท่าไหร่นัก นอกจากเหตุผลที่จำต้องประกอบพิธีกับรูปร่างของหินที่สลักสัญลักษณ์ไว้ ที่รู้เสริมมาอีกเล็กน้อยคงเป็น....อ๊ะ ขออภัยด้วยขอรับ ดูเหมือนจะได้เวลาทำพิธีแล้ว ไว้วันหลังจะอธิบายขยายความให้มากกว่านี้นะขอรับ

    ทิวเรกล่าวแล้วโค้งให้ด้วยความเสียดาย ก่อนจะรีบเดินกึ่งวิ่งอย่างสำรวมไปทางวิหาร ซึ่งบัดนี้มีนักบวชที่สวมชุดเหมือนทิวเรยืนอยู่ พวกเขาสองคนพยักหน้าให้กันก่อนจะพร้อมกันเปิดประตูหินออกมา

    คราวนี้เนลล่าเห็นความหนาของประตูหินชัดเจน..ซักราวๆหนึ่งฝ่ามือกับอีกนิดหน่อย แต่นักบวชฝึกหัดทิวเรและอีกคนหนึ่งกลับเปิดมันออกได้อย่างไม่เหนือบ่ากว่าแรง ..ผู้ที่ย่างก้าวออกมาจากในภายในวิหารเป็นชายร่างเตี้ยภายใต้ชุดคลุมสีขาวเหมือนทิวเร แต่ดูมีองค์เครื่องมากกว่า ด้วยสายผ้ามากมายที่ห้อยโยงบนชุด รูปสลักเป็นสัญลักษณ์แห่งสายน้ำปรากฏที่หมวกสูงของนักบวช..ทั้งชุดที่ใส่นั้น ตามขอบถูกเย็บไว้ด้วยด้ายทอง.. ในมือของชายร่างเตี้ยคนนั้น ถือพานสีฟ้าไว้ในมือ

    นี่คงเป็นหัวหน้านักบวชกระมัง...

    เพียงไม่นานนัก หลังคนที่เนลล่าคิดว่าเป็นหัวหน้านักบวชเดินออกมา ก็มีนักบวชที่ใช้ชุดคล้ายๆกันเดินตามออกมาเป็นขบวนอย่างเงียบสงบ โดยในมือถือกริชบ้าง ดาบบ้าง และจากนั้นก็มีอะไรหลายอย่างที่ถูกถือไว้ในมือโดยที่เนลล่ามองได้ไม่ชัดนัก

    เนลล่าขมวดคิ้วยืนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถูกมือสองข้างดึงให้ถอยหลังเข้าไปจนแทบสะดุดล้มลง

    “...ทำอะ..!

    นายขวางทางถนนสำหรับทำพิธีอยู่ เดี๋ยวก็โดนดีหรอก!เดรย์กระซิบขณะที่ดึงเข้ามาสำเร็จ คราวนี้ดวงตาสีทับทิมจึงเพิ่งได้มองไปรอบๆว่าชาวบ้านจำนวนหนึ่งมายืนออแล้วเว้นเป็นเส้นทางเดินเอาไว้ให้เหล่านักบวช ทั้งส่งสายตามาหาเขาที่เกือบจะไปยืนอยู่กลางขบวนที่ดำเนินผ่านไปด้วยความไม่พอใจ เหล่านักบวชค่อยๆเดินผ่านหน้าสามหนุ่มไปเรื่อยๆ อิลเวสถอนหายใจเฮือก ก่อนจะเงยมองไปยังขบวนอันเงียบสงบของเหล่านักบวชที่กำลังเดินผ่านไป

    เนลล่ากระพริบตา เงยมองคนที่ลากเขาเข้าไป ก่อนจะเอ่ยกระซิบขึ้นมา

    “...ทำพิธีอะไร?”

    พิธีขอบคุณเทพเจ้าน่ะ

    เสียงนั่นเป็นเสียงของหญิงสาวที่ดังขึ้นข้างๆกาย สามหนุ่มรีบหันไปตามต้นเสียงที่ดังมา แล้วจึงพบมีนายืนอยู่ข้างๆพวกเขาสามคน มีนายิ้มให้กับดวงตาสามคู่ที่จ้องมาแบบมีเครื่องหมายคำถาม ก่อนจะแถลงความโดยไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยปาก

    คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องมาที่นี่ ฉันกลับไปที่บ้านไม่เห็นใครเลยคิดว่าคงมาที่วิหารแหงๆเลยพุดด้วยท่าทีหน่ายใจแล้วก็ยิ้มให้อย่างเอ็นดู กอดอกมองสามหนุ่มที่ยืนในฝูงชน เดรย์ถอนหายใจ ก่อนจะพึมพำขึ้น พิธีนี่ไร้สาระชะมัด ก็แค่เดินไปที่ตาน้ำ โบกไม้ไปมาร่ายคาถาพึมพำๆแล้วก็จบแท้ๆ

    เดรย์ อย่าไปพูดแบบนี้กับคนอื่นนะ ไม่งั้นนายเละเป็นศพแน่มีนาเอ็ด

    “..มีนา...นี่พิธีอะไร?”

    เสียงทุ้มนุ่มของชายร่างสูงเอ่ยถามขึ้น มีนาจึงหันไปตอบอย่างไม่รังเกียจใดใด

    อย่างที่บอกค่ะ คุณอิลเวส นี่เป็นพิธีขอบคุณเทพเจ้า ปรกติเราจะจัดกันช่วงเดือนเพ็ญที่แปดของปี แต่เพราะครั้งนี้จู่ๆน้ำก็หายไป เลยต้องร่นระยะเวลามาสามเดือน เป็นวันนี้ วันเพ็ญที่ห้าของเดือน เหมือนเมื่อสองปีก่อน"



    "พิธีจะมีทั้งหมดสามวัน วันแรก บรรดานักบวชทุกคนจะทำการเขียนอักขระและสัญลักษณ์ที่จารึกบนหิน......

    เดี๋ยวๆ หิน? สัญลักษณ์?? แล้วยังสองปีก่อน..?”

    อ้า ขอโทษค่ะ คุณอิลเวส..เรื่องเมื่อสองปีก่อนก็แค่..ทำพิธีเร็วแบบนี้เหมือนกันเพราะว่าเผชิญกับพวกกองโจรแย่งเสบียงน่ะค่ะ แล้วก็เรื่องหินกับสัญลักษณ์..พวกคุณฟังตำนานมาแล้วสินะคะ คือตรงท่อนที่ว่า.....

    จงบูชาสัญลักษณ์อันพึงบูชานี้ตลอดตราบชั่วลูกชั่วหลาน และจงระลึกว่าบุตรของเจ้าได้สละสิ่งใดจึงได้น้ำนี้มา

    เสียงนั้นดังมาจากข้างหลังเนลล่าและอิลเวส โดยชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่วงนอกการสนทนา

    หัวหน้าหมู่บ้านรู้อย่างนั้นจึงขอให้เทพเจ้าช่วยสลักอักขระเทพลงบนหิน แล้วจากนั้น มันก็ถูกบูชาในวิหารตลอดมา..แม้ชาวบ้านจะไม่มีโอกาสเห็นอะไรเลยนอกจากตัววิหารก็เถอะ

    “...
    รู้มากเกินไปหรือเปล่า?”ดวงตาของอิลเวสหรี่ลง มองเดรย์ที่เริ่มเข้าวงสนทนา

    ไม่รู้มากสิแปลก.. ก็เดรย์น่ะ...

    มีนา !หยุดตรงนั้นเลย

    มีนาเบะปากกับคำขู่ของชายหนุ่ม ก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วเล่าเรื่องในพิธีต่อไป

     “ต่อมาวันที่สอง ก็คือวันนี้ เราจะเริ่มพิธีในช่วงบ่าย โดยนักบวชจะเดินมาจากในวิหาร หัวหน้านักบวชจะถือพานสีฟ้าที่เป็นสัญลักษณ์ของน้ำ  นักบวชสองคนที่ขนาบข้างจะถือกริชกับดาบที่เชื่อว่าเป็นอาวุธประจำกายของเทพองค์นั้น แล้วสามสี่คนข้างหลังก็จะถือพานใส่อาหาร...ซึ่งไม่ใช่ของที่เราผลิตเองหรอก แต่เพื่อการขอบคุณจึงต้องแบ่งปันของๆเราให้เทพ พวกเขาจะนำสิ่งเหล่านั้นวางไว้ที่ขอบแอ่งหินในถ้ำ แล้วประกาศว่าใครจะเป็นตัวแทนลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านคนนั้นในพิธี จากนั้นตัวแทนคนนั้นจะต้องเข้าพิธีชำระล้างและ..อืม...ทำพิธีบางอย่างในวิหารจนกว่าจะถึงค่ำคืนของวันถัดมา ตัวแทนคนนั้นจึงจะออกมากล่าวคำบูชาเทพต่อหัวหน้านักบวชที่เป็นตัวแทนเทพเจ้า แล้วจากนั้นก็โปรยอาหารลงในน้ำ เป็นอันเสร็จพิธี

    เสียดายของ โยนลงน้ำ น้ำก็เสียด้วยเดรย์คราง แต่มีนาแค่ถอนหายใจ

    เจ้าบ้า แล้วเคยเห็นน้ำเสียไหมล่ะ อีกอย่าง คนที่เคยดำลงไปหาทันทีหลังเขาทิ้งลงไปแล้วไม่เจออะไรน่ะนายไม่ใช่หรือไง"

    ก็นั่นมันหลังจากนั้นตั้งชั่วโมง

    พวกเธอเงียบหน่อยสิ!! ไม่เห็นรึไงว่ากำลังอยู่ในพิธีศักดิ์สิทธิ์เสียงตวาดเบาๆแต่เฉียบขาดดังมาจากหญิงชราที่ยืนอยู่ข้างพวกเขา เนลล่า อิลเวส เดรย์ และมีนาสะดุ้งตามกัน ก่อนจะเริ่มคุยกันด้วยเสียงทีเริ่มเบาลงกว่าเดิม

    ขอพูดอะไรหน่อยน่ะ มันเป็นพิธีที่เอิกเกริกเกินไปรึเปล่าสำหรับหมู่บ้านเล็กๆอิลเวสทักขึ้น

    ไม่รู้สิคะ เราทำแบบนี้กันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็ไม่เห็นมีใครบ่นประท้วงอะไรซักที

    อีกเรื่องครับ นักบวชทำไม...ยอมมาอยู่ในที่แร้นแค้นเช่นนี้เนล่ลาถามต่อ

    ส่วนมากก็คนในหมู่บ้านนี่แหละนะที่ไปบวชน่ะ หัวหน้านักบวชก็เป็นคนในหมู่บ้านเหมือนกัน แต่ฉันไม่รู้กระบวนการคัดเลือกหรอก..ดูเหมือนว่าหัวหน้านักบวชจะเลือกกันรุ่นต่อรุ่น ใช่ไหม? เดรย์หญิงสาวหันไปถามเจ้าของนาม

    ถามฉันทำไมเล่า

    เอาน่า นายรู้นี่

    ไม่รู้

    ยังคงปากแข็ง

    ที่เดรย์รู้เรื่องพวกนี้คงเพราะเป็นคนหมู่บ้านนี้มาก่อนสินะครับ?”เนลล่าพูดขึ้น เดรย์หันมองร่างข้างกาย ก่อจะยักคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

    “..หืม? รู้เรื่องมาจากไหนเนี่ย แต่ช่างเหอะ สงสัยเหมือนกันว่าไหงไม่ถามซักคำว่าทำไมรู้ละเอียด ..ถ้าให้ทาย ไม่มีนาก็ลุงไกร์

    คำตอบหลังถูกครับ อ๊ะ นั่นเขาจะทำอะไรต่อรึครับ?”

    อา...ดูเหมือนจะเริ่มทำนายแล้วล่ะค่ะ

    เสียงสวดอักขระไร้ความหมายดังแว่วมาในขณะที่ทุกสิ่งเงียบสงัด เสียงสายลมไหวดังระงมผสานกับเสียงสวดโทนสูงต่ำอันกังวานในถ้ำหินและดังออกมาข้างนอก ....แม้บางตาแต่ผู้คนที่บดบังพวกเขาอยู่ก็ทำให้มองสถานการณ์ไม่เห็น ความอึดอัดก่อตัวขึ้นชั่ววูบเมื่อเสียงสวดหยุดไปและความเงียบเข้ามาแทนที่ ก่อนจะคลายออกเมื่อหัวหน้านักบวชก้าวเดินออกมา
    และจากนั้น ชื่อของตัวแทนถูกประกาศออกมา


    มีนา ซอร์เซ่!!


    ความเงียบเกิดขึ้นเป็นสิ่งแรกหลังคำประกาศ ก่อนจะตามด้วยเสียงกระซิบเซ็งแซ่ที่ดังขึ้นแทบในทันที

    ผู้หญิงหรือ?”

    มีนาน่ะนะ?”

    นี่มันอะไรกัน?”

    มีนา ซอร์เซ่ ท่านถูกรับเลือกเป็นตัวแทนในพิธีครั้งนี้ กรุณามารายงานตัวกับนักบวช และเตรียมเข้าพิธีชำระล้างด้วย!!

    ฉันขอขัดหน่อย!! ท่านหัวหน้านักบวช!!

    เดรย์เอ่ยขึ้นเสียงดัง เดินออกมาจากกลุ่มคน  แล้วย่างสามขุมตรงไปยังหัวหน้านักบวชด้วยแววตาเคร่งเครียด โดยไม่สนใจสายตาหลากความหมายที่มองตามไป

    เจ้าเด็กผีนี่

    ตัวซวย

    กลับมาทำไม?”

    มันไปตายกลางทะเลทรายก็ดีแล้วแท้ๆ

    "
    เจ้าเด็กขี้โกหก..ฆาตกร"

    ..คลื่นแง่ลบแผ่ไปทั่วบริเวณ เสียงกระซิบด้วยความมุ่งร้ายดังเข้าหู คำด่าทอที่แฝงเน้นด้วยความเกลียดชังค่อยๆหลุดออกมาจากริมฝีปากคนรอบกาย บรรยากาศกดลงจนเหมือนจะหายใจไม่ออก มีนามองตามไปด้วยท่าทีร้อนรน ก่อนจะกัดฟันกรอด แล้วพึมพำด้วยความไม่พอใจ

    “..เจ้าบ้าเดรย์!!"

    ..

    มีปัญหาอะไร เดรย์ ซอร์เซ่หัวหน้านักบวชกล่าวเสียงพร่า เนลล่าขมวดคิ้ว ก่อนจะหันมองมีนาที่ยืนข้างกายด้วยใบหน้าเครียด มีนา ซอร์เซ่...

    ฉันกับเขาเป็นพี่น้องกัน แต่เขา....ไม่ชอบเรียกฉันว่าพี่เท่าไหร่ หลังจากเรื่องเมื่อสองปีก่อน



    เดรย์มองหัวหน้านักบวชด้วยสายตาดูแคลน สอดมือลงกระเป๋ากางเกงแล้วมองลงพื้น เอ่ยขึ้นโดยไม่มองหน้าคนฟังแต่อย่างใด ราวกบัจะสื่อว่าไม่ให้ความสำคัญกับการพูดคุย

    ตัวแทนลูกชายหมู่บ้านต้องเป็นบุรุษเพศ มีนาเป็นผู้หญิงใครๆก็รู้ คราวนี้คิดอย่างไรถึงเลือกสตรีเพศเป็นตัวแทน

    พูดจาไร้สัมมาคาราวะ เจ้าเด็กผี..!

    เสียงที่เล็ดรอดไรฟันดังจากชาวบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆกาย เนลล่าขมวดคิ้วใจคอไม่ดี มือเรียวเกาะแขนอิลเวสแล้วกระซิบแผ่วเบานี่มันอะไรกันนะ...

    เงียบไว้ก่อน.....อิลเวสกระซิบตอบ เนลล่าจึงหันไปทางมีนา

    มีนา..เดรย์....

    “..
    อย่างที่เดรย์บอก ตัวแทนลูกชายหมู่บ้านต้องใช้เด็กหนุ่มเป็นตัวแทน.. เขาแค่ยอมรับไม่ได้..หรือไม่..อาจจะ..มีนาพึมพำ กัดริมฝีปาก กำหมัดแน่น






    นี่เป็นบัญชาเทพเสียงพร่าของชายชราเอ่ยตอบอย่างสงบเป็นเช่นนี้เสมอมา

    โฮ่...มีหลักฐานที่ไหนมาบอกล่ะ?”

    ฉันได้ยินกับหู...

    คำพูดแบบนั้นใครๆก็พูดได้!

    เหตุการณ์ไม่ปกติ ย่อมมีบางสิ่งพลิกผัน

    ไม่ใช่ว่าเดามั่วตามใจตัวรึไง! เหมือนเมื่อสองปีก่อน!

    กล้าลบหลู่ท่านหัวหน้านักบวชรึ!!

    ชายร่างใหญ่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห เชือกอารมณ์ขาดผึง เขาเดินตึงตังมาทางเดรย์ ก่อนจะกระชากร่างผอมของชายหนุ่มออกมาด้วยความไม่พอใจ

    เดรย์..!..

    เนลล่าพึมพำแล้วก้าวจะออกไปช่วย แต่อิลเวสดึงแขนไว้

    อิลเวส ปล่อยผม!!

    อย่าไป....เนลล่า เธอลืมไปรึเปล่าว่าเราต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกนาน ถ้าออกไปช่วยชาวบ้านจะมองเรายังไง

    แต่...

    เนลล่า นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอนะ

    เนลล่ากัดริมฝีปาก สภาพจิตใจไม่ต่างจากมีนาที่ยืนอยู่ข้างกายที่กำลังห่วงใยด้วยความร้อนรน

    โครม!

    ปล่อยฉันนะ!! ปล่อยเซ่!! ไม่เห็นรึไงว่าแปลกๆ!! ตัวแทนต้องเป็นผู้ชายไม่ใช่รึไง!!โวยวายขณะที่ล้มคลุกกับพื้นทรายโดยยังไม่ถูกปล่อยคอเสื้อ

    ท่านก็บอกแล้วนี่ว่าเหตุการณ์คราวนี้ไม่ปกติ ถึงได้มีเหตุผิดจากบางอย่าง!! เจ้าเด็กเขลา

    เหตุผลบ้าบออะไรล่ะ!! เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นแล้วชาตินี้จะทำอะไรกิน เทพบ้าบออะไรมีไหมเล่า!!

    เจ้านี่เถียงฟากไม่ตกฟาก แกเป็นผีห่าซาตานปลอมตัวมารึไง!! ถึงมาลบหลู่เทพเจ้าแบบนี้!!

    ถ้าผมเป็นปิศาจ! นั่นก็จอมปิศาจล่ะ!

    ผัวะ!!

    เสียงหมัดปะทะหน้าเสียงดัง ตามด้วยสายตาเกลียดชังเหลือประมาณที่โหมกระหน่ำเข้าใส่ ก่อนชาวบ้านจะวิ่งรุมเข้าไปประชาทัณฑ์ด้วยความชิงชัง

    สามหาว ลามปาม!! เจ้าเด็กน่ารังเกียจ!!

    เอามันไปขังคุก!!

    โยนทิ้งไว้กลางทะเลทราย ให้ถูกเผาไปเลย!!

    ไล่มันออกไป!!

    ฆ่ามัน!!


    หยุด เดี๋ยว นี้!!

    เสียงกังวานของหญิงสาวดังออกมา ตรึงสถานการณ์ไว้ได้อย่างดี ทุกอย่างชะงักนิ่ง ก่อนเจ้าของเสียงจะก้าวออกมา

    อย่าทำร้ายเขาไปมากกว่านี้เลย!! ถึงจะโตป่านนี้แต่หมอนี่ก็แค่ความคิดเด็กกว่าตัว อย่าไปหาว่าเป็นเด็กผีเลย ยกโทษให้เขาเถอะ... ท่านหัวหน้านักบวชคะ ดิฉัน มีนา ซอร์เซ่ค่ะมีนากล่าวแล้วเดินออกมาอย่างมุ่งมั่น โค้งให้หัวหน้านักบวชเมื่อถึงระยะห่างประมาณสี่ช่วงคน ดวงตาหันมองเดรย์ที่นั่งกุมหน้าบวมปูดกับพื้น เสื้อแสงที่สวมใส่ขาดสกปรก ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการโดนรุมทำร้าย มีนากัดริมฝีก ก่อนจะกล่าวขออนุญาตกับหัวหน้านักบวชตรงหน้าตน

    ฉันขอคุยกับเขาครู่นึง แล้วจะเดี๋ยวจะตามไปที่วิหารนะคะ

    ตะ..แต่ตามธรรมเนียมต้อง.......

    ช่างเถอะ นักบวชโทลหัวหน้านักบวชยกมือขึ้น หยุดคำพูดของนักบวชที่ตามตนมาไว้

    แน่ล่ะสิ ขนาดธรรมเนียมที่ผู้ชายต้องเป็นตัวแทนยังโดนล้างเลย

    เดรย์ เงียบ!!มีนาเอ่ยเสียงดัง หันมาขมวดคิ้วมองราวกับดุเด็กๆ ก่อนจะนั่งลง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา เช็ดใบหน้าที่มีรอยเลือดและเริ่มบวมขึ้นจากการโดนชกของเดรย์

    เจ้าเด็กบ้า..ทำอะไรไม่คิด...ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ เดรย์ แต่เงียบซะดีกว่าจะดีกับตัว..ไม่มีใครจะเชื่อนายหรอกนะ เดรย์ แม้นั่นจะเป็นความจริงก็ตาม..แต่

    เล่าให้สองคนนั้นฟัง เรื่องที่เธอได้ยินมัน..และสัมผัสกับมันเมื่อสองปีก่อน ท่านนักเดินทางสองคนนั่น.. บางทีเขาอาจจะช่วยในสิ่งที่เธอต้องการได้

    เสียงกระซิบดังแผ่วให้ได้ยินเพียงสองคน ก่อนมีนาจะลุกขึ้น หญิงสาวหันไปทางหัวหน้านักบวช แล้วก้าวเดินไปอย่างแน่วแน่ มั่นคง ไร้ความกลัวหรือความประหม่าใดใด

    หัวหน้านักบวชแนบนิ้วที่จุ่มหมึกแดงไว้ลงบนหน้าผากของมีนา ลากเป็นอักขระรูปแบบหนึ่ง แล้วจึงประกาศด้วยเสียงกังวานก้องไกล

    นับแต่วันนี้ตราบจนสิ้นค่ำคืนของวันเพ็ญครั้งที่ห้าของปี มีนา ซอร์เซ่ คือตัวแทนลูกชายหมู่บ้านผู้เสียสละของเรา!

    เสียงเฮลั่นดังไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านต่างยินดี บางคนก็หันมายิ้มเยาะเดรย์ที่ยังนั่งนิ่งกับพื้น แล้วเตะใส่ด้วยความสะใจ ก่อนจะเริ่มทยอยหายไปจากพื้นที่ ทีละคน..ทีละคน..

    จนเหลือเพียงเดรย์ที่นั่งอ้างว้างอยู่ท่ามกลางผืนทรายสีทอง

    ..สวบ..สวบ

    เงาร่างสองร่างบดบังสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาทางเขา เดรย์เงยหน้าขึ้น และพบกันคนต่างถิ่นสองคนที่เขาได้พบเมื่อไม่นาน
    เนลล่ามองสภาพของชายร่างผอม ก่อนจะเอ่ยถามห่วงใยเป็นไงบ้าง

    “..
    มาช่วยช้าไปไหม?”

    แต่เดิมเราไม่เกี่ยวกับนายอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องช่วยนาย..แม้แต่น้อย

    “...
    ก็จริง..หัวเราะขื่นกับคำพูดของชยเจ้าของเนตรสีทอง แล้วจึงทำสีหน้าเคร่งเครียดมีนาตกอยู่ในอันตราย...

    พิธีนั้น อันตรายยังไงอิลเวสกล่าวนำ จ้องมองร่างที่นั่งอยู่กับพื้นอย่างคาดคั้น"พวกนายทำมาตลอดนี่?"

    เมื่อก่อนมันไม่อันตราย แต่วันนี้ เวลานี้ ปีนี้ อันตราย..เมื่อสองปีก่อนก็เกิดเรื่องแบบนี้..ตอนนั้นฉันรู้เรื่องช้าไปถึงช่วยไม่ทัน..ฉันบอกความจริงกับชาวบ้าน..แต่บอกไปก็ไม่มีใครไม่ฟัง...หาว่าโกหก โดนบอกว่าเป็นตัวโชคร้าย..โดนหาว่าหลอกลวง.. จนฉันเซ็งสะบัดปีนขึ้นเกวียนท่องทะเลทราย...แล้วสุดท้ายก็กลับมาตายรังที่นี่....แต่คงโชคดี ที่กลับมาทันรับรู้ว่า..มันจะทำอะไร

    “.......
    เดรย์ ซอร์เซ่ นายรู้อะไร บอกมาให้หมดอิลเวสเอ่ยฉะฉาน เดรย์เงยมองแล้วหัวเราะในลำคอด้วยเสียงที่ไม่ติดต่อกันเพราะเจ็บบาดแผลที่มีแววจะช้ำข้างใน ชายหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะถอนหายใจแล้วกล่าวต่อไปโอเค..โอเค..นายบอกว่าอยากรู้ลึกกว่านี้สินะ.. ไม่ต้องไปถามพวกบ้าที่วิหารหรอก เผลอๆจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ ฉันเล่าให้ฟังก็ได้ ทั้งเรื่องเมื่อสองปีก่อน ทั้งเรื่องตำนานบ้าบอนั่น

    เพราะฉันเคยเป็นนักบวชฝึกหัดที่นั่นมาก่อน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×