คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ผนึกที่ 13 : แผนแปลงโฉม
ผนึกที่ 13 : แผนแปลงโฉม
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงร้องโหยหวนปานจะขาดใจดังลั่นขึ้นนั้น เรียกให้คนภายนอกที่ได้ยินหันมอง แต่แล้วเมื่อไม่อาจตามหาต้นเสียงที่ดังออกมาได้ พวกเขาก็หมดความสนใจกันไป
ไลบราลีมองเด็กหนุ่มที่เกาะแขนเขาไว้แล้วถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงระอา
“เฮ้ย อย่าดื้อเซ่ เนลจัง”
“ เนลล่าต่างหากล่ะครับ ! อ๊ะ !!ไม่เอา ไลบราลี ไม่เอาแล้วครับ! โอเค ผมไม่ไปหาแล้วมาดามกลาเดียอะไรนั่นน่ะ ช่วยผมทีเถอะครับ!!”
“....................”
“....ปล่อยผมเหอะ”ร้องเสียงอ่อยเมื่อทำท่าจะมีหวัง หากคนที่ว่ากลับสะบัดความหวังนั้นทิ้งชนิดไม่เหลือใยดี
“สาวๆ ฝากด้วยนะ”
“ได้จ้า!”
เสียงหวานใสของห้าสาวดังประสานกัน
“ไม่จริง!!”เด็กหนุ่มร่างบางร้องโหยหวน มือเรียวพยายามเกาะเกี่ยวประตูไว้อย่างสุดกำลัง หากแต่ร่างกายกลับเคลื่อนออกจากประตูห้องไปเรื่อยๆด้วยเรี่ยวแรงซึ่งมาจากไหนมิทราบของหญิงสาวร่างอวบอิ่มห้าคนที่กำลังลากเขาไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานใจ ดวงตาสีทับทิมมองไปยังเพื่อนรักของตนด้วยสายตาวิงวอน หวังเป็นอย่างยิ่งให้ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเนตรสีทองเดินเข้ามาช่วย อิลเวสมองใบหน้าหวานของเนลล่า ชายหนุ่มยืนนิ่งกอดอกอยู่ที่ริมหน้าต่างในสุดของห้อง หรี่ดวงตามองด้วยความสงสาร
เนลล่าคิดว่าอิลเวสคงตัดสินใจจะเข้ามาช่วย..แต่น่าเสียดาย เนื่องจากอิลเวสรู้ฤทธิ์ของสาวๆเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังถูกลากเข้าหอมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชายหนุ่มเจ้าของเรือนปมสีน้ำงเนยาวเคลียบ่าจะเลือกไม่เข้าใกล้สาวๆเหล่านั้นในระยะมือเอื้อมของพวกเธอ..แม้เพื่อนของเขาจะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันแสนน่าสงสารก็ตามที
เนลล่าแทบจะร้องไห้เมื่อเห็นอิลเวสส่ายหัวสื่อให้เข้าใจว่าคงช่วยไม่ได้ ในใจนึกโทษตัวเองอีกรอบ
ให้ตาย....เขาไม่น่ารับคำเทวดาเจ้าเล่ห์คนนี้เลยจริงๆ!
หลังจากที่เนลล่าออกปากรับความช่วยเหลือเรื่องที่ไลบราลีจะพาเขาไปหามาดามกลาเดียแล้ว ชายหนุ่มร่างโปร่งสูงก็ยิ้มหน่อยๆ...อันที่จริงคือฉีกยิ้มกว้างพร้อมมองตัวเขาด้วยสายตาตาแปลกๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูจนหญิงสาวที่มุงดูอยู่ข้างนอกล้มโครมเข้ามาสองสามคน
เนลล่ากลอกดวงตามองหญิงสาวเหล่านั้น ร่างสวยสดที่ล้มโครมลงไปยิ้มแห้งๆ เงยหน้ามองชายหนุ่มเจ้าของเนตรสีม่วงประกายด้วยสายตาลุแก่โทษ ไลบราลีมองหญิงสาวเหล่านั้นแล้วยิ้ม ก่อนจะลงนั่งยองๆแล้วคุยกับหญิงสาวที่ล้มลงไป ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนที่มีเรือนผมสีทองซึ่งถูกทับอยู่ล่างสุดจะพยักหน้าเร็วๆแล้วยิ้มแก้มปริพร้อมมองมาที่เขาด้วย...เอ่อ...สายตาที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่
จากนั้น ไลบราลีก็หันมาทางเขา ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ถึงเพิ่งคุยกันไม่กี่คำก็รู้ว่าชั่วร้าย.. ชายหนุ่มเนตรอเมทิสต์โบกมือเรียกเขาให้เดินไปหา แน่นอนเนลล่าส่ายหัวดิก..ลางมันบอกว่าไม่ใช่เรื่องดี..แต่พอปฏิเสธมากๆเข้า เขาก็ถูกไลบราลีที่หมดความอดทนลากไปที่ประตูอย่างยากเย็นเพราะการขัดขืนของตน กระทั่งชายหนุ่มเจ้าของผมสีเขียวทนไม่ไหวโยนโครมเข้ารัศมีอ้อมแขนของสาวๆอย่างไม่ยอมให้เนลล่าตั้งตัว โดยที่สาวๆก็พร้อมใจกันคว้าหมับใส่ร่างของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว
เนลล่าอ้าปากค้าง ทั้งอึดอัดทั้งตกใจ กลิ่นน้ำหอมที่ผสมกันไปกับแขนที่เอื้อมมากอดเขานับสิบนั่นทำให้เขาหูอื้อตาลาย แล้วยังเสียงวี๊ดว้ายแหลมสูงข้างๆหูนี่อีก เนลล่าอ้าปากสูดลมหายใจที่ชักน้อยลงทุกที พร้อมพยายามสะบัดตัวให้หลุดออกแต่ไม่สำเร็จ...เพิ่งจะมารู้เอาก็วันนี้แหละว่าสาวๆแรงเยอะได้โล่เลยจริงๆ
เนลล่าพยายามเอื้อมมือขอความช่วยเหลือจากไลบราลีซึ่งเป็นฟางเชือกสุดท้าย..แต่น่าเสียดาย เจ้าตัวปัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ใยดี ทั้งยังยิ้มเผล่แล้วตบไหล่เขาสองสามทีราวกับเป็นห่วงเป็นใย
“เอาน่า ทนหน่อยนะ พวกหล่อนจะช่วยให้นายเข้าพบมาดามกลาเดียอย่างราบรื่นให้ไงล่ะ”
“งั้นให้อิลเวสไปแทนผมก็ได้นี่ครับ!!”
คนที่มีชื่อในประโยคสะดุ้งหน่อยๆ
“ไม่ได้ ไม่ได้ เรื่องนี้นายจัดการได้คนเดียว ไปดีมาดีนะ!!”เจ้าตัวว่าพลางโบกมือหยอยๆส่งเด็กหนุ่มผู้น่าสงสาร เนลล่าอ้าปากค้างงุนง ก่อนคิ้วเรียวจะขมวดมุ่นไม่ชอบใจ
เขาไม่เห็นจะไม่เข้าใจเลย ว่าไอ้การถูกลากไปทำอะไรไม่รู้นี่มันเกี่ยวอะไรกับการไปพบมาดามกลาเดียตรงไหน!
แต่ก่อนที่เนลล่าจะได้อ้าปากถามให้ชัดเจน เด็กหนุ่มก็ถูกลากให้หลุดออกจากกรอบประตูไปซะแล้ว
++++++++
อิลเวสที่นั่งอยู่มุมสุดมองดูเด็กหนุ่มร่างบางถูกลากตัวไปถอนหายใจยาว กึ่งสงสารกึ่งระอาทั้งเพื่อนตัวและเทวดาหนุ่มตรงหน้า ซักพักชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว มองร่างสูงโปร่งที่ยืนกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่แล้วนึกไม่สบายใจ อิลเวสเลื่อนกายลุกจากเก้าอี้ไม้สีน้ำตาล ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มเข้มกังวาน “นายจะทำอะไรเนลล่า”
ไลบราลีที่ยืนมองส่งเด็กหนุ่มร่างบางที่ร้องโหยหวนเสียงดังอยู่หันมาตามเสียงที่ดังขึ้น รอยยิ้มยังคงผุดบนใบหน้าคมของบุรุษเจ้าของเรอนผมสีเขียวหยักศกยาว ไลบราลีแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินเข้ามาแล้วลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยิ้มกว้างกว่าเก่า ก่อนจะพูดออกมาด้วยโทนเสียงราบเรื่อยราวไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร “พอดีมันต้องเตรียมการนิดหน่อยน่ะ มาดามกลาเดียเป็นพวกเรื่องมากน่ะ ไม่ค่อยยอมพบใครถ้าไม่ใช่ลูกค้า แล้วถ้าให้เงินแค่จะคุยด้วยนี่ยิ่งยอมไม่ได้ใหญ่..แต่กับเด็กสาวสวยๆนี่อีกเรื่องหนึ่ง”
“เด็กสาวสวยๆ?”ชายหนุ่มเนตรสีทองขมวดคิ้ว พึมพำทวนความ ซึ่งแน่นอน ไลบราลีพยักหน้าพร้อมทวนซ้ำอีกรอบ
“อื้ม เด็กสาวสวยๆ”
อิลเวสกลอกดวงตา ไม่อาจเข้าใจได้ว่าชายตรงหน้าต้องการสื่ออะไร
+++++++++++++++
หลังถูกลากมานาน เด็กหนุ่มร่างบางก็หมดแรงจะขัดขืนเรียบร้อยแล้ว
เจ้าของเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงถอนหายใจ นึกโกรธแค้นไลบราลีที่โยนตนให้สาวๆเหล่านี้ แต่ตอนนี้จะหนีก็สายไปซะแล้ว เด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วงเงยหน้าขึ้น พยายามเดินตามแรงที่ดึงตนไปข้างหน้า
“พวกคุณ..จะพาผมไปไหนเหรอครับ”เสียงหวานทุ้มเอ่ยเสียงสูงเชิงถาม ดวงตาสีทับทิมเต็มไปด้วยประกายระริกสงสัย หญิงสาวที่จับแขนเขาไว้แน่นหันมามอง ดวงตาสีทองสวยของเธอมองเด็กหนุ่มพร้อมหัวเราะคิกคักอย่างไร้ความหมายจนเนลล่าชักใจคอไม่ค่อยดี ดวงตาสีทับทิมหันไปหาหญิงสาวอีกคนที่หิ้วปีกเขา ..เจ้าหล่อนมีดวงตาสีดำขลับและเรือนผมสีน้ำตายสวยเป็นลอนเรียงตัว ร่างกายอวบอิ่มเน้นสัดส่วน สะโพกผาย ชุดที่สวมใส่ก็งดงามเน้นทรวดทรง
หญิงสาวคนที่ว่าหันมามองเขา ยิ้มให้หน่อยๆแล้วหัวเราะ แต่ยังไม่ยอมพูดอะไรอยู่ดี
เนลล่าหันไปหาหญิงสาวอีกคนด้านหลังเขา อ้าปากจะเอ่ยถามอีกรอบ แต่แล้วเจ้าหล่อนก็ใช้นิ้วเรียวปิดปากเขาเอาไว้
“ไม่ต้องถามแล้วนะจ๊ะ หนุ่มน้อย เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองนั่นแหละ”
“เอ่อ........”
“อ๊ะ ถึงแล้วนะจ๊ะ”
เด็กหนุ่มถูกรุนหลังให้เข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ห้องนั้นกว้าง..มีเก้าอี้นวมหนานุ่มวางอยู่หลายจุดในห้อง หน้าต่างหลายบานเปิดรับแสงอาทิตย์อุ่นๆให้สาดต้องเข้ามา ผ้าม่านเป็นสีเขียวสดใสรับกับพรมสีเดียวกับที่พื้น ภายในห้องมีกลิ่นหอมสบายๆฟุ้งอยู่ เนลล่าค่อยๆก้าวขาใต้กางเกงสีขาวออกไปข้างหน้า ก่อนจะชะงักเกร็งเมื่อพบร่างของหญิงสาวอีกหลายคนนั่งอยู่ในนั้น
หญิงสาวที่นั่งอยู่ภายในห้องต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน ก่อนใครคนหนึ่งจะตะโกนขึ้น
“ตายแล้ว พ่อหนุ่มน้อยคนนี้นี่เอง น่ารักจัง!”
“ผิวสวยจังเลย ขาวด้วย ตายแล้ว ไหนขอดูใกล้ๆหน่อยสิ”
“ตัวเล็กจัง เคยกอดผู้หญิงมารึยังเนี่ย สนใจมีครั้งแรกกับพี่สาวคนสวยไหม~”
เด็กหนุ่มร่างบางอึกอัก ทั้งกระดากอายทั้งตกใจ ร่างกายชาวาบไม่ยอมขยับขณะถูกหญิงสาวคนนั้นดึงไปกอดที โดนคนนี้หอมแก้มที ถูกลวนลามมากชนิดไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนในชีวิต จนกระทั่งหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่พาเขามาประกาศขึ้นด้วยเสียงอันดังก่อนที่เนลล่าจะช้ำไปทั้งตัว
“เอาล่ะ พอแล้ว ถ้าจะเล่นกับเด็กคนนี้ก็ไว้ทีหลัง คุณผู้คุ้มครองมีเรื่องจะขอร้องเรานิดหน่อยน่ะ!”
เนลล่าขมวดคิ้ว มองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ เจ้าหล่อนเป็นคนที่เดินตามหลังเข้ามาห่างๆ ...หญิงสาวที่มีดวงตาสีเขียวมรกตเย็นระเรื่อย เรือนผมสีดำขลับถูกรวบเกล้าขึ้นอย่างเรียบร้อยอย่างสง่างาม ร่างกายสวมใส่ชุดกระโปรงทิ้งตัวสวยสีราตรี หล่อนคุยกับหญิงสาวในห้องสองสามคำ เรียกรอยยิ้มผุดบนใบหน้าของเธอเหล่านั้น เนลล่าจ้องมองอย่างงุนงงสงสัยอยู่ซักครู่ ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อถูกดึงกายให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
เนลล่าเบิกตาหน่อยๆ ทำท่าจะลุกขึ้น แต่แล้วมือขาวขาวผ่องของหญิงสาวคนหนึ่งก็กดร่างเขาให้นั่งลง พร้อมกำชับเสียงแข็งว่าห้ามขยับ เนลล่านั่งเกร็งตัวด้วยความตกใจ มองโต๊ะเครื่องแป้งที่ทำจากไม้ตรงหน้าเขาซึ่งดูด้วยตาก็รู้ว่ามีราคาแพง ด้วยลายสลักไม้คดโค้งละเอียดยิบแสดงฝีมือของผู้สร้าง เด็กหนุ่มมองเครื่องสำอางบนโต๊ะอย่างสนใจด้วยไม่เคยเห็นมาก่อน ขวดพวกนั้นบ้างใสบ้างขุ่น ขนาดก็ต่างกันไป ชวนให้สงสัยว่าบรรดาผู้หญิงทราบได้อย่างไรว่าขวดไหนใช้ทำอะไร
มือของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งแตะบนช่วงคอเรียวยาวของเด็กหนุ่มเนตรทับทิม เรียกให้เนลล่าสะดุ้งหลุดจากภวังค์ เมื่อนึกได้ว่าตนยังไม่ทราบว่าจะถูกทำอะไร ใบหน้าหวานก็ขยับจะไถ่ถามเหตุผลให้รู้ความ แต่แล้วมือนุ่มของหญิงสาวคนหนึ่งก็ใบหน้าเขาให้มองตรงไปในกระจก...ซึ่งสะท้อนใบหน้าของเขาออกมา
ใบหน้าของคนในกระจกคือเด็กหนุ่มร่างบางคนหนึ่ง ใบหน้าติดจะออกสวยเหมือนสตรี หากเครื่องแต่งกายและร่างกายที่ติดจะอกผ่ายไหล่ผึ่งกว่าหญิงสาวเล็กน้อยนี้ก็ทำให้รู้ว่าเป็นชาย ดวงตาสีทับทิมสวยซึ่งแฝงแววอ่อนโยนที่มักซ่อนความรู้สึกไว้ถูกปกปิดใต้เรือนผมสีขาวเหลือบม่วงที่ยาวรุงรังปรกหน้าปรกตา ผิวของเด็กหนุ่มขาวซีด รับกับชุดสีขาวโพลนบนร่างกายที่ขับให้ผิวยิ่งขาวกว่าเก่า...ทั้งสีสันนั้นยังเน้นให้กุหลาบซึ่งเป็นหัวซิปของชุดตัวให้ดูสวยงามขึ้นอีกด้วย
..เด็กหนุ่มคนในกระจกนั้นกำลังถูกมือของหญิงสาวบางคนแตะที่ใบหน้า บางคนยกผมขึ้นดูแล้วขมวดคิ้ว..และทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มเจ้าของเนตรสีทับทิมที่กำลังนั่งเกร็งด้วยความอายอยู่บนเก้าอี้นุ่มนิ่มสีน้ำตาล
“ไม่รู้จักรักษาผมเลยน้า..ไม่ไหว ออกจะสวยแท้ ๆ สีขาวเหลือบม่วง หายากนะเนี่ย”ว่าพลางจับเส้นผมขึ้น ขยำเส้นผมซึ่งกำขึ้นมานั้นเบาๆแล้วร้องขึ้นอย่างถูกใจ “อื้ม นุ่มซะด้วยสิ”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ เสียดายดวงตาคู่สวยนี่ซะจริง”รวบเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงที่ปรกหน้าปรกตาขึ้น จ้องมองในกระจกซึ่งเผยเนตรสีทับทิมกลมโตที่เต็มไปด้วยแววตระหนกตกใจ “ต้องตัดผมหน้าหน่อย”
“เอ๋..พวกคุณจะทำอ....อ๊ะ!!”สะดุ้งเมื่อถูกแตะที่เอว หญิงสาวคนหนึ่งกำลังใช้เชือกวัดเอวของเขา ไหล่ เรื่อยจนถึงข้อเท้า ก่อนซักพักหญิงสาวคนนั้นจะส่งเสียงจิ๊กจั๊กไม่พอใจในลำคอ แล้วกันหญิงสาวคนอื่นออกห่างจากเนลล่าพร้อมเรียกให้เขาลุกขึ้น เด็กหนุ่มร่างบางลุกขึ้นตามคำบอก ก่อนจะสะดุ้งจนยืนเกร็งตัวเมื่อถูกสั่งเสียงดุให้ยืนเฉยๆ หญิงสาวร่างท้วมคนนั้นยิ้มพอใจกับท่าทีของร่างเจ้าของเรือนผมสีขาวเหลือบม่วง พร้อมกับใช้เชือกวัดตั้งแต่ไหล่ไปจนถึงปลายเท้า
“อื้ม..ถ้าเป็นผู้หญิงก็ถือว่ารูปร่างดีนะเนี่ย เสียดายที่เป็นผู้ชาย”หญิงสาวร่างท้วมว่าพลางกอดอก ลูบคางพร้อมมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาเสียดาย หากแต่หญิงสาวร่างเพรียวสูงอีกคนที่กำลังจะจับเขาหนั่งอีกครั้งกลับร้องขึ้นเสียงใส
“แหม อย่าว่าแบบนั้นสิ เป็นผู้ชายก็ดีออก น่าร๊ากกก”
พอได้ยินแบบนั้น หญิงสาวคนอื่นก็กรูเข้าล้อมรอบเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“จะว่าไป ผิวขาวแบบนี้ น่าจะใส่ชุดเปิดผิวเนอะ”ว่าจบก็หันไปคุยกับเพื่อนตัวเองอย่างออกรส เนลล่าหันหน้าจะถามว่าหมายถึงเรื่องอะไร แต่ก็ถูกจับหน้าให้หันไปมองกระจกตรงๆ มือนุ่มน่มหากเหี่ยวย่นของหญิงสาวคนหนึ่งใช้ผ้าคลุมลายดอกไม้สีม่วงคลุมกายช่วงบนของเขา ก่อนจะจับเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงบางส่วนยกขึ้นหนีบด้วยกิ๊บติดผม แล้วจัดการตัดผมนิ่มสลวยออกไปบางส่วน
เนลล่าอ้าปากค้าง มองผมตัวเองที่กำลังร่วงหล่นลงกับพื้น ก่อนจะขวัญผวากว่าเก่าเมื่อถูกผ้าเย็นๆแตะที่ใบหน้าของตน“จะทำอะไรเหรอครับ!!”
“นั่นสิ ให้ฉันตัดแต่งทรงผมก่อนแล้วค่อยแต่งสิ”หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีเทาดำเอ็ดเข้าให้พร้อมตัดผมของเนลล่าต่อ ไม่ได้ตอบคำพูดของเด็กหนุ่มผู้ถูกทำเป็นตุ๊กตาแต่งตัวเลยซักนิด
“แหม งั้นเร็วๆสิคะ คุณพี่ ฉันจะได้แต่งหน้าให้เขาซะที”
แต่งหน้า? แต่งไปทำไม??
“คุณ
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าคุณพี่หันไปทางเสียงที่ดังมา ดวงตาเฉียบคมมองสิ่งนั้น ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ “อืม แบบนั้นก็ดี มาดามกลาเดียชอบเด็กสวยๆซะด้วย”
เนลล่าสะดุ้ง ชอบเด็กสวย? ตัดผม? ผิวขาว? น่าจะใส่ชุดเปิดผิว? แต่งหน้า? นี่ตกลงเขากำลังจะถูกทำอะไรเนี่ย
“เอ่อ..พี่สาวครับ”
เสียงทุ้มหวานดังขึ้น และเรียกเสียงกรี๊ดได้อีกครั้ง
“ว้าย พี่สาวเลยเหรอจะ ต๊าย น่าหม่ำจริงเด็กคนนี้”
“อ๊ะๆ เสียงหวานจัง ถ้าดัดหน่อยก็สาวเลยนะเนี่ย”
“น่ารัก น่ารักจัง”
“อะ..เอ้อ....”เนลล่าพยายามเอ่ยสู้เสียงรอบข้าง“จะทำอะไรผมหรือครับ?”
“อะ..หืม..ก็แปลงโฉมไงจ๊ะ?”
แปลงโฉม.......??
+++++++
ชายหนุ่มเจ้าของเนตรสีน้ำเงินยืนพิงกายอยู่ข้างหอโสเภณีนามว่า ‘หอบุปผาโปรย’ ซึ่งเป็นหอที่เขาเพิ่งจะเดินออกมาเมื่อครู่ ใบหน้าคมหลบมองพื้นพร้อมถอนหายใจเป็นรอบที่สิบสอง ดวงตาสีทองคมกริบซึ่งแฝงเร้นด้วยแววเย็นชาไร้ความรู้สึกบัดนี้มีร่องรอยของความกังวลปรากฏอยู่
เด็กหนุ่มร่างบางเจ้าของดวงตาสีทับทิมหายตัวไปจะร่วมสองชั่วโมงแล้ว อันที่จริงเขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะไปตามหาเนลล่า แต่ไลบราลีรั้งเขาไว้ พร้อมกับบอกให้ชายหนุ่มออกมารอที่หน้าหอโสเภณี...และถึงจะไม่เข้าใจว่าเพื่ออะไร เขาก็มีแต่ต้องทำตามคำของชายหนุ่มร่างโปร่งผู้เป็นเทวดาอยู่ดี
อิลเวสถอนหายใจอีกครั้ง เรือนผมสีน้ำเงินพลิ้วไสวตามแรงลม ก่อนที่เสียงอันคุ้นเคยจะดังขึ้นข้างๆกาย
“อิลเวสฮะ”
“เนลล่า..เธอไปไ..”เสียงที่ดังด้วยความโล่งอกระคนดีใจเงียบไป อิลเวสตีหน้าตึง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วถามเสียงเครียด “เธอเป็นใคร??”
อิลเวสว่าพลางมองเด็กสาวสาวตรงหน้า ขมวดคิ้วอย่างไม่ไว้ใจ ร่างบอบบางซึ่งมีส่วนสูงราวไหล่ของเขาชะงักนิ่งไป ขาเรียวสวยซึ่งสวมถุงเท้ายาวปิดแข้งพร้อมใส่รองเท้าส้นสูงสีชมพูอ่อนหยุดอยู่กับที่ แขนเรียวขาวเปลือยเปล่าซึ่งคลุมด้วยผ้าคลุมไหล่สีชมพูอ่อนยกขึ้น นิ้วเรียวยาวแตะริมฝีปากแดงระเรื่อด้วยความลังเล มือเรียวข้างซ้ายถูกปกปิดด้วยถุงมือเปลือยนิ้วยาวปิดถึงต้นแขนนั้นยกขึ้นกอดอก ไหล่เปลือยสะท้านหน่อยๆอาจเพราะความหนาวของลมที่พัดมา เด็กสาวกระชับผ้าคลุมไหล่ ก้าวเดินเข้าใกล้จนชุดสีชมพูอ่อนพลิ้วไหวตามลม ที่กลางอกมีดอกกุหลาบดอกหนึ่งประดับอยู่ขับเน้นให้โดนเด่นท่ามกลางชุดสีชมพูอ่อนอันงดงาม
หญิงสาวคนนั้นมีดวงตาสีแดงทับทิมกลมโตเชื่อมหวานที่พร้อมจะทำให้บุรุษทุกคนหลงใหล เรือนผมสีขาวเหลือบม่วงนั้นถูกเกล้าขึ้นแล้วประดับด้วยหวีสับสีแดงสวยซึ่งมีลวดลายกุหลาบเฉกเดียวกับเข็มกลัดที่อก ดวงหน้าขาวซึ่งมีสีแดงอ่อนๆเงยขึ้นมองเขา นิ้วเรียวยาวบอบบางชี้หน้าตัวเอง ก่อนริมฝีปากคู่สวยสีชมพูระเรื่อจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ผมเองครับ อิล”
“..........................”
ผมสีขาวเหลือบม่วง...ตาสีทับทิม..ในโลกนี้คงมีไม่มากนักหรอก
“....เนลล่า?”
เด็กสาวตรงหน้าเขาผงกหัว
อิลเวสกระพริบตาปริบๆ มองใบหน้าที่ดูหวานขึ้นด้วยเครื่องสำอางซึ่งหากดูดีๆจะจำได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มเนตรทับทิม แล้วจึงมองเลยไปยังชุดกระโปรงฟูฟ่องอำพรางความเก้งก้างของร่างบุรุษ จากนั้นจึงย้อนมองใบหน้าบูดบึ้งขึ้นสีของเนลล่าที่พยายามหลบก้มหน้าลงมองพื้นดิน
ความเงียบปกคลุมไปชั่วขณะหนึ่ง
“หัวเราะได้ไหม?”
“ไม่ให้ครับ”
แต่แน่นอนว่าอิลเวสไม่ได้ฟังคำห้ามฉะฉานนั้น ชายหนุ่มหันหลังไปกลั้นหัวเราะไม่ให้เด็กหนุ่มร่างบางเห็นแทบจะในทันทีที่คำห้ามนั้นดังขึ้น เนลล่าที่เห็นแผ่นหลังกว้างสั่นระริกด้วยอาการกลั้นหัวเราะอ้าปากจะด่าแต่แล้วก็ต้องหุบลง ใบหน้าหวานแสดงท่าทีเหนื่อยหน่ายใจ
ช่างเถอะ เด็กหนุ่มที่เห็นตัวเองในกระจกยังแทบไม่เชื่อเลยว่าที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือตัวเขาเอง
“ค.....ให้ตาย...ใครจับเธอแต่งตัวแบบนี้น่ะ”อิลเวสที่พอจะควบคุมเสียงหัวเราะได้แล้วหันมามอง แม้จะยังมีรอยยิ้มบางและประกายตาขบขันติดอยู่บนใบหน้าคมก็ตาม เนลล่าถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยตอบร่างสูงไป “พวกพี่สาวในหอน่ะครับ เห็นว่าไลบราลีขอร้องมา”
คราวนี้อิลเวสขมวดคิ้ว เสียงหัวเราะถูกกลืนหายไปในความสงสัย ก่อนคิ้วเรียวสีน้ำเงินจะคลายออกคล้ายเข้าใจในคำพูดของชายหนุ่มร่างโปร่งสูงคนนั้นขึ้นมา
‘มาดามกลาเดียเป็นพวกเรื่องมากน่ะ ไม่ค่อยยอมพบใครถ้าไม่ใช่ลูกค้า แล้วถ้าให้เงินแค่จะคุยยิ่งยอมไม่ได้ใหญ่..แต่กับเด็กสาวสวยๆนี่อีกเรื่องหนึ่ง’
เพราะอย่างนี้สินะ..ถึงบอกว่าเนลล่าทำได้คนเดียว
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะฉุกคิดขึ้นมาว่าสามารถจับเนลล่าแต่งเป็นผู้หญิงได้ โครงใบหน้าหวาน ร่างกายเล็กบอบบาง ดวงตากลมโตไม่สมบุรุษ....ทุกสิ่งเหล่านี้ส่งเสริมให้เด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วงคนนี้สามารถปลอมเป็นหญิงสาวได้อย่างดียิ่ง
เนลล่ามองดวงตาคมของอิลเวสแล้วถอนหายใจอีกครั้ง นึกรำคาญชุดกระโปรงที่ชวนให้รู้สึกหนาวๆที่ขา เครื่องสำอางค์บางๆที่ใบหน้ากับลิปเหนียวๆที่ปาก แล้วยังไหล่ที่ต้องเปลือยโชว์นี่อีก โชคดีเหลือเกินที่เขาโวยวายหนักพอให้หญิงสาวเหล่านั้นหยิบผ้าคลุมไหล่ให้เขาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนักได้..ไม่งั้น
เขาคิดสภาพตัวเองลงไปดิ้นตายตรงถนนด้วยความอายได้ไม่ยากเท่าไหร่
เด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วงเงียบกริบ ไม่คิดจะพูดอะไรต่อให้คนข้างตัวรำคาญใจ ด้วยแต่ไหนแต่ไรชายหนุ่มร่างสูงคนข้างๆเขาก็ไม่ใช่คนที่จะชอบพูดจาอะไรมากมายอยู่แล้ว
เนลล่าเริ่มตกลงในห้วงความคิดของตัวเอง..หากแต่งเป็นผู้หญิงแล้วได้ข้อมูลของคดีเมื่อสองปีก่อนมาละก็อาจจะคุ้มก็ได้ เขาสังหรณ์ใจว่าคดีในตอนนั้นอาจเกี่ยวข้องกับครั้งนี้ แต่จะออกหัวหรือก้อย...ก็ต้องดูกันต่อไป
แต่แล้วเนลล่าก็ต้องเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าหันมองทางนู้นทีทางนี้ทีสอดส่ายหาร่างของคนที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพนี้ ..เมื่อไม่พบเห็น เนลล่าจึงเงยมองอิลเวสแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย“แล้วไลบราลีหายไปไหนเหรอครับ?”
ชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังมองไปรอบหันมาให้ความสนใจกับคำถาม ดวงตาสีทองมองเด็กหนุ่มร่างบางที่ยืนข้างกายตน ก่อนจะส่ายหัวไปมา “ไม่รู้เหมือนกัน”
“แปลกจัง.....”เนลล่าขมวดคิ้วมุ่นด้วยใบหน้าของเด็กสาวแสนสวยที่ทำให้ชายหนุ่มที่เดินผ่านหน้าหอ ‘บุปผาโปรย’ รู้สึกอยากเข้าไปใช้บริการตามๆกัน มือเรียวยาวเปลือยเปล่าสองข้างยกขึ้นกอดอก รู้สึกสังหรณ์ใจประหลาด
คนคิดแผนหายหัวไปไหนนะ.....??
ขณะนั้นเอง ชายคนที่กำลังถูกพูดถึงนั้น ยามนี้นั่งอยู่บนหลังคาสูงของหอ ‘บุปผาโปรย’
นครลากูน่าเป็นนครที่ให้ความสำคัญกับกฏเกณฑ์ ดังนั้นย่านหญิงค้าบริการจึงถูกจัดให้อยู่ในย่านเดียวกันซึ่งมีทางเดินเท้าเชื่อมต่อแต่ละหอ ไม่ใช่แยกตัวอิสระเช่นบ้านเรือนปกติที่ต้องใช้เรือในการสัญจร
และถึงจะเรียกว่าหอ แต่หอแต่ละที่ก็มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันไป บ้างก็เป็นหอสูงชะลูดขึ้นไป บ้างก็เป็นคฤหาสน์หรูหราที่ผู้ใช้บริการจำต้องจ่ายราคาแพง ...และ หอซึ่งเต็มไปด้วยความลับเช่น ‘หอรุ้งเจ็ดสี’ ก็มีอยู่เช่นกัน
หอรุ้งเจ็ดสีไม่อนุญาตให้ขาจรเดินทางเข้าไป และผู้ที่จะใช้บริการได้ก็ต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่าง ซึ่งสิ่งเหล่านั้น ไลบราลีเดาว่ามาจากนิสัยกระจุกกระจิกของมาดามกลาเดีย นายหญิงแห่งหอรุ้งเจ็ดสีแน่นอน
ไลบราลีถอนหายใจ รอคำตอบที่เขาเพิ่งส่งคำขอพบมาดามกลาเดียไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อนอย่างใจเย็น ก่อนจะเห็นนกพิราบสื่อสารตัวหนึ่งบินกลับมา ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกาย นานแล้วที่เขาไม่ได้ติดต่อกับมาดามกลาเดีย มือหนายกขึ้นเป็นฐานให้นกพิราบสื่อสารสีเทาขาวเกาะ ก่อนจะแกะกระดาที่ผูกกับขาออกมา
ไลบราลีเปิดดูข้อความในกระดาษ ก่อนจะพรูลมหายใจเมื่อการติดต่อขอพูดคุยด้วยสำเร็จลงด้วยดี
เด็กสาวสวยๆนี่แหละใบผ่านทางชั้นเยี่ยม
..ที่นี้ก็เหลือแต่กำลังของเจ้าหนุ่มน้อยนั่นแล้วล่ะนะ..
รอยยิ้มแสนสนุกฉีกกว้างบนใบหน้าคมของเทวดาตกสวรค์อย่างน่าหวั่นใจ
++++++++++++++++
พระอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องต้องผิวน้ำแห่งถนนวารีในเมืองลากูน่าให้เป็นสีแสดของยามสนธยา บัดนี้ได้เวลาเลิกงานของเหล่าชาวบ้านแห่งนครสายน้ำแล้ว ร้านรวงต่างปิดตัวในขณะที่ลูกค้าก้าวเดินออกจากร้านด้วยสายตาเปี่ยมสุข ความครื้นเครงค่อยๆเบาบาง ก่อนจะเกิดแสงสีอันลานตาอีกในช่วงค่ำ ด้วยสถานบริการลับเริ่มเปิดทำงาน..เฉกเช่นเดียวกับหอทั้งหลายในค้าย่านโสเภณี
เพลานี้ บุรุษต่างวัยหลายคนที่เลิกงานแล้วต่างมุ่งตรงมายังเกาะเดี่ยวซึ่งถูกจัดแยกเป็นชุมชน หวังเพื่อหาความสุขหฤหรรษ์ในยามค่ำคืน แม้ต้องแลกด้วยเงินตราหากคุ้มค่ากับความต้องการ เช่นเดียวกับเหล่าผู้ให้บริการที่หวังคอยลูกค้าและรายได้ที่ไหลมาเทมา
ณ หน้าหอบุปผาโปรย ยามนี้มีชายหนุ่มมาด้อมๆมองๆอยู่มาก ทีแรกก็แค่สองสามคน ซักพัก ก็กลายเป็นสี่ ห้า และเพิ่มเป็นสิบๆ สาวๆที่อยู่บนหอต่างงุนงงเป็นอันมาก ด้วยชายหนุ่มเหล่านั้นไม่ใช่ลูกค้าขาประจำของหอบุปผาโปรย และแน่นอนว่าหอบุปผาโปรยไม่ได้มีสตรีมากพอให้คนเหล่านั้นมาใช้บริการ แต่ซักพัก เมื่อดวงตาเห็นร่างในชุดสีชมพูอ่อนที่หน้าหอของตน พวกเธอก็เข้าใจสถานการณ์ และตกลงว่าจะเลิกสนใจกันไป
ดวงตาหลายคู่ของชายหนุ่มที่แฝงไปด้วยความชื่นชม ความลุ่มหลง และความต้องการ มองไปยังร่างเล็กปราดเปรียวร่างหนึ่งซึ่งยืนอยู่หน้าหอบุปผาโปรย ร่างนั้นเป็นเด็กสาวผิวขาวผ่องในชุดสีชมพูอ่อนพลิ้วบาง ช่วงไหล่เปิดโล่งเผยผิวขาวเนียนนุ่มชวนสัมผัส และถูกปิดบังด้วยผ้าคลุมไหล่อย่างบางสีชมพู ขาเรียวบางซึ่งสวมใส่ถุงเท้ายาวคลุมเข่าและรองเท้าชีชมพูอ่อนขยับเดินวนไปมาอยู่กับที่ ดวงหน้าใสสีระเรื่อบูดบึ้งคล้ายจะหงุดหงิด เรือนผมสีอ่อนถูกเกล้าขึ้นเผยลำคอระหงชวนมอง และส่วนที่ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นรัวแรงที่สุด ก็คือดวงตาสีแดงกลมโตที่เชื่อมหวานอยู่ใต้เปลือกตาบอบบาง
ในย่านนี้ สตรีไม่ต่างจากสินค้า พวกเขาแทบจะวิ่งเข้าหาเด็กสาวคนนั้นแล้วเสนอราคาให้ได้มาเป็นของตน หากสายตาไม่เจอะเข้ากับร่างสูงใหญ่เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินที่ยืนอยู่กอดอกข้างกัน ดวงตาคมสีทองปราดมองทุกร่างที่ยืนอยู่แถวนั้นราวกับว่าหากใครก้าวเดินเข้าเขตอันตรายไปจะถูกฟันฉับให้หมดลมหายใจในทันที
ดังนั้นแม้จะแอบมองด้วยความต้องการ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เด็กสาวคนนั้นเลยแม้แต่คนเดียว
แอ๊ด......
ประตูหอบุปผาโปรยถูกเปิดออก เรียกสายตาของหนึ่งเด็กสาวหนึ่งชายหนุ่มให้หันมอง พร้อมกับเสียงหัวเราะแห้งๆของใครบางคนที่เดินออกมานอกประตู
“ฮะๆ..โทษทีที่มาช้านะ รอนานรึเปล่า”ชายหนุ่มหัวเราะแห้ง มือหนาปิดประตูอย่างแผ่วเบา ก่อนดวงตาสีอเมทิสต์จะหันมามองร่างสองร่างที่ยืนรอตนอยู่นานหน้าหอบุปผาโปรย ไลบราลีผิวปากเมื่อมองเห็นร่างของเด็กหนุ่มเนตรทับทิม รอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้าเรียว ก่อนชายหนุ่มจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “สวยหยดย้อยเลย สาวๆเก่งได้โล่เลยแฮะ”
“งั้นคุณก็ชั่วได้โล่เหมือนกันแหละครับ”เนลล่าเอ่ยพลางยิ้มเย็น เรียกให้ความเย็นเยียบให้แพร่จากกระดูกสันหลังสู่ทุกส่วนประสาทของร่างกาย ไลบราลีกระแอมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจัง “เอาล่ะ ตอนนี้แผนพร้อมแล้ว เดี๋ยวอีกซักพักจะมีรถม้าแล่นมารับนายไป ฉันจะไปด้วยกับนายในฐานะผู้ดูแล”
“ผู้ดูแล?”เนลล่าทวนอย่างสงสัย
“ฉันแจ้งไปว่านายเป็นคนของหอบุปผาโปรย ต้องการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหล่อน แน่นอนบอกว่าเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาที่เพิ่งเข้าหอมา โดยมีฉันเป็นคนดูแล”
“แล้วรถม้า?”
อิลเวสขมวดคิ้วไม่ชอบใจ อ้าปากกำลังจะถาม แต่เทวดาหนุ่มก็ชิงตอบเขาเสียก่อน
“มาดามกลาเดียเธอเรื่องมาก ถ้านายไปด้วยมันจะยุ่งเปล่าๆ ฉันจะพาเนลล่าไปหามาดามเอง ส่วนนาย...อืม....ทางที่ดีออกไปจากย่านนี้เถอะ เพราะมีสาวๆหลายคนเหมือนกันที่พร้อมจะยอมนอนกับผู้ชายที่เธอถูกใจโดยไม่ต้องรับเงิน ในที่นี้..หมายถึงนายอาจโดนฉุดตัวไปน่ะคะ”
ร่างสูงใหญ่สะดุ้งเฮือก แม้ใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแต่ก็ซีดลงไปบ้างจากปรกติ ..ประสบการณ์เมื่อช่วงบ่ายยังตามหลอกหลอนเขาไม่สร่างซา..ไลบราลียิ้มถูกใจ ก่อนจะมองไปยังทิศหนึ่งซึ่งรถม้ากำลังควบตะบึงมา
ไลบราลีสูดลมหายใจลึก ดึงแขนเนลล่าให้ร่างของเด็กหนุ่มเข้าใกล้ตน แล้วกระซิบเบาๆที่ข้างใบหูเรียว“แกล้งทำเป็นผู้หญิงให้เนียนๆหน่อยนะ”
ได้ยินเช่นนั้น เนลล่าก็ผงกหัวเบาๆ ดวงตาสีแดงทับทิมมองไปยังรถม้าที่ควบแล่นเข้ามา พยายามขุดอากัปกริยาของเด็กสาวในความคิดตัวเองให้ค่อยๆผุดขึ้นมา เสียงล้อรถบดกับถนนดังเรื่อยใกล้เข้ามาทุกมี กระทั่งหยุดลงอย่างสงบหน้าหอบุปผาโปรย
เนลล่าเงยมองรถม้าที่อยู่ตรงหน้าเขา ..วัตถุมีล้อสีดำสนิทที่ทำจากไม้ ประดับตกแต่งด้วยลวดลาวคดโค้งสีทองประกาย ส่วนของของรถม้ามีฐานสำหรับให้คนขับนั่งเพื่อกระตุ้นม้าสองตัวที่เทียมมา ประตูขนาดกว้างเท่าความสูงรถถูกติดตั้งไว้ด้านข้างพร้อมด้านจับ ...นี่น่ะเหรอรถม้าของนครลากูน่า
เด็กหนุ่มเคยเห็นรถม้า แต่มันก็คล้ายกับเกวียนมากกว่าจะมีลักษระเช่นนี้
ในระหว่างที่เนลล่าครุ่นคิด ชายคนขับก็ค่อยๆสวมหมวกใหม่อีกครั้งหลังจากที่มันตกลงบนเบาะเพราะแรงลม ร่างสูงปราดเปรียวภายใต้เครื่องแบบสีดำขอบทองก้าวลงมาบนพื้นอย่างงามสง่า ก่อนจะมองไปยังเด็กหนุ่มร่างบางในคราบเด็กสาว แล้วโค้งให้น้อยๆอย่างนอบน้อมถ่อมตัว
“คุณคือคุณเนลล่า ในข้อความที่ติดต่อไปหานายหญิงกลาเดียสินะครับ”
“เอ้อ....คร...ค่ะ”เนลล่ารีบเปลี่ยนคำลงท้ายของตน พยายามดัดเสียงของตนที่ทุ้มหวานอยู่แล้วให้หวานสูงกว่าเก่า ดวงตาสีเพลิงมองชายตรงหน้าด้วยความสนใจ
ใบหน้าคม ดวงตาสีเขียวเข้มทรงเสน่ห์ เรือนผมสีหยักศกสีดำขลับมัดลวกๆพร้อมเคลียไหล่ รูปร่างโปร่งสูงท่าทางสง่างาม..ดูดีเดินกว่าจะเป็นแค่คนขับรถ
หรือว่าเขากำลังคิดผิด?
เนลล่ากัดริมฝีปาก ไม่ทันแล้วถ้าเขาจะปฏิเสธตอนนี้ ลางสังหร์ที่กำลังก่อตัวขึ้นเรื่อยๆทำให้เขาตัดสินใจได้ลำบาก เด็กหนุ่มก้าวท้าวหลังเล็กน้อย ดึงแขนของอิลเวสไว้ให้เข้าใกล้ตัว แล้วส่งสิ่งที่เขาอาจไม่สามารถนำไปด้วยได้ลงในย่ามประจำตัวของชายร่างสูง ริมฝีปากบางสีชมพูกระซิบเบาๆที่ใบหูเรียว ก่อนจะละออก หันไปยังชายหนุ่มคนขับรถที่ยื่นมืออกมารอรับเขา เนลล่ายิ้มสู้ มือเรียววางลงบนมือของชายหนุ่มร่างโปร่งเจ้าของเนตรสีเขียวเข้มที่เชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งในรถม้าสีนิลกาฬ ก่อนจะตามด้วยไลบราลี แล้วประตูของรถม้าสีดำจึงปิดลง
อิลเวสขมวดคิ้ว มองใบหน้าคนขับรถด้วยความสงสัย กลิ่นอายบางอย่างทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
คนขับรถโค้งให้อิลเวสนิดหนึ่ง ก่อนจะปีนขึ้นที่นั่งคนขับพร้อมกระตุ้นม้า ม้าขนสีดำขลับร้องขึ้นมา ก่อนจะออกควบตะเลงพารถม้าสีดำให้แล่นจากไป พร้อมม่านฝุ่นสีทรายที่พลันตลบขึ้นมาก่อนจางหายยามรถม้าลับสายตาไป
อิลเวสกำหมัดแน่น มองส่งรถม้าด้วยความเครียด..เนลล่ามีฝีมือทำไมเขาจะไม่รู้ แต่ก็เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มร่างบาง เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ..ที่ไม่ใช่ลางสังหรณ์ที่ดี
มือหนาตบลงบน ‘สิ่ง’ ที่เนลล่ามอบให้เขาก่อนจะจากไป..มันคือหนังสอเล่มหนึ่ง ชายกนุ่มหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋าพร้อมมองดู ในใจครุ่นคิดถึงคำพูดของเด็กหนุ่มร่างบางที่กระซิบบอกตน
‘ฝากไว้กับอิลก่อนนะฮะ..ทำเท่าที่จะทำได้ตอนนี้ ผมได้มันมาจากสถานพยาบาล’
อิลเวสเปิดหนังสือออก คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนคลายออก ดวงตาสีทองสวยหรี่ลง ถอนหายใจเมื่อพบว่าสิ่งนั้นมีข้อมูลใดบันทึกเอาไว้ด้วยหมึกสีจาง
ข้อมูลชันสูตรศพ ..แต่ยังไม่รู้ว่าใช่ของเหยื่อสี่คนนั้นรึเปล่า ..หากมากพอให้ลองสืบหาดู
กริ๊ง...
สิ้นเสียงซึ่งแว่วเข้าสู่โสตประสาท ร่างกายก็ชาวาบ
....เสียงกระดิ่ง!
อิลเวสหันหลังกลับไปมอง ดวงตาสีทองหรี่ลง ริมฝีปากขบเม้มแน่น มือหนากำหมัดชื้นเหงื่อเย็น ประสาทสัมผัสเปิดกว้างรับฟังเสียงกังวานซึ่งดังขึ้นมาแวบหนึ่งในโสตประสาทของตน
เสียงจากที่อื่น..หรือ..เสียงที่เขาคิด?
กริ๊ง..
เวลาหมุนช้าลงในสายตาของชายหนุ่ม ผู้คนที่เคลื่อนกายตรงหน้าพลันเคลื่อนไหวช้าลง ..ร่างหนึ่งซึ่งมีสีสันของราตรีคลุมกายเป็นอาภรณ์เดินผ่านไปในกลุ่มคน..สีราตีดำขลับลึกล้ำอันโดดเด่น หยิงสาวหันหน้ามาหาเขา..พร้อมรอยยิ้มสีแดงสดเยือกเย็น
กริ๊ง..
..เห็นแล้ว!
อิลเวสร้องในใจอย่างลิงโลด ริมฝีปากแสยะยิ้มก่อนขาจะก้าวออกวิ่งตามร่างเจ้าของเสียงกระดิ่งไป..ครั้งนี้ไร้กลิ่นจัสมิน ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าครั้งนั้นเจ้าตัวทำเพื่อล่อพวกเขาไป อิลเวสวิ่งตามตรอกซอยซึ่งเล็กและเคี้ยวคดกว่าในตัวเมืองลากูน่า ชนชายหลายคนล้มลงไปและถูกหญิงหลายคนจับแขนรั้งไว้ก่อนสะบัดหลุดออกมาอย่างไม่ลำบากนัก อิลเวสวิ่งต่อไปเรื่อยๆตามร่างสีราตรีและเสียงกระดิ่งที่ดังกังวาน กระทั่งร่างนั้นหยุดลงตรงหน้าเขา...ในพื้นที่กว้างริมถนนสายน้ำกว้างขวางนามฟรองซัวร์
พระอาทิตย์สีแสดและพื้นที่โล่งกว้างเบื้องหลังร่างสีราตรี..ดูราวจะทำให้ร่างที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลายเป็นภาพลวงตา
หญิงสาวยืนนิ่ง หุบร่มที่ใช้บังแสงแดดพร้อมใช้แขนเปิดผ้าคลุมที่ปิดหน้าออกเล็กน้อย ริมฝีปากแสยะยิ้มเย็น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสูงต่ำดุจร้องเพลง
“ยินดียิ่งนักที่ได้พบเจ้าอีก.....ฮาร์....”หญิงสาวชะงักไปนิดหนึ่ง “..อิลเวส เราจะเรียกชื่อนั้นแล้วกัน เพราะดูเจ้าไม่ต้องการให้เราเรียกฉายานั้นซักเท่าไหร่...”
เสียงหัวเราะหวานกังวานดังขึ้น ....ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินหอบหายใจชั่วครู่ มองใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าเขา ก่อนจะยืนหยัดหลังตรงแล้วเอ่ยถามเสียงขุ่น “ต้องการอะไร”
หญิงสาวยิ้ม มิได้ตอบคำถาม มือเรียวเคาะร่มกับพื้นเป็นจังหวะ ..ซักพัก รอยยิ้มก็เหือดหายไป แทนที่ด้วยความเครียดที่ยากจะเห็นจากใบหน้าขาวนวล “ควรต้องเร่งหน่อย..........”
“เร่ง?”
“..ที่จริงมันคงจะลำบาก พวกเจ้าเพิ่งสืบคดีได้ข้ามวันคงยากจักได้ข้อมูลที่มากพอ..แต่ในคืนเดือนมืดที่จะถึงนี้ ภูติสายน้ำแห่งลากูน่าจักถึงคราวจำศีล...ตลอดเดือนจวบจนคืนเดือนมืดครั้งใหม่เวียนมาเยือน..เขาจะหลับใหล...ยากที่ใครจะปลุกให้ลืมตาตื่น..อีกปัญหา...กริชน้ำแข็งต้องการเปลี่ยนนาย.....มิเช่นนั้นจะสลายไป...”
“เปลี่ยนนาย?”
“กริชน้ำแข็งนี้จำต้องเปลี่ยนนายทุกสองร้อยปี.. สองร้อยปีก่อนมันตกเป็นของเรา และบัดนี้ต้องหานายใหม่เสียแล้ว..เส้นตายคือคืนเดือนมืด...
ผู้ครอบครองคนก่อนจะมอบให้ผู้ครอบครองคนต่อไปได้ก็ต่อเมื่อมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่จำต้องสมประสงค์ นั่นหมายถึง...........”
“ที่ต้องการบอก...”อิลเวสกำหมัดแน่น เอ่ยขัดขึ้น ดวงตาสีทองปิดลงก่อนเบิกขึ้นด้วยประกายกร้าว “คือให้เรารีบสืบคดี..เพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนนั่นสินะ”
“ถูกต้อง”รอยยิ้มปรากฏขึ้นอีกครั้ง ดูคล้ายชอบใจกับใบหน้าเคร่งเครียดของผู้พรากความตายตรงหน้าตน “นี่เป็นโอกาสของพวกเจ้าที่เราอยากให้คว้าไว้ ทั้งกริชน้ำแข็งเองยังไม่ควรหยุดหน้าที่ของมันลงที่เรา...อีกประการหนึ่ง เรารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้อยู่มานานเช่นเจ้าคงรู้สึกเช่นกัน หรือข้าคาดผิดไป?”
“........”อิลเวสไม่ได้ตอบคำ หากในใจรับรู้เป็นอย่างดี..ถึงลางสังหรณ์ที่หญิงสาวบอกเขา
ลางสังหรณ์...ที่ค่อยๆก่อตัวเมื่อสืบคดีที่เกิดขึ้นนี้
ซินเธียมองใบหน้านั้น ถอนหายใจ ก่อนประกายขบขันจะปรากฏขึ้นในดวงตาสีรัตติกาล
“....ที่จริงเราอยากคุยกับเจ้าให้มากกว่านี้ในตอนนั้น แต่ดูเจ้ามีความลับต่อเด็กหนุ่มคนนั้นมากมายเหลือเกิน”
อิลเวสเงยหน้าขึ้น เบิกดวงตาคล้ายจะสงสัย “...รู้?”
“ดูเหมือนเป็นเจ้าที่ลืมเรา..แต่คงไม่แปลก...เราเปลี่ยนไปมากพอสมควรเช่นกัน...”เสียงหัวเราะดังแผ่วขึ้นกว่าเก่าเมื่อดวงตาสีทองของอิลเวสฉายแงววหงุดหงิดไม่เข้าใจ ความคิดย้อนกลับไปเมื่อตนยังเยาว์ ..ซักพัก ชายหนุ่มก็เบิกตาเล็กๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่าน....”
“เจ้าควรจะฉุกคิดตั้งแต่คำว่าซินเธีย เด็กน้อย”น้ำเสียงอันเยียบเย็นพลันเปลี่ยนไป ศีรษะโคลงไปมาอย่างระอา กลับกลายเป็นคล้ายจะเอื้อเอ็นดู “แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมองรอบข้าง นิสัยนี้พันกว่าปีมิได้เปลี่ยนไปเลยจริงๆ”
อิลเวสหน้าตึงขมวดคิ้ว คร้านที่จะต่อล้อต่อเถียงต่อคนรู้จักอาวุโสของตน.. “....ทำไมถึงมาอยู่ที่ลากูน่า”
“เรามาพบจอมภูติแห่งสายน้ำ คงจะลำบากหากไร้กริชน้ำแข็ง..ว่าแต่ เจ้าเห็นด้วยกับการตามหาความทรงจำของเด็กน้อยคนนั้นหรือ?”
“รู้แม้แต่เรื่องนั้น.....?”
“ตราบเท่าที่พวกเจ้าเป็นคนของราตรี น้ำหมึกเช่นเราย่อมรับรู้ในทุกสิ่ง”หญิงสาวยิ้มเยือน ก่อนจะเอ่ยต่อ “บางทีเจ้าอาจไม่รู้ แต่วิญญาณของเด็กคนนั้นไม่เสถียร..หากดึงดันตามหาสถานที่ซึ่งอัดแน่นด้วยพลังต่อไป เขาอาจจะ..”
“ไม่เป็นไรหรอก”อิลเวสขัดขึ้น “เพราะฉันอยู่ข้างเขา”
ซินเธียเอียงคอ คล้ายจะแปลกใจหากก็ยังยิ้มเยือน “...เอาเถอะ ดูเจ้าจะเห็นด้วยกับเด็กคนนั้นสินะ”
“ไม่......”
“หืม?”
“...ไม่แม้แต่วันเดียวที่ฉันอยากให้เขาได้ความทรงจำกลับคืนมา..”
ความคิดเห็น