ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] TAOBAEK .. It's feeling

    ลำดับตอนที่ #16 : {OS} Overdose [T]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 532
      0
      1 พ.ค. 57

     

     

     

    Overdose [ T ]

    (PG-18 / NC-20)

     

     

     

     

     

    Theme song : Overdose – EXO-M

     

     

     

     

     

     

     

     

     

      

                เป็นระยะเวลานานพอควรที่ผมต้องนั่งปิดบังใบหน้าไว้ใต้แว่นกันแดดอันเท่าบ้านกับเสื้อฮู้ดไซส์ยักษ์อิมพอร์ตจากซีกโลกตะวันตกเพียงเพื่อรอเสียงเรียกจากพยาบาลวัยลูกสองให้เข้าห้องตรวจได้ ถ้าไม่ติดว่าที่นี่เป็นคลินิกของจิตแพทย์ชื่อดังผมคงไม่อยากมาทำตัวลับๆล่อๆให้คนป่วยทางจิตคนอื่นมาจับจ้องเป็นจุดสนใจเท่าไหร่

     

                คุณคิดดูสิว่ามันน่าหงุดหงิดแค่ไหนที่ขนาดยัยป้าพยาบาลที่เพิ่งขานชื่อผมไปยังทำหน้าเหมือนเจอโจรโรคจิตเพียงแค่ผมห่อตัวเองด้วยเสื้อที่เธอคงตกใจช็อคตาตั้งถ้ารู้ว่ามูลค่ามันมากขนาดที่ดาราฮอลลีวูดยังชื่นชอบ แล้วมันน่าโมโหแค่ไหนที่เพียงพักเดียวเธอก็ทำหน้าเหมือนผมเป็นแบบพวกคนบ้ารักษาไม่หายแทนซะอย่างนั้น ทั้งที่ผมก็แค่อยากมาปรึกษาอาการอะไรกับคุณหมอนิดหน่อยเท่านั้นเอง

     

     

                “สวัสดีครับ”

     

     

                อา.. นรกกับสวรรค์นี่มันห่างกันแค่ประตูกั้นชัดๆ

     

     

                คำพูดคำจารื่นหูแบบนี้สิที่ผมชอบ ไม่ใช่คำพูดคำจาปล่อยทิ้งไปวันๆเหมือนไม่ใส่ใจแบบยัยป้าเมื่อกี้ รอยยิ้มแบบนี้สิที่ทำให้คนไข้อยากมารักษาด้วยหน่อย ไม่ใช่ปั้นหน้าเหมือนถูกหวยกินวันละแปดรอบอย่างนั้น แล้วก็ความใจดีแบบที่สัมผัสได้แค่เห็นแว้บเดียวที่เห็นนี่สิถึงจะเหมาะสมกับผมหน่อย..

     

     

                “สวัสดีครับคุณหมอ”

     

                “ครับ เชิญนั่งก่อนนะครับคุณหวง ตามสบายเลย”

     

     

                ผมนั่งลงตามที่คุณหมอบอกที่เก้าอี้ตรงข้ามกันกับคุณหมอพอดีก่อนจะปลดเสื้อโง่ๆราคาแพงออกทิ้งกองกับแว่นกันแดดแบรนด์ดังบนโต๊ะของคุณหมอเพราะมั่นใจว่าคงไม่มีใครทำตัวเป็นปาปารัซซี่ในห้องตรวจคนไข้แน่ พอสบายตัวแล้วผมเลยเริ่มนั่งไขว่ห้างสบายๆแบบที่ชอบแล้วหันกลับมามองหน้าคุณหมอต่อ

     

                ถ้าไม่มีคำว่านายแพทย์พยอนแบคฮยอนติดอยู่เป็นหลักฐานนำหน้าป้ายชื่อบนโต๊ะทำงานของคุณหมอผมคงคิดไปว่าเขาเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาแบบในหนัง เพราะหน้าของเขานี่เรียกได้ว่าดูสวยยิ่งกว่านางแบบหลายคนที่ผมเคยทำงานคู่ด้วยแถมยังผิวพรรณดูดีมีเนื้อหนังไม่ใช่ผอมแบบจับไปก็เจอแต่กระดูกท่อนโตอย่างนั้น

     

     

                แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกได้ว่าปลายเท้าของอีกคนกำลังไล้ถูกน่องขาผมตอนเผลอ

     

     

                “โอ๊ะ ขอโทษทีครับ”

     

     

                สงสัยผมจะจ้องหน้าคุณหมอนานไปหน่อยล่ะมั้ง..

     

     

                “ไม่เป็นไรครับ”

     

                “คุณหวงนี่ขายาว...จังเลยนะครับ”

     

     

                คุณหมอพูดออกมาเองแล้วก็หลุดหัวเราะเองโดยไม่ได้สังเกตหน้าผมที่แอบคิดกับคำว่าที่เขาแอบเว้นวรรคไว้ให้คิดต่อยอดได้ไกลจนอดยิ้มขึ้นมาซะเฉยๆไม่ได้ สักพักหนึ่งคุณหมอก็เริ่มเข้าโหมดจริงจังกับอาการเบื้องต้นเล็กน้อยของผม ส่วนผมเองก็เท้าคางจ้องเขาไปด้วยโดยที่ยังไม่ได้หุบยิ้มที่มุมปากตัวเองเลยสักนิด

     

               

                “คุณมีอาการแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ?”

     

                “เกือบปีแล้วครับ”

     

                “อา.. นานพอดูเลยแฮะ”

     

     

                ไม่รู้ว่าคุณหมอจะรู้ตัวรึเปล่าว่าท่าทางกัดปากกัดนิ้วคล้ายกำลังคิดอะไรอยู่ของเขานี่มันเป็นยังไง แล้วไอ้ท่าทางยกขาสลับขึ้นไขว่ห้างช้าๆกับเสียงครางรับเบาๆคล้ายจะจงใจนั่นอีก บางทีผมว่าถ้าเขาอยากรู้คงต้องหันกลับมาจ้องตาผมสักสองสามนาทีหน่อยแล้วล่ะ

     

     

                จะได้รู้ตัวบ้างว่าเขาน่ะ...เซ็กซี่ดีชะมัด

     

     

                น่าผิดหวังที่คุณหมอไม่ได้หันมาทางผมเลยแต่กลับเอาแต่พูดถึงอาการเบื้องต้นและวิธีรักษาไอ้อาการที่ผมเป็นเท่านั้น ความจริงผมคิดว่าคุณหมอจะมีรักษาที่ดีมากกว่าการพูดด้วยคำพูดเชิงจิตวิทยากับการให้ยามาทานเสียอีก .. นี่ผมอุตส่าห์ยอมทิ้งงานเดินแบบเปิดตัวน้ำหอมยี่ห้อดังเพื่อมาปรึกษาอาการกับเขาเลยนะ

     

                แต่ก็ยังดีที่หลังจากการนั่งตอบคำถามเป็นระยะเวลาหนึ่งนั้นคุณหมอยังอุตส่าห์เขียนใบนัดให้มาหาอีกครั้งในอาทิตย์หน้าเพื่อถามความคืบหน้าซ้ำอีก ผมเลยยังได้มีโอกาสได้มานั่งจ้องหน้าคุณหมอใกล้ๆแบบนี้อีก ในตอนนี้ผมเลยได้แต่หวังว่าไอ้อาการบ้าบอของผมมันจะยังคงเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะได้มีข้ออ้างในการนัดตรวจกับคุณหมออีกหลายๆรอบ

     

     

                “อ้อ เวลาทานยาก็ระวังหน่อยนะครับ”

     

     

                อยู่ดีๆคุณหมอก็พูดขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้ลุกขึ้นเดินออกจากห้องตรวจให้ผมได้งงเล่น ซึ่งผมมั่นใจว่าเขาจงใจแกล้งปั่นหัวผมแน่นอนเพราะพอเห็นผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามก่อนยัดแว่นกันแดดกลับเข้าหน้าตัวเองเขาก็เดินมาเอามือวางบนไหล่สองข้างของผมแล้วโน้มตัวมากระซิบข้างหูให้ผมหายใจผิดจังหวะเล่น

     

     

                “มากไปเดี๋ยวมันจะเกินขนาดเอาได้นะ...คุณคนไข้”

     

     

                นี่เขาจงใจแกล้งให้ผมหัวหมุนเล่นรึเปล่านะ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมอดทึ่งในความอดทนของตัวเองไม่ได้ที่อุตส่าห์ทนรอการนัดตรวจรอบสองกับคุณหมอแพคฮยอนมาจนครบอาทิตย์ได้ แต่ถ้าให้สารภาพกันตามตรงแบบไม่อายผมก็ขอบอกเลยว่าตั้งแต่ที่กลับจากคลินิกมาเมื่ออาทิตย์ก่อนผมก็ยิ่งอาการหนักกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ จนตอนนี้ผมเองก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าไอ้คำเล่าลือที่ว่าหมอแพคฮยอนเป็นจิตแพทย์ที่เก่งที่เจ๋งจริงนั้นมันจริงรึเปล่า

     

     

                ให้ตายเถอะ.. แค่คิดถึงเขาผมก็แทบจะบ้า

     

     

                สารภาพเลยว่าตอนนี้ยัยป้าพยาบาลหน้าห้องตรวจก็ไม่ช่วยให้ผมหลุดพ้นจากความคิดวกวนในหัวไปได้ ยิ่งคิดถึงชื่อเขาผมก็นึกไปถึงเสียงของเขาที่กระซิบชิดข้างหูผม คิดถึงรอยยิ้มมีเสน่ห์แสนร้ายกาจของเขาที่ทิ้งไว้หลังพูดประโยคยั่วเย้าผมจบ คิดถึงจนผมแทบจะคุมตัวเองไม่ได้ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกให้เขาห้องตรวจผมถึงได้สติกลับมาเสียที

     

                วันนี้คุณหมอก็ยังคงมีเสน่ห์ทำให้ผมถึงตายได้เหมือนเดิมและดูเหมือนจะยิ่งกว่าเดิมด้วยเพราะวันนี้ไม่รู้อะไรที่ดลใจให้เขาหยิบอายไลเนอร์มาแต่งดวงตาที่ผมคิดว่ามันก็สวยอยู่แล้วเพิ่มให้ยิ่งดูสวยขึ้นไปอีก ไม่เคยมีใครบอกเขาเลยหรือไงนะว่านั่นน่ะวิธีฆ่าผู้ชายชื่อหวงจื่อเทาได้อย่างง่ายเลยล่ะ ก็ผมน่ะดันเป็นประเภทที่แพ้คนที่ดวงตาด้วยน่ะสิ

     

               

                “สวัสดีครับคุณหวง ยาที่ผมให้ไปดีขึ้นบ้างไหม?”

     

                “ไม่เลยครับ อาการผมยิ่งแย่กว่าเดิมอีก”

     

     

                ผมว่าถ้าผมตาไม่ฝาดดูเหมือนคุณหมอจะแอบยิ้มอยู่หน่อยๆด้วยแฮะ

     

     

                “อา.. แย่จัง ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนเราคงต้องเปลี่ยนวิธีรักษาแล้วล่ะครับ”

     

     

                แต่ดูท่าผมคงจะตาฝาดไปเองเพราะตอนนี้คุณหมอมีสีหน้าที่ดูหนักใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากนั่งนึกวิธีรักษาหรืออะไรสักอย่างอยู่ในหัวอยู่ชั่วครู่ แต่นั่นก็ดีแล้วเพราะมันทำให้ผมได้มีเวลาจ้องหน้าเขานานขึ้นหน่อย ซึ่งดูแล้วเหมือนเขาจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีผมคอยจ้องมองเขาอยู่ตลอดทุกอิริยาบถแบบนี้

     

                เกือบๆห้านาทีได้มั้งที่ผมนั่งจ้องหน้าเขาโดยไม่ได้ขยับร่างกายอะไรเลย ผมยังคงนั่งเท้าคางแล้วมองหน้าเขาไปแอบยิ้มอยู่คนเดียวไปและได้แต่ภาวนาไม่ให้เขาเงยหน้าขึ้นมาเจอสายตาของผมตอนนี้เพราะเขาอาจจะตกใจหรือกลัวได้ จนกระทั่งพ้นนาทีที่ห้าเขาถึงได้ดีดนิ้วดังเป๊าะเหมือนนึกอะไรได้แล้วเงยหน้าขึ้นมองผมที่ปรับสีหน้าแล้ว

     

     

                “อ่า.. ผมว่าผมลืมของสำคัญไว้ที่ห้องผมแฮะ”

     

               

                แล้วเขาก็พูดประโยคที่ทำให้ผมเกือบลืมหายใจออกมา

     

     

                “จะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะขอให้คุณไปด้วยกัน...พอดีมันจำเป็นสำหรับกรณีของคุณน่ะ”

     

     

     

     

     

                เพียงแค่สิบนาทีจากคลินิกใจกลางกรุงโซลสู่อพาร์ตเม้นท์ชั้นสามในย่านไม่ไกลกัน ผมนั่งติดรถคุณหมอมาโดยทิ้งรถออดี้ของตัวเองไว้หลังคลินิกตามคำอนุญาตจากคุณหมอเองด้วยสภาพที่เรียกว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ ไม่คิดไม่ฝันว่าแค่เพียงได้รักษากับคุณหมอแพคฮยอนเป็นครั้งที่สองก็ได้มานั่งเบาะข้างคนขับและได้สัมผัสกับกลิ่นหอมๆที่อบอวลในรถของคุณหมอ

     

     

                เหมือนฝันชะมัด

     

     

                “ถึงแล้วล่ะครับ”

     

     

                สาบานได้ว่าคราวนี้ผมไม่ได้ตาฝาด คุณหมอหันมายิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ทำเอาใจผมเต้นรัวไปหมด นี่ถ้าเขาจับมือผมเขาคงรู้สึกได้ว่ามันเปียกไปหมดเพราะตอนนี้ผมทั้งใจเต้นและตื่นเต้นมากจนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจผมที่เต้นแบบแทบจะหลุดออกจากอกตอนนี้เสียเหลือเกิน

     

                คุณหมอเดินนำหน้าผมเข้าไปก่อนในฐานะเจ้าของห้องก่อนที่ผมจะถอดรองเท้าและเดินตามเข้าไปบ้าง ความจริงถ้าแค่มาเอาของผมว่าแค่ไม่ถึงห้านาทีก็คงพออยู่แล้ว แต่คุณหมอกลับบอกให้ผมนั่งรอบนโซฟากลางห้องก่อนแล้วเขาก็หายตัวไปก่อนจะกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำเปล่าในมือ

     

     

                “ขอบคุณครับ”

     

                “หมอขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะครับ คืนนี้คุณรีบรึเปล่า?”

     

     

                ผมส่ายหน้าตอบไปแล้วยิ้มให้คุณหมอที่ทำหน้าลำบากใจให้เหมือนเป็นคนละคนกับที่หน้าประตูเมื่อครู่ เอาตามตรงผมเองก็รับมือไม่ถูกเท่าไหร่กับการเปลี่ยนอารมณ์ที่กะทันหันของคุณหมอแพคฮยอนแต่เอาเข้าจริงก็ดูเป็นเสน่ห์ที่น่ารักปนเซ็กซี่แปลกๆดีเหมือนกัน แล้วผมก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอเมื่อคิดขึ้นได้ว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ในห้องของคุณหมอคนแค่สวยสองต่อสองเท่านั้น พอคิดแล้วก็รู้สึกว่าลำคอมันแห้งผากแปลกๆจนต้องกระดกน้ำในมือลงคอจนหมดแก้วในรวดเดียว

     

                พอเห็นว่าผมไม่ได้รีบร้อนหรือมีธุระด่วนอะไรคุณหมอก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มบางๆให้ผมปิดท้ายแล้วหายตัวไปอีกรอบอย่างกับเป็นควันหรือแวมไพร์ในหนังฝรั่ง แต่ก็พอเดาได้อยู่ว่าคุณหมอคงไปอาบน้ำเพราะได้ยินเสียงคล้ายกับน้ำจากฝักบัวกระทบพื้นจากฝั่งห้องด้านใน

     

     

                คุณหมออาบน้ำ...ในขณะที่ผมยังอยู่ในห้อง

     

                คิดแล้วก็ได้อารมณ์ชะมัด

     

     

                ผมสาบานได้ว่าผมพยายามห้ามไม่ให้อาการตัวเองกำเริบแล้วแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่อสัญชาตญาณด้านมืดในตัวมันมีอิทธิพลสูงกว่าเป็นเท่าตัว ผมเหมือนวูบหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งชั่วครู่ พอรู้ตัวอีกทีก็มายืนหยุดอยู่หน้าห้องอาบน้ำที่มีคุณหมอกำลังอาบน้ำอยู่ด้านในและผมก็กำลังค่อยๆแง้มบานประตูออกเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คุณหมอรู้ตัวด้วย

     

                ผมรู้ดีว่ามันเหมือนโรคจิต แต่ผมมีอาการที่ว่านี่มาได้เป็นปีแล้วและครั้งแรกที่เป็นคือวันที่คุณหมอย้ายมาอยู่ห้องนี้ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องผมในอพาร์ตเม้นท์ข้างกัน สาบานได้ว่าเพียงแค่เห็นหน้าของเขา เห็นร่างกายที่ถูกปิดด้วยเสื้อผ้าธรรมดาๆของเขา ผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ต้องมาคอยแอบตามเขาเหมือนเป็นคนโรคจิต และถ้าวันไหนอาการหนักมากผมก็ถึงขั้นต้องแอบมองเขาที่เปิดผ้าม่านนอนจากหน้าต่างห้องตัวเอง

     

     

                ถ้าคุณหมอรู้ว่าผมเป็นสโตกเกอร์ที่คอยตามติดชีวิตเขา 24 ชั่วโมงแบบนี้เขาคงไม่ชอบ

     

                ผมรู้...ผมเลยไม่เคยบอกเขา ไม่เคยเดินเข้าไปคุยกับเขา เพราะเขาคงจะกลัวผม

     

                และอีกอย่าง ผมว่าเป็นแบบนี้มันน่าตื่นเต้นดีออก ได้รู้เรื่องของเขาโดยไม่ต้องทำความรู้จัก

     

     

                ไม่ต้องเสียเวลานับหนึ่ง...แต่เราได้ก้าวไปพร้อมๆกันจนถึงร้อย

     

                เขาทำอะไรผมก็ทำตาม เขากินอะไรผมก็กินตาม

     

                ไม่ต้องมางี่เง่าคอยโทรตามถามว่าทำอะไรอยู่ เพราะผมรู้อยู่ตลอดว่าเขากำลังทำอะไร

     

                ผมรักเขา รักโดยไม่ต้องการรู้ว่าเขารักผมไหม ขอแค่เขายังอยู่ข้างๆผมแบบนี้ก็พอ

     

                เป็นความรักที่เข้าท่าดีออก...ว่าไหม?

     

     

     

     

     

    ฉากกุ๊กกิ๊ก

    ไม่ลงลิ้งค์นะ หนูกลัวโดนแบน ไปหาในทวิตเตอร์เนะ

     

     

     

     

     

    ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งทรมาน...ก็ยิ่งสุขสุดยอดเวลาได้กลับคืนมา

     

    นี่แหละ นิยามของผม

     

    และในเมื่อคุณหมอสามารถให้มันกับผมได้จนผมไม่รู้จักอิ่มจักพอแบบนี้..

     

    ผมก็คงต้องยอมตายคาอกเขาไปพร้อมๆกับที่เขาก็ยอมตายคาอกผมแล้วล่ะ

               

     

     

     

     

               

     

     

     

               

    END

     

     

     

                                                                                       

    .. TALK ..

    นี่มันอัลไลกันนิ.. 5555555555555

    แนวนี้โคตรจะไม่ถนัดเลยค่ะ แต่ท้าทายดี กามแบบงงๆดี...

    เหมือนเดิมนะคะ ตามล่าหาขุมทรัพย์กันเลยจ้า ไม่แปะลิ้งค์นะฮิ

    พีเอสสึ. เจอกันอีกทีวันเกิดคนพี่ค่ะ แล้วเรื่องจะกระจ่างทุกอย่าง

     




     
    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×