ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #6 : NICE BODY : 05

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 58


    05

    New Apologize

     


     









     

     

    น้องโซยูน่ารัก

     

     

    น่ารักจนอยากจะเก็บเอาไว้คนเดียว

     

     

    “ห่าอ้วน! กะอีแค่รดน้ำต้นไม้ทำไมมึงต้องทำหน้าฟินขนาดนั้นด้วยวะ”

     

     

    เอ้า

     

     

    ถ้ามึงไม่ขัดกูสักรอบจะตายมั้ย!

     

     

    “เรื่องของกู” ผมหันไปทำหน้าเหม็นเบื่อชานยอลที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องด้วยความหมั่นไส้ ถึงแม้ว่าช่วงชีวิตที่ดำเนินอยู่ในโรงเรียนจะผ่านมาได้เพราะว่ามีชานยอลคอยช่วยเหลือก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าชานยอลจะยอมคุยดีๆกับผมเสียเมื่อไหร่

     

     

    ผมหันกลับมาทำงานของตัวเองต่อ พยายามสูดอากาศเข้าไปให้ตัวเองใจเย็นๆ เพราะในความคิดของผมแล้ว ถ้าตัดเรื่องความปากหมาของเขาออกไปได้ ชานยอลก็นับว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนนึงเลยล่ะ ผมขยับตัวมาฉีดน้ำให้กับพวกต้นแคคตัสที่วางอยู่บนชั้นวางไล่ระดับ ซึ่งมันน่ารักและไม่เหมาะกับชานยอลเลยสักนิด

     

     

    วันนี้หลังจากเลิกเรียนผมก็กลับมาเป็นเบ้จิปาถะให้ชานยอลเหมือนเดิม มันก็ไม่ได้เหนื่อยมากหรอก ค่ากระจกดูเหมือนจะเยอะกว่าค่าแรงที่มันเรียกผมมาใช้ด้วยซ้ำ แต่ที่ทรมานผมมากที่สุดก็มีแต่เจ้าของห้องกวนประสาทนี่แหละที่มักจะมาคอยกวนประสาท ว่าผมอ้วนบ้าง แหย่ผมเรื่องน้องโซยูบ้าง

     

     

    “กับยัยนางสาวซัมนี่จริงจังแล้วหรอวะ”

     

     

    ฟืดๆ

     

     

    ผมทำหูทวนลมกับคำถามชวนหาเรื่อง ก่อนจะหันไปฉีดน้ำให้กับดอกดัลเบิร์กเดซี่ของชานยอลบ้าง ซึ่งนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผมกลับมารดน้ำให้มัน นี่ถ้าดอกไม้มันอมน้ำตายจะมาโทษว่าเป็นความผิดของผมไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าเจ้าของเสือกอ้อนตีนเอง

     

     

    “อ้าวพี่คริส สวัสดีครับ” พอเห็นว่าพี่คริสเดินออกมาตรงระเบียงผมก็ถือโอกาสเมินชานยอลไปด้วยการหันไปทักทายพี่คริสแทน ผมเหลือบเห็นชานยอลทำคิ้วขมวดด้วยล่ะ แต่ก็ช่างเขาเหอะ คนกวนประสาทแบบนั้นผมไม่อยากจะยุ่งด้วยสักเท่าไหร่

     

     

    “ว่าไงแบคฮยอน” พี่คริสตกใจเล็กน้อย คงจะเพราะเห็นว่าผมยืนอยู่ที่ระเบียงห้องของชานยอลด้วยล่ะมั้ง พอพี่คริสตั้งตัวได้เขาก็หันมาพูดกับผมแล้วยิ้มให้อย่างใจดี

     

     

    “ผมว่าจะเอาเสื้อไปคืนให้อยู่พอดีเลย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส พร้อมกับวางสเปรย์ฉีดน้ำเอาไว้ข้างๆกระถางต้นไม้ “ผมคิดว่าของสำคัญแบบนั้นพี่น่าจะเก็บเอาไว้เอง หรือไม่ก็ให้คนที่สำคัญกับพี่จริงๆใส่”

     

     

    “ไม่ต้องคิดมากไป พี่ไม่ได้สนใจเสื้อผืนนั้นมากนักหรอก”

     

     

    “แต่ว่ากว่าพี่จะได้มามันยากมากนะ”

     

     

    “เฮ้ๆ พี่แข่งเอาแชมป์นะไม่ได้แข่งเอาเสื้อ อีกอย่างนะนักกีฬาแบบพี่น่ะต้องการแค่เหรียญเท่านั้น ถ้าของอื่นๆที่ได้มาด้วยพี่ก็คิดแค่ว่ามันเป็นโบนัส ไอ้เสื้อผืนนั้นเหมาะที่จะอยู่กับเรามากกว่ารับไว้เหอะนะ ถือว่าเป็นน้ำใจเพื่อนบ้าน” พี่คริสกล่าวเรียบๆ เหมือนไม่ได้แยแสกับสิ่งของที่คนอื่นๆเห็นว่ามันสูงค่าสักเท่าไร่

     

     

    แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการมันเหมือนกันนั่นแหละ

     

     

    “งั้นผมขอเหตุผลที่ต้องรับเสื้อของพี่เอาไว้อย่างน้อยสามข้อ”

     

     

    “ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีเหตุผลเลยแบคฮยอน”

     

     

    “ต้องมีสิครับ คนเราเวลาจะทำอะไรจำเป็นจะต้องมีเหตุผลเสมอ” ผมกล่าวสั้นๆก่อนจะสบเข้ากับดวงตาของพี่คริส เมื่อยามที่แสงพระอาทิตย์ยามเย็นทอแสงประกายสาดส่องเข้าดวงตาของพี่คริส มันสวยขึ้นยามที่สีของดวงตาอ่อนลง และมีบางสิ่งบางอย่างวูบไหวอยู่ในนั้นเป็นระรอกคลื่น

     

     

    “เวลามองเราทีไร พี่ชอบคิดถึงตัวเองเมื่อสมัยอดีตเสมอเลย”

     

     

    “...”

     

     

    “เราไม่ใช่คนแรกที่คิดจะอยู่ในโรงเรียนนั้นโดยที่ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองหรอกนะ และพี่เองก็ไม่ใช่คนแรกเหมือนกัน พี่มันก็แค่ไอ้คนตัวดำๆ สูงเก้งก้างแถมยังฟันเหยิน ที่ในตอนนั้นก็ได้คิดว่า ฉันจะทำให้ทุกคนยอมรับฉันให้ได้มันยิ่งใหญ่ในความคิดของพี่ แต่ว่ามันน่าตลกในความคิดของคนอื่น”

     

     

    “ก็ช่างมันสิครับ แค่ช่างมัน”

     

     

    “พี่บอกเราแล้วใช่มั้ยว่าเราไม่ใช่คนแรกที่คิดแบบนั้น แต่ที่นั่นจะบังคับให้เราเป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น บังคับให้เราเป็นในสิ่งที่เขาอยากเห็น” น้ำเสียงของพี่คริสที่เอ่ยออกมาเรียบๆ มันทำให้ผมหวิวใจเหมือนกับปลายฝนที่พัดผ่านเอาความหนาวมาเยือน

     

     

    “พวกเขาไม่มีสิทธิ์สักหน่อย พวกเขาไม่มีทางรู้ว่าอ้วนๆแบบผมมันดียังไง”

     

     

    “แต่เราเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้เช่นกันว่าผอมมันดียังไง” คำพูดของพี่คริสทำเอาผมสะอึกเหมือนกับสะดุดก้อนหินก้อนที่เล็กที่สุดที่ผมไม่คิดว่าจะมาสะดุดล้มเพราะก้อนหินเล็กๆแบบนี้ได้

     

     

    “...”

     

     

    “เหตุผมที่พี่ให้เสื้อกับเราก็เพราะพี่ไม่อยากให้เราสู้อยู่คนเดียว พี่รู้ว่ามันแย่แค่ไหนที่ต้องต้องสู้กับคนเป็นร้อยเพื่อคำพูดที่ว่า ฉันจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเด็ดขาดดังนั้นเสื้อผืนนั้นถึงแม้ว่ามันจะช่วยอะไรเราไม่ได้มาก แต่พี่ก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเราเอาไว้นะ แบคฮยอน”

     

     

    “พี่...คริส”

     

     

    “ว่าแต่เราเถอะ ไปทำอะไรที่ห้องไอ้ชานยอลมันน่ะ” เพียงแค่พริบตาเดียวพี่คริสก็ปล่อยให้รอยยิ้มสดใสเข้ามาแทนที่ใบหน้าเศร้าหมองจนหมดสิ้น คิดว่าคงไม่อยากคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆของตัวเองสักเท่าไหร่ พอเห็นพี่คริสยิ้มได้แบบนั้น ผมเองก็ได้แต่จำคำพูดของพี่คริสเอาไว้แล้วลากรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าทันที

     

     

    “อ๋อ มีเรื่องสุตวิสัยนิดหน่อยอ่ะครับ ผมเลยมารดน้ำต้นไม้ให้ชานยอล” ผมยิ้มตาหยีตอบกลับไป

     

     

    “ห่าไรล่ะ บอกความจริงไปสิว่าที่มึงมาอยู่นี่เพราะทำกระจกห้องกูแตก” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นขัดจังหวะจนผมต้องหุบยิ้มลงฉับ ชานยอลคว้าตัวผมเอาไว้ สอดแขนแกร่งทั้งสองลอดเข้าใต้รักแร้แล้วล็อคเอาไว้ ทำเหมือนกับว่าผมเป็นผู้ร้ายอย่างนั้น “ไอ้อ้วนมันเป็นเบ้จิปาถะของกูเองแหละ”

     

     

    “ชานยอล!!” ผมพยายามขืนตัวออกจากแผ่นอกอุ่นๆที่กำลังแนบลงมาติดกับหลังของผม แต่จากที่ดูๆแล้วผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้มานอกจากดิ้นไปมาเหมือนหมาโดนน้ำเย็นราด

     

     

    “ไม่ดิ้นดิ กูหนัก”

     

     

    “หึ่ย!” สุดท้ายผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะว่าผมไม่สามารถสู้แรงของชานยอลได้

     

     

    ไอ้คนบ้ากล้าม -_-

     

     

    “ยังไม่เลิกทำตัวเหี้ยกับคนที่ตัวเองชอบอีกหรอชานยอล พี่ว่าน่าจะเปลี่ยนนิสัยแบบนี้ได้แล้วนะ” ชอบเหี้ยไรล่ะพี่คริส นี่ถ้าผมไม่เห็นว่าเป็นพี่คริสรุ่นพี่ที่ดีคนนึงของผม ป่านนี้คงจะโดนผมด่าหน้ายับจนหาทางกลับบ้านไม่ได้ไปละ

     

     

    “ไอ้อ้วนแบบนี้นะหรอ?” ชานยอลถาม พร้อมกับยกมือขึ้นมาจิ้มเข้าที่แก้มของผมจนผมรีบปัดมือของชานยอลทิ้งด้วยความไม่ชอบใจ

     

     

    “ชานยอลปล่อย!

     

     

    “งั้นช่วยหาหน่อยสิ ส่วนที่คิดว่ากูจะชอบแบคฮยอน”

     

     

    “ทุกส่วน” พี่คริสตอบกลับมา ซึ่งผมได้ยินเสียงแค่นหัวเราะเบาๆของชานยอลดังอยู่ข้างหูของผมเป็นคำตอบ ชานยอลค่อยๆปล่อยผมออกจากการเกาะกุมของเขา แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ผมหนีไปไหนได้เช่นกัน ชานยอลพลิกตัวผมเข้าหาตัวเอง

     

     

    “ตรงนี้นะหรอ หรือจะเป็นตรงนี้” ชานยอลว่าก่อนจะลากปลายนิ้วผ่านหน้าผากและแนวสันจมูกของผม จนไปหยุดอยู่ที่ปลายจมูก

     

     

    ผมหยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อเงยหน้าขึ้นไปเจอใบหน้าคมเข้มที่ก้มลงมามองผมอยู่ก่อนแล้ว ความวูบไหวแล่นพล่านไปทั่วร่างกายของผมจนสูญเสียการควบคุมร่างกายไป ดวงตากลมโตของชานยอลพราวระยับ โดยที่ข้างในนั้นมันได้สะท้อนเงาไอ้อ้วนที่กำลังยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่

     

     

    “ตรงจมูกแบนๆนี่นะหรอ หรือว่าจะแขนใหญ่ๆนี่” มือหนาของชานยอลลากไล้ลงมาหยุดอยู่ที่ต้นแขนของผม มันวาบหวิวไปหมดไม่ว่าจะเป็นตรงส่วนไหนที่ชานยอลสัมผัส และผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เอาเสียเลย

     

     

    “...”

     

     

    “หรือจะเป็นพุงใหญ่ๆนี่” ว่าจบก็วางมือทั้งสองข้างของตัวเองลงบนพุงของผม

     

     

    “...”

     

     

    “ไม่สักนิด ไม่มีส่วนไหนที่กูชอบสักนิด”

     

     

    ชานยอลยิ้มเยาะราวกับชอบใจ แต่มันกลับทำให้ผมยิ่งเกลียดเขา ผมไม่ได้เกลียดที่เขาไม่ชอบผม แต่ผมเกลียด....เกลียดที่เขามองเห็นว่าผมมันเป็นแค่ไอ้อ้วนคนนึง ที่ไม่ใช่เพื่อน หรือคนรู้จัก เกลียดที่เขามองว่าผมมันเป็นแค่ไอ้ตัวตลกตัวนึงในสายตาของเขา

     

     

    ผมปัดมือของชานยอลออก พร้อมกับผลักชานยอลให้ออกห่างจากตัวของผมอย่างแรง โดยไม่ได้สนเลยว่าชานยอลจะเจ็บกับการกระทำนั้นไหม เพราะเขาเองก็ไม่สนเหมือนกันว่าผมเจ็บกับคำพูดของเขาบ้างหรือเปล่า ผมปรายตาไปมองชานยอลเพียงแค่แวบเดียว

     

     

    แค่แวบเดียวเท่านั้นแหละ

     

     

    เพราะผมรู้สึกเสียดายความรู้สึกดีๆที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาเหลือเกิน

     

     

    ปัง!!!!

     

     


     

     

     

     

     

     




     

     


     

     

    ปัง!!!!

     

     

    ผมกระแทกประตูห้องตัวเองเสียงดังลั่น จนร่างกายรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึงที่ได้ลงแรงใส่ข้าวของ แต่ก็ไม่ทั้งหมดหรอก ผมเดินกระแทกเท้าปึงปังไปหยิบขนมบนชั้นวางของมากินด้วยความหงุดหงิด ทรุดนั่งบนเตียงก่อนจะควานหาพุดดิ้งใต้หมอนมากินด้วย พอนึกไปถึงคำพูดของไอ้บ้าโยดานั่นก็ยิ่งหงุดหงิด

     

     

    เหอะ! ไอ้ผู้ชายที่ชื่อชานยอลมันวิเศษวิโสมาจากไหนกันว่ะ

     

     

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ

     

     

    ผมหันไปตามเสียงเคาะก่อนจะพบว่าเป็นชานยอลนั่งเองที่ปืนระเบียงข้ามมายังระเบียงห้องของผม แต่คงเพราะไม่สามารถเข้ามาในห้องได้เลยเคาะกระจกอยู่อย่างนั้น ชานยอลมองมาทางผมแล้วชี้ไปทางประตูเป็นเชิงให้ผมเปิดมัน

     

     

    “แบคฮยอนเปิดมาคุยกันหน่อย” ผมชูนิ้วกลางให้ชานยอลเป็นคำตอบก่อนจะลุกขึ้นไปรูดม่านปิด

     

     

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ

     

     

    “ไปตายซ่ะ ไอ้หุกาง!!!

     

     

    ปัง!!!

     

     

    ผมทุบกระจกอย่างแรงจนเสียงเคาะด้านนอกนั้นเงียบลงไป รอยยิ้มเยาะถูกจุดขึ้นบนใบหน้าของผม ราวกับว่าคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์มันจะต้องเป็นแบบนี้ คนอย่างชานยอลน่ะมันก็ดีแต่ด่าคนอื่น ไม่ว่าสิ่งที่พูดมามันจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม แต่เขาไม่เคยนึกถึงคนฟังบ้างเลยว่าจะรู้สึกยังไง

     

     

    นี่เป็นบทเรียนแรกสำหรับนายเลยชานยอล

     

     

    ก๊อกๆ

     

     

    คราวนี้เสียเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องของผม ผมโยนถุงขนมลงพื้นก่อนจะคว้าถุงใหม่ออกมาเกะกินหน้าตาเฉย แล้วจึงลุกขึ้นเดินนวยนาดไปเปิดประตูห้องออกมา ภาพแรกที่เห็นทำเอามาตกใจอยู่ไม่น้อย ชานยอลในสภาพผมยุ่งๆ ในมือมีดอกดัลเบิร์กเดซี่อยู่ในมือ ซึ่งเป็นต้นเดียวกับที่ผมฉีดน้ำให้มันตอนเย็นนั่นแหละ

     

     

    “ขอโทษ” ชานยอลยื่นดอกไม้สีเหลืองน่ารักมาตรงหน้าผม ซึ่งบางต้นก็ยังมีรากติดอยู่บ่งบอกว่าคงจะดึงทึ้งออกมาทั้งอย่างนั้น

     

     

    ปัง!

     

     

    แต่แค่นี้ผมไม่ยอมหายโกรธหรอก นี่ใคร นี่บยอนแบคฮยอน ที่หล่อจน ซันนี่ ต้องอายเลยนะ ลูกอ้อนธรรมดาๆแบบนั้น ผมทำแค่ปิดประตูอัดหน้าก็นับว่าดีเท่าไหร่แล้ว อาจจะคิดว่าผมงี้เง่าก็ได้ แต่คำพูดเหล่านั้นถ้าเอากลับมาพูดในมุมมองของผมบ้าง ผมเองก็เจ็บปวดเหมือนกัน

     

     

    เพราะในบางครั้ง...

     

     

    คนบางคนถึงแม้จะรู้สึกเจ็บ แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มรับความเจ็บปวดเท่านั้น

     

     

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ

     

     

    “อะไร” ผมกระชากประตูเปิดออกมาด้วยใบหน้าที่เมินเฉยต่อทุกสิ่ง ภาพแรกที่เห็นคือชานยอลที่ใบหน้าเปียกไปด้วยเหงื่อ ในอ้อมแขนของเขามีแอปเปิ้ล และสาลี่จำนวนมากอยู่ในนั้น และเพราะมันเยอะเกินไปที่คนคนเดียวจะถือด้วยสองแขนไหว แอปเปิ้ลลูกแรกจึงร่วงลงสู่พื้นก่อนจะค่อยๆกลิ้งมาชนกับปลายเท้าของผม

     

     

    “ขอโทษจริงๆนะ”

     

     

    “อืม ไปได้แล้ว” ผมตอบเรียบๆออกไปอย่างนั้น แต่ไม่ทันที่จะได้ปิดประตูดีผมกลับถูกแรงดันจากตัวชานยอลที่ยังคงไม่ยอมให้ผมปิดปะตูบานนี้ได้ ถึงแม้ว่าผมจะตัวใหญ่กว่าแต่ทว่าเรื่องพละกำลังของชานยอลกลับมีมากกว่าผมเกือบท่าตัว เขาใช้ความได้เปรียบด้านร่างกายดันประตูจนอ้าออกกว้าง ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในห้องของผมอย่างรวดเร็ว

     

     

    “กูจะไม่ยังไป จนกว่ามึงจะยอมยกโทษให้” ชานยอลสาวเท้าเข้ามาใกล้ผม ในขณะที่ผมเอาแต่ก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังแนบชิดกับผนังที่เย็นเฉียบของห้อง นี่ผมไม่ได้กลัวหรอกนะ แค่ตั้งตัวไม่ทันต่างหาก

     

     

    “ยกโทษให้แล้วไง ไปซะสิ”

     

     

    ตุบ! ตุบ!

     

     

    “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ หื้ม บอกกูมาหน่อยว่ากูควรจะทำยังไง” ชานยอลเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะจับคางให้ผมหันไปมองหน้าเขาที่ยืนอยู่ตรงข้ามกัน โดยไม่สนใจใยดีสาลี่สามสี่ลูกที่ตกลงไป ผมสบสายตาตัวเองเข้ากับดวงตาน้ำตาลเวลเวทของเขาเข้าอย่างจัง ชานยอลจ้องกลับอย่างพยายามที่จะหาคำตอบจากดวงตาทั้งสองข้างของผม

     

     

    “...”

     

     

    “กูรู้ว่าที่พูดออกไปแบบนั้นมันไม่ดี มันทำให้มึงรู้สึกแย่กับคำพูดของกูมากแค่ไหน แต่กูขอโทษได้ไหมล่ะ หื้ม? แบคฮยอน กูขอโทษที่พูดไม่คิดถึงจิตใจของมึง กูมันแย่”

     

     

    ดวงตาของชานยอลพราวระยับเพียงแม้ภายในห้องของผมจะมีแสงลอดเข้ามาเพียงน้อยนิดก็ตาม เขาทำให้ผมคิดถึงความขมนิดๆของบราวนี่ ขนมที่กำเนิดมาเพียงเพราะความสะเพร่าของพาทิเช่ที่ดันลืมใส่ผงฟูลงไปในเค้กช็อกโกแลต แต่เพราะความสะเพร่าของคนเรานี่แหละจึงทำให้เกิดอะไรบางอย่างที่แปลกใหม่

     

     

    ถึงแม้จะเกิดขึ้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

     

     

    ตุบ ตุบ ตุบ!

     

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในอ้อมแขนของชานยอลร่วงลงพื้นห้อง เพียงเพราะชานยอลได้วางมือทั้งสองของเขาไว้บนไหล่ของผมเบาๆ ยามที่เขาบีบเบาๆที่หัวไหล่ ผมกลับรู้สึกว่ามันวูบวาบไปทั้งตัว เหมือนชานยอลปล่อยกระแสไฟฟ้าให้แล่นผ่านเข้ามาปั่นป่วนภายในตัวของผม

     

     

    “ความจริงแล้ว...มึงเองก็น่าจะรู้ดีนี่นา ว่ามึงไม่ได้น่าเกลียด” คำพูดนั้นทำเอาผมร้าวรานไปทั้งใจ เสียงนุ่นทุ้มของเขาทำให้ผมลืมเสียงเย้ยยั่นของเขาเมื่อเช้าจนผมหมดสิ้นซึ่งความโกรธ ปฎิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่าชานยอลนั้นมีเสน่ห์ที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถต้านทานเขาได้

     

     

    “นะ แน่นอนสิมึง ฮ่าๆ คนหล่อๆแบบกูจะคิดว่าตัวเองน่าเกลียดได้ยังไง”

     

     

    “...”

     

     

    “ถ้ากูไม่รักตัวเอง ป่านนี้กูคงจะผอมไปนานล่ะ”

     

     

    “เปล่า”

     

     

    โลกทั้งใบของผมมันเหมือนหมุนเคว้งไปทั้งใบ เมื่อชานยอลดึงตัวของผมเข้ามากอดเอาไว้แน่น ผมอึ้งพอๆกับตอนที่รู้ว่าตัวเองน้ำหนักลดโดยที่ยังกินไม่หยุดปาก ใบหน้าที่ซุกเข้ากับอกที่เพียงอุ่นของชานยอลมันร้อนวาบไปทั้งหน้า และตอนนี้เองที่ผมรู้สึกว่าส่วนสูงเพียงแค่ร้องเจ็ดสิบมันคงจะเพียงพอสำหรับใครบางคน

     

     

    “กูเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง แถมปากหมามากๆอันนี้ยอมรับเลย แต่ว่านะแบคฮยอน...”

     

     

    “...”

     

     

    “ทุกครั้งที่มองตามึง กูรู้สึกปวดใจแปลกๆ ทั้งหน่วง ทั้งเศร้า เหมือนกับว่าสิ่งที่มึงแสดงออกมาจริงๆมันต่างกับข้างในที่มึงกำลังรู้สึกอยู่ มึงบอกว่ารักตัวเองมาก แต่ว่าตาของมึงบอกว่าไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับที่พูดออกมา เพราะว่าที่จริงแล้วหุ่นหนาๆตันๆนี่ทำให้มึงเองรู้สึกว่าเสียความมั่นใจใช่มั้ยล่ะ”

     

     

    “ชานยอล”

     

     

    ผมเรียกเขาเสียงแผ่วจนไม่รู้ว่าชานยอลจะได้ยินหรือเปล่า มือของชานยอลใหญ่และอบอุ่นเช่นเดียวกับนัยน์ตาสีนุ่มลึกนั้น เขาลูบหัวของผมไปมาเหมือนกับว่าไขใจผมออกมาอ่านได้

     

     

    “ถึงได้บอกไง”

     

     

    “...”

     

     

    “ว่ามึงไม่ได้น่าเกลียดหรอกนะ”

     

     







     



     

     

     

     
     

     

    กระเทยท้อคคค

     

    หว่า วาว ว้าวววววววว เจอกันอีกแล้วในช่วงกระเทยท้อค อ่าาาาาาาห์~

    ช่วงนี้โรงเรียนก็เปิดแล้วเนอะ โรงรียนกระเทยเองก็เปิดแล้วเหมือนกันค่ะ นี่ก็พึ่งอาบน้ำเสร็จ คิคิ

     

    ขอบคุณมิตรรักแฟนฟิคกระเทยทุกคนนะค้า ที่บอกว่าชอบกระเทยกัน (ปาดน้ำตา)

    กระเทยจะทำดีให้สมกับมงที่อยู่บนหัวของกระเทยนะคะ

    เราเองก็เป็นเพียงแค่กระเทยตัวเล็กๆ ที่มาได้ขนาดนี้ก็เพราะความรักจากทุกๆท่านเลยนะคะ

    กระเทยทั้งตื้นตันใจ ทั้งซาบซึ้งใจมากๆเลยค่ะ

     

    บทนี้ตะเราจะค่อยๆตะลอมเหยื่อค่ะ 555555555 รอจนคนอ่านเชื่อใจแล้วเราจะเชื้อดทิ้ง

    หว่ายยยย เป็นคำพูดที่น่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งที่สุดเลยค่า เย่เฮ้ดดด

      


    ส่วนระเบียงห้องของชานยอลลักษณะประมาณนี้ค่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×