ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic No Hero] Gentleman and The Beautiful Beast [อันเซียร์ x โจชัว]

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 5 :: ความเปลี่ยนแปลงที่สั่นไหว

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 58



    Chapter 5

     


    เจ้าทอดทิ้งข้า ! ทั้งที่ปากของเจ้าบอกว่ารักข้า ! ทำไม !’

     

    เสียงหวานกังวานตวาดลั่นในความเงียบงัน ท้ายประโยคคล้ายจะแหบลงด้วยก้อนสะอื้นที่อยู่ในลำคอ เจ้าของเสียงนั้นคือหญิงสาวรูปร่างแบบบาง --- เอลวิเซร่า นางดูสง่างามด้วยเกียรติของท่านหญิงแม้ว่าดวงตาของนางจะแดงก่ำราวกับจะร้องไห้

     

    เจ้ามันเหมือนพ่อของเจ้าไม่มีผิด ! พ่อของเจ้าก็บอกว่ารักข้า ! แต่ก็ทอดทิ้งข้า !’

     

    มือบางกวาดข้าวของทุกอย่างที่เคยมีบนโต๊ะลงเพื่อระบายอารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ภายใน กรอบรูปที่บรรจุรูปของชายหญิงคู่หนึ่งและเด็กชายวัยกำลังซนถูกเขวี้ยงลงพื้นเต็มแรง เศษกระจกที่แตกบาดขาของนางจนเลือดหลั่งแต่นางไม่สนใจ ทำได้เพียงทรุดลงนั่งร้องไห้

     

    ใบหน้างามนั้นบิดเบี้ยวยามที่มองรูปภาพนั้น

     

    โจชัว เอนด์เลส...แล้วเจ้าจะเสียใจที่ทำเช่นนี้กับข้า !’

     

     

     

    คืนแล้วคืนเล่าเวียนผ่านไป...

     

    ปุยหิมะสีขาวที่ทาทับผืนดินดูจะหนาขึ้นทุกที สายลมหวีวหวิวที่ได้ยินทุกคืนดูเหมือนจะหนักข้อขึ้น อากาศที่ปกติก็หนาวจนจับหัวใจก็ดูเหมือนจะยังลดต่ำลงไปเรื่อย ๆ

     

    อันเซียร์อดรู้สึกดีไม่ได้ยามที่มองร่างเพรียวที่นั่งอยู่เคียงข้าง --- ใต้ผ้านวมผืนเดียวกัน รอยยิ้มบาง ๆ ที่วาดบนริมฝีปากพอมองใกล้ ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม แม้ผิวกายจะเย็นเยียบไม่ต่างจากน้ำแข็งแต่อันเซียร์กลับรู้สึกอุ่นโดยเฉพาะบริเวณอกข้างซ้าย

     

    บางครั้งเขาพูดคุย...

    แต่บางครั้งเขาปล่อยให้ความเงียบรอบกายเป็นฝ่ายสื่อสาร

     

    “ง่วงแล้วหรือ ?” เสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นดึงสติที่กำลังจะหลุดของเขาให้กลับมา

     

    “ข้า...ไม่อยากนอน” พรานหนุ่มว่า แขนกระชับผ้าห่มผืนหนาให้แน่นขึ้น

     

    “เพราะความฝันนั่นหรือ ?” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นัยน์ตาคู่สวยนั้นหลุบลงต่ำ อันเซียร์สัมผัสได้ถึงแรงถอดถอนใจจากร่างข้างกาย “ขอโทษนะ”

     

    ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ

     

    “เปล่า” เขาปฏิเสธ “ที่ไม่อยากนอน... เพราะเจ้าต่างหาก”

     

    อันเซียร์ยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำตอบคือตาสวย ๆ ที่ค้อนขวับเสียวงโต อันเซียร์รู้ --- รู้ว่าอีกฝ่ายรู้และกังวลมาสักพักแล้วว่าเขานอนไม่ค่อยหลับ จะเรียกว่าฝันร้ายก็คงได้ แม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ต้องฝันถึงเรื่องราวพวกนั้นซ้ำไปซ้ำมา ความฝันนั้นบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าของปราสาทคนงาม

     

    ที่มักจบลงด้วยใบหน้าอันแสนทรมานของร่างข้างกาย

     

    ถ้าการนอนทำให้เขาต้องฝันถึงพวกนั้นทุกครั้ง ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่นอนเสียดีกว่า

     

    แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...

     

    มันก็มีบางคำถามที่เขาไม่กล้าเอ่ยออกไปด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะความกลัวลึก ๆ ในใจของเขาเองอย่างเช่น

     

    เจ้าไปทำอะไรให้นาง...นางถึงโกรธแค้นเจ้ามากมายเพียงนั้น

     

    อันที่จริง เขาคิดว่าตัวเองรู้จากเรื่องราวความฝันในทุก ๆ คืนที่เอามาปะติดปะต่อรวมกันเพียงแต่เขาไม่มั่นใจ

     

    อันเซียร์คิดว่าหากวันหนึ่งที่เขาพร้อม --- เขาจะถามอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวอะไรเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาเลยได้แต่หวัง... หวังว่าเวลานั้นคงจะไม่ได้มาถึงช้านัก

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    “การมีชีวิตชั่วนิรันดร์นี่รู้สึกจะอย่างไรนะ”

     

    คืนหนึ่งท่ามกลางแสงหริหรี่ของดวงดาวบนท้องฟ้า อันเซียร์เปรยขึ้นมาเรียกความสนใจจากร่างข้างกายได้อย่างดี โจชัวขยับยิ้มบาง ๆ ขณะที่นึกหาคำพูดไปด้วย

     

    “ไม่ดีหรอก” อสูรกล่าวในที่สุด “มันเหมือนเจ้าหยุดอยู่ที่ช่วงเวลาหนึ่งไปตลอดกาลทั้งที่คนรอบข้างของเจ้าค่อย ๆ ผันเปลี่ยนไปตามกระแสของเวลา”

     

    นัยน์ตาสีสวยที่อันเซียร์นึกชมนักหนาหม่นแสงลง

     

    “ถึงจะแข็งแรง เปี่ยมไปด้วยพละกำลังแต่แรงของเจ้าก็ไม่มีมากพอที่จะหยุดเวลาได้ สุดท้ายเจ้าทำได้แค่มองคนรอบตัวที่เจ้ารักค่อย ๆ ตายจากไป” รอยยิ้มยังคงอยู่ที่ริมฝีปากแต่อันเซียร์รู้สึกว่ามันดูฝืดเฝือนสิ้นดี “บางครั้งเจ้าอาจจะถามตัวเองว่าเจ้ามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร สุดท้ายเมื่อเจ้าหาคำตอบไม่ได้เจ้าก็ทำได้แค่อยู่ต่อไปเหมือนซากศพ... นานเข้าเจ้าก็ไม่อาจรับใครเข้ามาในหัวใจเจ้าได้ เพราะเจ้าไม่อยากเสียใจในวันที่พวกเขาต้องจากเจ้าไปอีก”

     

    ความเงียบงันโรยตัวระหว่างพวกเขาอีกครั้ง

     

    “แล้วเจ้าล่ะ” ชายหนุ่มถาม “เจ้ามีเหตุผลไหม”

     

    “ข้าเลิกคิดเรื่องพวกนั้นตั้งแต่หนึ่งร้อยปีแรกผ่านไป” อีกฝ่ายว่าพลางกลั้วหัวเราะ

     

    “แต่ข้าว่าตอนนี้เจ้ามีเหตุผลแล้วนะ” อันเซียร์แย้ง โจชัวเลิกคิ้ว หันมองใบหน้าอมยิ้มของอีกคนอย่างไม่เข้าใจ “อยู่เพื่อข้า”

     

    โจชัวรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาเต้นขึ้นมาหนึ่งจังหวะ ทั้งที่มันไม่จริง

     

    “เวลาของเจ้ากับข้าไม่เท่ากัน” เขาว่าเสียงแผ่ว แต่พอเห็นสายตาคมกล้าคู่นั้นแล้วก็ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อเรียกกำลังใจที่จะพูดต่อ “ช่วงชีวิตของเจ้าเมื่อเทียบกันแล้วมันแสนสั้น ผิดกับข้าที่ช่างยืนยาว...และไม่มีวันสิ้นสุด”

     

    “โจชัว เอนด์เลส” ชายหนุ่มเรียกเสียงนุ่ม นิ้วเรียวยาวเกี่ยวกลุ่มผมนุ่มดังแพรไหมเล่นด้วยความเคยชิน “ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้อย่างหนึ่ง”

     

    “อะไร ?”

     

    นัยน์ตาสีเดียวกับผืนฟ้ายามรัตติกาลนั่นมองนิ่ง ให้ความรู้สึกทั้งมั่นคง หนักแน่น ขณะที่ริมฝีปากขยับเอื้อนเอ่ยมาช้า ๆ แต่สั่นสะเทือนใจของคนฟังได้ไม่น้อย

     

    “ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า --- ต่อให้กายข้าไม่อยู่กับเจ้า แต่ใจของข้าอยู่กับเจ้าเสมอ”

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    อันที่จริงข้าไม่ได้อยากทำแบบนี้กับเจ้านักหรอกนะ โจชัวนางเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงัน

     

    โจชัวละดวงตาจากใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวในอ้อมแขนขึ้นสบใบหน้าเปื้อนยิ้มของสตรีผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น มารดาขณะที่ริมฝีปากเหยียดยิ้มหยัน ข้าไม่เชื่อ

     

    เจ้าหล่อนเลิกคิ้ว มันมีหนทางแก้คำสาปอยู่

     

    อะไร

     

    เหมือนปลางับเหยื่อ เอลวิเซร่าหัวเราะด้วยความพึงพอใจ

     

    เมื่อไรก็ตามที่ความรักครอบคลุมจิตใจโดยที่ไม่สนอะไรแม้ว่าจะต้องเจ็บปวดเจียนตายถูกแสดงออกมา หนทางแห่งความเป็นนิรันดร์จะสิ้นสุดลง

     

    โจชัวไม่เข้าใจ --- เอลวิเซร่ารู้ดี

     

    บางทีการทนอยู่กับคำสาปอาจจะง่ายกว่า จริงไหมเจ้าหล่อนถามก่อนที่จะกลืนหายไปกับความมืด

     

    ในตอนแรก... โจชัวเฝ้ารออย่างมีความหวัง หวังว่าหนทางแห่งการแก้คำสาปอาจจะไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น แม้ผู้คนจะหวาดกลัวและขับไล่เขา เขาก็ยังเฝ้าทน

     

    แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปกว่าหนึ่งร้อยปีโจชัวก็เลิกรอ...

     

     

    ท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ ร่างหนึ่งยืนนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน

     

    “อะไรกัน...”

     

    ดอกกุหลาบดอกงามสีแดงสดถูกบรรจงรวบไว้เป็นช่อประคองไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจไม่ใช่ช่อกุหลาบนั้นหากคือเลือดสีแดงหยดหนึ่งที่กลิ้งลงกระทบพื้นหิมะ

     

    มันมาจากปลายนิ้วของเขาเอง...

     

    คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโจชัวสัมผัสได้ว่าร่างกายเขาไม่มีเลือดมาหล่อเลี้ยง ไม่ต่างจากซากศพที่มีชีวิต และโดยปกติแล้วบาดแผลที่ไม่ได้เกิดจากเงินมักจะสมานตัวอย่างง่ายดายโดยใช้ระยะเวลาไม่นาน แต่ครั้งนี้ผิดออกไป

     

    นอกจากหยดเลือดที่กำลังหลั่งแล้วบาดแผลกลับไม่ยอมสมานตัวแต่โดยดี

     

    โจชัวรู้สึกเหมือนหัวตื้อไม่หมด คิดอะไรไม่ออกแม้แต่น้อย สุดท้ายเขาก็ทำเพียงคัดเลือดออกจากปลายนิ้วแล้วหาผ้าเล็ก ๆ มาพันห้ามเลือดไว้

     

    เมื่อกลับเข้ามาในปราสาท ผ้าที่พันนิ้วไว้ก็ถูกเนรเทศออกไปและถูกแทนที่ด้วยถุงมือที่เขาเก็บไว้เมื่อนานมาแล้วแทน

     

    และก็เป็นไปอย่างที่เขาคิด...

     

    “วันนี้เจ้าใส่ถุงมือหรือ ?” อันเซียร์ทักทันทีที่พบ

     

    อสูรหนุ่มรับคำในลำคอขณะที่เดินไปเปลี่ยนช่อดอกกุหลาบในแจกันอย่างเคย เขาเปลี่ยนมาใช้ดอกกุหลาบใส่ในแจกันตั้งแต่ครั้งที่ชายหนุ่มผู้ที่เขายกให้เป็นเจ้าของห้องบาดเจ็บจากคมเขี้ยวสุนัขป่า ในตอนนั้นเขาจำได้ว่าเกิดอารมณ์กรุ่นในอกจนเหมือนจะระเบิดออกมาทั้งที่ไม่เคยเป็น

     

    แต่ทุกอย่างก็หายไปทันทีที่อีกฝ่ายยื่นดอกไม้เล็ก ๆ ดอกหนึ่งให้เขา

     

    ข้าไม่รู้ว่าเจ้าโกรธอะไร แต่กลับมาเถอะนะ

     

    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา --- โจชัวรู้สึกเหมือนเขากำลังปล่อยมือจากต้นกุหลาบต้นนั้นทีละน้อย ปล่อยมือจากเธอ... เขายังดูแลเหมือนเดิม ยังรักษาต้นกุหลาบนั้นไว้เหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเขาตัดสินใจมอบให้ใครบางคน

     

    โจชัวไม่รู้ว่ามันถูกหรือเปล่า แต่เขาคิดว่าเขาทำดีแล้ว

     

    “ทำไมถึงใส่ถุงมือล่ะ” อันเซียร์เดินเข้ามาใกล้ พินิจมองมือเรียวขาวที่ถูกบดบังโดยผืนผ้าอย่างแปลกตา

     

    อสูรหนุ่มนิ่งไปนิดก่อนจะตอบ

     

    “เวลาที่เจ้าจับมือข้า เจ้าจะได้ไม่หนาวมาก” เขาเอ่ยไปถึงเรื่องปกติที่อีกฝ่ายชอบทำอยู่เป็นประจำ “อากาศปกติก็เย็นอยู่แล้วยิ่งมาจับมือเย็น ๆ ของข้าคงไม่รู้สึกดีนัก”

     

    เท่านั้นล่ะ...โจชัวก็ได้รับรอยยิ้มเจิดจ้าเป็นคำตอบ

     

    ในคืนนั้น ร่างสองร่างแนบชิดภายใต้ผ้าห่มผืนเดียว มือของทั้งคู่นั้นกุมประสานไว้จนถึงเช้า

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    อากาศเหมือนจะอุ่นขึ้นเล็กน้อย...

     

    พายุที่เคยพัดลมหนาวจับใจก็ดูเหมือนจะลดลงไปด้วย เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอีกไม่นานฤดูหนาวก็จะผ่านพ้นไป ความแห้งแล้งต่าง ๆ ก็กำลังจะถูกปกคลุมด้วยความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

     

    “ข้าคิดมาสักพักแล้ว” อันเซียร์เปรยขึ้นทั้งที่ยังคงมองดวงดาวที่พราวระยับราวกับมีคนนำกากเพชรมาโรยไว้อยู่เต็มท้องฟ้า วันนี้ฟ้าใสกว่าทุกวัน “ข้าอยากกลับบ้าน”

     

    อันเซียร์รู้สึกเหมือนลมหายใจของเขาติดขัดยามสบตากับร่างข้างกาย

     

    “ข้าเข้าใจ” อสูรแสนงามเอ่ยเสียงแผ่ว นัยน์ตาคู่สวยหลุบลงต่ำ

     

    “ฟังข้าก่อนสิ...” พรานหนุ่มละล่ำละลักอธิบาย “ที่ข้าอยากกลับบ้านเพราะข้าอยากไปจัดการเรื่องที่มันค้างคาทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อ...”

     

    อันเซียร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเก้อกระดาก เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจ

     

    “เพื่อมาอยู่กับเจ้า”

     

    ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนแก้มทั้งสองข้างเห่อร้อนขึ้นกะทันหัน ยิ่งยามที่มรกตคู่งามนั้นเหลือบขึ้นมาสบยิ่งรู้สึกมือไม้เกะกะไปทุกที เหมือนมีผีเสื้อพยศอยู่เป็นร้อยภายในท้อง ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามทำให้ทุกอย่างเหมือนปกติที่สุด

     

    “ข้าขอเวลาหนึ่งสัปดาห์ในการจัดการเรื่องทั้งหมดที่นั่น” เสียงทุ้มแฝงแววเว้าวอน “เจ้าเชื่อข้าไหม”

     

    “มากกว่านั้น...ข้าก็ให้ได้” ถึงปากจะพูดเช่นนั้นแต่ดวงตากลับไหววูบอย่างที่ไม่มั่นใจเอาเสียเลย

     

    อันเซียร์รู้สึกเหมือนอยากกัดลิ้นตัวเองทิ้งนักยามที่เห็นกระแสไหววูบของดวงตาคู่นั้น เขาสาบานกับตนเองในใจว่าเขาไม่มีทางรอคอยให้เวลาผ่านไปถึงหนึ่งสัปดาห์แน่นอน

     

    นิ่งอยู่นานกว่าที่โจชัวจะค่อยคลี่ยิ้มอ่อนโยน “ข้าเชื่อใจเจ้า อันเซียร์”

     

    ชายหนุ่มยิ้ม เสียงนุ่ม ๆ ที่เรียกชื่อเขานั้นชวนให้หัวใจอุ่นขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

     

    “ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะผิดสัญญาหรอก โจชัว”

     

    เขากระซิบยามที่แนบริมฝีปากอุ่นร้อนลงบนหน้าผากเย็นเยียบ เรียกความสั่นไหวในอกทั้งของตัวเขาเองและของเจ้าของมรกตคู่งามนั้นจนได้ ชายหนุ่มเอ่ยย้ำทันทีที่ผละจาก

     

    “ข้าไม่มีวันผิดสัญญา เพราะข้าไม่อยากให้เจ้าไม่ชอบข้า”

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    Talk

    แฮ่ เดี๋ยวอีกไม่นานก็จะเปิดเทอมอีกแล้วค่ะ

    แล้วเดี๋ยวก็จะหายตัวอีกแล้วค่ะ #ร้องไห้

    แต่ถึงอย่างนั้นเราอยากบอกว่าเราไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่ ๆ

    และที่แน่ ๆ คืออีกไม่นานเดี๋ยวก็จะจบแล้วค่ะ

     

    ขอบคุณทุกคนที่อ่าน

    ขอให้มีความสุขในการอ่านนะคะ ;]]


    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×