ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #18 : NICE BODY : 16 (Ep. BYUN'S)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.65K
      43
      6 เม.ย. 58

     16

    Byun's Mom




    (ใจไม่แข็งให้อ่านแค่คำพูด)




     

     

     

     

     

    แบคฮยอนยังคงนั่งนิ่งมองโทรศัพท์ในมือของตัวเองที่ได้หยุดแผดเสียงไปได้ไม่นาน มืออวบยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากดวงตาเรียวรีทั้งสองข้าง ก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้นมาอีกระรอก มือที่สั่นระริกกดรับสายพร้อมกับน้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างห้ามไม่ได้

     

     

    “ม..แม่”

     

     

    (แบคฮยอน)

     

     

    “...” เพียงแค่ได้ยินเสียงอ่อนของแม่แบคฮยอนก็แทบจะร้องไห้โฮออกมา เขาโหยหามือเล็กที่คอยประประโลมเขา คิดถึงอ้อมกอดจากอกอุ่นๆของแม่จนน้ำตาไหล เขี้ยวเล็กขบกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอึกเอาไว้

     

     

    (เป็นอะไรไปแบคฮยอน)

     

     

    “เปล่า...เปล่าครับ”

     

     

    (แม่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าโกหกแม่มันเป็นบาป)

     

     

    “...”

     

     

    (มีอะไรก็บอกแม่)

     

     

    สัญชาติญาณของคนแม่มันบอกอย่างนั้นว่าคำว่า เปล่าของลูกชายที่รักนั้นไม่ได้หมายความอย่างที่พูด แบคฮยอนหยุดกัดปากแล้วปล่อยเสียงสะอึกออกมาอย่างไม่อายใคร ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาหลายต่อหลายครั้ง น้ำเสียงสั่นๆของเขาตอนพูดกับแม่นั้นฟังแทบไม่ได้ศัพท์

     

     

    “แม่ ผม..ข ขอโทษนะ”

     

     

    (เรื่องอะไร)

     

     

    “ที่ผมโกหกแม่ ..ฮึก ผมโกหกมันทั้งหมด”

     

     

    (...)

     

     

    “ทั้งเรื่องที่โรงเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องแฟน ผมโกหกแม่หมดเลย” ร่างท้วมร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียจนหัวไหล่สั่นไหว ราวกับแมงเม่าที่เจอแสงจันทรา หลังจากหลงมัวเมาไปกับเปลวเพลิงร้อนระอุ ไม่รู้เลยว่าไฟนั้นอันตราย ยามเมื่อเผาปีกเล็กจนเกือบมอดไหม้แมลงตัวจ้อยถึงได้รู้ว่า ที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเขา

     

     

    น่าสงสารเสียจริง...

     

     

    สงสารที่ไม่มีใครรู้เลยว่าน้ำตานี้เสียไปมากเท่าใด

     

     

    (ใจเย็นๆนะแบคฮยอน ตอนนี้แม่อยู่ที่โซลแกอยู่ที่ไหน)

     

     

    “อยู่ที่สวนหน้า ห้องโถงโรงเรียน ..ค ครับ”

     

     

    (เดี๋ยวแม่เข้าไปหา อยู่ตรงนั้นนะ!)

     

     

    ซอนมีร้อนอกร้อนใจดั่งใครเอาไฟมาสุม ทั้งๆที่เธอตั้งใจว่าจะแอบมาทำเซอร์ไพรส์วันเกิดให้ลูกชายตัวอ้วนแต่พอเธอโทรเข้าไปหากลับได้รับน้ำเสียงที่สั่นเครือกลับมา ความรู้สึกของคนแม่ในตอนนั้นมันบอกเธอว่าแบคฮยอนกำลังแย่และต้องการใครสักคนเพื่อปลอบโยน

     

     

    ใช้เวลาเพียงไม่นานจากหอลูกชายเธอก็มาถึงที่หมายก่อนจะพบกับแบคฮยอนที่นั่งกอดเขาตัวเองอยู่ข้างๆริมฟุตบาท หัวใจของคนเป็นแม่กระตุกวูบเมื่อเห็นสภาพของลูกชายตัวเองร้องไห้สั่นระริก ใบหน้าเปราะเปื้อนไปด้วยคราบขนมจนแทบดูไม่ได้

     

     

     

    ใครกันที่ทำกับลูกของเธอแบบนี้

     

     

    ลูกชายที่เธอเลี้ยงดูอุ้มชูมากับมือ

     

     

     

    “แบคฮยอน”

     

     

    “แม่” แบคฮยอนครางเบาเมื่อเห็นแม่ที่เดินเข้ามาใกล้ ปากเล็กแบะออกทำท่าจะร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง ยันตัวลุกขึ้นจากพื้นที่เย็นชื้น ทำท่าว่าจะพุ่งเขาไปสวมกอดแม่ตัวเองแน่นๆแต่ก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสภาพของตัวเองเลอะเทอะเกิดว่าจะทำแม่ของตัวเองเปื้อนได้

     

     

    “อะไรเล่า”

     

     

    “...”

     

     

    “นี่แม่ของแกนะ แม่แกเอง” ซอนมีเป็นฝ่ายเดินเข้าไปสวมกอดแบคฮยอนเอาไว้แน่นเสียเอง ส่งมอบความอบอุ่นที่มากมายจนทำเอาแบคฮยอนจุกอก น้ำตาไหลอาบแก้มสุดเกินจะกลั้น มือเรียวยกขึ้นมาลูบหัวลูกชายผะแผ่วจูบซับที่ข้างหูพร้อมกับท้อยคำที่เน้นย้ำว่าเธอจะอยู่เคียงข้างแบคฮยอนเสมอ

     

     

    “ผมขอโทษ ฮึก ผมขอโทษ”

     

     

    “ไม่เป็นไร...” ซอนมีผละอ้อมกอดออกมาก่อนจะยกมือเรียวขึ้นมาปาดน้ำตาออกจาใบหน้าของแบคฮยอนแผ่วเบา “ไหนบอกว่ามางานเต้นรำไง ทำไมทำตัวเลอะเทอะแบบนี้เนี้ย”

     

     

    “ผม ผม..”

     

     

    “เก็บเอาไว้ไปแก้ตัวให้แม่ฟังที่หอนะ”

     

     

    แบคฮยอนพยักหน้าเพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากจะ อยู่ที่นี่นานๆเหมือนกัน แทรกตัวเอาไปนั่งในรถที่แสนคุ้นเคยพร้อมๆกับแม่ที่เข้ามานั่งอีกฝั่ง ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ในมือของเขาก็แผดเสียงขึ้นพร้อมกับรูปที่หน้าจอโชว์ว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา

     

    ‘Chanyeol’s calling’

     

    ร่างอวบหัวเราะเหอะในลำคอก่อนจะกดล็อคโทรศัพท์แล้วปิดเครื่องไป จงใจไม่รับสายของอีกคนไปดื้อๆ ในเมื่อทำกันถึงขนาดนี้แล้ว แบคฮยอนเองไม่มีอะไรจะพูดด้วย คำว่า เราในเมื่อมันมีไม่มีความหมายมาตั้งแต่แรกเขาก็จะจบเรื่องนี้ในแบบฉบับเขาเอง

     

     

     

    รถของแม่ขับสวนกับร่างสูงโปร่งของชายที่เขารู้จักดีเมื่อวนรถที่หน้าลานน้ำพุ สีหน้าดูมีความกระวนกระวายใจอีกทั้งในมือข้างซ้ายยังคงยกโทรศัพท์แนบหูเอาไว้ ภาพที่เห็นมันทำเอาหัวใจสั่นร้าวไปหมด ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าที่ผ่านมามันเป็นเพียงหน้ากากใบนึงของชานยอลเท่านั้น แค่สวมเอาไว้แล้วเสแสร้งแกล้งทำว่ารักแบคฮยอนนักหนา

     

     

     

    โถ่เจ้าจอมขวัญ เขาจะรักคนอัปลักษณ์ได้อย่างไร

     

     

    เขาเป็นถึงเจ้าชาย ที่ใครๆต่างก็ฝันถึง

     

     

     

    “แม่ครับ ช่วยขับเร็วๆได้มั้ย...”

     

     

    “ทำไม”

     

     

    “ผมไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว”

     

     

    ใช้เวลาไม่นานแม่ก็ขับรถมาถึงที่หอของเขา แบคฮยอนหยุดร้องไห้ไปได้สักพักแล้ว เพียงแต่สีหน้านั้นกลับไม่สู้ดีเอาเสียเลย แบคฮยอนล้วงเอากุญแจที่ไม่ค่อยได้ใช้งานขึ้นมาเปิด เพื่อให้แม่ของเขาเข้าห้องพักเหนื่อยแล้วจึงปิดประตูลง มือเรียวเอื้อมไปกดไฟทุกดวงในห้องจนสว่างจ้า

     

     

    ลูกโป่งนับสิบๆลูกถูกประดับประดาอยู่เต็มห้อง พร้อมกับข้อความสุขสันต์วันเกิด ถัดลงมาเป็นป้ายที่เขียนด้วยตัวหนังสือหวัดๆว่า บยอน ซอนมี ขอบตาเรียวเล็กร้อยผ่าวและรู้สึกตื้นตันจนมันจุกอกไปหมด ร่างผอมบางของแม่ที่คอยโอบอุ้มเขามาตั้งแต่เล็กๆที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขากลับมาร้องไห้อีกครั้งโดยไม่มีสาเหตุ

     

     

    “มะ แม่”

     

     

    “ก็เห็นว่าแกชอบลูกโป่งหรอก เลยเอามาติดให้” แม่เดินไปวางกระเป๋าสะพายไหล่เอาไว้บนโซฟา ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียงของลูกชาย แบคฮยอนรีบปากน้ำตาออกลวกๆก่อนจะเดินดูลูกโป่งของแม่อย่างชอบใจ

     

     

    “ขอบคุณครับ” แบคฮยอนดึงลูกโป่งเข้ามากอดเอาไว้แนบอกแล้วยิ้มอ่อน

     

     

    “แบคฮยอนมานั่งนี่ แล้วเล่ามาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น” แม่ตบเบาๆที่พื้นที่ว่างบนเตียงเป็นเชิงเรียกให้ร่างท้วมไม่มีท่าทีอิดออดเหมือนแต่ก่อน เดินเข้ามานั่งตามที่แม่บอกอย่างว่าง่าย

     

     

    “แม่ครับ” เสียงแหบขึ้นจมูกกล่าวขึ้นนิ่งๆก่อนจะจับมือแม่เอาไว้หลวมๆ “ก่อนที่ผมจะเล่าผมอยากให้แม่รู้เอาไว้ว่าที่ผมโกหกแม่ ก็เพราะไม่อยากให้แม่ต้องเป็นห่วง”

     

     

    “อื้อ ฉันโกรธแกไม่ลงหรอกน่าเล่ามาเถอะ”

     

     

    “ที่โรงเรียนแทฮัน มีสังคมประหลาดๆโดยที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน หลายๆคนเรียกมันว่า สังคมไนซ์บอดี้พวกเขาจะเทิดทูนคนที่หุ่นดี ชื่นชมออลจัง และในขณะเดียวกันก็เหยียบย่ำคนอ้วนๆ จนแทบจะไม่มีที่อยู่”

     

     

    “...”

     

     

    คนเป็นแม่ฟังน้ำเสียงสั่นเครือของลูกชายหัวแก้วหัวแววเมื่อยามพูดด้วยใจตุ่มๆต่ำๆ พยายามเงียบเพื่อที่ลูกชายจะได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด เพื่อที่จะได้คลายความเศร้าออกมาบ้าง

     

     

    “ผมไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเลยครับ จะจีบสาวก็โดนเขาหลอก โดนแกล้ง โดนดูถูกสารพัด โดนวิจารณ์ในแง่ลบ ทั้งๆที่คนพวกนั้นไม่เคยเข้ามาลงคุยกับผมเลยสักครั้ง ผมโดนตัดสินตัวตนเพียงแค่ภายนอกของผม”

     

     

    “...”

     

     

    “เพียงแค่ผมอ้วน”

     

     

    “แล้ว...ที่บอกแม่ว่าแกมีแฟนแล้วล่ะ”

     

     

    “อันนั้นผมไม่ได้โกหก ผมมีแฟนจริงๆแต่ว่า...เขาเป็นผู้ชาย”

     

     

    “...”

     

     

    “เขาชื่อปาร์คชานยอล เป็นผู้ชายข้างห้องที่ผมไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอ แต่มันก็พลิกไปหมด เขาคอยช่วยเหลือผมตอนที่ผมไม่เหลือใคร ปกป้องผมตอนที่ผมโดนแกล้ง และความอ่อนโยนของเขามันทำให้ผมรู้สึกหลงรักเขา ผมคิดมาตลอดเลยนะแม่ ว่าผู้ชายแบบชานยอลจะมาชอบผมได้ยังไง เขาทั้งหล่อ เก่ง รวย ดีไปซะหมดทุกสิ่งอย่าง แต่กลับบอกว่าชอบคนแบบผม” แบคฮยอนหยุดพูดไปแล้วกลืนก้อนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอจนขมไปหมด “มันเป็นไปไม่ได้”

     

     

    “...”

     

     

    “นั่นแหละแม่ สุดท้ายผมก็โดนหลอก” แบคฮยอนสารภาพออกมาจนหมดเปลือก เสียงเหมี๋ยวๆครางร้องเรียกอ่อนพร้อมกับความอ่อนนุ่มที่ปลายเท้า แมวตัวขาวเดินคลอเคลียเท้าเจ้านายแสนรักไปมาราวกับมาปลอบใจ

     

     

    “นั่นแกเลี้ยงแมว?”

     

     

    “เปล่าครับ มันเป็นแมวที่หลงเข้ามาแล้วชานยอลบอกให้เลี้ยงมันไว้” แบคฮยอนขยับเท้าออกมาให้ห่างจากเจ้าหน้าขนนิดหน่อยเพราะความไม่คุ้นชิน

     

     

    “แกไม่ชอบแมว แกฝืนนอนกับแมวได้งั้นหรอ”

     

     

     

    “เปล่า ...ผมนอนที่ห้องชานยอล”

     

     

    แม่ถึงกับยกมือทาบอกด้วยความตกใจ เกือบๆสองเดือนที่ผ่านมานั้นไม่ต้องเดาเธอก็รู้เลยว่าแบคฮยอนผูกพันกับชายที่ชื่อชานยอลเข้าให้แล้ว

     

     

    “เหมือนฝันเลยครับแม่ตอนอยู่กับเขา”

     

     

    แบคฮยอนเอนหัวซบเข้ากับไหล่แคบของแม่อย่างอ่อนล้า ร้อยยิ้มที่มีนั้นหมดสิ้นซึ่งความหวัง ไม่ทันไรภาพเหตุการณ์เก่าๆที่มีแต่คำว่าเรามันก็ผุดขึ้นมาในหัวราวกับจะแกล้งตอกย้ำให้แบคฮยอนรู้สึกแย่ยิ่งว่าเดิม คล้ายสายลมหนาวที่พัดผ่านร่างไปให้ใจไหวหวั่น กลั่นกระซิบให้แสบสะท้านว่า ตื่นเถอะแบคฮยอนก้อนสะอึกรวมตัวกันกระจุกแน่นจนเขาหายใจไม่ออก มีเพียงแค่ต้องร้องไห้ให้คลายบรรเทา

     

     

    “โอ๋ แม่เข้าใจแบคฮยอนแม่เข้าใจ”

     

     

    “แม่ครับ...ฮึก”

     

     

    เสียงสะอึกนั้นก้องดังไปทั้งใจแม่ เห็นลูกรักร้องห่มร้องไห้เจ็บปวดมันแสนแสบเกินกว่าจะทน แนบจูบลงบนหน้าผากฝากรักฝากอาทรไปยังดวงใจกล่องน้อย อยากเห็นจริงๆว่าใครกันที่พยายามจะทำลายกล่องดวงใจที่เธอเฝ้าหวงแหน

     

     

    “ไม่เอา ไม่ร้องแล้ว”

     

     

     

    “ทำยังไง... ก็ผมเสียใจนี่”

     

     

     

    “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะตาบวม มันน่าเกลียดมากนะรู้มั้ย”

     

     

     

    “ไม่ ป..เป็น ไร”

     

     

     

    “...”

     

     

     

     

    “ผมน่าเกลียดอยู่แล้ว”

     

     

    แบคฮยอนยิ้มทั้งๆที่ร้องไห้ออกมาไม่หยุด แม่เห็นแล้วใจแทบสลาย รีบดึงลูกเข้ามากอดแนบอกแน่น กลัวเหลือเกินว่าใจของแบคฮยอนจะแตกเหมือนแก้วแตก ร้าวร้านให้คนเป็นแม่ต้องกลับมาถนอมใหม่อีกครั้ง

     

     

    “เก็บของแบคฮยอน”

     

     

    “เก็บไปไหนครับ”

     

     

    “บ้านเรา”

     

     

    “...”

     

     

    “ไม่ต้องอยู่แล้วที่แบบนี้”

     

     

    “แต่แม่ ผ...ผม เสียดายเงิน ถ้าต้องกลับบ้านแม่ก็เหมือนกับเอาเงินไปทิ้งน้ำซะเปล่าๆ” แบคฮยอนสะอื้นฮักพลางส่ายหัวไปมา

     

     

    “แม่หาเงินเก่ง แกไม่รู้หรอ”

     

     

    “มะ ฮึก ไม่เอา แม่เหนื่อย”

     

     

    “เหนื่อยกายสิบเท่าเทียบไม่ได้กับเหนื่อยใจ เงินน่ะไว้หาเมื่อไหร่ก็หาใหม่ได้ แต่ลูกแม่...”

     

     

    “...”

     

     

    “แม่มีคนเดียว”

     

     

    แบคฮยอนร้องไห้โฮพลางกระชับอ้อมกอดที่อบอุ่นนี้ให้แน่นขึ้น ร้องไห้เหมือนกับตอนเด็กๆที่เคยขับรถจักรยานล้มได้แผลแล้วโผเข้าหาอ้อมกอดแม่ ฟ้องว่าจักรยานมันไม่ดีช่วยตีมันหน่อย ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปีลูกรักก็ยังคงเป็นลูกรัก กาลเวลาก็ไม่อาจจะตัดสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นนี้ได้

     

     

    เห็นลูกร้อง แม่ร้องตาม

     

     

    เห็นลูกเจ็บ แม่ก็เจ็บตาม

     

     

     

    “กลับบ้านเรากันนะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

    ว่ากันว่าเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนเวทย์มนต์จะเสื่อมคลาย เห็นที่ว่ามันคงจะจริง วิมานความสุขที่ถูกเสกมากองลงตรงหน้าแบคฮยอนบัดนี้เหลือแต่ฝุ่นละออง เพราะหลงมัวเมาจนลืมช่วงเวลาเที่ยงคืนไปเสียจนสนิท โง่เขลาด้วยโลภมาก พอมนตราลาเลือนก็ไม่อาจทำใจได้

     

    เหมี้ยว

     

     

    เสียงเจ้าตัวจ้อยร้องเรียกในยามที่มองการกระทำของเจ้านาย แบคฮยอนร้อยกุญแจห้องของชานยอลเข้ากับเชือกสีน้ำตาล ผูกปมให้กลายเป็นสายสร้อยก่อนจะสวมหัวให้กับเจ้าแมวน้อย แบคฮยอนปาดน้ำตาออกลวกๆสูดกลิ่นหอมที่คุ้นเคยเข้าเต็มปอด

     

     

    กลิ่นไอรักจมปลอมนั้นแสนหนาวเหน็บ ถึงเวลาแล้วที่แบคฮยอนจะต้องตื่นและหนีห่างออกจากโลกแห่งความฝันนี้ให้ได้ แม้อาจจะต้องเจ็บแต่ก็ดีว่าการย่ำลงบนโคลนแอ่งเดิม

     

     

    เสียงร้องเหมี๋ยวๆดังอย่างต่อเนื่องเมื่อเห็นว่าเจ้านายกำลังเดินห่าออกไป เจ้าตัวจ้อยวิ่งเข้าตะปบขากางเกงเจ้านายเอาไว้พร้อมกับใช้เขี้ยวเล็กงับเอาไว้อีกทีเพื่อดังรั้งเอาไว้สุดฤทธิ แม้ยามโดนสะบัดออกก็ยังยื้อตัวเอาไว้อย่างดื้อด้าน

     

     

     

    “ปล่อยเถอะ แกไม่อยากอยู่กับคนแบบฉันหรอก”

     

     

     

    แบคฮยอนย่อตัวลงมาพลางดึงเจ้าตัวจ้อยออกไปขากางเกง แมวน้อยครางเหมี๋ยว ตะเกียกตะกายตัวอย่างหน้าสงสาร เจ้านายนั้นไซร้ไม่รักเขาแล้วหรือใยจึงจะทิ้งจะขว้างกันอย่างนี้ ร่างปุยนั้นถูกจับโยนลงบนโซฟาก่อนที่ ความมืดมิดที่น่ากลัวจะคลุมกายเข้ามา

     

     

     แบคฮยอนปิดประตูห้องอย่างอ่อนแรง เขาปาดน้ำตาออกอีกครั้งแล้วลงชั้นล่างไปหาแม่ที่คอยอยู่บนรถ ของที่มีก็เก็บมาเพียงแค่จำเป็น เงินค่ามัดจำหอก็ไม่ได้คืนเพราะเช่าอยู่ไม่ครบตามสัญญาเช่า แม่ไม่ยอมเอาอะไรเลยนอกจากตัวเขา

     

     

    “ไม่เหลืออะไรแล้วใช่มั้ย” แม่ถามย้ำตอนที่สตาร์ทรถ แบคฮยอนพยักหน้ารับพลางรัดเข็มขัดนิรภัยพร้อมที่จะหนีอย่างคนขี้แพ้

     

     

    “ครับไม่มีอะไรเหลือแล้ว”

     

     

    “...”

     

     

    “แม้แต่ความรู้สึก”

     

     

    รัตติกาลนี้ใกล้จะหมดลงไปทุกที แบคฮยอนเฝ้าบอกกับตัวเองว่าเมื่อแสงแรกของวันใหม่มาเยือน เขาจะลืมความทุกข์ไปให้สิ้น ถึงครานั้นหัวใจนี้คงไม่เจ็บปวดอีก กลิ่นกรุ่นของหยาดน้ำค้างคงจะบรรเทาอาการบาดเจ็บของแผลลึกได้

     

     

    ยิ่งมืดก็ยิ่งหวาด มืออวบกดเลื่อนกระจกลงก่อนจะแกะฝาหลังของโทรศัพท์ออก เขาแกะทั้งซิมและเมมโมรี่ออกจากตัวเครื่อง ก่อนจะโยนมันออกนอกหน้าต่างไป ละทิ้งทุกสิ่งอย่างเอาไว้ในเงามืด

     

     

     

    คอยย้ำเตือนตัวเองว่า

     

     

    จะไม่ขอหวนย้อนกลับไปอีก

     

     




     

     

     

     

     

     

     
    กระเทยปาก

     

    สั้นๆได้ใจความเนอะ

    คือไม่ได้อยากจะแต่งเยอะไงเดี๋ยวมันจะหน่วง

    คือเรามาอัพเร็วสุดแล้วนะ เห่ย ไม่เห็นต้องแซะกันเลยว่าอัพช้า

    555555555555555

    เราอัพฟิคเร็วสุดแล้วนะจริงๆ



     

    บทที่แล้วกำลังใจท่วมท้นมาก อินี่น้ำตาจะไหล ปลื้มสุดไรสุด

    ทุกคนน่ารักแรง ง่อววววววว

    ตอนนี้สมุดจดฟิคหาย ขอเวลาตามหานะคะ

    นี่โง่เอง จำไม่ได้ว่าเอาไปวางไว้ไหน

     

     

    อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิค

    ฟิคเรามันเป็นแบบ comedy กึ่งๆกับ Black comedy

    แหนะๆไม่รู้ตัวเลยละสิว่าเผลอตลกในความน่าสงสารของแบคฮยอนเข้าไปเต็มๆ

    คือความจริงทั้งเรื่องมันตลกแต่ตัวละครมันน่าสงสาร

    นี่ก็พึ่งมาพีคอารมณ์เอาตอนนี้

     

    เย่

      



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×