คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 6 :: การกลับมาของคนที่จากไป
Chapter 6
อันเซียร์ตัดสินใจออกเดินทางในเช้ามืดของวันต่อมาโดยมีพาหนะคือม้าคู่ใจของเทียนฉาที่ได้รับการดูแลมาตลอดเวลาที่เขาอาศัยอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้
มีสัมภาระเพียงเสื้อคลุมตัวหนาที่ใช้กันความหนาวเท่านั้น
เขารู้ตัวว่าหันหลังกลับไปมองภาพปราสาทที่แสนคุ้นเคยนั้นบ่อยมากราวกับต้องการบันทึกความทรงจำไว้
รวมถึงบันทึกภาพเจ้าของปราสาทที่ยืนอยู่ริมระเบียงนั้นด้วย...
ปราสาทสีดำทะมึนค่อย ๆ
เล็กลงจนสุดท้ายก็ถูกแมกไม้บดบังไปเสียหมด อันเซียร์ถึงได้หันกลับมาให้ความสนใจกับเส้นทางการเดินทางของเขาอย่างจริง
ๆ จัง ๆ เสียที
เมื่อเวลาเลยไปกว่าครึ่งวัน
ชายหนุ่มถึงมองเห็นหมู่บ้านที่เขาเคยอาศัยมาตลอดชีวิตอยู่ลิบ ๆ
ใช้เวลาไม่นานนักสุดท้ายเขาก็ย่างเข้าสู่เขตหมู่บ้าน ถึงตอนนี้อันเซียร์เพิ่งตระหนักได้ว่าระยะทางระหว่างปราสาทและหมู่บ้านของเขามันไม่ได้ไกลมากอย่างที่คิด
อันเซียร์เหวี่ยงตัวลงจากหลังม้าแล้วเปลี่ยนเป็นการจูงเดินแทนทันทีที่เข้าเขตตลาด
บรรยากาศที่ตลาดใจกลางหมู่บ้านยังคงครึกครื้นแม้ว่าเวลาจะกินเข้าไปบ่ายแก่แล้วก็ตาม
ผู้คนยังคงจับจ่ายซื้อของกันตามปกติ ลูกเล็กเด็กแดงวิ่งเล่นกันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
แว่วได้ยินเสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะบ้างประปราย
ทุกอย่างยังคงดูปกติราวกับเวลาไม่เคยทำอะไรมันได้
เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับมัน...
อันเซียร์ตัดสินใจที่จะตรงกลับบ้านก่อนเป็นอันดับแรก
ในใจของเขากำลังลิงโลดด้วยความสุขกับการสัมผัสบรรยากาศที่บ้านเกิดอีกครั้ง
บ้างที่มีผู้คนมาให้ความสนใจแต่อันเซียร์ไม่ได้ทักทายอะไรออกไปนอกจากยิ้มให้บาง ๆ
เท่านั้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นผงกหัวเร็ว ๆ ไปเสียทุกครั้ง
และนั่นทำให้อันเซียร์อดรู้สึกไม่ได้ว่าแปลก...
ชายหนุ่มยืนมองบานประตูไม้คร่ำคร่าด้วยความรู้สึกประหลาดภายในอก
เขายืนมองมันอยู่นานกว่าที่จะเคาะลงบนประตูแต่ก็ไร้การตอบรับ
อันเซียร์ยืนนิ่งอยู่นานก่อนที่จะเคาะอีกครั้งแต่ผลก็ยังคงเป็นเช่นเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวของเขาแทน
พี่ชายเขาไปไหน
?
“มาทำอะไรหรือคะ ?”
เสียงใส ๆ
ที่คุ้นเคยนั้นเรียกให้รอยยิ้มกว้างให้ปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม
เขาจำได้เพราะมันคือเสียงของเธอ --- จิงจี๋
“ตอนนี้เจ้าของบ้านนี้ทั้งสองคนไปทำธุระที่ต่างเมืองค่ะ
ถ้ามีธุระอะไรท่านฝากข้าก่อนได้นะคะ” เธอว่า
อันเซียร์ตวัดผ้าคลุมใบหน้าของเขาออกในยามที่หันกลับไปหาเธอพร้อมรอยยิ้ม
“จิงจี๋”
เขาเห็นเธอตกใจจนเผลอปล่อยตะกร้าผลไม้ในมือทิ้ง “พี่กลับมาแล้ว”
xxxxxxxxxxxxxxx
เธอตกใจ...
จิงจี๋ยอมรับว่าเธอตกใจมาก
มากจนขนาดที่เธอไม่รู้ตัวว่าเธอโผกอดผู้ชายตรงหน้าตอนไหน
กอดเขาแน่นขนาดไหนและนานขนาดไหน
น้ำตาเจ้ากรรมมาจากไหนมากมายเธอก็ไม่รู้แต่มันไหลออกมาไม่ยอมหยุด เธอยิ่งสะอื้นเมื่อมือใหญ่
ๆ นั้นลูบผมของเธอราวกับจะปลอบโยน
“ทำไมร้องไห้ล่ะ” ชายหนุ่มสัพยอกพลางกลั้วหัวเราะ
เธอไม่มีคำตอบให้ทั้งที่เธอเคยคิดว่าหากวันหนึ่งเขากลับมาเธอคงมีคำถามและคำต่อว่ามากมายสารพัด
มีหลายเรื่องที่เธออยากจะเล่าให้เขาฟังแต่นานวันเข้ายิ่งเหมือนความหวังของเธอยิ่งริบหรี่
จนกระทั่งวันนี้ที่อยู่ ๆ เขาก็กลับมา พอมาเจอจริง ๆ ประโยคมากมายในหัวก็หายไป
จิงจี๋กอดร่างสูงของคนตรงหน้าอยู่นานกว่าจะยอมผละออก
ทันทีที่เธอผละออกก็ได้รับรางวัลเป็นมืออุ่น
ๆ นั้นขยี้ลงบนศีรษะเธออย่างไม่ปราณี พร้อมรอยยิ้มกว้างที่เธอคุ้นตากับเสียงทุ้ม ๆ
ที่เอ่ยสัพยอกที่เธอคิดถึง “ไม่เจอตั้งนานขี้แยขึ้นนะ จิงจี๋”
“ใครเป็นคนทำกันล่ะ” เด็กสาวถลึงตาแดง
ๆ ใส่
“ขอโทษ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อน “อย่าโกรธพี่เลยนะ”
จิงจี๋ยิ้มเมื่ออีกคนช่วยจัดการเก็บตะกร้าและผลไม้ที่หล่นกระจัดกระจาย
ถึงจะจากไปนานแต่เขาก็ยังไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
ยังเป็นพี่เซียร์ของเธอเหมือนเดิม...
หลังจากจัดการข้าวของเสร็จเรียบร้อยชายหนุ่มก็เอ่ยปาก
“นี่อาเทียนฉาอยู่ที่บ้านหรือเปล่า”
เขาเอ่ยถึงชายวัยกลางคนผู้ที่เขาอาสาไปจัดการอสูรแทน “พี่มีบางเรื่องอยากจะคุยกับท่านอาแล้วก็จิงจี๋ด้วย”
“เวลานี้ท่านพ่อน่าจะอยู่ที่บ้านแล้วค่ะ”
เด็กสาวตอบรับเสียงสดใส “แต่พี่ไม่เข้าบ้านก่อนหรือ”
อันเซียร์ปฏิเสธ
ดังนั้นขบวนการเดินทางจากหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวถึงได้เปลี่ยนมาเป็นสองคนกับอีกหนึ่งตัว
โดยมีจุดหมายปลายทางคือบ้านของเด็กสาวตัวน้อยเสียแทน
ใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็เดินทางถึงจุดหมายเพราะระยะทางไม่ได้ไกลจากกันมากนัก
อันเซียร์รู้สึกมีความสุขให้กับบรรยากาศเดิม ๆ ที่ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
แม้กระทั่งธรรมชาติรอบข้างก็เช่นกัน ถึงอย่างนั้นท่าทางของผู้คนในตลาดก็ยังรบกวนจิตใจของชายหนุ่มอยู่ตลอดเวลาแม้เขาจะบอกกับตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจก็ตาม
“โอ๊ะ ยัยหนูกลับมาแล้ว !”
เสียงดังลั่นที่ทักทันทีที่ประตูเปิดนั้นชวนให้อมยิ้ม
เสียงนั้นเป็นของเกรนไม่ต้องสงสัยและคำตอบก็ได้รับการยืนยันเมื่อร่างสูงของเกรนโผล่ออกมาจากในครัว
“อ้าว นี่พาใครมาด้วยล่ะ”
“ข้าเอง เกรน”
คนที่ชะเง้อชะแง้เพื่อมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังร่างแบบบางของน้องสาวถึงกับชะงักเมื่อได้เห็นใบหน้าของแขกชัด
ๆ
“เฮ้ย !”
คนที่ชะงักไปสักพักพอตั้งสติได้ก็รีบโวยวายยกใหญ่ “ท่านพ่อ !
เมโลดี้ ! เสี่ยวเหมย ! มาดูสิว่าใครมา
!!”
คนใจร้อนพอเห็นไม่ได้ดังใจเพราะแต่ละคนในครอบครัวตนช้าเหลือเกินถึงได้ร้องโวยวายขึ้นมาอีกรอบ
เดือดร้อนให้เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกต้องรีบวิ่งมาก่อนที่บ้านจะแตก พอทั้งสามเห็นคนที่ถูกเรียกมาพบความโกลาหลครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้น
นับเป็นการต้อนรับที่อันเซียร์คิดไม่ถึง...ล่ะมั้ง
?
กินเวลาไปพักหนึ่งกว่าที่ความโกลาหลจะสงบลง
เปิดโอกาสให้ทุกคนได้หายใจหายคอและทักทายพูดคุย
อันเซียร์เล่าเรื่องต่าง ๆ
ที่เขาไปเจอมาให้ทั้งห้าฟังนับตั้งแต่วันที่เขาเดินทาง
ทั้งเรื่องความใจดีของเจ้าของปราสาท
น้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาแผลให้หายได้และเรื่องราวความฝันแปลกประหลาด
มีสิ่งเดียวที่เขาจงใจเลี่ยงคงจะเป็นความสัมพันธ์ของเขาและอสูร
ตลอดเวลาที่เขาเล่ามีคำถามบ้าง
เขาก็ตอบเท่าที่รู้ บ้างก็เป็นการเอ่ยสัพยอก
อันเซียร์อดไม่ได้ที่จะกวาดตาสำรวจไปทั่ว
ๆ บริเวณ มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นบางอย่าง อย่างที่เห็นได้ชัดเลยคงจะเป็นช้อนกาแฟที่เคียงคู่อยู่กับแก้วชาอุ่น
ๆ ที่ถูกนำมาต้อนรับ
มันทำจากเงิน...
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกข้าเฝ้ารอข่าวของเจ้า”
เทียนฉากล่าวขึ้นเมื่อเรื่องเล่าจบลง “แต่เจ้ากลับหายไปนานมากทั้งที่บอกว่าไม่กี่วันก็จะกลับมา
จนพวกข้าคิดว่าเจ้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว”
“เจ้าอยู่ที่ปราสาทบ้า ๆ
นั่นเกือบสามเดือน” เกรนโพล่งขึ้นมา “เหลือเชื่อ !”
“เกรน”
เมย์ที่เงียบมาตั้งแต่ต้นเรียกเสียงแข็งส่งผลให้คนที่กำลังจะโวยวายอีกรอบยอมสงบลงแต่โดยดี
“อันที่จริง --- ข้าไม่ได้กลับมาเพื่อกลับมาอยู่ที่นี่”
อันเซียร์เข้าเรื่องทันทีที่เขาตัดสินใจเสร็จ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
เพื่อเรียกกำลังใจขณะที่สายตามองสบกับจิงจี๋ “ข้ากลับมาเพราะมีเรื่องที่ต้องจัดการ”
อันเซียร์รู้สึกเหมือนทั้งห้าคนมองเขาเปลี่ยนไป...
“มันเป็นเรื่องของข้ากับจิงจี๋”
xxxxxxxxxxxxxxx
‘ข้า...ขอถอนหมั้น’
“พี่...
พี่เซียร์ !”
เด็กสาวตะโกนรั้ง
หากชายหนุ่มดูไม่คล้ายจะสนใจเมื่อขายาว ๆ นั้นยังคงสาวเท้าไปไกลจากเธอ
ร้อนให้เธอต้องวิ่งอ้อมมาดักด้านหน้าเขา สองแขนเล็ก ๆ
นั้นยกขึ้นดันแผงอกกว้างเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวซึ่งชายหนุ่มก็ยอมแต่โดยดี
“พี่คุยกับข้าก่อนสิ...” เสียงใสสั่นเครือ
“มันเกิดอะไรขึ้น”
คนโตกว่าค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจช้า ๆ
ไม่ใช่ไม่อยากคุยด้วย แต่พอเห็นหยดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงบนแก้มใส ๆ นั่นแล้วหัวใจเจ้ากรรมก็ดันแกว่งจนสติแทบเตลิด
ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจจนยากที่จะเก็บไว้เขาจึงเลือกที่จะเดินออกมา แต่ก็ไม่ทันคิดว่าจิงจี๋จะเสียใจมากกว่าเดิม
“อย่าร้องไห้” เขาว่าเสียงเบา
เอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้ “เจ้าไม่ควรเสียน้ำตาให้คนอย่างพี่”
“จะไม่ร้องได้อย่างไร !” เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นสะอื้นแต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรเอาเสียเลย
“พี่เซียร์...มันเกิดอะไรขึ้น เราหมั้นกันมาห้าปี... ห้าปีเชียวนะ
พี่แค่ไม่เจอข้าเพียงสามเดือนพี่ถึงกับถอนหมั้นข้า...”
‘จากนี้...จิงจี๋ไม่ต้องรอพี่แล้วนะ’
อันเซียร์นิ่งงัน
เขารู้ตัวว่ากำลังใจอ่อน...
“เวลาห้าปีของเรามันไม่มีความหมายเลยหรือ”
จิงจี๋อยากจะร้องไห้ โวยวายมากกว่านี้ แต่เมื่อเห็นตาแดง ๆ ของชายตรงหน้าเธอก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป
‘พี่ขอโทษ...’
“มันไม่ใช่อย่างนั้น” เขารู้ว่าเขากำลังแก้ตัว
“แต่อย่างที่พี่บอก พี่ไม่อยากให้จิงจี๋ต้องมาเสียเวลากับพี่อีก”
“ถ้าอย่างนั้น...ข้าขออะไรพี่สักอย่างได้ไหม”
เสียงเธออ่อนระโหย
“ได้สิ” ชายหนุ่มกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด
“จิงจี๋อยากให้พี่ทำอะไร บอกมาเลย”
“พี่อย่าเพิ่งถอนหมั้นข้าได้ไหม...”
เธอพยายามกลั้นสะอื้น “ข้าขอเวลาพี่แค่สามวัน...แค่สามวัน”
อันเซียร์อยากจะรั้งร่างแบบบางมากอดปลอบ
แต่ยั้งไว้เพราะรู้ดีว่าไม่ควร
“ถ้าสามวันต่อจากนี้พี่ยังยืนยันคำเดิม
--- ข้าจะไม่รั้งพี่ไว้อีกเลย”
“พี่...”
ใจของเขาประหวัดถึงเจ้าของนัยน์ตาสีมรกต ไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายต้องอยู่คนเดียวนานนักทว่าเมื่อหันกลับมาสบดวงตาคลอน้ำของอดีตคู่หมั้นแล้วชายหนุ่มก็เอ่ยปฏิเสธไม่ลง
“ได้โปรด...”
“เอาสิ”
เขาตอบรับทันทีที่เธออ้อนวอน เพราะน้ำเสียงเธอมันเศร้าจนเขารู้สึกผิด “สามวัน”
จิงจี๋ยิ้มให้
แต่เป็นรอยยิ้มที่อันเซียร์คิดว่ามันเศร้าเหลือเกิน
xxxxxxxxxxxxxxx
เช้าวันต่อมา
จิงจี๋มาชวนอันเซียร์ไปเดินตลาดด้วยกันแต่เช้า เธอบอกว่าประการหนึ่งเพื่อแนะนำว่าตัวเขานั้นกลับมาแล้ว
และอีกประการหนึ่งเธออยากทำเหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนที่เขายังไม่ไปปราสาทหลังนั้น
อันเซียร์ตกลง
บรรยากาศยามเช้านั้นสดชื่น
อากาศเย็น ๆ กับหมอกบาง ๆ ไม่ได้ทำให้ผู้คนนั้นขวักไขว่น้อยลงเลย
เสียงเอะอะโวยวายมีเป็นระยะ ๆ ข้าวของส่วนใหญ่ยามเช้าที่ขายจะเป็นของสดเสียส่วนใหญ่
จิงจี๋ซื้อของสดหลายอย่าง บอกว่าจะกลับไปทำอาหารเลี้ยงต้อนรับการกลับมา
ชายหนุ่มได้แต่บอกปฏิเสธแต่เหมือนสาวเจ้าจะไม่ยอม
อันเซียร์รู้สึกว่าเขาอาจจะคิดไปเอง...
แต่ผู้คนในตลาดดูมองเขาแปลกไป
เขาหมายถึง --- การปฏิบัติตัวต่อเขาก็เปลี่ยนไป
จากที่ปกติหากเจอหน้าก็มักจะทักทายกัน
ส่งยิ้มให้กัน
แม้ครั้งนี้ทุกอย่างจะดูเหมือนเดิมแต่อันเซียร์รู้สึกว่ามันเหมือนมีเส้นบาง ๆ
ขวางอยู่ เหมือนทุกคนไม่อยากพูดคุยกับเขาเสียเท่าไหร่
พรานหนุ่มได้แต่ปลอบใจว่าเขาคิดไปเอง...
ย่างเข้าวันที่สามที่อันเซียร์กลับมาอยู่ที่บ้านของเขาอีกครั้ง
แต่บ้านที่ไม่มีพี่ชายนั้นช่างน่าเบื่อ งานลับมีดตีดาบหรืออะไรก็ตามก็ไม่มีเข้ามา
ชายหนุ่มคิดว่าเพราะเขาจากที่นี้ไปเกือบสามเดือนทำให้ลูกค้าเก่า ๆ หายไป
พอมานึก ๆ ดูแล้ว
ตลอดเวลาที่อยู่ในปราสาทอันเซียร์เองก็ไม่ได้มีเรื่องให้ทำมากนัก
แม้ว่ายามกลางคืนจะได้ใช้เวลาร่วมกับเจ้าของปราสาทจนกระทั่งหลับไปพร้อม ๆ
กันแต่ในยามกลางวันชายหนุ่มแทบไม่ได้ทำอะไร เนื่องจากปราสาทถูกเขาสำรวจหมดไปตั้งแต่ไม่จบสัปดาห์ที่สอง
มีบ้างที่บางครั้งเขาออกไปฝึกดาบคนเดียวในสวนโล่ง ๆ แต่ส่วนใหญ่ก็ขลุกอยู่ในห้องสมุดมากกว่า
แต่การใช้ชีวิตที่นั่นไม่ได้น่าเบื่อ...เหมือนตอนนี้
ชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เขารู้สึกเหมือนบ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของเขาอีกต่อไป
ในเย็นของวันที่สามนั่นเอง
จิงจี๋ชวนเขาออกไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เธอบอกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านได้จัดงานต้อนรับการกลับมาของเขา
ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
อันเซียร์จำใจตามเด็กสาวไปแม้โดยส่วนตัวเขาจะไม่ใช่คนที่ชอบเรื่องงานเลี้ยงเลยก็ตาม
แต่ด้วยไม่อยากให้เสียน้ำใจ ที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านอุดมไปด้วยผู้คนมากมายชุมนุมอยู่เต็มไปหมด
ส่วนใหญ่เป็นชายวัยฉกรรจ์ มีสตรีและเด็กบ้างประปราย
เสียงหัวเราะพูดคุยสนุกสนานดังไปทั่ว
จนกระทั่งอันเซียร์มาถึง
เสียงหัวเราะเฮฮาเมื่อสักครู่ดูจะเงียบลงไปมาก
ชาวบ้านต่างกันมาจับจ้องที่ชายหนุ่มเป็นตาเดียว อันเซียร์สอดสายตาหาหัวหน้าหมู่บ้านหวังจะกล่าวขอบคุณสำหรับงานเลี้ยงที่เขาคิดว่ามันไม่จำเป็นนี่
โดยไม่ทันระวัง
ไม้ท่อนหนาหนักฟาดเข้าที่ท้ายทอยอันเซียร์เต็มแรง
พร้อมสติของเขาที่ดับวูบลงไป
xxxxxxxxxxxxxxx
Talk
เดี๋ยวหลังจากนี้จะหายตัวไปประมาณสิบกว่าวันค่า
พอดีมีค่ายอาสา อิอิ
กลับมาอีกทีปีใหม่เลย
อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้ว ฮัดช่า !
ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านนะคะ
หวังว่าจะมีความสุขในการอ่านค่า #ม๊วฟ
ความคิดเห็น