คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : สร้างรัก...บทที่ 14
บทที่ 14
ชวกรมาทำงานแต่เช้าตามปกติของเขา
แต่วันนี้มีสิ่งที่ผิดปกติไปจากเดิมคือ
ลูกบิดที่เปิดเข้าไปได้อย่างง่ายดายในทุกวันกลับถูกล็อกไว้อย่างดี
หลังไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปในออฟฟิศก็พบเพียงความความว่างเปล่า
ไร้เงาของคนที่เคยซื้อกับข้าวมาไว้รอและบังคับให้เขากินทุกวัน คิ้วหนาขมวดมุ่นนึกแปลกใจที่วันนี้หญิงสาวมาช้ากว่าเขา
ทุกวันเปิดประตูเข้ามาเขาต้องได้ยินเสียงใสๆ กล่าวทักทายพร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้
โฟร์แมนหนุ่มเก็บกระเป๋าเป้เข้าลิ้นชักโต๊ะก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องครัว
ไม่นานก็ออกมาพร้อมกาแฟหอมกรุ่น
เขานั่งจิบกาแฟรอหญิงสาวจนหมดแก้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าหน้าหวานๆ ของเธอจะโผล่เข้ามาในห้อง
ไม่นานท้องเขาก็ส่งเสียงร้องโครกคราก ชวกรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา จะแปดโมงแล้วทำไมเธอยังไม่มา
ไม่รู้หรือไงว่าเขารอกินข้าวอยู่
‘รองั้นเหรอ’ ชวกรพึมพำถามตัวเอง
ชายหนุ่มยังไม่ทันได้คิดหาเหตุผลว่าเหตุใดเขาต้องรอด้วย
เสียงเตือนข้อความไลน์ของเขาก็ดังขึ้น ทันทีที่เห็นว่าใครคือเจ้าของข้อความ
เขากระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะรีบกดเข้าไปอ่านข้อความที่ถูกส่งมา
ข้อความแรกเป็นสติ๊กเกอร์กล่าวทักทายยามเช้า
ตามด้วยข้อความที่ทำเอาคนอ่านอดอมยิ้มไม่ได้
ตัวไม่อยู่ยังมิวายส่งข้อความมากำชับเขาอีก
“รุ้งไม่อยู่หลายวันนายช่างอย่าลืมทานข้าวเช้านะคะ”
“ไม่อยู่หลายวัน?”
เขาพิมพ์ข้อความกลับไป วันๆ เขาสนใจแต่เรื่องงาน
ไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องคนรอบข้างเท่าไรนัก
จึงไม่รู้ว่าสาเหตุที่หญิงสาวจะไม่อยู่หลายวัน
“รุ้งมาซ้อมรับปริญญาค่ะ
ระหว่างนี้นายช่างห้ามดื้อนะคะ”
“ดีเลย
จะได้ไม่มีคนมาบังคับให้ผมฝืนกินข้าวเช้า” ทันทีที่ข้อความถูกส่งไป
ท้องเขาก็ร้องประท้วงขึ้นมาเสียงดัง
“ถ้าความหวังดีของรุ้งมันทำให้นายช่างอึดดอัดใจหรือฝืนตัวเองมากเกินไป
เทมันทิ้งได้เลยนะคะ”
ข้อความตัดพ้อเด้งขึ้นตามด้วยสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนนั่งทำหน้าเศร้ามีน้ำตาคลอที่หน่วยตา
ชวกรส่ายหน้าน้อยๆ
กับโทรศัพท์ในมือ ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น
เขาเดินไปเปิดประตูก็พบกับแม่บ้านประจำออฟฟิศที่ยื่นถุงกับข้าวมาให้
“คุณรุ้งฝากป้าซื้อกับข้าวมาให้นายช่างระหว่างที่คุณรุ้งไม่อยู่ค่ะ”
“ขอบคุณครับป้าจอม
วันหลังไม่ต้องก็ได้นะครับ รบกวนป้าเปล่าๆ” ชวกรบอกอย่างเกรงใจผู้สูงวัยพร้อมยื่นมือไปรับถุงกับข้าวมาถือไว้ในมือ
“ไม่รบกวนหรอกค่ะ
อีกอย่างป้ารับปากและรับเงินค่ากับข้าวจากคุณรุ้งไว้แล้ว
เดี๋ยวคุณรุ้งจะว่าเอาได้”
“งั้นตามใจป้าละกันครับ”
“คุณรุ้งนอกจากจะสวยแล้วยังจิตใจดีอีกเนอะนายช่างว่าไหม
คอยเป็นห่วงเป็นใยคนโน้นคนนี้ ขนาดตัวไม่อยู่ยังเป็นห่วงนายช่าง
กลัวว่าจะไม่ได้กินข้าวเช้า ถึงกับต้องไปไหว้วานให้ป้าช่วยหาข้าวหาปลาให้นายช่างกิน
น่ารักแบบนี้ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีเป็นบ้า น่าเสียดายที่ป้าไม่มีลูกชาย
ไม่งั้นป้าจะจีบคุณรุ้งมาเป็นลูกสะใภ้ป้าซะเลย” ป้าจอมพูดชื่นชมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวยาวเป็นหางว่าว
“ป้าจอมมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
เขารีบตัดบทเมื่อท้องส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกรอบ
“ไม่มีแล้วค่ะ
นายช่างจะให้ป้าจัดกับข้าวให้ไหม”
“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมจัดการเอง
ขอบคุณมากครับป้า”
“งั้นป้าไปทำความสะอาดห้องคอนซัลท์ก่อนนะคะ
ถ้ามีอะไรก็เรียกป้าได้นะคะ”
“ครับป้า”
หลังแม่บ้านเดินจากไป
ชวกรรีบจัดการเทกับข้าวใส่ชาม
ก่อนลงมือทานก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปมื้อเช้าส่งให้คนจอมจุ้นที่จัดแจงเรื่องอาหารเช้าให้เขา
“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้”
จากนั้นก็กดส่งสติ๊กเกอร์การ์ตูนนั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
ไม่นานตัวการ์ตูนกระต่ายน้อยสีชมพูฉีกยิ้มกว้างก็ถูกส่งกลับมา
“รุ้งไปซ้อมก่อนนะคะ
อาจารย์เรียกแล้ว เจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะ” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม หัวใจที่เคยด้านชาของเขาเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เพียงครู่เดียวใบหน้าเปี่ยมสุขเมื่อครู่ก็กลับมาเรียบนิ่ง
เมื่อประโยคหนึ่งวิ่งเข้ามาในหัว
‘ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีว่าฉันมีแฟนแล้วน่ะค่ะ
แล้วเราก็รักกันมากด้วย’
“กินข้าวเสร็จแล้วลงไปเรียกรวมคนงานให้พี่ทีนะตรี
มีเรื่องจะแจ้งให้คนงานทราบนิดหน่อยน่ะ” เสียงของก้องภพเรียกให้ชวกรที่กำลังนั่งเหม่อรู้สึกตัว
“ครับพี่” โฟร์แมนหนุ่มตอบรับ และรีบจัดการกับอาหารตรงหน้า
จากนั้นก็ลงไปเรียกคนงานมารวมตัวกันที่ลานกิจกรรมที่กลางไซต์งาน
“ปีนี้ใครได้เป็นตัวแทนไปออกค่ายบ้างคะคุณ”
ศศิธรเอ่ยถามทันทีเมื่อสามีเดินเข้ามาในออฟฟิศ
และค่ายที่ว่าก็คือการไปสร้างอาคารเรียนและห้องสมุดให้กับโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร
ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยให้แต่ละไซต์งานส่งตัวแทนเข้าร่วมกิจกรรมตามจำนวนที่บริษัทกำหนด
ก้องภพวางกล่องพลาสติกไว้บนโต๊ะภรรยาและเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ของตน
ก่อนตอบคำถามของภรรยา “ตรี น้องรุ้ง เจ้ามืด...”
“น้องรุ้งมาปีแรกก็โดนแจ็คพ็อตเลยนะเนี่ย”
ธุรการสาวว่าพลางหยิบรายชื่อในกล่องออกมาคลี่ดูเล่นๆ
สักพักคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นอย่างสงสัย ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นอื่นๆออกมาคลี่ดู
“ทำไมในกล่องมีแต่ชื่อตรีกับน้องรุ้งล่ะคุณ”
“ผมตั้งใจให้สองคนนี้ไปเป็นตัวแทนไซต์งานเรา”
ก้องภพตอบพร้อมกระตุกยิ้มอย่างเลศนัย
“ขอเหตุผลด้วยสิคุณ”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก
แค่อยากให้สองคนนี้ไปออกค่ายด้วยกันเฉยๆ”
“จะทำตัวเป็นกามเทพแผลงศรเหรอคะพี่โจ้
คราวจัดเวรมาทำงานวันอาทิตย์ก็ครั้งหนึ่งแล้ว”
พิมพาอดแซวไม่ได้
เมื่อได้ฟังเหตุผลของผู้จัดการหนุ่ม ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการจับคู่ให้ทั้งสองคนเลย
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
ก้องภพรีบปฏิเสธ แต่แล้วความหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
“แต่จะว่าไปแล้วถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีเหมือนกันนะ ตรีเองก็เป็นคนดี เอาการเอางาน
น้องรุ้งเองก็ไม่ต่างกัน ไม่มีใครจะเหมาะสมกันเท่าสองคนนี้อีกแล้ว”
“คุณฝันเหรอคะคุณโจ้
คุณก็น่าจะรู้ดีว่าลูกน้องสุดที่รักของคุณน่ะปิดตายหัวใจมาหลายปีแล้ว
คงไม่เปิดใจรับใครเข้ามาง่ายๆ หรอก แล้วน้องรุ้งเองก็มีคนในไซต์มาขายขนมจีบให้ตั้งเยอะแยะ
คงไม่ไปตกหลุมรักเจ้าชายน้ำแข็งของคุณหรอก” ศศิธรแย้ง
ด้วยมองไม่เห็นทางที่ชวกรและปัถยาจะลงเอยกันได้เลย
“มันก็ไม่แน่นะ
หนุ่มสาวไปอยู่ในที่ลำบากด้วยกัน ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
อาจจะเห็นอกเห็นใจกันและก่อเกิดเป็นความรักก็ได้ ใครจะไปรู้”
ก้องภพพูดอย่างมีความหวัง
“คุณดูละครมากไปเปล่าคะ
ถ้าตรีจะสปาร์กกับใครสักคนตอนไปออกค่าย ก็คงจะสปาร์กไปนานแล้วแหละ
ได้ไปทุกปีซะขนาดนั้น ได้ไปตกระกำลำบากร่วมกับสาวๆ ทุกปี
ยังไม่เห็นจะมีใครทำลายกำแพงในใจของลูกน้องคุณได้เลย” ศศิธรยังคงเชื่อว่าความคิดสามีไม่มีทางเป็นไปได้
“คุณคอยดูละกัน”
ผู้จัดการหนุ่มพูดอย่างจริงจังตาเป็นประกายด้วยความมุ่งหวัง
********************
ความคิดเห็น