คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : สร้างรัก...บทที่ 16
บทที่ 16
หลังอาหารมื้อเย็นผ่านพ้นไปก็ถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยเป็นพิเศษ
นั่นก็คือการอ่านเมลบ็อกซ์ นทีรับหน้าที่เป็นคนอ่านข้อความในครั้งนี้ หลังเปิดฝากล่องเขาใช้มือคนเพื่อให้กระดาษในกล่องคละกันก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นแรกออกมาอ่าน
“สาวคนไหนอยู่บ้านหมายเลขหกบ้างครับ
ขอเสียงหน่อย”
สิ้นเสียงนที
สี่สาวแห่งบ้านหมายเลขหกก็ชูไม้ชูมือแสดงตัวกันอย่างคึกคัก
ก่อนจะหยุดลุ้นว่าข้อความในเมลบ็อกเขียนอะไรถึงพวกตน “มีหนุ่มฝากมาบอกว่า
แอบรักสาวบ้านหก”
คราวนี้สี่สาวแห่งบ้านหกส่งเสียงกรี๊ดลั่นพร้อมออกอาการดี๊ด๊ากันใหญ่
ต่างอยากรู้ว่าหมายถึงใครและใครเป็นเจ้าของข้อความนี้
“สาวคนไหนระบุด้วยสิคะ
ที่บ้านหกมีสาวตั้งสี่คน” สายฝน หนึ่งในสมาชิกบ้านหมายเลขหกเอ่ยขึ้น
“เจ้าของข้อความนี้ได้ยินแล้วใช่ไหมครับ
วันหลังระบุด้วยนะว่าสาวคนไหน เพื่อจะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิด”
ประธานค่ายย้ำคำพูดของสายฝน “ข้อความต่อไปให้สาวบ้านหกออกมาอ่านบ้างดีกว่า”
นทีเชิญชวน เพื่ออยากให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม
และคนที่ออกมาเป็นตัวแทนคือสายฝนนั่นเอง
“พยาบาลค่ายน่ารักจัง
ไม่ทราบว่ามีแฟนหรือยังครับ” หลังสายฝนอ่านจบก็มีเสียงเฮลั่นตามมา หนุ่มๆ
ต่างลุ้นรอฟังคำตอบจากเซฟตีสาวสวยอย่างใจจดใจจ่อ
“ยังไม่มีค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำตอบของหญิงสาวหนุ่มๆ
ต่างส่งเสียงเฮอย่างมีความหวัง มีเพียงชายหนุ่มที่มาจากไซต์งานเดียวกันกับหญิงสาวเท่านั้นที่นอกจากจะไม่ยินดีกับคำตอบนั้นเขากลับเหยียดยิ้มให้กับคำตอบที่ได้ฟัง
พลางนึกสงสารชายหนุ่มคนนั้นที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับที่เขาเคยเผชิญ
“ใครสนใจน้องรุ้งก็รีบๆ
ทำคะแนนนะ ยังมีเวลาอีกสองอาทิตย์” นทีพูดแทรกขึ้น ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นต่อๆ
ไปขึ้นมาอ่านด้วยตัวเอง ซึ่งมีทั้งข้อความสารภาพรัก
คำถามที่อยากรู้แต่ไม่กล้าถามกับเจ้าตัวโดยตรง
หรือแม้กระทั่งบทกลอนหวานเลี่ยนที่มีมาแทบทุกวัน
โดยที่ยังไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นเจ้าของบทกลอนนั้นและต้องการสื่อถึงใคร
นทีอ่านไปเรื่อยๆ จนเหลือสองแผ่นสุดท้าย
“อยากเห็นช่างตรียิ้มสักครั้ง”
ทันทีที่นทีอ่านจบทุกสายตาก็จับจ้องไปยังบุคคลที่ระบุในข้อความเป็นตาเดียว
“ยิ้มหน่อยสิคะนายช่าง
มีคนเขาอยากเห็น ดูสิคนรอดูเต็มเลย” ปัถยาที่นั่งข้างๆ ชายหนุ่มกระซิบกระซาบบอก
พร้อมลุ้นด้วยใจระทึกว่าเขาจะยอมทำตามไหม
ชวกรชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะฝืนยิ้มแห้งๆ
ให้ทุกสายตาได้เห็น
แม้จะแค่เสี้ยววินาทีแต่ก็สามารถเรียกรอยยิ้มจากเจ้าของข้อความได้เป็นอย่างดี
พลางคิดในใจว่าถ้าไม่ใช้วิธีนี้คงยากที่จะได้เห็นรอยยิ้มของเขา
“ยิ้มอีกทีสิคะนายช่าง
เมื่อกี้รุ้งถ่ายรูปไม่ทัน”
“จะถ่ายไปทำไม”
เขาถามเสียงเข้ม
“ของหาดูยากแบบนี้ต้องถ่ายเก็บไว้ดูสิคะ
ตั้งแต่วันนี้นายช่างแกล้งให้รุ้งดื่มเบียร์วันนั้น
รุ้งก็ยังไม่เคยเห็นนายช่างยิ้มอีกเลย”
“จะอยากดูทำไม
ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย”
“น่าดูสิคะ
เวลานายช่างยิ้มน่ารักจะตาย ไม่เชื่อลองยิ้มอีกทีสิคะเดี๋ยวรุ้งถ่ายรูปให้ดู”
ปัถยาว่าพร้อมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดกล้องค้างไว้
เตรียมพร้อมที่จะเก็บภาพรอยยิ้มของอีกฝ่ายที่หาดูได้ยากยิ่งกว่าสิ่งใด
โฟร์แมนหนุ่มตั้งท่าจะปฏิเสธแต่เมื่อได้สบกับดวงตากลมโตที่มองมาด้วยความหวังและรอยยิ้มละไมที่หญิงสาวส่งมา
ตัวเขาเหมือนโดนมนตร์สะกดและไม่รู้อะไรมาดลใจให้เขาระบายยิ้มบนใบหน้าอีกครั้งเพื่อให้หญิงสาวได้เก็บภาพตามอำเภอใจ
จนเมื่อเสียงของประธานค่ายดังแทรกขึ้นเขาจึงหุบยิ้มและกลับมาตีหน้านิ่งแก้เก้อที่เผลอทำอะไรที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง
ก่อนจะทำทีเป็นสนใจสิ่งที่นทีกำลังจะอ่าน
“ขอบคุณที่ไม่ถือโทษโกรธคนอย่างผม
แม้ว่าผมจะเคยทำให้คุณเดือดร้อน”
สิ้นเสียงนที
เกือบทุกคนที่อยู่ในอาคารอเนกประสงค์ต่างหันมองหน้ากันไปมา
เพื่อจะสอบถามหาเจ้าของข้อความ
มีเพียงพยาบาลประจำค่ายที่ฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังข้อความดังกล่าว
เมื่อพอจะเดาได้ว่าใครคือเจ้าของข้อความนั้นและต้องการมอบให้ใคร
“สำหรับใครที่อยากรู้ว่าข้อความนี้เป็นของใคร
และต้องการมอบให้ใครก็ต้องไปตามสืบกันเองเหมือนกับข้อความอื่นๆ นะครับ
เพราะเจ้าตัวเขาไม่ได้ลงชื่อ เมลบ็อกซ์ของคืนนี้หมดแล้ว
ต่อไปก็มาคุยเรื่องงานของพวกเราบ้างดีกว่า”
หลังเมลบ็อกแผ่นสุดท้ายถูกเปิดอ่าน
นทีก็สรุปความคืบหน้าของงานสร้างอาคารเรียน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ก่อนปล่อยให้ทุกคนได้ไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
หรือหากใครอยากจะสังสรรค์กันต่อก็ตามสะดวกของแต่ละคน
“นายช่างดูนี่สิ
น่ารักไหมคะ” ปัถยายื่นโทรศัพท์ที่เปิดรูปชายหนุ่มกำลังยิ้มให้คนที่เดินอยู่ข้างๆ
ดู
“ลบออกเถอะ มันตลก”
“ตลกที่ไหนกันคะ
น่ารักดีออก รูปหายากแบบนี้ลบไปเสียดายแย่เลย นายช่างอยากเก็บไว้ดูไหมคะ
เดี๋ยวรุ้งส่งให้ทางไลน์”
คนถูกชมว่าน่ารักส่ายหน้าน้อยๆ
ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เพื่อรอรับรูปที่ว่า
“รุ้งลืมไปว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์”
หญิงสาวบอกเสียงเศร้าเจือแววผิดหวัง
“ก็ส่งทางบลูทูธสิ”
ชวกรเสนอ
“จริงด้วย
รุ้งลืมไปเลย” ดวงตาเศร้าหม่นเมื่อครู่กลับมาเปล่งประกายสดใส
“เปิดบลูทูธรอเลยค่ะนายช่าง”
“จัดการเองเลยละกัน”
คนไม่ค่อยอยากได้รูปยื่นโทรศัพท์ไปให้
ด้านปัถยาไม่รอช้ารีบจัดการส่งรูปทั้งหมดที่ตนบันทึกไว้ให้อีกฝ่าย
และทำการจัดเก็บเข้าอัลบั้มให้เสร็จสรรพ
“เรียบร้อย ห้ามลบทิ้งนะคะ ไม่งั้นรุ้งโกรธจริงๆ
ด้วย” ปัถยาสั่งก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของ
“ว้าย”
เพราะมัวแต่ก้มดูรูปในโทรศัพท์ทำให้ปัถยาไม่ทันมองข้างหน้าว่ามีขอนไม้ขวางอยู่
จึงสะดุดเข้าเต็มแรงโชคดีที่ชวกรคว้าแขนหญิงสาวไว้ทัน
ส่งผลให้ร่างบางเซถลาเข้าสู่อ้อมกอดของคนตัวสูงแทนที่จะล้มคะมำลงพื้น วงแขนแกร่งกอดกระชับร่างเล็กไว้แน่น
สองสายตาประสานกันนิ่งนานราวถูกมนตร์สะกด
“ระวังๆ
หน่อยสิคุณ” เขาดุเบาๆ เมื่อรวบรวมสติได้
“ขะ
ขอบคุณนะคะ” ปัถยาเอ่ยตะกุกตะกัก พร้อมผละออกจากอกแกร่งของเขาทันที
“แล้วคุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ถามพลางส่องไฟฉายสำรวจตามร่างกายของหญิงสาว
เผื่อว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อครู่
“ไม่เจ็บค่ะ”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“ถึงบ้านพอดี
รุ้งขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะคะ ง่วงแล้ว” เซฟตีสาวรีบเอ่ยขอตัว
เมื่อรู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่ใจดวงน้อยก็สั่นไหวแปลกๆ
พร้อมกับความรู้สึกร้อนผ่าวที่ลามเลียไปทั่วทั้งดวงหน้า
“ช้าๆ
ก็ได้คุณ เดี๋ยวได้กลิ้งตกบันไดหรอก”
ชวกรตะโกนไล่หลังคนที่ผลุนผลันขึ้นบันไดไปอย่างรีบเร่ง อดยิ้มไม่ได้กับท่าทางแปลกๆ
ของหญิงสาว
มือหนายกขึ้นมาทาบอกด้านซ้ายของตัวเอง
เมื่อรู้สึกว่าข้างในมันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ
พลางคิดหาเหตุผลที่ทำให้มันเป็นเช่นนั้น และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้
จึงหยุดคิดและเดินขึ้นบ้านตามหญิงสาวไป
*************************
ความคิดเห็น