ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #5 : NICE BODY : 04

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 58


    04

    New Love











     

     

     

     

     

     

     

     

    วันนี้มันห่าเหวอะไรวะครับ!

     

     

    ตั้งแต่เข้าโรงเรียนมาก็เจอแต่เรื่อง พอจบเรื่องก็เจอลาก ไม่เข้าใจว่าทำไมความฮอตของผมถึงได้มีอุปสรรคต่อการเรียนขนาดนี้! สัญญาณเข้าห้องก็ตั้งแต่สามชาติเศษแล้ว แต่ผมยังไม่ได้เข้าไปในห้องเรียนเลย ห้องเรียนยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปเรียนห้องไหนอีก

     

     

    ทำไมกูต้องมาอยู่กับไอ้โยดานี่ด้วยวะ!

     

     

    “กูว่ามึงอาจจะยังไม่เข้าใจกูนะ ที่...กูบอกว่าจะเป็นเบ้จิปาถะให้ ใช่กูบอกว่าจะเป็นให้ แต่ต้องไม่กระทบต่อการเรียนของกู จะเรียกใช้ก็ไลน์มาบอกก็ได้ ไม่ใช่ว่าให้คนมาลากกูไปมาเหมือนหมาแบบนี้” ผมตะโกนเสียงดังพร้อมกับมองชานยอลที่นั่งบนม้านั่งด้วยความไม่พอใจ แล้วยังมีเพื่อนของไอ้ชานยอลอีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะ หนึ่งในนั้นก็มีจงอินซึ่งหลับคาเก้าอี้ไปแล้ว และคนตัวขาวๆอีกคนที่เอาแต่ยิ้มกวนตีนให้ผมตั้งแต่เช้า

     

     

    คนห่าไรขาวอย่างกับน้ำกะทิ

     

     

    “กูไม่ได้เรียกมึงมาใช้”

     

     

    “เอ้า แล้วลากมาหาหอกไง”

     

     

    “คิดว่าอยากลากมานักหรือไงวะ!!” แล้วก็เป็นชานยอลบ้างที่ฉุนขาด ลุกขึ้นยืนตะโกนใส่หน้าผมเสียงดัง จนผู้ชายตัวขาวๆอีกคนต้องลุกมาจับไหล่เอาไว้ไม่ให้ชานยอลอาละวาดไปมากกว่านี้

     

     

    “แม่งใจเย็นดิวะ”

     

     

    “เย็นห่าไรเซฮุน มึงดูไอ้อ้วนนี่พูดก่อน”

     

     

    “ทำไม กูพูดอะไรผิดกูเห็นมึงเริ่มก่อนทั้งนั้น”

     

     

    “ก็ถ้าไอ้คริสมันไม่สั่งคิดว่ากูจะทำมั้ย ถ้ามึงยอมใส่เสื้อกัปตันของไอ้คริสเรื่องก็จบแล้วมั้ยวะ มึงคิดว่าตัวเองแน่มาจากไหน อยู่ที่นี่ใครจะคุ้มกะหัวให้มึงได้ ถ้าด่ากูอีกคำนะ..แบคฮยอน ไม่ว่าไอ้คริสไม่ว่าใครที่ไหนกูก็ไม่ไว้หน้าแม่งทั้งนั้นอ่ะ!!

     

     

    “ห่า บอกใจเย็นๆไง!!!” ว่าแล้วเซฮุนก็ผลักชานยอลจนตัวกระแทกเข้ากับโต๊ะเสียงดังโครม จงอินที่นอนอยู่อีกฟากก็ได้แต่ลุกขึ้นมาปรือตามองพวกเราอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ก่อนจะนอนลงไปแบบเดิม ชานยอลสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเซฮุนพร้อมกับทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ แล้วก็เป็นชานยอลเองนั่นแหละที่ยอมสงบไปก่อน

     

     

    พอทำให้ไอ้โยดาหน้าเลือดสงบลงได้เซฮุนก็หันมาหาผมพร้อมกับวางมือเอาไว้บนไหล่เบาๆ เขายิ้มนิดๆก่อนจะดันตัวให้ผมนั่งลงข้างๆชานยอล ซึ่งอีกคนก็ขยับออกห่างราวกับจะติดเชื้อบ้าจากผมอย่างนั้น โถ่ กลัวหูตัวเองก่อนมั้ย

     

     

    “โอเค ฉันเข้าใจว่านายอาจจะตกใจนะแบคฮยอน”

     

     

    “ไม่ตกใจมั้ง ปะ...”

     

     

    “เงียบ!!” ผมพูดไม่ทันจบก็โดนเซฮุนตะคอกอัดหน้าจนเงียบจ๋อย ผมเข้าใจเลยครับว่าทำไมไอ้ชานยอลที่นั่งหน้าบูดอยู่ข้างๆถึงได้ยอมสงบลงไปได้ เพราะด้วยทั้งน้ำเสียง ด้วยทั้งสีหน้าของเซฮุนตอนฟิวส์ขาดนั้นอย่างกับว่าจะแปรงร่างเป็นสิงโตพุ่งเข้ามางับคอผมเดี๋ยวนั้นเลย

     

     

    นี่มันร่างแบ่งภาคของบยอน ซอนมี

     

     

    “ฟังฉันดีๆ เพราะฉันก็ไม่ใช่คนที่ใจเย็นอะไรมากนักหรอก ส่วนไอ้คนใจเย็นที่สุดแม่งก็หลับไปแล้ว” เซฮุนกอดอกแล้วจ้องเขม่งมาทางผม จนผมต้องต้องพยักหน้าขึ้นลงเหมือนลูกหมา

     

     

    “อะ อื้อ”

     

     

    “รู้แล้วใช่มั้ยว่าโรงเรียนนี้ใช้รูปร่างภายนอกของคนวัดค่ากัน อย่างที่นายเจอตอนที่อยู่ในแคนทีนนั่นแหละ คนอ้วนไม่มีสิทธ์ที่จะได้กินข้าวก่อน คนหน้าตาขี้เหร่ไม่มีสิทธิ์ที่จะมีเพื่อนคบด้วย ซึ่งโดยสามัญสำนึกส่วนตัวแล้วฉันก็ไม่ได้สนเท่าไหร่”

     

     

    “ขู่กันรึไง”

     

     

    “ที่โรงเรียนนี้ใครๆก็บอกว่าโหดร้ายกันทั้งนั้น เรื่องการศึกษาอาจจะดีก็จริง แต่สังคมที่นี่มีแต่คนเข็มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอด ห้าปีก่อนฉันก็ไม่ได้เป็นแบบที่นายเห็นหรอก เปลี่ยนไปอย่างกับว่าเป็นคนละคนเลยล่ะ ฉันน่ะมันไอ้ขี้ก้าง ส่วนพี่คริสนั่นก็ไอ้ดำฟันเหยิน”

     

     

    “ส่วนมึงก็ไอ้อ้วนแบคฮยอน”

     

     

    มุขนี้ผ่าน เชิญรับยาที่ช่องสองค่ะมึง -_-

     

     

    “จะบอกให้ฉันลดความอ้วนหรอ เหอะ! ตลกมั้ยวะ”

     

     

    “ก็ถ้าไม่อยากวิ่งแจ้นกลับคยองกีไปซะก่อน กูแนะนำว่ามึงควรจะลดความอ้วน เดิมทีแล้วพวกที่หน้าตาขี้เหร่นั้นอยู่ง่ายว่าคนอ้วนประมาณสิบเท่า เพราะนี่มันสังคมไนซ์บอดี้ คนอ้วนไม่มีสิทธิ์ความเป็นคนอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ”

     

     

    “พูดอย่างกับว่ากูเป็นคนอ้วนคนเดียวในโรงเรียน” อยากจะขำครับ ประชากรเกาหลีที่อ้วนมีเป็นล้านๆคน โรงเรียนนี้ถึงแม้ว่าสังคมจะห่วยแตกแค่ไหน แต่ยังไงก็ต้องมีคนอ้วนแบบผมอยู่ ไม่สิ ไม่มีใครที่อ้วนทั้งนั้นผมก็แค่กินเก่งแค่นั้นเอง

     

     

    “...”

     

     

    “...”

     

     

    “ตลกละ อย่าบอกนะว่ากูเป็นคนอ้วนคนเดียวในโรงเรียน” อยากจะขำที่พวกแม่งเสือกพยักหน้าให้กับผมพร้อมกัน “แล้วไง เป็นคนอ้วนคนเดียวในโรงเรียนไม่ได้ทำให้กูตายห่าหรอก”

     

     

    “แล้วถ้าเมื่อเช้าไปส่งไอ้จงอินไปช่วย คิดว่าจะรอดมั้ย”

     

     

    “...” พอโดนเซฮุนถามกลับมาแบบนั้นผมก็เกิดอาการเถียงไม่ออก คนที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่หัวเราะเหอะไม่รู้ว่าสะใจมากน้อยแค่ไหนที่เห็นผมไปเป็นแบบนี้

     

     

    “เสื้อพี่คริสอยู่ไหน”

     

     

    “ในกระเป๋า”

     

     

    “เอาออกมาใส่” เซฮุนสั่งผมเสียงเรียบ โดยที่ผมได้แค่พยักหน้าหงึกหงักแล้วเปิดกระเป๋าเอาเสื้อสีขาวของพี่คริสออกมาใส่อย่างว่าง่าย “ต่อไปนี้นายจะเป็นคนของกลุ่มเรา”

     

     

    “ทำไมฉันต้องเป็นคนในกลุ่มเดียวกับพวกนายด้วย”

     

     

    “ไอ้คริสสั่ง” ชานยอลทำหน้าเหม็นเบื่อตอนที่ตอบคำถามของผม แต่ขอโทษทีนะ คิดว่าผมพอใจกับสถานการณ์แบบนี้มากนักเหรอ ช่วงเวลาแบบนี้ผมควรจะไปทำความรู้จักกับคนอื่นๆในห้องมั้ยอ่ะ

     

     

    “ทำมะ...”

     

     

    “และขืนมึงยังถามนั่นถามนี่ไม่หยุด มึงโดนไอ้เซฮุนหักคอแน่” ครับ คำขู่นี้ใช้กับผมได้อยู่หมัดเลย และยิ่งเซฮุนกำลังขมวดคิ้วเป็นปมมองหน้าผมแบบนี้ ผมก็แทบอยากจะหดตัวให้กลายเป็นจุลินทรีแล้วมุดลงใต้ติดหนีไปซะไกลๆ

     

     

    “โอเค ฉันไม่ถามอะไรจากพวกนายแล้วก็ได”

     

     

    “ดี”

     

     

    “แต่ฉันขอบอกเอาไว้เลยนะว่าฉันไม่มีทางที่จะลดความอ้วน ถึงทำได้ก็ไม่วันที่จะทำแบบนั้นอยู่ดี เพราะว่าฉันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นในสิ่งที่คนอื่นชอบเด็ดขาด”

     

     

    “...”

     

     

    “ไปนะ” ผมว่าก่อนจะคว้ากระเป๋ามาสะพายขึ้นหลัง ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปยังตึกเรียน แต่ว่าไม่ทันจะได้ก้าวไปไหน มือใหญ่ๆของชานยอลก็คว้าแขนของผมเอาไว้ก่อนจะฉุดตัวผมให้นั่งลงกับเก้าอี้เหมือนเดิม

     

     

    “ตอนเที่ยงให้มากินข้าวที่นี่ ห้ามก่อนเรื่องอีก”

     

     

    “เห็นกูเป็นเด็กรึไงปาร์คชานยอล”

     

     

    “เออสิ!” พูดจบผมก็โดนมือใหญ่ๆอีกข้างผลักหัวจนหน้าแทบคะมำลงกับพื้น “สงบปากสงบคำเอาไว้ได้จะดีที่สุด แล้วก็รักษาเสื้อของไอ้คริสมันไว้ดีๆ ชีวิตนายขึ้นอยู่กับมันเข้าใจมั้ย”

     

     

    “ถ้ามันสำคัญเอามาให้กูทำไมว่ะ”

     

     

    “พูดมากจังวะ วันนี้เอาตัวให้รอดกลับหอให้ได้ก็พอ”

     

     

    “คนมันก็สงสัยบ้างป่ะชานยอล”

     

     

    “เดี๋ยวกลับไปเล่าให้ฟังที่หอ โอเคมั้ย”

     

     

    “คร้าบคร้าบบบบ โอเค~

     

     

    “ดีมาก” แล้วมือใหญ่ๆที่เคยตี เคยผลักผม ก็วางแหมะลงบนหัวของผมพร้อมกับปลายนิ้วทั้งสี่ที่กดลงมาเหมือนกับแป้นคีย์บอร์ด มันรู้สึกประหลาดดีตอนที่ชานยอลทำแบบนี้ ไม่ได้น่าโมโห หรือน่ารำคาญอย่างที่ผมควรจะเป็น

     

     

    ผมชอบมันนะ

     

     

    ผมชอบเวลาที่มีคนชมเวลาทำความดีพร้อมกับวางมืออุ่นๆลงบนหัวของผมแบบนี้ โดยนิสัยส่วนตัวของผมแล้ว ผมชอบแสดงนิสัยหมาๆออกมา ส่วนใหญ่แล้วหมามักซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง ถ้าไม่ชอบก็จะเห่าขู่ แต่ถ้าชอบก็ครางหงิง ยิ่งโดนลูบหัวไปด้วยก็ยิ่งชอบ

     

     

    “งือออออ~

     

     

    “พยายามเข้าล่ะ”

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

    มาถึงตอนนี้ทุกคนคิดล่ะสิว่าผมจะอยู่ในห้องเรียนด้วยสภาพแบบไหน จะโดนใครแกล้งอีกรึเปล่า หรือจะยังปลอดภัยแล้วทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะบอกให้ก็ให้ก็ได้ว่าทุกคนกำลังคิดผิด เพราะว่าตอนนี้ผมนั้นกำลัง... หลงทาง

     

     

    แม่ง ถ้ารู้ว่าจะเป็นงี้น่าจะชวนชานยอลมาซะก็ดี

     

     

    ผมรู้ห้องที่ตัวเองต้องไปแล้ว รู้ตำแหน่งตึกศิลป์ มีแผนที่จากบอร์ดประชาสัมพันธ์ แล้วทำไมผมถึงหลงทางได้วะครับ ผมล่ะอยากจะบ้าตาย นี่เป็นเวรเป็นกรรมของคนที่เกิดมาหล่อไปอย่างผมใช่มั้ยครับ พอเดินเข้าไปถามสาวๆที่เมาท์กันเป็นกลุ่มใหญ่ เขาก็รีบลุกหนีผมไปเลยอ่ะ

     

     

    ความหล่อของผมนี่มันช่างเป็นบาปเหลือเกิ้นนนนน~ (ถุย)

     

     

    ผมเดินวนไปวนมาอยู่ในอาคารอย่างช้ำใจ ก่อนที่จะล้มเลิกความตั้งใจในการหาห้องเรียนของตัวเองเอาไว้ ณ ตรงนี้ ...โอเค ผมเหนื่อยมากแล้วผมก็หิวมากด้วย ถึงแม้ว่าก่อนออกมาชานยอลจะให้แซนวิชทูน่ามากินแก้หิวแล้วก็ตาม แต่แค่นั้นมันจะไปพอยาไส้อะไร!

     

     

    ผมเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ตู้กดน้ำกะว่าจะกินโค้กซักกระป๋องแล้วค่อยเดินไปแคนทีนต่อ ผมใส่เงินไปพันวอนก่อนจะกดเอาโค้กกระป๋อง แต่พอกดแล้วไอ้เครื่องนี่มันก็ดันไม่ยอมเอาโค้กออกมาให้ผม

     

     

    “อ่าวมึง เอาโค้กมาให้กูเดี๋ยวนี้!” ผมลองทุบตู้เหี้ยนี่ดูเผื่อว่าโค้กมันจะหล่นออกมาให้ “ห่า งั้นก็คืนตังกูมา”

     

     

    ปัง!

     

     

    ในขณะที่ผมกำลังจะลงแรกทั้งหมดทุบลงไป โค้กมันก็หล่นมาให้ผมเสียก่อนเพราะว่าถูกขาเรียวของใครบางคนเตะเข้าให้อย่างแรง เธอที่เป็นเจ้าของเขาเรียวก้มลงไปหยิบโค้กออกมาจากช่องหล่นในขณะที่ผมนั้นยังคงอึ้งไม่หาย

     

     

    “อ่ะของนาย” พอเธอลุกขึ้นได้แล้ว เธอก็ยื่นโค้กกระป๋องนั้นมาตรงหน้าของผมพร้อมกับรอยยิ้มจางๆประดับบนใบหน้าสวยหวาน ตอนนั้นเองที่ผมเอาแต่ตะโกนในใจว่า น่ารักโครต!’ คนอะไรวะได้น่ารักขนาดนี้ ไม่สงสารหัวใจของผมบ้างเลย นี่เต้นแรงจนแทบจะกระเด้งออกจากอกได้อยู่แล้ว

     

     

    ปากเล็กๆของเธอมันน่ารัก

     

     

    ตายิ้มทั้งสองข้างของเธอมันน่ารัก

     

     

    ชิบหาย... น่ารักไปหมดเลย

     

     

    ////////////////

     

     

    “ตู้กดตู้นี้สปริงมันไม่ค่อยดีแล้วล่ะ ถ้าจะใช้ก็ไปใช้ที่แคนทีนเอาแล้วกัน” เธอว่าพร้อมกับยื่นกระป๋องโค้กที่เย็นเฉียบขึ้นมาแตะเข้ากับแก้มของผมเบาๆ จนตัวผมสะดุ้งโหยงเพราะเอาแต่มองหน้าเธอนานเกินไป ผมยกมือขึ้นไปรับโค้กมาเธอเอาไว้ แต่มือเจ้ากรรมก็ดันสัมผัสเข้ากับมือของเธอแทนที่จะเป็นกระป๋องโค้ก

     

     

    โอ้ตายๆ วันนี้ผมจะไม่ล้างมือเด็ดขาด!

     

     

    “อะ เอ่อ ขอโทษนะ” ผมรีบแย่งโค้กในมือของเธอมาถือเอง ก่อนจะเกาหัวไปมาอย่างเก้อเขิน

     

     

    “ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องพูดเป็นทางการกับเราก็ได้ นาย...ใช่เด็กใหม่ที่เขาพูดถึงกันป่ะ”

     

     

    “ก็คงใช่”

     

     

    “เห่ย งั้นนายก็เป็นพี่เราอ่ะดิ เอ่อ ฉันโซยู หรือที่คนอื่นๆเรียกว่านางสาวซัม ยินดีที่ได้รู้จักนะคะโอปป้า” เธอยิ้มน่ารักอีกครั้งก่อนจะยื่นมือของตัวเองมาข้างหน้าผม

     

     

    เธอ...เรียกผมโอปป้าด้วยล่ะ oo

     

     

    “พี่ พยอนแบคฮยอน ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ผมยื่นมือไปจับมือเธอเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับว่ามีใครสักคนเอาปืนมาจ่อหัวผมแล้วลั่นไกแบบไม่บอกไม่กล่าวกันสักกะคำ ผมนี่ปังไปเลยครับ ผมเผลอปล่อยตัวปล่อยใจลอยไปอีกครั้ง มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โซยูชักมืออกไปนี่แหละ

     

     

    งื้อออ คนอะไรน่ารักอย่างกับนางฟ้า

     

     

    “ครับเคริบอะไรกัน ไม่ต้องพูดสุภาพกับฉันก็ได้ค่ะ”

     

     

    แถมยังอัธยาศัยดีอี้กกกกกก ฮอล!

     

     

    “ละ แล้วไม่ขึ้นไปเรียนหรอ” ผมล่ะอยากจะตีปากตัวเองให้เจ็บๆสักทีที่เอาแต่พูดตะกุกตะกักกับเธออยู่ได้ เธออาจจะมองว่าผมน่าเบื่อ เฉิ่ม และซื่อบื้อก็ได้ โอ้ยๆ นี่ผมจะบ้าตายจริงๆนะถ้าเกิดว่าเธอยิ้มให้มากกว่านี้ น้องโซยูทำไมน่ารักแบบนี้ล่ะเนี่ย

     

     

    “ฮ่าๆพี่นี่ตลกจัง”

     

     

    “ต..ตลก?”

     

     

    “พี่ไม่รู้หรอคะว่าวันแรกของที่นี่ไม่มีเรียน แล้วนี่พี่จะไปไหนต่อคะเนี่ย?” แล้วทำไมไม่มีใครบอกผมสักคนล่ะว่าวันนี้ไม่มีเรียน ถึงว่าล่ะจงอินมันถึงได้หลับเหมือนตายขนาดนั้นน่ะ!

     

     

    “คือพี่...หลงทางน่ะ”

     

     

    “หลง?”

     

     

    “กะว่าจะไปดูห้องเรียน แต่พอหลงจนเหนื่อยก็เลยว่า...”

     

     

    “...”

     

     

    “จะหลงในใจเธอแทน”

     

     

    ไอ่ห่า เสี่ยวสัส

     

     

    ประโยคนั้นแค่คิดในใจเท่านั้นแหละ ใครมันจะไปกล้าพูดจริงๆวะ

     

     

    “จะไปหาอะไรกินที่แคนทีนแทนสักหน่อยน่ะ”

     

     

    “งั้นก็ไปกันเลยค่ะ ฉันเองก็หิวเหมือนกัน” โซยูว่าพร้อมกับลูกท้องแบนๆของเธอด้วยท่าทางน่ารัก ฮื่ออออ ยัยเด็กบ้านี่ จะน่ารักพร่ำเพรื่อไปทำกันกัน สงสารหัวใจผมบ้างเถอะ T/////////T

     

     

    “ไม่กลัวอ้วนหรอ”

     

     

    “บ้าเถอะค่ะ คนเราต้องกินเพื่ออยู่สิคะ”

     

     

    เห้ยมึง....

     

     

    “ฮ่าๆ นั่นสินะ”

     

     

    สเปก กู เลย

     

     

    “ว่าแต่พี่แบคฮยอนเป็นน้องของพี่คริสหรอคะ เห็นใส่เสื้อกัปตันทีมมาด้วย” ผมขมวดคิ้วก่อนจะก้มลงมองเสื้อสีขาวที่ตัวเองสวมอยู่ ซึ่งคำถามที่ว่าทำไมต้องใส่เสื้อผืนนี้ยังค้างคาใจผมไม่หาย ชานยอลบอกว่าจะบอกกับผมตอนกลับหอ แต่ห่าราก...กูก็สงสัยหนักกว่าเก่าป่ะไอ่ซัซ

     

     

    “เราอยู่ห้องติดกันน่ะ ส่วนเสื้อนี่พี่คริสเป็นคนให้มาใส่ แต่พี่ไม่รู้ว่าทำไมต้องใส่”

     

     

    “มันทำให้ทุกคนในโรงเรียนรู้ว่า พี่คริสจะคอยปกป้องพี่ทุกเวลา”

     

     

    “...”

     

     

    “เสื้อผืนนี้เป็นเสื้อผืนแรกที่ทำขึ้นมาให้กับกัปตันทีมบาสรุ่นที่พาโรงเรียนคว้าเหรียญเงินระดับประเทศค่ะ เป็นเสื้อที่ยิ่งใหญ่มากๆเลยนะคะ ตอนที่ฉันดูการแข่งขันบาสรอบตัดสินนี่ใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะแพ้กลับมา แต่ทุกคนในโรงเรียนไม่เคยลืมภาพของพี่คริสที่ชู้ตสามแต้มสุดท้ายได้เลย”

     

     

    พอโซยูเล่าจบเธอก็หันมายิ้มให้กับผมอย่างเช่นทุกครั้ง เธอดูมีความสุดเวลาที่พูดถึงผู้ชายเท่ๆแบบนั้น ซึ่งมันทำให้ผมหัวใจกระตุกวูบไปในทันทีเมื่อเห็นเงาไอ้อ้วนที่กำลังสะท้อนอยู่ในดวงตาใสของเธอ

     

     

    “เราชอบแบบพี่คริสเหรอ” ผมถาม แล้วโซยูก็ส่ายหัวให้เบาๆ

     

     

    “ไม่ค่ะ ฉันไม่ชอบคนดังหรอกมันวุ่นวาย ที่ฉันชอบก็คงจะเป็นคนที่สามารถออกไปกินเนื้อย่างกับฉันได้ทุกเวลา”

     

     

    “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็จะอ้วน ซึ่งคนในโรงเรียนนี้ไม่ชอบอ้วนๆ” ผมว่าด้วยสีหน้าจริงจัง แต่โซยูกลับหัวเราะออกมาที่ได้ยินผมพูดแบบนี้กับเธอ อ่าว ผมพูดอะไรผิดไปหรอ ก็ที่นี่มันสังคมหุ่นดีนี่นา ใครๆก็หุ่นดี มองไปทางไหนก็หุ่นดี

     

     

    “ฮ่าๆ พี่นี่ตลกจัง”

     

     

    “อ่าว ก็ไม่จริงรึไง”

     

     

    “ถึงที่นี่จะบอยคอตต์คนอ้วนก็จริง แต่ฉันก็ไม่ได้ชอบหรอกค่ะ”

     

     

    “....”

     

     

    “ฉันชอบคนน่ารักๆแบบพี่แบคฮยอนนี่แหละ”

     

     

    ปังเลยครับ

     

     

     

    เธอคนนี้นี่มันสเปกผมจริงๆ!!!

     

     

     

     

     

     






     

     

     

     





     

    กระเทยท้อคคค


     

    อุ้ยว้ายตายกรี้ด ไม่เอาเนอะไม่ปาเกิบ 55555555555

    แต่ถ้าเป็นขวดพลาสติกจะดีมากเพราะว่าขายได้ในราคาค่อนข้างสูง แถมยังลดโรคร้อนด้วยนะคะ

    แหมๆ นอกจากจะเป็นกระเทยที่สวยแล้ว ยังเป็นกระเทยที่มีความคิดดีอีกด้วยนะคะ อ่าห์~

     

    เห็นคนมาเยี่ยมชมแฟนฟิคของกระเทยแล้วก็น้ำตาจะไหล หลั่งไหลเข้ามาเยอะจริงๆ (ปาดน้ำตา)

    ความรู้สึกนี้มันตื้นตันจริงๆเลยค่ะ คล้ายๆกับสมัยได้เป็นนางนพมาศใหม่ๆ กระเทยดีๆใจมากจริงๆเลยค่ะ

    หวังว่าหลายๆคนจะชอบเรื่องราวของไอ้อ้วนแบคฮอนที่กระเทยพยายามแต่งมานะคะ

    โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่ค่อยเป็นคนขี้มโนเท่าไหร่ แต่กระเทยจะพยายามค่ะ

    เลิฟยูวววววว ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×