คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : NICE BODY : 21 (Ep. YOUR)
Your Plan
แบคฮยอนคงคิดว่าการที่ชานยอลยอมขับรถพามาส่งหอหมายถึงการจบเรื่องราวทั้งหมดลง แต่นั่นไม่ใช่เลยสักนิด ถ้าแบคฮยอนฉุกคิดขึ้นมาสักนิดก็จะรู้ว่าโทรศัพท์ขอตัวเองยังไม่ได้คืน ส่วนที่ได้ไปนั้นเป็นของชานยอล เอาล่ะคราวนี้ถึงตาชานยอลบางแล้ว
เขาจะเผาจนกว่าแบคฮยอนจะม้อดไหม้
(ครับ) เสียงทุ้มนุ่มผ่านปลายสายนั้นทำเอาชานยอลเผลอคว้ำปากลงเมื่อสัมผัสได้ถึงความตอแหลของเพื่อน แหมพอเบอร์แปลกๆโทรเข้าละรับเสียงหวานเลย ที่กับเพื่อนกับฝูงนี่อย่าหวังว่าคนอย่างโอเซฮุนจะรับสาย
“ฮัลโหลไอ้ฮุน นี่กูไอ้ชานนะ”
(มีไร)
โห มึงสลับเสียงเร็วกว่านักพากย์พันธมิตรอีก
“เดี๋ยวจะไปหา โทรเรียกไอ้ไคมาบ้านมึงด้วยแล้วอีกสิบนาทีเจอกัน” ชานยอลว่าสั้นๆก่อนจะกดตัดสายไป ปากอวบกดยิ้มที่มุมปากเมื่อมองดูหอพักเล็กๆตรงหน้าอย่างพึ่งพอใจ ตอนนี้แบคฮยอนคงจะอาบน้ำและนอนตั้งแต่หัวค่ำเพื่อตื่นไปเรียนตอนสิบโมงเช้าให้ทัน พร้อมกับความสุขที่คิดว่าคนอย่างชานยอลจะไม่ไปก่อกวนใจอีกแล้ว
แต่ใครจะไปรู้
ความวุ่นวายมันเริ่มขึ้นหลังจากนี้ต่างหาก
ร่างสูงจอดรถเอาไว้ที่หน้าบ้านของเพื่อนรักก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูรัวเข้ามาในตัวบ้าน ชานยอลล้วงโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมของแบคฮยอนออกมาพร้อมกับจุดประกายรอยยิ้มที่มุมปาก ผู้ชายบ้าอะไรว่ะติดสติ๊กเกอร์ซะจนตุ๊ดเลยมึง ตัวห่าอะไรบ้างก็ไม่รู้ติดเต็มหลังโทรศัพท์
ร่างสูงยกมือเคาะประตูหน้าบ้านอยู่พักหนึ่ง ก็มีคนมาเปิดประตูให้พร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่นัก โอเซฮุนปล่อยให้เพื่อนตัวยักษ์เข้ามาในบ้านแล้วจึงปิดประตูให้เรียบร้อย
“อินจังมายัง”
“อินจังพ่องสิ”
รู้เรื่อง
ชานยอลยักไหล่อย่างไม่แคร์เพื่อนสักเท่าไหร่ พร้อมกับเดินไปขยี้หัวคนตัวดำที่นั่งบนโซฟาอยู่ก่อนด้วยความอยากจะแกล้ง แหม ก็ทั้งกลุ่มสามคนก็มีจงอินคนเดียวนี่แหละที่ดูเหมือนจะสุภาพที่สุด และเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในกลุ่มแล้ว สาวใหญ่ สาวแก่ แม่หม้าย งี้ติดกันแจ
“ไอ้สัสบอกว่าอย่าเล่นหัวไง” คนผิวเข้มกล่าวเนือยๆก่อนจะตีเข้าที่หลังมือใหญ่ดังเพี้ยะ ชานยอลรีบชักมือกลับแล้วเดินอ้อมมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวถัดจากเจ้าของบ้านหน้าบึ้ง อย่างไม่ยี่หระว่าเพื่อนจะสนุกด้วยหรือไม่
“ไว้กูเล่นหำมึงแล้วค่อยโวยวายก็ยังไม่สายนะ สหาย”
“-_-”
“มึงนี่เป็นเกย์แล้วเหิมเกริมกับเพื่อนหรอว่ะ” เซฮุนเห็นความหยาบคายของเพื่อนไม่ไหวจนต้องปริปากพูดให้เพื่อนได้รู้สำนึกเสียบ้าง ว่าการแสดงตัวว่าเป็นชาวเก้งในที่สาธารณะนั้นมันไม่สมควรอย่างยิ่ง
“อย่าให้พวกมึงได้เป็นเกย์บ้างแล้วกัน ไว้ถึงตอนนั้นกูจะหัวเราะอัดหน้าเรียงตัวเลย”
“เหรอคะพี่ชาน ฉันว่าพี่ควรง้อเมียให้ได้ก่อน” เซฮุนจีบปากจีบคอพูดเสียงจนหน้ามันไส้ กระแนะกระแหน อ้อนตีนใหญ่ของชานยอลยิกๆ นี่คิดว่าถ้าได้เอาไปกระแทกหน้าแป๊ะยิ้มนี้เล่นสักหนคงดี หมั่นไส้มันมานานแล้วเหมือนกัน
“อื่ม ได้ข่าวว่าเมียหนีไปปีนึงแล้วนี่”
“ค ว ย”
“อุ้ย ตะเตือนใต”
“กลัวจัง -_-”
ชานยอลมองใบหน้ากวนตีนของเพื่อนรักดูโอ้ครีมแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจแรง แม่งนอกจากจะชอบตอกย้ำซ้ำเติมความชอกช้ำของเพื่อนได้ไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว พวกแม่งยังไม่มีทีท่าว่ารู้สึกผิดแก่ใจเลยสักนิด ชานยอลไม่อาจจะสู้รบปรบมือกับแม่งได้เลยจริงๆ
“เออยอม! กูโดนแบคฮยอนทิ้งพอใจยัง?”
“โหยๆ ไม่สนุกเลอะ” เซฮุนจิ๊ปากพลางเหลือบตาไปทางอื่น ราวกับเด็กเลิกเห่อของเล่น แล้วทิ้งมันไว้ตรงนั้นอย่างไม่สนใจใยดี
“ทีนี้ก็ช่วยกูคิดหาทางง้อมันได้ละ วันนี้ได้แผลมาด้วยกลางหลังเลยไอ้ห่า โคตรดื้อ” ว่าแล้วก็ถอดเสื้อเชิ้ตสีดำออกพร้อมกับหันหลังให้เพื่อนรักทั้งสองดู รอยแผลที่เป็นทางยาวราวกับโดนแมวข่วนนั้นทำเอาเพื่อนทั้งสองซี้ดปากแทนชานยอลอย่างเสียไม่ได้ ตอนที่แผลยังซิบเลือดอยู่นี่ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ตอนที่เอาน้ำเกลือมาล้างแผลนี่สิ ตายแล้วเกิดใหม่ได้เลย
“แล้วมึงไปทำอะไรแบคฮยอนมันล่ะ ถึงโดนข่วนแบบนี้” จงอินที่นั่งอยู่อีกมุมของโซฟาถึงกับขยับตัวเข้ามาใกล้กับเซฮุนเพื่อที่จะดูแผลอย่างกระตือรือร้น
“จับมันอุ้มพาดบ่า แล้วฟาดก้นไปสองสามที”
“ว้าว มาดตบจูบนะเรา” คิมจงอินมองแผลเพื่อนอย่างสนใจก่อนจะลองใช้นิ้วของตัวเองกดลงบนบาดแผลจนเพื่อนตัวสูงร้องลั่นบ้าน
“โอ๊ย ไอ้เหี้ย! ทำห่าไรของมึง” ร่างสูงใหญ่รีบหันกลับมาฟาดเสื้อใส่หน้ามึนๆของเพื่อนผิวเข้มอย่างแรง แค่โดนข่วนก็แสบมากพออยู่แล้วยังมีหน้าเอานิ้วที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคนั่นมาจิ้มแผลสดของเขาอีก ห่าเอ้ย! ไอ้บ้าจงอินนี่มันเป็นมนุษย์ประเภทไหนว่ะ ถึงตีหน้ามึนได้ตลอดเวลาแม้แต่ตอนทำความผิดแบบนี้
“พอๆ มึงกลับไปนั่งเลยสัส แล้วก็เล่ามาว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง” เซฮุนรีบยืนขึ้นปรามร่างสูงก่อนที่มันจะฆ่าหมีง่วงด้วยมือเปล่า ชานยอลที่มีแต่ท่อนบนเปลือยเปล่าพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะกระแทกตัวลงกับโซฟาตัวเดิม
“ก็ตามที่มึงบอกว่าวันนี้ที่โคเรียจะมีงาน กูก็ไปลักมันมาไว้ที่คอนโด อ้อ สภาพแบคฮยอนเป็นอย่างที่เราเห็นรูปมันในแฟนเพจเฟรชชี่คัทโคเรียนั่นแหละ ผอมลงกว่าเดิมสักสองเท่าได้คาดคะเนโดยการกอดกูเอง จากที่ต้องเอาแขนเท่านี้ เดี๋ยวนี้อ้าแค่นี้เอง” ชานยอลอ้าแขนเป็นการประกอบไปในตัว แต่ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะไม่สนใจรายละเอียดตรงนี้สักเท่าไหร่
“ข้ามได้แมะ เบื่อ”
“ขอเนื้อๆ”
“เออ! ก็จะอวดหน่อยก็ไม่ได้ห่า” ชานยอลหงุดหงิดมากว่าเดิมที่โดนเพื่อนตัวดีดักคอ แถมยังไม่ได้ยินดียินร้ายกับเรื่องที่เขาอยากอวดเลยสักนิด “กูถามมันแล้วว่าทำไมถึงหายไปโกรธอะไรกู แต่แบคฮยอนมันก็ไม่ยอมตอบ มันบอกให้กูเลิกยุ่งกับมันเพราะถึงแม้ว่ามันจะรักกู แต่มันก็รักตัวเองมากกว่า”
“โอเคแยกย้าย -_-”
“แยกย้ายเหี้ยไรไอ้จิงอิน”
“อ่าว ก็นี่ไงเค้าบอกให้เลิกยุ่งแล้วมึงจะไปยุ่งกับเขาอีกทำไม ทำตัวโง่เป็นวัวเป็นควายอยู่ได้มึงนี่นะ เห้อ ไม่น่าเรียนวิศวะเลย”
“สัส”
กวนตีน
“แล้วคิดออกมั้ยว่าแบคฮยอนมันโกรธมึงเรื่องเหี้ยไร” เซฮุนพยายามนึกแล้วก็นึกไม่ออกว่าทำไมแบคฮยอนถึงหนีไปแบบนั้น เพราะไอ้ชานมันก็ดี จะว่าชงก็ชงเถอะ ถึงชานยอลมันจะดูปากหมาไปหน่อย แต่กับเรื่องดูแลแฟนแล้วชานยอลมันไม่เคยเป็นรองใคร อยากได้ดาวอยากได้เดือนก็จะไปเอามาให้เดี๋ยวนั้น
“ไม่อ่ะ จู่ๆมันก็หายไปตั้งแต่งานเลี้ยง กูตามหาทั่วงานก็ไม่เจอจนไปที่หอนั่นแหละกูถึงรู้ว่ามันย้ายกลับไปคยองกีโดแล้ว”
“กูว่ามันต้องโกรธมึงตอนงานเลี้ยง”
“ได้ไง กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยไอ้สัส”
“งั้นตอนที่แบคฮยอนหนีไป มึงทำอะไรอยู่ ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอวะ” เป็นจงอินบ้างที่ถามขึ้นมา จนชานยอลถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมพร้อมกับนึกย้อนไปเมื่อปีที่แล้วว่าตัวเองนั้นทำอะไรลงไปบ้าง
“เหมือนจะไม่ได้อยู่ด้วยกันว่ะ”
“อ่าวไอ่เหี้ยทิ้งเมีย”
“ก็ตอนนั้นกูยืนคุยกับอารึมอยู่ แค่ถามไถ่กันนิดหน่อยตามประสา เข้ามาอีกทีแบคฮยอนก็ไม่อยู่แล้ว”
“แน่ใจว่านิดหน่อย” เซฮุนหรี่ตาลงอย่างไม่เชื่อใจนัก
“จูบด้วยทีนึง” จบประโยคเซฮุนและจงอินถึงกับหันไปมองแรงใส่เพื่อนร่างสูงที่นั่งตีหน้านึ่งอยู่บนโซฟา แถบจะถอนคำพูดที่เคยโฆษณาเพื่อนคนนี้เอาไว้เลยทีเดียว เซฮุนถอดหายใจอัดหน้าเพื่อนแรงๆก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างเอือมระอา
“กลับบ้านแล้วนะ -_-” จงอินทำลายความเงียบด้วยการเอ่ยขึ้นมาเรียบๆพลางรูปซิปกระเป๋าสะพายก่อนจะล้วงเอาถุงขนมโยนไว้บนโต๊ะเตี้ยๆหน้าโซฟาเหมือนไม่ต้องการมันแล้ว
“อ้าว ไหนมึงบอกจะช่วยกู” ร่างสูงโวยวายเมื่อเห็นว่าเพื่อนผิวเข้มของตัวจะกลับบ้านในขณะที่แผนของเขายังไม่คืบหน้าไปไหน
“เพื่อนมึงเลวมากเลยเซฮุน กูไม่อยากจะช่วย -_-”
“ตลก เลวๆแบบนี้เพื่อนมึงเลยจงอิน”
โอ้โห ต้องการกูมากเลย (ขบฟัน)
ชานยอลถอนหายใจแรง ก่อนจะเดินไปนั่งแทรกตรงกลางระหว่างจงอินและเซฮุน แสะยิ้มที่มุมปากหนาแล้ววาดแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเข้าโอบรัดต้นคอของเพื่อนรักจนหัวทุยทั้งสองเซเข้ามาอยู่ใต้วงแขนเพราะแรงที่มีมากกว่า
“โอ๋ไม่ต้องแย่งกัน กูไม่รีบ”
“ห่า! ปล่อยกู ยี๋ๆปล่อย! อิเกย์ปล่อยกู”
“แหม อย่าเหยียดเพศสิตัวเอง” ชานยอลยิ้มอย่างหมั่นไส้ก่อนจะกลั้นใจจุ้บลงที่กลางหัวเซฮุนเบาๆ ถึงแม้จะรู้สึกขนลุกแปลกๆแต่ก็รู้สึกสนุกดีที่ได้เห็นเซฮุนดีดดิ้นแรงจนหัวโขกเข้ากับหัวของจงอินเข้าอย่างจัง
“โอ้ย เจ็บจัง -_-”
มึงควรร้องเจ็บให้ดูมีอารมณ์ร่วมมากกว่านี้นะจงอิน
“กูสิเจ็บ ไอ้สัสพวกมึงนี่มันชั่ว ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้!”
“ไม่น่ารักเล่ย”
“พ่องสิ! พ่องสิ! พ่องสิ! พ่อมึงสิ!!!” พอเซฮุนดิ้นจนหลุดออกจากวงแขนแกร่งได้ก็รีบเสยมือเข้ากระบาลเพื่อนรักทันที พายุหมุนแบบเซฮุนไม่ทางยอมละเว้นให้ไอ้โยดาหูกางตรงหน้านี้เด็ดขาด ก็คิดดูเถอะว่าแมนๆกันทั้งคู่แบบนี้ แล้วยิ่งชานยอลไว้หนวดเคราอย่างกับโจรใต้แล้วด้วย เขาก็ยิ่งเสียวสยองรูตูดเข้าไปใหญ่
“โอ้ยๆ พวกมึงเริ่มก่อนนะ”
“ก็มึงมันชั่ว -_-” จงอินว่าพลางผลักหัวคนตัวโตไปทางเซฮุน แต่ก็ถูกเซฮุนผลักกลับมาด้วยความรังเกียจไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก “มึงไม่คิดถึงใจคนเป็นแฟนบ้างล่ะ ถ้าแบคฮยอนเกิดไปดูดปากกับคนอื่นบ้างมึงจะรู้สึกยังไง”
“ก็แค่จูบเอง อีกอย่างนะกูก็ไม่ได้ชอบอารึมแล้ว”
“แต่แบคฮยอนไม่ได้คิดแบบนั้นไง เป็นกูตอนนั้นนะกูก็โกรธว่ะ คิดว่ามึงอาจจะแค่อยากเอากูเล่นๆ” ชานยอลลองคิดตามที่เซฮุนพูดดูแล้วก็มีเหตุของมัน ใจเขาใจเรามันไม่เหมือนกัน ถ้าลองมาสลับบริบทกัน ตอนนั้นชานยอลอาจจะโกรธจนตัวลุกเป็นไฟเลยก็ได้
“เอ้อ เหมือนที่งานเลี้ยงอ่ะมีเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่พวกเราไม่รู้ด้วย”
“วันนั้นมึงสองคนไม่ได้ไปงาน ไม่ต้องมาพูดเลย”
“แต่เขาส่งมาในไลน์ชมรมเต้นกูเต็มเลยนะ”
“แล้วมึงได้ดูมั้ย” เซฮุนรีบถามอีกคนด้วยความกระตือรือร้น ความเงียบที่ทุกคนรอฟังจากปากของคนผิวสีเข้มทำเอาหัวใจในอกเต้นจนไม่เป็นระส่ำ
“ไม่อ่ะ”
“ควาย!”
“พอดีไม่ชอบเสือก -_-” จงอินว่าเนือยๆตามฉบับ โดยปกติจงอินเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว โซเชียวมีเดียก็มีเอาไว้เล่นเกมส์ กับติดต่องานนิดๆหน่อยๆ เหมือนกับชานยอลที่มีเอาไว้ประดับทำอวดรวยไปงั้น แต่จะว่าเขาอวดรวยก็ไม่ได้ เพราะทุกวันนี้จงอินยังปั่นจักรยานทรงคุณยายไปมหาลัยยอนเซอยู่เลย “ลองถามโซยูดิ เผื่อจะรู้อะไรบ้าง”
“งั้นมึงโทรไลน์ไปดิเซฮุน”
“ห่าไร เมียเก่ามึง” ชานยอลได้แต่จิ้ปากอย่างจำใจ พลางล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง แต่เดี๋ยวนะ... “มึงโทรอ่ะถูกแล้ว กูยึดโทรศัพท์อิอ้วนมันมาใช้”
“ห้ะ”
“ดูดิติดติ๊กเกอร์เต็มเลย” ว่าพลางคว่ำโทรศัพท์เครื่องบางลงกับโต๊ะ โดยที่บนเคสด้านหนังนั้นถูกเจ้าของเครื่องติดสติ๊กเกอร์ไข่เยิ้มและเป็ดน้อยน่ารักจนเคสเหลืองไปหมด หมีง่วงแบบจงอินมองมันอย่างชอบใจ ก่อนจะแอบลิสต์ไว้ในใจว่าสติกเกอร์ไข่เยิ้มควรจะเพิ่มเข้ามาอยู่ในเคสของเขาเหมือนกัน
“กูว่าเมียมึงต้องมีเบอร์เมียเก่ามึงแน่นอน” คำสันนิฐานของเซฮุนทำให้คิ้วหนากระตุกยิกๆ เลยเปิดเข้าไปดูที่รายชื่อในโทรศัพท์ว่ามีเบอร์ของโซยูจริงหรือไม่ เลื่อนไปเลื่อนมา ก็เจอเข้ากับรายชื่อนึงพอดี ‘นางฟ้าทูนหัวของบยอน’
โอ้โห รู้เรื่อง
ชานยอลขบปากล่างของตัวเองเอาไว้เพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วบอกตัวเองเสมอว่าเพื่อแบคฮยอนแล้วเขาทนได้เสมอ ก่อนจะกดโทรออกไป รอสายอยู่ไม่นานนักก็มีเสียงแหบเสน่ห์ตอบรับอย่างอารมณ์ดี เซฮุนรีบดึงโทรศัพท์ออกมากจากหูชานยอลแล้วกดสปีกเกอร์โฟนเพื่อให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง
(ฮัลโหล~ คิดไงถึงโทรมาเนี่ย)
“ก็ไม่คิดไงอ่ะ เมียงอน”
(หะ ห๊ะ... พี่)
“ไม่ใช่เมียกูหรอก นี่ชานยอล”
(แม่ง! นี่นายขโมยโทรศัพท์พี่แบคฮยอนมาหรอ) เมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาไม่ใช่แบคฮยอนอย่างที่คิด โซยูก็ถึงกับปล่อยคำหยาบคายและเปลี่ยนน้ำเสียงในการพูดทันที จนชานยอลอดที่จะเบะปากชู้สาวของเมียตัวเองไม่ได้ พูดก็พูดเถอะว่าตอนที่เลิกกันชานยอลทะเลาะกับโซยูน้อยกว่าตอนคบกับแบคฮยอนอีก
“ป่าวแลกกันใช้ตามประสาผัวเมีย”
(ประสาทแล้ว)
“อ่าว”
(โทรมามีอะไรก็รีบพูด เปลืองเงินพี่แบคฮยอน) คำก็พี่แบคอยอน สองคำก็พี่แบคฮยอน มันหน้ามั่นไส้เสียจนชานยอลอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้ง
“จำงานเลี้ยงรำลึกปีแล้วแล้วได้มั้ย ที่ตรงกับวันเกิดแบคฮยอน นั่นแหละ กูอยากรู้ว่าคลิปที่เขาส่งกันในไลน์มันเกิดอะไรขึ้น เกี่ยวกับแบคฮยอนรึเปล่า”
(...)
“กูไม่รู้ว่าตอนนี้แบคฮยอนเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้หนีไปแล้วยังไปลดความอ้วนทั้งๆที่เป็นคนพูดเองแท้ๆว่าชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ กูง้อแล้วนะ.. แต่ไม่สำเร็จว่ะ” โซยูยังคงเงียบและไม่มีทีท่าว่าจะตอบชานยอลแต่อย่างไร จนใจมันไขว้เขวไปหมด เพื่อนทั้งสองต่างก็ลุ้นไปตามๆกัน
(ขอโทษนะ)
“...”
(ไอ้โง่! โง่ โง่ โง่)
“ย่าห์ นี่รุ่นพี่เธอนะ”
(แล้วไง ก็นายมันโง่จริงๆนี่ ฉันถามหน่อยเถอะ ตอนนั้นไปอยู่ไหนมาทั้งคลิปทั้งเรื่องเล่ามันแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน ขนาดเพื่อนโรงเรียนข้างๆยังรู้เรื่องพี่แบคฮยอนในคืนนั้นเลย ถ้าจะพูดว่าเขาปิดเรื่องเงียบก็ไม่ใช่แล้วมั้ง ฉันว่านายนั่นแหละที่ไม่สนใจพี่แบคฮยอนเองมากกว่า)
คำพูดของคนในสายทำเอาชานยอลนิ่งงั้น หัวมันหนักอึ้งไปหมดราวกับมีคนใช้ค้อนยักษ์ทับเข้าที่หัวเขาอย่างแรง ในห้วงที่มึนงงนี้ชานยอลพบว่าตัวเองได้ก้าวไปยังถนนคนละเส้นกับแบคฮยอน ความผิดครานั้น โถมเข้ามาในจิตใจจนบอบช้ำ
“กูไม่รู้จริงๆ”
(...)
“ขอร้องล่ะ ช่วยบอกที”
(วั้นนั้นพี่แบคฮยอนโดนคนปาเค้กใส่หน้า ทุกคนที่ห้องโถงพากันหัวเราะเยาะ ทำราวกับว่าพี่เขาไม่ใช่คน ไหนจะคลิปที่โดนตบฉายอยู่บนเวทีอีก วันนั้นมันเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตของพี่แบคฮยอนเลย เพราะมันทำให้พี่เขารู้สึกว่าในโลกนี้...)
“...”
(ไม่มีใครรักคนอ้วนแบบเขาจริงๆ)
โซยูทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะตัดสายไป แค่ทว่าคำพูดของเธอยังวนเวียนอยู่ในหัวของชานยอลราวกับเพลงที่ไม่มีวันจบ ชานยอลปล่อยให้โทรศัพท์เครื่องสวยหล่นลงพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาเลียริมผีปากที่แห้งพร่าของตัวเองเพื่อตั้งสติ
“ถ้าตอนนั้นกูอยู่กับมันเรื่องก็คงไม่เกิด”
“ใจเย็นๆเว้ยไอ้ชาน เราช่วยกันแก้ปัญหาได้” เซฮุนพยายามพูดในแง่ดีพลางเอื้อมมือไปตบไหล่กว้างเบาๆเพื่อให้กำลังใจ “มันไม่สายเกิดไปหรอกสำหรับการปรับความเข้าใจ อย่างน้อยๆแบคฮยอนก็ยังรักมึงอยู่”
“แล้วจะให้กูทำไง พูดอย่างกับว่าอยู่มหาลัยเดียวกัน ให้กูไปง้อง่ายๆงั้นแหละ”
“งั้นก็เอาแบคฮยอนมาอยู่ยอนเซ” คำพูดหมีๆของจงอินทำเอาชานยอลปรอทแตก หวดมือเข้าเต็มๆหลังหัวเพื่อนรักจนหน้าคะมำ
“ไอ้ห่า ช่วยดูสถานการณ์ด้วยนะว่าควรเล่นมุกหมีๆมั้ย มะ...”
“ใช่!”
เซฮุนดีดนิ้วดังเปาะ ดวงตาที่แสนเจ้าเล่ห์ของเซฮุนพราวระยับก่อนจะเสะยิ้มที่น่าถีบออกมา จงอินลงความเห็นแล้วว่า รอดยิ้มนี้มันไม่ใช่รอยยิ้มที่ดีเลย สัญชาตญาณหมีมันบอกเอาไว้แบบนั้นว่ามันอันตราย และอาจจะซวยได้ถ้าปล่อยให้เซฮุนจัดการ
“-_-”
“ใช่อะไรมึง”
“ทำไมเราไม่ย้ายแบคฮยอนมาอยู่ยอนเซเลยล่ะ” ชานยอลถึงกับยกมือตบหน้าผากตัวเองดังปั้กทันทีที่เซฮุนพูดเรื่องไร้สาระออกมา
“มึงคิดว่าจะย้ายนักศึกษามาง่ายๆหรอ ต่อให้พ่อมึงเป็นนายกยังทำไม่ได้เลยไอ้ฟาย”
“แน่สิ พ่อไม่เป็นนายกยังทำได้เลย”
“ตลกละ”
“เชื่อมือกูเถอะน่า”
“...”
“ไอ้เรื่องชั่วๆกูถนัดนัก สหาย”
( 80 เปอร์เซ็นต์ )
เช้าวันนี้ไม่สดใสเอาเสียเลย
แบคฮยอนขึ้นรถเมล์มาด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแรง ก็ตั้งแต่เมื่อคืนที่โดนจู่โจมโดยไอ้หนวดโรคจิตชานยอลเข้า แบคฮยอนก็รู้สึกเหมือนโดนยิงด้วยกระสุนแห่งความโชคร้ายเข้าอย่างจัง เพราะหนึ่งเลยคือเขาโดนขโมยโทรศัพท์ และสองเขาตื่นไม่ทันรถเมล์จนต้องยอมเสียค่าแท็กซี่มาที่คณะเอง สามหมาหน้าคณะกระโจนเข้ามาจะงับเขาทั้งๆที่ไม่เคยมีปัญหากับมันเลยสักครั้ง
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะชานยอล!
แบคฮยอนรู้สึกหงุดหงิดจนหน้าตาบูดบึ้งไปหมด พอปลดล็อคโทรศัพท์เพื่อที่จะดูเวลาทีไร รูปล็อคสกรีนก็โชว์รูปไอ้ตัวอ้วนที่ยิ้มแฉ่งในขณะที่มือถือไอติม ซึ่งก็ทำให้หน้าชาทุกครั้งไป รูปของเขาที่ดูดีกว่านี้ก็มีทำไม่ไม่เลือก นี่มันน่าอาจริงๆ จะเข้าไปเปลี่ยนก็กะไรอยู่ถึงแม้ว่าโทรศัพท์มันจะไม่ได้ล็อคก็ตาม
“ทำไมหน้าบึ้งจัง” คยองซูเงยหน้าขึ้นเอ่ยทักเพื่อนตัวเล็กที่กำลังนั่งลงข้างๆตัวเอง แบคฮยอนดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะใบหน้าไม่ยิ้มแย้มเหมือนเคย “กินขนมปังมั้ย”
“คนขายเพื่อน” แบคฮยอนสะบัดหน้าหนีขนมปังเคลือบน้ำตาลที่คนตาโตยื่นมาจ่อปาก จะว่าโกรธคยองซูมั้ยที่ทิ้งเขาเอาไว้กับพี่รหัสหน้าม้อ แบคฮยอนตอบเลยว่าไม่เท่าไหร่ แต่มันก็ยังอดหงุดหงิดและพาลโทษเพื่อนไม่ได้ที่ทำให้ชะตาชีวิตของเขาต้องมาพบเจอกับชานยอลอีกครั้ง
“เปล่าสักหน่อย”
“นายทิ้งฉันไว้กับพี่รหัสของนายได้ยังไงห้ะ คนเฬว!” แบคฮยอนหันมามองคยองซูอย่างหงุดหงิด ท่าทีที่เรียบเฉยของคยองซูมันน่าหงุดหงิดจริงๆนั่นแหละ อย่างน้อยๆคยองซูก็ควรทำหน้าให้ดูน่าสงสารกว่านี้หน่อย ไม่ใช่การกัดขนมปังแล้วใช้ตากลมโตมองเขาปริบๆแบบนี้
“ก็พี่เขามีรถหรูๆให้นั่งด้วยนะ นายไม่รู้หรอว่าการนั่งรถเมล์ตอนค่ำมันอันตราย”
“อันตรายบ้าอะไร ฉันเป็นผู้ชายนะคยองซู แมนๆเลยด้วย!” ไม่อยากจะอวดเลยว่าแบคฮยอนคนนี้ดูหล่อและเท่ห์มากแค่ไหนหลังจากลดความอ้วน ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้หญิงเข้าหาเลยก็ตาม แต่แบคฮยอนก็มั่นใจว่าเขาหล่อมาก หล่อเหมือนกับหนุ่มศรรามในเรื่องมายาตะวันไม่มีผิด
“แบคฮยอนฝันอยู่หรอ”
จบเลย
“ไม่คุยกับนายแล้วเชอะ”
“แต่ฉันจะคุยกับนายนะ” ทำไมต้องยิ้มหวานทั้งๆที่ตัวเองมีความผิดด้วยหรือคยองซู บางทีแบคฮยอนก็อยากจะกุมมือคยองซูไว้เบาๆแล้วกระซิบข้างหูว่า 'อย่าออยกูเลยเพื่อนรัก' แต่ก็ทำไม่ได้เพราะรู้สึกว่ามันเป็นคำพูดที่ร้ายแรงเกินไป
แบคฮยอนรู้สึกเบื่อหน่ายในวิชาพหุวัฒนธรรมเอามากๆ อยากจะให้อาจารย์พูดเร็วๆแล้วปล่อยเขาไปกินข้าวเที่ยงแล้วกลับไปนอนตีพุงอยู่หอ แต่ทว่าเวลามันกลังเดินอย่างเชิงช้าเหลือเกิน เหมือนกับตังเมเหนียวๆที่อยากจะรีบเคี้ยวๆให้มันหมดๆไปเพราะมันหวานเกิดจะอมต่อแล้ว
ครืน
ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวตอนที่กำลังง่วงได้ที่ ยกมือเรียวขึ้นเช็ดน้ำลายตรงมุมปากก่อนจะรีบล้วงเอาโทรศัพท์ที่เหมือนไม่ได้รับการดูแลออกมาเปิดดูการแจ้งเตือน ตอนแรกก็กะจะวางเอาไว้เหมือนเดิมเพราะนึกได้ว่านี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของตัวเอง แต่ตามันก็เหลือบไปเห็นว่าเบอร์ที่ส่งข้อความมานั้นมันเป็นเบอร์ของตัวเองเข้าซะก่อน
“ตั้งใจฟังอาจารย์หน่อยสิ” มือหนาของคยองซูคว้าหมับเข้าที่โทรศัพท์เครื่องบาง แบคฮยอนยิ่งตกใจเข้าไปกันใหญ่จนตีเข้าที่มือของเพื่อนดังเพี๊ยะ
“ก็ฟังไง แต่ก็ดูมือถือด้วยนายนะเงียบไปเลย”
“หรอ”
“ฉันแยกประสาทได้น่า” คยองซูมองแล้วก็ถอนหายใจ ถึงแม้จะไม่คอยวางใจเท่าไหร่นัก แต่มืออวบกลับค่อยๆปล่อยโทรศัพท์คืนสู่เจ้าของตามเดิม พอได้โทรศัพท์คืนมา แบคฮยอนก็รีบเปิดโทรศัพท์ดูข้อความใหม่ทันที
[ ผู้ชายเยอะนะเรา ...แต่ไม่ต้องห่วงกูจัดการให้หมดแล้ว ]
แบคฮยอนรู้สึกว่าตัวเองพลาดอย่างแรงที่ไม่ยอมตั้งรหัสล็อคโทรศัพท์ มาถึงตอนนี้เขาคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว คงต้องเผชิญหน้าเท่านั้นต่อให้รู้ว่านี่เป็นกับดักของชานยอลที่ล่อให้เขาเดินเข้าก็ตาม
กว่าจะเลิกเรียนก็ทำเอาแบคฮยอนแทบฟุบหลับไปเพราะความง่วงเกินจะบรรยาย แบคฮยอนเดินลากขาออกมาจากห้องพร้อมกับคยองซู มือเรียวคอยเกาะแขนป้อมของคยองซูเอาไว้แล้วเอนหน้าซบเข้ากับไหล่แคบ คยองซูบ่นอุบอิบว่าหนักบ้าง เหม็นหัวบ้างแต่ก็ไม่ยักกะผลักแบคฮยอนออก
“แบคฮยอน คนมุงอะไรกันหน้าบอร์ดอ่ะ”
“ช่างแม่งเถอะน่า”
“แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นที่น่าสนใจนะ” แบคฮยอนส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วย เพราะสิ่งที่อยากจะทำตอนนี้คือการกลับไปนอนหลับที่หอ แล้วตอนเย็นก็ตื่นไปไฟว์กับยักษ์ตัวแดงที่ขโมยโทรศัพท์เขาไป ซึ่งดูเหมือนคยองซูยังคงยืนยันว่าจะลากเขาไปดูบอร์ดให้ได้
“เอ่อ โทษทีนะ พวกเธอดูบอร์ดกันทำไมหรอ” คยองซูเอ่ยถามคนด้านหน้าอย่างฉงน โดยเว้นระยะห่างระหว่างตัวเองกับคนอื่นพอสมควรเพื่อที่ว่าอาการกลัวการสัมผัสมันจะไม่ทำงานตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นหันมาก่อนยิ้มน้อยๆพร้อมกับอธิบายที่เข้าใจง่ายๆ
“อ๋อ เรามารอดูรายชื่อนักศึกษาที่ได้แลกเปลี่ยนไปอยู่มหาลัยยอนเซน่ะ เอ้อ... นายคงไม่รู้จักกิจกรรมนี้ล่ะสิ โดยปกติแล้วทางมหาลัยโคเรียกับมหาลัยยอนเซน่ะสนิทกันมากกว่ามหาลัยโซล ดังนั้นทั้งสองมหาลัยเลยมีการจัดกิจกรรมกระชับสัมพันธ์โดยการแลกนักศึกษาคณะมนุษย์ปีหนึ่ง เพียงหนึ่งคนในระยะเวลาตลอดภาคเรียนที่สอง”
“แล้วมันเกี่ยวกับเราด้วยหรอ”
“เกี่ยวสิ เห็นว่าปีนี้สาขาของเราได้รับเลือกไว้และนักศึกษาผู้โชคดีจะถูกสุ่มโดยคอมพิวเตอร์ ฉันว่านั่นมันจะต้องดีมากแน่ๆ คิดดูสิคนนั้นจะได้ดูฟุตบอลโคเรีย-ยอนเซแบบใกล้ชิด แล้วไหนจะวิศวะหนุ่มหล่อๆของที่นั่นอีก”
หลังจากที่ได้ฟังคยองซูก็รู้สึกว่ากิจกรรมนี้มันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เพราะการทำแบบนี้มันมีแต่ทำให้เกรดลดลงซะเปล่าๆ การเปลี่ยนเรียนในสังคมที่แต่งต่างนั่นอีก
“ไปเถอะ” แบคอยอนเขย่าแขนคยองซูเพื่อเร่งเพื่อนรักไปในตัว ในตอนที่ทั้งคู่กำลังจะเดินออกไปนั้นก็ได้สวนกับรุ่นพี่ปีสามที่ถือกระดาษเอสี่มาพอดี ทุกคนพร้อมใจกันแหวกทางให้ ก่อนที่ใบประกาศสีขาวจะถูกติดลงบนบอร์ด
“คยองซู!” หนึ่งในคนที่ยืนอยู่หน้าบอร์ดตะโกนดั่งลั่น ทั้งแบคฮยอนทั้งยองซูต่างก็หันมาตามเสียเรียกด้วยสีหน้างงงวย
“เป็นนายคยองซู”
“ห้ะ”
“ตอนเทอมสองนายจะต้องไปอยู่ที่ยอนเซ”
ชิบหาย
เทยอยากให้คนไทยใจเย็ดๆ
มาอัพให้แล้ว เป็นเปอร์เซ็นต์ที่น่าขัดใจ 555
ก็เห็นทุกคนรอควยนานมากเราก็เลยต้องมาตามนี้
ช่วงนี้แต่งไม่ทันจริงๆค่ะ เทยซอรี่นะ
ว้ายมีความสุขจังเลยค่ะบทนี้มีแต่คนหล่อ
สนองนี้ดตัวเองนิดนึง เบื่อลูกสาวมาก เล่นตัว
อีก20%จะมาต่อให้พรุ่งนี้นะก้ะ เวลาเดิม
ต้องติดตามนะคะห้ามพลาดเลย
(พยายามเนียนขายของ ฮ่าๆ)
สำหรับคนที่บอกว่าอยากเปลี่ยนตัวเอง
กระเทยก็จะเป็นกำลังใจให้ อยากให้ทุกคนสู้
ไม่มีใครเกิดมาไม่สวยหรอกเนาะ
ประตูของคนสวยอยู่ตรงหน้าเรานี้เอง
ขอแค่มั่นใจ แล้วก้าวเข้าไปให้ได้นะคะ
รักสัมเหมอ
ความคิดเห็น