คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : สร้างรัก...บทที่ 9
บทที่ 9
หลังเกิดเรื่องในวันนั้นปัถยาพยายามเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับชวกร
ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นเธอก็จะไม่โผล่หน้าไปให้เขาเห็นเป็นอันขาด
ทุกวันนี้เธอต้องทำงานอย่างหวาดระแวง กลัวว่าสักวันหนึ่งจะเกิดเหตุขึ้นมาอีก
ถึงแม้เขาจะเข้ามาขอโทษและรับปากว่าจะให้ความร่วมมือในการทำงานเป็นอย่างดี
แต่เธอก็อดระแวงไม่ได้อยู่ดี ด้วยเธอยังไม่รู้จักเขาดีพอ
จึงไม่รู้ว่าจะสามารถเชื่อคำพูดเขาได้มากแค่ไหน ทั้งยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่เขาไม่ชอบหน้าเธอ
ขืนโผล่หน้าไปให้เขาเห็นแบบสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วเขาเกิดหมั่นไส้ขึ้นมาอีก จนหาเรื่องให้เธอโดนรีเจ็กต์ออกจากโครงการ
มันคงไม่ดีแน่ ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้คือเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา
เมื่อใดที่เขาขึ้นไปบนออฟฟิศเธอก็จะหลบลงไปอยู่หน้างาน แต่ถ้าเขายังอยู่หน้างานเธอก็จะเตร่อยู่แถวโซนเอและโซนบี
จะเข้าไปโซนซีที่เขารับผิดชอบอยู่ก็ต่อเมื่อเขาไม่อยู่
แต่ถ้ามีธุระเรื่องงานที่จำเป็นต้องติดต่อประสานงานกัน
เธอก็เลือกที่จะสื่อสารผ่านทางโทรศัพท์หรือวิทยุสื่อสารเท่านั้น
แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ความพยายามของปัถยาจะไม่เป็นผลสักเท่าไร
เมื่อคนที่เธอพยายามเลี่ยงเพื่อลดปัญหานั้นกลับทำตัวมีปัญหาขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“หน้างานโซนเอ
ว.2[1]
ค่ะ” ปัถยาส่งเสียงเรียกผ่านวิทยุสื่อสาร ไม่นานก็มีเสียงนพัตธรตอบกลับมา
“ว.2 ครับ”
“พรุ่งนี้โซนเอมีฮ็อตเวิร์กไหมคะ”
เซฟตีสาวหมายถึงงานที่มีความร้อน ไม่ว่าจะเป็นงานตัด
งานเชื่อมหรือแม้กระทั่งงานอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดประกายไฟ
“ไม่มีครับ”
“โอเคค่ะ”
หลังสอบถามโซนเอเสร็จหญิงสาวก็ไล่ถามโซนอื่นๆ
ต่อ เพื่อจะทำเรื่องขออนุญาตทำงานที่มีความร้อน ทุกโซนตอบกลับมาหมดยกเว้นโซนซีที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของชวกร
ไม่ว่าหญิงสาวจะถามไปกี่ครั้งก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากอีกฝ่ายเลย
“หน้างานโซนซี
ว.2 ค่ะ” เซฟตีสาวกรอกเสียงลงไปในวิทยุสื่อสารอีกครั้ง
แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงเสียงดังซ่าๆ ของคลื่นแทรก
“...”
“หน้างานโซนซี
ว.2 ค่ะ”
“...”
เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับมาหญิงสาวจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นลูกพี่
“พี่โจ้คะรบกวนโทร.ถามช่างตรีให้หน่อยค่ะว่าพรุ่งนี้โซนซีมีฮ็อตเวิร์กไหม”
“ทำไมรุ้งไม่โทร.ไปถามเองล่ะ
มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
ก้องภพอดแปลกใจกับท่าทีของลูกน้องทั้งสองไม่ได้
เขาผิดสังเกตมาตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องไฟไหม้แล้ว
แต่ฝ่ายชวกรยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเขาก็เชื่ออย่างนั้น
แต่เมื่อมาเห็นท่าทีแปลกๆ ของปัถยาเขาคงทำใจให้เชื่อต่อไปไม่ได้แล้ว
ยังไงวันนี้ก็ต้องถามให้ได้ความ
“เปล่าค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันค่ะ” ปัถยาปฏิเสธพัลวันพลางหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นมากดโทร.ออกไปยังเบอร์ของคนที่เธอพยายามหลบหน้าหลบตามาทั้งอาทิตย์ เธอรอสายจนสัญญาณตัดไป จึงลองกดโทร.ออกอีกครั้ง และผลก็ไม่ต่างจากรอบแรก เซฟตีสาวจึงตัดสินใจเดินลงไปหาเขาที่โซนซี
“ทำไมไม่ตอบว.
และไม่รับโทรศัพท์คะนายช่าง”
ปัถยาถามขึ้นอย่างฉุนๆ
เมื่อรู้ว่าเขาจงใจที่จะไม่ตอบ ขณะที่เธอเดินไปหาเขา เธอกดโทร.หาเขาไปด้วย
สลับกับเรียกเขาผ่านทางวิทยุสื่อสาร
และสิ่งที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าคือเขายืนจ้องโทรศัพท์ที่เป็นสายจากเธอนิ่ง
ไม่มีทีท่าว่าจะรับสายเลย ไหนจะเสียงวิทยุสื่อสารที่ดังเป็นระยะๆ นั่นอีก
“ถ้าผมตอบผมก็ไม่ได้เจอคุณสักทีน่ะสิ
ทำไมคุณต้องคอยหลบหน้าหลบตาผมด้วย หรือว่าคุณยังไม่หายโกรธผมสำหรับเรื่องวันนั้น”
ชวกรถามอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของหญิงสาว
ในเมื่อเขาก็ขอโทษและรับปากไปแล้วว่าจะให้ความร่วมมือเรื่องความปลอดภัย
แล้วทำไมเธอยังทำเหมือนโกรธเขาอยู่ ทั้งยังตั้งใจหลบเลี่ยงที่จะเจอเขา
ซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าการที่ไม่มีอีกฝ่ายมาคอยป้วนเปี้ยนให้ขวางหูขวางตามันจะทำให้เขาสบายอกสบายใจและทำงานอย่างมีความสุข
แต่พอเอาเข้าจริงทุกอย่างมันกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด นานวันเข้าเขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดและหงุดหงิดขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นเธอคุยหัวเราะเล่นกับคนอื่นๆ
อย่างสนุกสนาน
แต่พอเขาย่างกรายเข้าไปใกล้เธอกลับปิดปากเงียบเป็นเป่าสากและขอตัวออกจากวงสนทนาใปทันที
เธอทำราวกับเขาเป็นตัวเชื้อโรคอย่างไรอย่างนั้น
จนผ่านมาเป็นอาทิตย์เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยเรื่องสำคัญกับเธอเลย
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องใช้วิธีนี้เพื่อให้ได้เจอและพูดคุยกับเธอ ซึ่งดูแล้วมันน่าจะเป็นวิธีที่ทำให้อีกฝ่ายกรุ่นโกรธไม่น้อย
ถึงได้พูดจากับเขาด้วยน้ำเสียงที่ห้วนกว่าทุกครั้งที่เขาเคยได้ยิน
“คุณคิดว่าเรื่องที่คุณทำไว้กับฉันมันน่าโกรธไหมล่ะคะ
ฉันจะโดนไล่ออกวันไหนยังไม่รู้เลย
เกิดวันไหนฉันเสนอหน้าไปให้คุณเห็นแล้วคุณเกิดหมั่นไส้ฉันขึ้นมา
และคุณทำอย่างวันนั้นอีก ฉันก็ซวยไปสิ”
ปัถยาระเบิดอารมณ์ออกมาเสียงดังลั่นอย่างเหลืออด “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจตอนไหน
คุณถึงได้ทำเหมือนโกรธเกลียดฉันมาเป็นชาติแบบนี้”
“ผมเคยพูดเหรอว่าผมเกลียดคุณ”
ชวกรตกใจไม่น้อยกลับอารมณ์อีกด้านหนึ่งของเซฟตีสาว ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ปกติเธอจะพูดจาอ่อนหวานกับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งเขาที่แสดงออกกรายๆ
ว่าไม่ค่อยชอบหน้าเธอ แต่เธอก็ยังพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะน่าฟัง ไม่เคยเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธแบบครั้งนี้
“คุณไม่พูดแต่การกระทำคุณมันฟ้อง
เจอหน้าฉันทีไรคุณชอบทำหน้าเสียอารมณ์ เวลาฉันบอกฉันเตือนอะไรคุณก็ชักสีหน้าไม่พอใจไส่ฉันตลอด
ฉันพูดด้วยดีๆ คุณก็ตอบแบบกระโชกโฮกฮากทุกครั้งไป
แบบนี้จะให้ฉันคิดว่าคุณพิศวาสฉันเหรอคะ ถามจริงคุณมีปัญหาอะไรกับฉันนักหนา
ถ้ามีปัญหาอะไรก็พูดออกมาเลย จะได้เคลียร์กันให้จบในวันนี้
จะได้ไม่ต้องค้างคากันอีกต่อไป”
ปัถยาถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาเสียงดัง
เมื่อไม่สามารถทนกักเก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจได้อีกต่อไป วันนี้เป็นไงเป็นกัน
แม้ต้องแตกหักกันเธอก็ยอมถ้ามันทำให้รู้ถึงสาเหตุที่เขาไม่ชอบใจเธอ
ชวกรนิ่งอึ้งไปพักใหญ่
เพราะไม่เคยเห็นปัถยาในโหมดนี้มาก่อน พร้อมคิดตามที่หญิงสาวพูด
มันก็จริงอย่างเธอว่า เขาทำตัวเหมือนโกรธเหมือนเกลียดเธอมาเป็นชาติ
ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลยสักนิด เธอทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาโดยตลอด
ข้อนี้เขาเองยังแอบชื่นชมเธออยู่เลย
แต่ติดอยู่แค่เรื่องเดียวและเป็นเรื่องที่เขาเกลียดที่สุด คือเรื่องที่เธอชอบทำตัวเป็นสาวโสดเมื่ออยู่ลับหลังคนรัก
แม้เขาจะพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่านั่นมันเรื่องส่วนตัวของเธอ
ให้แยกแยะระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว แต่มันก็อดอคติไม่ได้อยู่เรื่อย
ยิ่งวันไหนเห็นแฟนหนุ่มของเธอมารอรับที่หน้าไซต์งาน
ความไม่ชอบใจในตัวหญิงสาวยิ่งทวีมากขึ้นเท่านั้น
“เงียบทำไมล่ะ
ตอบมาสิคะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน เซฟตีสาวจึงถามย้ำอีกที
“ผมขอโทษ”
“ฉันไม่ได้ต้องการคำขอโทษ
แต่ฉันต้องการคำอธิบาย ถึงสาเหตุที่คุณไม่ชอบขี้หน้าฉัน”
“ผม...”
ชายหนุ่มอึกอัก ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เพราะเหตุผลของเขานั้นมันงี่เง่าสิ้นดี
“มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่นั่น
แล้วฉันจะรู้ไหมว่าคุณโกรธเกลียดฉันเรื่องอะไร”
ปัถยาเริ่มจะหงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่พูดออกมาสักที
“ผมไม่ได้เกลียดคุณ
ผมแค่...”
ยังไม่ทันที่ชวกรจะได้อธิบายอะไร
ก็มีเสียงคนงานตะโกนแทรกเข้ามาว่า
“ไฟไหม้
ไฟไหม้”
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวแทบหมดแรงเมื่อได้ยินคำดังกล่าว ก่อนจะตั้งสติและรีบวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุที่อยู่บริเวณโซนบี โดยมีชวกรวิ่งตามไปติดๆ
ทันทีที่มาถึงปัถยาและชวกรไม่รอช้ารีบเข้าไปช่วยคนงานดับไฟที่กำลังลุกลามไปตามกองเศษกระดาษลูกฟูกที่เพิ่งแกะออกจากเฟอร์นิเจอร์
หลังเพลิงสงบลงเซฟตีสาวถึงกับเซ แข้งขามันไร้เรี่ยวแรงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น
ยังดีที่ชวกรเข้ามาพยุงไว้ทัน แต่เจ้าตัวกลับสะบัดออกราวกับรังเกียจหนักหนา
พร้อมหันมามองคนหวังดีตาขวาง ก่อนจะตวาดเสียงดังลั่น
“ไม่ต้องมาถูกตัวฉัน
สมใจคุณแล้วล่ะสิ ต่อไปคุณคงจะทำงานอย่างสบายใจ ไม่ต้องทนเจอหน้าฉัน
ไม่มีฉันให้คุณรำคาญอีกต่อไป” หญิงสาวจ้องตาชายหนุ่มนิ่ง
แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ไม่ใช่อย่างนั้น
ผมไม่เคยรำคาญคุณเลยนะ”
“ฝืนใจไหมคะที่พูดคำนี้ออกมา”
เซฟตีสาวพูดอย่างหยันๆ
“เคลียร์ตรงนี้เสร็จแล้ว
ขึ้นไปคุยกันที่ห้องประชุมหน่อยนะ” ศรันย์ที่มาทันเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่พูดขึ้นเสียงเย็น
ก่อนจะเดินหน้านิ่งออกไป ทำเอาคนฟังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
‘เราจะโดนรีเจ็กต์ออกจากโครงการจริงๆ ใช่ไหม’ ปัถยาพูดกับตัวเองในใจ พลันน้ำใสๆ ก็ไหลออกมาจากหางตา
เริ่มท้อแท้กับการเดินบนเส้นทางนี้ แม้เธอจะพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีแค่ไหน
แต่ถ้าคนอื่นไม่ให้ความร่วมมือมันก็เท่านั้น และผลก็อย่างที่เห็น
“เช็ดหน้าเช็ดตาหน่อยคุณ
เปรอะเปื้อนไปหมดแล้ว”
โฟร์แมนหนุ่มว่าพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กขึ้นมาหมายจะเช็ดน้ำตาให้ ไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนแพ้น้ำตาผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
โดยเฉพาะน้ำตาของคนตรงหน้า เห็นทีไรใจที่แข็งกระด้างของเขาเป็นต้องกระตุกวูบ
พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่พร้อมใจกันวิ่งเข้ามาจู่โจมโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
ยังไม่ทันที่ผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยจะได้สัมผัสกับแก้มเนียนใส เจ้าของใบหน้าก็เบือนหน้าหนีพร้อมปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างแรง “เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง” ว่าเสร็จก็เดินลิ่วเข้าไปหาวิษณุที่กำลังสำรวจความเสียหายในจุดเกิดเหตุ
ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องประชุม
ปัถยาขนลุกซู่อย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าอากาศภายในห้องเย็นกว่าทุกครั้ง ตอนนี้ทุกคนมานั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว
ทั้งก้องภพ ปรัชญ์ ซึ่งเป็นตัวแทนจากทางห้างฯ วัชระ
ผู้จัดการโครงการของบริษัทที่ปรึกษา และศรันย์
ทุกสายตาจับจ้องยังผู้เข้ามาใหม่เป็นตาเดียว
หญิงสาวเดินตัวลีบไปนั่งลงที่ข้างผู้จัดการของตนทันทีอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
“เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ให้ทุกคนฟังหน่อยสิ
ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร” ศรันย์เปิดฉากทันทีที่หญิงสาวมาถึง
“มีคนงานเดินสะดุดถังน้ำมันสนหกรดบนกระดาษลูกฟูกค่ะ
และจังหวะนั้นมีคนทิ้งก้นบุหรี่ลงมาจากชั้นลอยพอดี
เลยเป็นเหตุให้ไฟลุกไหม้กองกระดาษลูกฟูกค่ะ ส่วนความเสียหายมีคราบเขม่าควันไฟที่ผนังด้านนอกของห้อง
B-12 และที่เฟอร์นิเจอร์ที่รอติดตั้งในห้องนั้นค่ะ”
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวรายงานพร้อมพยายามยามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“ตัวคนสูบบุหรี่ล่ะ”
ศรันย์ถามต่อ
“หาตัวไม่ได้ค่ะ
จุดนั้นมีผู้รับเหมาทำงานอยู่หลายเจ้า ไม่มีใครยอมรับค่ะ”
“คุณก้องภพมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้”
วัชระถามขึ้นบ้าง
“เรื่องค่าปรับและค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทางบริษัทเราจะรับผิดชอบทั้งหมดครับ”
ก้องภพออกตัวรับผิดชอบตามที่กฎระเบียบของโครงการได้กำหนดไว้
“แล้วมาตรการเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำล่ะ
ทางบริษัทคุณมีแนวทางยังไงบ้าง ตอนนี้ทางห้างกังวลกับเรื่องนี้มาก
เพราะเกิดเหตุถึงสองครั้งภายในเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์ ถึงแม้เราจะระงับเหตุทันทุกครั้ง
แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าครั้งต่อไปเราจะระงับได้ทันอีก
ทางที่ดีควรหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นน่าจะดีที่สุด”
ปรัชญ์พูดขึ้นเสียงเครียด
หากเกิดเหตุขึ้นอีกและไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ มิวายต้องลามลงไปถึงภายในห้าง
ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล
“ในเรื่องของการป้องกันรุ้งจะกำชับคนงานและผู้รับเหมาในเรื่องห้ามสูบบุหรี่ภายในโครงการ
ส่วนเรื่องค่าปรับกรณีพนักงานสูบบุหรี่ภายในโครงการอาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
และก่อนเข้าโครงการจะมีการตรวจหาบุหรี่ที่ตัวพนักงาน
หากพบว่าใครมีบุหรี่ติดตัวก็จะให้ฝากไว้ที่โต๊ะ รปภ.ค่ะ”
ปัถยาเสนอแนวทางที่เพิ่งคิดได้สดๆ ร้อนๆ
“ทุกคนคิดว่าแนวทางที่ปัถยาเสนอมาเป็นไงบ้างครับ”
ศรันย์ถามความคิดเห็นของทุกคน
“ผมว่าก็โอเคนะ”
วัชระพูดขึ้นเป็นคนแรกก่อนที่คนอื่นๆ จะพยักหน้าเห็นด้วย
“ผมเองก็เห็นด้วยกับแนวทางที่เสนอมานะ
แต่ผมอยากให้เปลี่ยนเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนใหม่ด้วย เป็นผู้ชายได้จะดีมาก
คนงานจะได้เกรงกลัวบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ผมได้ตกลงกับคุณปัถยาไว้แล้วเมื่อตอนเกิดเหตุครั้งแรก
ว่าหากเกิดเหตุขึ้นอีกผมจะขอให้ทางคุณก้องภพหาเซฟตีคนใหม่มาแทนคุณปัถยา”
“ผมเห็นด้วยกับคุณศรันย์นะคุณก้องภพ
ตั้งแต่เปิดโครงการมาไม่เคยเกิดเหตุไฟไหม้เลยสักครั้ง
แต่พอคุณปัถยาเข้ามาไม่ทันไรก็เกิดเหตุไล่เลี่ยกันถึงสองครั้ง แสดงให้เห็นว่าเธอหละหลวมในเรื่องนี้
ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางห้างฯ ของเราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เสียด้วย”
ปรัชญ์สนับสนุนความคิดของศรันย์
จบคำพูดของตัวปรัชญ์หญิงสาวคนเดียวในห้องก็หน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
รู้ชะตาตัวเองในทันที ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตการทำงานเธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
ไม่รู้ว่าไปหากเธอไปสมัครงานที่อื่น แล้วจะมีที่ไหนรับเธอเข้าทำงานไหม
หากประวัติการทำงานที่นี่ของเธอรู้ถึงหูบริษัทเหล่านั้น คิดแล้วปัถยาก็ได้แต่ลอบถอนหายใจกับอนาคตการทำงานของตัวเองที่ดูจะมืดมนลงไปทุกขณะ
เพราะคงไม่มีใครอยากรับคนที่โดนรีเจ็กต์เพราะทำงานไม่มีประสิทธิภาพอย่างเธอหรอก
“ผมว่าให้โอกาสน้องอีกสักครั้งจะได้ไหมครับ
ผมรับรองว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกแน่นอน อีกอย่างก่อนที่จะตัดสินรีเจ็กค์ใครออก
ผมว่าเราควรจะสืบสาวราวเรื่องให้ดีก่อน เพราะบางทีเหตุการณ์วันนี้มันอาจจะมีอะไรมากกว่าอุบัติเหตุไฟไหม้ธรรมดาก็ได้นะครับ”
ก้องภพขอโอกาสให้ลูกน้อง
ขณะเดียวกันมือข้างที่ซุกอยู่ใต้โต๊ะก็กดพิมพ์ข้อความอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ก่อนจะกดส่งอย่างรวดเร็ว
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง
คุณกำลังจะบอกพวกเราว่ามีคนจงใจทำให้เกิดไฟไหม้เพื่อกลั่นแกล้งลูกน้องของคุณอย่างนั้นเหรอ
คุณดูละครมากไปหรือเปล่าคุณก้องภพ” ศรันย์ถามอย่างขบขัน ซึ่งคนอื่นๆ
ในห้องก็พลอยหัวเราะไปด้วย ยกเว้นคนที่ชีวิตการทำงานกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
นอกจากจะหัวเราะไม่ออกแล้วยังเอาแต่ก้มหน้ามองมือตัวเองที่กุมกันแน่นอยู่บนตัก
“แล้วโอกาสที่ว่าผมก็ให้ไปแล้วเมื่อครั้งก่อน
ตอนนี้โอกาสของเธอหมดไปแล้ว” ศรันย์พูดยืนยันคำเดิมอีกรอบ
และก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ
ประตูห้องประชุมก็ถูกเคาะและเปิดพรวดเข้ามา
ทุกคนภายในห้องหันไปมองผู้มาใหม่เป็นตาเดียว และต่างพากันสงสัยในการปรากฏตัวของชายหนุ่มในครั้งนี้
[1]ว.2
คือ รหัสวิทยุสื่อสาร หมายถึง ได้ยินหรือไม่/ได้ยินแล้ว
*************************
สงสัยปีนี้จะปีชงของหนูรุ้ง งานเข้ารัวๆเลยช่วงนี้
มาส่งกำลังใจให้หนูรุ้งผ่านมรสุมลูกนี้กันค่ะ
...คีตมินทร์...
ความคิดเห็น