ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #24 : NICE BODY : 22

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.56K
      39
      4 พ.ค. 58

    22

    Your Spirit











     


     

    “ฉันจะไปแทนนายเอง”

     

     

    นี่เป็นคำพูดคำแรกที่หลุดออกมาจากปากของแบคฮยอนหลังจากที่พวกเขาพากันมาสิงตัวเองอยู่ที่ห้องของคยองซู แบคฮยอนขยับตัวบนเตียงนอนลายเพนกวินก่อนจะเหลือบมองเพื่อนตาโตที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน

     

     

    “ไม่เอาน่า”

     

     

    “ฉันจะไปพูดกับกองกิจการนักศึกษาเอง เขาต้องเข้าใจว่านายไปไม่ได้และนายจะให้ฉันไปแทน”

     

     

    “ไม่บ้าก็เสียสติแล้วแบคฮยอน”

     

     

    “แล้วนายจะไปยอนเซคนเดียวหรอฮ่ะ คิดบ้างสิ!” แบคฮยสอนตะโกนลั่นห้องอย่างเหลืออดในความดื้อดึงของคยองซู ที่ไม่ว่ายังไงก็จะขอไปยอนเซเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร แต่ขอโทษเถอะ คยองซูคงจะลืมนึกไปอย่างว่าตัวเองสัมผัสร่างกายคนอื่นไม่ได้และมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

     

     

    “...”

     

     

    “ตั้งแต่รู้จักกับนายมา ฉันรู้ว่านายเป็นโรคกลัวการถูกสัมผัสตอนป.6 ก็เพราะเผลอไปจับแขนนายแล้วโดนนายสวนศอกใส่คิ้ว แล้วรู้อะไรมั้ยคยองซู ...ตอนนั้นฉันเกลียดนายมากเลย นายทำฉันหางคิ้วฉันแตกเลือดนี่ไหลอย่างกับน้ำตกแถมยังโดนเย็บสี่เข็ม นายไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่โดนนายศอกใส่มันเจ็บแค่ไหน”

     

     

    “ขอโทษ”

     

     

    “ขึ้นปีหนึ่งตอนรับน้อง นายทุบสถิติการทำร้ายร่างกายคนอื่นไปแล้วห้าคนในหนึ่งวัน ไหนจะไม้กวาดที่นายเอาไปฟาดพี่รหัสตัวเองอีกล่ะคยองซู กว่านายจะจับตัวฉันได้มันใช้เวลาอยู่หลายปีเพราะนายต้องเชื่อใจและไว้ใจฉันก่อน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงต้องไปแทนนาย คยองซู”

     

     

    “...”

     

     

    “นายจะเป็นไอ้ตัวประหลาดในสายตาคนอื่น”

     

     

    แบคฮยอนรู้ดีว่าความรู้สึกของการเป็นตัวประหลาดนั้นมันแย่แค่ไหน ผู้คนกลัวในความแตกต่างเพราะพวกเขาไม่เคยเป็นแบบเรามาก่อน ไม่เคยอ้วน ไม่เคยขี้เหร่ ไม่เคยทำตัวโง่ แต่มนุษย์บนโลกคนไหนมันจะเกิดมาได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้นล่ะ

     

     

    เราเองก็เป็นคนเหมือนกัน

     

     

    มีหัวใจเหมือนกัน

     

     

    “โรคนี้มันอยู่กับฉันมานานแบคฮยอน แค่เทอมเดียวเองฉันไม่ยอมให้นายมาช่วยฉันเพราะโรคบ้าๆนี้หรอก” คยองซูยกยิ้มอ่อนพลางเลื่อนมือไปกุมมือเรียวของแบคฮยอนเอาไว้เบาๆ แบคฮยอนเป็นเพื่อนรักและเพื่อนสนิทคนเดียวในชีวิตของคยองซู เพราะฉะนั้นคยองซูถึงไม่อยากให้ร่างบางตรงหน้านี้มาพลอยซวยไปด้วย

     

     

    “นายเองก็ช่วยฉันไว้คยองซู ...หลายต่อหลายเรื่อง”

     

     

    “ไม่เป็นไร”

     

     

    “งั้นการที่ฉันจะช่วยนายก็คิดซะว่าฉันไม่เป็นไร”

     

     

    “ย่าห์ จะไปได้ยังไงมันไม่เหมือนกัน”

     

     

    “โว๊ะ! ไอ้นั้นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่เอา งั้นไปกันทั้งคู่เลย”

     

     

    “มะ..”

     

     

    “ห้ามเถียง!!” ว่าพลางยกนิ้วชี้ขึ้นมาชี้หน้าเพื่อเป็นการข่มขู่ไปในตัว ริมฝีปากอวบอิ่มของคยองซูเม้มเข้าหากันอย่างเถียงไม่ได้ แบคฮยอนทำหน้าบึ้งตึงราวกับลูกหมาหวงกระดูก และยืนกรานอยู่เช่นนั้นว่าการตัดสินใจของตัวเองเป็นเอกฉันท์

     

     

    “แบคฮยอน”

     

     

    “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นฉันตัดสินใจแล้วคยองซู”

     

     

    “...”

     

     

    “ฉันจะไปยอนเซกับนาย”

     

     





     

     

     
     

     

    วันต่อมาหลังจากที่มหาลัยยองเซประกาศรายชื่อของนักศึกษาที่ต้องไปแลกเปลี่ยนอยู่ที่มหาลัยโคเรียนนั้นค่อนข้างครึกครื้นเป็นพิเศษ นั่นก็เป็นเพราะว่าก็ถึงคราวที่จะประกาศรายชื่อของนักศึกษามหาลัยโคเรียที่จะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของยอนเซ

     

     

    ว่าแล้วก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้เพราะคณะมนุษย์นั้นขึ้นชื่อคนหน้าตาดีมากมาย ปีที่แล้วเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักแถมยังได้รับการดูแลจากเพื่อนทั้งในและนอกสาขาเป็นอย่างดี รูปถ่ายและประวัติส่วนตัวแบบคร่าวๆจะถูกติดเอาไว้บนบอร์ดใต้คณะมนุษย์เพื่อให้หลายๆคนได้ทำความรู้จักก่อนที่เพื่อนใหม่จะเข้ามาเรียนในเทอมหน้า

     

     

    “ถ้าแบคมันไม่มากับเพื่อนตาโปนนั่น กูจะเตะดากมึงกลางคณะเลยไอ้สัส” ชานยอลว่าในขณะที่เดินคู่มากับเพื่อนตัวขาวอย่างเซฮุน

     

     

    “มึงกล้าเตะเดือนบริหารอย่างกูหรอวะ แน่เกินไปป่าว”

     

     

    “เตะตอนนี้ยังได้เลยไอ้ห่าจิก”

     

     

    พูดก็พูดเถอะ แม้แต่ตอนนี้ชานยอลยังไม่มั่นใจเลยว่าแบคฮยอนจะยอมย้ายมาตามเพื่อน วันนั้นก่อนที่ทางมหาลัยโคเรียจะสุ่มนักศึกษาชานยอลได้ขอยืมแรงจากเพื่อนที่เรียนวิศวะคอมให้มาช่วยถึงสามคน ถึงได้ย้ำนักย้ำหนาว่าถ้าจะแฮกระบบทั้งที ทำไมไม่ใส่ชื่อแบคฮยอนไปเลยจะได้จบๆ มาเอาเพื่อนเขามาให้ได้อะไรวะ

     

     

    “คอยดูเดี๋ยวมึงต้องมาร้องไห้ซบอกกูหลังจากเห็นรายชื่อแน่ๆ”

     

     

    “ตลกเถอะสัส” ว่าแล้วก็จัดการโบกมือเข้าเต็มกลางหัวทุยจนเจ้าตัวแทบพุ่งหลาวลงกับพื้น

     

     

    ทั้งสองเพื่อนรักเดินอาดๆมายังบอร์ดคณะมนุษย์ และดูเหมือนทุกคนจะดูตกใจกับการมาของสองคนนี้เอามากๆ คนหนึ่งก็ชานยอลจากวิศวะเกษตรที่คิดว่าปีนี้คงจะได้ลงแข่งฟุตบอลโคเรีย-ยอนเซด้วย ถึงจะชอบพูดกระโชกโฮกฮากและไว้หนวดเครา แต่ถ้าให้พูดถึงแล้วก็อดที่จะชมว่าหน้าตาดีไม่ได้ ส่วนอีกคนก็ดีกรีเดือนคณะบริหารที่มีข่าวลือว่าตอนโกรธโหดจนแทบฆ่าคนได้ แต่มองยังไงๆก็เป็นแค่ผู้ชายขี้เล่นเท่านั้น

     

     

    “นี่ ขอดูบอร์ดหน่อยได้มั้ย” คนตัวโตที่ดูอยู่ด้านหลังฝูงชน ยื่นมือไปสะกิดเข้าที่ไหล่ของผู้หญิงตัวจ้อยด้านหน้าเพราะหมดปัญญาที่จะเข้าไปดูข้างในได้ ผู้หญิงคนนั้นพอหันมามองก็นิ่งค้างไปชั่วขณะ

     

     

    “ชะ ชานยอล”

     

     

    “ขอดูหน่อยได้มั้ย” พอถูกเสียงนุ่มทุ้มสะกดเข้าสาวเจ้าก็รีบพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะขยับตัวออกพร้อมกับสะกิดเพื่อนให้ออกมาด้วย ชานยอลเดินแทรกตัวเข้าไปในช่องว่านั้นในขณะที่เซฮุนหันไปยิ้มให้สาวๆเป็นเชิงขอบคุณ

     

     

    “ดูให้กูหน่อยดิไอ้ฮุน กูสายตาสั้น” หลังจากที่เบียดตัวเองเข้ามาจนเกือบถึงแล้ว ชานยอลก็รีบดึงเซฮุนให้มาอ่านรายชื่อแทนตัวเพราะอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ รูปหน้าคนสองคนที่พร่ามัวอยู่ตรงหน้านี้ทำเอาหัวใจในอกมันสั่นไหวไปหมด ถ้าเกิดว่าแบคอยอนไม่ยอมมาอยู่ใกล้ใจ เขาก็จะตามล่าให้ถึงที่สุด

     

     

    “โดคยองซู”

     

     

    “กับ”

     

     

    “พยอนแบคฮยอน”

     

     

    เยสสส!

     

     

    เสียงตะโกนนั้นกู่ก้องร้องดังไปทั่วทั้งใจ ชานยอลหยุบยิ้มแทบไม่ได้เมื่อเชฮุนอ่านให้อย่างนั้น ความหวังที่แสนริบหรี่ของเขาเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆจนกลั้นความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ ถ้าหากเจ้าตัวจ้อยนั่นมาอยู่เคียงกายจะกอดไม่ยอมคลายให้เจ้าขาดใจกันไปข้าง

     

     

    แล้วจะได้รู้กันว่าพิษรักของหนุ่มไร่ส้ม

     

     

     

    มันแรงถึงตาย

     

     





    [ สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ทึ ]







     

     



     

    ก๊อกๆ

     

     

    เสียงเคาะบานประตูไม้ดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ แบคฮยอนยืนอยู่หน้าห้องด้วยหัวใจตุ้มๆต่อมๆ เพราะการที่บุกมาหาชานยอลถึงคอนโดในวันเสาร์ตอนเช้ามันไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีเท่าไหร่ หนึ่งคือนี่มันถิ่นของชานยอลนั่นเท่ากับว่าเขาเสียเปรียบเรื่องของพื้นที่ไปแล้ว สองแบคฮยอนมาตัวคนเดียวการต่อกรกับคนตัวสูงเกือบสองเมตรนั้นจึงเป็นเรื่องยากเกินตัว

     

     

    “หรือจะกลับดีวะ” แบคฮยอนเม้มปากอย่างชั่งใจ ว่าควรจะเอายังไงดีกับโทรศัพท์ที่ถูกยึดไป รึจะแกะซิมออกแล้วล้างเครื่องแม่งเลย แต่โทรศัพท์ของเขาดูแลดีกว่าของไอ้ยักษ์ตัวแดงนี่นา ดูซิ เคสก็ไม่ใส่ ฟิล์มกันรอยก็มีแต่ขนแมว ไม่ได้เรื่องเลย!

     

     

    แต่ก่อนจะได้หมุนตัวกลับ ประตูสีทึบตรงหน้าก็ถูกเปิดออกกว้างโดยฝีมือของคนที่ไม่อยากจะเจอหน้า แบคฮยอนผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่งมองอีกคนที่ยืนทำหน้ามึนพิงไหล่เข้ากับขอบประตู ผมที่ยาวประบ่าของชานยอลนั้นถูกมัดรวบไปไว้ด้านหลังลวกๆ และบนสันจมูกโด่งเองก็มีแว่นทรงเหลี่ยมสวมไว้ ส่วนบนตัวก็มีเพียงกางเกงยีนสีเข้มตัวเดียว

     

     

    หน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของอีกคนทำให้แบคฺฮยอนหน้าร้อนฉ่าเข้าไปใหญ่กับความล่ำบึ้ก แบคฮยอนจำได้ เมื่อก่อนมันไม่ได้เยอะขนาดนี้นี่หว่า ใช่..ถึงมีก็มีแค่น้อยๆไม่ถึงกับว่าผอมแห้งอะไร แต่นี่มันค่อนข้างจะผิดคาดไปสักหน่อย เพราะนอกจากที่ไม่มีหน้าจะไปสู้เขาแล้วยังมีโอกาสที่จะโดนจับทุ่มกับพื้นด้วยนะเนี้ย

     

     

    “ฉะ ฉันมาเอาโทรศัพท์คืน”

     

     

    “เข้ามาเอาข้างในสิ”

     

     

    “ไม่!” แบคฮยอนรีบตอบทันควัน เห็นๆกันอยู่ว่านั่นมันถ้ำเสือใครมันจะบ้าเดินเข้าไปให้ตัวเองโดนกินล่ะ โง่รึเปล่า “แลกกันข้างนอกเนี่ย ฉันรีบ”

     

     

    “จะไปไหน”

     

     

    “เรื่องของฉัน”

     

     

    “งั้นก็ไม่ต้องเอาคืน”

     

     

    “เห้ย! ได้ไงอ่ะ ก็นายขโมยไปแถมยังค้นดูความเป็นส่วนตัวของคนอื่นหน้าด้านๆอีก” แบคฮยอนโวยวายขึ้นทันควันเมื่อชานยอลมีทีท่าว่าจะเล่นตุกติกไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้สักที

     

     

    “แต่กับมึงนี่กูไม่มองว่าเป็นคนอื่นว่ะโทษที กูนี่โคตรใส่ใจเลย” แบคฮยอนเบือนหน้าหนีร้อยยิ้มร้ายที่มุมปากของชานยอลอย่างไม่ชอบใจนัก คิดว่าคำพูดหว่านล้อมแค่นั้นจะทำให้เขาใจอ่อนงั้นหรอ ตลกแล้ว คิดว่าใครๆก็ง่ายกับตัวเองไปหมดเลยสินะ ปาร์ค ชานยอล

     

     

    “นายต้องคืนโทรศัพท์ของฉันมา ชานยอล”

     

     

    “ก็ถึงบอกว่าให้มาเอาข้างในห้องไง”

     

     

    แบคฮยอนขบริมฝีปากล่างเบาๆอย่างใช้ความคิด จะเข้าถ้ำเสือ หรือจะกลับบ้านมือเปล่า นั่นแหละ สองทางเลือกที่มันช่างตัดสินใจยากเหลือเกิน ดวงตาเรียวรีช้อนขึ้นสบดวงตากลมสวยที่ยังคงเปล่งประกายวิบวับพร้อมกับก้าวขาเข้าไปประจันหน้ากับเจ้าของห้อง

     

     

    “หลีกสิ”

     

     

    “หืม?”

     

     

    “ไม่หลีกทางให้แล้วคนอื่นจะเข้าห้องยังไง” แบคฮยอนว่าอย่างหัวเสียก่อนจะดันแผ่นออกของอีกคนให้ถอยห่างออกไป เพื่อที่ตัวเองจะได้เข้าห้อง ร่างสูงได้แต่มองแผ่นหลังบางนั้นเดินเข้าห้องไปอย่างอาดหาญ ริมฝีปากหนากดยิ้มจดเกิดรอยบุ๋มหยักลึกที่แก้มซ้ายอย่างชอบใจ

     

     

    เป็นอย่างที่เซฮุนพูดไว้ไม่มีผิด คนอย่างบยอนแบคฮยอนอ่านง่ายยิ่งกว่าเด็กอนุบาลสาม สิ่งที่คิดอยู่ในหัวส่งออกมาทางสีหน้าทั้งหมด แถมยิ่งไม่ค่อยชอบยอมคนแบบนี้แล้วด้วยก็ยิ่งเข้าทางใหญ่ ต้องแข็งข่มบ้างและยอมอ่อนข้อบ้างเพื่อให้ได้ใจว่าจะชนะ

     

     

    นั่นแหละ...ยิ่งกว่าติดกับซะอีก

     

     

    อ้อ แล้วก็ดูเหมือนว่าแบคฮยอนยังมีจุดอ่อนอีกข้อนั่นก็คือ โด คยองซู เพื่อนสนิทจากคยองกีโดที่มีตากลมโตเสียยิ่งกว่าปลาทู แถมยังเป็นโรคประหลาดที่ว่าหากถูกคนแปลกหน้าสัมผัสร่างกาย ไอ้ตาโปนนั่นจะฟาดไม่ยั้งทันที ดังนั้นก็ไม่แปลกที่แบคฮยอนจะเป็นห่วงคยองซูอยู่ตลอดเวลา

     

     

    “ไหนล่ะโทรศัพท์ฉัน” ร่างเล็กจ้อยเดินกลับมาหยุดอยู่ที่หน้าชานยอลอีกครั้งหลังจากที่เดินหาเองจนทั่วห้องแล้ว เขากะไว้แล้วว่าคนเจ้าเล่ห์แบบชานยอลคงไม่มีทางที่จะคืนโทรศัพท์ให้ง่ายๆหรอก คงต้องรบราฆ่าฟันกันสักตั้ง

     

     

    “ยังไม่คืนให้”

     

     

    เห็นแมะ

     

     

    “อ้าว! ได้ไงก็นายบอกว่า...”

     

     

    “ต้องดูความประพฤติของมึงด้วย ทำดีได้ของคืน” ชานยอลว่าเรียบๆอย่างไม่ยี่หระก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว แบคฮยอนชั่งใจว่าจะตามไปดีมั้ยจนได้คำตอบที่ว่า เข้ามาถ้ำเสือไม่ได้ลูกเสือก็ขอให้ได้หูเสือกลับบ้าน

     

     

    “นายไม่ใช้ผู้ปกครองฉันนะชานยอล” แบคฮยอนตามเข้าไปบ่นชานยอลถึงในห้องครัว มองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่กำลังขยับตัวชงกาแฟอย่างคล่องแคล่ว กลิ่นกาแฟหอมฉุยไปทั่วห้องจนแบคฮยอนแทบสติแตกเพราะกลิ่นกาแฟ แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆคนหัวใหญ่ก็หันหน้ากลับมาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่กวนตีนที่สุดในรอบสามวัน

     

     

    “หรอ”

     

     

    “ย๊าห์! เลิกกวนประสาทสักที รีบๆคืนโทรศัพท์ของฉันมาได้แล้ว อยากจะกลับเต็มทนมะ..”

     

     

    เสียงบ่นแว้ดๆนั่นเงียบกริบลงไปได้เพราะริมฝีปากหนาที่ฉกเอาความหอมหวานจากเรียวปากอวบอิ่ม ดวงตารีเรียวเบิกกว้างอย่างตกใจถึงแม้จะเป็นเพียงแค่สัมผัสแผ่วบนปากเท่านั้น ความหอมของขนมหวานและเกล็ดน้ำตาลติดตามริมฝีปากบางทำให้ชานยอลอยากจะกินมันพร้อมๆกับกาแฟแก้วโปรดเสียจริง

     

     

    “ชอบแบบนิยายตบจูบหรอ หื้ม?” หลังจากที่ผละใบหน้าออกมาจากความหวานตรงหน้า ชานยอลก็ยิ้มละมุนพร้อมกับปาดน้ำตาลออกจากริมฝีปากของแบคฮยอนเบาๆ เจ้าตัวเบิกตากว้างค้างนิ่งจนอดใจที่จะฟัดแก้มตรงหน้านี่อย่างเสียไม่ได้

     

     

    ฟอด

     

     

    “ยะ ย๊าห์!!!” พอร่างบางทำเสียงดังอีกชานยอลก็จุ้บปากอีก จนโดนมือเรียวฟาดเข้าให้ที่ต้นแขนใหญ่ “ไอ้คนฉวยโอกาส”

     

     

    “ได้ไง ก็โอกาสมันอยู่ตรงหน้าแล้วนี่นา”

     

     

    “...”

     

     

    “ให้ปล่อยไปคงไม่ได้”

     

     

    แบคฮยอนคิดผิดจริงๆที่ยอมเข้าห้องมากับไอ้โจรป่าตรงหน้านี้ ทั้งที่เขาคิดเอาไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นแต่มันก็เกิดจนได้ ถึงชานยอลจะผละออกไปแล้วแต่คำพูดนั้นของเขายังคงกึกก้องไปทั้งอกพร้อมๆเสียงหัวใจที่เต้นรัวมากกว่าทุกครั้ง

     

     

    แบคฮยอนบอกกับความเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าความวาบหวามที่เกิดขึ้น ก็แค่สิ่งที่ชานยอลอยากจะเล่นสนุกกับใจเขาเท่านั้น หากจะใจเต้นแรงเพราะสิ่งนี้ก็นับได้ว่าเสียแรงเปล่า

     

     

    “คนอยากนายนี่มันน่าจับโยนให้ฉลามกินจริงๆ”

     

     

    “โยนให้มึงกินง่ายกว่า” ชานยอลหันกลับมาพิงสะโพกเข้ากับเค้าน์เตอร์พร้อมกับจิบกาแฟในแก้ว

     

     

    “เอาโทรศัพท์ฉันมา ฉันมีธุระต้องไปต่อ”

     

     

    “มึงโกหก”

     

     

    “เอ๊ะ! นายมันจะไปรู้อะไร”

     

     

    “ก็ถ้ามึงมาถึงนี่ มึงต้องคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่มีทางได้กลับไปทำธุระอะไรของมึงทันแน่นอน ดังนั้น ธุระที่มึงว่าไว้คือเรื่องตอแหล ...ใช่มั้ยล่ะ” ว่าจบก็ยักคิ้วกลับไปอย่างเหนือกว่า แบคฮยอนกำมือทั้งสองข้างแน่นเพราะพลาดท่าเสียรู้ให้กับคนตรงหน้าอีกจนได้

     

     

    “ก็นายไม่ยอมให้โทรศัพท์กับฉันสักทีนี่ เล่นตัวอยู่นั่นแหละ”

     

     

    “อ่าว ปากแบบนี้นี่มัน...”

     

     

    “ยะ...หยุด! หยุดคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะ” แบคฮยอนหน้าแดงร้อนขึ้นมาทันทีหลังจากที่อีกคนแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตัวเองช้าๆราวกับต้องการจะแทนสื่อคำพูดที่เว้นไว้ ชานยอลหัวเราะลั่นเมื่อเห็นปฏิกริยาของคนตรงหน้า ทั้งๆที่ดูก็รู้ว่ากลัวแต่ก็ยังจะเชิ้ดหน้าเถียงคอเป็นเอ็นอยู่อย่างนั้น

     

     

    “นายต่างหากที่คิด อ่ะๆ ถ้าพูดอีกฉันทำแบบที่นายคิดแน่” แบคฮยอนหุบปากลงฉับโดยไม่ต้องคิด นั่นยิ่งทำให้ชานยอลหัวเราะรัวที่ปราบพยศของเจ้าตัวเล็กได้ ร่างสูงวางแก้วกาแฟที่เหลืออยู่ค่อนแก้วไว้บนเค้าน์เตอร์ก่อนจะล้วงโทรศัพท์เครื่องบางออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง

     

     

    แบคฮยอนตาวาวเป็นมันเมื่อเห็นของที่ตัวเองต้องการมาอยู่ตรงหน้า มือเรียวรีบคว้าหวังจะขโมยมาจากอีกคนแต่ทว่าเขากลับคว้าได้แต่เพียงอากาศเท่านั้น เพราะชานยอลชูมันขึ้นเหนือหัวจนแบคฮยอนไม่สามารถเอื้อมถึงได้

     

     

    “อย่าขี้โกงสิ ยังไม่ได้ยื่นให้เลย”

     

     

    “ก็นั่นมันเป็นของฉัน ไอ้บ้า” กำบั้นเล็กๆทับเข้ากับแผงอกเปลือยเปล่าอย่างแรงเพราะว่าโมโหที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้

     

     

    “โกนหนวดให้ก่อนแล้วจะคืนให้”

     

     

    “มีมือก็ทำเอง”

     

     

    “งั้นก็ไม่ต้องเอา บอกลากันได้เลย”

     

     

    “เออๆ แค่โกนหนวดอย่างเดียวใช่มั้ย”

     

     

    “ตัดผมให้ด้วยก็ดี”

     

     

    แหมะสั่งใหญ่เลย คิดว่ามีอำอาจบากใหญ่มากจากไหนงั้นหรอ ก็ใช่ซี้โทรศัพท์ของเรามันอยู่ในอาณัติของเขานิถึงได้ต่อรองเอาเปรียบกันแบบนี้ ไอ้คนเฮงซวย เดี๋ยวเจอตัดทรงโมฮอกเลย ทีนั้นฮากันทั้งบาง จะได้จำไว้ว่าอย่ามาแหยมกับโป๊บธนวรรธน์แบบนี้!

     

     

    “ตามมา”

     

     

    ชานยอลว่าเรียบๆก่อนจะเดินนำไปยังห้องนอนขอตัวเอง แบคฮยอนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมาพ่ายแพ้ให้กับคนโฉดชั่วตรงหน้านี้แน่ๆ เอาตำแหน่งพระเอกไทยทีวีสีช่องสามเป็นประกันได้เลย

     

     

    ภายในห้องของชานยอลที่แบคฮยอนไม่เคยเข้ามานั้นตกแต่งด้วยสีโทนเอิร์ททั้งหมด ความรู้สึกเหมือนแบคอยอนได้กลับมายืนอยู่ในห้องใต้หลังคาของไร่ชุนฮโยยังไงยังงั้น ยอมรับว่าแบคฮยอนชอบมันทั้งหมด ทั้งระเบียงห้องเล็กๆที่มีต้นกระบองเพชรปลูกเรียงรายเอาไว้เป็นแถวเป็นแนว อีกทั้งกลิ่นของใบไทม์ตาแห้งผสมกับโรสแมรี่ที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นราวกับได้กลับไปที่บ้าน

     

     

    “รออยู่นี่ เดี๋ยวไปตักน้ำมาให้” ชานยอลบอกอย่างนั้นก่อนจะหายไปในห้องน้ำด้านซ้ายมือ แบคฮยอนยืนเก้ๆกังๆได้สักพักก่อนจะตัดสินใจหย่อนก้นลงบนเตียงสีน้ำตาลเปลือกไม้ รอได้ไม่นานชานยอลก็กลับเข้ามาด้วยชามที่ใส่น้ำในมือข้างซ้าย ส่วนข้างขวาเป็นใบมีดโกน โฟมโกน และกรรไกรตัดผม อีกทั้งผ้าขนหนูสีครีมบนไหล่กว้าง

     

     

    “มานี่มา” ชานยอลวางเอาไว้บนโต๊ะไม้ทรงกลมก่อนจะกวักมือเรียกให้แบคฮยอนเดินเข้าไปหา ร่างสูงใหญ่ลากเก้าอี้ออกมานั่งด้านข้างโต๊ะก่อนที่แบคฮยอนจะมาถึง

     

     

    “ฉันตัดผมไม่เป็น” ร่างบางกล่าวเรียบๆก่อนจะลากเก้าอี้ออกมานั่งตรงกันข้ามกับชานยอล ร่างสูงใหญ่นั้นยิ้มบางๆก่อนจะอ้าขาออกแล้วดึงเก้าอี้ที่แบคฮยอนนั่งอยู่เลื่อนเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้น

     

     

    “ไม่เป็นไร”

     

     

    แบคฮยอนทำตัวไม่ถูกในระยะที่ใกล้กับใบหน้าของชานยอลมากขนาดนี้ ร่างสูงใหญ่ค่อมตัวลงมานิดหน่อยให้ใบหน้าของตัวเองอยู่ในระดับสายตาของอีกคน แบคฮยอนหยิบของบนโต๊ะแบบเก้ๆกังๆเพราะไม่เคยใช้มาก่อน กดหัวปั้มโฟมออกมาจนฟูเต็มมือก่อนจะค่อยๆป้ายไปตามหนวดและสันกรามกร้านที่มีเคราขึ้นตาอยู่นิดๆ

     

     

    “ถ้าโกนบาดล่ะ”

     

     

    “แผลละหนึ่งจูบ”

     

     

    “งั้นจะทำบาดจนตายก่อนได้จูบ” แบคฮยอนทิ้งประกาศิตเอาไว้ก่อนจะจับใบมีดโกนไปจ่อที่สันกราม แบคฮยอนค่อยๆลงน้ำหนักไปกับผิดหน้าของชานยอลก่อนจะ ค่อยๆลากไล้ใบมีดไปตามตอบางๆที่ลามลงมาใต้คางนิดหน่อย

     

     

    ชานยอลยิ้มอย่างชอบใจที่เห็นความพยายามและสีหน้าที่มุ่งมั่นของแบคฮยอน ยิ่งเป็นตรงจุดที่ใบมีดโกนเข้าถึงยากแบคฮยอนก็ยิ่งขยับตัวเข้ามาใกล้จนใบหน้าอยู่ตำแหน่งที่ตรงกัน ยามที่มือเรียวผละออกไปล้างใบมีดโกนแล้วกับมาโกนต่อนั้นทำให้ปลายนิ้วของแบคฮยอนเย็นฉ่ำ ลากผ่านไปตรงไหนก็เย็นสบายไปเสียหมด

     

     

    “อ่ะ!

     

     

    ชานยอลหมดความอดทนในครานั้น โน้มตัวลงไปจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากแดงฉ่ำของคนตรงหน้า แค่เพียงแตะจุมพิตแผ่วเบาเท่านั้นไม่ได้ตรองจูบเคล้าเคียงให้เหนื่อยหอบ ชานยอลชอบความรู้สึกที่แผ่วเบาและค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าที่จะเร่งรัดมัน

     

     

    “นะ นาย”

     

     

    “บอกแล้วไงว่าแผลละหนึ่งจูบ”

     

     

    มือหนายื่นไปเกลี่ยโฟมขาวที่ติดอยู่เหนือริมฝีปากเล็ก ก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางเบาจนแบคฮยอนร้อนรุ่มไปหมด กระวีกระวายคว้าผ้าเช็ดตัวบนไหล่หนามาเช็ดโฟมออกจนมันสะอาดหมดจด จะเหลือก็แต่ใต้สันกรามที่มีแผลถูกบาดเลือดซึมออกมานิดหน่อยเพราะโดนผ้าขนหนูและโฟมกวาดซับออกไปจนหมดแล้ว

     

     

    มือหนายกขึ้นกวาดไปตามสันกรามเพื่อเช็คว่ามีจุดไหนบางที่ยังเหลือเป็นตออยู่ ซึ่งเขาพบว่าแบคอยอนทำมันได้ดี แถมยังได้จูบตอบแทบความแสบสันตรงแผลใต้กรามที่โดนบาดตั้งแต่เริ่มโกนนี่ด้วย

     

     

    “ต่อไปตัดผม ตัดยังไงก็ได้ให้สั้นลงโดยไม่ทำทรงประหลาด”

     

     

    “ไม่ตัดเองที่ร้านล่ะ ทำอย่างกับไม่มีตังจ่าย” แบคฮยอนมองหน้าอีกคนด้วยสายตาที่แข็งกร้าว พร้อมกับบ่นอุบอิบเสียงเล็กเสียงน้อยโดยที่ชานยอลไม่มีทีท่าจะสนใจ ร่างสูงใหญ่แกะยางรัดผมออกพร้อมกับถอดแว่นวางเอาไว้บนโต๊ะก่อนจะยื่นมือไปหยิกแก้มนุ่มนิ่มตรงหน้าอย่างหยอกล้อ

     

     

    “อยากให้มึงตัดให้”

     

     

    “เพื่อนเล่นหรอ” แบคฮยอนถลึงตาใส่อีกคนก่อนจะปัดมือใหญ่ให้หลุดออกจากแก้มของตัวเอง ร่างเล็กรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะคว้ากรรไกรบนโต๊ะมาถือไว้แล้วเดินอ้อมไปด้านหลัง ต้องยอมรับเลยจริงๆว่าชานยอลนั้นต่อให้ผมยาวเฟื้อยแบบนี้ก็ยังดูดี

     

     

    ผมชานยอลเป็นสีน้ำตาลเวลเวทเหมือนกับสีตาของเขานั่นแหละ ตรงปลายหยักศกนิดหน่อยซึ่งแบคฮยอนอิจฉาเอามากๆเพราะตัวเองนั้นมีผมหยักศกทั้งหัวต้องอาศัยการอบไอน้ำตลอดเวลา ร่างบางหยิบผมจำนวนหนึ่งมาคีบเอาไว้ระหว่างนิ้วก่อนจะเริ่มเล็มตัดส่วนปลายออกไป

     

     

    “แบคฮยอน”

     

     

    “...”

     

     

    “แบค”

     

     

    “อะไรเล่าคนกำลังใช้สมาธิ!” อยากจะเอาปลายกรรไกรนี้กระซวกไส้จริงๆเชียว แต่ติดว่าจะโดนข้อหาพยายามฆ่าเอานี่สิ

     

     

    “ถามหน่อย”

     

     

    “อะไร”

     

     

    “มึงชอบตัวเองในตอนนี้มากมั้ย”

     

     

    มือที่กำลังง้างตัดผมชะงักไปเมื่อถูกถามโดยคำถามที่ยากจะตอบ เขาไม่รู้หรอกว่าชานยอลกำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่รึเปล่า หรืออาจจะแค่หลอกถามเล่นๆ แต่แบคฮยอนซื่อสัตย์พอที่จะตอบคำถามนี้ เขารู้แก่ใจดี รู้มาตลอดว่าความรู้สึกทั้งหลายนี้มันเป็นยังไง

     

     

    การที่มีหุ่นดีมันทำให้เขาเหลิงเริงรมย์ไปกับคำชื่นชอบของผู้คน แบคฮยอนจะทำอะไรก็มัยจะได้รับความช่วยเหลือและความเห็นใจจากคนอื่นเสมอ เป็นตัวอย่างให้คนอื่น มีคนรักอีกทั้งยังมีคนคอยเคียงข้าง...

     

     

    “ชอบสิทำไมจะไม่ชอบ”

     

     

    “...”

     

     

    “ทุกคนชอบฉัน ทำอะไรก็ดูเหมือนว่าถูกไปหมดทุกอย่าง ทำไมล่ะชานยอล ทำไมฉันถึงจะไม่ชอบตัวเองในตอนนี้”

     

     

    “แต่กูชอบตัวมึงเมื่อก่อนมากกว่า”

     

     

    เหอะ

     

     

    แบคฮยอนยากจะขำ คนที่ทิ้งเขาเอาไว้ให้คนในโรงเรียนรุมแกล้งน่ะเหรอสมควรจะพูดคำนี้ออกมา คนที่หักหลังเขาแล้วทิ้งเขาเอาไว้ข้างหลังน่ะหรอกำลังบอกว่าชอบไอ้อ้วนแบคฮยอน ชานยอลมันคนปลิ้นปล้อน หลวงหลอกให้เขาตกลงไปในหลุมลึกนั่นด้วยคำพูดหวานหอม

     

     

    ซึ่งมันก็สำเร็จทุกครั้ง

     

     

    “ไม่ ฉันจะไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีก เพราะฉันอยู่โดยที่ต้องโดนเกลียดโดนสาปแช่งอยู่อย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่อยากสู้อยู่คนเดียว”

     

     

    “มึงไม่ได้สู้อยู่ตัวคนเดียวหรอกนะแบคฮยอน เพราะถ้าหากมึงมองกลับมาสักนิด...”

     

     

    “...”

     

     

    “มึงจะรู้ว่ากูไม่เคยจากมึงไปไหน”

     







     


     

     

     

     

    เทยบ่นแรง

     

    วันนี้มาสวยๆไปสวยๆอย่างกวนตีน

    ใครอยู่ทีมแบคฮยอนก็แข็งใจต่อไปนะคะ
    55555555

    สืบเนื่องมาจากบทที่แล้วนะคะ

    เทยไม่ได้พิมพ์ผิดนะรู้ยัง

    5555555555555

     

    โทษทีที่มาแบบปุ้บปั้บ เทยจะมาบอกว่า

    เทยจะหายไปสักสามสี่วันนะคะ อิอิ

    ไปเที่ยวเชียงใหม่ค่ะไม่ใช่อะไร ไปแรด 555

     

    อันนี้คือแอคทวิตเทยนะคะ @shtatory

    มาแปะเอาไว้เผื่อใครไม่รู้ไง โดนเพื่อนด่า

    มันบอกว่ามึงควรจะแปะทวิตเตอร์ไว้นะลำบากเพื่อน

    เพราะเวลาให้มันช่วยโปรโมทฟิคมีคนเข้าใจผิด

    โอเคตามนี้นะคะ

     

    เห็นมันบ่นเรื่องแท็กด้วยว่าทำไม

    ถึงไม่ใช้ ฟิคแบคฮยอนอ้วน

    คนจะได้รู้และไม่หลงเข้ามาเล่นแท็กผิด

    เออว่ะ... กูโง่เองเพื่อนรัก

     
     

    (ช่วงเพลงใหม่แกะกล่อง)

    รักเธอสัมเหมอ

    นานเท่าไหร่ยังรักเธอ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×