คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3 :: การเฝ้ารอที่มีวันสิ้นสุด
Chapter 3
เข็มนาฬิกากำลังเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้า...
ดวงจันทร์สีเงินยวงลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า
ส่องแสงสว่างอย่างโดดเดี่ยวบนผืนฟ้าสีดำสนิท
ส่องสว่างเสียจนกลบรัศมีดาวบนท้องฟ้าไปเสียหมดสิ้น
มีเพียงเงาสะท้อนบนพื้นน้ำเท่านั้นที่ยังคงอยู่เป็นเพื่อน
โจชัว เอนด์เลส ระบายลมหายใจหนักหน่วงในอก
ทั้งที่ก้อนเนื้อในอกไม่เต้นมานานนับร้อยปีแต่ความรู้สึกหน่วงยังคงถ่วงอยู่ไม่เคยหายจนน่าประหลาดใจ
ปลายนิ้วเรียวยาวดุจลำเทียนค่อย ๆ ลูบผิวกายเย็นเฉียบของตัวเองอย่างเหม่อลอย
อากาศรอบกายกำลังเย็นขึ้นทุกทีแต่เขากลับไร้ความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น
เพราะสิ่งที่เดียวที่ทำให้เขารู้สึกได้คงเป็นความแสบร้อนจากแสงตะวัน
หลายวันแล้ว ---
ที่โจชัวตัดสินใจไม่ไปพบหน้าชายหนุ่มผู้มาเยือนพร้อมปณิธานอันแน่วแน่ว่าจะฆ่าเขา ในตอนแรกเขาเองไม่ได้รับรู้ถึงความตั้งใจนี้จนกระทั่งวันก่อนที่เขาตัดสินใจหยั่งเชิง...
และจากปฏิกิริยาที่ตอบกลับมามันคงเป็นความจริง
โจชัวไม่แปลกใจ
การที่ต้องเดินทางมาพบกับอสูรร้ายอย่างเขามีใครบ้างที่ไม่เตรียมอาวุธมาเพื่อจัดการเขา
ครั้งแรกที่พบหน้ากัน...สัญชาตญาณภายในตัวเขากรีดร้อง
กรีดร้องว่าผู้ชายตรงหน้าเขาอันตรายจนไม่สามารถปล่อยให้รอดชีวิตไปได้จนกระทั่งเขาสบนัยน์ตาคู่นั้น
นัยน์ตาสีรัตติกาลที่ทอประกายแน่วแน่...เหมือนกันกับเธอ
เธอ ---
ที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็น
ในวินาทีนั้นโจชัวรับรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่มีวันฆ่าชายหนุ่มเบื้องหน้าเขาได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
และก็เป็นวินาทีนั้นเช่นกันที่ใจของเขามีความหวังเล็ก ๆ ถูกจุดขึ้นมา
บางที...
หนทางของคำสาปร้ายอาจจะกำลังสิ้นสุดลง
“...โจชัว”
นี่ก็เหมือนกัน...
ดวงตาสีมรกตเบนกลับมามองร่างสูงสะโอดสะองภายใต้ผ้านวมผืนหนา
แสงจันทร์นวลที่สาดส่องเข้ามาเผยใบหน้าที่งดงามราวเทพบุตร หยอกล้อกับกลุ่มผมสีเงินยวงจนทอประกายราวกับไหมชั้นดี
ดวงตาคู่สวยนั้นหลับพริ้มเพราะกำลังตกอยู่ในห้วงนิทราอันแสนสุข
โจชัวไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ชื่อของเขาได้ด้วยวิธีใด
และไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นอะไรแต่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มละมุนนั้นเอ่ยเรียกชื่อเขา
ความรู้สึกสั่นไหวในอกที่เกิดขึ้นนั้นก็ยากที่จะรับมือ
“เจ้าหายไปไหน...”
โจชัวขยับเข้าไปทรุดนั่งลงข้างเตียง
เฝ้ามองดวงหน้าของคนที่ยังอยู่ในความฝันในขณะที่เอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ตกมาปรกหน้าอีกฝ่ายออกอย่างระมัดระวัง
ก่อนจะขยับผ้านวมผืนหนาให้ขยับขึ้นมาคลุมบนอกกว้าง
“กลับมาเถอะ...”
คำรำพันนั้นทำให้อสูรหนุ่มอดไม่ได้ที่จะระบายยิ้มเจือจางบนริมฝีปาก
มรกตคู่งามอ่อนแสงลง
“ราตรีสวัสดิ์”
เสียงนุ่มเอ่ยแผ่วไม่ต่างจากคำกระซิบ “...อันเซียร์ อัน”
เขาไปแล้ว...
อันเซียร์สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าข้างกาย
เปลือกตาที่เคยปิดสนิทถึงค่อย ๆ กระพริบเปิดอย่างแช่มช้าพร้อมกับลมหายใจหนักหน่วงในอกที่ถูกถอดถอน
รอยยิ้มบางเบาถูกจุดประกายขึ้นภายใต้ความมืดที่โรยตัวอยู่เคียงข้าง
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเหตุผลอะไรถึงต้องหลบหน้าหลบตาไปหลายวัน
บางวันชายหนุ่มนั่งรออยู่ภายในห้องอาหารมืด ๆ จนเผลอหลับไปก็มี แต่ในยามเช้าเขามักพบ
‘ร่องรอย’ การดูแลอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหอมกรุ่น เสื้อผ้า
หรือแม้กระทั่งฟืนในเตาผิงเก่า ๆ
และนั่นทำให้ใจของชายหนุ่มอุ่นซ่านขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึง
ไม่ใช่ไม่เคยได้รับการเอาใจใส่
อันเซียร์ได้รับการเอาใจใส่บ่อยครั้งไปทั้งจากเพื่อนบ้านและจิงจี๋ แต่ไม่มีครั้งไหนที่ชวนให้รู้สึกดีเท่าครั้งนี้
เปลือกตาทิ้งตัวลง...
ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้เขาคงได้เจอหน้ากัน
จริง ๆ เสียที
xxxxxxxxxxxxxxx
อันเซียร์รู้สึกได้ว่าเขามองนาฬิกาบ่อยเกินไป...
อันเซียร์รู้ตัวและพยายามหลายครั้งที่จะให้ความสนใจกับอย่างอื่นมากกว่านาฬิกา
แต่เวลาที่เขารู้สึกตัวทีไรกลับกลายเป็นเขาต้องจ้องมองมันอยู่ทุกครั้งไป
และยิ่งใกล้เวลานัดมากขึ้นเท่าไหร่อันเซียร์ยิ่งรู้สึกประหม่าขึ้นทุกที
สาบานได้ว่า ---
ตลอดเวลาสองสัปดาห์ที่เขาอยู่ที่นี่ไม่มีวันไหนที่เขาจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยเวลาหนึ่งทุ่มตรงได้มากเท่าวันนี้มาก่อน
และไม่มีวันไหนที่เขารู้สึกว่าทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมได้เท่าวันนี้ด้วย
ชายหนุ่มนั่งกระสับกระส่ายยิ่งเวลานาฬิกาลูกตุ้มเรือนใหญ่ตีบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรงเขายิ่งร้อนรน
ทุกอย่างเงียบสงบ ---
มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่ยังทำหน้าที่ของมันอย่างต่อเนื่อง
ผิดกับก้อนเนื้อในอกของเขาที่เต้นช้าลงจนเขายังใจหาย
ในอกรู้สึกวูบโหวงอย่างน่าประหลาด ทำได้เพียงจ้องมองประตูบานใหญ่ยังคงปิดสนิทและไร้การปรากฏตัวของเจ้าของปราสาทอย่างที่เฝ้ารอคอย
อันเซียร์ยังคงนั่งอยู่ใต้ความเงียบงัน
ส่วนลึกในใจกรีดร้องว่า ผิดหวัง
ทำไมถึงไม่มา...
ทำไมต้องหนีหน้า...
ทำไมถึง...
ชายหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับเตียงนุ่ม
ในหัวมีแต่คำถามที่ต้องการคำตอบมากมายจนนับไม่ไหว
กระทั่งเขากลับมาถึงห้องนี้ได้อย่างไรและตอนไหนเขายังไม่แน่ใจ
ชั่วขณะนั้น --- กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารลอยมาแตะจมูก
อันเซียร์ผุดลุกขึ้นนั่งก่อนจะพบกับโต๊ะยาวที่ไม่เคยมีในห้องถูกตั้งไว้ที่ปลายเตียง
บนโต๊ะนั้นประดับด้วยดอกไม้ในแจกันใบงามหนึ่งช่อกับอาหารจำนวนหนึ่ง
และตอนนั้นที่พยาธิในร่างกายเขาประท้วงขึ้นมา ทันทีที่อาหารคำแรกเข้าปาก
เขาพบว่ามันยังคงความอุ่นไว้บ่งบอกได้ว่าคนที่นำมาวางไว้เพิ่งจากไปได้ไม่นานนัก
“ใจร้ายจริงนะเจ้า...”
ชายหนุ่มพึมพำ
ถึงอย่างนั้นบนใบหน้ากลับประดับด้วยรอยยิ้มบาง
ๆ อย่างอ่อนอกอ่อนใจ
พรานหนุ่มใช้เวลาไม่มากในการจัดการอาหารทั้งหมด
เมื่อดูสิ่งที่หลงเหลืออยู่โดยรวมแล้วอันเซียร์ถึงรู้ว่าเขาหิวมากกว่าที่ตัวเองคิด
เขาทิ้งตัวนอนขณะที่ในใจนึกถึงแผนการบางอย่าง
xxxxxxxxxxxxxxx
หิมะตก...
อันเซียร์สัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบที่ปะทะผิวแก้มในยามที่เขาเหม่อมองแสงสีส้มแดงค่อย
ๆ ถูกกลืนกินด้วยความมืด
อากาศเย็นลงอย่างเห็นได้ชัดจนต้องกระชับเสื้อคลุมตัวหนาเข้าหากัน
หูแว่วได้ยินเสียงสุนัขป่าเห่าหอนอยู่ไม่ไกลนัก
ทันทีที่รอบกายถูกปกคลุมด้วยความมืดสนิท
ชายหนุ่มก็เริ่มออกเดิน
นอกจากกองหิมะขาวโพลน ผืนน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งและดอกไม้ยามฤดูหนาวแล้วอันเซียร์ไม่เห็นสิ่งใดอยู่รอบกายอีกเลยนอกจากเสียงเห่าหอนที่ดูเหมือนจะขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที
คำสั่งห้ามออกไปไหนมาไหนตอนกลางคืนไม่มีอยู่ในความคิดแม้แต่น้อย
อันเซียร์ยืนมองดอกไม้ในมือนานนับนาที
เขาไม่เคยเห็นดอกไม้ชนิดนี้มาก่อน
กลีบของมันสวยและบอบบางทั้งยังเรียงซ้อนกันเป็นระเบียบ
สีนวลตาชวนให้รู้สึกสบายใจเวลาที่มอง น่ากลัวว่าหากเขาใช้แรงแตะแล้วมันอาจจะเฉาตาย
ชายหนุ่มบรรจงเก็บมันลงในกระเป๋าเสื้อคลุมตัวหนาอย่างเบามือที่สุด
หวังเพียงว่ามันจะอยู่ดีจนกว่าจะถึงมือเจ้าของตัวจริง
ฝีเท้าที่ก้าวสม่ำเสมอชะงักลง...
เบื้องหน้าของเขาคือสัตว์สี่เท้าหน้าขนที่ปกติมีนิสัยน่ารักเป็นพัก
ๆ แต่ดูท่าฝูงที่ยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้าเขาคงจะไม่ค่อยน่ารักเสียเท่าไหร่
ด้วยขนาดตัวพอ ๆ กับลูกม้าขนาดย่อม ๆ ที่ใหญ่กว่าหมาป่าปกติไปไกลโข
ดวงตาของพวกมันแดงก่ำราวกับเลือด จ้องมองมาที่เขาราวกับเป็นอาหารอันโอชะ
พวกมันไม่ขู่... ไม่ส่งเสียง...
เพียงแค่จ้องมองทุกความเคลื่อนไหว
ก่อนที่มันจะกระโจนเข้ามาหมายจะขย้ำให้ตาย
!
ดาบสั้นที่พกติดตัวอยู่เสมอถูกนำขึ้นมากันคมเขี้ยวที่กะฝังให้จมบนร่างได้อย่างฉิวเฉียด
พรานหนุ่มยกขาซัดเข้าที่กลางตัวจนมันร้องเอ๋ง
กระโดดล่าถอยไปเพียงสองสามก้าวท่ามกลางความตกใจ ดูท่างานนี้จะหนักกว่าที่เขาคำนวณไว้เสียแล้ว
ถึงอย่างนั้นอันเซียร์ยังคงใจเย็นค่อย
ๆ ประเมินหาทางหนีทีไล่ เขาไม่เคยล่าหมาป่าที่ใหญ่และดุร้ายขนาดนี้มาก่อน
และตอนนี้เขาก็ไม่คิด ‘ล่า’ คิดเพียงแค่ขอให้ ‘รอด’
‘เวลากลางคืนไม่ใช่เวลาที่ดีนักสำหรับการออกข้างนอก’
ประโยคคุ้นหูแล่นเข้ามาในความคิด
จังหวะเดียวกับที่เขาถูกเจ้าสัตว์หน้าขนกระโจนทุ่มเข้าใส่จนเสียหลักล้มลง
ดาบสั้นในมือยังถูกกระชับแน่นแต่ชายหนุ่มไม่กล้าที่จะลงมือเนื่องจากกลัวว่ากลิ่นคาวเลือดของพวกมันจะชักพาให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมหากมีสิ่งมีชีวิตที่อันตรายกว่านี้อยู่บริเวณนี้
เสียงคำรามเหนือหัวเร่งให้สมองหมุนเร็วจี๋แต่สัญชาตญาณในกายกลับกระตุกให้มือเจ้ากรรมเงื้อขึ้นสุดแรงก่อนจะแทงลงที่หลังคอมันอย่างแรงในจังหวะที่มันก้มลงกระชากเนื้อที่หัวไหล่เขา
มันล้มลง ชายหนุ่มถีบมันออกอย่างแรง
จัดว่าโชคดีที่มันสิ้นลมลงในดาบเดียวทำให้แผลที่มันกัดเข้ามายังไม่ร้ายแรงมากเท่าไหร่
หากไม่แล้วอาจจะกลายเป็นเขาที่สิ้นลมแทน
ถึงอย่างนั้นอันเซียร์ทำได้เพียงนอนนิ่งอยู่บนผืนน้ำแข็ง
หัวไหล่ซ้ายปวดหนักจนร้องไม่ออก ทำได้เพียงมองเจ้าสัตว์หน้าขนตัวใหญ่กระโจนเข้ามา
เปรี๊ยะ
เขาเห็นรอยร้าวบนพื้นน้ำแข็งสลับกับมันที่กระโจนเข้ามาหาหวังจะตะครุบเขาทั้งตัวก่อนที่ร่างทั้งร่างจะร่วงลงไป
ในยามที่ร่างกายถูกโอบล้อมด้วยความเย็นเฉียบจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
ในยามที่ร่างกายเจ็บปวดดังโดนเข็มนับร้อยนับพันเล่มกระหน่ำแทง
ในยามนั้นคอเสื้อถูกขยุ้ม ---
แรงมหาศาลกระชากเขาขึ้นมาจากผืนน้ำ
“อันเซียร์
!”
ลมหายใจต่อลมหายใจ
ไม่รู้ว่าเพราะเสียเลือดมากเกินไปหรือเปล่าแต่ภาพเบื้องหน้าของเขามืดสนิท
มีเพียงเสียงที่เขาคิดถึงกับสัมผัสเย็นเฉียบบนร่างกาย
แล้วสติทั้งหมดก็หายไป...
xxxxxxxxxxxxxxx
‘รักมันมากนักหรือ’
หญิงสาวนั่งทรุดอยู่กับพื้นสะอื้นคล้ายจะขาดใจ
แขนเล็ก ๆ ชุ่มไปด้วยเลือดโอบประคองร่างหนึ่งไว้แนบอก เสียงหายใจที่เธอได้ยินนั้นแผ่วเบาจนน่าใจหาย
เธอไม่สนใจหญิงสาวสูงสง่าที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอแม้แต่น้อย
‘ไม่เอานะพี่โจชัว...พี่อย่าทำแบบนี้กับข้า’
เจ้าหล่อนกระซิบบอกคนในอ้อมแขนเสียงแหบ
โจชัว เอนด์เลส ขยับรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างที่ชอบทำอยู่เป็นประจำ
มือเรียวขาวที่แทบไร้เรี่ยวแรงยกขึ้นเช็ดหยดน้ำใสที่ปลายหางตาของหญิงสาว
‘อย่าร้องสิ’ เสียงนุ่มทอดเสียงอ่อน ‘เธอไม่เหมาะกับน้ำตาเลย...ซาดีนา’
‘อย่าร้องบ้าอะไรล่ะ’
เจ้าหล่อนโวยวาย ‘พี่เจ็บหนักขนาดนี้
จะให้ข้ายิ้มเหรอ !’
‘พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก’
ถึงอย่างนั้นลมหายใจกลับแผ่วลงจนน่าใจหาย
‘เจ้าต้องการอะไรจากพวกเรากันแน่...เอลวิเซร่า’
ซาดีนาเอ่ยถามหญิงสาวสูงศักดิ์เบื้องหน้าเสียงดังจนเกือบจะเป็นตวาด ‘อะไรที่เจ้าต้องการพวกข้าก็ให้ไปหมดแล้ว เจ้ายังจะต้องการอะไรอีก !’
‘รอยยิ้มของพวกเจ้ามันน่าหงุดหงิด’
รอยยิ้มหยันถูกจุดที่มุมปาก ‘ในขณะที่มันทำให้ข้าเจ็บเจียนตายมันกลับไปเสวยสุขอยู่กับเจ้า
ข้ากลับมาเพื่อทำให้มันรู้สึกแบบที่ข้ารู้สึก’
ซาดีนากระชับร่างในอ้อมกอดแน่นขึ้น
‘แต่เห็นแก่ที่เจ้ารักมันมาก
ข้าจะช่วยมันก็ได้’
ซาดีนาเงยหน้ามองหญิงสาวสูงศักดิ์เบื้องหน้าอย่างแทบไม่เชื่อสายตา
‘แต่มีข้อแม้...’
‘อย่าไปฟังนาง...’
เสียงนุ่มนั้นแผ่วหวิวแต่ซาดีนายังคงได้ยิน ผิดที่ว่าเธอไม่สนใจ ‘ซาดีนา...ได้โปรด’
‘ข้อแม้อะไร’
‘หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต’
เฮือก !
ความอบอุ่นที่รายล้อมเป็นสิ่งแรกที่เขาสัมผัสก่อนที่ความเจ็บหน่วง
ๆ บริเวณไหล่ซ้ายจะตามมาเป็นลำดับ
น่าแปลกที่มันไม่ได้เจ็บเหมือนดังตอนแรกที่เขาสัมผัสแล้ว เพดานห้องที่คุ้นตาตลอดสองสัปดาห์คือสิ่งแรกที่เขามองเห็น
ชายหนุ่มรวมสติอยู่สักพักก่อนที่จะรับรู้ว่าเขากลับมาอยู่ภายในปราสาทอีกครั้ง
แต่...ได้ยังไง
?
“เจ้าฟื้นแล้ว...”
เสียงนุ่มที่เขาคิดถึงดังขึ้นจากมุมห้องก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินออกมา อันเซียร์ผวาจะลุกขึ้นแต่ความเจ็บที่แล่นปราดตลอดร่างกายฉุดรั้งให้เขาต้องกลับไปนอนที่เดิม
ท่ามกลางสายตาที่ดูอ่อนลงเล็กน้อยของเจ้าของปราสาท “อย่าเพิ่งลุก”
เสียงนุ่ม ๆ
ที่ห้วนขึ้นดึงให้ชายหนุ่มปิดปากฉับ
ยิ่งเมื่อสบกับดวงเนตรคู่งามที่ทอประกายวาวโรจน์แล้วอันเซียร์ยิ่งรู้ตัว
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่ากลางคืนมันอันตราย
!”
เสียงนั้นดุขึ้นจนอันเซียร์ทำได้เพียงส่งรอยยิ้มไปขัดตาทัพ
และเหมือนจะได้ผลเมื่อเจ้าของปราสาทคนงามค่อย ๆ ลดความดุดันลง
ปากได้รูปนั้นสั่นระริกเหมือนมีเรื่องที่อยากจะพูดแต่ไม่รู้จะพูดด้วยคำใดดี
สุดท้ายทำได้เพียงสบถเสียงแผ่ว “ดื้อ !”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ขึ้น
มือข้างที่ไม่เจ็บยกขึ้นคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนเย็นเฉียบ
“ข้าดีใจนะ...ที่เจ้าเป็นห่วง”
ข้อแขนเรียวสะบัดออกพร้อมกับตาดุ ๆ
ที่ถลึงใส่อย่างเหลืออด
“นอน”
สั้น ๆ ชัด ๆ คำเดียวจบ
อันเซียร์ยอมปิดตาลงแม้ในใจจะไม่อยากเอาเสียเลย แต่ดูจากสถานการณ์แล้วหากเขายังคงนอนยิ้มอยู่อีกฝ่ายคงเข้ามาฉีกเขาซ้ำแน่
ๆ
อันเซียร์ได้แต่ระบายรอยยิ้มอยู่ในใจ
ถึงจะผิดแผนไปไม่น้อย
แต่การได้เจอกันแลกกับการเจ็บตัวนิด
ๆ หน่อย
อันเซียร์คิดว่าเขาคุ้ม...
xxxxxxxxxxxxxxx
Talk
แฮ่ หลังจากหายไปหลายเดือน
ขอโทษค้าบบ
พอดีว่ายุ่งมากจริง ๆ
ไม่มีเวลาพิมพ์เลยหายไปนาน
ช่วงนี้ปิดเทอม
แม้จะไม่กี่วันแต่จะพยายามมาอัพนะคะ ;]]
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามค่า
ความคิดเห็น