ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สร้างรัก [ มี Ebook ]

    ลำดับตอนที่ #3 : สร้างรัก...บทที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 62


    บทที่ 3

    วันที่สองของการทำงานปัถยาก็มาเช้าไม่ต่างจากวันแรก แต่วันนี้หญิงสาวไม่ต้องนั่งรอให้มีคนมาเปิดออฟฟิศให้เหมือนวันก่อน เพราะก้องภพได้ให้กุญแจออฟฟิศกับเธอแล้ว เมื่อมาถึงไซต์งานเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวก็เดินขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปยังออฟฟิศทันที ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ไขกุญแจ ประตูบานใหญ่ก็ถูกกระชากเปิดโดยบุคคลด้านใน เผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ของชวกรที่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นเช่นเคย

    “สวัสดีค่ะนายช่าง” ปัถยากล่าวทักทายพร้อมกับรอยยิ้มเช่นเคย

    ด้วยใบหน้าที่ดูเฉยเมยไร้ความรู้สึก บวกกับท่าทางนิ่งๆ ไม่แยแสต่อคนรอบข้างและท่าทางดูจริงจังตลอดเวลาของเขา ทำให้หญิงสาวไม่กล้าเรียกเขาว่า พี่เหมือนเรียกคนอื่นๆ จึงเรียกเขาว่า นายช่างเหมือนกับคนงานแทน ซึ่งเขาเองก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจว่าเธอจะเรียกเขาแปลกแยกจากคนอื่นๆ

    “สวัสดี” ชวกรตอบรับสั้นๆ พร้อมขยับเปิดทางให้หญิงสาวเข้ามาด้านในออฟฟิศ

    เมื่อเข้ามาแล้วปัถยาก็นำกระเป๋าสัมภาระไปเก็บในลิ้นชักโต๊ะของตนเองที่อยู่มุมทางเข้าห้องครัว

    “นายช่างคะ กิจกรรมเซฟตีทอล์กจัดตรงไหนเหรอคะ”

    เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนใหม่ถามถึงสถานที่สำหรับหนึ่งในงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน ซึ่งเป็นกิจกรรมการรวมตัวกันของผู้ปฏิบัติงานเพื่อพูดคุยในเรื่องความปลอดภัยก่อนเริ่มทำงาน ด้วยเมื่อวานกวีแจ้งเธอแค่ว่าทุกเช้าวันอังคารและวันศุกร์มีกิจกรรมเซฟตีทอล์กก่อนเริ่มงานแต่ไม่ได้บอกสถานที่

    “บริเวณหน้าแรมพ์ของโซนเอ ที่พี่โจ้พาคุณไปดูเมื่อวาน จำได้ไหม”

    “อ๋อ จำได้ค่ะ”

    “คุณจะลงไปเลยไหม หรือว่าจะกินข้าวก่อน” ชวกรถามพลางมองไปที่ถุงกับข้าวที่หญิงสาวหิ้วมาวางไว้บนโต๊ะ ปัถยายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาก่อนให้คำตอบชายหนุ่ม

    “รุ้งขอกินข้าวก่อนละกันค่ะ เดี๋ยวตามลงไป”

    “ผมลงไปรอข้างล่างละกัน” ชายหนุ่มบอกขณะเดินไปหยิบหมวกนิรภัยและเสื้อสะท้อนแสงที่วางอยู่บนโต๊ะใหญ่กลางห้อง ก่อนจะเดินออกจากออฟฟิศไป

    ระหว่างปัถยากินข้าวคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยมาจนครบทุกคน หลังกินข้าวเสร็จหญิงสาวก็สวมเสื้อสะท้อนแสงสวมหมวกนิรภัยแล้วลงไปข้างล่างพร้อมกับก้องภพที่ถือโทรโข่งไปด้วย และตามด้วยโฟร์แมนอีกสามคน ไปสมทบกับชวกรที่ลงไปเรียกคนงานมารวมตัวกันสำหรับกิจกรรมเซฟตีทอล์กประจำสัปดาห์

     

    “มากันครบรึยัง รีบจัดแถวเร็ว วันนี้ผมมีสาวสวยมาแนะนำให้รู้จัก”

    ก้องภพส่งเสียงผ่านเครื่องโทรโข่ง และเมื่อได้ยินคำว่า ‘สาวสวย’ คนงานนับร้อยที่นั่งกันอย่างกระจัดกระจายต่างรีบวิ่งมารวมตัวกัน และเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในพริบตา จากนั้นก้องภพก็ให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนใหม่แนะนำตัวให้คนงานได้รู้จัก

    “สวัสดีค่ะพี่ๆ พนักงานทุกคน ดิฉันชื่อปัถยา สุรบุตร ชื่อเล่นรุ้งค่ะ เป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนใหม่ของที่นี่ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” หญิงสาวกล่าวจบก็ส่งยิ้มหวานให้กับคนงานทุกคนที่มีทุกเพศทุกวัย

    “ทุกคนรู้จักน้องเขาแล้วนะ ต่อไปน้องเขาจะมาดูแลงานด้านความปลอดภัยแทนคุณสุชาติที่ลาออกไป เวลาน้องเขาบอกเขาเตือนอะไรก็ฟังน้องเขาด้วย ใครดื้อใครไม่ทำตามผมให้สิทธิ์น้องเขาจัดการได้เต็มที่”

    ผู้จัดการโครงการกำชับคนงานของตนก่อนจะให้ปัถยาพูดคุยกับคนงานต่อ ซึ่งหญิงสาวก็พูดเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานโดยทั่วไป ซึ่งในขณะพูดคุยคนงานต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการซักถามข้อสงสัย มีการโต้ตอบเมื่อหญิงสาวตั้งคำถาม เมื่อเรื่องที่เตรียมมาได้พูดไปหมดแล้ว และถึงเวลาเริ่มทำงานของคนงานแล้ว ปัถยาจึงจบกิจกรรมของวันนี้เพียงเท่านี้ โดยก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานก็ไม่ลืมที่จะเปิดโอกาสให้คนงานได้ซักถามในเรื่องที่สงสัย

    “ใครมีคำถามอะไรอีกไหมคะ” เซฟตีสาวสวยกรอกเสียงลงไปในเครื่องโทรโข่ง ก่อนสายตาจะหยุดอยู่ที่คนงานวัยรุ่นคนหนึ่งที่ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีข้อสงสัย

    “เซฟตีมีแฟนหรือยังครับ”

    ชายหนุ่มตะโกนถามเสียงดัง ซึ่งเป็นคำถามที่เรียกเสียงฮือฮาได้ดีทีเดียว และดูเหมือนคำถามนี้จะตรงใจใครหลายๆ คนในที่นี้เสียด้วย สังเกตจากชายหนุ่มแทบทุกคน ทั้งคนงาน ทั้งสตาฟของทุกบริษัทภายในโครงการต่างลุ้นรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ยกเว้นโฟร์แมนหน้ายักษ์ ที่ไม่ได้สนใจจะอยู่รอฟังคำตอบเหมือนคนอื่นๆ เพราะมันไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตเขา อีกอย่างคำตอบนี้เขารู้อยู่แล้วจากเหตุการณ์เมื่อวานตอนเย็น แต่แล้วสิ่งที่เขาได้ยินจากปากหญิงสาวกลับทำให้เขาต้องชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดินออกจากลานกิจกรรม ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนใหม่อย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

    “ยังไม่มีค่ะ” ปัถยาตอบเสียงดังฟังชัด แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครเชื่อสักเท่าไร ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เข้าขั้นสวย ไหนจะความมีอัธยาศัยนั่นอีก  

    จบประโยคของปัถยาชวกรถึงกับแค่นยิ้ม “ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้กันทุกคนสินะ พออยู่ลับหลังแฟน ใครถามก็ต้องบอกว่าโสดไว้ก่อน เมื่อวานยังเห็นมารับกันถึงหน้าไซต์งาน ทั้งยังส่งสายตาหวานซึ้งให้กันอีกตั้งนานสองนาน เธอคงจะเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยรู้จัก ผู้หญิงที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ สภาพที่มีชีวิตแต่ไร้หัวใจ”

     

    “พูดจริงหรือพูดเล่นเนี่ยน้องรุ้ง ที่ว่ายังไม่มีแฟน” วิษณุ โฟร์แมนงานตกแต่งภายในอีกคนหนึ่งของบริษัทออกปากถามขณะเดินตามหญิงสาวเข้าไปในไซต์งาน

    “จริงสิคะพี่นุ ทำไมถึงคิดว่ารุ้งพูดเล่นล่ะคะ”

    “ก็น้องรุ้งน่ารักขนาดนี้ จะเป็นไปได้ยังไงที่ยังไม่มีแฟน แล้วเมื่อวานพี่เห็นน้องรุ้งขึ้นรถไปกับผู้ชายคนหนึ่ง พี่นึกว่าเขาเป็นแฟนน้องรุ้งซะอีก” โฟร์แมนหนุ่มพูดไปตามที่คิด และเมื่อได้ฟังคำตอบของเพื่อนร่วมงาน ปัถยาถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ

    “อ๋อ คนนั้นเพื่อนรุ้งเองค่ะ เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก พอดีเขามาทำธุระแถวนี้เลยแวะมารับรุ้งน่ะค่ะ” หญิงสาวเลี่ยงที่จะบอกความจริงกับเพื่อนร่วมงาน เมื่อเห็นว่าไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่จะนำเรื่องส่วนตัวมาป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้

    “งั้นพี่ก็จีบน้องรุ้งได้น่ะสิ” วิษณุพูดหยอกทีเล่นทีจริง ขณะคนถูกถามทำหน้าเหลอหลาไม่รู้ว่าชายหนุ่มแค่ล้อเล่นหรือหมายความตามที่พูดจริงๆ เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาว คนขี้แกล้งก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

    “ดูทำหน้าสิ พี่พูดเล่น พี่มีแฟนแล้ว และรักแฟนมากด้วย” เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของอีกฝ่ายปัถยาถึงยิ้มออก และทำทีเป็นถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “ทีหลังอย่าล้อเล่นแบบนี้อีกนะคะพี่นุ รุ้งตกใจหมด ทำตัวไม่ถูกเลย” ถึงแม้ปัถยาจะเป็นคนอัธยาศัยดี เข้ากับคนได้ง่าย แต่เมื่อไหร่ที่มีคนมาบอกว่าชอบหรือจะจีบเธอ โดยที่เธอไม่ได้มีใจตรงกับคนคนนั้น เธอจะรู้สึกอึดอัด วางตัวไม่ค่อยถูก และจะพยายามเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนคนนั้นทันที

    “โอเค ต่อไปพี่จะไม่ทำให้น้องรุ้งตกใจ แล้วน้องรุ้งจะไปตรงไหน ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”

    “รุ้งว่าจะเข้าไปดูในโซนซีค่ะ แล้วค่อยไล่ออกมาโซนบีและเอ เผื่อในที่ประชุมเขาถามอะไรเกี่ยวกับหน้างาน”

    “จริงสิ วันนี้มีประชุมความปลอดภัย เตรียมข้อมูลไปดีๆ นะน้องรุ้ง เดี๋ยวพี่ก้องแกเล่นงานเอา แกยิ่งมีอคติกับบริษัทเราอยู่ด้วย” วิษณุเตือนเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนใหม่ที่ยังไม่รู้ฤทธิ์เดชของศรันย์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยของบริษัทที่ปรึกษา

    “มีอะไรถามพวกพี่ๆ ได้ทุกคนนะ”

    “ขอบคุณค่ะพี่นุ งั้นรุ้งเข้าไปดูข้างในก่อนนะคะ ชักช้าเดี๋ยวไม่ทันประชุม”

    พูดจบปัถยาก็เดินเข้าไปยังโซนด้านในทันที เมื่อเดินดูและเก็บข้อมูลหน้างานได้พอสมควรหญิงสาวก็กลับขึ้นออฟฟิศ เพื่อเตรียมตัวเข้าประชุมประจำสัปดาห์ กวี ซึ่งเป็นโฟร์แนงานไฟฟ้าและพ่วงตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยที่ลาออกไป รับหน้าที่พาปัถยาเข้าประชุม

     

    “ประชุมเป็นยังไงบ้างรุ้ง พี่ก้องแกสำแดงฤทธิ์อะไรบ้างวันนี้” วิษณุร้องถามทันทีที่ปัถยาก้าวเข้ามาในออฟฟิศ เพราะประชุมทุกครั้งศรันย์เป็นต้องหาเรื่องกดดันและตำหนิเรื่องความปลอดภัยของบริษัทตนอยู่เรื่อย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนเก่าทนไม่ไหว มีเรื่องมีราวกันใหญ่โต จนต้องลาออกไป

    “วันนี้พี่ก้องแกมาแปลกเว้ย ไม่ด่าไม่อะไรกับบริษัทเราเลย” กวีที่เดินตามปัถยาเข้ามาเป็นคนตอบคำถามแทน

    “ไม่น่าเชื่อ แกไม่สบายหรือเปล่าวะ” ก้องภพที่นั่งอยู่โต๊ะหลังห้องพูดขึ้นบ้าง

    “จริงๆ นะพี่ ไม่เชื่อถามรุ้งดูสิ” กวีพยักพเยิดไปทางเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวที่กำลังทรุดลงนั่งประจำที่ของตัวเอง

    “พี่เขาก็พูดปกติดีนะคะ แถมยังอธิบายในเรื่องที่รุ้งยังไม่รู้และให้คำแนะนำอีกตั้งหลายอย่าง” หญิงสาวตอบไปตามที่สัมผัสได้ ซึ่งเธอไม่เห็นว่าศรันย์จะน่ากลัวอย่างที่วิษณุบอกตอนก่อนจะเข้าประชุมเลยสักนิด

    “สงสัยเห็นว่ามีสาวสวยอย่างน้องรุ้งเข้าประชุมด้วย เลยต้องเก๊กเป็นพระเอกสักหน่อย” พิมพา ธุรการสาวท่าทางเปรี้ยวจี๊ดพูดขึ้นบ้าง ซึ่งประโยคดังกล่าวสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งออฟฟิศได้ดีทีเดียว

    “สงสัยจะจริงอย่างคุณพิมพ์ว่า ปกติปากแกนะยิ่งกว่าผู้หญิงอีก ด่าแหลก ไม่สนหน้าอินหน้าพรหมที่ไหน พี่เป็นผู้หญิงพี่ยังอายเลย และที่เซฟตีคนเก่าลาออกไปก็เพราะพี่ก้องนี่แหละ บางทีแกก็เยอะเกิน ด่าแบบไม่มีเหตุผล เอะอะด่าไว้ก่อน โวยวายแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ คุณสุชาติแกเป็นคนไม่ยอมคนเหมือนกัน ในเมื่อแกไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วมาโวยวายแก แรกๆ คุณสุชาติแกก็ไม่ถือสา หลังๆ มาชักจะเยอะ แกเลยสวนกลับไปหนักพอสมควร แล้วมีเรื่องราวกันใหญ่โต จนแกทนไม่ไหว ยื่นใบลาออกไปเมื่อเดือนที่แล้ว อยู่ไปสักพักเดี๋ยวรุ้งก็รู้เองแหละ”

    ศศิธรเห็นด้วยกับพิมพา ก่อนจะร่ายยาวถึงพฤติกรรมของศรันย์ให้ปัถยาฟังอย่างออกรส ทำเอาคนฟังถึงกับคิดหนักกับสิ่งที่ตัวเองจะต้องเผชิญในวันข้างหน้า  

    “พอได้แล้วคุณจ๋า คุณก็พูดเกินไป ถ้าหากน้องชิ่งลาออกไปทำไงล่ะทีนี้” ก้องภพยกมือปรามภรรยาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดต่อ ก่อนจะหันไปพูดกับปัถยาที่ตอนนี้สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

    “ไม่ต้องกังวลนะน้องรุ้ง มีอะไรก็ปรึกษาพวกพี่ๆ ได้ อีกอย่ารุ้งเป็นผู้หญิงพี่ก้องแกคงไม่ด่าหรอกมั้ง”

    ก้องภพพูดปลอบลูกน้องคนใหม่ กลัวว่าหญิงสาวจะถอดใจและลาออกไปซะก่อน ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยยิ่งหายากอยู่ด้วย น้อยคนที่อยากมาทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่งานหนักและเรื่องเยอะพอสมควร

    “ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนนะคะที่เป็นห่วงรุ้ง รุ้งไหวค่ะ ไม่ถอยง่ายๆ หรอกค่ะ” ปัถยาบอกออกไปอย่างมาดมั่น ความมุ่งมั่นฉายชัดในแววตา เธอจะต้องทำให้ได้ เธอต้องเอาชนะคำสบประมาทจากแม่เธอให้ได้ เดิมทีแม่ของเธอไม่เห็นด้วยที่ผู้หญิงจะมาทำงานบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายและอันตรายรอบด้าน และแม่ของเธอยังคิดว่าคนอย่างเธอทำงานแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ แต่เธอยังดื้อที่จะทำ และจะทำให้แม่เห็นว่าผู้หญิงอย่างเธอก็ทำงานแบบนี้ได้ไม่แพ้ผู้ชาย

    และอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอจะต้องทำงานที่นี่ให้ได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะที่นี่เพราะให้เงินเดือนเยอะกว่างานแถวบ้านเป็นเท่าตัว เพื่อเธอจะได้มีเงินไปใช้หนี้ให้หมดเร็วๆ แม่เธอจะไม่ได้เลิกยกเรื่องหนี้สินของครอบครัวมาบีบบังคับให้เธอแต่งงานกับคนรวยๆ อย่างพิรภพเสียที

    “เยี่ยมมากน้องรุ้ง ถ้าน้องรุ้งลาออกไป หนุ่มๆ ที่นี่คงห่อเหี่ยวกันน่าดู นานๆ จะมีสาวสวยมาทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยสักที” พงศกร ช่างเขียนแบบหนุ่มเจ้าคารมพูดขึ้นบ้างหลังจากนั่งเคร่งเครียดเขียนแบบอยู่นาน

    “เราจะไม่เลี้ยงต้อนรับน้องใหม่สักหน่อยเหรอครับลูกพี่” พงศกรหันไปถามลูกพี่ พักหลังมานี้งานเร่งมากทำให้พวกเขาห่างหายจากการสังสรรค์ไปนาน

    “จัดเลยพี่โจ้ พวกเราไม่ได้สังสรรค์มาเป็นเดือนแล้วนะ” วิษณุพูดสนับสนุนความคิดของพงศกร

    “ที่ต้องงดสังสรรค์ก็เพราะแกนี่แหละไอ้นุ จัดทีไรเสียงานทุกทีเลยแก”

    จบคำพูดของก้องภพทุกคนในออฟฟิศก็ต่างหัวเราะให้กับคำพูดของผู้จัดการหนุ่ม เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาสังสรรค์กันบ่อยมาก เรียกได้ว่าเกือบทุกวันหลังเลิกงาน แต่แล้วก็มีคำสั่งจากเจ้านายให้พวกเขางดสังสรรค์ เนื่องจากวันไหนมีสังสรรค์กัน วันรุ่งขึ้นวิษณุจะมาทำงานไม่ไหว ทำให้งานในส่วนที่เขารับผิดชอบสะดุด เจ้านายเลยต้องใช้มาตรการเด็ดขาดกับพวกเขา ไม่เช่นนั้นงานคงไม่เสร็จตามสัญญาแน่

    “ตอนนี้ผมเป็นวิษณุคนใหม่แล้วพี่ ไม่มีเมาค้าง ไม่มีเสียงานเหมือนที่ผ่านมาแล้ว ผมเอาหัวเป็นประกันเลย” คนคออ่อนยืดอกพูดด้วยท่าทางจริงจัง

    “ก็ได้ๆ ถ้าพรุ่งนี้แกไม่มาทำงานนะไอ้นุ ฉันจะให้เจ้านายไล่แกออก” ก้องภพตกปากรับคำก่อนจะชี้นิ้วคาดโทษลูกน้องไว้

    “ร้านไหนดีพี่ ร้านที่เราไปล่าสุดไหม สาวแจ่มๆ ทั้งนั้นเลย” พงศกรเสนอพร้อมทำหน้าเคลิ้มเมื่อนึกถึงบรรดาสาวเสิร์ฟของร้านดังกล่าว

    “ไปร้านประจำเราดีกว่า อยู่ติดรถไฟฟ้า จะได้ไปมาสะดวก เย็นนี้ไม่รีบกลับใช่ไหมน้องรุ้ง”

    “ไม่รีบค่ะ”

    “หลังเลิกงานรวมตัวกันหน้าไซต์งานนะทุกคน ใครเจอตรีกับภัทรก็บอกสองคนนั่นด้วยละกัน ลงไปกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว” ก้องภพนัดแนะกับลูกน้องก่อนชวนกันลงไปกินข้าวกลางวันเมื่อเห็นว่าเลยเวลาพักมาพอสมควร

    ***********************

    อ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไงก็บอกกล่าวกันได้นะคะ

    ...คีตมินทร์...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×