ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ก่อนเข้าเกม
ณ คฤหาสน์ แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเล็กน้อย
สวัสดีครับ ผมชื่อว่า กิล นะครับ หลายๆคนก็คงจะสงสัยสินะครับว่าทำไมผมถึงมาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้
ไม่ใช่ว่าเพราะผมรวยหรอกนะครับ ที่จริงแล้วคฤหาสน์หลังนี้เป็นคฤหาสน์ของ นายเทพพิทักษ์ รัตนวงศ์ ซึ่งเป็นเศรษฐีชื่อดัง ที่มีธุรกิจส่งออกสินค้าจำพวกเครื่องมือ เครื่องใช้จำพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เอ่ออ คุณไม่ต้องหวังเลยนะครับว่าผมจะมีฐานะดี ที่จริงผมก็แค่เคยเป็นลูกของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เท่านั้นแหละครับ หรือเรียกอีกอย่างว่าเคยรวยนะครับ
ทุกคนคงจะสงสัยสินะครับว่าทำไมผมจึงบอกว่าเคยรวย ถ้างั้นผมก็จะบอกรายละเอียดเล็กน้อยก็ได้ครับ เนื่องจากเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้คนเก่าหรือก็คือ พ่อของผมเอง ได้โดนถูกฆาตกรรม ยังไงละครับ จึงต้องให้ นายเทพพิทักษ์ หรือ เลขาของคุณพ่อของผมเป็นคนดูแลกิจการของท่านต่อ
หลายๆคนก็คงจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่ได้สืบทอดกิจการ ผมขอบอกเลยว่าเหตุผลก็มาจาก นายเทพพิทักษ์นี่แหละครับ เพราะอะไรนะเหรอครับ ผมจะบอกให้ก็ได้แต่คุณต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ
พอดีเรื่องมันเศร้า พอจะเล่าแล้วน้ำตาก็เริ่มซึม อ่าา ช่างรู้สึกฟินอะไรเยี่ยงนี้ ไม่อยากจะเล่าเลยเรื่องมันยาวแต่เห็นแก่ท่านผู้อ่านจะช่วยเล่าให้ฟังก็ได้
เรื่องมีอยู่ว่า นายเทพพิทักษ์ ทรยศพ่อและแม่ของผมแล้วยึดตำแหน่งพ่อของผมไป จากนั้นก็ปล่อยข่าวลือว่า เกิดฆาตกรรม ส่วนผมทำไมถึงไม่ได้โดนฆ่าไปด้วยนะเหรอ เหตุผลก็ง่ายนิดเดียว ก็ผมนะเป็นอัจฉริยะนี่หน่า
คุณไม่ต้องมามองผมแบบนั้นเลย ผมไม่ได้หลงตัวเองสักหน่อย ผมเป็นอัจฉริยะจริงๆนะ เชื่อผมเถอะนะ นะ นะ ผมพูดพร้อมทำสายตาออดอ้อน
ท่านคงจะไม่เชื่อผมสินะว่าผมเป็นอัจฉริยะ เคยได้ยินหรือเปล่าว่าอัจฉริยะกับคนบ้าห่างกันแค่หน้ากระดาษ คราวนี้ท่านก็คงจะทราบแล้วนะว่าผมนั้นเป็น อัจฉริยะ ไม่ใช่ คนบ้า
เอาละผมว่าเราออกนอกเรื่องไปไกลแล้ว กลับมาก่อน เดี๋ยวค่อยออกไปใหม่(-_-) เอิ่ม เอาเป็นว่าผมเป็นอัจฉริยะแล้วนายเทพพิทักษ์ ก็เลยต้องการเก็บผมเอาไว้เป็นหมากไว้ใช้ประโยชน์ตัวหนึ่งก็แล้วกัน
ส่วนหน้าที่การงานของผมในตอนนี้นะเหรอ ก็ต้องเป็นงานที่เหมาะสมกับอัจฉริยะอย่างผมอยู่แล้ว นั่นก็ คือ .....คนครัว ครับ อ่า าา ใช่ครับผมเป็นคนครัวทุกท่านคงฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมเป็นคนครัว อยากรู้ความเป็นมาไหมว่าทำไมว่าผมเป็นคนครัว เอาเป็นว่าตอนเด็กๆผมเกิดนึกอยากจะทำอาหารแล้วลองฝึกทำดู แค่ทำครั้งแรกเท่านั้นครับ เอาไปให้เลขาของพ่อกิน เพราะ ท่านพ่อบอกว่าช่วงนี้ท้องไส้ของท่านไม่ค่อยดีเลยไม่กิน
ผู้รับเคราะห์จึงต้องตกเป็นเลขาของท่านพ่อนั่นเอง
แต่ด้วยความที่ผมเป็นอัจฉริยะในทุกๆด้านจึงทำให้อาหารที่ผมทำในครั้งแรก อร่อย ใช่ครับ อร่อย ครับ อร่อยจนน้ำตาไหลเลยครับ เมื่อท่านพ่อเห็นดังนั้นจึงหายจากโรคเป็นปลิดทิ้งแล้วรีบมากินโซ้ยอาหารแข่งกันเลยครับ แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้ผมอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ เพราะว่า คุณเทพพิทักษ์ นั้นเขารู้สึกติดใจกับรสชาติอาหารของผม จนกินอาหารอะไรก็จะบอกว่าไม่อร่อยหมดเลยครับ จึงทำให้ผมอยู่รอดจนถึงตอนนี้
นอกจากผมจะเป็นคนครัวแล้วผมก็ยังเป็นเพื่อนเล่นกับลูกของคุณเทพพิทักษ์ เนื่องจากในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กผมกับลูกของเขาเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก ท่านจึงให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับลูกของเขา
พูดถึงก็มาเลย เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง อายุอ่อนกว่าผมประมาณ 2-3 เดือน หน้าเรียวเป็นรูปไข่ ริมฝีปากอวบอิ่มน่าลิ้มรส รูปร่างอรชร มีผมสีแดงออกชมพู ดวงตาก็เป็นสีเดียวกับผม เข้ากันอย่างลงตัว เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูด สามารถดึงดูดพวกเพศผู้ได้เป็นอย่างดี ยังไม่รวมถึงแตงโม 2 ลูกนั้นของเธออีก อูย คิดแล้วความหื่นของผมก็พุ่งแต่ผมก็ยังประคองสติของตัวเองได้เป็นอย่างดี สมกับเป็นอัจฉริยะจริงๆ คิดแล้วก็กลับมาขี้โม้ต่อ
"พี่ขา พี่ขา" เสียงใสๆ ของเธอดังขึ้น เอ่อ ลืมไปผมยังคงไม่ได้แนะนำตัว เธอชื่อ ไอซ์ ที่แปลว่าน้ำแข็งช่างตรงข้ามกับสีผมกับสีตาของเธอโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ใครช่างคิด น่าจะหาเวลาไปหาหมอซักหน่อย
"มีอะไรเหรอ ไอซ์" ผมหันหน้าไปทางเธอพร้อมกับปั้นหน้าเป็นพี่ชายแสนดี
"ช่วงนี้พี่กิลว่างหรือเปล่าคะ" ไอซ์หันมาถามผมด้วยเสียงใสๆนั้นอีกรอบพร้อมกับทำสายตาเหมือนลูกหมาหิวนมอย่างออดอ้อนเพื่อรอคำตอบอย่างคาดหวัง
อ่า ฟิน โอ๊ย ไม่ใช่แล้ว น้องไอซ์อย่าทำสายตาแบบนั้นใส่พี่สิ เดี๋ยวพี่จะทนไม่ไหว
"ไม่ ไม่ ผมต้องอดทนให้สมกับที่พวกรีดเดอร์คาดหวังในความอัจฉริยะของผม" ผมคิดในใจพร้อมทั้งข่มความหื่นของตัวเอง ช่างทรมานหัวใจน้อยๆของผมจริงๆ
"ช่วงนี้งานพี่ค่อนข้างจะเยอะนะไอซ์" ผมตอบไปอย่างเล่นตัวพร้อมกับปั้นหน้าเครียด (แต่ที่จริงแล้วเจ้ากิลมันว่างตลอดนั่นแหละยกเว้นเวลาทำอาหารแต่อยากเล่นตัว)
"แง ๆ อดได้ไปเล่นเกมกับพี่กิลเลย อุตส่าห์สั่งเครื่องเกมมาเผื่อพี่แล้วด้วย" ไอซ์พูดพร้อมกับทำท่าเหมือนจะร้องไห้จนผมเริ่มทำตัวไม่ค่อยถูกเพราะกลัวเสียฟอร์มที่เก็กไว้
แต่โชคชะตาเหมือนจะเล่นตลกกับผมเมื่อเจ้าของบ้านหรือ นายเทพพิทักษ์ ได้เดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี
"ซวยแล้วตรู" กิลคิดในใจพร้อมหลั่งเหงื่อออกมาอย่างไม่ขาดสาย
นายเทพพิทักษ์ เดินเข้ามาพร้อมทำหน้ายักษ์ใส่ผม แล้วหันไปถามไอซ์ว่า "ไอซ์เจ้ากิลมันทำอะไรลูกอีกละ บอกพ่อมาเลยลูก เดี๋ยวพ่อจะเตะมันออกจากบ้านเอง ที่มันมาบังอาจรังแกลูกสาวสุดที่รักของฉัน จะได้รู้ว่าที่นี่ใครใหญ่" นายเทพพิทักษ์หันมาถามไอซ์ด้วยสีหน้าเป็นห่วง พร้อมทั้งขู่จะเตะผมออกจากบ้าน
"เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเทพพิทักษ์ ครับ คุณเคยเห็นไอ้นั่นของผมแล้วเหรอครับ ถึงมาบอกว่าของคุณใหญ่กว่าของผม อย่าคิดนะครับว่าอำนาจเยอะไอนั่นก็จะใหญ่ด้วย หึม ผมไม่อยากจะบอกของผมที่เป็นอัจฉริยะต้องไม่ธรรมดา ธรรมดา อยู่แล้ว ของคนอัจฉริยะกับของคนธรรมดามันต่างกันนะเฟ้ย " ผมนินทาคุณเทพพิทักษ์ในใจ
"เอ่อ รู้สึกผมจะเข้าใจผิด รึเปล่าหว่า" ผมเริ่มคิดได้ด้วยมันสมองอันชาญฉลาดของผม
หลังจากนั้นนายเทพพิทักษ์ ก็ใช้อำนาจขู่ผมให้เชื่อง(ผมไม่ใช่หมานะ)แล้วเดินจากไป
กลับมาที่ยายตัวแสบ
"พี่กิล ตกลงจะเล่นกับหนูใช่หรือเปล่าคะ" ไอซ์หันมาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"เล่น ครับ เล่น" เอ่อ ท่านผู้อ่านอย่าเข้าใจผิดไปไกลนะครับ ที่เล่นหมายถึงเล่นเกมครับ ไม่ใช่เรื่อง ตู๊ด ตู๊ด นะครับ
"เย้ เย้ พี่กิลใจดีที่สุดเลย แล้วก็ เครื่องเกมอยู่บนห้องพี่แล้วนะคะ" ไอซ์พูดพร้อมทำท่าทางน่ารักน่าชังแล้ววิ่งหนีไป
ทำเอาผมที่อยู่ใกล้ๆยิ้มตามเลยทีเดียว
หา อะไรนะ เครื่องเกมอยู่บนห้องผมแล้ว แสดงว่าคิดไว้แล้วสินะว่าผมต้องได้เล่น หนอย หลอกกันได้นะยายตัวแสบ ผมคิดอย่างอาฆาตพร้อมทั้งเตรียมแผนไว้แก้แค้นในใจแล้วยิ้มออกมาอย่างหื่นๆ
จบครับ
_____________________________________________________________________
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับที่ได้เข้ามาอ่านนิยายของผม นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของผมอาจจะไม่ดีมากก็ขอคำแนะนำจากผู้อ่านด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ ผมชื่อว่า กิล นะครับ หลายๆคนก็คงจะสงสัยสินะครับว่าทำไมผมถึงมาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้
ไม่ใช่ว่าเพราะผมรวยหรอกนะครับ ที่จริงแล้วคฤหาสน์หลังนี้เป็นคฤหาสน์ของ นายเทพพิทักษ์ รัตนวงศ์ ซึ่งเป็นเศรษฐีชื่อดัง ที่มีธุรกิจส่งออกสินค้าจำพวกเครื่องมือ เครื่องใช้จำพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เอ่ออ คุณไม่ต้องหวังเลยนะครับว่าผมจะมีฐานะดี ที่จริงผมก็แค่เคยเป็นลูกของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เท่านั้นแหละครับ หรือเรียกอีกอย่างว่าเคยรวยนะครับ
ทุกคนคงจะสงสัยสินะครับว่าทำไมผมจึงบอกว่าเคยรวย ถ้างั้นผมก็จะบอกรายละเอียดเล็กน้อยก็ได้ครับ เนื่องจากเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้คนเก่าหรือก็คือ พ่อของผมเอง ได้โดนถูกฆาตกรรม ยังไงละครับ จึงต้องให้ นายเทพพิทักษ์ หรือ เลขาของคุณพ่อของผมเป็นคนดูแลกิจการของท่านต่อ
หลายๆคนก็คงจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่ได้สืบทอดกิจการ ผมขอบอกเลยว่าเหตุผลก็มาจาก นายเทพพิทักษ์นี่แหละครับ เพราะอะไรนะเหรอครับ ผมจะบอกให้ก็ได้แต่คุณต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ
พอดีเรื่องมันเศร้า พอจะเล่าแล้วน้ำตาก็เริ่มซึม อ่าา ช่างรู้สึกฟินอะไรเยี่ยงนี้ ไม่อยากจะเล่าเลยเรื่องมันยาวแต่เห็นแก่ท่านผู้อ่านจะช่วยเล่าให้ฟังก็ได้
เรื่องมีอยู่ว่า นายเทพพิทักษ์ ทรยศพ่อและแม่ของผมแล้วยึดตำแหน่งพ่อของผมไป จากนั้นก็ปล่อยข่าวลือว่า เกิดฆาตกรรม ส่วนผมทำไมถึงไม่ได้โดนฆ่าไปด้วยนะเหรอ เหตุผลก็ง่ายนิดเดียว ก็ผมนะเป็นอัจฉริยะนี่หน่า
คุณไม่ต้องมามองผมแบบนั้นเลย ผมไม่ได้หลงตัวเองสักหน่อย ผมเป็นอัจฉริยะจริงๆนะ เชื่อผมเถอะนะ นะ นะ ผมพูดพร้อมทำสายตาออดอ้อน
ท่านคงจะไม่เชื่อผมสินะว่าผมเป็นอัจฉริยะ เคยได้ยินหรือเปล่าว่าอัจฉริยะกับคนบ้าห่างกันแค่หน้ากระดาษ คราวนี้ท่านก็คงจะทราบแล้วนะว่าผมนั้นเป็น อัจฉริยะ ไม่ใช่ คนบ้า
เอาละผมว่าเราออกนอกเรื่องไปไกลแล้ว กลับมาก่อน เดี๋ยวค่อยออกไปใหม่(-_-) เอิ่ม เอาเป็นว่าผมเป็นอัจฉริยะแล้วนายเทพพิทักษ์ ก็เลยต้องการเก็บผมเอาไว้เป็นหมากไว้ใช้ประโยชน์ตัวหนึ่งก็แล้วกัน
ส่วนหน้าที่การงานของผมในตอนนี้นะเหรอ ก็ต้องเป็นงานที่เหมาะสมกับอัจฉริยะอย่างผมอยู่แล้ว นั่นก็ คือ .....คนครัว ครับ อ่า าา ใช่ครับผมเป็นคนครัวทุกท่านคงฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมเป็นคนครัว อยากรู้ความเป็นมาไหมว่าทำไมว่าผมเป็นคนครัว เอาเป็นว่าตอนเด็กๆผมเกิดนึกอยากจะทำอาหารแล้วลองฝึกทำดู แค่ทำครั้งแรกเท่านั้นครับ เอาไปให้เลขาของพ่อกิน เพราะ ท่านพ่อบอกว่าช่วงนี้ท้องไส้ของท่านไม่ค่อยดีเลยไม่กิน
ผู้รับเคราะห์จึงต้องตกเป็นเลขาของท่านพ่อนั่นเอง
แต่ด้วยความที่ผมเป็นอัจฉริยะในทุกๆด้านจึงทำให้อาหารที่ผมทำในครั้งแรก อร่อย ใช่ครับ อร่อย ครับ อร่อยจนน้ำตาไหลเลยครับ เมื่อท่านพ่อเห็นดังนั้นจึงหายจากโรคเป็นปลิดทิ้งแล้วรีบมากินโซ้ยอาหารแข่งกันเลยครับ แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้ผมอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ เพราะว่า คุณเทพพิทักษ์ นั้นเขารู้สึกติดใจกับรสชาติอาหารของผม จนกินอาหารอะไรก็จะบอกว่าไม่อร่อยหมดเลยครับ จึงทำให้ผมอยู่รอดจนถึงตอนนี้
นอกจากผมจะเป็นคนครัวแล้วผมก็ยังเป็นเพื่อนเล่นกับลูกของคุณเทพพิทักษ์ เนื่องจากในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กผมกับลูกของเขาเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก ท่านจึงให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับลูกของเขา
พูดถึงก็มาเลย เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง อายุอ่อนกว่าผมประมาณ 2-3 เดือน หน้าเรียวเป็นรูปไข่ ริมฝีปากอวบอิ่มน่าลิ้มรส รูปร่างอรชร มีผมสีแดงออกชมพู ดวงตาก็เป็นสีเดียวกับผม เข้ากันอย่างลงตัว เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูด สามารถดึงดูดพวกเพศผู้ได้เป็นอย่างดี ยังไม่รวมถึงแตงโม 2 ลูกนั้นของเธออีก อูย คิดแล้วความหื่นของผมก็พุ่งแต่ผมก็ยังประคองสติของตัวเองได้เป็นอย่างดี สมกับเป็นอัจฉริยะจริงๆ คิดแล้วก็กลับมาขี้โม้ต่อ
"พี่ขา พี่ขา" เสียงใสๆ ของเธอดังขึ้น เอ่อ ลืมไปผมยังคงไม่ได้แนะนำตัว เธอชื่อ ไอซ์ ที่แปลว่าน้ำแข็งช่างตรงข้ามกับสีผมกับสีตาของเธอโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ใครช่างคิด น่าจะหาเวลาไปหาหมอซักหน่อย
"มีอะไรเหรอ ไอซ์" ผมหันหน้าไปทางเธอพร้อมกับปั้นหน้าเป็นพี่ชายแสนดี
"ช่วงนี้พี่กิลว่างหรือเปล่าคะ" ไอซ์หันมาถามผมด้วยเสียงใสๆนั้นอีกรอบพร้อมกับทำสายตาเหมือนลูกหมาหิวนมอย่างออดอ้อนเพื่อรอคำตอบอย่างคาดหวัง
อ่า ฟิน โอ๊ย ไม่ใช่แล้ว น้องไอซ์อย่าทำสายตาแบบนั้นใส่พี่สิ เดี๋ยวพี่จะทนไม่ไหว
"ไม่ ไม่ ผมต้องอดทนให้สมกับที่พวกรีดเดอร์คาดหวังในความอัจฉริยะของผม" ผมคิดในใจพร้อมทั้งข่มความหื่นของตัวเอง ช่างทรมานหัวใจน้อยๆของผมจริงๆ
"ช่วงนี้งานพี่ค่อนข้างจะเยอะนะไอซ์" ผมตอบไปอย่างเล่นตัวพร้อมกับปั้นหน้าเครียด (แต่ที่จริงแล้วเจ้ากิลมันว่างตลอดนั่นแหละยกเว้นเวลาทำอาหารแต่อยากเล่นตัว)
"แง ๆ อดได้ไปเล่นเกมกับพี่กิลเลย อุตส่าห์สั่งเครื่องเกมมาเผื่อพี่แล้วด้วย" ไอซ์พูดพร้อมกับทำท่าเหมือนจะร้องไห้จนผมเริ่มทำตัวไม่ค่อยถูกเพราะกลัวเสียฟอร์มที่เก็กไว้
แต่โชคชะตาเหมือนจะเล่นตลกกับผมเมื่อเจ้าของบ้านหรือ นายเทพพิทักษ์ ได้เดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี
"ซวยแล้วตรู" กิลคิดในใจพร้อมหลั่งเหงื่อออกมาอย่างไม่ขาดสาย
นายเทพพิทักษ์ เดินเข้ามาพร้อมทำหน้ายักษ์ใส่ผม แล้วหันไปถามไอซ์ว่า "ไอซ์เจ้ากิลมันทำอะไรลูกอีกละ บอกพ่อมาเลยลูก เดี๋ยวพ่อจะเตะมันออกจากบ้านเอง ที่มันมาบังอาจรังแกลูกสาวสุดที่รักของฉัน จะได้รู้ว่าที่นี่ใครใหญ่" นายเทพพิทักษ์หันมาถามไอซ์ด้วยสีหน้าเป็นห่วง พร้อมทั้งขู่จะเตะผมออกจากบ้าน
"เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเทพพิทักษ์ ครับ คุณเคยเห็นไอ้นั่นของผมแล้วเหรอครับ ถึงมาบอกว่าของคุณใหญ่กว่าของผม อย่าคิดนะครับว่าอำนาจเยอะไอนั่นก็จะใหญ่ด้วย หึม ผมไม่อยากจะบอกของผมที่เป็นอัจฉริยะต้องไม่ธรรมดา ธรรมดา อยู่แล้ว ของคนอัจฉริยะกับของคนธรรมดามันต่างกันนะเฟ้ย " ผมนินทาคุณเทพพิทักษ์ในใจ
"เอ่อ รู้สึกผมจะเข้าใจผิด รึเปล่าหว่า" ผมเริ่มคิดได้ด้วยมันสมองอันชาญฉลาดของผม
หลังจากนั้นนายเทพพิทักษ์ ก็ใช้อำนาจขู่ผมให้เชื่อง(ผมไม่ใช่หมานะ)แล้วเดินจากไป
กลับมาที่ยายตัวแสบ
"พี่กิล ตกลงจะเล่นกับหนูใช่หรือเปล่าคะ" ไอซ์หันมาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"เล่น ครับ เล่น" เอ่อ ท่านผู้อ่านอย่าเข้าใจผิดไปไกลนะครับ ที่เล่นหมายถึงเล่นเกมครับ ไม่ใช่เรื่อง ตู๊ด ตู๊ด นะครับ
"เย้ เย้ พี่กิลใจดีที่สุดเลย แล้วก็ เครื่องเกมอยู่บนห้องพี่แล้วนะคะ" ไอซ์พูดพร้อมทำท่าทางน่ารักน่าชังแล้ววิ่งหนีไป
ทำเอาผมที่อยู่ใกล้ๆยิ้มตามเลยทีเดียว
หา อะไรนะ เครื่องเกมอยู่บนห้องผมแล้ว แสดงว่าคิดไว้แล้วสินะว่าผมต้องได้เล่น หนอย หลอกกันได้นะยายตัวแสบ ผมคิดอย่างอาฆาตพร้อมทั้งเตรียมแผนไว้แก้แค้นในใจแล้วยิ้มออกมาอย่างหื่นๆ
จบครับ
_____________________________________________________________________
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับที่ได้เข้ามาอ่านนิยายของผม นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของผมอาจจะไม่ดีมากก็ขอคำแนะนำจากผู้อ่านด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น