ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] TAOBAEK .. It's feeling

    ลำดับตอนที่ #3 : {OS} HBD

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.15K
      3
      22 เม.ย. 57

     

    HBD

    (PG-15)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "อะไรวะเนี่ย.."

     

     

    เสียงทุ้มบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อได้เห็นกล่องพัสดุขนาดใหญ่วางอยู่หน้าห้องพักตัวเองโดยมีการเขียนจ่าหน้าว่ามาจากหม่าม๊าคนสวยที่ชิงเต่า นิ้วยาวเกาหัวตัวเองจนผมสีดำสนิทเสียทรงไปเล็กน้อยอย่างสงสัยว่าเกิดเหตุอะไรให้หม่าม๊าคนสวยคึกส่งอะไรสักอย่างในกล่องที่เขาก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไรมาถึงคอนโดของเขาในเกาหลีแบบนี้

     

    แต่เพราะขี้เกียจจะคิดอะไรมากนักคนได้รับของขวัญเลยออกแรงทั้งดึงและลากเอากล่องพัสดุขนาดใหญ่ที่หนักเหมือนมีคนลงไปนอนอยู่ในกล่องเข้าห้องอย่างทุลักทุเล พอจัดการพากล่องพัสดุขนาดใหญ่เข้าห้องมาได้แล้วหวงจื่อเทาก็กระตุกเอาการ์ดที่ติดอยู่บนกล่องออกมาเปิดอ่าน

     

     

    .. ถึงอาเทาลูกรัก ..

             

    เป็นยังไงบ้างลูก อยู่ที่นู่นสบายดีไหม? หม่าม๊าคิดถึงลูกมากนะ

    ถ้าให้เดาล่ะก็วันเกิดลูกก็คงไม่ได้กลับมาบ้านอีกล่ะสิ เพราะงั้นหม่าม๊าเลยส่งของขวัญไปให้

    หวังว่าลูกจะชอบ สุขสันต์วันเกิดนะเจ้าตัวโตของหม่าม๊า

     

    .. หม่าม๊าคนสวย ..

     

     

    พออ่านข้อความในการ์ดที่ถูกเขียนด้วยลายมือบรรจงของหม่าม๊าคนสวยจบแล้วริมฝีปากหยักก็กระตุกยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงหน้าหม่าม๊าคนสวย เป็นเพราะว่าปีนี้เขาติดงานในช่วงวันเกิดเลยทำให้กลับไปหาหม่าม๊าคนสวยที่ชิงเต่าไม่ได้ หรือถ้าให้พูดง่ายๆก็คือเขามัวแต่ทำงานจนลืมไปแล้วว่าวันที่สองพฤษภาหรือก็คือวันนี้นั้นเป็นวันเกิดของตัวเอง

     

    เมื่อคิดขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้โทรไปขอบคุณหม่าม๊าคนสวยเรื่องของของขวัญที่ยังไม่ได้เปิดดูแล้วมือหนาก็คว้าเอาไอโฟนลูกรักมากดโทรทางไกลหาหม่าม๊าคนสวยที่ชิงเต่า รอปลายสายได้สักพักหม่าม๊าคนสวยก็รับสายอย่างร่าเริง

     

     

    (เหวย ~ ได้ของขวัญแล้วเหรออาเทา)

     

    "ได้แล้วครับ.. หม่าม๊าจะส่งของขวัญมาทำไมไม่บอกผมก่อนล่ะ ผมจะได้รอรับ"

     

    (ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิจ๊ะ คิกคิก..)

     

    "หม่าม๊าก็เซอร์ไพรส์ไปนะครับ กล่องใหญ่ขนาดนี้ค่าส่งคงแพงน่าดู"

     

    (แพงมากเลยล่ะ.. ว่าแต่นี่ลูกเปิดดูรึยังน่ะ?)

     

    "ยังเลยครับ"

     

    (ตายแล้ว ไปเปิดเดี๋ยวนี้เลยนะ เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกกันพอดี)

     

    "หายใจไม่ออก? หม่าม๊าส่งอะไรมาให้ผมล่ะเนี่ย"

     

     

    ริมฝีปากหยักที่กำลังยิ้มกว้างอยู่ค่อยๆหุบยิ้มลงเมื่อได้ยินคำว่าหายใจไม่ออกที่หม่าม๊าคนสวยบอก ในหัวก็คิดจินตนาการไปด้วยว่าหม่าม๊าคนสวยส่งตัวอะไรมาให้เขากันแน่ แต่เพราะความที่กลัวว่าอะไรสักอย่างที่อยู่ในกล่องจะหายใจไม่ออกจริงๆ จื่อเทาเลยรีบวิ่งไปแกะเทปกาวที่พันปิดปากกล่องพัสดุซะแน่นออก

     

     

    'ตัวอะไร' ที่อยู่ในกล่องเลยดันตัวโผล่ออกมาได้ในที่สุด

     

     

    "เฮ้ย!"

     

    (แหน่ะ.. ทำเสียงแบบนั้นแปลว่าชอบล่ะสิ)

     

    "ชอบอะไรล่ะครับหม่าม๊า.. นี่มันคนนะ!"

     

    (ก็ใช่น่ะสิ หม่าม๊าคงจะไม่เอาแมวมาทำลูกสะใภ้หรอกนะ)

     

     

    ตาคมที่จ้องมองของขวัญที่โผล่มาตรงหน้าอย่างตกใจอยู่แล้วกลับเบิกกว้างไปอีกเมื่อได้ยินคำว่าลูกสะใภ้ที่หม่าม๊าคนสวยพูดออกมา แต่ไม่ทันที่จื่อเทาจะได้ตอบอะไรคุณแม่คนสวยไปก็ต้องถึงกับหน้าแดงเมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งโผล่ออกมาจากกล่องนั้นกำลังสำรวจรอบห้องของเขาด้วยแววตาซุกซนแถมยังคลี่ยิ้มออกกว้างจนตาหยีอีกต่างหาก

     

     

    คนอะไรวะ ทำไมน่ารักน่าฟัดขนาดนี้เนี่ย!

     

    เดี๋ยว.. ผิดประเด็นไปนิด

     

     

    "หม.. หม่าม๊าหมายความว่าไงน่ะ"

     

    (ก็หมายความว่าของขวัญที่หม่าม๊าส่งไปให้น่ะ.. คู่หมั้นลูกไงจ๊ะ)

     

    "หา! คู่หมั้น!?"

     

    (เยส ~ .. โอ๊ะ เดี๋ยวหม่าม๊าวางแล้วนะ แบตจะหมด ไว้ค่อยคุยกันนะจ๊ะ รักลูกนะ จุ๊บ!)

     

    "ด.. เดี๋ยวครับหม่าม๊า!"

     

     

    จื่อเทาถึงกับทำหน้าไม่ถูกเมื่อรู้จากปากของหม่าม๊าคนสวยว่าคนน่ารักที่เพิ่งโผล่มาจากกล่องพัสดุขนาดใหญ่นั้นเป็นคู่หมั้นของเขา จะบอกว่างงก็งงที่จู่ๆตัวเองก็ดันต้องมามีคู่หมั้นแถมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก จะบอกว่าโกรธก็โกรธที่หม่าม๊าคนสวยทำอะไรไม่ปรึกษากันเลย

     

     

    แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรเท่าที่ควรแฮะ

     

     

    "นี่.."

     

     

    เสียงไม่ทุ้มต่ำแต่ห้าวที่พอจะทำให้รู้ว่าคนพูดเป็นผู้ชายเรียกให้จื่อเทาที่กำลังสู้รบกับความคิดเพี้ยนๆในหัวตัวเองหันมามองชายเสื้อเชิ้ตที่เจ้าตัวเป็นคนดึงออกเองหลังจากทำงานเสร็จที่บัดนี้กำลังโดนนิ้วเรียวสวยของผู้ชายตัวเล็กข้างตัวกระตุกเรียก พอเงยหน้ามองแล้วจื่อเทาก็แทบจะเป็นลมไปกับความน่ารักโมเอะของคนข้างตัวเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อฮู้ดแขนยาวสีเทาอ่อน กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลหรือแม้แต่ตุ๊กตาแพนด้าตัวอ่อนปวกเปียกในอ้อมแขนเล็กนั่นต่างก็ดูจะเข้ากับคนตัวเล็กนี่ไปซะหมด

     

     

    “ห.. หือ?”

     

    “แบคฮยอนหิวข้าวแล้วอ่ะ..”

     

     

    เจ้าของชื่อแบคฮยอนทำท่าลูบท้องราบของตัวเองที่มีเสียงโครกครากดังออกมาเบาๆด้วยใบหน้าที่แดงด้วยความเขินก่อนจะซุกหัวกลมๆลงกับตุ๊กตาตัวเกือบใหญ่ในอ้อมแขน เล่นเอาคนมองแทบจะวิ่งไปเอาหัวมุดกล่องพัสดุขนาดใหญ่ที่ตอนนี้ว่างเปล่าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่สติที่ยังคงเหลืออยู่พอควรของจื่อเทาทำให้เขาทำได้เพียงแค่เดินไปหยิบเอาอาหารสำเร็จรูปในตู้เย็นที่ยังคงเหลืออยู่ออกมาอุ่นให้คนตัวเล็กที่ยิ้มกว้างจนตาหยีรออยู่ข้างตัว

     

     

    ถ้าไม่เกรงใจข้าวแกงกะหรี่ในไมโครเวฟนี่พ่อจับฟัดไปแล้วนะ..

     

     

    “แล้ว.. คุณเป็นใครน่ะ?”

     

     

    หลังจากสะบัดหัวไล่ความคิดอกุศลในหัวไปได้แล้วจื่อเทาก็ลงมือซักถามประวัติกับคนตัวเล็กที่อยู่ๆก็โผล่มาพร้อมกับคำบอกเล่าของหม่าม๊าคนสวยที่บอกว่าเจ้าตัวเป็นคู่หมั้นของเขา แบคฮยอนที่ได้ยินอย่างนั้นก็หันมาเอียงคอมองจื่อเทาแล้วตอบกลับแบบที่ทำให้เจ้าของห้องที่รอคำตอบอยู่แทบจะมุดหัวตัวเองเข้าเตาไมโครเวฟไปซะ

     

     

    “หือ? แบคฮยอนเหรอ? แบคฮยอนก็เป็นคู่หมั้นของจื่อเทาไง”

     

    “เอ่อ.. ไม่ใช่ ผมหมายถึงคุณมาจากไหน ครอบครัวเป็นใคร ทำงานอะไร แล้วทำไมอยู่ๆถึงโผล่มาแล้วเป็นคู่หมั้นผมได้เนี่ย?”

     

    “อ๋ออ แบคฮยอนมาจากบูชอน อัปป้ากับออมม่าทำธุรกิจ แบคฮยอนกำลังศึกษางานในบริษัทของอัปป้าอยู่ ส่วนเรื่องหมั้นพวกผู้ใหญ่เขาคุยกันตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วล่ะ”

     

     

    จื่อเทาที่กำลังฟังแบคฮยอนตอบคำถามที่ถามไปทีละข้อถึงกับหันขวับมามองหน้าคนน่ารักเมื่อได้ยินเรื่องหมั้นไป เป็นเพราะอาทิตย์ก่อนเขาต้องเคลียร์งานในบริษัทสาขาเกาหลีที่ยังคงติดค้างอยู่จนไม่สามารถกลับจีนไปอย่างที่หม่าม๊าคนสวยต้องการได้เลยทำให้เขาไม่รู้เรื่องการหมั้นอะไรนี่เลย

     

     

    “แล้วคุณ.. ยอมให้ผู้ใหญ่บังคับ?”

     

    “ตอนแรกแบคฮยอนก็ไม่ยอมหรอก แต่พออัปป้าเอารูปจื่อเทาให้แบคฮยอนดูแบคฮยอนก็....”

     

     

    แบคฮยอนที่นึกถึงความรู้สึกแรกที่ตัวเองได้เห็นรูปของจื่อเทาหลายต่อหลายรูปที่คนเป็นพ่อเอาให้ดูก็ถึงกับกัดปากตัวเองไม่กล้าพูดต่อก่อนจะหันไปสนใจกับอาหารสำเร็จรูปที่เพิ่งอุ่นเสร็จ ผิดกับจื่อเทาที่ถึงกับเงิบรับประทานเมื่อได้เห็นท่าทางเหมือนกับจะบอกว่าคนตัวเล็กนั้นตกหลุมรักเขาแค่เพียงได้เห็นรูปที่ทางผู้ใหญ่เอาให้ดูเท่านั้น

     

     

    ตลกเกินไปแล้ว.. มีแบบนี้ด้วยเหรอไงวะโลกนี้

     

     

    “เหอะ.. นี่คุณล้อเล่นกันรึเปล่า”

     

     

    ตาคมนั่งจ้องคนตัวเล็กที่นั่งโซ้ยข้าวหน้าแกงกะหรี่สำเร็จรูปที่ยังร้อนๆอยู่อย่างหิวโหยก็ได้แต่ถามออกไปเพราะโดยส่วนตัวแล้วเขาเป็นคนที่ไม่เชื่อหรือศรัทธาในเรื่องของความรักแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนแบคฮยอนที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักช้อนที่กำลังจะเอาเข้าปากก่อนจะวางลงแล้วทำหน้าจริงจังใส่ทั้งที่ตัวเองก็เขินจะตายที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ให้คนที่ตัวเองหลงรักเพียงแค่เห็นรูปแว้บแรกฟัง

     

     

    “แบคฮยอนพูดจริงนะ”

     

    “นี่คุณ... เรื่องรักแรกพบอะไรนี่มันมีจริงที่ไหนกัน”

     

    “มันมีจริงๆนะ!

     

     

    จื่อเทาถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นท่าทางเหมือนลูกแมวขู่ฟ่อของคนตัวเล็กที่นั่งตรงข้ามกัน แต่คนที่ไม่เชื่อในเรื่องความรักก็ได้แต่หัวเราะขึ้นจมูกก่อนจะพยักหน้าให้คนตัวเล็กไปส่งๆ แบคฮยอนเองเมื่อได้เห็นท่าทางแบบนั้นก็เลยได้แต่ตักข้าวเข้าปากโดยไม่สนใจมองหน้าผู้ชายที่ตัวเองหลงรักเลยแม้แต่นิดเดียว

     

     

    คนใจร้าย!

     

     

    “หึ.. ถ้ามันมีจริงคุณก็พิสูจน์ให้ผมดูหน่อยแล้วกันว่ามันมีอยู่จริงน่ะ”

     

    “ก็ได้.... อีกสี่วันจะถึงวันเกิดแบคฮยอน แบคฮยอนจะทำให้จื่อเทารักแบคฮยอนให้ได้ในสี่วันนี่แหละ!

     

     

     

     

    แบคฮยอนที่เริ่มจะง่วงเพราะความเพลียสะสมตั้งแต่ตอนเช้าที่ถูกเตรียมตัวมาเป็นของขวัญวันเกิดจื่อเทานั้นก็ได้แต่เดินตามหลังเจ้าของห้องเข้าห้องนอนไป พอได้เห็นเตียงเดี่ยวที่ไม่เล็กนักก็ถึงกับทิ้งตัวลงนอนไปทั้งที่ในอ้อมแขนก็ยังคงมีเจ้าตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวเดิมอยู่ เล่นเอาเจ้าของห้องอย่างจื่อเทาได้แต่ส่ายหน้ากับท่าทางเหมือนเด็กสามขวบนั้น

     

     

    "นี่คุณ นอนดีๆสิ นอนกินที่แบบนี้แล้วจะให้ผมไปนอนไหนกัน"

     

    "งืมม..ม..... จื่อเทาก็นอนข้างแบค..ฮยอน..สิ......."

     

    "เฮ้ออ.."

     

    "ฝันดีนะจื่อเทา.... งืมม.."

     

     

    จื่อเทาที่ตอนนี้เริ่มปลงกับเรื่องที่เกิดขึ้นขึ้นมาบ้างก็ได้แต่มองคนที่ดูจะง่วงมากแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะตัดสินใจไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายที่ยังมีกลิ่นเหม็นเหงื่อของตัวเองอยู่ โดยที่ไม่ลืมทำหน้าที่คู่หมั้นที่ดีด้วยการเปิดแอร์ให้คนตัวเล็กได้นอนสบายๆไป

     

    หลังจากจัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วหวงจื่อเทาในชุดนอนอย่างเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นก็หย่อนตัวลงนั่งบนขอบเตียงที่ว่างอยู่ ตาคมก็มองสำรวจใบหน้าหวานของแบคฮยอนที่หลับอยู่ไปด้วย ยิ่งมองก็ยิ่งนึกถึงเรื่องที่แบคฮยอนบอกว่าหลงรักตัวเองตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้าผ่านทางรูปถ่าย

     

     

    มีอยู่จริงที่ไหนกันล่ะเรื่องอย่างนี้

     

     

    คิดได้แบบนั้นริมฝีปากหยักก็ยิ้มเหมือนอยากจะหัวเราะกับเรื่องตลกที่คนตัวเล็กพูด ด้วยเพราะตัวเองเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องความรักอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินจากปากคนตัวเล็กว่ารักแรกพบมีจริงก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อไปใหญ่

     

     

    'อีกสี่วันจะถึงวันเกิดแบคฮยอน แบคฮยอนจะทำให้จื่อเทารักแบคฮยอนให้ได้ในสี่วันนี่แหละ!'

     

     

    เมื่อนึกถึงประโยคที่คนตัวเล็กพูดแล้วก็เหมือนมีอะไรดลใจให้เขาหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะที่ได้รับแจกฟรีตั้งแต่ช่วงปีใหม่มาดู โดยไม่รู้ตัวนิ้วเรียวยาวก็หยิบเอาปากกาที่วางอยู่แถวนั้นมาวาดวงกลมลงไปรอบๆเลขหกของหน้าปฏิทินเดือนพฤษภาคมก่อนจะยิ้มกับตัวเอง

     

     

    จะรอดูแล้วกัน.. คุณคู่หมั้น

     

     

     

     

     

     

    ตาคมหรี่ปรือขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังในยามเช้าเหมือนปกติ มือหนาก็ควานหานาฬิกาตั้งโต๊ะที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงไปด้วยก่อนจะกดปิดลงเมื่อเอื้อมถึง เมื่อตั้งสติได้แล้วจื่อเทาก็กวาดตามองไปรอบห้องนอนที่มีแต่ตัวเองอยู่ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองเพราะคิดว่าสิ่งที่เจอเมื่อคืนเป็นแค่ความฝัน แต่ก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเห็นเจ้าตุ๊กตาหมีแพนด้าที่คนที่คิดว่าอยู่ในความฝันถืออยู่

     

     

    “จื่อเทา แบคฮยอนทำข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ ตื่นได้แล้ว ~

     

     

    ไม่ปล่อยให้ความสงสัยมีอิทธิพลได้นานนักคนน่ารักก็ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของจื่อเทาทั้งที่ตัวเองอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนลายหมีแพนด้าที่จื่อเทาเชื่อว่าเขาไม่มีทางมีมันไว้ประดับห้องแน่นอน

     

     

    “เอามาจากไหน?”

     

    “หือ?”

     

    “ไอ้ผ้ากันเปื้อนนั่นน่ะ เอามาจากไหน”

     

    “อ๋ออ ของแบคฮยอนเอง เมื่อเช้าลูกน้องของอัปป้าเพิ่งเอาเสื้อผ้าแบคฮยอนมาให้แล้วก็ซื้อของสดมาไว้เผื่อทำกับข้าวด้วยนะ”

     

     

    เอาเสื้อผ้ามาให้..

     

     

    “เฮ้ย นี่คุณคิดจะอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอไง”

     

    “อื้อ คุณหม่าม๊าบอกว่าให้แบคฮยอนฝึกดูแลจื่อเทาไว้ก่อนแต่งงานนี่”

     

     

    ได้ยินแบบนั้นแล้วจื่อเทาก็ถึงกับกุมขมับกับความเผด็จการที่มีอย่างเสมอต้นเสมอปลายของหม่าม๊าคนสวย ยิ่งได้เห็นหน้าตาท่าทางน่ารักน่าฟัดแล้วจื่อเทาก็ยิ่งเครียด ไม่ใช่เพราะเขารังเกียจแบคฮยอนอะไรขนาดนั้นแต่เป็นเพราะเขากลัวใจตัวเองซะมากกว่า

     

     

    “ไปกินข้าวกันเร็วจื่อเทา แบคฮยอนหิวแล้วนะ”

     

    “อืม.. ไปก็ไป”

     

     

    คนตัวสูงลากสังขารของตัวเองที่ยังคงมีสภาพคนเพิ่งตื่นอย่างชัดเจนไปหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลอ่อนข้างโต๊ะทานอาหารตัวไม่ใหญ่มากนัก จมูกโด่งสูดดมความหอมของอาหารหลากหลายชนิดบนโต๊ะอาหารอย่างเพลิดเพลินพลางมองประเมินหน้าตาของอาหารพวกนี้ไปด้วย

     

     

    อื้อหือ น่ากินว่ะเฮ้ย

     

     

    “ลองชิมดูนะจื่อเทา แบคฮยอนทำเองหมดเลยนะ ~

     

     

    คนตัวเล็กที่เพิ่งตักข้าวให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นว่าที่สามีเสร็จยิ้มกว้างอวดผลงานของตัวเองที่วางเต็มโต๊ะจนจื่อเทาอดที่จะมองไม่ได้ พอหันกลับมามองอาหารที่วางบนโต๊ะก็เกิดอาการกระเพาะปั่นป่วนจนอดไม่ได้ที่จะตักขึ้นมาชิมสักอย่าง และรสชาติที่ได้รับก็ถูกปากเขาไปหมดทุกอย่างเสียด้วย

     

     

    “อืม.. ก็อร่อยดี”

     

    “จริงนะ? จื่อเทาพูดจริงใช่ไหม?”

     

     

    คนที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารได้แต่พยักหน้าส่งๆไปก่อนจะลงมือจัดการอาหารตรงหน้าด้วยความหิวโหย ตาคมเองก็ยังคงเหลือบมองอาการของว่าที่ภรรยาตัวเล็กที่กำลังนั่งยิ้มจนตาหยีแถมยังหน้าแดงไปด้วยก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ

     

     

    ความจริง.. การมีคู่หมั้นมันก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่แฮะ

     

     

     

     

    เป็นปกติที่ว่าที่ผู้บริหารบริษัทใหญ่อย่างหวงจื่อเทาจะเดินตรวจตราบริษัทก่อนการเข้าไปเคลียร์เอกสารเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบริษัท แต่ในวันนี้กลับดูแปลกตาคนในบริษัทไปเล็กน้อยเมื่อไม่ได้มีแค่ว่าที่ผู้บริหารในชุดสูทอยู่เพียงคนเดียวอย่างปกติแต่กลับมีผู้ชายหน้าตาน่ารักในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเดินตามมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจนคนมองอดยิ้มตามกันไปไม่ได้

     

     

    ก็ปกติพวกเขาเคยเจอแต่หน้าตาโหดสังหารของว่าที่ผู้บริหารนี่นา..

     

     

    “จื่อเทา! อย่าทำหน้าดุตลอดเวลาแบบนั้นสิ ไม่ดีนะรู้รึเปล่า”

     

    “นี่.. ผมจะทำหน้ายังไงแล้วมันเกี่ยวกับคุณที่ไหน”

     

    “เกี่ยวสิ จื่อเทาเป็นคู่หมั้นแบคฮยอนนะ”

     

     

    จื่อเทาอยากจะกุมขมับเป็นรอบรที่สองร้อยกว่าๆของวันเมื่อได้ยินคำตอบที่ฟังดูเอาแต่ใจของแบคฮยอน วันนี้ทั้งวันแบคฮยอนเอาแต่พูดคำๆนี้เมื่อเขาพยายามจะทำอะไรที่ตามใจตัวเองแต่มันดันดูจะขัดตาคุณหนูตระกูลพยอนคนนี้ไปเสียหมด แต่การจะไปเถียงกลับมันก็ไม่ใช่นิสัยของหวงจื่อเทาสักเท่าไหร่ เขาเลยได้แต่มองหน้าแล้วเดินหนีไปที่อื่นแทนทำให้คนตัวเล็กต้องคอยวิ่งตามเขาตลอด

     

    เมื่อเดินตรวจสภาพทั่วไปในบริษัทเรียบร้อยแล้วจื่อเทาก็พาตัวเองกับคู่หมั้นตัวเล็กไปยังห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนสุดของตึก แบคฮยอนที่ยังไม่เคยมาบริษัทของจื่อเทาก็ได้แต่เดินตามคู่หมั้นตัวสูงต้อยๆจนเลขาสาวที่ห้องทำงานอยู่ชั้นเดียวกับจื่อเทาได้มองแล้วแต่ยิ้มอย่างเอ็นดู

     

     

    “เดี๋ยวคุณนั่งรอที่โซฟานะ อยากได้อะไรก็ไปบอกวิคตอเรียเอาแล้วกัน”

     

    “แต่แบคฮยอนอยากช่วยจื่อเทานี่ แบคฮยอนเป็น..”

     

    “คู่หมั้นของผม.. ครับผมรู้ แต่งานนี่งานของผมครับไม่ใช่งานของคุณนะ...คุณคู่หมั้น”

     

     

    ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มยู่ของแบคฮยอนออกอย่างขัดใจเมื่อได้ยินคำพูดเผด็จการของคนตัวสูงกว่าที่ทำหน้านิ่งใส่ ขาเรียวเล็กยอมก้าวไปนั่งจุ้มปุ๊กที่โซฟาสีขาวสะอาดในห้องรับรองที่อยู่ข้างกันกับห้องทำงานของจื่อเทา แบคฮยอนได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟาสีขาวพร้อมทั้งจ้องมองคู่หมั้นของตัวเองผ่านกระจกใสของประตูที่กั้นห้องอยู่อย่างเหม่อลอย

     

     

    เหมือนความฝันเลยที่ได้มานั่งมองคนที่ตัวเองหลงรักตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรกผ่านรูปถ่าย

     

    ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เชื่อเรื่องความรักแบบนี้ก็เถอะ..

     

    แต่แบคฮยอนจะทำให้จื่อเทารักแบคฮยอนให้ได้ภายในสี่วันนี้แหละ!

     

     

     

     

    “เฮ้อ.....”

     

     

    ปวดตาชะมัด

     

     

    นิ้วยาวถอดเอาแว่นสายตาที่สวมเป็นประจำทุกครั้งที่ทำงานออกเมื่อรู้สึกถึงอาการเมื่อยล้าที่ดวงตาก่อนจะค่อยๆเอนตัวลงกับเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่แล้วหลับตาลง แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่จื่อเทาได้หลับตาลงอย่างมีความสุขเพราะครู่ต่อมานั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นๆจากปลายนิ้วเรียวเล็กที่ข้างขมับขวา เมื่อลืมตาขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นแบคฮยอนนั่นเองที่กำลังนวดขมับให้เขาอยู่

     

     

    “ทำไมมือเย็นแบบนี้?”

     

    “อ่ะ.. จื่อเทาตื่นแล้วเหรอ พอดีแบคฮยอนเห็นจื่อเทาดูเหนื่อยๆน่ะก็เล....”

     

    “ถามว่าทำไมมือเย็น”

     

    “ก.. ก็แอร์ห้องนั้นมันเย็นนี่นา...”

     

     

    เมื่อได้ยินคำตอบจากปากเล็กจิ้มลิ้มนั่นแล้วจื่อเทาก็ได้แต่ส่ายหน้าออกมาก่อนจะดึงมือเล็กสองข้างที่อยู่ข้างขมับของตัวเองมากุมเอาไว้ทั้งสองข้างจนคนถูกกุมมือเองก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนมองการกระทำของคนเป็นคู่หมั้นทั้งใบหน้าที่แดงเรื่ออย่างนั้น

     

     

    ฮื่ออ.. จื่อเทาบ้าที่สุด! ไม่รู้เหรอไงว่าแบคฮยอนเขินจะตายแล้วนะ

     

     

    “อุ่นขึ้นรึยัง?”

     

     

    จื่อเทาที่รู้สึกว่านิ้วเล็กๆที่เย็นเฉียบนั้นเริ่มอุ่นขึ้นแล้วก็เงยหน้าขึ้นถามคู่หมั้นตัวเล็กที่ยังคงยืนอยู่ด้านหลังของตัวเอง แบคฮยอนที่เป็นฝ่ายถูกถามก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆแล้วก้มหน้าซ่อนแก้มสองข้างที่แดงเรื่อ แต่ก็คงจะปิดคนที่เห็นใบหน้าหวานในมุมเงยได้ไม่ค่อยมิดเท่าไหร่

     

     

    “อืม.. งั้นไปนั่งรอที่เดิมก่อนแล้วกัน เดี๋ยวทำงานเสร็จจะไปเรียก”

     

     

    แบคฮยอนรู้สึกวูบโหวงในใจขึ้นมาเมื่อเมื่อสองข้างที่ถูกกุมไว้เมื่อกี้ถูกปล่อยออกจนมันตกมาอยู่ข้างลำตัวแต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ว่าอะไรไปนอกจากพยักหน้ารับแล้วเดินกลับไปยังห้องรับรองข้างๆ แต่ยังไม่ทันจะปิดประตูกระจกก็ถูกจื่อเทาเรียกไว้ซะก่อน

     

     

    “เดี๋ยว”

     

    “ห..หือ?”

     

    “หรี่แอร์ลงด้วยล่ะ เดี๋ยวจะหนาวตายซะก่อน”

     

     

     

     

     

     

    “อืมม..”

     

     

    แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ส่องผ่านผ้าม่านสีทึบเข้ามาแยงตาปลุกให้เจ้าของห้องต้องตื่นจากห้วงความฝันแสนหวานอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อหันไปมองนาฬิกาแล้วพบว่าเพิ่งเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าจื่อเทาก็ตัดสินใจล้มตัวลงนอนต่อเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ที่เขาว่างทั้งวัน คิดได้ดังนั้นคนตัวสูงก็ทำท่าจะขยับพลิกตัวไปอีกด้านแต่ก็ติดที่ว่าบนอกกว้างของเขามีหัวกลมๆของใครบางคนนอนหนุนอยู่

     

    ในเมื่อหลับไม่ลงแล้วตาคมเลยลืมขึ้นมองคู่หมั้นตัวเล็กที่ใช้หน้าอกกว้างของเขาแทนหมอนนุ่มที่ถูกเว้นว่างไว้ด้านหนึ่งกับตุ๊กตาหมีแพนด้าที่นอนเป็นซากอยู่ตรงนั้น โดยไม่รู้ตัวก้านนิ้วยาวก็ไล้เรื่อยมาจากเส้นผมสีน้ำตาลเข้มนุ่มมือ จมูกโด่งรั้นที่บ่งบอกว่าเจ้าของดื้อแค่ไหน และมาจบลงที่ปากเล็กจิ้มลิ้มที่เผยอออกเล็กน้อยโดยที่เจ้าของมันหลับไม่รู้เรื่องแต่คนมองกลับต้องกลืนน้ำลายลงคอเมื่อรู้สึกว่ามันดูเชิญชวนให้สัมผัสอย่างประหลาด

     

     

    จนจื่อเทาเองก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสมันลงไปเบาๆทีนึงด้วยริมฝีปากของเขาเอง

     

     

    “งืมม..มมม....”

     

     

    ใบหน้าคมที่ผละออกอย่างอ้อยอิ่งรีบวางศีรษะตัวเองลงบนหมอนใบเดิมแล้วแกล้งทำเป็นหลับเมื่อได้ยินเสียงครางเครือเป็นสัญญาณบอกว่าคู่หมั้นตัวเล็กกำลังจะตื่น แต่ในขณะที่ตายังหลับอยู่นั้นจื่อเทาก็ยังคงแอบฟังเสียงไป

     

    ส่วนแบคฮยอนที่เพิ่งตื่นนั้นก็ได้แต่ขยี้ตาแล้วบิดขี้เกียจก่อนจะหันไปมองเวลาที่นาฬิกา พอเห็นว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้วคนตัวเล็กก็ตั้งใจว่าควรจะลุกขึ้นจากเตียงได้แล้ว ขาเรียวที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงชะงักลงไปเมื่อหันไปมองหน้าคนที่ตัวเองนอนหนุนมาเกินครึ่งค่อนคืนได้แล้วแก้มขาวสองข้างก็พากันสูบฉีดเลือดลมขึ้นมากองกันบนหน้าเมื่อนึกถึงความฝันก่อนตื่นของตัวเอง นั่งนิ่งไปได้สักพักแบคฮยอนก็ตัดสินใจแนบริมฝีปากเล็กลงบนริมฝีปากหยักของจื่อเทาเบาๆแล้วพูดกับคนที่ตัวเองคิดว่าเขาหลับเสียงค่อย

     

     

    “เมื่อกี้แบคฮยอนฝันว่าจื่อเทาจูบแบคฮยอนด้วยนะ”

     

    “....................”

     

    “ถึงมันจะเป็นแค่ฝันแต่แบคฮยอนก็.....เขินมากเลยล่ะ”

     

     

    เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำแล้วปิดลงตามด้วยเสียงน้ำไหลแล้วตาคมก็ลืมขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของแบคฮยอนหรือเป็นเพราะสัมผัสนุ่มๆที่ริมฝีปากตัวเองเป็นครั้งที่สองกันแน่ แต่ตอนนี้จื่อเทารู้แค่ว่าตัวเองกำลังนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนกับเป็นบ้าไปแล้ว

     

     

     

     

    เป็นเพราะว่าอยู่ๆฝนก็พากันเทลงมาเหมือนลืมไปว่าโลกนี้ยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่ทำให้จื่อเทาที่ไม่รู้จะทำอะไรในวันหยุดแบบนี้อยู่แล้วยิ่งไม่รู้ว่าจะทำอะไรเข้าไปอีก แบคฮยอนที่เพิ่งจัดการทำความสะอาดจานอาหารเสร็จแล้วเดินตามมานั่งที่โซฟาเลยชวนให้คู่หมั้นตัวสูงดูหนังเป็นเพื่อน ซึ่งจื่อเทาเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะตัวเองก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน

     

    ถือว่าเป็นโชคดีและก็เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของจื่อเทาเหมือนกันที่คู่หมั้นตัวเล็กเลือกดูหนังแอ็คชั่นมากกว่าที่จะดูหนังรักหวานแหววที่เขาซื้อมาผิดเรื่องและไม่ชอบเอาซะเลย ตาคมแอบเหลือบมองคนตัวเล็กข้างตัวที่นั่งกอดตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวเดิมเอาไว้แล้วนั่งดูหนังในจอทีวีด้วยสีหน้าที่หลากหลายจนคนแอบมองอย่างจื่อเทาเองก็อดที่จะแอบอมยิ้มตามไม่ได้

     

              เหมือนว่าฟ้าฝนที่กระหน่ำอยู่แล้วจะทนเห็นฉากหวานแหววไม่ได้เลยพัดพาฝนมาตกกระหน่ำเข้าไปอีกจนไฟเกิดดับขึ้นมาเสียอย่างนั้นจนเจ้าของห้องต้องเดินไปหาไฟฉายที่เก็บไว้ตรงไหนของห้องก็ไม่รู้ แบคฮยอนที่นั่งกอดตุ๊กตาดูหนังอยู่ในตอนแรกก็ได้แต่หันไปมองรอบตัวอย่างสงสัยแต่ก็ถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังมาจากด้านนอก

     

               

                “จ.. จื่อเทา...”

     

     

                จื่อเทาที่เพิ่งเจอไฟฉายเมื่อได้ยินเสียงแบคฮยอนที่ดูสั่นแปลกๆก็เกิดสงสัยรีบเดินออกมาดูก่อนจะพบว่าคนที่นั่งกอดตุ๊กตาดูหนังสบายใจอยู่เมื่อครู่มีท่าทางตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อมองใกล้ๆแล้วก็พบว่าใบหน้าหวานไม่มีน้ำตาอย่างที่เขาคิดแต่แขนเรียวที่กอดตุ๊กตาหมีแพนด้าอยู่กำลังกระชับเจ้าตัวขอบตาคล้ำในอ้อมแขนเสียแน่น ขาเรียวที่ปล่อยตามสบายก็ยกขึ้นมาชันเข่าเอาไว้บนโซฟาทั้งสองข้าง

     

     

                “แบคฮยอน เป็นอะไรไหม”

     

                “ม...ไม่.. แบคฮยอนไม่เป็นไร แบคฮยอนแค่ตกใจเฉยๆ”

     

     

                จื่อเทาที่สังเกตดูท่าทางที่สงบลงแล้วของแบคฮยอนก็ได้แต่แอบชื่นชมคู่หมั้นตัวเล็กที่ดูจะเข้มแข็งกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นคู่หมั้นตัวเล็กนั้นจื่อเทาเองก็แอบเผลอคิดไปว่าแบคฮยอนนั้นดูท่าทางน่ารักน่าทะนุถนอม แต่สิ่งที่เห็นกลับกลายเป็นว่าคู่หมั้นตัวเล็กนั้นดูเป็นคนที่เก็บความอ่อนแอไว้ได้ดีกว่าที่คิด

     

                แต่เหมือนจะยังไม่สาแก่ใจท้องฟ้าเบื้องบน หลังจากที่คนตัวเล็กหายตกใจแล้วฟ้าผ่าอีกระลอกก็ตามมาให้ตกใจซ้ำอีกรอบจนมือเล็กต้องเลื่อนมาปิดหูตัวเองไว้ปล่อยให้ตุ๊กตาหมีแพนด้าที่กอดไว้ร่วงลงบนพื้นห้อง จื่อเทาที่เห็นแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้ แขนยาวดึงเอาตัวคนตัวเล็กที่ยังมีท่าทางตกใจอยู่มากอดเอาไว้เหมือนต้องการจะปลอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะระยะห่างที่น้อยลงหรือยังไงกันแน่ที่ทำให้เขาสามารถได้ยินเสียงหัวใจของคนตัวเล็กที่เต้นแรงแข่งกับเสียงฝน

     

     

                จื่อเทาเองก็มัวแต่ฟังเสียงนั้นจนไม่รู้ตัวว่าตัวเองก็กำลังใจเต้นแรงเหมือนกัน

     

     

     

     

                "ฝันดีนะ ~"

     

                "อืม"

     

     

                จื่อเทาที่ล้มตัวลงนอนบนเตียงด้านนอกตั้งแต่แรกแล้วได้แต่ส่งเสียงในลำคอรับไปเมื่อได้ยินคำอวยพรให้ฝันดีเป็นคืนที่สามแล้ว แบคฮยอนที่เห็นท่าทางอย่างนั้นก็ได้แต่ยิ้มตาหยีให้เหมือนเดิมก่อนจะล้มตัวลงนอนบนหมอนใบเดียวกับจื่อเทาเพราะทั้งห้องนี้มีหมอนแค่ใบเดียว แขนเรียวควานหาเจ้าตัวขอบตาดำที่มักจะกอดติดตัวเวลาอยู่บ้านแล้วหยิบมากอดก่อนจะหลับตาพริ้ม แต่ก็ต้องตื่นขึ้นเพราะเสียงทุ้มของคนที่นอนข้างๆซะก่อน

     

               

                "นี่"

     

                "ห.. หือ??"

     

                "พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน"

     

     

                ตากลมเล็กกระพริบปริบๆเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองที่ได้ยินว่าคู่หมั้นตัวสูงที่ดูไม่ค่อยเต็มใจอยากเป็นคู่หมั้นตัวเองสักเท่าไหร่กำลังชวนตัวเองไปเที่ยวก่อนจะอมยิ้มกับตัวเองในความมืด ภายในหัวของแบคฮยอนก็คิดถึงสถานที่ที่คิดว่าคู่หมั้นตัวสูงที่จะพาไปด้วยโดยที่ไม่รู้ว่าคนชวนเองก็แอบอมยิ้มอยู่เหมือนกัน

     

     

                ถือว่าให้เป็นของขวัญก่อนวันเกิดแล้วกัน..

     

     

     

     

     

     

                "อ่า.. มีงานด่วนเหรอ"

     

                (ก็ประมาณนั้น พอดีมีปัญหากับลูกค้ารายสำคัญนิดหน่อย)

     

     

                ถ้าจื่อเทายังคงอยู่ที่ห้องในตอนนี้คงจะได้เห็นใบหน้าหวานที่ดูเซื่องซึมไปอย่างเห็นได้ชัด เป็นเพราะเมื่อคืนแบคฮยอนเกิดอาการนอนไม่หลับทำให้เช้านี้ตื่นสายกว่าปกติและเมื่อตื่นมาก็พบว่าคนเป็นคู่หมั้นหายไปจากห้องแล้ว ทิ้งไว้แต่กระดาษโพสต์อิทแผ่นเล็กที่แปะอยู่บนหน้าผากของตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวโปรดมีใจความว่ามีงานด่วนเข้ามา เล่นเอาคนตัวเล็กถึงกับหงอยไปเลยทีเดียว

     

     

                "งั้น...ตั้งใจทำงานนะ"

     

                (อืม อยู่คนเดียวก็ดูแลตัวเองด้วย อย่าเปิดประตูให้ใครเข้าห้องซี้ซั้ว)

     

                "อื้ม แบคฮยอนรู้น่า"

     

                (อืม... ขอโทษนะที่ผิดนัด)

     

                "ไม่เป็นไรหรอก ก็จื่อเทามีงานด่วนนี่นา"

     

                (......เย็นนี้ทำกับข้าวไว้ให้หน่อย จะกลับไปกิน)

     

                "อื้อ! จื่อเทาอย่ากลับดึกนะ แบคฮยอนเป็นห่วง"

     

                (ครับ งั้นวางล่ะนะ)

     

     

                เสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่ตัดไปก่อนแบคฮยอนจะได้ตอบอะไรบ่งบอกว่าคนที่โทรมาหาในตอนแรกนั้นกำลังจะกลับไปลุยงานต่อ เสียงถอนหายใจเล็กๆดังขึ้นภายในห้องคอนโดที่ดูจะกว้างเกินไปเมื่อมีคนอยู่เพียงคนเดียว แขนเรียวกระชับเจ้าตัวตาคล้ำในอ้อมแขนก่อนจะพาสารร่างตัวเองไปนั่งจุ้มปุ๊กที่หน้าทีวีเพราะยังไม่รู้สึกหิวในช่วงเช้า นิ้วเรียวกดเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย

     

               

                ตัดภาพมาที่ทางฝ่ายจื่อเทาที่กำลังเจอกับกองเอกสารกองใหญ่กับเลขาสาวที่ทำหน้าลำบากใจเพราะนี่มันก็เป็นวันหยุดของเธอเหมือนกัน ใบหน้าสวยของเลขาสาวได้แต่ยิ้มเจื่อนๆให้กับเจ้านายที่ดูจะอารมณ์เสียไม่น้อยแตกต่างกับตอนคุยโทรศัพท์กับคู่หมั้นตัวเล็กโดยสิ้นเชิง

     

     

                "คุณจื่อเทาคะ ใจเย็นๆนะคะ"

     

                "อืม.. งั้นผมใจเย็นแล้วเอาเงินเดือนคุณมาให้พนักงานคนอื่นดีไหม?"

     

                "ม.. ไม่ดีค่ะ..... "

     

     

                ความจริงแล้วจื่อเทาก็แค่แกล้งพูดไปอย่างนั้นเพราะเลขาสาวก็ไม่ได้ทำหน้าที่ผิดอะไรเลยแต่เป็นเพราะงานที่กองสุมกันนี่ต่างหาก แถมพอเขานึกถึงหน้าของคนตัวเล็กที่คงจะผิดหวังพอสมควรเพราะเขาดันไปเบี้ยวนัดโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วก็รู้สึกแย่ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุพาลให้รู้สึกหงุดหงิดตัวเองขึ้นมาได้ง่ายๆแบบนี้

     

     

                แปลกดีที่เวลาแค่สามวันพยอนแบคฮยอนก็ทำให้หวงจื่อเทาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

     

     

                ใช้เวลาไม่นานมากนักว่าที่ผู้บริหารอย่างจื่อเทาก็เคลียร์เอกสารกองโตเสร็จ คนตัวสูงบอกลาเลขาสาวที่มาช่วยงานก่อนจะขอตัวกลับบ้านในเวลาบ่ายคล้อย เพราะเห็นว่ายังเป็นเวลาที่ไม่เย็นมากนักคนตัวสูงเลยคิดว่าจะหาซื้ออะไรสักอย่างกลับไปฝากคู่หมั้นตัวเล็กเพื่อขอโทษที่เบี้ยวนัดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้ดี จนกระทั่งตาคมเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในระหว่างทางกลับบ้านถึงได้นึกออกว่าจะให้อะไรกับคนตัวเล็กดี มือหนาหยิบไอโฟนที่วางไว้บนเบาะข้างคนขับขึ้นมากดโทรหาคนตัวเล็กทันทีที่คิดออก

     

     

    (ยอบอเซโย จื่อเทาจะกลับแล้วเหรอ?)

     

    “ใกล้ถึงแล้วต่างหาก”

     

    (ย๊า.. ทำไมไม่รีบโทรมาก่อน แบคฮยอนยังไม่ได้ทำอะไรไว้รอเลย)

     

    “เอาน่า ไม่ต้องรีบ.. แค่นี้นะ โทรมาบอกเฉยๆ”

     

    (อื้อ ขับรถระวังๆนะ)

     

    “โอเคครับ”

     

     

     

     

    ทันทีที่ถึงห้องจื่อเทาก็ถึงกับหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นแบคฮยอนในชุดผ้ากันเปื้อนลายหมีแพนด้าผืนเดิมที่ยืนหันหลังให้เขาเพราะยังทำอาหารไม่เสร็จ มือหนาปลดเอาเสื้อสูทที่ใส่ทับตัวอยู่ออกก่อนจะแอบย่องไปดูคนตัวเล็กว่ากำลังทำอะไรอยู่ก่อนจะแอบอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจคนซุปในหม้อของคนตัวเล็ก

     

     

    “หืม.. หอมจัง”

     

     

    เสียงทุ้มหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางตกใจของคู่หมั้นตัวเล็กก่อนจะเดินหนีไปนั่งรอที่โต๊ะทานอาหาร ระหว่างรอตาคมก็แอบเหลือบมองท่าทางของคนตัวเล็กไปด้วยเป็นระยะๆพลางคิดไปด้วยว่าถ้าคนตัวเล็กรู้ว่าเขาจะไถ่โทษที่เบี้ยวนัดแบบไหนแล้วจะมีสีหน้ายังไง

     

    ทันทีที่จื่อเทากับแบคฮยอนจัดการอาหารที่วางเรียงรายบนโต๊ะเสร็จแล้วคนตัวเล็กก็ได้แต่สงสัยว่าสิ่งที่คู่หมั้นตัวสูงพูดไว้นั้นหมายความว่ายังไง เพราะพอจะถามจื่อเทาก็รีบเดินหนีไปอาบน้ำซะก่อนโดยให้เหตุผลว่าร้อน คนตัวเล็กเลยได้แต่มาจัดการทำความสะอาดจานอาหารที่วางบนโต๊ะแล้วนึกไปด้วย

     

     

    “ยังไม่ไปเปลี่ยนชุดอีกเหรอ? บอกแล้วไงว่าจะพาไปข้างนอก”

     

    “แล้วจื่อเทาจะพาแบคฮยอนไปไหนอ่ะ?”

     

    “เอาน่า เดี๋ยวก็รู้ แต่งตัวเหมือนออกข้างนอกธรรมดาก็พอ”

     

     

    ได้ยินอย่างนั้นแล้วแบคฮยอนก็ได้แต่ทำหน้าสงสัยกว่าเดิมก่อนจะยอมเดินไปหาชุดเปลี่ยนในห้อง จื่อเทาที่เห็นคนตัวเล็กทำปากยู่เหมือนเด็กอยากรู้คำตอบก็ได้แต่อมยิ้มให้กับท่าทางอย่างนั้นก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อเห็นคนตัวเล็กในชุดเสื้อฮู้ดแขนยาวกับกางเกงยีนส์เดินออกมา

     

     

     

     

    ตากลมเล็กกระพริบปริบๆเมื่อรู้ว่าคนที่พาเขาขับรถวนไปมาแทบจะรอบเมืองเมื่อสักครู่กำลังทำเซอร์ไพรส์เขาด้วยการพามาชมบรรยากาศริมแม่น้ำฮันตอนกลางคืนแบบนี้ ริมฝีปากเล็กเผยรอยยิ้มกว้างออกมาจนตาหยีให้กับคู่หมั้นตัวสูงจนอีกฝ่ายทำตัวไม่ถูกได้แต่แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้เพราะกลัวเสียฟอร์ม

     

     

    ถึงแม้ว่าในใจจะแอบยิ้มอย่างดีใจก็เถอะ

     

     

    “นี่ก็.. ถือว่าไถ่โทษที่ผิดนัดแล้วกัน”

     

    “คิก ขอบคุณนะจื่อเทา แบคฮยอนชอบมากเลยล่ะ”

     

     

    คนตัวเล็กกว่าเขย่งตัวขึ้นหอมแก้มคู่หมั้นตัวสูงทันทีที่พูดจบก่อนจะออกเดินนำไปก่อนเลยไม่ทันได้เห็นหน้าเหวอๆของคู่หมั้นตัวสูงที่ตอนนี้กำลังเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม ขายาวก้าวเดินตามคู่หมั้นตัวเล็กที่เดินอมยิ้มอย่างน่ารักไปเรื่อยๆจนเดินทันกันก่อนที่มือหนาจะค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจับจูงมือเรียวเล็กโดยไม่รู้ตัว

     

     

    “หนาวไหม?”

     

    “ก็นิดหน่อย แต่แบคฮยอนทนได้อยู่แล้ว”

     

    “ตัวเล็กนิดเดียวมาทำเป็นเก่ง”

     

     

    ใบหน้าหวานของแบคฮยอนหันมาแยกเขี้ยวใส่คู่หมั้นตัวสูงที่พูดประโยคทำร้ายจิตใจก่อนจะแกล้งบีบมือที่กุมกันอยู่แรงๆ แต่เหมือนว่าคนแรงเยอะกว่าจะอยากแกล้งคนตัวเล็กพอสมควรเลยบีบมือกลับไปอย่างไม่ยอมกันเท่าไหร่จนคนตัวเล็กหลุดร้องโอ๊ยออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บ

     

     

    “จื่อเทาใจร้าย! แบคฮยอนเจ็บนะ”

     

    “แรงน้อยเองนี่.. ไหน มาดูหน่อย”

     

     

    มือหนาดึงมือเรียวสวยขึ้นมาดูใกล้ๆก่อนจะเห็นว่ามีเพียงแค่รอยแดงนิดๆจากแรงบีบของเขาเอง จื่อเทาค่อยๆใช้นิ้วโป้งไล้เกลี่ยลงบนรอยแดงเบาๆก่อนจะเป่าลงไปเบาๆบนรอยแดงนั้นเหมือนที่หม่าม๊าคนสวยเคยทำเมื่อตอนเขาเป็นเด็ก ซึ่งการกระทำอย่างอ่อนโยนแบบนั้นยิ่งทำให้คนตัวเล็กยิ่งทำตัวไม่ถูก

     

     

    จื่อเทาใจดีกับแบคฮยอนอีกแล้ว..

     

     

    “แบคฮยอน”

     

    “หือ..?”

     

    “ผมแพ้คุณแล้ว”

     

    “แพ้? แพ้อะไร?”

     

    “เฮ้อ.. สี่วันที่คุณบอกไว้ไง”

     

    “..............”

     

    “ผมยอมแพ้แล้ว.. รักแรกพบของคุณมันมีอยู่จริงด้วยแฮะ”

     

     

    จื่อเทาที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าของแบคฮยอนที่แดงเรื่อบวกกับตาเรียวที่สั่นไหวก็รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดอะไรสักอย่าง มือที่ยังคงกุมกันอยู่ก็ยิ่งกระชับกันแน่นขึ้นเมื่อใบหน้าคมขยับเคลื่อนมาใกล้ขึ้นจนจมูกของทั้งคู่เคลื่อนมาชนกัน แต่ริมฝีปากที่กำลังจะได้สัมผัสกันก็ต้องผละออกเมื่อรู้สึกได้ถึงหยดน้ำฝนเย็นๆที่ตกลงมากระทบแก้ม

     

    ทันทีที่ฝนเริ่มกระหน่ำลงมาคนทั้งคู่ก็พากันวิ่งมาจนถึงรถที่จอดไว้แถวนั้นพอดี ภายในตัวรถที่ตอนขามามีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของแบคฮยอนกับเสียงทุ้มที่ตอบเป็นพักๆของจื่อเทาก็กลับเงียบลงไป ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนแล้วคลายตัวออกเมื่อพยายามเลิกคิด

     

     

    “....แบคฮยอน”

     

    “ห.. หือ?”

     

     

    คนตัวเล็กหันมาหาคู่หมั้นตัวสูงที่ฝั่งคนขับเมื่อได้ยินเสียงเรียก แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรมากไปกว่านั้นริมฝีปากเล็กก็ถูกทาบทับด้วยริมฝีปากหยักของคนเป็นคู่หมั้น ตาเรียวเบิกกว้างขึ้นก่อนจะหลับลงเมื่อสบเข้าดวงตาคมของอีกฝ่าย

     

              มือหนาเองก็คอยประคองใบหน้าหวานไว้ให้รับสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากหยักจนริมฝีปากเล็กนั้นยอมโอนอ่อนตามอย่างไม่ประสีประสาแต่คนนำนั้นก็รู้ดีและค่อยๆพาให้คนตามขยับริมฝีปากตามอย่างเชื่องช้าก่อนจะรุกล้ำเข้ามอบความอุ่นหวานให้แก่ริมฝีปากเล็กจนมันสั่นระริก มือเรียวสวยที่จิกกำลงบนชายเนื้อผ้านิ่มของเสื้อยืดค่อยๆเลื่อนขึ้นมาทาบลงบนไหล่กว้างก่อนจะตีลงไปเบาๆเมื่อต้องการอากาศหายใจ

     

     

    “จ... จื่อเทารักแบคฮยอนแล้วใช่ไหม?”

     

     

    ใบหน้าหวานเอียงคอมองคนตัวสูงกว่าอย่างสงสัย ตาเรียวกระพริบปริบๆก่อนที่ริมฝีปากที่ยังคงแดงบวมขึ้นเล็กน้อยจะคลี่ยิ้มหวานจนตาหยี เล่นเอาคนมองถึงกับกุมขมับเพราะดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะปล่อยรังสีโมเอะใส่เข้าอีกแล้ว ทั้งหน้าที่แดงเรื่อจากเหตุการณ์เมื่อครู่บวกกับปากที่แดงเรื่อนั้นทำให้คนมองแทบจะเหยียบคันเร่งรถพุ่งลงแม่น้ำฮันให้รู้แล้วรู้รอดไปซะเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้ให้กับคนตัวเล็กนี่จนหมดท่า

     

     

    ใช่ เขาแพ้แล้ว

     

     

    “ครับ ผมรักคุณ... ของขวัญของผม”

     

     

    เขาคงต้องขอบคุณหม่าม๊าคนสวยสำหรับของขวัญสุดพิเศษปีนี้แล้วล่ะ

     

     

    “คิก.. แบคฮยอนก็รักจื่อเทานะ ของขวัญของแบคฮยอน!

     

     

    สุขสันต์วันเกิดหวงจื่อเทา

     

    สุขสันต์วันเกิดพยอนแบคฮยอน

     

    สุขสันต์วันเกิด... ความรักของเรา

     

     

     

     

     

     

     

     

    END

     

     

     

                                                                                       

    .. TALK ..

    ฟิคพิเศษเพื่อพี่น้องเนื้อวัวโดยเฉพาะ (ได้แบคฮยอนเวอร์ชั่นนี้ติดบ้าน ฮรื้อออ)

    เร่งแต่งสุดชีวิตเพื่อให้ทันวันเกิดเมนเพราะพลาดวันเกิดรองเมนไปแล้ว T v T

    ตอนแรกคิดว่าจะไม่ทันแล้ว เพราะเพิ่งได้ประมาณหกสิบเปอร์เซ็นต์ ไปๆมาๆดันจบทัน..

    #ฟิคนี้พลีให้เทาแบค #HappyZiTaoDay #HappyBaekhyunDay






    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×