คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : NICE BODY : 06 (Ep. HAVE)
06
Have a Idea
(งั้นก็แสดงว่านายป๊อบมากๆงั้นสิ!)
“แน่นอน น้องๆต่างชั้นก็ชอบเอาดอกไม้มาใส่ลงในล็อกเกอร์ฉันทุกวัน”
(หูยยยยย นายเจ๋งที่สุดเลยอะ)
เจ๋งเหี้ยไรครับ กูโกหกแค่นี้มึงก็เชื่อแล้วหรอวะคยองซู มึงนี่อย่างกับวัวกับควายจริงๆ โง่ไม่มีสิ้นสุด โง้โง่! นี่ตอนเด็กๆมึงกินหญ้าแทนอาหารเช้าใช่มั้ย มึงถึงได้โง่เชื่อคำโกหกของกูแบบนี้อ่ะ! กูแค่บอกว่าไปโรงเรียนวันแรกแล้วดัง แต่มึงกลับคิดว่ากูเป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งโรงเรียน
แหนะๆอย่าพึ่งคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีที่นอกจากจะหลอกเพื่อนแล้ว ยังด่าเพื่อนในใจอีก ที่โกหกออกไปคำโตจนจมูกยืดยาวแบบนี้ก็เพราะว่าไม่อยากให้มันเป็นห่วงผมนัก แล้วอีกอย่างทุกครั้งที่ได้คุยโทรศัพท์กับมัน ผมรู้ว่าแม่จะรู้ทุกความเป็นอยู่ของผมจากคยองซู
ดังนั้น แค่เรื่องที่ว่าคนใน(ทั้ง)โรงเรียนไม่ชอบผม ผมก็อยากจะเก็บเอาไว้เป็นความลับ เพื่อให้คนที่อยู่ข้างหลังสบายใจมากที่สุด ผมอยากให้รู้แค่ว่า การที่ผมได้เลือกเข้ามาอยู่ที่โซลนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และยังคงมีความสุขดีที่ได้อยู่ที่นี่
งั้นไหนๆมึงก็โง่เชื่อละ กูขอโม้ต่อหน่อยนึงละกัน
“แล้วคนข้างๆห้องทั้งสองของฉันนะ โครตสวย! นมงี้โครตใหญ่ คนห้องซ้ายมือนะชอบออกไปวิ่งตอนเช้า เธอชอบใส่เสื้อบาสแขนกุด นี่แหละประเด็นเลยคยองซู เสื้อในเธอลายเสื้อดาว!!” โอ้ย แทบจะอ้วกกันเลยทีเดียวเมื่อผมคิดถึงพี่คริสในสภาพสาวฮอตที่พูดไป
(ว้าววววว แบคฮยอนนายนี่มันโชคดีจริงๆ แล้วห้องขวามือล่ะ)
“ก็ไม่เท่าไหร่อ่ะ ก็แค่...”
(แค่!) คยองซูทวนคำพูดผมซ้ำเหมือนกับว่าลุ้นนักหนา นึกแล้วก็อยากจะหัวเราะให้เยี่ยวเลอะกางเกงนักเรียนตัวที่ใส่อยู่จริงๆ
“หน้าโดยรวมน่ารักมากๆ ตากลมโต ปากอวบๆแดงช่ำ เธอชอบใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งๆผืนเดียวออกมารดน้ำต้นไม้ตอนเย็น แล้วรู้อะไรมั้ยคยองซู...
(...)
“ฉันเห็นกางเกงในเธอด้วยล่ะ”
ยึ่ยๆ พูดแล้วก็ขนหัวลุก สยิวสยองมากๆถ้าหากว่าไอ้ชานยอลมันแต่งหญิงขึ้นมาจริงๆ เพราะนอกจากจะดูเหมือนกระเทยควายที่กล้ามใหญ่กว่านักยกน้ำหนักแล้ว หนังหน้าแม่งจะต้องดูไม่ได้แน่ๆ ไหนจะเสียงที่ทุ้มกว่าเสียงเบส ซึ่งอยากจะถามจริงๆว่ามึงเสียงแตกตั้งแต่แรกคลอดเลยรึเปล่า แล้วไอ้ลูกกระเดือกมันก็พอกันเลย แม่งใหญ่มากจนกูนึกว่ามึงกลืนลูกปิงปองลงคอ
(หูยยย ขนาดนี้แล้วก็จีบเลยสิแบคฮยอน!!!)
ถ้ามันไม่ใช่เรื่องโกหกกูคงไม่โง่รอมึงบอกหรอกคยองซู -_-
“ไม่ล่ะ ฉันชอบน้องโซยูมากกว่า”
(หว่า ไม่ดีๆ นายไปจีบสาวนมโตข้างห้องโอเคกว่ามากเพราะฉันว่าน้องโซยูอะไรนั่นน่าจะไม่ได้ชอบนายจริงๆหรอก)
เอ้า! ทีเล่าเรื่องจริงให้ฟังก็เสือกไม่เชื่อ ไอ่ห่ารากนี่ เดี๋ยวกลับไปเจอกูโปกแน่มึง -_-
“แต่ฉันเนี้ย สเปกของน้องเขาเลยนะเว่ยยยยย”
(แล้วไง)
“อ่าว มึง...”
(น้องเขาก็แค่บอกว่าชอบคนตัวใหญ่ แล้วก็กินเยอะๆ ซึ่งนั่นไม่ได้หมายว่าเขาจะชอบไอ้อ้วนแบบนายซักหน่อย ไอ้บ้า!) มึงยั่มมาพูดให้กูไขว้เขว คนที่โง่เชื่อคำโกหกของกูมันจะไปรู้เรื่องอาร้าย น้องโซยูอ่ะ ต้องมีใจให้กับกูแน่นอน เวลาที่เจอหน้ากันที่แคนทีนน้องเขาก็ชอบส่งยิ้มละลายใจมาให้กูบ่อยๆด้วย กูไม่ได้โม้และกูจะต้องจีบน้องเขาติดด้วย!
“คุยกับนายแล้วอามารมย์เสียแต่เช้าเลย แค่นี้นะเหว่ย”
(นี่ฉันพูดจริงนะ น้องเขาก็แค่ทำตามมารยาท ละ..)
“บายค่ะเมิงงง”
ตี้ด
พ่องมึงสิค้าบคยองซู จะเปลี่ยนใจให้กูบากหน้าไปจีบกระเทยควายข้างห้องให้ได้สินะ ในหัวมึงยังมีสิ่งที่เรียกว่าสมองอยู่ไหม หรือทุกวันนี้มึงยัดนุ่นเอาไว้ให้มันพองเอาไว้เฉยๆ คำพูดของมึงแต่ละคำนี่ทำให้กูอยากจะแหย่เท้าเข้าไปในโทรศัพท์ สกายคิกมึงสักทีจริงๆ
มึงเอาเช้าที่สดใสของกูไปหมดเลย!
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
ผมถอนหายใจเฮื้อกใหญ่ๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง เพราะเวลาแบบนี้พี่คริสคงจะพร้อมไปส่งผมที่โรงเรียนแล้ว แต่พอเปิดประตูออกมาผมก็ต้องผิดหวังอย่างแรงเมื่อคนที่อยู่หน้าห้องผมนั้นก็คือ ‘ไอ้ชานยอล’ บุรุษแดกปิงปองในตำนานนั่นเอง
“ไปโรงเรียน”
“กูไปกับพี่คริส” ผมคิดว่าจะพูดกับเขาแค่นั้น แล้วปิดประตูหนีเข้าห้องดื้อๆแต่ทว่าชานยอลก็ไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น มือทั้งสองของเขาดันบานประตูของผมเอาไว้ ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ผมเหวอแดกอย่างแรง และรู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นแปลกๆ
“ไอ้คริสไม่อยู่”
“กูไปเองได้” ผมถอยเข้าไปอยู่ในห้องตัวเอง แต่ก็ดันมีเตียงขวางเอาไว้จนทำให้ผมนั่งแหมะอยู่กับเตียง ชานยอลมองหน้าผมแล้วก็ขมวดคิ้ว พอเห็นว่าเขาเริ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้อีก ผมก็เริ่มใจคอไม่ดี “หยุดๆ ยืนคุยอยู่ตรงนั้นก็ได้”
“มึงเป็นเหี้ยไรมากป่ะ”
“กูเปล่า”
“เปล่าแล้วหลบหน้ากูทำไม”
“กูเปล่า”
จริงๆนะ ผมไม่ได้หลบหน้าเขาเลยตั้งแต่ที่ชานยอลเข้ามาขอโทษผมและกอดผมเอาไว้ ผมไม่ได้เขินชานยอล ไม่ได้เขินดวงตาสีน้ำตาลเวลเวทของเขาเลยจริงๆนะ! ...โอเค ยอมรับก็ได้ว่าผมมีนิดนึงที่รู้สึกเป๋ๆไป แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมดไงเพราะว่าผม ไม่ได้เป็นเกย์!!!
“หรือมึงมโนภาพว่ากูเป็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักที่ใส่เสื้อเชิ้ตหลวมๆออกไปรดน้ำต้นไม้ แล้วเปิดก็กางเกงในให้มึงดู หรือว่ามากกว่านั้นกันล่ะแบคฮยอน”
“นี่มึงแอบฟังกู!” ผมลุกขึ้นตะโกนพร้อมกับชี้หน้าชานยอลจนหน้ามันร้อนไปหมด หูนี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย ร้อนจนรู้สึกเหมือนกับว่าลมออกหูเป็นเสียงปู้นๆแบบในการ์ตูน ผมทั้งอายทั้งโกรธ เพราะที่ผมพูดออกไปนั้นคนปกติธรรมดาเขาคงไม่พูดกับว่าเพื่อนบ้านทั้งสองคนนมใหญ่มาก!
“ก็มึงพูดเสียงดัง”
โอ้ย ไม่รู้จะด่ามันยังไงดี นอกจากที่หูกางแล้วยังหูดีอีกหรอว่ะชานยอล! มึงนี่มันชานยอลของจริงเลย
“...”
“ไม่บอกไปล่ะว่าคนห้องข้างๆ หล่อจนนายห้ามใจแทบไม่ได้เลย” ชานยอลหรี่ตามองโดยที่ทิ้งสะโพกพิงเข้ากับขอบโซฟาตัวเล็กของผม จริงอยู่ที่ชานยอลหล่อแล้วก็ดูเป็นแบดบอยคนนึง แต่ผมก็ไม่ได้คิดไงว่ามันจะทำหน้าเจ้าชู้ได้น่าหมั่นไส้ขนาดนี้
หยุดๆ นี่ไม่ได้เขินด้วย!
“ละ หล่อพ่อง กูไม่ได้เป็นเกย์”
“หรอ? งั้นก็ดีกูจะได้สบายใจที่จะพามึงไปโรงเรียนด้วย”
“กูจะไปเอง” ผมคว้ากระเป๋าที่วางอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆเตียงมาสะพายอย่างรวดเร็ว ส่วนชานยอลก็ยังคงอยู่ที่เดิม ผมเม้มปากแน่นก่อนจะหมุนตัวเพื่อที่จะออกจากห้องไปแต่ไม่ทันที่มือจะได้สัมผัสกับลูกบิด แรงมหาศาลของชานยอลก็ดึงรั้งตัวผมเอาไว้แน่น
“ไม่ทันแล้ว มึง...ต้องไปกับกู”
เสียงกระซิบแหบพร่าของชานยอลมันทำให้ผมรู้สึกถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผมในไม่ช้า ชานยอลใช้แรงทั้งหมดที่มีลากผมเข้าไปในลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้นล่างสุดของที่นี่ เหมือนมวลอากาศภายในลิฟต์ค่อยๆหายไป ผมเหมือนหายใจไม่ออกและรู้สึกประหม่าจนมือทั้งสองข้างเปียกไปด้วยเหงื่อ
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไปโรงเรียนพร้อมกับชานยอล
“แป้บนะ” พอเราออกมาจากลิฟท์ ชานยอลก็พุ่งตัวไปที่ชั้นวางของที่มีหมวกกันน็อควางเรียงกันเป็นตับ เขามองเหมือนหาหมวกคู่ใจของเขา ซึ่งนั่นทำให้ผมใจไม่ดีเลยจริงๆนะ ชานยอลคว้าหมวกกันน็อคแบบเต็มใบมาถือเอาไว้ และอีกใบที่เป็นแบบธรรมดาสีชมพูเหมือนกับเนื้อปลาแซลมอนยืนมาให้ ผมยื่นมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อไปรับมันไว้ด้วยความงงงวย
“รถ...”
“หึ ถ้าเจอแล้วตามึงต้องลุกเป็นไฟแน่ๆ” ชานยอลว่าเรียบๆ ในขณะที่ผมค่อยๆกลืนคำถามที่ผมไม่อยากจะได้รับคำตอบสักเท่าไหร่ลงคอ ขาวยาวๆของชานยอลก้าวเร็วกว่าผมมาก และเขาก็หยุดลง มือใหญ่ๆของเขาชี้ไปที่รถคนนึงซึ่งผมเดาเลยว่ามันต้องเป็นของเขา
BMW S1000rr
“เฮ้ย! จะวิ่งไปไหนของมึง” คอเสื้อของผมถูกดึงเอาไว้ทันทีเมื่อชานยอลเห็นว่าผมกำลังพยายามจะวิ่งหนีไปจากเขา ผมหลับหูหลับตาดิ้นสุดแรง แต่แม่งดูยังก็เหมือนพะยูนกระเพื่อมพุงดีๆนี่เอง ห่ารากกูยิ่งไม่อยากออกแรงตั้งแต่เช้า มึงหลับหูหลับตาปล่อยกูคืนสู่ธรรมชาติดีๆไม่ได้หรือไงว่ะ
“ห่า! ปล่อยกูววววว”
“มึงเห็นเวลามั้ยว่านี่กี่โมงแล้ว”
“กูขึ้นรถไปเองได้ กูขึ้นเป็นต่อให้ในรถจะอัดกันอย่างกับกระป๋องกูก็จะไป!”
“มึงนี่คุยไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ กูบอกไงว่าต้องไปส่งมึง พอเป็นเรื่องมึงทีไรไอ้เหี้ยคริสโหดอย่างกับอะไรดี ทำไมดื้องี้ว่ะ รถกูก็ไม่ใช่ซาเล้งเก่าๆขึ้นสนิมสักหน่อย ยอมไปด้วยกันดีๆได้มั้ยแบคฮยอนหรือต้องให้กูคุกเข่าขอ” ผมหยุดสะดีดสะดิ้งเพราะว่าเริ่มเหนื่อย ชานยอลถอนหายใจเฮื้อกใหญ่ก่อนจะลากผมกลับมาที่บิ้กไบค์สีแดงขาวเหมือนเดิม ผมมองมันด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นกระส่ำเพราะถูกโรคด้วยอย่างแรง
ชานยอลวางหมวกกันน็อคของตัวเองเอาไว้บนเบาะก่อนจะดึงหมวกกันน็อคในมือผมมาสวมเข้ากับหัวให้เบาๆ พร้อมกับปรับสายให้พอดีกับคางที่อุดมไปด้วยเหนียงให้ด้วย
“งั้นกูเองก็จะคุกเข่าขอให้มึงปล่อยกูไปเหมือนกัน” มือหนาของชานยอลชะงักไป แต่ชั่วพริบตาชานยอลก็ล็อคสายเข้าด้วยกัน ผมมองบิ้กไบค์คันใหญ่สลับกับหน้าของชานยอลไปมา พร้อมๆกับจังหวะหัวใจที่บีบเกร็งจนรู้สึกว่ามันปวดหนึบไปทั้งอก
“กลัวหรอ?”
“อื้อ”
ผมพยักหน้า
“นั่งได้ มันปลอดภัย” วูบนึงที่ผมเผลอหลงไปกับน้ำเสียงที่เหมือนจะราบเรียบแต่กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนของชานยอล แต่...มันก็แค่วูบเดียวเท่านั้น “มึงอาจจะยังไม่เชื่อใจกู แต่ของแบบนี้มันก็ต้องลองก่อนถึงจะรู้ใช่มั้ยล่ะ”
อาจจะเป็นเพราะ น้ำเสียง รูปประโยค แววตาของเขาที่ทำให้ผมยอมตัดใจที่จะหนีไปขึ้นรถคันอื่น ชานยอลสวมมวกกันน็อคเต็มใบของตัวเองก่อนจะกวาดขาวยาวๆของเขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ แล้วหันมาสอนวิธีขึ้นเบื้องต้นให้กับผมด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ผมขึ้นมานั่งได้อย่างทุกลักทุเลเพราะนอกจากจะคันใหญ่แล้วยังสูงจนขาสั้นๆของผมไม่อาจจะขึ้นได้ง่ายๆภายในครั้งเดียว
“เกาะเอวได้ถ้าเกิดว่ากลัว แต่ห้ามแน่นไปนะมันขยับตัวลำบาก” ชานยอลบอกผมเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหันไปสตาร์ทเครื่อง
“อืม” ผมครางตอบรับเสียงเบา เราทั้งสองชิดกันมากเพราะว่าอาจจะเป็นเพราะผมตัวใหญ่ ส่วนเบาะก็ไม่ได้สร้างมาเพื่อรองรับสรีระของผมด้วยเช่นกัน ยามที่ชานยอลเร่งเครื่องผมผวาจนต้องรีบเกาะเขาเอาไว้ ส่วนใบหน้านั้นก็ชนเข้ากับต้นคอของชานยอลพอดี
กลิ่นของเขามันทำให้ผมนึกถึงชั่วฤดูใบไม้ผลิที่กำลังเริ่มขึ้น ไม่ได้แข็งกระด้างที่ฉุนกึกเหมือนผู้ชายแมนๆ เพียงคงเอาไว้ซึ่งความรู้สึกที่แข็งแกร่งเหมือนหน้าผาสูงชันที่มีดอกไม้เจริญเติบโตอยู่บนนั้น ผมอุ่นใจเมื่อได้กลิ่นเขา กลิ่นของเขาก็เหมือนกับคำพูดของเขา ชานยอลไม่ได้ขอให้ผมเชื่อใจแล้วขึ้นมากับเขา แต่เขาบอกให้ผมลองเสี่ยงไปกับเขา
ผมชอบกลิ่นของชานยอล
ก็แค่กลิ่น...แค่นั้น
“กล้าดียังไงถึงมาซ้อนท้ายพี่ชานยอลของพวกเรา”
ไม่น่าเชื่อจริงๆ
“น้ำหนักของนายมันทำให้รถของพี่ชานยอลยางแบน รู้ตัวบ้างมั้ยฮ่ะ!”
ว่าโรงเรียนนี้จะมีพวกบ้าผู้ชานอยู่ด้วย
“เขาอาสาเอง” ผมตอบตัวเธอไปพร้อมกับพยายามแหวกพวกเธอออกไป เพราะว่าตอนนี้ถ้าจะพูดว่าผมโดนผู้หญิงรุมก็คงไม่ผิดเท่าไหร่ ก็พวกเธอมีกันสิบกว่าคนได้ และดูท่าว่าพวกเธอคงไม่ยอมง่ายๆด้วยนี่สิ มือที่เต็มไปด้วยเล็บเพ้นต์ลายแฟชั่นจับหมับเข้าที่แขนของผม ก่อนจะจิกเข้ามาจนผมสูดปากเพราะแสบเกินจะบรรยาย
“ตอแหล”
“ใช่ๆ พี่ชานยอลของพวกเราไม่เคยให้ใครซ้อนท้ายมาก่อน แม้กระทั่งพี่เซฮุนเองก็ยังไม่เคยเลยสักครั้ง!”
“ถ้าฉันเป็นชานยอล ฉันเองก็ไม่อยากให้พวกเธอซ้อนท้ายมากนักหรอก”
“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
แม่หล่น!
พวกเธอก็น่าตาน่ารักดีอยู่หรอกนะ ผมไม่คิดมาก่อนเลยจริงๆว่าพวกเธอจะรับประทานนกหวีดเข้าไปแทนอาหารเช้าด้วย โอ้โห ตอนพวกเธอหวีดแต่ละทีผมนี่หูหายเลยครับ เหมือนว่าหูไม่เคยมีอยู่จริง และผมรู้สึกว่าพวกเธอน่ากลัวมากๆเมื่อผมกล่าวอ้างถึงชานยอล
เอ่อ...ไม่ควรพูดถึงสินะ (‘ ‘ ; )
“กล้าดียังไงถึงได้พูดแบบนี้ฮ่ะ ไอ้อ้วน!”
“นายนี่มันน่าตบตั้งแต่เอาเสื้อพี่คริสมาใส่แล้วนะ จะเอายังไง จะกินผู้ชายหล่อๆทั้งโรงเรียนเลยใช่มั้ย!”
“ใช่! แกจับมือพี่จงอินของฉันด้วย”
พวกเธอใช้อะไรคิด สิ้นคิดเหมือนเสื้อในลายคิตตี้เลย
“เดี๋ยว นี่ก็บอกไปแล้วนะว่าฉันไม่ใช่เกย์ และไม่คิดจะเป็นเกย์ด้วย ไม่ใช่อะไรหรอกฉันว่ามันน่าจะขนลุกแปลกๆเวลาที่จูบกัน พวกเธอใช้สมองคิดกันหน่อยสิ”
เพี๊ยะ!
กูว่าละ โดนตบจนได้
ผมยอมโดนพวกเธอตบตีแต่โดยดีเพราะว่าไม่ได้เจ็บมากมายอะไร แต่พอโดนมากๆเข้าผมมันก็เจ็บพอตัวเลยล่ะ ทั้งเล็บที่จิกจนหนังแทบหลุดติดมือพวกเธอไป แต่ผมจะไม่ตอบโต้พวกเธอกลับหรอกนะ เพราะว่าแม่สอนผมเสมอว่าอย่างใช้กำลังกับผู้หญิง ลูกผู้ชายแมนๆเขาไม่ทำกัน พอพวกเธอพอใจแล้วเธอจะไปเอง
“ย้า!!!!!!!!”
จนกระทั่งมีเสียงตะโกนของใครบางคนดังไปทั้งบริเวณ
“พวกเธอไร้สมองรึไง ก็เห็นอยู่ว่าพี่ชานยอลเขาไม่ได้ชอบแล้วจะมาทำร้ายคนอื่นได้ยังไง!!” เสียงแหบแห้งของเธอทรงพลังอย่างน่าประหลาด และผมเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงแหบเสน่ห์แบบนี้ มีอยู่แค่คนเดียวในโรงเรียนนี้ ...ครับ ไม่ผิดแน่ คนที่เข้ามาตะโกนโวยวายนั่นต้องเป็น น้องโซยูแน่นอน
“ระ รุ่นพี่” ตัวของผมที่โดนกดให้นั่งคุกเข่า ก็ได้รับอิสระเมื่อพวกเธอปล่อยมือออกไป
“ก็เออสิยัยบ้า! แล้วนี่จะยืนเกะกะอยู่นานมั้ย สลายโต๋สิ” ตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมา ผมก็เห็นโชยูในท่าทีก้าวร้าวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สีหน้าของเธอพร้อมที่จะพุ่งชนได้ทุกอย่าง และผู้หญิงพวกนี้ก็ดูกลัวเธอมากๆด้วย แต่มันกลับทำให้ผมชอบเธอมากเข้าไปอีก
เธอดูกล้าหาญผิดกับตัวเล็กๆของเธอ
“คะ...คือว่าเรา”
“นี่อะไร อัดคลิปหรอยัยพวกติ้งต้อง เรื่องการเรียนทุ่มเทได้เท่านี้มั้ย!!!” โซยูคว้าโทรศัพท์ออกไปจากมือยัยมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริงคนนึง พอไม่มีใครตอบอะไรเธอก็ปามันลงกับพื้นแล้วเตะออกไปจนเศษเสี้ยวหลุดออกไปตามทิศทางของแรงกระทำ ในขณะนั้นเองที่เหมือนมีไฟฟ้าแล่นปล้าบเข้ามาในหัวใจของผม จนมันเต้นเร็วแรงพอที่จะได้ยินเสียงตุบๆภายในอก
“...”
“ยืนเงียบอยู่ได้... สลายโต๋สิโว้ยยยยย!!!!!!”
“คะ ค่ะ ไป ไปแล้ว” พวกผู้หญิงเลิ่กลั่กกันไปมาก่อนจะพาใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัววิ่งออกไปตามคำสั่งของโซยู
“ย๊าาาา ถ้าฉันเห็นพวกเธอแกล้งพี่แบคฮยอนอีกเมื่อไหร่ พวกเธอโดนปาดคอแน่”
โชยูตะโกนไล่หลังไปเสียงดัง แล้วจึงค่อยๆสงบสติอารมณ์ลงเมื่อหันมาเจอผมที่ยังอยู่ในท่าเดิม เธอดูหัวเสียที่เห็นสภาพแย่ๆของผม หน้าที่เต็มไปด้วยรอยตบ ไหนจะผมเผ้าที่ไม่เป็นทรง แถมหน้าม้ายังแตกอีกต่างหาก โชยูช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นก่อนจะถอนหายใจแรงๆออกมา
“ทำไมถึงไม่ยอมตอบโต้ล่ะคะ?”
“จะดุพี่อีกคนหรอ” ผมถามเธอติดตลกเพราะน้ำเสียงของเธอยังคงติดจะขุ่นเคืองเรื่องเมื่อกี้ไม่หาย
“ก็มันสมควรมั้ยล่ะ นี่ถ้าไม่ได้ยินคนเขาพูดกันว่าพี่โดนรุมตบ ป่านนี้พี่คงเละเป็นโจ๊กไปแล้ว” โชยูดุผมเสียงขุ่นก่อนจะพาผมมานั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ ผมยิ้มกว้างอย่างชอบใจที่เห็นเธอออกมาช่วยผม แถมยังดูเป็นห่วงผมอีก
“ผู้ชายจะทำร้ายผู้หญิงได้ยังไง”
“บางคนก็ทำค่ะ”
“ย่า.. อย่างนั้นก็หน้าตัวเมียแล้วไหม” โชยูมองหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา “ไว้คราวหน้าพี่จะปกป้องเธอบ้าง โอเคมั้ย"
“มีคนเคยบอกี่รึเปล่าคะว่าฉันเป็นนักเทควันโด้รุ่นเยาว์”
“...”
“แต่ว่าถ้ามีพี่ช่วยดูแลอีกคนก็ดีเลยนะค่ะ” โชยูพยักหน้ารับอย่างน่ารัก ซึ่งนั่นก็ยิ่งกระตุ้นให้หัวใจของผมเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และสิ่งนี้ก็ทำให้ผมมั่นใจว่าผมนั้นหลงรักน้องโซยูเข้าเต็มเปา
“เสาร์หน้านี้ว่างมั้ย”
“ว่าง ทำไมหรอ”
“ว่าจะชวนไปดูหนัง เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” เมื่อยามสบเข้ากับตายิ้มของเธอ ผมก็รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อพูดออกไปอย่างไม่ได้มีแบบแผนเท่าไหร่นัก พลางยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เก้อ “แต่แค่เราสองคนนะ”
“ฉันกินเยอะนะคะ เลี้ยงไหวหรอ?”
“พี่ก็กินเยอะพอกันนั่นแหละ” เราจ้องตากันสักพักก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน เป็นอันว่านัดหมายในวันเสาร์นั้นสำเร็จไปด้วยดี แล้วทีนี้แหละผมจะตามใจเธอทุกอย่าง ไม่ว่าเธออยากได้อะไรผมก็จะไปหามาให้
และก่อนจะที่จะถึงวันนัดของเรา
ผมจะลดความอ้วน...
เพื่อเธอ
กระเทยท้อคคค
กะเทยใจบ่ดี! สีท่าอ่านจบแล้วได้ฮ้อง เหยด กั๋นกู่คน
บ่เอาเน้อเจ้า บ่คว้างเกิบใส่กะเทย เดียวกะเทยจะบะงามหนา
ตี่ทำอย่างอี้ก่อเพาะว่า ฮัก กู่คนเนาะ อิ____อิ
แหม เกิดเป็นแบคอยอนนี่มันฮอตจริงเจร้งงงงง ดีไปซ่ะทุกอย่าง เลือกไม่ถูกเลยนะคะเนี่ย
ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายดี เอะๆ ของแบบนี้ต้องลุ้นกันต่อปายยยยยย
นี่ก็ปั่นวันเดียวแล้วลงเลยเพราะว่าค้างนาน นี่ถ้าเกิดเห็นว่าแก้ไขฟิคบ่อยก็อย่างพึ่งรำคาญเนาะ อยู่ในเวิร์ดแล้วมันเส้าะหายาก
วันนี้ก็เอา รูปรถคู่ในของสาวข้างห้องของบยอนมาลงให้ดูกัน โดยส่วนตัวแล้วกระเทยชอบรถไทรอัมพ์
แต่ว่ามันไม่มีเบาะหลังให้บี๋เข้าไปแทรกนั่งได้เลยค่า คาร์ดูติ นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย โบกมือลา
สุดท้ายนี้ กะเทยฮักกู่คนเจ้า บ่ต้องลู่กั๋นนนนนนนน
ความคิดเห็น