ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    §urprising L☼ve ‼ •• สุดเซอร์ไพรส์ ♥ รักนี้มาได้ไงเนี่ย ‼

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 06.-ไหงงั้นล่ะ!?

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 54


    CHAPTER 06.-ไหงงั้นล่ะ!?

     

     

                "นี่แกอยู่กับไอ้ปริมแท้ ๆ ทำไมไม่ติวให้มันล่ะ!"  เสียงยัยโฟนดังโหวกเหวกโวยวายท้ายคาบภาษาไทยอันน่า...T___T เมื่อเพื่อนทุกคนสอบท่องกลอนผ่านกันหมด ยกเว้นแต่ฉันนี่แหละ คนเดียว T__T คนเดียวเลย ฮืออออออ

     

                "เอ้า! ฉันก็ชวนมันท่องแล้วแต่มันไม่ท่องเองนี่หว่า ไม่ได้เป็นแม่มันนะ จะได้จ้ำจี้จ้ำไชได้น่ะ!"  ไอ้ป่านว่ากลับพลางเขกหัวฉันหนึ่งทีเป็นภาพประกอบ โทษฐานที่ดันทะลึ่งสอบตกอยู่คนเดียวในห้อง  "ไงล่ะ บอกแล้วว่าให้ท่อง ๆ  อู้นักสอบตก เดี๋ยวบั๊ดสมน้ำหน้าซ้ำซะเลย!"  แล้วดูมันซิยัยเพื่อนบ้า! ไม่ปลอบใจกันแล้วยังจะมาสมน้ำหน้าซ้ำอีก ToT ทีใครทีมันแล้วกัน! ฮึ่มมมมมม...

     

                ดังนั้นคนสอบตกอย่างฉันจะทำอะไรได้ นอกจากนั่งหน้ามึนท่องกลอนภาษาไทยความยาว 12 บท ท่ามกลางเพื่อน 20 กว่าชีวิต (นับได้ 25 ชีวิต) ที่ช่วยกันลุ้นจนตัวโก่ง... แต่รู้อะไรไหม สมาธิฉันกระเจิงกระจายเกลี้ยงก็เพราะพวกแกนั่นแหละ -*- ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ฉันกำลังจะท่องกลอนบทที่ 4 ได้ ยัยคิมคนดี(ประชด)ที่เพิ่งกรอกน้ำเป๊บซี่ลิตรเข้าปากไปอึกใหญ่ มันดันเสร่อ เรออออออ ออกมา!!! ยัยนี่!!!!!! สงสัยจะเริ่มไล่ลมตั้งแต่ปลายเล็บขบทะลวงมาถึงลิ้นไก่ เสียงมันจึงได้ฟังดูยิ่งใหญ่อลังการน่าเกลียดและยาวนานขนาดนั้น -*- ทำเอาฉันสติหลุด ต้องเริ่มท่องใหม่ แต่พอฉันกำลังจะท่องกลอนบทที่ 8 ได้! มือถือของไอติมก็ดันดังขึ้นมาอีก!!!!! ทำเอาฉันถึงกับหัวเราะน้ำตาเล็ดเป็นอีบ้าไปเลย ที่มันกล้าาาา เอาเพลง เมียหลวง //คุณณ เห็นน ดีแล้ววว หรือคุณเจ้าขาาาา ที่คุณนำเมียย น้อยมาาาาา บูชาเหนือเมียยย และลูกกกกกกก// มาทำเป็นเสียงเพลงเรียกเข้า ฮ่า ๆๆๆ ฮือ ๆๆๆ T___T ต้องท่องใหม่อีกแล้ววว

     

                "นี่ ฉันว่าเรากลับกันก่อนดีกว่ามั้ย ดูปริมเขาไม่มีสมาธิเลย"  ขอบคุณมากนลิน T__T ฉันเป็นหนี้บุญคุณนลินอีกแล้ว ไม่รู้ชาตินี้ต้องชดใช้ยังไงถึงจะหมด T^T (ไอ้นี่ก็เวอร์ไป) แน่นอนว่าพอเพื่อนทุกคนได้ยินนลินพูดดังนั้นจึงบังเกิดจิตสำนึกขึ้น ว่าการยืนมุงดูอย่างนี้ไม่เห็นจะช่วยอะไรฉันขึ้นมาตรงไหน (เพิ่งรู้เหรอ)

     

                "ถ้างั้นกลับไปรอที่หอกลางนะ พวกเราว่าจะฝึกขึ้นเท้าต่อ"  ปีใหม่ว่าพลางม้วนผมสีทองอร่ามยาวสยายของเธอ ให้เกล้าขึ้นไปเป็นกระจุกอยู่บนหัว ฉันชอบมองผมของปีใหม่จัง ปีใหม่เป็นผู้หญิงที่ย้อมผมทองได้ดูดีขึ้นกล้องจริง ๆ

     

                ตอนนี้เพื่อน ๆ ทยอยเดินออกไปกันหมดแล้ว ต่างคนต่างพากันทิ้งขนม ลูกอม ลูกกวาดเอาไว้ให้ฉันกินแก้ง่วงเป็นกองเบ้อเร่ออยู่บนโต๊ะ อย่างนี้แหละเพื่อน ๆ ของฉันน่ารักเสมอ ^___^ (ยกเว้นตอนที่พวกมันรวมหัวกันหลอกผีฉันในหอหญิงเมื่อปลายปีก่อนนะ อันนั้นสุดจะน่ากระทืบให้จมดินเลย - -*) ฉันนั่งอมยิ้มมองบรรดาลูกอมลูกกวาดกองพะเนินอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาท่องกลอนบทที่ 9 ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง (*_*)b

     

     

                แต่ในที่สุดก็มืดจนได้ -_-^^ ฉันคิดพลางเหลือบตามองท้องฟ้านอกหน้าต่างห้องพักครูภาษาไทยอย่างสุดแสนเคือง เมื่ออ.ปวีณา สั่งให้ฉันท่องกลอนซ่อมซ้ำแล้วว-- ซ้ำเล่า อย่างบ้าพลัง เล่นซะคอฉันแทบแตกให้รู้แล้วรู้รอด -_-^ มีหวังคืนนี้ได้นอนละเมอออกมาเป็นกลอนแหง ๆ

     

                "เอาล่ะ คราวหน้าก็อย่าให้ซ่อมอีกล่ะ มันเสียเวลาครู"  เสียเวลาหนูเหมือนกันนั่นแหละค๊าาาาา..-*-  ก็กว่านายท่านจะยอมเซ็นชื่อให้ฉันสอบผ่านได้ เล่นเอาแทบต้องพึ่งบรรดายาอมแก้เจ็บคอที่เพื่อน ๆ ทั้งหลายวางไว้ให้จนเกือบหมดกอง ที่แน่ ๆ ตอนนี้ในกระเป๋ากระโปรงฉันมีแต่ห่อลูกอมเต็มไปหมด ถ้ามดเกิดกัดขึ้นมาคงคันคะเยอ

     

                ฉันยกมือไหว้อาจารย์อย่างสวยงามที่หน้าห้องพักครู ก่อนจะสะพายเป้ใบเก่งปักชื่อโรงเรียนขึ้นหลัง แล้วไล่ฝีเท้าไปตามทางเดินซึ่งยังส่องสว่างด้วยแสงไฟนีออนอยู่ ส่วนด้านนอกตัวตึกน่ะ ฉันรู้ดีว่ามืดสนิท เพราะเห็นจากหน้าต่างห้องพักครูเมื่อกี้ไง

     

                ตอนนี้ นาฬิกาอนาล็อกเรือนเก๋าบนข้อมือฉันบอกเวลา 8:25 PM บนหน้าปัด แล้วอย่างนี้ถ้าฉันโผล่หัวไปที่หอกลางจะยังมีใครอยู่ซ้อมอีกบ้างไหมเนี่ย มีหวังป่านนี้คนอื่นคงซ้อมขึ้นเท้ากันจนเดินได้ด้วยเล็บขบเรียบร้อยแล้ว ส่วนฉันน่ะเหรอ... ก็เพิ่งจะท่องกลอนแปดจบไป 12 บทยังไงล่ะ -_-^^ พนันได้เลยว่าเจ้าพวกนั้นคงเฮโลกันออกไปหาอะไรกินอิ่มแล้วแน่นอน

     

                ทิ้งฉันอะ ToT..................

     

                ฉันเดินด้วยความหดหู่สุด ๆ ลงมาจากตึกของนักเรียนภาคภาษา ตึกนี้คุ้น ๆ ใช่ไหมล่ะ ก็ตึกที่วันก่อนฉันได้กินน้ำแอบเปิลฟรีเงินเตไง ^0^ นี่ฉันก็เพิ่งคิดได้เหมือนกันนะว่าตัวเองมายุ่มย่ามแถวตึกนี้อีกแล้ว แถมตรงสนามฟุตบอลซึ่งอยู่ไม่ห่างนัก ก็ยังมีคนเตะบอลกันอยู่ด้วย

     

                แน่นอนว่าฉันดูไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใครที่กลางสนาม เพราะถึงแม้ทางโรงเรียนจะมีนโยบายเปิดสปอร์ตไลท์ส่องสนามให้ยังไงก็เถอะ แต่ถ้าคุณลองมองจากระยะไกล ไอ้เงาดำ ๆ เหล่านั้น มันก็พาดทับหน้าทับตาคนในสนามกันมั่วไปหมด จนคุณเดาไม่ออกว่าใครเป็นใครอยู่ดี

     

                ฉันแอบคิดเล่น ๆ ว่าเตอาจเป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังเตะบอลอยู่ เขาอาจจะแอบมาดักรอฉันที่ใต้ตึกเพราะสืบรู้ว่าฉันสอบตกวิชาท่องกลอนภาษาไทย (คิดดูดี ๆ แล้วอุบาทว์พิลึก เตอย่ารู้เลย -_-") แล้วก็อาจจะมารอส่งน้ำแอบเปิลของโปรดฉันให้เป็นกำลังใจและปลอบประโลมเรียกขวัญ โทษฐานที่ฉันถูกยัยอาจารย์ใจร้ายกดขี่ข่มเหง แถมยังโขกสับให้ท่องกลอน 12 บทนั่นซ้ำ ๆ ถึง 2 ทุ่ม!

     

                เอ่อ.. ฉันนี่ท่าจะท่องกลอนมากไปจนเพี้ยน -_-;;;

     

                "พี่เตเขาคบอยู่กับพี่ปริมจริง ๆ เหรอคะ  พี่วิน"  แต่ทันทีที่ได้ยินชื่อของตัวเองร่วมอยู่ในบทสนทนาที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ฉันก็รีบถอยหลังกลับไปบนบันไดใหม่โดยอัตโนมัติทันที O.o!!

     

                ตรงปลายบันได (ซึ่งฉันกำลังจะลงไปถึงอยู่แล้วเชียว) ปรากฏเด็กผู้หญิง 3-4 คนยืนออรอบตัวผู้ชายคนหนึ่ง โดยจากการเพ่งมองอย่างสุดกำลังของฉัน(จนทำเอาปวดตาไปหมด)นั้น ทำให้พอจะเดาได้(ทั้งที่ยังมองเห็นไม่ชัดเท่าไหร่) ว่าน่าจะเป็นไอ้เตี้ยซุ่มซ่าม คนที่เอาหัวมาโขกไหล่ฉันหน้าร้านข้าวหมูแดงเมื่อวันก่อน และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาเป็นเพื่อนเต O.o

     

                เพื่อนของเตคนนั้น (ท่าทางจะชื่อวิน ถ้าฟังไม่ผิด) ตอนนี้กำลังถูกรุมถามเกี่ยวกับเรื่องเตและฉันอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ (สมน้ำหน้า เมื่อเช้าเพื่อนฉันก็โดนอย่างนี้แหละย่ะ) แต่เท่าที่ดูจากหน้าตาของหมอนั่นที่แสดงออกแล้ว ไม่เห็นว่าจะทุกข์ร้อน ลนลาน พยายามแก้ข่าวให้ฉันเลยสักนิดเดียว

     

                "พี่ว่าไปถามเตดูเองดีกว่าครับ"

     

                O.o ??????????????

     

                o.O !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

                O.O !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!???????????????????

     

                ให้ไปถามเตเองงั้นเหรอ!!!!!!!!!!

     

                หนอยแน่ะไอ้บ้า!!! วันนั้นฉันน่าจะใช้ไหล่โขกหัวนายให้แตกเย็บสี่เข็มไปเลย! ก็ทำไมไม่ปฏิเสธให้เป็นเรื่องเป็นราวอย่างที่พวกเพื่อนฉันพยายามอยู่นี่ล่ะฟะ!!!!!!!!!!!

     

                หนอยแน่ะ ๆๆๆๆๆ >w<!!!!

     

                ไอ้บ้าที่ชื่อวินนั่นเดินผิวปากสบายอารมณ์จากไปพร้อมกับโค้กกระป๋องในมือแล้ว (4 กระป๋องได้) ทิ้งให้บรรดารุ่นน้องที่ตั้งคำถามเมื่อกี้เกิดสีหน้าต่าง ๆ กันไป ทั้งสีหน้าไม่เข้าใจ เสียใจ โกรธเคือง รวมไปถึง อึดอัดฟึดฟัด

     

                ส่วนสำหรับตัวฉันที่ยืนแอบฟังอยู่ตรงนี้น่ะ มีแค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ

     

     

                ฉันโมโห!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

                ----------------------------------------------------------------------------

     

     

                ฉันเดินลงส้นเท้าอย่างกระฟัดกระเฟียดขึ้นหอด้วยความไม่พอใจอย่างแรง ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าบรรดาเด็กผู้หญิงข้างทางมันพากันรุมมองฉันพิลึก แต่ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว จะมองก็มองไป อยากจะเข้าใจว่าอะไรก็เชิญญญ ตามสบาย ฉันไม่วุ่นวายแก้ตัวแล้ว!

     

                รุ่นน้องสี่-ห้าคนที่ฉันจำได้ว่าเราเรียนตึกเดียวกันยกมือไหว้ฉันกันสลอน (ฉันเรียนตึก PA (Performing Art) ซึ่งประกอบด้วยนักเรียนสายนาฏศิลป์ไทย-สากล ดนตรีไทย-สากล และ การแสดงค่ะ) ฉันจำไม่ได้หรอกว่าน้องเขาเรียนสายไหน เพราะแค่เบอร์โทรศัพท์เพื่อนตัวเองยังจำไม่ค่อยได้เลย แล้วจะเอารอยหยักสมองตรงไหนไปจำหน้าน้อง - .. - แต่ถึงแม้ว่าฉันจะดูแย่มากที่จำหน้าน้องตัวเองไม่ได้ ฉันก็ยังแอ๊บเนียนไปก่อนโดยการยกมือรับไหว้บรรดาน้อง ๆ แต่โดยดี

     

                ขอโทษนะน้อง ๆ จ๋า.. วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์จะยิ้มหรอก  พี่ไม่ได้ตั้งใจหยิ่ง แต่มันเซ็งสุด ๆ จริง ๆ -*-

     

                ฉันเดินลากขาแบบเซ็งสุดขีดต่อไปถึงหน้าห้อง 317 ที่เป็นรังซุกหัวนอนของฉันกับยัยป่าน  และเพียงแค่สัมผัสจากใต้ประตูที่มีไอเย็นลอดออกมา ฉันก็รู้ทันทีว่ายัยป่านอยู่ในห้องชัวร์

     

                'แอ๊ดด---'

     

                "อ้าวไอ้ปริมมาแล้ว! มีขาเพิ่ม ๆๆๆๆ"  เสียงไอ้ป่านแว้ดมาแต่ไกลทั้งที่ไพ่ยังคามืออยู่แท้ ๆ ทำเอาฉันยิ้มขำ เมื่อเห็นพลพรรคนักเล่นไพ่กำลังสุมหัวกันอยู่บนเตียงอย่างแน่นขนัด (ทั้งยัยป่าน ไอติม ไอ้ปุ้ย คิม พริ้ม และปีใหม่) นี่ถ้าขืนพวกนั้นขย่มแรงอีกซักหน่อย มีหวังคืนนี้ฉันต้องลงไปนอนบนพื้นเพราะเตียงพังแหง ๆ

     

                "ไม่เล่นอะ เดี๋ยวอาบน้ำก่อน"  ว่าจะเล่าเรื่องอีตาวินอะไรนั่นให้ฟังอยู่แล้วเชียวนะป่าน แต่เห็นกำลังง่วนอยู่กับกิจการ (ที่ท่าทางจะไปไม่รอด) เลยพับเก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน

     

                เอ๊ะ.. ว่าแต่มีเวลามาตั้งวงไพ่แบบนี้ ก็แสดงว่าซ้อมขึ้นเท้ากันเสร็จแล้วใช่ไหมอะ! ToT ฮือ ๆๆ เหลือฉันไม่ได้ซ้อมคนเดียวอีกแล้ว T___T

     

     

                ----------------------------------------------------------------------------

     

     

                "นี่เร็ว ๆ เลย ฉันอยากดูตีสิบ"  โห... ไอ้ป่านเพื่อนยอดรัก...... ดูแกพูดเข้าซิ! ช่างประเสริฐจริง ๆ

     

                ทันทีที่มันพูดจบฉันก็จัดแจงหันไปแจกค้อนวงใหญ่เสียหนึ่งที -_-+ ตอนนี้ฉันระเห็จมาอยู่หอกลางเรียบร้อยแล้ว เพราะเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้ซ้อมขึ้นเท้าเพื่อความชัวร์อีกรอบก่อนเข้าเรียนคาบ practice กับ อ.นีรนารถ ในวันพรุ่งนี้ และก็เป็นยัยป่านเองนั่นแหละ ที่เสนอตัวจะมานั่งอยู่เป็นเพื่อนฉันที่นี่

     

                แล้วดูดิ๊ มาถึงยังไม่ทันไรก็บ่นซะและ.. กลับไปเลยไป้ ชิ้ว!

     

                "ฮะ ๆๆ ทำหน้าทุเรดน่า... ซ้อมไปไป๊"  เมื่อยัยป่านเห็นว่าฉันชักจะทำหน้าบูดเป็นตูดลิงแล้ว มันถึงได้ปลอบใจฉันด้วยคำขู่ว่า 'ทำแล้วทุเรศ' ... อ๋อ นี่คือคำปลอบของแกงั้นเหรอ! ฮึ่มม ทีใครทีมันก็แล้วกันน

     

                ฉันเชิดหน้าใส่มันอย่างไม่อยากสนใจคำจิกกัด แล้วยัดรองเท้าบัลเล่ต์คู่เก่งลงเท้าอันเพรียวงามของฉัน (ถุย.. ที่จริงแล้วเป็นเล็บขบ เจ็บมากเลย) แต่ขณะที่ฉันตั้งหน้าตั้งตายืนให้ได้ด้วยปลายนิ้วโดยไม่จับบาร์ และยัยป่านเองก็กำลังคว้าการ์ตูนมานั่งอ่านไปพร้อม ๆ กันนั้นเอง พลันมีเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นมาก่อน ราวกับว่ากำลังมีคนกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ามาทางนี้

     

                ซึ่งจริง ๆ แล้วจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ผ่านหอกลางได้ทั้งนั้น (ที่นี่เป็นสถานที่ทำกิจกรรมของนักเรียนทุกคน) แต่ที่แปลกก็คือ หนังตาซ้ายและขวาของฉันมันดันกระตุกพร้อมกันแปลก ๆ

     

                เฮ้ย! นี่ฉันคงเป็นเด็กผู้หญิงที่สับสนในตัวเองขนาดหนัก! ดูขนาดหนังตาฉันสิ มันยังสับสนเลยว่าจะกระตุกข้างไหนดี -_-".. ตกลงอีกประเดี๋ยวฉันจะโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่เนี่ย........ ฉันขึ้นขาไปพลางใช้ความคิดไปด้วยอย่างหนัก จนยัยป่านมันคงเห็นว่าฉันดูไม่ตั้งใจซ้อมเท่าไหร่ เลยจัดแจงม้วนหนังสือการ์ตูนของมันมาเคาะหัวฉันเข้าให้หนึ่งที

     

                "นี่แน่ะ!! เหม่ออารายย เดี๋ยวดูตีสิบไม่ทัน!"  ดู๊ดูมัน... ไอ้เราก็นึกว่าจะห่วงกัน ที่แท้คือกลัวดูตีสิบไม่ทันซะงั้น เดี๋ยวบั๊ดกัดหูเลย แง่ม -_-^^

     

                ในขณะที่ทั้งฉันและยัยป่านกำลังง่วนกับการพยายามขึ้นขาให้สูงที่สุดอยู่นั่นเอง (ซึ่งจริง ๆ คือมีฉันแค่คนเดียวที่ซ้อม ส่วนยัยป่านเป็นหน่วยกึ่งบ่นกึ่งสอนกึ่งให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ) เสียงจ้อกแจ้กจอแจกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงบริเวณหน้าห้องในที่สุด

     

                ฉันหันไปมองต้นเสียงทั้งที่ยังขึ้นเท้าอยู่ พบว่าคือแฟนของฉันเอง (ประชด) เตไง -_-;;... พิจารณาจากเหงื่อท่วม ๆ หัวยุ่ง ๆ นั่นแล้วก็พอจะเดาออกได้ไม่ยาก ว่าเพิ่งกลับมาจากเตะบอลแหง ๆ แต่บอกตรง ๆ ว่าตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะเจอหน้าเตเล้ยยยแม้แต่นิดเดียว (ปกติต้องมีอารมณ์ด้วยเหรอ) ยิ่งเห็นไอ้คนชื่อวินนั่นเดินหน้าเป็นตามมา ฉันยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ ฮึ่มม

     

                สายตาของเราประสานกันชั่วครู่ ก่อนที่เตจะผงกหัวและยิ้มให้ฉันอย่างทักทาย ส่วนฉันเองถึงแม้จะยังเคืองเพื่อนของเขาอยู่ไม่หาย แต่ก็มีน้ำใจกีฬามากพอที่จะไม่พาลลงกับเตด้วย เอาเป็นว่าฉันเองก็ยิ้มตอบเขาไปเหมือนกันนั่นล่ะ

     

                ว่าแต่คนอะไรฟะ... เพิ่งเล่นบอลเสร็จ เหงื่อท่วมตัวแล้วยังหล่ออยู่เลย -_-"

     

                เตกับผองเพื่อนเดินผ่านหน้าห้องที่ฉันซ้อมอยู่ไปแล้ว แต่ยัยป่านที่เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้างง ๆ ถึงกับรีบปรี่เข้ามาหาฉันแทบจะทันที  "เฮ้ย! เตยิ้มให้แกด้วยอะ!"  เอ๋า แล้วมันตกใจอะไรเนี่ย?

                "แล้วไงอะ ก็รู้จักกันไง"  ฉันตอบไปอย่างไม่ยี่หร่ะ คือได้รู้จักทักทายกับคนหล่อ ๆ มันก็ถือเป็นกำไรชีวิตอะนะ แต่ติดที่ยังเคืองไม่หายนี่นา...

     

                ดูท่าทางยัยป่านมันจะไม่พอใจกับคำตอบของฉันอยู่มากโข ถึงได้ฟึดฟัด ๆ กลับไปนั่งอ่านการ์ตูนเหมือนเดิมอย่างเซ็ง ๆ แบบนั้น... อ้าว แล้วนั่นจะพลิกหน้ากระดาษแรง ๆ ทำไมยะ เดี๋ยวหนังสือก็พังหมดหรอกยัยบ้า - .. -

     

                ฉันขำพรืดกับท่าทางเป็นเด็ก ๆ ของมัน ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขึ้นเท้าต่ออย่างไม่ลดละ เอาล่ะ อีกนิดเดียว ๆๆ ว่าแต่มีใครพกกรรไกรตัดเล็บมามั่งมั้ยน้าา... เจ็บเล็บขบง้ะ ขึ้นเท้าไม่สะดวกเลย T__T

     

                "ป่าน! แกพกกรรไกรตัดเล็บมามั่งปะ"  ฉันส่งเสียงถามไปทั้งที่ไม่ได้หันมองด้วยซ้ำ ได้ยินเสียงยัยป่านตอบกลับมาว่า

     

                "ใครจะพกมาฟะ.."

                "แต่ผมมีนะ"

     

                O.o...................... ห้ะ!?

     

                เสียงใครดังมาพร้อม ๆ เสียงยัยป่านเลยอะ!? ฉันหล่นลงจากปลายเท้าที่กำลังขึ้นอยู่ทันทีด้วยความตกใจ และเมื่อหันไปมองดูก็พบกับ...................

     

                "เต......"  ภาพผู้ชายตรงหน้าทำเอาฉันมึนมาก นี่ฉันซ้อมหนักจนเห็นภาพหลอนรึไงหว่า -_-"

     

                แต่คงไม่ใช่แค่ฉันแล้วแหละ เพราะใบหน้ายัยป่านก็แลดูเหวอรับประทานพอ ๆ กัน

     

                ผู้ชายคนนั้นอมยิ้มให้ฉัน จนแทบจะทำให้ลืมเรื่องที่เคยเคืองไปเสียหมด (เอ่อ.. ไหงงั้นล่ะเนี่ย) ฉันมองหน้าเขาด้วยความงงไม่หายว่าเมื่อกี้ผ่านไปแล้วจะกลับมาอีกทำไม แต่ก็ถึงบางอ้อ เมื่อในมือเตถือถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อถุงใหญ่มาด้วย

     

                "ขยันกันจัง ผมเลยเดินไปซื้อนี่มาฝาก"  เตพูดทั้งรอยยิ้มพลางค้นอะไรก๊อบแก๊บ ๆ ออกมาจากถุงชั่วครู่  แล้วกล่องน้ำผลไม้สีสดใสสองกล่องก็ถูกยื่นให้เราทั้งคู่ ท่าทางยัยป่านเหมือนคนจะเป็นลมอยู่แล้ว ก็ดูหน้ามันสิ เคลิ้มอย่างกับอะไรดี ทีอย่างนี้ไม่เร่งให้เตรีบ ๆ ไปล่ะ แกจะได้ไปดูตีสิบ!

     

                "ขอบคุณค่ะ"  แน่นอนว่าคนที่พูดประโยคนี้ไม่ใช่ฉันหรอก คงเดาไม่ยากใช่มั้ยว่าใคร -_-"... ส่วนฉันน่ะเหรอ ยังอึ้งอยู่ แต่ก็เจาะกล่องดูดทันที (แบบว่ากลัวเตเปลี่ยนใจแล้วขอคืนง่ะ)

     

                สรุปว่าจากที่ตั้งหน้าตั้งตาซ้อมอยู่เมื่อกี้ดันแปรสภาพกลายเป็นวงขนมแทนซะอย่างนั้น -_-" ก็ทำไงได้ เตเล่นซื้อขนมนมเนยมาเต็มที่แบบนี้แล้วฉันจะกล้าทำให้เขาเสียน้ำใจได้ไง (จริง ๆ คือตะกละ) ฉันก็เลยใส่รองเท้าบัลเล่ต์นั่งขัดสมาธิกินขนมซะอย่างนั้น! ว่าแต่เตนี่รู้ใจจริง ๆ ซื้อมาแต่ละอย่างของโปรดทั้งนั้น ถ้าฉันไม่อ้วนก็ให้มันรู้ป้ายยยยยย!!! สุดท้ายเราเลยตั้งวงขนม จับเข่าคุยกันอย่างสนุกสนาน และจะว่าไปนี่เตไม่มีคำว่าถือตัวอยู่ในพจนานุกรมเลยจริง ๆ นะ

     

                "เมื่อกี้ได้ยินปริมถามหากรรไกรตัดเล็บ"  แถมอยู่ดี ๆ ก็พูดถึงเรื่องที่ฉันเกือบลืมไปแล้วขึ้นมาอีก (มัวแต่เพลิดเพลินกับการกินและเม้าแตกง่ะ) ฉันพยักหน้าหงึก ๆ กลับไปก่อนจะได้รับกรรไกรตัดเล็บจากคนที่ฉันคิดไม่ถึงมาก่อน

     

                ว่าแต่จะดีเหรอ........ ให้ฉันแงะเล็บขบต่อหน้าผู้ชายที่ป๊อบที่สุดในโรงเรียนอย่างนี้น่ะ -_-;;;;

     

                "เตพกกรรไกรตัดเล็บไปไหนมาไหนด้วยเหรอ"  ยัยป่านถามขึ้นอย่างสงสัย ซึ่งอันที่จริงฉันก็แอบสงสัยเหมือนกันเพราะมันผิดวิสัยคนปกติเหลือเกินที่พกมาด้วย ทำเอาเตขำตาหยี โอ๊ยย น่ารัก >.,<

     

                "เป็นเล็บขบอะ เวลาเตะบอลแล้วผมเจ็บ ก็เลยพกติดตัวไว้ตัดเล็บขบ"  เขาพูดด้วยอาการเขินอายเล็กน้อย ส่วนฉันกับยัยป่านทำหน้าอย่างนี้ไปแล้ว >>> O.O <<< อย่างนี้เลย

     

                เพิ่งจะรู้ว่าคนหล่อก็เป็นเล็บขบกับเขาด้วย!!!! (คนหล่อก็คนนะยะ)

     

                ฉันหัวเราะก๊ากกก (ต่างกับการหัวเราะน้อย ๆ ของเตเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง) จนยัยป่านตบหลังฉันดังอั้ก! โทษฐานไปขำเต -_-;; เอ่อ ขอโทษ ลืมตัว --__--;;;

     

                เตเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้ถือสาอะไร เขายังมีหน้าถอดถุงเท้าออกมาโชว์รอยเล็บขบตรงหัวแม่โป้งให้ฉันดูอีกแน่ะ!!! O.O เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นเล็บขบคนหล่อขนาดนี้! ฉันมองมันด้วยความทึ่ง! เท้าของเตใหญ่และยาวจัง (เฮ้ย! คิดอะไร!) ฉันมองนิ้วหัวแม่เท้าที่มีรอยเลือดนิดหน่อย และรอยแงะเล็บขบนั่นอย่างพิศวง O.O

     

                "จ้องอะไรขนาดนั้นเล่าอีปริม!"  เอาอีกแล้ว เมื่อกี้ยัยนี่เพิ่งตบหลังฉันไปแหมบ ๆ ตอนนี้มันตบหัวฉันอีก T__Ta ฮือ ๆๆ หน้าฉันงี้แทบทิ่มลงไปจุ๊บกับเล็บขบเตเลย อีบ้าาา ไม่ระวังเล้ยยย

     

                ในที่สุดเตก็หัวเราะร่ากับการกระทำ (ห่าม ๆ) ของพวกเราทั้งสองคน ทำเอาฉันและยัยป่านอายม้วนไปตาม ๆ กัน แหะ ๆๆ ฉันพยายามทำตัวสงบเสงี่ยมที่สุดเหมือนเดิมก่อนจะถอดรองเท้าบัลเล่ต์คู่เก่งออก

     

                แล้วสองคนนั้นก็ชวนคุยหัวเราะเล่นหัวเฮฮากันโดยไม่สนใจฉันที่นั่งแงะเล็บขบอยู่ตรงนี้อีก -_-"... ก็ดีแล้วแหละ อย่ามาสนใจเลย เหอ ๆๆ

     

     

                ----------------------------------------------------------------------------

     

     

                "ฟู่.. สำเร็จซักที"  ในที่สุด เมื่อไร้ซึ่งเล็บขบแล้ว การซ้อมของฉันก็ดูจะผ่านไปได้ด้วยดี อืมม..เจ๋งแฮะ ^^;; ฉันลงจากปลายเท้าแล้วจัดแจงถอดรองเท้าบัลเล่ต์คู่เก่งออกเพื่อทำเวลา ยัยป่านจะได้กลับไปดูตีสิบทัน

     

                แล้วดูนั่นซิ ตั้งแต่เตออกไปยัยนี่ยังนั่งหน้าบานไม่ยอมหุบเลยเชียว การ์ตูนนั่นมันทำให้เคลิบเคลิ้มมากนักรึไงหาาาาา -_-^^

     

                "ไอ้ป่าน เสร็จแล้ว!!!"  ฉันตะโกนออกไปหวังกระตุ้นมโนประสาทมันสักที เพราะดูท่าทางใจของเพื่อนฉันจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแฮะ... เห็นมั้ยล่ะ! มันสะดุ้งสุดตัวก่อนจะรีบปิดหนังสือ  "อ่า เหรอ ๆๆ"

     

                ฉันส่ายหัวอย่างระอาพลางยกผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับเหงื่อ แล้วพลันสายตาที่เฉียบแหลม (พอ ๆ กับสมอง) ของฉันก็เหลือบไปเห็น..

     

                กรรไกรตัดเล็บ(ขบ)ของเต ยังตั้งอยู่ตรงนั้น -_-;; อ้าว ไม่เอากลับไปด้วยล่ะพ่อคุณ..

     

                "กรรไกรของเตยังอยู่นี่เลยอะปริม"  ยัยป่านพูดขึ้นเมื่อเห็นมันพร้อม ๆ กันกับฉัน ส่วนตัวฉันได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ เพราะไม่รู้จะทำไงดี ในเมื่อเตเขากลับไปแล้วเมื่อกี้นี้

     

                เดี๋ยวเจอกันอีกค่อยคืนให้แล้วกันเนอะ..

     

                ฉันเก็บมันลงกระเป๋าถือสีส้มอ่อนแล้วจัดการปิดแอร์ปิดไฟหอกลางให้เสร็จสรรพ (ช่วยชาติประหยัด) แต่ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นเอง ฝีเท้าฉันก็ต้องสะดุดกึก! เมื่อได้ยินประโยคเดิม ๆ ที่แว่วมาเป็นครั้งที่ 2 ของวัน

     

                "พี่เตคบอยู่กับพี่ปริมจริง ๆ เหรอคะ"

     

                O.O ฉันกับยัยป่านหันมองหน้ากันเองแทบจะทันที แล้วรีบวิ่งหลบปุ๊บอย่างรู้หน้าที่!

     

                ที่ระหว่างทางเดินกลับหอนั้น ฉันมองเห็นเด็กผู้หญิงสองสามคนกำลังยืนขวางเตอยู่ พร้อมตั้งคำถามกับเขาด้วยประโยคโดนใจ ซึ่งฉันเคยได้ยินมาแล้วเมื่อตอนกลางวัน

     

                ยัยป่านรัวตบหลังฉันเสียยกใหญ่ให้ตั้งใจฟัง แต่ปัดโธ่!! จะตบทำไมล่ะ! ฉันเสียสมาธิ!!!!

     

                ฉันแอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดจากที่ไกล ๆ แต่ก็ใกล้พอจะมองเห็นรอยยิ้มของเต......... ว่าแต่จะยิ้มทำแป๊ะอะไรล่ะวะ ปั๊ดโธ้!!!!!!!!!!!! >"<

     

                "^____^ พี่ขอตัวกลับหอก่อนนะครับ"  เฮ้ย!!! นี่เหรอคำตอบนาย!!!!! O[]O!!!! ฉันถึงกับอ้าปากค้าง ส่วนยัยป่านก็เหลือกตาอย่างสุดจะสงสัย (พอ ๆ กับฉันแหละ)

     

                เตเดินเลี่ยงกลับไปทางหอชายแล้ว และรอยยิ้มนั้นก็ยังมีอยู่ บอกตรง ๆ ว่าฉันไม่อาจเข้าใจผู้ชายที่เอาแต่ยิ้ม 24 ชั่วโมงคนนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว -*-a รู้แต่ว่าตอนนี้พวกเด็กผู้หญิงสามคนนั่นที่ไม่ได้คำตอบอะไร กำลังฟึดฟัดโมโหกันอย่างน่าสยดสยอง..

     

                แล้วทำไมนายไม่ปฏิเสธไปล่ะฟะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

                ฮึ่มมม

     

     

    -TBC-

     

    Postscript : เย้ ๆๆๆ มาต่อแล้ว มาทั้งทียังเอาตอนเก่ามาโพสอีกต่างหาก ฮา ๆๆๆ (ยัง.. ยังมีหน้ามาหัวเราะ) ไหนใครบอกจะอัพทุกวัน อนุญาตให้กระทืบคนพูดได้นะ (ถ้าตามหาเจอ) 555 ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ ช่วงนี้ยุ่งจริงอะไรจริง -*- อยากกลับไปเรียนจัง ป่านนี้เราคงนั่งเพ้อเจ้อเขียนนิยายจบไปอีกเป็นสิบเรื่องแล้ว เห้อออ เศร้า...

    แอบอ่านคอมเมนท์เห็นมีการตามล่าหาพระเอกเรื่องนี้กันซะด้วย 555 ต้องขอบคุณผู้อ่านที่ช่วยกันหาคำตอบนะคะ ^^ ตามหาจนเจอกันจนได้ (แต่พอรู้ว่ามีลูกแล้วสะเทือนใจอ่ะ Y__Y)

    ตอนหน้าจะ "พยายาม" มาให้เร็ว ๆ นะ เหลืออีกแค่ไม่กี่ตอนก็จะแซงของเก่าแล้ว สู้ ๆๆๆ (บอกตัวเองไง 555)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×