คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : สร้างรัก...บทที่ 13
บทที่ 13
หลังหายหน้าหายตาไปหลายวัน
วันนี้พิรภพจึงมาดักรอปัถยาที่หน้าไซต์งานอย่างที่ทำประจำ แต่รออยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าหญิงสาวจะออกมาสักที
เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทร.หาเธอ เขาโทร.ออกอยู่หลายครั้งแต่ปลายสายก็ไม่รับสายสักที
“ขอโทษครับ
ไม่ทราบว่ารุ้งกลับไปหรือยังครับ” เขาตัดสินใจเดินเข้าไปถามชายคนหนึ่งที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่จุดพักสูบบุหรี่ที่หน้าทางเข้าไซต์งาน
“ยังครับ”
ชายหนุ่มตอบก่อนจะขยี้ก้นบุหรี่ลงบนกระบะทราย
“ถ้าเจอรุ้งรบกวนบอกให้หน่อยนะครับว่าผมมารอรับ”
พิรภพร้องบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเดินกลับเข้าไปในไซต์งาน
“เขาไม่ได้บอกคุณเหรอว่าเขาเลิกงานห้าทุ่ม”
เป็นแฟนกันประสาอะไรถึงไม่รู้ว่าแฟนตัวเองเลิกงานกี่โมงกี่ยาม เขานึกค่อนแคะอยู่ในใจ
“อ้าวเหรอครับ
มิน่าละไม่ออกมาสักที ยังไงฝากบอกรุ้งด้วยละกันครับว่าห้าทุ่มผมจะมารับใหม่”
“ได้ครับ
แล้วจะบอกให้” รับปากเสร็จชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในไซต์งานทันที
โดยลืมไปว่าตอนออกมาเขาถอดหมวกนิรภัยที่วางไว้ที่โต๊ะ รปภ.
“นายช่างหยุดก่อน
ทำไมไม่ใส่หมวกคะ” ปัถยาร้องถามมาจากชั้นลอย ก่อนจะรีบเดินลงบันไดมาหาชายหนุ่มที่กำลังเดินดุ่มๆ
เข้าไปในโซนซีโดยไม่สวมหมวกนิรภัย
“ใส่ไม่ใส่มันก็เรื่องของผม”
ชวกรตอบกลับเสียงห้วน อคติที่คิดว่าหมดไปแล้วเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อนึกถึงชายหนุ่มหน้าหล่อที่มารอรับหญิงสาวอยู่ข้างนอก เขาจะมารับมาส่งกันมันก็เป็นปกติของคนเป็นแฟนกัน
แล้วทำไมเขาต้องหงุดหงิดด้วยวะ โฟร์แมนหนุ่มบ่นให้ตัวเองอย่างหัวเสีย
“เรื่องของนายช่างก็จริง
แต่มันเกี่ยวข้องกับงานของรุ้งนะคะ ไหนรับปากว่าจะให้ความร่วมมือทุกอย่างไงคะ
นี่อะไรผ่านไปไม่เท่าไรก็กลับไปเป็นแบบเดิมอีกแล้ว อีกอย่างเราเป็นหัวหน้าต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกน้องสิคะ
ไม่ใช่ตั้งกฎมาบังคับลูกน้องแต่ลูกพี่ดันมาแหกกฎซะเอง
แบบนี้ลูกน้องที่ไหนจะเชื่อฟังล่ะคะ”
ปัถยาทวงคำมั่นที่เขาเคยให้ไว้ขณะเดียวกันก็รู้สึกงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย
ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวโน้นเขาดูเปลี่ยนไปมาก พูดจากับเธอดีขึ้น
ให้ความร่วมมือในการทำงานเป็นอย่างดี แถมยังตามติดเธอแทบจะเป็นเงาตามตัว
จนถูกเพื่อนร่วมงานแซวอยู่บ่อยๆ แล้วทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงได้กลับไปเป็นชวกรคนเดิม
“เมื่อกี้แฟนคุณมารอรับอยู่หน้าไซต์งาน
เขาบอกว่าห้าทุ่มจะมารับใหม่”
เขาบอกก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างไม่สนใจคำบอกของหญิงสาวก่อนหน้านี้
“เดี๋ยวก่อนสิคะนายช่าง
ไปใส่หมวกให้เรียบร้อยก่อน วันนี้มีรื้อนั่งร้านหลายจุด เดี๋ยวก็มีอะไรร่วงลงมาโดนหัวหรอก”
ปัถยาไม่สนใจเรื่องคนที่จะมารับตัวเอง
ตอนนี้เธอสนใจความปลอดภัยของคนตรงหน้ามากกว่า
“โอ๊ย”
โฟร์แมนหนุ่มร้องขึ้นเสียงหลงเมื่อข้อต่อนั่งร้านร่วงลงมาโดนศีรษะของเขาพอดิบพอดี
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตวาดลูกน้องเสียงดังลั่น “ทำงานกันยังไงวะ
ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนเดินอยู่ข้างล่าง”
“ขอโทษครับนายช่าง
พอดีมันหลุดมือครับ” ลูกน้องคนหนึ่งตะโกนขอโทษขอโพย
“เลือดค่ะนายช่าง”
หญิงสาวร้องทักเสียงดังอย่างตกใจ เมื่อเห็นของเหลวสีแดงสดค่อยๆ ไหลลงมาจนถึงหางคิ้วของอีกฝ่าย
“รุ้งว่าไปให้หมอดูหน่อยดีกว่านะคะ เผื่อต้องเย็บแผล”
“แผลแค่นี้ไกลหัวใจ”
ชวกรบอกเสียงเรียบพลางยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลลงมาเปรอะเปื้อนใบหน้า
“อย่าดื้อสิคะนายช่าง
เดี๋ยวรุ้งพาไป”
“ผมไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรได้ยังไงคะ
ดูสิเลือดไหลไม่หยุดเลย เอาผ้านี่กดห้ามเลือดไว้ก่อนดีกว่าค่ะ”
ปัถยาพับผ้าเช็ดหน้าให้เหลือขนาดพอเหมาะก่อนยื่นให้คนเจ็บ
ในตอนแรกเขาตั้งใจจะปฏิเสธ
แต่เมื่อสบเข้ากับแววตาที่เจือไปด้วยความห่วงใย
ความคิดที่จะต่อต้านก็มลายหายไปในทันที
ชวกรยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กจากหญิงสาวแล้วกดลงบริเวณที่เป็นแผล
“รีบไปกันดีกว่าค่ะ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธ เซฟตีสาวคว้าแขนกำยำของเขาแล้วลากออกไปจากไซต์งานทันที
ขณะที่คนถูกลากก็เดินตามออกไปอย่างว่าง่าย
หลังหมอเย็บแผลให้คนเจ็บเสร็จก็ได้แนะนำการปฏิบัติตัวและการดูแลบาดแผลแก่ชวกร
จากนั้นก็นัดให้มาล้างแผลทุกวันจนกว่าจะตัดไหม พร้อมจัดยาให้ไปทาน
“หมอให้ยาอะไรมาบ้างคะ”
ชวกรยื่นถุงยาที่เพิ่งได้รับมาให้หญิงสาวแทนคำตอบ
“มีทั้งยาก่อนอาหารและหลังอาหาร
เช้า กลางวัน เย็นครบเลย แล้วนี่นายช่างกินข้าวเย็นยังคะ”
“ยัง”
“งั้นเราแวะกินข้าวกันก่อนไหมคะนายช่างจะได้กินยา”
หญิงสาวเสนอ
“ก็ได้”
เมื่อเขาตอบตกลงปัถยาก็เดินนำเขาไปยังร้านข้าวต้มที่อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาล
หลังจากจัดการกับอาหารมื้อเย็นเสร็จ
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวก็จัดแจงยาหลังอาหารให้ชายหนุ่มทันที
“ยาหลังอาหารค่ะ”
หญิงสาวแกะยาออกจากแผงแล้วยื่นให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“ขอบคุณ”
“นายช่างจะกลับเข้าไปทำงานต่อหรือจะกลับเลยคะ”
“กลับเข้าไปทำงาน”
คนขยันตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
ในชีวิตของชวกรเรื่องงานมาเป็นที่หนึ่งเสมอ แผลแค่นี้เล็กน้อยมากสำหรับเขา
“รุ้งว่านายช่างกลับไปพักก่อนดีกว่านะคะ
แผลเพิ่งเย็บมา ใส่หมวกทำงานอาจไปกดแผลได้นะคะ” ปัถยาบอกน้ำเสียงอ่อนโยนด้วยความห่วงใย
“แค่นี้เอง
ไม่เป็นไรหรอก”
“ดื้ออีกแล้วนะคะนายช่าง
กลับไปพักก่อนเถอะนะคะ ถือว่ารุ้งขอ” หญิงสาวบอกพร้อมจ้องตาคนเจ็บเขม็ง
“ก็ได้”
และแล้วเขาก็พ่ายแพ้ต่อน้ำเสียงเว้าวอนและแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเธอ
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาเป็นห่วงเป็นใยเขาแบบนี้ ชวกรถามตัวเองในใจ
“ว่าง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”
ปัถยาฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีเมื่ออีกฝ่ายยอมทำตามที่เธอร้องขอ
“แล้วนายช่างจะกลับเลยไหมคะ”
“จะกลับเข้าไปเอากระเป๋าที่ออฟฟิศก่อน”
“งั้นรีบไปกันดีกว่าค่ะ
นายช่างจะได้รีบกลับไปพักผ่อน” พูดจบเธอก็เรียกพนักงานมาเช็กบิล จากนั้นทั้งสองก็เดินกลับไปยังไซต์งานที่อยู่เยื้องกับโรงพยาบาลไปไม่กี่สิบเมตร
เช้าวันต่อมาปัถยามาถึงที่ทำงานแต่เช้าเช่นเคย
จากนั้นก็จัดแจงเทอาหารเช้าที่ซื้อมาใส่ชามและลงมือทานในทันที
สักพักชวกรก็เปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีค่ะนายช่าง”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นทักทายเพื่อนร่วมงานเสียงใส
“สวัสดี”
โฟร์แมนหนุ่มตอบกลับเสียงห้วนตามแบบฉบับของชวกรคนเดิม ตั้งแต่เจอหน้าพิรภพเมื่อวาน
อารมณ์เขาก็เริ่มไม่ปกติ เห็นอะไรก็พาลให้หงุดหงิดใจอยู่เสมอ
โดยเฉพาะหน้าคนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้
“ทานข้าวทานยารึยังคะ”
“ยัง”
หลังได้ยินคำถามจากหญิงสาวชวกรเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องกินยาก่อนและหลังอาหาร
“ว่าแล้วเชียว
ดีนะที่รุ้งรอบคอบเลยซื้อข้าวเช้ามาเผื่อนายช่างด้วย”
ก่อนหน้านี้ปัถยาสังเกตเห็นว่าชวกรไม่ค่อยทานข้าวเช้า
จะทานกาแฟหนึ่งแก้วแค่นั้น
จึงฉุกคิดได้ว่าวันนี้เขาก็คงไม่ทานข้าวเช้าเหมือนทุกวันเป็นแน่
และก็เป็นไปตามที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด
“ผมไม่หิวและไม่ชอบกินข้าวเช้า”
“ได้ไงคะ
ลืมไปแล้วเหรอคะว่านายช่างต้องกินยาตามหมอสั่ง
อีกอย่างอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดนะคะ เพราะฉะนั้นวันนี้นายช่างต้องกินข้าวที่รุ้งซื้อมาให้”
ไม่รอให้ถูกปฏิเสธ ปัถยารีบจัดแจงเทกับข้าวใส่ชามพร้อมเทข้าวใส่จานให้เสร็จสรรพก่อนจะยกไปวางตรงหน้าของโฟร์แมนจอมดื้อ
“ยาอยู่ไหนคะ
รุ้งจำได้ว่ามียาก่อนอาหารเช้าด้วย”
ชวกรส่ายหน้าอย่างอ่อนใจให้กับความเจ้ากี้เจ้าการของหญิงสาว
ก่อนเปิดกระเป๋าเป้และหยิบถุงยาส่งให้ หลังจากกินยาก่อนอาหารเสร็จเขาก็ลงมือทานข้าวตามคำสั่งของหญิงสาว
“หมอนัดล้างแผลกี่โมงคะ”
“ช่วงบ่าย”
เขาตอบก่อนจะลงมือทานข้าวต่อ
“ให้รุ้งไปเป็นเพื่อนไหมคะ”
“ไม่เป็นไร
ผมไปเองได้”
“ไม่ใช่พอถึงเวลาแล้วมัวแต่ทำงานเพลินจนลืมนัดหมอนะคะ”
“ไม่ขนาดนั้น
ถ้ากลัวผมลืมคุณก็ไปเตือนผมสิ”
“ได้เลยค่ะ”
เธอรับคำพร้อมรอยยิ้มระบายบนใบหน้า “เดี๋ยวรุ้งเก็บให้ค่ะ”
หญิงสาวแย่งถ้วยชามจากมือของชายหนุ่ม แล้วนำไปเก็บในห้องครัว
จากนั้นก็จัดยาหลังอาหารให้คนเจ็บทาน
พอถึงเวลาหมอนัดล้างแผลชวกรก็ทำงานเพลินจนลืมนัดหมออย่างที่ปัถยาคาดไว้ไม่มีผิด
หญิงสาวจึงเข้าไปเตือนความจำคนขยันและยังอาสาไปเป็นเพื่อนอีกต่างหาก
ปัถยาซื้อข้าวเช้ามาเผื่อชวกรทุกวันจนเป็นกิจวัตร
นอกจากนี้ยังจัดยาให้และพาไปล้างแผลทุกวันจนถึงวันที่ตัดไหม
หลังจากคนเจ็บหายดีแล้ว เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวสวยยังคงซื้อข้าวมาเผื่อเช่นเดิม
จนเจ้าตัวต้องท้วงออกมา
“ซื้อมาเผื่อทำไม
ลืมไปแล้วหรือไงว่าผมไม่ต้องกินยาแล้ว”
“ไม่ลืมค่ะ
แค่อยากให้นายช่างทานข้าวเช้าทุกวัน
เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย
เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายช่างต้องทานข้าวเช้าที่รุ้งซื้อมาให้ทุกวัน
ห้ามปฏิเสธด้วย”
“เผด็จการไปไหม”
“ถ้าไม่อยากกินเททิ้งก็ได้นะคะ
รุ้งไม่ว่า หากรุ้งเจ้ากี้เจ้าการกับนายช่างมากไปรุ้งก็ขอโทษด้วยนะคะ” เซฟตีสาวว่าเสียงอ่อยพร้อมแสร้งตีหน้าเศร้า
“โอเคๆ
ต่อไปนี้ผมจะกินข้าวเช้าที่คุณซื้อมาให้ทุกวัน พอใจรึยัง” ชวกรถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตกปากรับคำทำตามที่หญิงสาวต้องการ
จะมีสักครั้งไหมนะที่เขาจะชนะเธอบ้าง
เขาตั้งคำถามกับตัวเองในใจครั้งที่เท่าไรก็ไม่ทราบได้
รู้สึกพักหลังมานี้เขาจะพ่ายแพ้ต่อดวงตาใสแป๋วเหมือนเด็กของเธอทุกครั้งไป
******************************
ความคิดเห็น