คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : สร้างรัก...บทที่ 4
บทที่ 4
เมื่อถึงเวลาเลิกงานทุกคนก็ทยอยมารวมตัวกันยังจุดนัดหมาย
โดยพงศกรซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีมารอเป็นคนแรก ตามมาด้วยวิษณุ กวี และคนอื่นๆ
เมื่อมากันครบทีม
ทุกคนก็ลงลิฟต์ไปยังชั้นที่มีสะพานเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าทันที
เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนทำให้คนที่มาใช้บริการรถไฟฟ้านั้นมีจำนวนมากกว่าปกติ
ทั้งจุดแลกเหรียญและจุดซื้อตั๋วมีคนต่อแถวยาวเหยียดและหนึ่งในนั้นก็คือปัถยา
เพราะหญิงสาวยังไม่ได้ซื้อตั๋วแบบรายเดือน ในขณะที่คนอื่นๆ
ใช้ตั๋วรายเดือนกันและแตะบัตรเข้าไปยังสถานีรถไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว
“น้องรุ้งล่ะ”
ศศิธรถามหาปัถยา เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้เดินตามมาด้วย
“ต่อแถวอยู่โน่นค่ะ”
พิมพาบอกพร้อมชี้นิ้วไปยังปัถยาที่ยืนอยู่หางแถวบริเวณจุดซื้อตั๋ว
“พวกเราไปรอที่ร้านก่อนดีกว่าไหม
ไปช้าเดี๋ยวโต๊ะจะเต็มซะก่อน ส่วนน้องรุ้งให้ตรีเป็นคนพาไป” ศศิธรเสนอ
เมื่อเห็นว่าอีกนานกว่าจะถึงคิวปัถยา ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย
“ตกลงตามที่คุณจ๋าว่าละกัน
เจอกันที่ร้านนะ”
ก้องภพบอกก่อนจะเดินนำคนอื่นๆ
ขึ้นไปยังชานชาลา ส่วนชวกรก็ยืนรอปัถยาอยู่หน้าบันไดทางขึ้น
“คนอื่นๆ ไปไหนกันหมดแล้วล่ะคะ” ปัถยาเอ่ยถามเมื่อเห็นโฟร์แมนหนุ่มยืนอยู่คนเดียว
“ไปรอที่ร้านแล้ว ไปกันเถอะ”
พูดจบชายหนุ่มก็เดินนำหญิงสาวขึ้นไปยังชานชาลา ซึ่งเป็นจังหวะที่รถไฟฟ้ามาพอดี
เมื่อประตูรถไฟฟ้าเปิดออก ผู้คนด้านในก็ทะลักออกมาอย่างคับคั่ง
ขณะที่บางคนก็แทรกตัวเข้าไปด้านใน
ชวกรและปัถยารอให้คนด้านในเดินออกมาจนหมด
จากนั้นค่อยแทรกตัวเข้าไปภายในที่ผู้คนแน่นขนัดจนแทบหาที่ยืนไม่ได้
เพราะมัวแต่ขยับหาที่ยืนและมองหาที่ที่พอจะยึดจับได้บ้าง
ในจังหวะที่รถไฟฟ้ากระชากตัวออกจากชานชาลา
ปัถยาที่ยังไม่ทันได้ตั้งหลักก็เซถลาไปปะทะกับแผงอกแกร่งของชวกรที่ยืนอยู่ด้านหน้า
ชายหนุ่มใช้แขนข้างหนึ่งโอบรัดเอวคอดกิ่วของหญิงสาวตรงหน้าไว้แน่น
เพราะกลัวว่าเธอจะเซล้มลงไป หลังจากซบนิ่งกับแผงอกของชวกรอยู่พักใหญ่
ซึ่งเจ้าของวงแขนไม่มีทีท่าว่าจะคลายออก ปัถยาจึงขืนตัวเล็กน้อยเพื่อให้เขารู้ตัว
“ปล่อยได้แล้วค่ะ”
ปัถยาบอกเสียงแผ่วเบาชิดอกกำยำเมื่อเห็นว่าเขายังยืนนิ่ง ขณะอีกคนเมื่อรู้ตัวก็รีบคลายอ้อมแขนออกทันที
“เกาะแขนผมไว้ก็ได้นะ จะได้ไม่ล้ม”
ชวกรบอกเสียงเรียบเช่นทุกครั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ยังไม่ทันตั้งตัว
เลยเสียหลักไปนิดหน่อย” หญิงสาวปฏิเสธข้อเสนอของชายหนุ่ม พร้อมยิ้มแหยๆ
ให้จากนั้นก็เอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้ามองสบตาคนตรงหน้า
กลัวว่าเขาจะเห็นริ้วแดงๆ บนใบหน้าของตนเอง
ขณะเดียวกันก็พยายามควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองให้กลับไปเต้นในจังหวะปกติ
ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไป อยู่ๆ ใจก็เต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เมื่อรถไฟฟ้าจอดยังสถานีถัดไปทำให้มีผู้โดยสารเบียดเพิ่มเข้ามาอีก
ส่งผลให้ช่องว่างระหว่างชวกรและปัถยาน้อยลงกว่าเดิม
ทั้งสองยืนแนบชิดติดกันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ปัถยาพยายามเป็นอย่างมากที่จะขืนตัวไว้ไม่ให้เข้าใกล้เขาไปมากกว่าที่เป็นอยู่
ด้วยกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงกว่าปกติของเธอ แต่แล้วอยู่ๆ
ชวกรก็ดึงร่างบางตรงหน้าเข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้นพร้อมกับหมุนตัวสลับตำแหน่งกับหญิงสาวในอ้อมแขน
ซึ่งการกระทำของเขาสร้างความงุนงงให้ปัถยายิ่งนัก
เซฟตีสาวเงยหน้ามองอีกฝ่ายทันที คิ้วเรียวเล็กเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม
“ผู้ชายคนนั้น มันแอบลูบก้นคุณ”
ชวกรก้มลงกระซิบที่ข้างหูหญิงสาวพร้อมปรายตาไปยังชายคนที่เขากล่าวถึง
ที่ตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังเขา ขณะที่คนถูกลวนลามมีสีหน้าตกใจพร้อมมองไปยังชายคนนั้น
“ขอบคุณนะคะนายช่าง”
ปัถยากล่าวออกมาเบาๆ ด้วยคนเยอะและเบียดกันแน่น
ทั้งยังมัวแต่เขินอายกับการแนบชิดเกินพอดีของเธอและเขา เธอเลยไม่ทันได้ระวังตัวและไม่รู้ตัวว่าโดนลวนลาม
“ถึงแล้ว ไปกันเถอะ” พูดจบก็คว้าข้อมือหญิงสาวให้เดินตามออกไป เมื่อออกมาพ้นจากขบวนรถไฟฟ้าเขาจึงปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ แล้วเดินนำหน้าหญิงสาวลงบันไดไป
ชวกรเดินนำหญิงสาวไปยังร้านอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟฟ้า
และเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของร้าน ซึ่งเป็นเทอร์เรซเปิดโล่ง และมีเวทีเตี้ยๆ
สำหรับแสดงดนตรีสดให้แขกได้ฟังทั้งคืน
เมื่อเห็นสองหนุ่มสาวเดินเข้ามาในร้านก้องภพและพรรคพวกที่นั่งอยู่โซนด้านนอกก็โบกไม้โบกมือให้ผู้มาใหม่ทั้งสองเห็น
“น้องรุ้งมานั่งข้างพี่มา” พิมพาบอกพร้อมตบที่เก้าอี้ว่างด้านข้างตน
“เดี๋ยวก่อนตรี มาเปลี่ยนที่นั่งกัน”
พงศกรที่นั่งอยู่ตรงข้ามปัถยาร้องบอกชวกรก่อนที่ก้นเขาจะสัมผัสกับเก้าอี้ว่างข้างปัถยา
“คิดอะไรกับน้องเปล่าเนี่ย”
ก้องภพที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพูดแซวขึ้น
“ไม่มีอะไร
แค่คนโสดอยากนั่งใกล้คนโสดเหมือนกัน เผื่อจะสปาร์กกันบ้าง
ส่วนคนไม่โสดก็อยู่ส่วนของคนไม่โสด”
พงศกรพูดทีเล่นทีจริงขณะเดินอ้อมมานั่งแทนตำแหน่งของชวกร ซึ่งคำว่าคน ‘ไม่โสด’
ของพงศกรกระตุกหัวใจของปัถยาให้ไหววูบ หญิงสาวนิ่งไปชั่วขณะ คิดตามคำพูดของพงศกร
‘คนท่าทางนิ่งๆ
เย็นชาแบบชวกรมีแฟนกับเขาด้วยเหรอ จะว่าไปเขาจะมีหรือไม่มีแฟนมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อย’
ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงของศศิธรก็ดังขึ้นทำลายความคิดของหญิงสาว
“น้องรุ้งจะสั่งอะไรเพิ่มไหม
เมื่อกี้พี่สั่งข้าวผัดปูจานใหญ่ ปลาช่อนทอดลุยสวน ต้มยำกุ้งน้ำข้น ห่อหมกทะเล
ยำปลาดุกฟู และกับแกล้มของพวกหนุ่มๆ ไปแล้ว” ศศิธรถามพร้อมยื่นเมนูเล่มหนาให้ปัถยา
“ไม่ดีกว่าค่ะ ให้พวกพี่ๆ สั่งเลยค่ะ
รุ้งกินได้ทุกอย่างค่ะ”
“น้องรุ้งผสมอะไร โซดาน้ำ น้ำ
หรือโคล่า” กวีที่นั่งตำแหน่งปลายโต๊ะใกล้กับโต๊ะตั้งเครื่องดื่มถามขึ้น
“รุ้งไม่ดื่มค่ะ
ขอเป็นน้ำเปล่าละกันค่ะ”
“ได้ไงน้องรุ้ง
มาสังสรรค์ทั้งทีต้องเต็มที่หน่อยสิ สักนิดหน่อยก็ยังดี”
วิษณุที่ตอนนี้หน้าเริ่มแดงคะยั้นคะยอ
“น้องไม่ดื่มแหละดีแล้ว
อย่ามาชักชวนน้องให้เสียคนเลยไอ้นุ แกน่ะเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ดูซิวันนี้จะน็อกแก้วที่เท่าไร
แค่สองแก้วก็หน้าแดงตาแดงแล้ว พรุ่งนี้ถ้าแกไม่มาทำงานนะ ฉันรายงานเจ้านาย
ให้เจ้านายไล่แกออกจริงๆ ด้วย” ก้องภพคาดโทษลูกน้องที่คออ่อนกว่าคนอื่น
“พรุ่งนี้พี่จะได้เห็นหน้าอันหล่อเหลาของผมอย่างแน่นอน
มีคนสวยๆ อย่างน้องรุ้งรออยู่ ผมจะไม่ไปทำงานได้ยังไง”
คนคออ่อนยืนยันกับลูกพี่ก่อนจะหันไปส่งสายตาหวานเยิ้มใส่พนักงานคนใหม่
“อ้าวคุณกวาง มาได้ไงคะ”
สิ้นคำของของพิมพา วิษณุก็ตัวชาวาบ ก่อนค่อยๆ
หันไปมองด้านหลังอย่างคนมีความผิด แต่เมื่อไม่พบบุคคลที่พิมพากล่าวถึงก็ทำท่าโล่งอก
พร้อมกับขว้างค้อนใส่พิมพาไปที
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้ดีทีเดียว
แม้แต่ปัถยาที่ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของแต่ละคนก็อดขำไม่ได้กับปฏิกิริยาของวิษณุเมื่อสักครู่
เว้นแต่ชายหนุ่มตรงหน้าหญิงสาวที่ยังคงตีหน้านิ่ง นั่งกระดกเหล้าเข้าปากไปเงียบๆ
“คุณพิมพ์เล่นอะไรก็ไม่รู้ ผมตกใจหมด”
วิษณุกล่าวงอนๆ
ทุกคนรู้ดีว่าธิติมาแฟนสาวของเขาดุเอาการและขี้หึงสุดๆ
หลายครั้งที่ทุกคนมักจะยกเรื่องนี้มาทำให้เขาตกใจ และเพื่อนๆ
มักจะล้อว่าเขากลัวเมีย เขาก็จะเถียงหัวชนฝาเสมอว่าเขาไม่ได้กลัว แค่เกรงใจ
ไม่อยากจะมีเรื่อง
หลังจากขำกับเรื่องของวิษณุได้สักครู่อาหารที่สั่งไปก็ทยอยมาเสิร์ฟ
ระหว่างทานอาหารแต่ละคนก็ขุดวีรกรรมของเพื่อนร่วมวงมาแฉเป็นคนๆ ไป
ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะเรื่องของวิษณุที่ไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับธิติมาแฟนสาวของเขา
จากเหตุการณ์วันนี้ทำให้ปัถยาได้รู้เรื่องราวส่วนตัวและนิสัยใจคอเพื่อนร่วมงานแต่ละคนดียิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนพัตธร ที่จะเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ พูดน้อยเหมือนชวกร
แต่ต่างกันตรงที่นพัตธรจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา
ในขณะที่อีกคนเงียบขรึมยังไม่พอ รอยยิ้มยังไม่เคยปรากฏบนใบหน้าให้ได้เห็นเลย
ส่วนกวีกับวิษณุจะนิสัยคล้ายๆ กัน พูดมากเฮฮาอัธยาศัยดี และเกรงใจแฟนเอามากๆ
ด้านพิมพาจะเป็นคนช่างพูดช่างคุย
ชอบเรื่องการแต่งตัวเป็นพิเศษ ก้องภพและศศิธร สองสามีภรรยาที่ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี
มีคำแนะนำและคำปรึกษาที่ดีให้ลูกน้องเสมอไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
ส่วนพงศกร คนนี้จะแหวกแนวจากคนอื่นหน่อยตรงที่ยังไม่มีแฟน
และดูจะเจ้าคารมกว่าคนอื่นๆ สังเกตได้จากตลอดเวลาที่นั่งสังสรรค์กัน
ชายหนุ่มจะหยอดคำหวานใส่ปัถยาเสมอ
และสุดท้ายชวกรโฟร์แมนหนุ่มหน้ายักษ์
จากเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้หญิงสาวไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเขาเลย
เขายังคงนิ่งและเงียบได้อย่างคงเส้นคงวา ไม่ว่าเพื่อนคนอื่นจะเฮฮา
หัวเราะขบขันกับเรื่องตลกที่แต่ละคนยกขึ้นมาพูดแค่ไหน เขาก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ออกมาเลย เอาแต่นั่งเงียบกระดกเหล้าเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า
ส่วนสายตาคมจับจ้องมองคนตรงหน้าแทบตลอดเวลา โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลยสักนิด
เพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับเรื่องเล่าอันแสนขบขันจากคนรอบข้าง
*************************
ความคิดเห็น