คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : สร้างรัก...บทที่ 10
บทที่ 10
ทันทีที่เคลียร์พื้นที่เกิดเหตุและจัดการกับตัวต้นเหตุของเรื่องราวในวันนี้เสร็จเรียบร้อย
ชวกรก็รีบวิ่งขึ้นมาห้องประชุมที่อยู่บนชั้นแปดทันทีเพื่อจะมาช่วยหญิงสาวให้หลุดพ้นจากการตกเป็นจำเลยในเหตุการณ์ครั้งนี้
“มีธุระด่วนอะไรเหรอช่างตรี
ถึงได้พรวดพราดเข้ามาแบบนี้” วัชระเอ่ยถามอย่างสงสัย
ชวกรยืนหอบหายใจเหนื่อยอยู่พักหนึ่งก่อนตอบคำถามของวัชระ
“ผมอยากจะให้ทุกคนดูอะไรสักหน่อย ก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องของเซฟตีรุ้งน่ะครับ”
พูดจบโฟร์แมนหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเปิดคลิปวิดีโอที่เขาแอบบันทึกไว้ให้ทุกคนในห้องประชุมดู
ซึ่งเป็นคลิปเหตุการณ์ที่เขาบังเอิญผ่านไปเจอเมื่อครั้งขึ้นไปขอโทษเซฟตีสาวบนดาดฟ้า
‘ฉันคิดแผนเด็ดๆ ออกแล้วเว้ย’
หัวหน้าผู้รับเหมางานประปาเปรยขึ้นพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างมีแผนร้าย
‘แผนอะไรเหรอพี่’ ผู้เป็นลูกน้องถามอย่างอยากรู้
‘แผนที่จะทำให้นังเซฟตีหน้าสวยโดนเด้งออกจากไซต์งานก่อนที่มันจะปากโป้งเรื่องของพวกเรายังไงล่ะ’
‘เล่นถึงขั้นโดนไล่ออกมันจะไม่แรงไปหน่อยหรอพี่ เขาไม่ได้รู้ความลับของเราสักหน่อย’ ลูกน้องแย้ง
‘ยืนตัวสั่นซะขนาดนั้นมึงยังจะเชื่ออีกเหรอว่ามันไม่รู้ไม่เห็นว่าพวกเราเข้าไปทำอะไรกันในห้องนั้น’
ผู้เป็นลูกพี่ตวาดเสียงดัง ก่อนจะถาม ‘หรือมึงจะรอให้มันไปพาตำรวจมาลากคอมึงเข้าคุกก่อนมึงถึงจะเชื่อ’
ผู้เป็นลูกน้องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มคล้อยตาม ‘ก็จริงอย่างพี่ว่า’
‘ฉะนั้นพวกเราต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม’
‘แล้วแผนที่พี่ว่าคืออะไร ยังไงเหรอ’
จบคำถามของลูกน้อง
ผู้เป็นลูกพี่ก็อธิบายแผนที่เพิ่งคิดได้สดๆ ร้อนๆ
หลังเดินผ่านหน้าห้องประชุมและได้ยินบทสนทนาระหว่างศรันย์และปัถยาให้ลูกน้องฟัง
‘เอาอย่างนั้นเลยเหรอพี่ ถ้าเกิดไฟมันลามจนเราเอาไม่อยู่ ไม่ซวยกันหมดเหรอ’ ลูกน้องยังคงลังเล กลัวทำพลาดแล้วจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
‘คนซวยไม่ใช่เราสักหน่อย แต่เป็นนังเซฟตีนั่นต่างหาก แล้วถ้ามึงกลัวว่ามันจะมันลาม
มึงก็หาถังดับเพลิงมาวางไว้ใกล้ๆ ก่อนสิ หลังจากตะโกนบอกคนอื่นๆ ว่าไฟไหม้แล้ว มึงค่อยรีบเอาถังดับเพลิงมาฉีด
แค่นี้ไม่เห็นยากเลย จับมือใครดมก็ไม่ได้แล้ว’
‘ความคิดพี่นี่สุดยอดไปเลย แล้วเราจะลงมือวันไหนกันดี’ ชมพร้อมยกนิ้วโป้งให้กับคนเจ้าแผนการ
‘คงอีกหลายวัน เพราะเพิ่งเกิดเรื่อง ช่วงนี้ไฟร์แมนและเซฟตีรุ้งคงจะตรวจตราเข้มงวดกว่าเดิม
เอาไว้วันไหนโอกาสเหมาะๆ ฉันจะบอกแกอีกทีหนึ่ง’
‘โอเคพี่ ผมพร้อมเสมอขอแค่พี่สั่งมา’
หลังจากทุกคนได้ดูคลิปตั้งแต่ต้นจนจบ
เรื่องที่จะเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนใหม่ก็เป็นอันต้องล้มเลิกไป
ปัถยาได้รับโอกาสให้ทำงานต่อไปตราบเท่าที่หญิงสาวยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
ด้านผู้รับเหมาทั้งสองคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราววุ่นวายในวันนี้ก็ถูกตำรวจเข้าจับกุมและนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ตั้งแต่วันที่ล่วงรู้แผนการของผู้รับเหมาทั้งสอง
ชวกรก็นำเรื่องนี้มาหารือกับก้องภพและจับตาดูผู้รับเหมาทั้งสองคนตลอด
ขณะเดียวกันก็พยายามเก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุด ก่อนแจ้งเบาะแสไปยังตำรวจ
จากนั้นตำรวจก็แฝงตัวเข้ามาทำงานในไซต์งานก่อนจะวางแผนล่อซื้อและเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมหลักฐานเป็นยาบ้าจำนวนหลายร้อยเม็ดที่ซุกซ่อนไว้ในลังเครื่องมือช่างอย่างแนบเนี่ยน
“เดี๋ยวก่อนค่ะนายช่าง”
ปัถยาร้องเรียกคนที่เดินดุ่มๆ ออกมาจากห้องประชุมไปโดยไม่สนใจใคร
หลังจากเคลียร์เรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
ชวกรหยุดตามเสียงเรียกและหันกลับไปทางต้นเสียงแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป
เขาทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม
“ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องวันนี้”
“อืม”
โฟร์แมนหนุ่มตอบรับในลำคอพลางพยักหน้ารับรู้ ก่อนหันหลังก้าวเดินไปข้างหน้า
แต่ก็ไม่วายมีเสียงใสดังแจ้วๆ ตามหลังมาอีกระลอก
“ทำไมถึงช่วยรุ้งล่ะคะ
ทั้งที่นายช่างเองก็ไม่ชอบขี้หน้ารุ้งสักเท่าไร ทีแรกรุ้งคิดว่านายช่างน่าจะดีใจซะอีก
ที่รุ้งจะโดยรีเจ็กต์ออกจากโครงการ จะได้ไม่มีรุ้งมาคอยขวางหูขวางตานายช่างอีกต่อไป”
เซฟตีสาวถามขณะรีบสาวเท้าให้ทันร่างสูงตรงหน้า
เธออดสงสัยในการกระทำของเขาไม่ได้เลย เขาควรจะดีใจไม่ใช่เหรอถ้าเธอโดนไล่ออกจากโครงการ
แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นคนช่วยให้เธอให้ได้ทำงานที่นี่ต่อ แม้ว่าเขาจะล่วงรู้แผนการของผู้รับเหมาสองคนนั้น
แต่หากเขาปิดปากเงียบและทำเฉย ปล่อยให้แผนการของทั้งสองคนนั้นสำเร็จ
มันน่าจะถูกใจเขามากกว่าไหม ยิ่งคิดเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวยิ่งสงสัย
จึงต้องออกปากถามไปตรงๆ
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย
ถ้าคุณจะโดนเด้งออกจากโครงการมันต้องมาจากความผิดของตัวคุณเอง
ไม่ใช่เพราะถูกคนอื่นกลั่นแกล้งแบบนี้” ชวกรพูดออกไปตามที่ใจคิด
แม้เขาจะมีความคิดอยู่ลึกๆ ให้เธอไปให้พ้นๆ หน้าเขา เพื่อเขาจะได้ไม่หงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผลแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันต้องไม่ใช่แบบเมื่อครู่นี้ ที่มีคนจงใจกลั่นแกล้งเธอ
และอีกเหตุผลหนึ่ง เหตุผลลึกๆ ในใจของเขาคือเขาไม่ชอบเห็นใบหน้าหวานๆ
นั้นดูอมทุกข์อย่างช่วงสัปด์ที่ผ่านมาเอาเสียเลย
“ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยให้รุ้งได้ทำงานที่นี่ต่อ”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณจากใจจริง รอยยิ้มที่หายไปหลายวันเริ่มกลับมาอีกครั้ง
ความหมางใจที่มีต่อเขาก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ คลายลงด้วย
“ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษที่ผมเป็นคนทำให้เกิดเรื่องครั้งก่อน”
“ช่างมันเถอะค่ะ
เรื่องมันผ่านมาแล้ว”
หญิงสาวบอกปัดอย่างไม่ถือสา
แม้ก่อนหน้านี้เธอจะโกรธเขาบ้างที่เป็นต้นเหตุของปัญหาต่างๆ
แต่ในวันนี้เขากลับมีน้ำใจมาช่วยเธอทั้งที่เขาเองก็ไม่ค่อยชอบหน้าเธอสักเท่าไร
เธอจะยังผูกใจเจ็บเขาก็ใช่เรื่อง ที่จริงเธอเองไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นสักเท่าไร
อาจจะมีบ้างในบางครั้งที่จะอารมณ์หลุดและระเบิดออกมา แต่ก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น
ไม่นานเธอก็ปล่อยวาง ไม่เคยเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยให้รกสมอง หรือจะพูดง่ายว่าเธอเป็นประเภทโกรธง่ายหายเร็ว
หรือไม่ก็เป็นคนโลกสวยอย่างที่เพื่อนๆ ชอบว่ากันนั่นแหละ
“หายโกรธผมหรือยัง”
ชวกรหยุดเดินและหันมารอฟังคำตอบ
“ที่จริงก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายหรอกนะคะ
ไม่เข้าใจมากกว่าว่า...”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”
เขาพูดตัดบท รู้ดีว่าหญิงสาวจะพูดเรื่องอะไร
“เอาเป็นว่าผมไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดอะไรคุณหรอก ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ
ปากหมาและขวางโลกไปวันๆ อย่าได้ถือสาผมเลย” ชวกรเลี่ยงที่จะบอกความจริงกับหญิงสาว
“รุ้งไม่ถือสาหรอกค่ะ”
ปัถยารับคำอย่างเสียไม่ได้ ในเมื่อเขาไม่อยากบอกเธอก็จะไม่เซ้าซี้ให้มากความ
เดี๋ยวจะมีปัญหากันอีก หญิงสาวจึงต้องอยู่กับความสงสัยต่อไป
ก็ได้แต่หวังว่าสักวันเขาจะยอมบอกถึงเหตุผลข้อนี้ให้เธอกระจ่างใจ
และก่อนจะแยกจากกันเซฟตีสาวก็นึกบางอย่างขึ้นได้ จึงถามต่อ
“นายช่างรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นแล้วไม่คิดจะบอกให้รุ้งรู้ตัวบ้างเหรอคะ”
“คุณเอาแต่หลบหน้าหลบตาผมแบบนั้น
แล้วจะให้ผมบอกได้ยังไงล่ะ” เขาย้อน
นึกถึงช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เธอเอาแต่หลบหน้าหลบตาเขา
แถมใบหน้าจิ้มลิ้มที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอนั้นหม่นเศร้าแทบตลอดเวลา
เขาก็ชักจะหงุดหงิดขึ้นมาครามครัน ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้ความสดใสที่เคยมีนั้นจางหายไป
“ไลน์ก็มี
ทำไมไม่ทิ้งข้อความไว้ล่ะคะ”
“ผมลืม”
ชวกรปดออกไปหน้าตาย ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเคยคิดจะส่งข้อความไปบอกเธออยู่เหมือนกัน
แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างลึกๆ ในใจกระซิบบอกให้เขาไปคุยกับเธอต่อหน้าจะดีกว่า ด้วยเหตุนี้วันนี้เขาจึงต้องยอมทำให้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพื่อที่จะได้เจอและพูดคุยกับเธอ
แต่ก็ยังไม่ทันจะได้เตือนอะไรก็ดันเกิดเรื่องซะก่อน
ปัถยากำลังจะอ้าปากแย้งออกไป
แต่เสียงจากวิทยุสื่อสารที่เหน็บอยู่ที่เอวของเธอและโฟร์แมนหนุ่มดันส่งเสียงแทรกขึ้นเสียก่อน
“สต๊าฟ แกรนด์ คอนสตรัคชั่น แอนด์ ดีไซน์ ว.2 เชิญทุกคนขึ้นมาประชุมบนออฟฟิศด่วน ทราบแล้วตอบด้วย”
เมื่อพนักงานทุกคนขึ้นมาบนออฟฟิศพร้อมเพรียงกันแล้ว
ก้องภพก็แจกตารางแผนงานให้กับทุกคน
พร้อมกับแจ้งถึงสาเหตุที่ต้องเรียกทุกคนมาประชุมเป็นการด่วน
“ที่ผมเรียกทุกคนมาประชุมด่วนวันนี้
เพราะมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับแผนงานก่อสร้างของบริษัทเรา ให้ทุกคนดูตารางแผนงานที่ผมแจกให้นะ” ผู้จัดการโครงการบอกพร้อมกับชูแผนงานในมือให้ลูกน้องดูก่อนจะพูดต่อ “จากแผนจะเห็นว่าตอนนี้ผลงานของเราล่าช้ากว่าแผนอยู่เกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าของโครงการเขาได้เร่งรัดทางเรามาแล้ว
และผมก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับเจ้านาย จนได้ข้อสรุปว่าเราควรเพิ่มจำนวนผู้รับเหมา
คนงานและเพิ่มเวลาทำงาน เพื่อให้งานเสร็จตามสัญญา”
“เรื่องผู้รับเหมาผมพอจะรู้จักอยู่หลายเจ้า
เดี๋ยวผมจะลองติดต่อให้เขาเข้ามาคุยกับพี่นะครับ”
ชวกรเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีที่จริงจังหลังจากก้องภพพูดจบ
“ดีเลย
ติดต่อมาหลายๆ เจ้าเลยนะ โดยเฉพาะช่างสีและช่างไม้”
“ช่างไฟล่ะครับพี่
ต้องการเพิ่มไหม” กวีถามขึ้นบ้าง
เพราะเขาเองก็มีผู้รับเหมาหลายชุดที่เคยร่วมงานกันมาก่อน
เมื่อครั้งยังทำงานที่บริษัทเก่า
“ช่างไฟก็ด้วย
ติดต่อมาเยอะๆ เลย ใครมีผู้รับเหมาที่รู้จักก็แนะนำเข้ามาได้เลย ยิ่งเยอะยิ่งดี ตอนนี้เราจะชักช้าไม่ได้แล้ว
งานไม่เสร็จตามสัญญาโดนปรับแน่”
ผู้จัดการหนุ่มบอกกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนอย่างที่เคยเป็น
“แล้วเรื่องเพิ่มเวลาทำงานล่ะครับพี่” วิษณุที่นั่งฟังเงียบๆ ถามขึ้นบ้าง
“เรื่องเวลาทำงาน
วันปกติเราจะเปิดโอทีถึงห้าทุ่ม แล้ววันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เราจะไม่หยุด
แต่จะเลิกงานหกโมงเย็นตามปกติ ไม่มีโอที” ก้องภพอธิบาย
“โหดไปไหมลูกพี่” พงศกรโวยขึ้นเสียงดัง
ด้วยนิสัยเกียจคร้านเป็นทุนเดิม
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาก็ไม่เห็นด้วยเลยที่จะทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่มีวันหยุดแบบนั้น
“ผมพูดยังไม่ทันจบเลย
จะรีบแทรกไปไหน” ก้องภพว่าเสียงดังไม่แพ้กัน
ทำเอาคนทั้งห้องสะดุ้งกับเสียงทรงพลังของผู้จัดการโครงการที่นานๆ จะได้ยินที
ถึงแม้เขาจะร่วมงานกับพงศกรได้ไม่ถึงปี
แต่ก็ทำให้เขาได้รู้จักนิสัยที่แท้จริงของลูกน้องคนนี้ดีพอสมควร พงศกรเป็นคนค่อนข้างเห็นแก่ตัว
งานหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ไม่ตั้งใจทำงาน เขาต้องคอยจี้คอยตามงานตลอด
ไม่งั้นคงเสร็จไม่ทันตามกำหนด ดูท่าแล้วคงไม่อยากมาทำงานในวันหยุด
“ขอโทษครับพี่
เชิญพี่พูดต่อเลยครับ” พงศกรกล่าวเสียงอ่อย
เมื่อรับคำขอโทษจากลูกน้องแล้ว ก้องภพก็ไม่รอช้า รีบอธิบายต่อทันที
“ในวันหยุดที่เราต้องมาทำงาน
ผมไม่ได้จะให้พวกคุณมาทุกวันหรอกนะ แต่จะให้สลับกันมา อย่างน้อยอาทิตย์ละสองคนเวียนกันไป
เพราะหากไม่มีหัวหน้างานมาคุมสักคน ปล่อยคนงานทำกันเอง มีหวังพากันอู้งานทั้งวัน”
“ขอแทรกนิดนึงนะคะคุณโจ้
อย่างพิมพ์กับคุณจ๋าก็ต้องมาด้วยไหมคะ” พิมพาซักถาม เมื่อไม่แน่ใจว่าตนต้องมาด้วยรึเปล่า
เพราะงานที่ต้องเร่งคือหน้างาน ไม่เกี่ยวกับงานเอกสารที่ตนรับผิดชอบอยู่
“คุณพิมพ์กับคุณจ๋าไม่ต้องมา
เพราะวันอาทิตย์ที่ปรึกษาเขาหยุด คงไม่มีเอกสารอะไรที่ต้องทำส่ง” ก้องภพไขข้อข้องใจของธุรการสาวเสร็จก็หันไปทางเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนเดียวของบริษัท
“ส่วนรุ้ง ไม่ต้องมาก็ได้นะ เดี๋ยวพวกพี่ช่วยกันดูเรื่องความปลอดภัยอีกแรงหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่โจ้
รุ้งมาได้ หยุดอยู่บ้านเฉยๆ ก็น่าเบื่อ มาทำงานดีกว่า มีเพื่อนคุยเยอะแยะ”
“ตามใจรุ้งละกัน
งั้นผมจัดเวรให้เลยละกันนะ อาทิตย์นี้ให้นุกับกวีมาเข้าเวร ส่วนอาทิตย์ต่อไปเป็นเวรของตรีกับรุ้ง...” ก้องภพจัดเวรให้ลูกน้องเสร็จสรรพ
เมื่อไม่มีใครโต้แย้งอะไรเขาก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกลับไปทำงานตามปกติ
คล้อยหลังบรรดานายช่างทั้งหลาย
ศศิธรก็อดไม่ได้ที่จะถามในสิ่งที่สงสัย “นึกยังไงถึงจัดให้ตรีกับน้องรุ้งมาอยู่เวรด้วยกันล่ะคุณ
คุณเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าสองคนนี้ไม่ค่อยจะกินเส้นกัน
เดี๋ยวได้ตีกันตายพอดี”
“ก็เพราะไม่ค่อยถูกกันไงถึงต้องจับมาอยู่วันเดียวกัน”
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่เนี่ย”
“เถอะน่า
คุณคอยดูละกันว่าสองคนนี้จะตีกันตายอย่างที่คุณว่าหรือจะสงบศึกและหันมารักใคร่กลมเกลียวกัน”
ศศิธรได้แต่ส่ายหน้าให้กับความคิดของสามี
ที่ทำตัวราวกับจะจับคู่ให้กับทั้งสองยังไงยังงั้น แต่ก็ไม่ได้ขัดหรือแย้งอะไรอีก
ได้แต่คิดว่าอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด
*************************
แผนกระชับความสัมพันธ์ของคุณก้องภพจะสำเร็จหรือจะล้มไม่เป็นท่ากันน้าาา
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
...คีตมินทร์...
ความคิดเห็น