ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hagalaz..ผนึกรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #15 : ผนึกที่ 14 : ความทรงจำซึ่งไม่ควรมีอยู่[100%]

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 53


    ผนึกที่ 14 : ความทรงจำซึ่งไม่ควรมีอยู่


    บางครั้งฉันก็สงสัยว่าทำไมถึงได้ยึดติดนัก..กับความคิดของตัวเอง
    บางทีคำตอบอาจอยู่ในหัวใจของฉัน และบางที
    ก็อาจจะไม่มีคำตอบอยู่ที่ไหนเลย



    สิ้นสุดคำนั้น ใบหน้าคมก็เสไปมองทางอื่นราวไม่ต้องการให้ใครเห็นใบหน้าของตน ซินเธียที่สังเกตท่าทีนั้นหัวเราะชอบใจ รอยยิ้มบางผุดผาดขึ้นบนใบหน้าขาวซีดใต้ผ้าคลุมสีราตรี แปลก สาเหตุล่ะ?”

    ชายหนุ่มนิ่งเงียบไม่ตอบคำ เห็นดังนั้นซินเธียจึงหัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม นึกขบขันในตัวชายหนุ่มเนตรสีทองเต็มกำลังฟังเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวและขัดกับการกระทำเหลือเกิน....ในเมื่อเจ้าก็ยังออกเดินทางกับเด็กคนนั้น..?”

    ต่อให้คัดค้านสุดท้ายก็จะหนีมาตามหาให้ได้ ถ้าอย่างนั้นสู้ปล่อยให้ทำตามใจแล้วคอยอยู่ดูแลดีกว่า

    ราวกับรู้ดีเชียวนะ อิลเวสหญิงสาวหยอกเย้าชายหนุ่ม รู้ดีว่าบุรุษตรงหน้าครั้งยังเยาว์ก็ไม่ได้แตกต่างกันไป ประกายเนตรระริกไหวสีราตรีมองใบหน้าคมเคร่งขรึมซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้าอย่างสนุกสนาน ก่อนเสียงหัวเราะจะดังกังวานขึ้นอีกครั้งด้วยความชอบใจ

    ดูเจ้าห่วงใยเด็กน้อยคนนั้นนัก หลงรักหรือ?”

    ไม่เกี่ยวกับท่าน แล้วฉันก็ยังเป็นผู้ชายปรกติอยู่ชายร่างสูงเอ่ยตอบกลับแทบจะในทันทีที่สิ้นสุดประโยคหยอกเย้าของซินเธีย ดวงตาสีรัตติกาลเบิกเล็กๆ ก่อนหรี่ลงแล้วมองด้วยสายตาไม่เชื่อใจ

    หญิงสาวมองใบหน้าคมที่ยังตึงด้วยความโกรธอยู่ ก่อนจะเลิกสนใจพร้อมพรูลมหายใจออก มือเรียวบางใต้ถุงมือลูกไม้กระชับร่ม เนตรสวยมองไปยังขอบฟ้าไกลที่เบื้องหลังตน สายลมพัดผ่านพาให้ชุดราตรีสีดำพลิ้วสะบัดไหว ...หญิงสาวเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง ดวงตาสีสวยเบิกขึ้น แล้วมองไปยังบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าตน “..จะเช่นไรก็ตามแต่ใจเจ้าเถอะ เราแค่มาเตือนให้เจ้ารู้เส้นตาย...อีกสามวัน....เท่านั้นล่ะ เราไปแล้ว...

    ……แล้วเจอกันหลังเรื่องนี้จบลง

    หญิงสาวโค้งกาย มือเรียวจับปลายกระโปรงย่อลงอย่างสง่างามเป็นการบอกลา ก่อนที่ร่างโปร่งสูงจะหยัดกายขึ้นพร้อมตวัดร่มมาอยู่ตรงหน้าตน ปิดบังกายส่วนบนไว้กระทั่งร่มค่อยๆเคลื่อนลงสู่เบื้องล่าง และร่วงหล่นสู่ผืนดินในที่สุด

    ..ร่างเจ้าของร่มสีราตรีกาลได้หายอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

    ดวงตาสีทองหลุบลงอย่างเหนื่อยหน่าย ..คนรู้จักของเขาคนนี้ดูเปลี่ยนไปมากจริงๆ แม้ว่านิสัยจะยังคงเหมือนเดิมเฉกเช่นสมัยก่อนก็ตามที

    ชายหนุ่มร่างสูงมองร่มที่ถูกทิ้งไว้บนพื้นดิน เจ้าของดวงตาสีทองถอนหายใจ ก้าวเดินจะเก็บ แต่แล้วร่มกลับถูกลมพัดหอบให้ลอยไปในผืนนภา

    สายตาคมกริบของชายหนุ่มมองตามไปยังนึกอึ้ง

    ..เก็บด้วยวิธีนี้งั้นหรือ ถ้าลำบากอย่างนั้น จะไปแบบธรรมดาไม่ได้รึยังไงกัน

    อิลเวสถอนหายใจอีกครั้ง เนตรสีทองมองหนังสือที่อยู่ในมือ ก่อนตัดสินใจออกเดินสู่สถานที่ที่ตนต้องการไป


    +++++++++++++++


    รถม้าสีดำขลับแห่งหอรุ้งเจ็ดสีค่อยๆเคลื่อนผ่านถนนสู่สถานที่ปลายทาง....

    พื้นที่ภายในของรถม้ามากพอให้คนนั่งได้แค่สี่คน แบ่งเป็นฟากละสองโดยมีหน้าต่างกว้างบานหนึ่งติดตั้งไว้ให้มองเห็นภายนอกระหว่างที่รถแล่นไป บนเพดานมีเทียนไขเล่มหนึ่งลุกโชติช่วงเป็นแสงสว่างอันวูบไหวในกล่องสีเหลี่ยมสีราตรี ...ที่ข้างรถมีอักษรสลักไว้ว่าหอ รุ้งเจ็ดสีเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่ารถม้าของที่นี่เป็นรถสำหรับเดินทางระยะสั้นที่แต่ละหอต่างมีเป็นของตัวเอง.. ที่นั่งของรถถูกบุด้วยขนแกะแล้วคลุมด้วยหนังมันสีม่วงอมน้ำตาล สายลมพัดกรูเข้าต้องร่างสองร่างที่นั่งอยู่ภายในอย่างนิ่งงัน ความเงียบคลอบคลุม เหลือเพียงเสียงลมหายใจและเสียงล้อบดถนนที่ยังดังเรื่อยอยู่  ทั้งเด็กสาวและชายหนุ่มต่างตกลงในห้วงความคิดของตนโดยไม่คิดจะชักชวนอีกผู้ในพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบพูดคุย

    เด็กหนุ่มร่างบางในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนนั่งอย่างสงบ หากความคิดภายในนั้นระอุด้วยความโกรธ หงุดหงิด และรำคาญใจ

    ..อยากตบหัวตัวเองจริง

    เนลล่าคิดอย่างหงุดหงิด คิ้วเรียวเผลอขมวดมุ่นเจ็บใจ หลังเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหากอยากได้ข้อมูลของคดีเมื่อสองปีก่อนล่ะก็ ไปหาที่ตึกทหารนั่นอาจจะได้เรื่องกว่าก็เป็นได้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องมาพบมาดามกลาเดียอะไรนั่นให้เปลืองแรง รวมแต่งชุดผู้หญิงสะดีดสะดิ้งนี่ให้เปลืองกายเลย!

    แถมยังลืมขอร้องอิลเวสให้ช่วยดูคดีเมื่อสองปีก่อนให้ด้วยนี่สิ

    เด็กหนุ่มกัดริมฝีปาก เพราะยิ่งกว่าการตัดสินใจผิดนี่ มีอีกเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเครียดขึ้นมา..นั่นคือลางสังหรณ์แปลกๆ..ที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆหลังเข้ามาพัวพันกับคดีของ Red Lady สตรีสีแดง

    เด็กหนุ่มนึกอยากก้าวถอยหลังจากสิ่งที่ตนกำลังตามหา ด้วยการเชื่อฟังสัญชาตญาณอันเที่ยงตรงของตน แต่..

    ร่างบางกัดริมฝีปาก ดวงตาหลุบลงคล้ายสับสนไร้ทางเลือก

    ถ้าเขาไม่จับตัวคนร้ายให้ได้....สิ่งที่เขาต้องการ เบาะแสของเขา...ก็ต้องหลุดลอยไป

    อย่างน้อยขอแค่ให้รู่ว่าพลาดหรือสมหวัง ไม่ใช่ค้างคา...ไม่มีทางเลือกให้เขาเลือกมากนักหรอก

    เปลือกตาบางปิดลงอย่างเศร้าสร้อยทรมาน

    .

    .
    “...ขอถามหน่อยได้ไหม?”

    ความเงียบถูกทำลายเมื่อเสียงทุ้มกังวานดังขึ้น เด็กหนุ่มเบิกตาเล็กๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองร่างตรงหน้าที่นั่งอย่างสบายอารมณ์ถาม?”

    สัญลักษณ์บนมือนาย...ถึงนายจะบอกว่าไม่รู้ แต่อย่างน้อยนายก็ไม่น่าจะถึงกับไม่สนใจชายหนุ่มเอ่ย หลังอีกฝ่ายทวนคำเชิงถามกลับ ดวงตาสีม่วงสวยจ้องมองเด็กหนุ่มเบื้องหน้า ก่อนท้าวคางกับพนักเก้าอี้ของตนว่าไง?”

    “.......มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องเล่าล่ะครับ บอกตามตรง...ทั้งผมทั้งอิลเวสยังไม่ได้ไว้ใจคุณเต็มร้อยหรอกนะครับร่างแบบบางใต้คราบเด็กสาวเอ่ยบอกพร้อมหรี่มองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของเนตรสีม่วงสวยยักไหล่ ไม่ใส่ใจกับการถูกสงสัยแต่อย่างใด

    ช่วยไม่ได้ ฉันไม่ได้อยากจะเป็นเทวดาให้พวกนายเกลียดนี่ แต่อย่างน้อยพวกนายก็กำลังใช้ประโยชน์จากฉันที่เป็นเทวดาอยู่ รึว่าไม่ใช่?”เจ้าตัวว่าพลางมองด้วยสายตาเย้ยหยัน เด็กหนุ่มผมขาวเม้มริมฝีปากแล้วจ้องกลับไม่ละสายตาด้วยแววเนตรแข็งไร้ความนุ่มนวล ..สายตาสองคู่จ้องกันอยู่นาน ก่อนคนเริ่มจะเป็นฝ่ายละสายตาไปเอง แต่งสาวซะสวย ทำท่าอ่อนลงหน่อยก็ไม่มีใครว่าหรอกน่า เนลจัง

    “...ผมชื่อเนลล่าครับ

    ก็แค่ชื่อเรียก

    ผมไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อผมผิดๆหรอกนะ

    ไม่รู้มีใครเคยบอกนายไหม แต่ชื่อนายน่ะสาวมากเลยนะ ขอบอก ถ้าจะเปลี่ยนชื่อหน่อย ปรับนิดปรับน้อยก็ไม่มีใครว่าหรอกโบกมือไปมาคล้ายไม่ให้ใส่ใจกับชื่อ เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ก่อนเอ่ยฉะฉานตอกกลับไป

    ในบางนคร ชื่อคือสิ่งที่บ่งบอกตัวตน และเป็นสิ่งสำคัญที่จะบอกใครต่อใครไม่ได้..เพราะถือว่าชื่อคือตัวตนของตัวเอง ชื่อของผมคือเนลล่า กรุณาเรียกให้ถูกด้วยครับ

    แล้วนายเป็นคนประเทศนั้นรึ เนลจัง ถึงต้องยึดติดขนาดนั้น?”

    แล้วทำไมผมถึงจะยึดติดไม่ได้!

    มีเหตุผลอะไรให้นายยึดติดละ? ไอ้สิ่งที่เรียกว่าชื่อมันก็แค่คำที่ไว้ใช้เรียกคนไม่ให้สับสนเท่านั้นไม่ใช่หรือไงชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเอ่ยราบเรื่อยคล้ายไม่สนใจท่าทีสั่นระริกด้วยความโกรธขึ้งของเด็กหนุ่มร่างบาง ไลบราลียกมุมริมฝีปากขึ้น ก่อนจะว่าต่อไปอย่างไม่ยำเกรง ดูอย่างฉันสิ ฉันลืมชื่อจริงตัวเองไปแล้ว เหลือแค่ไลบราลีให้คนอื่นเรียก แล้วนายจะจริงจังทำไมกับชื่อเรียกที่ไม่ใช่ชื่อของนาย?”

    ก็เพราะ.....!!ดวงตาของเด็กหนุ่มหลุบลง ความโกรธระอุที่ผุดขึ้นคล้ายค่อยๆถูกกลบฝังด้วยความเศร้า ท่าทีสงบลง ..หากประกายเนตรสีทับทิมกลับส่องประกายหม่นแสงเศร้าสร้อย

    ก็เพราะ....นั่นเป็น....สิ่งเดียวที่บอกว่าผมยังคงเป็นผม ...สมบัติ...

    ..เพียงหนึ่งเดียว...ของเขา.

    หากไร้ชื่อแล้ว ตัวเขาก็แสนเคว้งคว้าง

    ตัวเองเป็นใคร? มาจากไหน? เหตุใดใยหลับใหลบนผืนหิมะกว้างแต่เพียงผู้เดียว

    สัญลักษณ์บนมือซ้ายนี่คืออะไร? สัญลักษณ์เผ่า? คำสาป? หรือเพียงสัญลักษณ์ซึ่งตัวเขาในอดีตที่เขาไม่รู้จักเพียงสักเล่นอย่างไร้ความหมาย

    ไม่อาจแน่ใจในตัวตนของตัวเอง..นอกเหนือจากชื่อ..ซึ่งได้รับมา

    ชื่อซึ่งไม่ใช่ชื่ออันแท้จริง แต่ก็บ่งบอกว่าเขายังมีตัวตน...เป็นเนลล่า เลเซเบลคนนี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้คน

    เป็นเขาคนนี้...



    บอกตามตรงนะ.....

    เสียงของเทวดาหนุ่มฉุดเขาขึ้นมาจากภวังค์

    “..นายก็คือนายเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มร่างบางให้เบิกตากว้างสนใจ ไลบราลีฉีกยิ้มมองใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก่อนจะท้าวคางลงกับมือที่ประสานกันของตน “...จะเรียกด้วยชื่อไหน เนลล่า เนลจัง เนลลี่ หรืออาจจะเป็นชื่ออื่นที่พิลึกกว่านั้น แต่ทั้งหมดนั่นคือชื่อที่มีไว้เพื่อเรียกนาย... เพียงคนเดียวเท่านั้น

    ....แล้วจะบอกว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้บอกถึงตัวตนของนายงั้นหรือ?”

    ดวงตาสีทับทิมเบิกกว้าง รู้สึกเหมือนมีใครเอาไม้มาฟาดหัวให้งุนงง..หากไม้นั้นได้ฟาดให้เด็กหนุ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

    เด็กหนุ่มยอมให้คนที่ถูกใจเรียกว่าเนล แต่ชื่อนอกเหนือจากนั้น เขาไม่ต้องการให้ใครเรียก...เพราะนั่นราวกับว่าใครคนนั้นจะไม่ได้เรียกตัวเขาเอง..หากเรียกใครคนอื่น ไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้

    ชื่อทุกชื่อที่มีไว้เรียกคนเพียงคนเดียว.....ไม่เคยมีใครบอกเขาแบบนี้ ไม่สิ เขาไม่เคยถามใคร ไม่เคยบอกใคร..ถึงความเคว้งคว้างของตนนอกจากกับอิลเวส และอิลเวสไม่ใช่คนช่างพูด จึงมักอยู่ข้างๆแทนที่จะกล่าวอะไรออกมา ทั้งส่วนมากคนรอบตัวเขาก็เรียกเขาด้วยชื่อเต็ม และเด็กหนุ่มไม่เคยเห็นใครดึงดันจะเรียกชื่อตนแบบแปลกๆเมื่อเขาคัดค้านขึ้นมา

    ..ทุกชื่อที่เรียก..คือชื่อที่มีไว้เรียกเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น..คนเดียว....ตัวตนของเขาคนนี้...

    สิ่งยืนยันตัวตน..

    น้ำตาหยดเผาะ ร่วงหล่นลงบนผิวผ้าสีชมพูอ่อน หยาดตาน้ำตาที่ไม่รู้ว่าร่วงหล่นเพราะความตื้นตันหรือความรู้สึกใดที่ทำให้น้ำตาเอ่อล้นออกมา ไลบราลีที่เห็นเด็กหนุ่มร้องไห้สะดุ้งเฮือก มือเรียวยาวคว้าผ้าคลุมไหล่ของอีกฝ่ายขึ้นซับน้ำตาที่เนตรทับทิมอย่างร้อนรน

    เฮ้ย!! ร้องทำไม?”

    เดี๋ยวก็หยุดแล้วครับ

    อย่าร้อง เฮ้ย ห้ามขยี้!! เครื่องสำอางค์หลุด!!

    “.........ห่วงผิดเรื่องแล้วมั้งครับ

    ถูกเรื่องแล้วล่ะ ฉันแต่งใหม่ไม่ได้นะโว้ย ไม่สามารถ!! เนลจังหยุดร้องไห้ด่วน!!

    ชายหนุ่มอุทธรณ์พลางซับน้ำตาที่ยังคงร่วงหล่นลงมา เนลล่าหัวเราะในลำคอ..ไม่ใส่ใจกับชื่อเรียกผิดๆนั่นอีกแล้ว

    +++++++++++

    หอรุ้งเจ็ดสีไม่ได้มีสีสันลานตาดังเช่นชื่อหอ หากแต่เป็นหอซึ่งลึกลับและเงียบสงัดทั้งซับซ้อนดังเขาวงกตอันหลอกตา หอสีรุ้งเจ็ดสีตรงหน้าเป็นปราสาท..แม้ไม่ใหญ่เท่าปราสาทของเจ้าเมืองแต่ใหญ่มากพอจะถูกเรียกเช่นนั้น  หอ..ไม่สิ ปราสาทรุ้งเจ็ดสีนี้มีสีเทาของอิฐราวกับถูกสร้างมานานแล้ว เถาไม้ที่มีชื่อเรียกว่าไอวี่พันติดอยู่รอบข้างสร้างบรรยากาศวังเวงไม่สมกับเป็นสถานที่ค้าบริการ ..เด็กหนุ่มที่เห็นหอรุ้งเจ็ดสีผ่านทางหน้าต่างกลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนจะสะดุ้งหน่อยๆเมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมน้ำเสียงทุ้มนุ่มของชายคนขับรถที่มาเปิดประตูให้ร่างในรถม้าทั้งสองคน

    ถึงแล้วครับเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยแล้วยกแขนขึ้นรอรับมือเรียวของเด็กสาว เนลล่าสูดลมหายใจลึกก่อนลุกขึ้นอย่างลำบากแล้ววางมือลงบนมือของคนขับรถเพื่อพากายลงจากพาหนะสีราตรี เด็กสาวเบี่ยงหลบเมื่อเท้าแตะยังพื้นหินเบื้องใต้ ก่อนจะยืนรอให้ผู้ดูแล..ไลบราลีเดินตามลงมา แล้วปิดท้ายด้วยเสียงปิดประตูรถอันเบากริบด้วยฝีมือของคนขับรถเนตรเขียวเข้มดั่งพงไพร

    ประตูหน้าของปราสาทซึ่งมีชื่อเรียกว่าหอรุ้งเจ็ดสีนั้นเป็นประตูไม้ขนาดใหญ่สีดำที่สามารถนำรถเพดานสูงเข้าไปได้ สองข้างของประตูมีหุ่นนักรบยืนขนาบถือหอกยืนอยู่ดังผู้เฝ้าทวารบาล เด็กหนุ่มร่างบางนิ่งมองอยู่ชั่วครู่ ก่อนประตูจะเปิดออก พร้อมร่างในชุดกระโปรงสีรุ้งสองร่างที่ก้าวเดินออกมา

    เด็กสาวสองคนเดินออกมาพร้อมโค้งกายให้เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวเหลือบม่วง ดวงตาสองคู่หนึ่งสีทองหนึ่งสีเปลือกไม้มองมาที่เนลล่าอย่างนึกทึ่งในความงามและบอบบางทรงเสน่ห์ของเด็กสาวที่ส่งเรื่องขอพบนายหญิงของพวกเธอ....หารู้ไม่ว่านั่นคือเด็กหนุ่มในคราบเด็กสาวร่างบาง

    นายหญิงกลาเดียกำลังรอคุณอยู่ค่ะ คุณเนลล่าเอ่ยจบ ประตูไม้บานใหญ่ก็เบิกออก เผยเส้นทางมืดที่มีเพียงแสงเทียนทอดไกลออกไปไร้จึดหมาย เนลล่าขมวดคิ้ว เหงื่อเย็นๆไหลผ่านใบหน้า เด็กหนุ่มเคลื่อนกายเข้าหาเทวดาหนุ่ม ก่อนกระซิบเบาๆเชิงถามไถ่ “..ที่นี่เป็นที่ค้าบริการแบบนั้นจริงๆหรือครับ?”

    หอรุ้งเจ็ดสีเป็นสถานที่กึ่งลึกลับเลยทีเดียว ผู้ใช้บริการไม่เคยแพร่งพรายเรื่องภายใน ใครที่อยากเป็นลูกค้าต้องผ่านด่านนับพัน พูดตามตรง..ตอนมาคราวก่อนฉันโดนปิดตามาแฮะ.. แต่นายคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เอ้อ...อีกเรื่อง อยากถามอะไรถามตรงๆ ห้ามอ้อมค้อม..อย่าลืมล่ะชายหนุ่มเอ่ยพลางตบไหล่ของเด็กหนุ่มแล้วรุนหลังให้เดินเข้าไป เนลล่าถอนหายใจก่อนก้าวเดินเข้าสู่ภายในปราสาทสีเทาวังเวง

    เคร้ง!!

    เสียงหอกประสานกับดังขึ้นทีหนึ่ง

    เนลล่ารีบหันไปมอง ปรากฏหอกสองเล่มตวัดกันเป็นกากบาทดั่งห้ามไม่ให้ร่างที่เดินตามเด็กหนุ่มร่างบางเมื่อครู่ก้าวตามไป เด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วงเบิกตากว้าง ตะโกนเกรี้ยวกราดอย่างตกใจ

    “...จะทำอะไรน่ะ!!สิ้นเสียงนั้นเด็กหนุ่มก็ทำท่าเดินไปหาเพื่อนร่วมเส้นทางที่ถูกกันออกไป กแต่แล้วเด็กสาวสองคนก็ดึงแขนเขาไว้ไม่ให้เดินเข้าหาร่างที่ถูกกันออกไป

    ฝ่ายบุรุษเนตรม่วงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ทำท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด ริมฝีปากหนายิ้มสู้เสือแล้วเอ่ยถามอย่างใจเย็นฉันเป็นผู้ดูแล ขอเข้าไปกับเด็กของตัวเองไม่ได้หรือ?”

    นายหญิงกลาเดียอนุญาตให้คุณเนลล่าเข้าพบเท่านั้นเสียงเคร่งขรึมของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำหยักศกดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มไม่อนุญาตให้คุณเข้าไป ไลบราลี

    “..........”ไลบราลียังคงยิ้ม แม้ดวงตาไม่ได้ยิ้มตาม ดวงตาสีม่วงสวยสบกับเนตรสีแดงทับทิมด้วยความเป็นกังวล..เขาไม่นึกว่ามาดามกลาเดียจะมาไม้นี้...นึกไม่ถึงเลยจริงๆ

    แล้วถ้าฉันยังดึงดันจะเข้าไป?”

    คุณเนลล่าจะไม่ได้พบกับนายหญิงกลาเดียค่ะเด็กสาวสองคนเอ่ยพร้อมกัน ประตูค่อยๆปิดลงโดยที่ไลบราลียังยืนอยู่ข้างนอก ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก...เนลล่ามีฝีมือ ไม่ได้อ่อนแอเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก...คงพอเอาตัวรอดได้อยู่กระมัง..หมายถึงถ้ามาดามกลาเดียไม่ได้ทำอะไรพิเรนทร์เกินการคาดเดาของเขาน่ะนะ

    ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขาพูดได้ตอนนี้คือ

    ระวังตัวด้วยนะ

    ...เขาเห็นว่าเด็กหนุ่มพยักหน้าตอบตนกลับมา

    และแล้วประตูบานยักษ์ก็ถูกปิดลง

    +++++++++++

    ประตูถูกปิดลง พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่พลันลอยมาแตะจมูก

    กลิ่นนี่…”

    เป็นกลิ่นดอกไม้ที่ปลูกในหอรุ้งเจ็ดสีค่ะเด็กสาวคนหนึ่งกล่าวขึ้น ดวงตามองเนลล่าแล้วยิ้มบางหอมสินะคะ?”

    ก็คร....ค่ะ.....เนลล่าเปลี่ยนคำลงท้ายแทบไม่ทันอีกรอบ ก่อนจะก้าวเดินตามหลังเด็กสาวทั้งสองไป

    เส้นทางที่เดินไปนั้นมืดมัวและวังเวง เต็มไปด้วยเส้นทางคดเคี้ยวและบันไดคดโค้งในความมืดสลัวที่มีเพียงแสงเทียน ..ความเงียบงันและบรรยากาศลึกลับนั้นชวนให้คิดว่าลูกค้าคนใดหนอ ที่จะชอบหญิงสาวที่อาศัยในสถานที่ลึกลับเช่นนี้ ..กลิ่นบางเบาของดอกไม้ลอยโชยกรุ่นหอมประหลาด กลบกลิ่นไหม้และอับชื้นของเปลวเทียน รวมทั้งมอบความรู้สึกสบายใจให้เส้นทางเย็นยะเยือกที่ไร้แสงตะวันตกต้องเป็นเวลานานนี้ด้วย

    เส้นทางที่ทอดยาวนั้นใช้เวลาเพียงไม่เท่าไหร่ก็ถึงที่หมาย เนลล่าหยุดยืนตามร่างผู้นำทาง เบื้องหน้าเด็กหนุ่มร่างบางปรากฏประตูบานหนึ่ง เด็กสาวคนหนึ่งเดินไปยังประตู ก่อนจะค่อยๆจับลูกบิดแล้วดึงบานประตูออก

    แสงสว่างแสบตาวาบขึ้นมาพร้อมสายลมรุนแรงที่พัดกรูเข้าต้องร่างกาย เนลล่าหลับตาลงป้องกันสายลมที่ทำให้เนตรสีทับทิมแห้งผาก ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อสายลมที่พัดกรูค่อยๆเบาลงจนเกือบหายไป พร้อมกับเสียงลงกลอนหน้าต่างที่ดังแว่วเข้ามา

    สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือห้องกว้างห้องหนึ่งซึ่งรายล้อมไปด้วยเครื่องประดับแปลกตาที่เขาไม่เคยพบเห็น โถกำยานสำริดที่วางอยู่บนเสาสูงข้างห้องนั้นโชยกลิ่นหอมประหลาด แสงไฟวูบไหวถูกจุดที่มุมทั้งสี่ในห้อง ..และแล้ว สายตาของเนลล่าจึงตกลงที่เก้าอี้นวมสองตัวและโต๊ะอีกหนึ่งซึงวางอยู่กึ่งกลางห้องพอดี

    ..ราวกับรอการมาของแขกรับเชิญ

    “..ยินดีต้อนรับสู่หอรุ้งเจ็ดสี คุณเนลล่าแห่งหอบุปผาโปรย

    เสียงหวานทรงอำนาจดังขึ้น เรียกสายตาของเด็กหนุ่มร่างบางให้หันไปมอง ปรากฏร่างของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีดำขลับยาวตรงซึ่งถูกรวบเป็นมวยแล้วปักด้วยปิ่นสีเงินห้อยประดับอัญมณีรูปผีเสื้อสีคราม ดวงตาสวยคมปราดสีเดียวกับผืนฟ้ายามสนธยามองตรงมาที่เขาด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกสิ่งใด หญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงรัดรูปแขนกุดคอเต่าสีดำ ขาเรียวใต้กระโปรงยาวก้าวเดินตรงมาที่เขา มือเรียวแตะคางมนแล้วเชิดขึ้นมอง ก่อนจะคลี่ยิ้มให้แล้วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งยืนดี

    ไม่นึกว่าหอบุปผาโปรยจะมีดอกไม้ที่งดงามถึงเพียงนี้ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อกลาเดีย นายหญิงแห่งหอรุ้งเจ็ดสี....จะเรียกว่ามาดามกลาเดียก็ได้

    เอ่อ..ยินดีที่ได้รู้จักฮ..ค่ะ มาดามกลาเดียเนลล่าเอ่ยตอบ มองหญิงสาวด้วยความประหม่า  ก่อนจะลอบถอนหายใจโล่งอกเมื่อนิ้วเรียวยาวที่เชยคางตนละออกไป

    ...จะว่าอย่างไรดี....สวย...แต่ว่า..ดูสูงส่ง...

    คนคนนี้เป็นเพียงแค่นายหญิงแห่งหอโสเภณีแน่หรือ?

    จริงสิ....

    ทำไม..ถึงไม่ให้ไลบราลีเข้ามาด้วยล่ะฮ...คะ

    เสียงหวานสูงที่ผ่านการดัดแล้วเอ่ยถาม ดวงตาสีทับทิมมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบ

    “...คนที่ฉันอยากพบคือเธอ ไม่ใช่เขาหญิงสาวเอ่ย มันก็แค่นั้น

    เนลล่ากัดริมฝีปากอย่างไม่ชอบใจ แต่แล้วกลิ่นหอมอันเบาบางของดอกไม้ก็ลอยแตะจมูกเนลล่าอีกครั้ง

    ‘.นี่..

    ..กลิ่นดอกไม้หอมมากๆเลย ดูสิฮะ


    เด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วงเบิกตากว้าง

    เมื่อกี้..คำพูดของใคร...

    เอ้อ..ดอกไม้ กลิ่นหอมดีนะฮ..คะ

    หญิงสาวมองใบหน้าของเด็กหนุ่มร่างบางที่ดูจะเหม่อลอยไป ก่อนจะแย้มยิ้มแล้วหัวเราะ ดีใจที่มีคนคิดแบบนั้น มันเป็นกลิ่นของดอกไม้ที่ขึ้นตามซอกหินน่ะ ไม่ต้องอาศัยดิน มีกลิ่นหอมชื่นใจ..ถือว่าเป็นดอกไม้ประจำหอรุ้งเจ็ดสีเลยทีเดียว ชื่อของมัน..คือโรซีเอ(หยาดน้ำค้าง)

    โรซีเอ.....

    ก่อนอื่น ไปนั่งกันที่เก้าอี้เถอะนะ ยืนคุยแบบนี้ไม่ดีเลยว่าจบเจ้าตัวก็เดินไปทิ้งงกายลงบนเก้าอี้ ตามด้วยเนลล่าที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม หญิงสาวเทชาจากกาลงบนถ้วยเล็กๆทั้งสองถ้วยตรงหน้า ก่อนจะยื่นถ้วยหนึ่งให้เด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอมีอะไรจะคุยกับฉันหรือ?”

    “..เอ่อ..คือ..ผ..ฉัน....

    เอาไงดี เปิดประเด็นเลยดีไหม?

    ...ในระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังลังเล เสียงหวานนุ่มก็ดังขึ้นมา

    ในจดหมายของพ่อหนุ่มแห่งตำรา เขาบอกว่าเธอมีเรื่องเครียดๆที่อยากรู้จากฉัน..เช่น ข่าวสาร.....หรือเรื่องที่คนธรรมดายากจะได้รู้หญิงสาวหยุดพูดชั่วครู่ จิบชาแล้วเอ่ยต่อไป มีอะไรก็พูดมาเถอะ ถ้าช่วยได้และฉันรู้ ฉันจะตอบ

    กล่าวจบหญิงสาวก็นั่งนิ่งรอฟังคำพูดของเนลล่า เด็กหนุ่มผมขาวนั่งเกร็ง ก่อนสูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ยถามออกไปผ..ฉันอยากทราบเรื่องราวของคดีที่คล้ายคดีของ Red Lady ที่เกิดเมื่อสองปีก่อนน่ะค่ะ

    มาดามกลาเดียขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาสีส้มคล้ายปรากฏแววเครียดขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่จะหายไปเมื่อหญิงสาวกระพริบตา รอยยิ้มหวานคลี่บนใบหน้านวลสวย ก่อนจะผงกหัวเบาๆอย่างเข้าใจ นี่สินะ เรื่องเครียดที่ไลบราลีพูดถึง

    เอ้อ....

    ว่าต่อไป

    “..มีคนคนหนึ่งบอกว่าคนรู้จักของฉันที่เป็นเหยื่อในคดีที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ฉันจึงอยากทราบว่าใครเป็นคนร้ายในคดีนั้น มีใครเป็นเหยื่อบ้าง และ...

    ต้องการข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนั้นสินะ

    เนลล่าชะงัก ก่อนจะผงกหัวเบาๆค่ะ

    “.........................เป็นเรื่องที่ลำบากจะพูดหญิงสาวเอ่ย น้ำเสียงเย็นวาบไร้อารมณ์ กลิ่นหอมจากโถกำยานขาดช่วง ร่างสูงระหงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังโถกำยานสำริดสลักลายงดงาม หญิงสาวทิ้งของบางสิ่งลงในโถกำยานสำริด จุดไฟแล้วปิดฝาลงอีกครั้ง พากลิ่นหอมอ่อนๆให้ลอยอวลออกมา

    กลิ่นอันแปลกประหลาด..และแสนคุ้นเคย

    เขาเคยได้กลิ่นนี้ที่ไหนมาก่อนะ?

     “..เป็นกลิ่นที่ทำให้ผ่อนคลายหญิงสาวเอ่ยเมื่อเห็นสีหน้าของเด็กสาว แล้วจึงกลับมานั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง เรื่องที่เราจะพูดกันต่อไปค่อนข้างเครียด ..ฉันเกลียดเรื่องที่สร้างริ้วรอยบนใบหน้าให้ตัวเอง...แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่เล่าหรอกนะหญิงสาวหัวเราะเมื่อใบหน้าของเด็กสาวแสดงท่าทีตกใจเอาล่ะ..ฉันจะใช้วิธีวิธีเล่าก็แล้วกันนะ เพราะฉันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องจัดการเรื่องนั้นเหมือนกัน..จะเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองรู้ออกมา

    บรรยากาศอันเงียบสงบก่อเกิดขึ้น กลิ่นหอมอันแปลกประหลาดลอยออวลจากการกำยานที่ถูกจุดใหม่อีกครั้ง ผสานกับกลิ่นของยาสูบที่หญิงสาวจุดขึ้นก่อนบอกเล่าเรื่องราว

    และแล้วเสียงนุ่มหวานก็ดังขึ้น

    ตอนนั้น...ฉันเพิ่งจะนายหญิงของที่นี่หลังจากนายหญิงคนก่อนเสียไป

    อย่างที่เธอรู้ เขตที่พวกเราอาศัยอยู่นี่เป็นเขตของพวกหญิงค้าบริการ..อันที่จริงก็มีชายด้วยแต่พวกเขาไม่มีหออาศัย ต้องขออยู่กับหออื่นของพวกผู้หยิงอย่างหกระจายกันไป ถึงเขตนี้จะยอมให้หยิงสาวขายเรือนร่าง แต่ไม่ได้หมายความว่าอนุญาตให้ชายทำเช่นนั้นด้วย.. พวกชายหนุ่มจึงไม่ได้สวัสดิการที่ดีนัก

    หากได้อยู่หอดีๆก็โชคดีไป แต่ถ้านายหญิงของหอเกลียดชัง นอกจากจะได้ลูกค้าแย่ไปแล้วอาหารการกินยังไม่ค่อยจะดีอีก
    มาดามกลาเดียยิ้มหยัน

    ถือได้ว่าเป็นมุมมืดเสียยิ่งกว่ามุมมืดของนครลากูน่า และเพราะแบบนั้นทำให้เกิดเหตุน่าเศร้าขึ้น

    สองปีก่อน เกิดคดีที่ชายค้าบริการถูกฆ่าตาย ร่างกายถูกกรีดยับ อวัยวะภายในถูกนำออกมาเรียงรายอย่างเรียบร้อย ดวงตาเหลือกโพล่ง ..มีดที่ใช้คาดว่าเป็นมีดคมกริบขนาดประมาณสิบเซนต์ สภาพ..น่าจะเรียกได้ว่าดีกว่าคดีของสตรุภาพสตรีสีแดงล่ะนะ ก็ค่ควักเครื่องในออกมาเท่านั้นเอง แถมยังตัดอย่างเป็นระเบียบอีกต่างหาก

    เกิดคดีแบบนี้ขึ้นสามครั้ง แต่แน่นอนว่าไม่มีใครสนใจจนกระทั่งศพสุดท้าย.....เหยื่อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เดินเข้ามาส่งยารักษาโรคให้กับหอรุ้งเจ็ดสี..

    อีวาน เฟรริดส์ แพทย์มือดีของนครลากูน่า

    อีวาน....

    ร่างกายของเนลล่าชาวาบไปทั้งตัวเมื่อปรากฏชื่อของคนรู้จัก ในขณะที่น้ำเสียงเนิบนาบยังร่ายต่อไป

    เพราะอย่างนั้นทำให้ทหารทุ่มกำลังตามหาร่องรอย ซึ่งไม่ยากเลยถ้าคิดจะทำ ทุกครั้งที่ฆาตกรหายตัวไปจะมีรอยเท้า  อีกทั้งครั้งนี้..ดูเหมือนว่าคนชันสูตรศพจะทำงานได้ดีทำให้เดินเรื่องเร็ว ดังนั้นจึงได้รู้ถึงกลุ่มฆาตกรทุกคนในคดีครั้งนัน้...แต่น่าเสียดาย

    คนพวกนั้นไม่ได้รับการลงโทษ

    ทำไมล่ะ!!

    เสียงทุ้มหวานดังลั่น ใบหน้าแสงดออกว่ายอมรับไม่ได้

    “....ฆาตกรทั้งห้าคนเป็นลูกเศรษฐี และเป็นแพทย์ฝึกหัดมือดีของนครลากูน่า เฉกเช่นเดียวกับเหยื่อรายสุดท้าย ดังนั้นจึงไม่ยากเลยที่พ่อแม่ของพวกเขาจะจ่ายค่าปิดปากทหารด้วยจำนวนเงินมหาศาล..พวกสกปรกหญิงสาวยิ้มหยัน ยกชาขึ้นดื่มดับกระหาย เนตรสีส้มมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วจึงเอื้อนเอ่ยเรื่องราวต่อไป

    ดังนั้นคดีนี้จึงปิดลงโดยที่คนร้ายลอยนวลต่อไป แม้ว่าจะมีหลักฐานมากมายก็ตาม แต่แน่นอน พวกเขาไม่อาจเป็นแพทย์ได้อีก สภาสูงของสถานพยาบาลหลวงประจำนครไม่ยินยอมให้คนที่เคยฆ่าใครมาก่อนเป็นแพทย์ที่รักษาคน..นอกเหนือจากคนที่ถึงร่วมมือแต่ไม่ได้ลงมือฆ่า..อันที่จริง คือครอบครัวเขามีอิทธิพลเกินไปจนไม่มีใครกล้าค้าน ทั้งชายคนนั้นก็ยังเป็นจำเลยรายที่ไม่มีใครรู้ชื่อเสียด้วย...ดังนั้นเขาจึงเป็นหมอมาตลอดโดยที่ปิดบังเรื่องน่ารังเกียจไว้..แต่ฉันคงจะบอกเธอไม่ได้หรอกนะว่าเขาเป็นใคร

    .. จากนั้น ดูเหมือนจะมีสองในห้าคนนั้นจะถูกขับไล่ออกจากครอบครัวเพราะญาติพี่น้องทนฟังคำกระทบกระทั่งไม่ไหว แต่จะไปอยู่ที่ไหนนี่ฉันยังไม่ใคร่แน่ใจ อีกคนหนึ่ง...น่าจะยังเป็นแพทย์อยู่ ส่วนอีกสองคนที่เหลือฉันก็ไม่รู้เรื่องด้วยเสียแล้วสิ....

    .....นี่คือทั้งหมดที่ฉันพอจะรู้

    และแล้วความเงียบก็เข้าครอบงำอย่างรวดเร็ว

    ..เท่าที่ฟังดูแล้ว นอกจากเรื่องที่อีวาน เฟรริดส์ถูกฆ่าในคดีนั้น กับเรื่องที่เป้าหมายเป็นชายโสเภณีที่มีรูปร่างบอบบางเหมือนกัน ไม่มีใครอะไรเชื่อมโยงกันได้อีกเลย...

    อ้อ...แต่ก็ได้ข่าวมาเหมือนกันว่า...ผู้ชายคนที่ว่าเป็นแพทย์นั่นตายแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าตายเพราะอะไรก็เถอะนะ

    พอจะทราบชื่อของเขาไหมคะ?”

    ไม่"

    เสียงหวานเอ่ยปฏิเสธฉะฉาน

    "และหมดเวลาที่เธอจะถามฉันแล้ว

    น้ำเสียงหวานพลันเปลี่ยนไป ดวงตาสีส้มฉายแววจ้าอย่างไม่น่าไว้ใจ

    อะ....

    …. กลิ่นหอมจากกำยานที่หอมโชยมานี่..คล้ายจะรุนแรงขึ้น

    เอาล่ะ คราวนี้เธอต้องเป็นฝ่ายตอบคำถามบ้าง เธอเป็นใคร

    ก็...

    ไม่ทันที่เนลล่าจะเอ่ยแก้ตัวอะไร หญิงสาวก็ร่ายคำพูดของตนออกมาเธอไม่ใช่ไม่ใช่คนของบุปผาโปรยแน่นอน ต่อให้เป็นคนใหม่ก็ไม่น่าใช่..ดอกโรซีเอนี้สาวๆที่หอบุปผาโปรยทุกคนต้องรู้จัก ต่อให้เป็นคนใหม่แค่ไหนก็ต้องรู้จัก ถึงไม่เคยได้กลิ่นแต่ต้องเคยได้ยินชื่อ มันเป็นดอกไม้..ประจำย่าน..ดอกไม้ซึ่งแม้มีปลูกเพียงในหอรุ้งเจ็ดสีแต่เป็นสัญลักษณ์ของเราทั้งหมด..อันที่จริงหมายความว่าเธอต้องรู้จักมันหากว่าเธอทำงานนี้จริง แต่ในเมื่อไม่ นั่นหมายความว่าเธอไม่ใช่คนของบุปผาโปรย และไม่ใช่คนของย่านนี้แน่นอน

    ...อีกประการหนึ่ง หากเธอเป็นคนรู้จักของเหยื่อในครั้งนั้น เธอน่าจะได้รู้เรื่องราวอื่นมาบ้างแล้วจากคนรู้จัก..นอกเสียจากคนคนนั้นจะปิดบัง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักที่ฉันสงสัย แต่มันเป็นเพราะใบหน้าของเธอ...ไม่มีร่องรอยของความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

    ปกติถ้ามาฟังเรื่องที่คนรู้จักของตัวเองต้องตาย ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหนอย่างน้อยก็ต้องชักสีหน้าบ้าง..แต่เธอไม่ ถึงจะตกใจกับชื่ออีวาน แต่นั่นไม่ใช่สีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดของคนรู้จักกัน

    ข้อสุดท้าย ไลบราลีไม่เคยน่าไว้ใจ แม้ว่าที่ส่งมาจะเป็นเด็กสาวน่ารักก็ตาม เอาล่ะ ตอบมา เธอเป็นใคร?”

    เอ่ยจบก็หัวเราะในลำคอ รอยยิ้มแสยะระบายเต็มใบหน้าคล้ายสนุกกับการเห็นเด็กสาวร่างบางนั่งอ้ำอึ้งตรงหน้าตน เนลล่าฟังคำพูดเหล่านั้นแล้วหนาวเยือกสะท้าน ..คนคนนี้..เป็นแค่นายหญิงแห่งหอโสเภณีจริงหรือเนี่ย!!

    ทั้งคำพูดคำจา ท่าทีคุมคาม..และอันที่จริง เรื่องราวที่เล่าเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็นคนธรรมดา

    เขาจะทำอย่างไรดี บอกไปว่าตัวเองเป็นใครงั้นหรือ? แต่ถ้าเป็นแบบนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะ?

    ให้ตายเถอะ

    “..ฉันคือเนลล่าแห่งหอบุปผาโปรยจริงๆค่ะ แต่ฉันเพิ่งมาจากที่อื่น จึงยังไม่รู้เรื่องสัญ...

    ไม่มีทาง สาวน้อยหญิงสาวจุ๊ปาก มองคนที่กำลังแก้ตัวอย่างนึกขันเป็นกฎของย่านนี่ต้องบอกสัญลักษณ์ให้รู้กันปากต่อปาก

    ฉัน........

    พอแล้วล่ะ ฉันไม่คิดฟังคำแก้ตัว..นอกจากความจริง อีกอย่าง ฉันก็คิดไว้แต่แรกแล้วว่าเธอมีพิรุธ..ถึงไม่ให้พ่อหนุ่มแห่งตำราตามเข้ามาไงล่ะ...หญิงสาวลุกขึ้นจากที่นั่ง ส่งผลให้เนลล่าสะดุ้งเตรียมจะขยับกายถอยให้ห่าง..แต่แล้วทันทีที่เด็กหนุ่มคิดจะลุกขึ้น ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรง..ชาวาบ..

    หรือว่า..กลิ่นหอมนี่!!

    ขยับไม่ได้หรอก...หญิงสาวกระซิบขัน ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้ม ก่อนนิ้วเรียวยาวจะเชยคางมนของเด็กหนุ่มขึ้นนี่เป็นกลิ่นหอมที่ทำให้ร่างกายชา..คนที่ชินแล้วคงไม่เป็นไร แต่กับเธอแล้วคงได้ผลมากทีเดียว..กลิ่นนี้นอกจากจะทำให้ผ่อนคลายแล้วยังทำให้หลับใหลได้อีกด้วย...

    เนลล่าพยายามขยับกายหนี หากน่าเจ็บใจที่เขาไม่อาจขยับกายได้ กลิ่นหอมนี่ทำให้ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรง กลาเดียมองร่างตรงหน้าแล้วแย้มยิ้มขบขัน ก่อนจะเกลี่ยนิ้วตามผิวเนียนของเนลล่าอย่างลุ่มหลง ประกายตาสีส้มสวยเปล่งประกายความต้องการ

    "น่าสนุกซะจริงน้า...."หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ก่อนเบิกตาน้อยๆกับดวงตาสีทับทิมที่พลันเปล่งประกายกร้าวอของเด็กสาวร่างบาง

    เสียงทุ้มหวานเค้นถามโทนต่ำ

    "คิด..จะ...ทำ..อะไร"

    มาดามกลาเดียคลี่ยิ้มอีกครั้ง "ไม่มีความจำเป็นที่เธอต้องรู้"

    ท่ามกลางความเลือนรางของสติที่เริ่มจางหาย เขารู้สึกถึงผ้าผืนลื่นที่มัดข้อมือทั้งสองของตนไว้ด้วยกัน

    ...บ้าจริง...เรื่องนี้จะโทษใครดี..ตัวเขาเอง..หรือว่าไลบราลี..

    ..หรือควรจะเป็นอิลเวสที่ไม่ยอมห้ามเขาไว้นะ?

    ท่ามกลางความคิดเหล่านั้น...สติของเนลล่าก็ดับวูบไป

    +++++++++++++

    พั่บ...

     

    เสียงกระดาษเสียดสีหยุดลงเมื่อมือหนาของบุรุษที่กำลังจับมันไว้อยู่หยุดเคลื่อนไหว ดวงตาคมกริบสีทองมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งผืนฟ้ากำลังเปลี่ยนสี...สู่ช่วงเวลาแห่งม่านกำมะหยี่สีราตรี

     

    ..เมื่อครู่จู่ๆก็คิดถึงเนลล่าขึ้นมา เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ?

     

    ถึงเจ้าเทวดาตาม่วงนั่นจะไม่น่าไว้ใจ แต่เนลล่าไม่น่าพลาดท่าถึงขั้นถูกใครในหอนั้นจับได้หรอกกระมัง

     

    คิดเช่นนั้น แล้วมือหนาก็รวบรวมเอกสารที่ต้องการต่อไป

     

    ดูเหมือนว่าเอกสารผ่านทางที่เทวดาตกสวรรค์มอบให้จะเป็นของจริง ทันทีที่ทหารเห็นสิ่งนั้นดวงตาเหยียดหยันไม่ไว้ใจก็เบิกโพล่งหวาดกลัวขึ้นมาทันที ผู้เฝ้าประตูลุกลี้ลุกลนเปิดประตูให้เขาแทบไม่ทัน..ใบอนุญาตนั้นมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึไงนะ

     

    ทั้งที่ถ้อยคำในนั้นมันไม่มีอะไรมากมายเลยแท้ๆ

     

    แต่ถึงกระนั้น ก็ต้องยอมรับว่ามันได้ผลดี

     

    ในห้องที่เขายืนอยู่นี้เต็มไปด้วยข้อมูลทางการทหารของนครลากูน่า แบบแปลนโครงสร้างนคร ประวัติศาสตร์ แน่นอนว่ารวมไปถึงบันทึกคดีที่ผ่านมาของนครลากูน่าด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้ข้อมูลของเหยื่อทั้งสี่คนที่ผ่านมา ข้อมูลแวดล้อมอื่นๆ และรายละเอียดการชันสูตรศพจากสถานพยาบาล

     

    ...จะว่าไป เขาได้หนังสือมาจากเนลล่าด้วยสินะ งั้นคงไม่จำเป็นต้องเอาข้อมูลของที่นี่ไป

     

    ฉับพลัน คิ้วเรียวเข้มของชายหนุ่มก็ขมวดมุ่น

     

    มือหนาเปิดหนังสือที่อยู่กับตัวเองเทียบกับเอกสารของทางทหารทันที ดวงตามองเอกสารทั้งสองไปมาอย่างไม่เข้าใจ

     

    นี่มัน......

     

    +++++++++++++++

    ..

     

    ......

     

    ............

     

    ..............

     

    เสียง...อะไรกันนะ

     

    เสียงหัวเราะ

     

    เสียงเรียกชื่อ

     

    วันนี้อากาศดีจังครับ

     

    เสียงเล็กของใครคนหนึ่งดังขึ้น

     

    กลิ่นหอมของผ้าที่อาบแสงอาทิตย์

     

    สายลมที่โชยกลิ่นหอมของแมกไม้

     

    ก็เห็นเธอพูดแบบนี้ประจำ

     

    เสียงหวานนุ่มของใครอีกคนดังตอบกลับมา พร้อมเสียงหัวเราะเล็กราวเสียงของเด็กชายที่เอ่ยโต้อย่างสดใส

     

    ...แน่ล่ะสิ ก็อากาศดีทุกวันนี้ครับ................

     

    ใคร?

     

    กำลังเรียกใครหรือ?

     

    ..ภาพที่แสนเลือนรางประกอบกันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏร่างของใครคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางผ้าผืนใหญ่นับร้อยผืนที่พลิ้วไสวตามแรงลมใต้ดวงอาทิตย์กลมโต

     

    แผ่นหลังของร่างนั้นปรากฏอยู่ต่อหน้า....อีกนิดเดียว.....อีกนิดเดียวก็จะเห็นใบหน้าแล้ว

     

    ไม่ทันที่ความต้องการจะเป็นไปดังใจ ภาพทุกอย่างก็พลันแหลกสลายหายไป..

     

    ..ดุจใครบางคนนำหินขว้างลงในแผ่นผิวน้ำให้แตกกระจาย

    ..................................

     

    ..................

     

    .........

     

    ...

     

     

    ..

     


    ....แสงสว่างวูบไหวของเปลวเทียนหลั่งรินเข้าสู่คลองจักษุของเด็กหนุ่มร่างบาง


    เปลือกตาบางค่อยๆเบิกขึ้น เผยสภาพห้องอันไม่ชัดเจนให้ปรากฏแก่สายตา ดวงตาสีแดงสวยกระพริบปริบ ปรับความคมชัดให้ค่อยๆกลับสู่สภาพเดิม


    ..ภาพเมื่อกี้คืออะไร....แล้ว...ที่นี่...?


     
    เสียงหวานทุ้มครางเบาๆในลำคอ ดูเหมือนร่างกายยังชาแปลบไม่หาย ฤทธิ์กลิ่นหอมดูจะยังไม่คลายไปแม้ยามนี้จะพอขยับร่างกายได้แล้วก็ตาม เด็กหนุ่มค่อยๆทวนความทรงจำ ก่อนภาพในช่วงก่อนหมดสติไปจะพลันหลังไหลมา


    จริงสิ..เพราะกลิ่นหอมนั่น เขาถึงหมดสติไป..นี่คงไม่ใช่ว่าถูกจับหรอกนะ งี่เง่าชะมัด..


    เนลล่าคิดอย่างระอาตัวเอง ถอนหายใจเฮือกแล้วค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ดวงตาสำรวจร่างกายตัวเองที่เสื้อผ้ายังครบถ้วนอยู่แม้ว่าผ้าคลุมไหล่จะพลันอันตรธานหายไปแล้วก็ตาม ดวงตาสีแดงสวยมองรอบข้าง สังเกตสภาพรอบห้องเท่าที่แสงสว่างจะเอื้ออำนวย


    สถานที่ที่เขาอยู่นั่งอยู่นี่..เป็นห้องขนาดเล็กทรงสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง รอบผนังถูกปิดไว้ด้วยตู้หลายขนาดและกองของสะสมที่วางสูงขึ้นไปถึงเพดาน ความมืดครอบคลุมรอบห้องไร้แสงสว่างลอดส่องเข้ามา..ภายในนี้ไร้หน้าต่าง หรือแม้มีก็คงถูกปิดด้วยสิ่งของที่กองทะเนินสูงขึ้นไป สภาพที่ทำให้เขาไม่รู้ทิวาราตรี


    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว?


    เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจสำรวจรอบข้างแทน ดวงตาสีทับทิมกลมโตมองลงยังที่ที่ตนนั่งอยู่ เก้าอี้โซฟานุ่มนิ่มที่ไม่ควรวางรวมในห้องเก็บของถูกใช้เป็นที่นอนของเขา เชิงเทียนที่เผาไหม้ไปเกือบครึ่งแล้วพอจะบอกระยะเวลาได้บ้างอย่างคร่าวๆ


    เนลล่าถอนหายใจ ก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้นอย่างแสนเศร้าใจ


    นี่ถ้าเขาไม่ตกลงว่าจะรับความช่วยเหลือของเทวดาสมองกลับคนนั้น บางทีเขาอาจจะนั่งถกเรื่องคดีกับอิลเวสอยู่ก็ได้นะเนี่ย ไม่ใช่มาถูกขังไว้ในหอโสเภณีพิลึกที่ไร้แสงสีแบบนี้ อีกอย่าง..คดีที่อุตส่าห์ลงทุนมาหาข้อมูลถึงที่ไม่เห็นจะทำให้เขาได้เบาะแสอะไรเพิ่มขึ้นมาเลย


    คิดแล้ว เด็กหนุ่มก็ได้แต่ปลงตก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยประกายตามุ่งมั่น เตรียมจะหาทางหนีออกจากห้องนี่ไป


    รอบด้านถูกปิดด้วยสิ่งของ สภาพห้องมืดมิดแม้จะเห็นได้รางๆจากแสงเทียน ความชื้นอับที่โชยมาบ่งบอกว่าห้องนี้อาจอยู่ใต้ดินและไม่ต้องแสงอาทิตย์มานานแล้ว ..ดังนั้นย่อมไม่มีหน้าต่าง ครั้นจะลองเลื่อนตู้ทังหมดหาช่องว่างคงไม่ได้.. และทางออกเดียวตอนนี้ก็คือประตู


    เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงลุกขึ้น พยายามจะเดินไปที่ประตู แต่แล้วกลับล้มโครมอย่างทรงตัวไม่อยู่จนหน้าผากกระแทกกับพื้นหิน เสียงหวานทุ้มครางเบา ยกสองมือที่ถูกมัดติดกันขึ้นคลำหัวป้อยๆ ก่อนจะสำรวจแขนและขาของตัวเอง แล้วจึงต้องถอนหายใจพร้อมคลายแรงที่เกร็งแขนขาออกเม่อพบว่ามีบางิส่งพันธนาการเขาอยู่


    มือเรียวยกขึ้นมอง รู้สึกถึงบางสิ่งที่มัดเขาเอาไว้ ร่างบางพยายามเคลื่อนกลายไปใกล้แสงสว่างให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น เบิกตาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสิ่งที่มัดมือตนไว้คือผ้าผืนลื่นที่เขาเห็นก่อนสติจะดับวูบไป นึกแปลกใจในความเลินเล่อของผู้กักขังเขาที่ใช้ผ้าผืนเดียวมาพันธนาการตน..แถมยังทิ้งอุปกรณ์เผาไฟไว้ให้อีก


    โดยไม่ต้องคิดให้มากความ เนลล่าก็รีบนำมันไปลนไฟทันที แต่เมื่อลนอย่างไรผ้าก็ยังไม่ไหม้เสียที เนลล่าจึงเลิกล้มความตั้งใจอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีทับทิมมองผ้าที่มัดมือตน ก่อนจะครางอย่างหมดหนทางเมื่อรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร


    ผืนผ้าสลักอักขระที่บ่งบอกถึงมนต์กักขัง


    ผ้าลงมนตรา
    ให้ตายเถอะ ไอ้บ้าที่ไหนบอกเขาน่ะว่าชาวลากูน่าไม่ชอบเวทย์มนตร์น่ะ!!


    โกหกกันชัดๆ


    ใครโกหกเหรอ?


    ก็ไอ้คนที่บอกผมว่าชาวลากูน่าไม่ชอบเวทย์มนตร์ยังไงล่ะ


    อ้อ อย่างนี้นี่เอง

    เสียงนั้นดังคล้ายเข้าใจ เขารู้สึกเหมือนเจ้าของเสียงจะพยักหน้าหงึกๆด้วยซ้ำ


    ...แต่เดี๋ยวก่อน


    เนลล่าชะงักแข็งทื่อ ดวงตาหันขวับมองต้นเสียงอย่างหวาดผวา


    เขาอยู่ในนี้คนเดียวไม่ใช่หรือไง แล้วสภาพห้องก็แคบเกินกว่าสายตาเขาจะมองอีกร่างไม่เห็นด้วย แล้ว..เสียงกังวานโทนเย็นนั้นดังมาจากไหน?

    มองไปไหนน่ะ ฉันอยู่ข้างบน


    ดวงตาสีทับทิมหันขวับขึ้นมองเหนือหัวตน ปรากฏร่างหนึ่งห้อยหัวลงมามองเขา ร่างกายล่องลอยอยู่กลางอากาคล้ายไร้น้ำหนัก ร่างนั้นยิ้มให้เด็กหนุ่มทีหนึ่ง ก่อนจะลอยละล่องลงมาลอยตรงหน้าเขา กลับหัวกลับกางให้ขาลงไปอยู่กับพื้น ร่างนั้นมีเรือนผมสีซีดซึ่งไม่อาจมองสีสันออก ดครงใบหน้าคมสันที่บ่งบอกว่าเป็นชาย ดวงตาสีเข้มออกดำแฝงประกายขี้เล่น อาภรณ์ที่สวมใส่เป็นแพรผ้าบางที่พลิ้วไสวทั้งๆที่ไร้ลม


    ..คุณ...นิ้วสั่นระริกชี้ร่างตรงหน้า อ้าปากค้างแข็งทื่อ ร่างนั้นเอียงคอ มองการกระทำของร่างตรงหน้าตนอย่างสงสัย ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตรอีกครั้งแล้วเอ่ยทักทาย สวัสดี สาวน้อย


    ถ้าไม่ใช่เพราะคำเรียกที่ไม่เข้าหู เนลล่าคงสลบไปอีกรอบแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×