ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic No Hero] Gentleman and The Beautiful Beast [อันเซียร์ x โจชัว]

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 6 :: การกลับมาของคนที่จากไป

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 58



    Chapter 6

     


    อันเซียร์ตัดสินใจออกเดินทางในเช้ามืดของวันต่อมาโดยมีพาหนะคือม้าคู่ใจของเทียนฉาที่ได้รับการดูแลมาตลอดเวลาที่เขาอาศัยอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้ มีสัมภาระเพียงเสื้อคลุมตัวหนาที่ใช้กันความหนาวเท่านั้น เขารู้ตัวว่าหันหลังกลับไปมองภาพปราสาทที่แสนคุ้นเคยนั้นบ่อยมากราวกับต้องการบันทึกความทรงจำไว้

     

    รวมถึงบันทึกภาพเจ้าของปราสาทที่ยืนอยู่ริมระเบียงนั้นด้วย...

     

    ปราสาทสีดำทะมึนค่อย ๆ เล็กลงจนสุดท้ายก็ถูกแมกไม้บดบังไปเสียหมด อันเซียร์ถึงได้หันกลับมาให้ความสนใจกับเส้นทางการเดินทางของเขาอย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียที

     

    เมื่อเวลาเลยไปกว่าครึ่งวัน ชายหนุ่มถึงมองเห็นหมู่บ้านที่เขาเคยอาศัยมาตลอดชีวิตอยู่ลิบ ๆ ใช้เวลาไม่นานนักสุดท้ายเขาก็ย่างเข้าสู่เขตหมู่บ้าน ถึงตอนนี้อันเซียร์เพิ่งตระหนักได้ว่าระยะทางระหว่างปราสาทและหมู่บ้านของเขามันไม่ได้ไกลมากอย่างที่คิด

     

    อันเซียร์เหวี่ยงตัวลงจากหลังม้าแล้วเปลี่ยนเป็นการจูงเดินแทนทันทีที่เข้าเขตตลาด

     

    บรรยากาศที่ตลาดใจกลางหมู่บ้านยังคงครึกครื้นแม้ว่าเวลาจะกินเข้าไปบ่ายแก่แล้วก็ตาม ผู้คนยังคงจับจ่ายซื้อของกันตามปกติ ลูกเล็กเด็กแดงวิ่งเล่นกันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว แว่วได้ยินเสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะบ้างประปราย ทุกอย่างยังคงดูปกติราวกับเวลาไม่เคยทำอะไรมันได้

     

    เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับมัน...

     

    อันเซียร์ตัดสินใจที่จะตรงกลับบ้านก่อนเป็นอันดับแรก ในใจของเขากำลังลิงโลดด้วยความสุขกับการสัมผัสบรรยากาศที่บ้านเกิดอีกครั้ง บ้างที่มีผู้คนมาให้ความสนใจแต่อันเซียร์ไม่ได้ทักทายอะไรออกไปนอกจากยิ้มให้บาง ๆ เท่านั้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นผงกหัวเร็ว ๆ ไปเสียทุกครั้ง

     

    และนั่นทำให้อันเซียร์อดรู้สึกไม่ได้ว่าแปลก...

     

    ชายหนุ่มยืนมองบานประตูไม้คร่ำคร่าด้วยความรู้สึกประหลาดภายในอก เขายืนมองมันอยู่นานกว่าที่จะเคาะลงบนประตูแต่ก็ไร้การตอบรับ อันเซียร์ยืนนิ่งอยู่นานก่อนที่จะเคาะอีกครั้งแต่ผลก็ยังคงเป็นเช่นเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวของเขาแทน

     

    พี่ชายเขาไปไหน ?

     

    “มาทำอะไรหรือคะ ?”

     

    เสียงใส ๆ ที่คุ้นเคยนั้นเรียกให้รอยยิ้มกว้างให้ปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม เขาจำได้เพราะมันคือเสียงของเธอ --- จิงจี๋

     

    “ตอนนี้เจ้าของบ้านนี้ทั้งสองคนไปทำธุระที่ต่างเมืองค่ะ ถ้ามีธุระอะไรท่านฝากข้าก่อนได้นะคะ” เธอว่า

     

    อันเซียร์ตวัดผ้าคลุมใบหน้าของเขาออกในยามที่หันกลับไปหาเธอพร้อมรอยยิ้ม

     

    “จิงจี๋” เขาเห็นเธอตกใจจนเผลอปล่อยตะกร้าผลไม้ในมือทิ้ง “พี่กลับมาแล้ว”

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    เธอตกใจ...

     

    จิงจี๋ยอมรับว่าเธอตกใจมาก มากจนขนาดที่เธอไม่รู้ตัวว่าเธอโผกอดผู้ชายตรงหน้าตอนไหน กอดเขาแน่นขนาดไหนและนานขนาดไหน น้ำตาเจ้ากรรมมาจากไหนมากมายเธอก็ไม่รู้แต่มันไหลออกมาไม่ยอมหยุด เธอยิ่งสะอื้นเมื่อมือใหญ่ ๆ นั้นลูบผมของเธอราวกับจะปลอบโยน

     

    “ทำไมร้องไห้ล่ะ” ชายหนุ่มสัพยอกพลางกลั้วหัวเราะ

     

    เธอไม่มีคำตอบให้ทั้งที่เธอเคยคิดว่าหากวันหนึ่งเขากลับมาเธอคงมีคำถามและคำต่อว่ามากมายสารพัด มีหลายเรื่องที่เธออยากจะเล่าให้เขาฟังแต่นานวันเข้ายิ่งเหมือนความหวังของเธอยิ่งริบหรี่ จนกระทั่งวันนี้ที่อยู่ ๆ เขาก็กลับมา พอมาเจอจริง ๆ ประโยคมากมายในหัวก็หายไป

     

    จิงจี๋กอดร่างสูงของคนตรงหน้าอยู่นานกว่าจะยอมผละออก

     

    ทันทีที่เธอผละออกก็ได้รับรางวัลเป็นมืออุ่น ๆ นั้นขยี้ลงบนศีรษะเธออย่างไม่ปราณี พร้อมรอยยิ้มกว้างที่เธอคุ้นตากับเสียงทุ้ม ๆ ที่เอ่ยสัพยอกที่เธอคิดถึง “ไม่เจอตั้งนานขี้แยขึ้นนะ จิงจี๋”

     

    “ใครเป็นคนทำกันล่ะ” เด็กสาวถลึงตาแดง ๆ ใส่

     

    “ขอโทษ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อน “อย่าโกรธพี่เลยนะ”

     

    จิงจี๋ยิ้มเมื่ออีกคนช่วยจัดการเก็บตะกร้าและผลไม้ที่หล่นกระจัดกระจาย ถึงจะจากไปนานแต่เขาก็ยังไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ยังเป็นพี่เซียร์ของเธอเหมือนเดิม...

     

    หลังจากจัดการข้าวของเสร็จเรียบร้อยชายหนุ่มก็เอ่ยปาก

     

    “นี่อาเทียนฉาอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” เขาเอ่ยถึงชายวัยกลางคนผู้ที่เขาอาสาไปจัดการอสูรแทน “พี่มีบางเรื่องอยากจะคุยกับท่านอาแล้วก็จิงจี๋ด้วย”

     

    “เวลานี้ท่านพ่อน่าจะอยู่ที่บ้านแล้วค่ะ” เด็กสาวตอบรับเสียงสดใส “แต่พี่ไม่เข้าบ้านก่อนหรือ”

     

    อันเซียร์ปฏิเสธ ดังนั้นขบวนการเดินทางจากหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวถึงได้เปลี่ยนมาเป็นสองคนกับอีกหนึ่งตัว โดยมีจุดหมายปลายทางคือบ้านของเด็กสาวตัวน้อยเสียแทน

     

    ใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็เดินทางถึงจุดหมายเพราะระยะทางไม่ได้ไกลจากกันมากนัก อันเซียร์รู้สึกมีความสุขให้กับบรรยากาศเดิม ๆ ที่ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แม้กระทั่งธรรมชาติรอบข้างก็เช่นกัน ถึงอย่างนั้นท่าทางของผู้คนในตลาดก็ยังรบกวนจิตใจของชายหนุ่มอยู่ตลอดเวลาแม้เขาจะบอกกับตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจก็ตาม

     

    “โอ๊ะ ยัยหนูกลับมาแล้ว !” เสียงดังลั่นที่ทักทันทีที่ประตูเปิดนั้นชวนให้อมยิ้ม เสียงนั้นเป็นของเกรนไม่ต้องสงสัยและคำตอบก็ได้รับการยืนยันเมื่อร่างสูงของเกรนโผล่ออกมาจากในครัว “อ้าว นี่พาใครมาด้วยล่ะ”

     

    “ข้าเอง เกรน”

     

    คนที่ชะเง้อชะแง้เพื่อมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังร่างแบบบางของน้องสาวถึงกับชะงักเมื่อได้เห็นใบหน้าของแขกชัด ๆ

     

    “เฮ้ย !” คนที่ชะงักไปสักพักพอตั้งสติได้ก็รีบโวยวายยกใหญ่ “ท่านพ่อ ! เมโลดี้ ! เสี่ยวเหมย ! มาดูสิว่าใครมา !!

     

    คนใจร้อนพอเห็นไม่ได้ดังใจเพราะแต่ละคนในครอบครัวตนช้าเหลือเกินถึงได้ร้องโวยวายขึ้นมาอีกรอบ เดือดร้อนให้เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกต้องรีบวิ่งมาก่อนที่บ้านจะแตก พอทั้งสามเห็นคนที่ถูกเรียกมาพบความโกลาหลครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้น

     

    นับเป็นการต้อนรับที่อันเซียร์คิดไม่ถึง...ล่ะมั้ง ?

     

    กินเวลาไปพักหนึ่งกว่าที่ความโกลาหลจะสงบลง เปิดโอกาสให้ทุกคนได้หายใจหายคอและทักทายพูดคุย

     

    อันเซียร์เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เขาไปเจอมาให้ทั้งห้าฟังนับตั้งแต่วันที่เขาเดินทาง ทั้งเรื่องความใจดีของเจ้าของปราสาท น้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาแผลให้หายได้และเรื่องราวความฝันแปลกประหลาด มีสิ่งเดียวที่เขาจงใจเลี่ยงคงจะเป็นความสัมพันธ์ของเขาและอสูร

     

    ตลอดเวลาที่เขาเล่ามีคำถามบ้าง เขาก็ตอบเท่าที่รู้ บ้างก็เป็นการเอ่ยสัพยอก

     

    อันเซียร์อดไม่ได้ที่จะกวาดตาสำรวจไปทั่ว ๆ บริเวณ มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นบางอย่าง อย่างที่เห็นได้ชัดเลยคงจะเป็นช้อนกาแฟที่เคียงคู่อยู่กับแก้วชาอุ่น ๆ ที่ถูกนำมาต้อนรับ

     

    มันทำจากเงิน...

     

    “ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกข้าเฝ้ารอข่าวของเจ้า” เทียนฉากล่าวขึ้นเมื่อเรื่องเล่าจบลง “แต่เจ้ากลับหายไปนานมากทั้งที่บอกว่าไม่กี่วันก็จะกลับมา จนพวกข้าคิดว่าเจ้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว”

     

    “เจ้าอยู่ที่ปราสาทบ้า ๆ นั่นเกือบสามเดือน” เกรนโพล่งขึ้นมา “เหลือเชื่อ !

     

    “เกรน” เมย์ที่เงียบมาตั้งแต่ต้นเรียกเสียงแข็งส่งผลให้คนที่กำลังจะโวยวายอีกรอบยอมสงบลงแต่โดยดี

     

    “อันที่จริง --- ข้าไม่ได้กลับมาเพื่อกลับมาอยู่ที่นี่” อันเซียร์เข้าเรื่องทันทีที่เขาตัดสินใจเสร็จ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจขณะที่สายตามองสบกับจิงจี๋ “ข้ากลับมาเพราะมีเรื่องที่ต้องจัดการ”

     

    อันเซียร์รู้สึกเหมือนทั้งห้าคนมองเขาเปลี่ยนไป...

     

    “มันเป็นเรื่องของข้ากับจิงจี๋”

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    ข้า...ขอถอนหมั้น

     

    “พี่... พี่เซียร์ !

     

    เด็กสาวตะโกนรั้ง หากชายหนุ่มดูไม่คล้ายจะสนใจเมื่อขายาว ๆ นั้นยังคงสาวเท้าไปไกลจากเธอ ร้อนให้เธอต้องวิ่งอ้อมมาดักด้านหน้าเขา สองแขนเล็ก ๆ นั้นยกขึ้นดันแผงอกกว้างเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวซึ่งชายหนุ่มก็ยอมแต่โดยดี

     

    “พี่คุยกับข้าก่อนสิ...” เสียงใสสั่นเครือ “มันเกิดอะไรขึ้น”

     

    คนโตกว่าค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจช้า ๆ ไม่ใช่ไม่อยากคุยด้วย แต่พอเห็นหยดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงบนแก้มใส ๆ นั่นแล้วหัวใจเจ้ากรรมก็ดันแกว่งจนสติแทบเตลิด ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจจนยากที่จะเก็บไว้เขาจึงเลือกที่จะเดินออกมา แต่ก็ไม่ทันคิดว่าจิงจี๋จะเสียใจมากกว่าเดิม

     

    “อย่าร้องไห้” เขาว่าเสียงเบา เอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้ “เจ้าไม่ควรเสียน้ำตาให้คนอย่างพี่”

     

    “จะไม่ร้องได้อย่างไร !” เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นสะอื้นแต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรเอาเสียเลย “พี่เซียร์...มันเกิดอะไรขึ้น เราหมั้นกันมาห้าปี... ห้าปีเชียวนะ พี่แค่ไม่เจอข้าเพียงสามเดือนพี่ถึงกับถอนหมั้นข้า...”

     

    จากนี้...จิงจี๋ไม่ต้องรอพี่แล้วนะ

     

    อันเซียร์นิ่งงัน เขารู้ตัวว่ากำลังใจอ่อน...

     

    “เวลาห้าปีของเรามันไม่มีความหมายเลยหรือ” จิงจี๋อยากจะร้องไห้ โวยวายมากกว่านี้ แต่เมื่อเห็นตาแดง ๆ ของชายตรงหน้าเธอก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป

     

    พี่ขอโทษ...

     

    “มันไม่ใช่อย่างนั้น” เขารู้ว่าเขากำลังแก้ตัว “แต่อย่างที่พี่บอก พี่ไม่อยากให้จิงจี๋ต้องมาเสียเวลากับพี่อีก”

     

    “ถ้าอย่างนั้น...ข้าขออะไรพี่สักอย่างได้ไหม” เสียงเธออ่อนระโหย

     

    “ได้สิ” ชายหนุ่มกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด “จิงจี๋อยากให้พี่ทำอะไร บอกมาเลย”

     

    “พี่อย่าเพิ่งถอนหมั้นข้าได้ไหม...” เธอพยายามกลั้นสะอื้น “ข้าขอเวลาพี่แค่สามวัน...แค่สามวัน”

     

    อันเซียร์อยากจะรั้งร่างแบบบางมากอดปลอบ แต่ยั้งไว้เพราะรู้ดีว่าไม่ควร

     

    “ถ้าสามวันต่อจากนี้พี่ยังยืนยันคำเดิม --- ข้าจะไม่รั้งพี่ไว้อีกเลย”

     

    “พี่...” ใจของเขาประหวัดถึงเจ้าของนัยน์ตาสีมรกต ไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายต้องอยู่คนเดียวนานนักทว่าเมื่อหันกลับมาสบดวงตาคลอน้ำของอดีตคู่หมั้นแล้วชายหนุ่มก็เอ่ยปฏิเสธไม่ลง

     

    “ได้โปรด...”

     

    “เอาสิ” เขาตอบรับทันทีที่เธออ้อนวอน เพราะน้ำเสียงเธอมันเศร้าจนเขารู้สึกผิด “สามวัน”

     

    จิงจี๋ยิ้มให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่อันเซียร์คิดว่ามันเศร้าเหลือเกิน

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    เช้าวันต่อมา จิงจี๋มาชวนอันเซียร์ไปเดินตลาดด้วยกันแต่เช้า เธอบอกว่าประการหนึ่งเพื่อแนะนำว่าตัวเขานั้นกลับมาแล้ว และอีกประการหนึ่งเธออยากทำเหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนที่เขายังไม่ไปปราสาทหลังนั้น

     

    อันเซียร์ตกลง

     

    บรรยากาศยามเช้านั้นสดชื่น อากาศเย็น ๆ กับหมอกบาง ๆ ไม่ได้ทำให้ผู้คนนั้นขวักไขว่น้อยลงเลย เสียงเอะอะโวยวายมีเป็นระยะ ๆ ข้าวของส่วนใหญ่ยามเช้าที่ขายจะเป็นของสดเสียส่วนใหญ่ จิงจี๋ซื้อของสดหลายอย่าง บอกว่าจะกลับไปทำอาหารเลี้ยงต้อนรับการกลับมา ชายหนุ่มได้แต่บอกปฏิเสธแต่เหมือนสาวเจ้าจะไม่ยอม

     

    อันเซียร์รู้สึกว่าเขาอาจจะคิดไปเอง... แต่ผู้คนในตลาดดูมองเขาแปลกไป

     

    เขาหมายถึง --- การปฏิบัติตัวต่อเขาก็เปลี่ยนไป

     

    จากที่ปกติหากเจอหน้าก็มักจะทักทายกัน ส่งยิ้มให้กัน แม้ครั้งนี้ทุกอย่างจะดูเหมือนเดิมแต่อันเซียร์รู้สึกว่ามันเหมือนมีเส้นบาง ๆ ขวางอยู่ เหมือนทุกคนไม่อยากพูดคุยกับเขาเสียเท่าไหร่

     

    พรานหนุ่มได้แต่ปลอบใจว่าเขาคิดไปเอง...

     

    ย่างเข้าวันที่สามที่อันเซียร์กลับมาอยู่ที่บ้านของเขาอีกครั้ง แต่บ้านที่ไม่มีพี่ชายนั้นช่างน่าเบื่อ งานลับมีดตีดาบหรืออะไรก็ตามก็ไม่มีเข้ามา ชายหนุ่มคิดว่าเพราะเขาจากที่นี้ไปเกือบสามเดือนทำให้ลูกค้าเก่า ๆ หายไป

     

    พอมานึก ๆ ดูแล้ว ตลอดเวลาที่อยู่ในปราสาทอันเซียร์เองก็ไม่ได้มีเรื่องให้ทำมากนัก แม้ว่ายามกลางคืนจะได้ใช้เวลาร่วมกับเจ้าของปราสาทจนกระทั่งหลับไปพร้อม ๆ กันแต่ในยามกลางวันชายหนุ่มแทบไม่ได้ทำอะไร เนื่องจากปราสาทถูกเขาสำรวจหมดไปตั้งแต่ไม่จบสัปดาห์ที่สอง มีบ้างที่บางครั้งเขาออกไปฝึกดาบคนเดียวในสวนโล่ง ๆ แต่ส่วนใหญ่ก็ขลุกอยู่ในห้องสมุดมากกว่า

     

    แต่การใช้ชีวิตที่นั่นไม่ได้น่าเบื่อ...เหมือนตอนนี้

     

    ชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เขารู้สึกเหมือนบ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของเขาอีกต่อไป

     

    ในเย็นของวันที่สามนั่นเอง จิงจี๋ชวนเขาออกไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เธอบอกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านได้จัดงานต้อนรับการกลับมาของเขา

     

    ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ อันเซียร์จำใจตามเด็กสาวไปแม้โดยส่วนตัวเขาจะไม่ใช่คนที่ชอบเรื่องงานเลี้ยงเลยก็ตาม แต่ด้วยไม่อยากให้เสียน้ำใจ ที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านอุดมไปด้วยผู้คนมากมายชุมนุมอยู่เต็มไปหมด ส่วนใหญ่เป็นชายวัยฉกรรจ์ มีสตรีและเด็กบ้างประปราย เสียงหัวเราะพูดคุยสนุกสนานดังไปทั่ว

     

    จนกระทั่งอันเซียร์มาถึง

     

    เสียงหัวเราะเฮฮาเมื่อสักครู่ดูจะเงียบลงไปมาก ชาวบ้านต่างกันมาจับจ้องที่ชายหนุ่มเป็นตาเดียว อันเซียร์สอดสายตาหาหัวหน้าหมู่บ้านหวังจะกล่าวขอบคุณสำหรับงานเลี้ยงที่เขาคิดว่ามันไม่จำเป็นนี่

     

    โดยไม่ทันระวัง ไม้ท่อนหนาหนักฟาดเข้าที่ท้ายทอยอันเซียร์เต็มแรง

     

    พร้อมสติของเขาที่ดับวูบลงไป

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    Talk

    เดี๋ยวหลังจากนี้จะหายตัวไปประมาณสิบกว่าวันค่า

    พอดีมีค่ายอาสา อิอิ กลับมาอีกทีปีใหม่เลย

    อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้ว ฮัดช่า !

     

    ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านนะคะ

    หวังว่าจะมีความสุขในการอ่านค่า #ม๊วฟ

    CR.SHL

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×