คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : NICE BODY : 02
02
New Creditor
“กูไม่มีตัง”
นี่คือประโยคแรกหลังจากที่ผมเข้ามาเหยียบในห้องของไอ้ผู้ชายตัวสูงนิสัยเหี้ยคนนี้ บรรยากาศห้องนั้นดีมาก อากาศถ่ายเทและไม่มีกลิ่นบุหรี่อย่างที่ผมคิดเอาไว้ ขนาดห้องของผมเล็กกว่ามันมาก แถมยังมีเฟอร์นิเจอร์ที่ดีกว่าของผม (แน่ล่ะมนุษย์แม่ไม่ยอมเสียเงินซื้ออะไรแพงๆแบบนี้เข้าหอแน่) แถมยังเป็นระเบียบมากกว่าที่ผมคิด สรุปง่ายๆเลยก็คิดมันน่าอยู่มากๆ และจะน่าอยู่กว่านี้ถ้าไม่มีไอ้เหี้ยนี่ -_-
“มึงทำกระจกห้องกูแตก” มันยังยืนกอดอกพิงขอบประตูห้องครัวพูดกับผมแบบนั้น ตั้งแต่ที่ผมเข้ามานั่งเคลียร์ในห้องของมัน
“กูรู้ แต่ประเด็นคือกูไม่มีตังไงมึงได้ยินมั้ยวะ!”
ห่าราก หูก็ออกจะกางทำไมไม่ฟัง
“งั้นก็ให้ตำรวจจัดการ”
“หะ เห้ย!! เดี๋ยวดิ” พอเห็นว่ามันล้วงเอาโทรศัพท์ออกมากด ผมก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหามันแล้วพยายามเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ในมือมันมา แต่ทว่า
โครม
ขาผมก็ดันไปสะดุดเข้ากับขอบโซฟาก่อนที่ร่างกายจะทิ้งดิ่งลงกับพื้นด้วยน้ำหนักตัวทั้งหมดที่มี และที่แย่ที่สุดคือหน้าผมแทบจะจูบหลังเท้ามันได้อยู่แล้ว
“จะเอาไง” มันย่อตัวลงมานั่งอยู่ด้านหน้าผมพร้อมกับประโยคคำถาม ที่ดูยังไงๆมันก็ยังดูกวนตีนในความรู้สึกผมอยู่ดี
“กูสิควรเป็นคนถามมึง”
“ก็กูจะเอาค่าเสียหายแต่มึงก็เสือกไม่มีตัง อ้วนแล้วยังจะเรื่องมากอีก”
อ่าว มึงโยงมาด่ากูได้ไงวะ
“งั้นจนกว่ากูจะมีตัง กูจะยอมเป็นเบ้จิปาถะให้มึง”
“เบ้จิปาถะ” มันทวนคำพูดผมอีกครั้งคล้ายๆกับมีความข้องใจในขณะที่มองหน้าผม อะไรวะก็รู้อยู่หรอกว่าหน้าอย่างผมน่ะมีอยู่แค่ไม่กี่อย่างก็คือ หล่อมาก กับหล่อมากๆ
“เออ”
“อย่างมึงนี่” มันเว้นจังหวะเอาไว้เล็กน้อยก่อนจะเอียงคอเลิกคิ้ว “นอกจากกินกับนอนแล้วทำห่าเป็นด้วยเหรอวะ”
เอ้า เลี้ยงหมาในปากหรอมึง
“ก็นอกจากกินกับนอนแล้ว กูก็แค่หล่อไปวันๆแค่นั้น” ผมว่าพร้อมกับยิ้มที่คิดว่าหล่อสัสๆให้มันเห็น โถ่ อย่าคิดว่าพี่แบคจะกากๆ ระดับนี้แล้วณเดธยังต้องวิ่งมาขอสูตรความหล่ออัมตะจากผม
“อะไรทำให้มึงมั่นใจขนาดนี้วะ”
“โอ๋ๆ เห็นกูหล่อกว่าก็อย่าอิจสิมึง” ผมกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอียงคอให้อย่างน่ารัก มันได้แต่หัวเราะหึในลำคอแล้วยื่นมือมาผลักหัวผมจนหน้าแทบจูบพื้นอีกรอบ ไอ่ห่า เห็นหล่อกว่าเป็นไม่ได้เลยนะมึง ผมได้แต่พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ในขณะที่มันได้เดินหนีผมเข้าไปในห้องนอน
ผมยืนเก้ออยู่ได้ไม่นานมันก็เดินออกมาพร้อมกับไม้กวาดและที่ตักผงในมือ มันเดินดุ่มๆมาหาผมก่อนจะดันไม้กวาดกระแทกอกผมดังปั้ก
“อะไรมึง”
“กูชื่อปาร์ค ชานยอลเรียกดีๆ”
“ทีมึงยังเรียกกูว่าไอ้อ้วนได้เลย ไม่มีใครบอกมึงหรอว่าคำว่าอ้วนเป็นคำหยาบ”
“ก็มึงไม่บอกชื่อกู กูเลยคิดว่ามึงชื่ออ้วน”
พ่องดิสัส
“กู... แบคฮยอน”
“นามสกุล”
ไม่เหมือนพ่อมึงหรอก
“พยอน”
“ดี เผื่อมึงหนี กูจะได้แจ้งตำรวจ” ชานยอลพูดจบก็เดินไปนั่งที่โซฟา ปล่อยให้ผมยืนกอดไม้กวาดกับที่ตักผงด้วยสภาพหน้าบอกบุญไม่รับหลังจากที่โดยชานยอลกวนประสาทสองรอบติด ...หรือว่าสามว่ะ เออช่างแม่งเหอะ เอาเป็นว่าตอนนี้มันได้กลายเป็นเจ้าหนี้คนแรกในชีวิตผมไปแล้ว และผมคงไม่มีสิทธิ์ทำซ่าใส่มันได้อีก “เก็บกวาดกระจกที่มึงทำแตกด้วย”
“เออ”
“พูดกับกูดีๆ”
ทีมึงยังพูดไม่ดีกับกูเลยไอ่ซั่ซ
“ครับๆ จะไปทำเดี๋ยวนี้” แต่ทำไงได้ล่ะครับ ด้วยความที่ว่าผมหน้าหล่อแต่ทางบ้านไม่ค่อยมีฐานะเลยทำให้ชีวิตของผมตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เอาจริงๆบ้านผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นแต่ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนจนอยู่ตลอดเวลาก็มีมนุษย์แม่เนี่ยแหละครับที่ให้ค่าขนมผมน้อยเหลือเกิน นี่ถ้าโทรไปบอกว่าทำกระจกห้องข้างๆแตกนี่คงโดนสวดยับแน่ๆ
“ทำไมย้ายมาอยู่นี่” ผมที่กำลังเก็บเศษแก้วอยู่ได้แต่เงยหน้าขึ้นมาอย่างงงๆที่จู่ๆไอ้ตัวโย่งกลางห้องก็เอ่ยถามขึ้นมาทั้งๆที่ในมือมันยังเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อยู่
“ไม่เสือกดิ”
“งั้นกูแจ้งตำรวจ” พอโดนผมกวนตีนกลับเท่านั้นแหละ ชานยอลก็กดปุ่มโฮมในโทรศัพท์แล้วทำท่าจะกดโทรหาตำรวจจริงๆเลยทำให้ผมรีบออกตัวขวางก่อนมันจะทำจริงๆ
“โอ๋ๆ ใจเย็นดิ แหมเจอถามแบบนี้ก็มีตกใจบ้าง จะจีบหรอ? แต่โทษทีนะน้องพอดีพี่ไม่ตุ๋ยใคร”
“ครับ คุณตำรวจ”
“เชี่ย” พอเห็นว่าโทรออกแล้วเท่านั้นผมก็รีบวิ่งเข้าไปชาร์ตตัวชานยอลนี่นั่งอยู่บนโซฟาทันที ผมฉกโทรศัพท์มันมากำเอาไว้ในมือก่อนจะรีบกดตัดสายทั้งๆที่ปลายสายกำลังตอบกลับมาอย่างสุภาพ แต่เสียใจนะ คืนนี้ผมไม่ยอมไปนอนในคุกแน่ๆ “ไหนตกลงกันแล้วไงวะ”
“ก็มึงกวนตีนก่อนทำไม”
มึงไม่กวนตีนกูว่างั้นเหอะ
“แหม~ มันก็มีหลุดปากบ้าง คิดซะว่านกร้องเพลงก็ได้นี่” ผมยิ้มแห้งๆให้กับคนที่กำลังนั่งอยู่พร้อมกับยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นหนี้มันอยู่และกลัวมันโทรแจ้งตำรวจ ผมอาจจะโยนโทรศัพท์ชานยอลดิ่งพสุธาลงชั้นหนึ่งเพราะฟิวส์ขาดก็ได้
“นกเชี่ยไรตัวใหญ่ขนาดนี้วะ”
วกด่ากูได้ตลอดเลยไอ่สัส
“มือมึง”
“หะ?” งงครับ จู่ๆมันก็ชี้นิ้วมาที่มือของผม จนต้องรีบยกมือขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่ามือข้างซ้ายของผมมันเต็มไปด้วยเลือด ดูๆแล้วคงจะได้แผลตอนที่รีบวิ่งมาดึงโทรศัพท์ชานยอลเนี่ยแหละ
“ถึงมึงจะเอาเลือดออกหมดตัวแต่ก็ไม่ได้ทำให้มึงผอมลงหรอกนะ ไปล้างน้ำไป”
“-_-”
ถึงจะโดนมันแซะมาแต่ผมก็รีบไปล้างมือในห้องตามตามที่มันบอกเพราะกลัวว่าเลือดจะหมดตัวไปจริงๆ ความจริงแล้วแผลมันไม่ได้ลึกมากอย่างที่คิดหรอกครับ แต่ว่าด้วยความที่ว่าผมมันคนสุขภาพดีหัวใจก็เลยสูบฉีดเร็วจนเลือดออกเยอะมากขนาดนี้
ฮอล คนอย่างผมนี่มันหล่อเกินไปจริงๆ
ผมออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่เลือดมันไหลออกมามาไม่มากนักแล้ว แต่ก็ยังมีบ้างประปราย พอออกจากห้องน้ำมาก็พอกับชานยอลที่นั่งอยู่เหมือนเดิม แต่ที่แปลกไปก็คือบนโต๊ะมีกล่องประถมพยาบาลอยู่ด้วย
“มองห่าไร มาทำแผลดิ”
เมื่อเห็นว่าชานยอลกำลังจะอารมณ์เสียอีกครั้งผมก็รีบพยักหน้าหงึกหงักแล้ววิ่งถลาเข้าไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับมันทันที ใช้มือข้างที่ไม่เป็นแผลยื่นไปคว้ากล่องพยาบาล แต่ทว่าก็โดนชานยอลตีมือเข้าดังเพี้ยะจนผมงงว่า ‘กูทำผิดอัลไล’
“ใครบอกว่าจะให้มึงทำแผล”
“อ่าว ก็แล้วจะให้กูตายคาห้องมึงเหรอ”
“เดี๋ยวกูทำให้”
“ห้ะ!!” นี่ผมหูฝาดไปหรอ
“น้ำหน้าอย่างมึงกูไม่คิดหรอกว่าจะทำแผลเป็น แค่เก็บเศษแก้วแค่นั้นยังทำไมได้เลย อย่างมึงนี่ทำเป็นแค่กินกับนอนเท่านั้นแหละ” ผมหน้ามุ่ยเป็นตูดทันทีที่ชานยอลบ่นผมยาว ในขณะที่มือก็เปิดกล่องประถมพยาบาลไปด้วย แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของผมทั้งหมดซะหน่อย ถ้าเขาไม่มากวนตีนใส่ผมก่อนผมก็คงไม่ปากระถางดอกไม้ใส่ห้องมันแบบนั้นหรอก
“หล่อก็เป็น”
“-_-“ ชานยอลเงยหน้ามาครั้งนึงก่อนจะถอนหายใจใส่มือผมเฮือกใหญ่ โถ่ อิจฉามากก็บอกมาดีๆ
“โอ้ย เชี่ยแสบบบบบ~” ผมร้องลั่นห้อง ที่จู่ๆชานยอลก็ป้ายแอลกอฮอล์ลงมาบนแผลของผมโดยไม่ได้ถามความคิดเห็น หรือบอกกล่าวกันก่อนสักคำ ไอ้เชี่ยแสบมากๆ น้ำตาจะไหลลงมาให้ได้ นี่มึงแค้นกูมากมั้ยเนี้ยชานยอล กับอีแค่กูหล่อกว่าเท่านั้นเอง
“เป็นคนต่างจังหวัดเหรอ”
“รู้ได้ไง”
“นายสบถสำเนียงถิ่น” ชานยอลเงยหน้ามาตอบก่อนจะก้มหน้าทำแผลให้ผมต่อ ผมเองก็ไปไม่ได้ต่อบทสนทนากับเขาต่อ เลยทำให้เสียงภายในห้องนี้เงียบลงอย่างรู้สึกได้ชัดเจน เอาเข้าจริงๆผมก็ยังงงๆกับตัวเองเหมือนกันว่าแค่กระถางต้นไม้กระถางเดียวทำให้ผมต้องมีชีวิตพัวพันกับคนตรงหน้านี้
เราไม่เคยรู้จักมักจีกันมาก่อน เจอหน้ากันครั้งแรกก็สาดคำหยาบคายใส่กันจนหน้าสั่น แต่น่าตลกที่สุดท้ายเราก็ต้องมานั่งจุมปุ้กอยู่ในห้องเดียวกัน
“อ่ะ เสร็จแล้ว” ชานยอลว่าก่อนยกมือข้างซ้ายคืนกลับมาบนตักของผมก่อนที่ตัวเองจะยกกล่องประถมพยาบาลไปเก็บเอาไว้บนชั้นวางของ
“ขอบใจ” และเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทจนเกินไปผมจึงเอ่ยขอบคุณมันไปตามน้ำ ที่คนปกติเขาสมควรทำกันเวลาได้รับความช่วยเหลือ ถึงแม้ว่าชานยอลมันจะปากหมามากก็เถอะนะ ผมจะคิดซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกินขึ้นก็แล้วกัน
ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปเก็บเศษกระจกที่ทำค้างเอาไว้เพื่อที่มันจะได้เสร็จเร็วๆ จากตอนแรกๆที่เราทะเลาะกันจนตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วผมก็ยังไม่ได้กลับห้องของตัวเองไปสักที และผมเห็นว่ามันต้องไม่ดีแน่ๆถ้าเกิดว่าผมพลาดข้าวเย็นของวันนี้ไป
“ไม่ต้องเก็บแล้ว”
“ถ้ากูไม่เก็บแล้วมึงจะเก็บหรือไง” ผมถามสวนกลับ แต่ถึงอย่านั้นก็ยังไม่หยุดเก็บ เพราะอย่างชานยอลไม่มีทางมาเก็บชิ้นส่วนที่ผมทำเสียหายด้วยตัวเองแน่ๆ
“กูจ้างแม่บ้านไว้ พรุ่งนี้ก็คงมาเก็บให้เอง”
“อ่าว!!!” นี่กูยืนขึ้นเลยครับ “มึงไม่บอกตั้งแต่แรกๆวะ!”
“อยากเห็นว่ามึงจะมีความรับผิดชอบมั้ย แค่นั้นแหละ”
พ่องดิ
ผมได้แต่มองหน้าชานยอลที่ยังทำท่าสบายๆ พร้อมกับสบถในใจดังลั่นด้วยความรู้สึกที่เหมือนคนยื่นขนมมาให้กินแต่พอยื่นมือจะไปล้วงแดกด้วยกลับโดนแม่งตบหัวพร้อมกับพูดว่า กูไม่ให้มึงหรอก ฮ่าๆๆๆๆ ตลกเถอะครับ นี่กูนั่งโง่เก็บเศษแก้วไปเพื่อให้มันเห็นความรับผิดชอบอ่ะเหรอ
ใช่เรื่องป่ะ ห่า
“กินข้าวมั้ย เย็นแล้ว”
“ห๊ะ?” และเป็นอีกครั้งที่ผมเผลออุทานเสียงแปลกๆออกมาเมื่อมันเอ่ยชวนทานข้าวด้วย ราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ เดี๋ยวนะๆ คือเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้ผมจำได้ว่าเราพึ่งด่ากันไปหมาดๆ และยังด่าไม่หยุดมาจนถึงตอนนี้ แล้วทำไมอยู่ๆก็ชวนผมทานข้าวด้วยล่ะวะ
ปาร์ค ชานยอลเป็นมนุษย์ประเภทไหนกันแน่
“อยากให้อาหารสัตว์” ชานยอลพูดแล้วไหวไหล่เบาๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว
“หราาาาาา เห็นทีว่าคงจะต้องให้เยอะหน่อย”
“กูก็ไม่คิดว่ามึงจะกินน้อยๆอยู่แล้ว” ถึงจะฉุนขาดแค่ไหนที่โดนตอกกลับมาทุกดอก แต่เพราะเรื่องกระเพาะต้องมากก่อนผมเลยเดินตามชานยอลเข้าไปในครัวแม้ว่ามันจะบอกว่า ‘อยากให้อาหารสัตว์’ ก็ตาม
โถ่~ ถึงจะเป็นสัตว์กูก็คงเป็นราชสีห์ที่หล่อที่สุดแหละวะ ผมเดินไปนั่งบนโต๊ะในขณะที่ชานยอลนั้นเปิดตู้เย็นเพื่อเอากล่องพลาสติกสีน่ารักๆออกมาสองสามกล่อง
“มีอะไรให้ช่วยป่ะ”
“นอกจากเดาะลูกบอลกับส่ายก้นตามจังหวะเพลงแล้ว มึงทำอย่างอื่นเป็นด้วยเหรอ”
“กูไม่ใช่ช้าง” ผมตอบอย่างใจเย็น ทั้งทีนี่ใจนี่ด่าชานยอลจนจะครบหน้ากระดาษเอสี่ได้อยู่แล้ว เชี่ยแม่งเอ้ย ไม่ด่าคนอื่นสักวิมึงจะตายห่ามั้ยวะ หน้าตาก็ไม่ได้ดิบดีอะไรขนาดนั้น(?) เอาเวลามาที่ว่ากูเป็นช้างเนี่ยไปส่องกระจกก่อนมั้ย
“นั่งรอไปก็แล้วกัน”
มันสรุปให้ก่อนที่จะเปิดเตาแก๊สแล้วตั้งกระทะ ผมเองก็ใช่ว่าจะทำอาหารเป็นเลยได้แต่นั่งรอชานยอลตามที่มันสั่งเอาไว้อย่างว่าง่าย เพราะทุกวันนี้ผมก็รอกินจากคุณนายบยอนเช่นกัน และทำหน้าที่ที่ทำได้ดีที่สุดนั่นก็คือล้าง เสียงตะหลิวเคาะกับกระทะดังเป็นระยะก่อนที่เสียงปิดแก๊สจะดังขึ้นเป็นลำดับถัดมา
ถ้ามองจากมุมที่ผมนั่งตรงนี้ และลืมเรื่องเมื่อตอนเช้าไป บอกตามตรงเลยว่าชานยอลเป็นผู้ชายที่น่าประทับใจคนนึงเลยที่เดียว เอาตรงๆเลยนะผมว่าผู้ชานทำงานบ้านที่ทำงานบ้านเก่งน่ะหล่อที่สุดแล้ว
“อ่ะ อาหารสัตว์”
โอเค กูขอถอนคำพูด
“แล้วทำไมมึงกินน้อย” ผมเอ่ยถามขณะที่ชานยอลกำลังเลื่อนเก้าอี้เข้ามานั่งตรงกันข้ามกับผม ชานยอลขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่ผมมองจานตัวเองกับชานยอลสลับกันไปมา เพราะที่ข้าวในจานของผมเยอะกว่าชานยอลประมาณสองเท่าได้
“ตัวมึงใหญ่ พื้นที่แดกคงเยอะ”
“(ノ ಠ益ಠ)ノ”
เอ้า มาวกด่ากูอีก
“แบคฮยอน กูถามจริงๆเลยนะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าจริงจังใส่ผม ในขณะที่ผมพยายามระงับอารมณ์โกรธของตัวเองด้วยการกินข้าวผิดฝีมือคนตรงหน้า ซึ่งถ้าลบความโกรธออกไปก็ถือว่าอร่อยมาก
“ว่ามาดิ”
“มึงเคยคิดที่จะลดน้ำหนักบ้างมั้ย” ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวเพื่อมองหน้าชานยอล ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ยี่หระอะไร ชานยอลยังคงขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น ผมกลืนข้าวผัดที่เคี้ยวอยู่ลงคอก่อนจะตอบชานยอลไป
“กูเสียเป็นล้านกว่าจะได้ขนาดนี้ แล้วมึงคิดว่ากูจะลดง่ายๆหรอวะ”
“...”
“อีกอย่าง กูชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ที่สุด”
“แล้วทำไมถึงย้ายมาที่นี่”
“คนที่อยู่บ้านนอกไม่ว่าเป็นใครก็อยากที่จะเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงกันทั้งนั้นแหละ อีกอย่างถ้าสอบเข้ามหาลัยยังไงก็ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่อยู่ดี สู้ย้ายมาตั้งแต่เนิ่นๆเลยน่าจะดีกว่า” พอตอบเสร็จผมก็จัดการตัดข้าวคำใหญ่เข้าปาก โดยเขี่ยแตงกวาออกไปข้างๆจาน
“บางที”
“...”
“มึงอาจจะไม่ชอบสังคมที่นี่ก็ได้”
กระเทยท้อก
เอาจริงๆแล้ว ฟิคเรื่องนี้ก็ฟิคดาร์คๆเรื่องนึงละ อยากจะให้ทำใจ
ไปทำไตเติ้ลฟิคมาด้วย อย่าลืมไปดูกันน้า
ช่วงนี้ก็ดองฟิคมันทุกเรื่อง ความเศร้ามันรุมเร้า อิห่า นี่เป็นแค่กระเทยตัวเล็กๆนะคะ ไม่ใช่ชัชชาติ
จะให้เบ่งกล้ามแล้วบอกว่า สู้โว้ยยย งี้ก็ไม่ไหวอ่ะค่ะ กระเทยไม่สู้จริงๆ
5555555555555555555555555555555555555555555
ได้บ่นละสบายใจ
ไปละค่ะ บายยยยยยย
ความคิดเห็น