ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
forward ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณเป็นใคร

ลำดับตอนที่ #4 : แย่แล้ว

  • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 53


“เอ๊ก อี้ เอ๊ก เอ๊ก”เสียงนาฬิกาปลุกไก่ของพัน ดังขึ้น พันลุกขึ้นจากโซฟาตัวโปรด  กลิ่นข้าวผัดกุนเชียงลอยออกมาจากห้องครัว  เขามองดูที่นาฬิกา  ตอนนี้เวลาตีห้าครึ่ง แสงแดดแรกของวัน สาดเข้าทางหน้าต่างของห้อง เปรียบเหมือนนิมิตหมายที่ดี

“พัน  กินข้าวได้แล้ว”เสียงเคาะกระทะด้วยตะหลิวของภัทร เข้ามาในหูของพัน  เขาไม่รอช้า  เดินเข้าไปในห้องครัว นั่งลงที่เก้าอี้ประจำ  กล่องอลูมิเนียมเปิดออก  พร้อมด้วยแก้วน้ำสองแก้ว  ทิ้งไว้สักพัก ท่อเหล็กอยู่บนแก้ว  ก็ปล่อยน้ำเย็นเจี๊ยบออกมา พร้อมเสริฟน้ำแก่ทุกคน

ภัทรเดินกลับเข้ามา  พร้อมกับข้าวผัดกุนเชียงสองจาน วางลงบนโต๊ะ ทั้งคู่หยิบช้อนและส้อมขึ้นมา แล้วรับประทานทันที

“คุณเชื่อจริงเหรอ  ว่าเมื่อวาน ผมกินล็อบเตอร์เข้าไปจริงๆ”พันเริ่มถาม

“ไม่เชื่อ ตั้งแต่คุณบอกว่ากินล็อบเตอร์แล้ว”ภัทรตักแตงเข้าปาก “สู้ชั้นไม่ได้ สปาเก็ตตี้ขี้เมาย่ะ”

“แล้วเชื่อเหรอว่าคุณกินสปาเก็ตตี้ขี้เมาจริงๆ”

“ใช่  ชั้นเชื่อ”

“นั้นมันเส้นขนมจีนย้อมสีผสมอาหารเหลือง มันคือข้าวปุ้นก้อยแห้ง”

“นี่นายคงไม่ได้หมายถึง  ขนมจีนใส่ปลาร้าใช่ไหม”

“ใช่แล้ว”

ภัทรแทบจะอาเจียนออกมา แต่กับข้าวเมื่อวานก็ย่อยแล้ว ภัทรจึงได้กล้ำกลืนข้าวผัดกุนเชียงต่อไป ส่วนพันก็ได้แต่นั่งขำ  แล้วกินข้าวผัดต่อไปจนหมด เมื่อทั้งคู่กินหมด  พันก็เก็บจานไปล้าง แล้วก็ไปอาบน้ำ  ส่วนภัทรก็เปิดทีวีดูข่าว

เมื่อพันอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ ก็ชวนภัทรออกไปดูที่เกิดเหตุอีกครั้ง  เพราะมีจนท.โทรมาแจ้งว่าดับไฟเสร็จแล้ว

ทั้งสองลงลิฟท์ลงมาจนถึงชั้นหนึ่ง  ดูช่องจดหมายว่ามีจดหมายหรือเปล่า แล้วออกไปที่ลานจอกรถ หยิบรีโมตออกมา กดปุ่มปลดล็อก  เสียงรถดังมาจากรถครอบครัวคันหนึ่ง  พันเกิดประตูด้านคนขับออก ภัทรก็เปิดประตูด้านฝั่งคนนั่ง พันสตาร์ถ  เพลงคลาสสิกเบาๆก็เริ่มบรรเลงขึ้น

“แปลก คุณอยู่ตัวคุณเดียว ทำไมต้องใช้รถครอบครัวด้วย”

“เพราะวันไหนมีงานดึกๆ จะได้นอนในรถได้ไง”

รถออกตัวจากลานจอดรถ ผ่านไฟแดง  สี่แยก ทางโค้ง ทางด่วนมากมาย  จนถึงที่เกิดเหตุ ทั้งคู่ลงจากรถ มึตำรวจหญิงนางหนึ่งวิ่งมาหา

“สวัสดีค่ะผู้กอง  ดิฉัน นภาพร เพิ่งย้ายมาทำงานวันแรกค่ะ”เธอทำท่าทำความเคารพ ตามแบบฉบับตำรวจ 

“แล้วหมวดศรี หมวดตู๋ล่ะ”พันถาม

“อ๋อ สองคนนั้น เพิ่งได้รับคำสั่งย้ายไปช่วยราชการที่อื่น แล้วส่งดิฉันมาค่ะ”เธอยื่นหมายย้ายมาให้ดู  พันดูไปสักพักก็ส่งคืน

“ผมจะเรียกคุณว่าไงดี  ถ้าเรียกชื่อเต็มๆทุกวัน ก็ไม่ไหว”

“เรียกว่าพรก็ได้ค่ะ  ดิฉันไม่ถือ”เธอเหลือบไปมองภัทร “เธอเป็นใครค่ะผู้กอง”

“เพื่อนผมเอง ภัทร  ภัทรา”

พรดีดนิ้ว“อ้อ คนนี้เองหรือ ที่มีข่าวว่าแอบแฮกเข้าไปที่กระทรวงIT

ภัทรตอบทันควัน  “ผิดแล้ว  กระทรวงวิทย์ต่างหาก”

“อ้อ ถ้างั้นดิฉันก็ขอโทษด้วยน่ะค่ะที่ได้ข่าวผิดพลาด”เธอยกมือไหวขอโทษขอโพยภัทร

“เอาเถอะ เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”พันชวนทุกคน

“คงจะไม่ได้ค่ะผู้กอง  ข้างในโดนเผาจนหมด มอดไหม้ รวมทั้งด้านล่างเป็นร้านแก๊ส เมื่อไฟลามไปถึง  มันก็ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ไม่น่าจะ……

“มันต้องมีหลักฐานสิ!!!!!”พันกระแทกเสียง แล้วก็หยุด

“ตอนนี้ทีมเก็บหลักฐานกำลังจัดการอยู่  ดิฉันว่า ท่านควรไปดูผลชันสูตรผู้เสียชีวิตที่ สนง นิติเวชเถอะค่ะ”

พันถอนหายใจ  “เฮ้อ ก็ได้ครับ” “ป่ะภัทร ไปที่อื่นต่อ”

ทั้งคู่ขึ้นรถ มุ่งหน้าไปที่สนง นิติเวชต่อ ส่วนพร ก็ไปเก็บหลักฐานต่อ

ต่อมา ที่สนง นิติเวช  ทั้งคู่ลงจากรถ มีหมอหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาหาพันที่บันได  เหมือนนัดหมายกันมาก่อน

“งายเพื่อน เป็นไงบ้าง”เขาเดินเข้ามาจับมือพันและโอบกอดฉันท์มิตร  และพันก็แนะนำให้รู้จักเขา

“ภัทร นี่ บิลล์ เพื่อนผม ลูกครึ่งนมวัวแดง”

ภัทรยื่นมือเข้าไปเช็คแฮนด์ด้วย“สวัสดีค่ะ บิลล์ ลูกครึ่ง ไทย เดนมาร์ก” “ดิฉันภัทร ภัทราค่ะ หรือคุณอาจรู้จักในชื่อ momentก็ได้ค่ะ”

“อ้อ เยส โมเมนต์ ฝีมือคุณไม่เบานี่ หวังว่าเราคงจะได้ร่วมงานกันน่ะ”

“ขอบคุณค่ะ”

บิลล์เอามือมาประสานที่หน้าท้อง “เอาล่ะ พวกคุณเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวผู้ช่วยผมจะพาไปดูศพ”

“อ้าว แล้วนายละบิลล์”

“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ ปวดท้อง”ว่าบิลล์ก็วิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว  ปล่อยให้ทั้งสองเดินเข้าไป เข้าไปข้างใน เป็นห้องทึบๆสีดำ พันหยิบบัตรผ่านขึ้นมา แล้วรูดเข้าไปที่ช่อง  สักพัก รูปถ่าย ชื่อ ประวัติ ก็ขึ้นมา แล้วประตูห้องเก็บศพก็เปิด กลิ่นแอร์กับน้ำยาปรับอากาศปะทะเข้ากับทั้งสองเต็มแรง มีชุดปลอดเชื้อแขวนไว้อยู่ สองสามตัว แล้วก็มีเสียงหนึ่งทักออกมาจากโต๊ะ

“สวัสดีค่ะ คุณพันธกร คุณ ภัทรา”เสียงทักทายที่ดูเป็นมิตรดังขึ้น ร่างผอมๆเดินออกมาจากโต๊ะ ใส่เสื้อกราว ผ้าปิดปากยังแขวนอยู่กับใบหูข้างซ้าย

“ดิฉันชื่อ ดอกเตอร์แพทย์หญิง กังโด มิยากิ”“ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชวิทยาจากมหาวิทยาลัยโตเกียว”เสียงพูดไทยชัดเจนของเธอ แทบทำให้ดูเหมือนว่าเธอเป็นคนไทยแท้

“เอ้อ……ทำไมคุณพูดไทยชัดจังเลย”พันถามด้วยความสงสัย

“ดิฉันเคยทำงานที่เชียงใหม่มา 5 ปี แล้วย้ายมาที่นี้ 2วันที่แล้ว”

“ว่าแต่ ทำไมคุณดูซูบผอมจังเลยค่ะ?”ภัทรถามบ้าง

“อ้อ ช่วงนี้เครียดๆอยู่อ่ะค่ะ ตั้งแต่เชียงใหม่แล้ว ช่วงนี้ก็ยังเป็นอยู่”กังโดเอื้อมมือไปหยิบเสื้อกราวปลอดเชื้อกับหน้ากากอนามัยให้ทั้งคู่  “กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ เพื่อเขามีเชื้อนรกขึ้นมาจะทำยังไง ฮ่าๆ”

ดูเหมือนทั้งสองจะไม่ขำด้วย กังโดจึงขอโทษขอโพยแล้วก็ให้ทั้งคู่ใส่เสื้อแล้วพาเข้าไปในห้องเก็บศพ

ห้องเก็บศพเป็นห้องเย็นๆที่มีศพนอนเรียงรายเป็นแถวยาวๆ สองแถว   กังโดหยิบเอกสารระบุศพ แล้วพาไปที่ศพหมายเลข 02#

“จากการเก็บข้อมูลหลักฐาน  เค้าไม่ได้เสียชีวิตจากสำลักควันไฟ  เขาไม่ได้เสียชีวิตจากไฟคลอก”กังโดเอื้อมมือซ้ายไปเปิดผ้าคลุมศพขึ้น หน้าศพเละบู้บี้  เละจนจำเคร้าโครงไม่ได้

“คุณพระช่วย”ภัทรอุทานยกมือป้องปาก หายใจถี่เหมือนจะเป็นลม

“ภัทร อย่าน่ะ”พันรีบหยิบยาดมในกระเป๋าเสื้อ มาให้เธอดม

ภัทรเริ่มหายใจเป็นปรกติ กังโดก็เริ่มเข้าเรื่องต่อ “เราได้รับการประสานงานจากตำรวจ ทำให้เราได้ทราบว่า  ชายคนนี้ ชื่อ ภัครพล อาภรสันติสุข”

“คุณช่วยย้ำอีกทีได้ไหมค่ะ”

“ภัครพล  อาภรสันติสุข”กังโดย้ำอีกครั้ง

“ตั้ว!!!”ภัทรตกใจสุดขีด

“มีอะไรเหรอ ภัทร ทำท่าตกใจเชียว” พันถาม“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“หัวหน้างานฝ่ายซอฟแวร์  zuper search” “เขาจะพ้นตำแหน่งวันนี้”

“กริ๊งงงงงงงง”โทรศัพท์ของกังโดดังขึ้น เธอขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก

 

ขณะเดียวกันในอีกหนึ่งฟากเมือง พรขับรถอย่างแร่งรีบ พร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่เคยเครียดขนาดนี้มาก่อน เธอหยิบโทรศัพท์ มาโทรหาใครสักคนหนึ่ง หลังจากได้รับข่าวบางอย่าง

ผู้กอง พันธกร  โทรออก” เธอรอสายอยู่สักครู่ จึงมึคนรับ

“สวัสดีครับ  ผู้กองพันธกร รับสายครับ”

“ดิฉันพรนะค่ะ ตอนนี้ผู้กองอยู่ไหนค่ะ”

“สำนักงานนิติเวศครับ  ทำไมเหรอครับ”

“เอาล่ะค่ะผู้กอง ดิฉันขอให้ผู้กองรีบออกมาจาก ที่นั่นโดยด่วน 

“ทำไมล่ะ”

“ตอนนี้ดิฉันไม่มีเวลาอธิบายเหตุผลค่ะ ออกมาโดยด่วน”แล้วสัญญาณก็ขาดหายไป

ที่ส...นิติเวศ  ทั้งสองคนรีบวิ่งออกมา  กังโด และ บิลล์ไล่ตามทั้งคู่มาติดๆ

“หยุดก่อนพัน  ผมอธิบายได้น่ะ”  บิลล์หยุดวิ่งมามาถึงชั้นดาดฟ้าของสนง นิติเวศ  พัน และ ภัทร ค่อยๆถอยไปเรื่อยๆจนถึงสุดขอบดาดฟ้า

“พัน ผมอธิบายได้” “ยายนั้นน่ะ โฏหกคุณ เชื่อผมสิ เขาโกหกคุณ”บิลล์ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

พันเหลือบมองไปข้างล่าง มีรถพลุกพล่านเป็นจำนวนมาก ทั้งสิบล้อ เก๋ง กระบะ รถตู้

“ภัทรคุณฟังผมน่ะ ผมนับ หนึ่ง สอง สาม คุณโดดเลยน่ะ”พันกระซิบเธอเบาๆ

“หา โดดจากนี้เลยเหรอ”

“หนึ่ง  สอง สาม โดด”ทั้งสองกระโดดออกจากดาดฟ้า  ร่วงลงมาตกลงบนผ้าใบรถสิบล้อ  ทั้งสองหันไปมอง  มันคงจะเป็นภาพสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นสนง นิติเวศ เป็นครั้งสุดท้าย

มีระเบิดออกมาจากชั้นหนึ่ง ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ  จนทั้งหมดระเบิดเป็นลูกไฟใหญ่ กลางวันแสกๆ

“ไม่น่ะ  บิลล์”

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×