คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สร้างรัก...บทที่ 5
บทที่ 5
ชวกรเดินตามพนักงานของร้านไปยังโต๊ะที่เขาได้โทร.มาจองไว้
ระหว่างทางไม่ลืมที่จะมองสำรวจรอบๆ ร้านไปด้วย แม้จะเป็นเวลาหัวค่ำแต่โต๊ะกลับถูกจับจองจนเกือบเต็ม
เขาไม่แปลกใจเลยที่เป็นเช่นนี้ เพราะร้านนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศภายในร้านนั้นสุดแสนจะโรแมนติก
เหมาะกับการดินเนอร์ใต้แสงเทียนเป็นที่สุด แถมรสชาติอาหารยังเป็นที่ร่ำลือในเรื่องความอร่อย
ร่างสูงทรุดลงนั่งในโซนริมน้ำ
ก่อนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัดแล้วสายตาคมก็เหลือบมองไปยังทางเข้าร้านด้วยใจที่จดจ่อ
แต่ก็ยังไร้วี่แววของคนที่เขานัดไว้ มือข้างขวาจึงล้วงเข้าไปหยิบกล่องใบเล็กในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา
พลันปากหยักได้รูประบายยิ้มอ่อนโยนออกมาเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ส่วนดวงตาสีนิลนั้นก็เปล่งประกายแวววาวราวกับมีดาวนับล้านดวงที่พร้อมใจกันส่องแสง
ชวกรผุดลุกขึ้นยืนแทบจะทันทีเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งในชุดมินิเดรสผ้าลูกไม้สีชมพู
กำลังเดินตามพนักงานเข้ามายังโต๊ะที่เขานั่งอยู่
พร้อมกันนั้นก็รีบซุกของในมือไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม ก่อนกุลีกุจอเลื่อนเก้าอี้ให้อีกฝ่ายนั่ง
จากนั้นก็เดินอ้อมกลับไปประจำที่ของตัวเอง
“วันนี้น้องแก้มของพี่สวยมากเลยรู้ไหม”
ชายหนุ่มออกปากชมคนรัก พร้อมจ้องใบหน้าเรียวเล็กรูปหัวใจที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาอย่างหลงไหล
พลันนึกในใจว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่โชคดีเหลือเกินที่ได้หัวใจเธอมาครอง
“พี่ตรีก็พูดเกินไป
แก้มก็ปกติเหมือนทุกวันนั่นแหละค่ะ” ชฎาพรแย้งเสียงเรียบ
ไม่ได้มีท่าทีเขินอายหรือรู้สึกปริ่มเปรมไปกับคำเยินยอนั้นอย่างที่ผ่านมา และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาหญิงสาวรีบเข้าประเด็นทันที
“ว่าแต่พี่ตรีนัดแก้มมาวันนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่มีเรื่องสำคัญจะบอกแก้มน่ะ”
ตอบไปแล้วก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งชักสังหรณ์ใจบางอย่าง และได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างไม่ใช่อย่างที่เธอคิด
“งั้นเหรอคะ
แก้มเองก็มีเรื่องสำคัญจะบอกพี่ตรีเหมือนกันค่ะ”
ชวกรฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของคนรัก
และเขาก็มั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจว่าเรื่องสำคัญของเธอกับเรื่องสำคัญของเขามันต้องเป็นเรื่องเดียวกันอย่างแน่นอน
เพราะก่อนหน้านี้เธอมักจะทวงถามถึงสัญญาที่เขาให้ไว้กับเธออยู่เสมอ
และตอนนี้มันก็ถึงเวลาอันสมควรที่เขาเคยให้คำมั่นกับเธอไว้แล้ว
ยิ่งคิดหัวใจของชายหนุ่มยิ่งพองโตจนแน่นคับอกไปหมด จนแทบจะทนรอต่อไปไม่ไหว
แต่ก็ต้องบอกตัวเองให้รออีกนิด อีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
“พี่ว่าเรารีบสั่งอาหารก่อนดีกว่าเนอะ
กินเสร็จแล้วค่อยคุยเรื่องสำคัญของเรากัน” ชวกรว่าพร้อมยื่นเมนูไปให้ ซึ่งชฎาพรไม่ได้ขัดข้องอะไร
หญิงสาวจัดการสั่งอาหารไปหลายอย่าง ซึ่งทุกเมนูล้วนเป็นของโปรดของเธอและเขา
ระหว่างรออาหารชวกรก็ชวนคนรักพูดคุยไม่หยุด
ซึ่งทุกเรื่องที่หยิบยกขึ้นมาล้วนแต่เป็นเรื่องราวความรักของทั้งสอง
ตั้งแต่เริ่มคบกันวันแรกเรื่อยมาจนปัจจุบัน ซึ่งกินระยะเวลาไปถึงสิบปี โฟร์แมนหนุ่มบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ
ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข โดยไม่ได้สังเกตท่าทีกระอักกระอ่วนของคู่สนทนาเลยสักนิด จนเมื่อพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ
คนที่โลกทั้งใบมีแต่สีชมพูถึงได้พักบทสนทนาไว้ก่อน และหันมาจัดการกับอาหารบนโต๊ะแทน
“ที่แก้มบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับพี่
คือเรื่องอะไรเหรอ” ชวกรถามขึ้นเมื่ออาหารบนโต๊ะพร่องไปกว่าครึ่ง
“เอ่อ...คือ”
แม้จะซักซ้อมและเตรียมใจมาหลายวันแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ
ชฎาพรกลับติดอ่างขึ้นมาเสียดื้อๆ เห็นท่าทางร่าเริงและสายตาของคู่สนทนาแล้วคำพูดที่เตรียมไว้ก็จุกอยู่ที่ลำคอ
“มีเรื่องอะไรก็พูดมาเลยแก้ม
พี่รอฟังอยู่” ชวกรเร่ง ทั้งยังจ้องหน้าคนรักนิ่งอย่างรอฟังคำตอบ
“เราเลิกกันเถอะค่ะพี่ตรี”
หญิงสาวตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด
สิ้นคำพูดของชฎาพร
เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของชวกร มือข้างหนึ่งที่กำลังล้วงเข้าไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงในกระเป๋ากางเกงเป็นอันต้องชะงัก
รอยยิ้มที่ระบายเต็มใบหน้าค่อยๆ คลายลง บรรยากาศอึมครึมเริ่มคืบคลานเข้ามาแทนที่ความโรแมนติกรอบตัวในฉับพลัน
ภาพอนาคตแสนหวานที่วาดฝันไว้ก็ค่อยๆ เลือนหายไปในที่สุด
“เมื่อกี้แก้มว่าอะไรนะ”
ชายหนุ่มพูดออกไปคล้ายละเมอ
แม้จะได้ยินชัดเต็มสองหูแต่เขาก็ยังอยากจะหลอกตัวเองว่าเมื่อสักครู่นั้นเขาแค่ฟังผิดไป
“เราเลิกกันเถอะนะคะพี่ตรี”
หญิงสาวพูดย้ำอีกครั้งอย่างช้าๆ และชัดๆ
“แก้มอำพี่เล่นใช่ไหม”
“แก้มพูดจริงค่ะ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มอย่างเด็ดเดี่ยว
เพื่อยืนยันว่าที่เธอพูดนั้นเรื่องจริง ไม่ได้เสแสร้งแกล้งอำอะไรทั้งสิ้น
“ทำไมล่ะแก้ม
แก้มไม่รักพี่แล้วเหรอ” คนเพิ่งถูกสลัดรักถามออกไปรัวเร็ว ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้
ตลอดเวลาสิบปีที่คบกันมาเขารักและซื่อสัตย์ต่อหญิงสาวมาโดยตลอด
เขาทำตัวเป็นคนรักที่ดี ไม่เคยมีเรื่องให้คนรักต้องขุ่นข้องหมองใจ
แล้วเหตุใดทุกอย่างมันถึงออกมาแบบนี้ เขาพร่ำถามตัวเองอยู่ในใจขณะเฝ้ารอเหตุผลจากอีกฝ่ายด้วยใจจดจ่อ
“แก้ม...”
ชฎาพรอึกอัก ไม่กล้าแม้จะสบสายตาคมที่เต็มไปด้วยความวิงวอนของคู่สนทนา
ด้วยกลัวว่าตัวเองนั้นจะใจอ่อน แม้ตอนนี้เธอจะหมดรักชายตรงหน้าแล้ว
แต่ด้วยความที่ผูกพันกันมาเป็นสิบปีเยื่อใยที่เคยมีให้กันย่อมหลงเหลืออยู่เป็นธรรมดา
“เงียบทำไมล่ะแก้ม
บอกพี่มาสิ”
“แก้มไม่อยากทนอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว
พี่ตรีมัวทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้แก้มบ้างเลย” ชฎาพรอ้าง
เมื่อคิดได้ว่าไม่มีเหตุผลไหนที่จะดูดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อแก้มนะ
เพื่อจะได้มีเงินไปสู่ขอแก้มทันทีที่แก้มเรียนจบ แล้วตอนนี้พี่ก็ทำสำเร็จแล้วด้วย
แก้มดูนี่สิ” ชวกรผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ก่อนเดินอ้อมโต๊ะไปคุกเข่าลงข้างเก้าอี้ที่หญิงสาวนั่งอยู่
และหยิบแหวนทองคำขาวประดับเพชรวงสวยที่เตรียมไว้ออกมา แล้วยื่นมันไปตรงหน้าคนรัก
“วันนี้พี่ตั้งใจจะขอแก้มแต่งงาน
แต่งงานกับพี่นะแก้ม” ชายหนุ่มพูดอย่างเว้าวอน
เงยหน้าสบสายตาหญิงสาวอย่างมีความหวัง
“มันช้าไปแล้วค่ะพี่ตรี”
ชฎาพรปัดแหววนออกไปให้พ้นหน้า
“แก้มไม่เข้าใจเลยว่าพี่จะทุ่มเททำงานหนักเพื่อเก็บเงินแต่งงานไปทำไม
ในเมื่อบ้านพี่ก็มีเงินมีทองเหลือกินเหลือใช้ขนาดนั้น พี่ไม่ใช่ลูกตาสีตาสาสักหน่อยที่จะต้องทนสู้งานหนักเพื่อเก็บหอมรอมริบไปขอสาวแต่งงานแบบในละครน้ำเน่า
แค่พี่เอ่ยปากพ่อพี่ก็จัดให้พี่ทุกอย่างแล้ว”
“เพื่อผู้หญิงที่พี่รัก
พี่ก็อยากเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวพี่เอง
และพี่ก็อยากให้แก้มภาคภูมิใจในตัวพี่ ที่พี่ทำทุกอย่างเพื่อแก้มด้วยตัวเอง ไม่ได้หวังพึ่งแต่พ่ออย่างเดียว”
ชายหนุ่มบอกเหตุผลของตัวเอง
และได้แต่หวังว่ามันจะทำให้เธอเห็นใจในความตั้งใจจริงของเขาครั้งนี้
“เหตุผลของพี่มันฟังไม่ขึ้นเลยรู้ไหม”
เสียงที่เอ่ยออกมานั้นราบเรียบ
ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งไปกับความทุ่มเทของอีกฝ่ายเลยสักนิด
“แก้มอย่าทำกับพี่แบบนี้เลยนะ
แก้มก็รู้ว่าพี่รักแก้มมากแค่ไหน เวลาสิบปีที่คบกันมามันไม่มีค่าเลยเหรอ
ให้โอกาสพี่แก้ตัวหน่อยได้ไหม ต่อไปพี่จะทุ่มเทเวลาให้แก้มอย่างเต็มที่
แก้มจะเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่องเสมอ”
ชวกรร้องขอโอกาสอย่างน่าเห็นใจ
เขายังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิมโดยไม่สนสายตาหลายสิบคู่ภายในร้านที่ต่างหันมามองอย่างสนใจ
“อย่าเลยค่ะพี่ตรี
แก้มตัดสินใจแล้ว”
“ทำไมล่ะแก้ม
หรือว่าแก้มมีคนใหม่”
ชายหนุ่มลองถามไปอย่างนั้น
ทั้งที่ไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริงเลยสักนิด
แต่แล้วการนิ่งเงียบบวกกับอาการเสมองไปทางอื่นของเธอก็ทำให้เขาตัวชายิ่งกว่าโดนน้ำแข็งสาด
แข้งขามันไร้เรี่ยวแรงจนแทบพยุงตัวไว้ไม่ไหว
ในอกด้านซ้ายมันปวดร้าวราวกับโดนของแหลมคมกรีดแล้วใช้ค้อนปอนด์กระหน่ำทุบซ้ำไปซ้ำมา
คำถามร้อยพันวิ่งไปมาในหัว
“ไม่จริงใช่ไหมแก้ม
บอกพี่มาสิว่าแก้มไม่ได้มีคนใหม่อย่างที่พี่คิด” ชวกรข่มความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจ
ก่อนกลั้นใจถามออกไปในที่สุด แล้วก็ภาวนาให้เธอปฏิเสธคำกล่าวหานั้น
“ใช่ค่ะ
แก้มมีคนอื่น เขามีเวลาให้แก้ม เขาเอาใจใส่แก้มมากกว่าพี่ตรี”
คำตอบของชฎาพรเหมือนแส้ที่ฟาดซ้ำลงมาบนแผลของชวกรอย่างไม่ปรานี
ตอนนี้ชายหนุ่มไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ตั้งตัวไม่ทันกับความผิดหวังครั้งนี้
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าความรักที่เขาบ่มเพาะมาเป็นสิบปีจะมีจุดจบแบบนี้
“ไม่จริง
พี่ไม่เชื่อ แก้มอย่าล้อพี่เล่นแบบนี้สิ” ชวกรเอื้อมมือไปคว้ามือบางมากุมไว้แน่น
ราวกับกลัวว่ามือนั้นจะหลุดลอยไปแล้วจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันอีก
“พอได้แล้วพี่ตรี”
ชฎาพรตวาดเสียงดังก่อนผุดลุกขึ้นยืนและดึงมือออกจากการเกาะกุมของมือใหญ่
ชวกรถึงกับชะงักกับท่าทีที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนของคนรัก
“ปล่อยแก้มไปเถอะนะพี่ตรี
พี่จะรั้งคนที่ไม่รักพี่ไว้ทำไม” น้ำเสียงเธออ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อตระหนักได้ว่าใช้ไม้แข็งไปก็คงจะไม่เป็นการดีสักเท่าไร
“แก้มอย่าทิ้งพี่ไปเลยนะ
พี่คงอยู่ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีแก้ม” ชวกรลุกพรวดเข้าไปโอบกอดหญิงสาวไว้จากด้านหลัง
ก่อนที่เธอจะเดินจากไป เขาไม่อาจทำใจยอมรับกับความเจ็บปวดในครั้งนี้ได้
น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมาเป็นสายอย่างไม่อายใคร
ชฎาพรแกะวงแขนแกร่งของชายหนุ่มออกจากเอวคอดของตน
ก่อนหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“ทุกอย่างมันจบแล้วพี่ตรี
ลาก่อนนะคะ” พูดจบก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่ใยดี
ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนข้างหลังจะเจ็บเจียนตายสักแค่ไหน
“แก้มอย่าทำกับพี่แบบนี้เลยนะ
แก้มมม”
ชวกรร้องเรียกคนรักจนสุดเสียง
ก่อนจะสะดุ้งเฮือกตื่นจากฝันร้าย เขาหอบหายใจแรง
เหงื่อกาฬไหลท่วมตัวราวกับเพิ่งผ่านพ้นการออกกำลังกายมาอย่างหนัก
มือหนาเอื้อมไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงบนหัวเตียงมาเปิดออกดู ทันใดนั้นภาพเก่าหนหลังเกี่ยวกับเรื่องราวของอดีตคนรักก็ไหลย้อนเข้ามาในหัวราวกับหนังที่ถูกนำมาฉายซ้ำ
ทั้งที่เขาพยายามฝังกลบมันไว้ให้ลึกสุดใจและเขาก็ทำมันได้ดีมาตลอดในช่วงปีที่ผ่านมา
แต่แล้วพนักงานใหม่คนนั้นกลับมากวนตะกอนที่นอนนิ่งอยู่ก้นบ่อให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
ด้วยคำพูดไม่กี่คำและการกระทำของเธอ ที่ดูเหมือนว่ามันจะซ้ำรอยพฤติกรรมของอดีตคนรักของเขา
ที่เขาได้รู้ภายหลังจากที่เลิกรากันไปแล้วว่า
ลับหลังเขานั้นเธอมักบอกกับใครต่อใครว่าโสด
เช่นเดียวกับที่ปัถยาป่าวประกาศในไซต์งานวันนี้
โฟร์แมนหนุ่มสลัดภาพในหัวทิ้งไปทิ้งไป
พลันนึกกล่าวโทษปัถยาอยู่ในใจ
ขณะเดียวกันอคติต่อตัวเซฟตีสาวก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ตัว
********************
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
อ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไงก็คอมเมนต์บอกกันได้น้าาา
แวะเข้าไปติดตามข่าวสารนิยาย และพูดคุยกันได้นะคะที่เพจ "คีตมินทร์"
ความคิดเห็น