ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สร้างรัก [ มี Ebook ]

    ลำดับตอนที่ #15 : สร้างรัก...บทที่ 15

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 62


    บทที่ 15

    ปัถยามาถึงบริษัทก่อนเวลานัดหมายแค่ไม่กี่นาที เซฟตีสาวรีบเข้าไปนั่งรวมกับพนักงานคนอื่นๆ ของบริษัท เมื่อสมาชิกค่ายมากันครบทุกคน นที วิศวกรจากอีกโครงการหนึ่งที่รับหน้าที่เป็นประธานค่ายในครั้งนี้ ได้อธิบายกำหนดการและชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ของกิจกรรม พร้อมแบ่งหน้าที่ให้แต่ละคนคร่าวๆ โดยให้ผู้หญิงรับผิดชอบเรื่องอาหารการกินภายในค่าย ซึ่งจะสลับเวรเวียนกันไป ส่วนแผนกปฐมพยาบาลเป็นหน้าที่ของปัถยา

    หลังจากแบ่งหน้าที่กันลงตัว ทุกคนก็ทยอยกันไปขึ้นรถบัสของบริษัทที่ติดเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว

    ปัถยากวาดสายตาหาที่ว่าง แต่ที่นั่งถูกจับจองไว้เกือบหมดแล้ว ที่ยังพอว่างจะเป็นที่นั่งข้างผู้ชายจากโครงการอื่นซะส่วนใหญ่ ซึ่งเธอยังไม่รู้จักคุ้นเคยกับใครสักคน เลยไม่กล้าที่จะไปขอนั่งด้วย

    “มานั่งนี่ก็ได้” ชวกรฉุดแขนปัถยาไว้ก่อนที่หญิงสาวจะเดินผ่านเขาไป พร้อมใช้มืออีกข้างตบลงยังที่นั่งข้างๆ ที่ยังว่างอยู่

    “รุ้งไปนั่งตรงโน้นกับลุงสุวรรณดีกว่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ คิดว่าเขาชวนไปงั้นๆ อีกอย่างเธอกลัวว่าจะทำให้เขาอึดอัดเปล่าๆ ที่ต้องทนนั่งกับคนที่ไม่ค่อยชอบหน้าตั้งหลายชั่วโมง

    “นั่งกับผมนี่แหละ ลุงสุวรรณแกนั่งกับเจ้ามืด”

    ปัถยาหันไปมองยังที่นั่งข้างสุวรรณอีกครั้ง ก็พบว่าถูกมืดจับจองไปก่อนแล้ว

    “ก็ได้ค่ะ” เซฟตีสาวยอมทำตามเขาอย่างไม่มีทางเลือก อย่างน้อยนั่งคู่ไปกับคนรู้จักก็คงดีกว่าไปนั่งกับคนที่ยังไม่รู้จักกัน “แต่รุ้งขอนั่งข้างในได้ไหมคะ” หญิงสาวขอเปลี่ยนที่นั่งกับโฟร์แมนหนุ่ม เพราะชอบนั่งริมหน้าต่าง เพื่อจะได้ชมวิวข้างทางไปด้วย

    “ได้สิ” ชวกรตอบรับโดยไม่อิดออด ก่อนจะลุกออกมาจากที่นั่ง เพื่อให้หญิงสาวเข้าไปนั่งด้านใน

    “นายช่างคะคุณนที คนที่เป็นประธานค่ายเขาเป็นใครเหรอคะ” ปัถยาถาม ดวงตาเปล่งประกายอย่างสนอกสนใจ จนคนถูกถามอดหมั่นไส้ไม่ได้

    “เป็นวิศวกรประจำอยู่ไซต์งานที่กระบี่ ทำไม สนใจเหรอ”

    “ก็...พี่เขาดูน่ารักดี ตรงสเป็กรุ้งเลยค่ะ สูง หล่อ คมเข้ม ดูสุภาพ มีลักยิ้มด้วย ยิ้มทีใจละลาย โอ๊ยผู้ชายในฝันชัดๆ” เซฟตีสาวอ้อมแอ้มตอบพร้อมทำหน้าเพ้อฝัน จนคนข้างๆ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

    “สนใจเขาก็ขอพี่โจ้เปลี่ยนไซต์ลงใต้ไปเลยสิ” ชวกรอดประชดไม่ได้

    “ขอเปลี่ยนได้ด้วยเหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปอย่างพาซื่อ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าขอย้ายไซต์ได้และไม่รู้ด้วยว่าเขาพูดประชด

    “แล้วพี่เขามีแฟนหรือยังคะ” ปัถยาถามต่อ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคำถามแต่ละคำถามนั้นกวนอารมณ์ของคนฟังให้ขุ่นขึ้นมาได้โดยง่าย

    “อยากรู้ก็ไปถามเองสิ” ชายหนุ่มตอบเสียงห้วนอย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมมองหญิงสาวอย่างตำหนิ มีอย่างที่ไหนมีคนรักเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ยังจะแสดงท่าทางสนอกสนใจผู้ชายคนอื่นอย่างออกนอกหน้าแบบนี้ เขาละสงสารแฟนเธอจริงๆ ดูท่าชายคนนั้นจะรักแฟนสาวของตัวเองมากเสียด้วย ถึงได้คอยไปรับไปส่งแทบทุกวัน ทั้งยังคอยเอาอกเอาใจสารพัด ถ้าหากเขารู้ว่าลับหลังเขา ปัถยาทำตัวแบบนี้เขาจะเสียใจแค่ไหนนะ

    ชวกรไล่เรื่องพฤติกรรมแย่ๆ ของปัถยาออกจากหัว เมื่อตระหนักได้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ เธอจะทำอะไรมันก็เรื่องของเธอ เขาไม่ควรเก็บมาคิดให้รกสมอง

    เมื่อคิดได้อย่างนั้นชวกรก็หลับตาลงทำทีเป็นหลับ เพราะไม่อยากฟังหญิงสาวพรรณนาถึงชายในฝันของเธอ ด้านปัถยาเมื่อเห็นว่าเขาคงต้องการพักผ่อน จึงหยุดพูดและหันออกไปมองวิวด้านนอกเงียบๆ แล้วไม่นานหญิงสาวก็ผล็อยหลับไป

    โป๊ก!!!

    เสียงอะไรบางอย่างโดนกระแทกปลุกให้ชวกรสะดุ้งตื่น ชายหนุ่มกวาดสายตามองหาที่มาของเสียง ก็พบหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ นั่งสัปหงก หัวเอนไปเอนมา สุดท้ายก็โขกเข้ากับกระจกหน้าต่างเสียงดังโป๊ก เขารออยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะรู้สึกตัวตื่น หัวเธอยังคงเอนไปฝั่งโน้นทีฝั่งนี้ที แล้วก็จบลงที่กระจกหน้าต่างเช่นครั้งก่อน ชวกรเลื่อนตัวต่ำลงเล็กน้อยเพื่อให้ระดับไหล่ของเขาพอดีกับหัวของคนข้างๆ ก่อนประคองศีรษะเล็กของคนขี้เซาให้ซบลงบนไหล่กว้างของเขาอย่างเบามือ ขืนปล่อยไว้แบบเดิม กว่าจะถึงที่หมายมีหวังหัวได้บวมปูดเพราะถูกกระแทกซ้ำๆ เป็นแน่

     

    จวนบ่ายคล้อยรถก็จอดนิ่งสนิทที่เชิงเขา เนื่องจากเส้นทางที่จะขึ้นไปยังหมู่บ้านค่อนข้างทุลักทุเล รถใหญ่ไม่สามารถขึ้นไปได้ ทุกคนจึงต้องเดินเท้าขึ้นไป ส่วนสัมภาระต่างๆ จะมีเจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารส่วนตำบลอาสานำรถกระบะมาขนขึ้นไปที่หมู่บ้านให้ และหากใครไม่สะดวกเรื่องเดินเท้าจะติดไปกับรถขนของก็ได้

    “ทำไมคุณไม่ขึ้นรถไปกับเขาล่ะ” ชวกรหันมาถามปัถยา เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงยืนนิ่งเฉย ไม่ขึ้นรถไปเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ

    “ไม่ดีกว่าค่ะ เดินขึ้นแบบนี้สนุกกว่าเยอะ ไปกันดีกว่าค่ะ” ปัถยาสะพายเป้ใบเล็กขึ้นหลังก่อนวิ่งนำชวกรไปสมทบกับคนอื่นๆ ที่กำลังเดินขึ้นไปตามทางที่ลาดชันและชื้นแฉะจากฝนที่เทลงมาในช่วงบ่าย

    “ระวังหน่อยสิคุณ เดี๋ยวก็ลื่นล้มหรอก” โฟร์แมนหนุ่มร้องเตือนก่อนจะออกเดินตามหญิงสาวไปติดๆ

    เมื่อทุกคนมาถึงหมู่บ้านก็ไปรวมตัวกันที่อาคารอเนกประสงค์ของโรงเรียน เพื่อจัดสรรเรื่องบ้านพัก หลังจับสลากบ้านพักเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายไปบ้านพักตามหมายเลขที่ตนจับได้ โดยมีเจ้าของบ้านแต่ละหลังมารอรับ ในครั้งนี้ปัถยาได้พักบ้านหมายเลขหกกับชวกรและคนงานหญิงจากโครงการอื่นอีกสามคน

     

    ทุกเช้าสมาชิกค่ายต่างตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หาได้ยากในเมืองหลวง ก่อนจะไปรวมตัวกันที่โรงเรียนตามนัดหมาย โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนเล็กๆ มีอาคารเรียนไม้ไผ่และอาคารอเนกประสงค์อย่างละหนึ่งหลัง ซึ่งอาคารทั้งสองมีสภาพทรุดโทรมไม่ต่างกัน ด้วยเหตุนี้ทางบริษัท แกรนด์ คอนสตรัคชั่น แอนด์ ดีไซน์จึงเลือกมาสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ให้โรงเรียนแห่งนี้

    หลังรับประทานอาหารเช้าและพูดคุยแผนงานประจำวัน แต่ละคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ในส่วนของงานก่อสร้างจะเป็นหน้าที่ของผู้ชายซะส่วนใหญ่ ผู้หญิงจะทำหน้าที่ฝ่ายสวัสดิการ คอยบริการน้ำและเครื่องดื่ม หากใครอยากช่วยงานในส่วนของงานก่อสร้างก็สามารถช่วยทำได้ตามสะดวก

    “พักดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนค่ะนายช่าง” ปัถยายื่นแก้วน้ำเย็นเฉียบไปตรงหน้าชวกรที่กำลังผสมปูนในอ่าง

    “ขอบคุณ” ชายหนุ่มรับแก้วน้ำมาดื่มทีเดียวหมดแก้วด้วยความกระหาย มือหนาวางแก้วลงบนถาดในมือของหญิงสาวก่อนจะยกมือขึ้นกระพือเสื้อเบาๆ เพื่อคลายร้อน

    “เหงื่อออกเต็มเลย รุ้งเช็ดให้นะคะ” มือบางล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาก่อนเอื้อมแขนขึ้นเพื่อจะซับเหงื่อให้

    “ผมเช็ดเองได้” เขาปฏิเสธความหวังดีของเซฟตีสาวพร้อมคว้ามือบางค้างไว้ที่กลางอากาศ และยกมืออีกข้างขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดพรายตามใบหน้า

    “รุ้งเช็ดให้ดีกว่าค่ะ มือนายช่างเปื้อนอยู่ เห็นไหมหน้าเลอะหมดแล้ว”

    คราวนี้เขาไม่ปฏิเสธ ทั้งยังโน้มตัวต่ำลงเพื่อเซฟตีสาวจะได้เช็ดอย่างถนัด

    “นายช่างจะเอาผ้าเย็นไหมคะ เดี๋ยวรุ้งไปหยิบมาให้”

    “ไม่เป็นไร”

    “มีอะไรให้รุ้งช่วยไหมคะ”

    “มีแต่งานผู้ชายทั้งนั้น คุณทำไม่เป็นหรอก”

    “สอนหน่อยสิคะ รุ้งจะได้ทำเป็น”

    “ไว้วันหลังละกัน”

    “วันนี้แหละนะคะนายช่าง” ปัถยาออดอ้อน แต่ก่อนที่ชวกรจะตอบรับหรือปฏิเสธเสียงของนทีก็ดังแทรกขึ้นเสียก่อน

    “ผมวางกล่องเมลบ็อกซ์ไว้ตรงนี้นะทุกคน ใครอยากบอกอะไรใครหรืออยากรู้อะไรเกี่ยวกับใครก็เขียนหย่อนไว้ได้เลยนะ ทุกเย็นเราจะมาเปิดอ่านกัน” นทีวางกล่องขนาดพอเหมาะที่ด้านบนเจาะเป็นช่องไว้สำหรับหย่อนกระดาษไว้บนโต๊ะที่หน้าอาคารอเนกประสงค์ เพื่อให้สมาชิกในค่ายได้เขียนระบายความรู้สึกทั้งต่อค่ายและต่อสมาชิกค่ายคนอื่นๆ

    “นายช่างจะเขียนไหมคะ เดี๋ยวรุ้งไปหยิบกระดาษมาให้”

    “ไม่ละ ผมไม่รู้จะเขียนอะไร”

    “เขียนอะไรถึงสาวสักคนก็ได้นี่คะ อย่างคนที่นายช่างแอบชอบไรงี้”

    “ไม่ดีกว่า”

    “งั้นรุ้งไปเขียนเมลบ็อกซ์ก่อนนะคะ”

    “อืม”

    ชวกรมองตามหญิงสาวที่เดินตัวปลิวออกไปอย่างเริงร่า จนเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าในชีวิตเธอเคยโกรธเคยเกลียดใครบ้างไหม หลังวันนั้นที่เธอระเบิดอารมณ์ใส่เขาชุดใหญ่ เขาคิดว่าเธอคงจะโกรธเกลียดเขาไปเลย และคงจะไม่มาสุงสิงหรือข้องแวะกับเขาอีก แต่เธอกลับไม่ติดใจไม่เคียดแค้นเขาเลยสักนิด แถมยังทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนไม่เคยมีเรื่องมีราวกันมาก่อน หากเป็นคนอื่นคงแช่งชักหักกระดูกและไม่ยอมญาติดีกับเขาเป็นแน่ ชวกรคิดพลางมองดูสองหนุ่มสาวที่คุยกันอย่างสนิทสนมทั้งที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันที่หน้าอาคารอเนกประสงค์ด้วยอารมณ์ที่เขาเองก็บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร

     

    “เขียนสารภาพรักหนุ่มเหรอครับคุณรุ้ง” นทีแซวพร้อมชะโงกหน้าเข้ามาดูหญิงสาวที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เขียนอะไรบางอย่างลงในกระดาษแผ่นเล็ก

    “เปล่าค่ะ แค่เขียนความรู้สึกที่มีต่อค่ายครั้งนี้น่ะค่ะ” ปัถยาปฏิเสธก่อนรีบหย่อนกระดาษสองแผ่นลงในกล่อง

    “คุณรุ้งเพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอครับ”

    “ใช่ค่ะ เพิ่งมาได้ไม่กี่เดือนเองค่ะ”

    “มิน่า ผมถึงไม่คุ้นหน้าคุณรุ้งเลย”

    “เรียกรุ้งเฉยๆ ก็ได้นะคะ เรียกคุณมันดูยังไงไม่รู้ค่ะ”

    “งั้นเรียกน้องรุ้งละกันเนอะ ส่วนรุ้งก็เรียกผมว่าพี่” นทีสรุปเสร็จสรรพ เมื่อคะเนดูแล้วหญิงสาวน่าจะอ่อนกว่าเขาอยู่หลายปี

    “โอเคค่ะพี่นที”

    “น้องรุ้งเคยออกค่ายแบบนี้มาก่อนไหม”

    “เคยครั้งหนึ่งตอนเรียนมหา’ลัยค่ะ”

    “แล้วมาค่ายครั้งนี้เป็นไงบ้าง ลำบากหรือติดขัดอะไรไหม” นทีถามเพื่อเก็บเป็นข้อมูลสำหรับการจัดค่ายครั้งต่อๆ ไป เขาไม่แน่ใจว่าสาวๆ ที่ชินกับความสุขสบายในเมืองหลวงจะคิดยังไงกับการออกค่ายในหมู่บ้านแห่งนี้ที่ไม่มีทั้งไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์

    “ไม่ลำบากเลยค่ะ สนุกดีออก ได้มีเพื่อนใหม่ ได้มาทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกที่มีแต่ความวุ่นวาย ซึ่งถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว” ปัถยาตอบจากใจจริง ก่อนจะชวนนทีคุยไปเรื่อยตามประสาคนช่างพูด ทั้งสองคุยกันอยู่พักใหญ่ก็แยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของตน

    คล้อยหลังสองหนุ่มสาวชวกรก็เดินมายังหน้าอาคารอเนกประสงค์ เขาหยิบกระดาษแผ่นเล็กและปากกาที่วางอยู่บนกล่องขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่าง ก่อนจะหย่อนลงไปในกล่องแล้วเดินกลับไปผสมปูนต่อ 

    มือหนาของชวกรจับจอบคนปูนในอ่างไปมา แต่สายตาของเขากลับไม่ได้อยู่ที่งานที่กำลังทำเลย ตาคมเอาแต่จับจ้องผู้หญิงตัวเล็กที่เสิร์ฟน้ำเสร็จก็วิ่งช่วยงานคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทีแรกเขาคิดว่าเธอจะทำอะไรไม่เป็นเสียอีก ด้วยรูปร่างที่ดูบอบบางออกแนวลูกคุณหนู แต่เขากลับคิดผิดไป ไม่ว่าใครจะไหว้วานให้ช่วยงานอะไร หญิงสาวไม่ปฏิเสธเลยสักครั้งและทำได้หมดทั้งงานผู้หญิงและงานผู้ชาย

    ชวกรเผลอยิ้มให้กับเรื่องราวของปัถยาในความคิดของตัวเอง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้คนงานหลายคนได้ยืนต่อแถวรอให้เขาตักปูนให้อยู่

    “นายช่างครับ” สุวรรณส่งเสียงเรียก แต่สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงความเงียบ มือของคนถูกเรียกยังคงคนปูนในอ่างวนไปมา โดยสายตานั้นจ้องมองไปยังพยาบาลประจำค่ายที่กำลังนั่งผูกเหล็กพื้นอยู่กับกลุ่มผู้หญิง

    “...”

    “นายช่างครับ” สุวรรณเรียกอีกครั้งด้วยระดับเสียงที่ดังกว่าเดิม ส่งผลให้คนที่กำลังเหม่อลอยสะดุ้งโหยง

    “ว่าไงนะลุง”

    “พวกผมรอปูนอยู่ครับ”

    “ได้ๆ ผสมเสร็จพอดีเลย”

    โฟร์แมนหนุ่มรีบตักปูนใส่ถังให้คนงานที่มายืนรอเพื่อแก้เก้อ ความรู้สึกสับสนเริ่มเข้ามารบกวนจิตใจ ไม่รู้หมู่นี้เขาเป็นอะไรไป รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย ชวกรครุ่นคิดหาคำตอบให้ตัวเอง แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเป็นเพราะอะไร จึงได้แต่หวังว่าเขาจะหาคำตอบให้ตัวเองได้ในเร็ววัน

    *************************

    ใครรู้อาการที่พี่ตรีกำลังเป็นอยู่ช่วยมาให้คำตอบพี่แกทีค่ะ ตอนนี้พี่แกสับสนกับตัวเองมากค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×