คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 :: เสียงคร่ำครวญในฝัน
Chapter 2
จากคนเป็น...เปลี่ยนเป็นคนตาย
จิตใจของมันดุร้าย...คลุ้มคลั่งราวสัตว์ป่ากระหายเลือด
อ่อนเยาว์ไม่มีวันแก่เฒ่า...เพราะมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์
แพ้พ่ายต่อแสงตะวัน...เพราะมันเป็นสัตว์กลางคืน
xxxxxxxxxxxxxxx
เทียนถูกจุดเล่มต่อเล่ม...
แสงเทียนค่อย ๆ
ขับไล่ความมืดออกไปอย่างแช่มช้าเผยห้องโถงสูงใหญ่กว่าที่เคยจินตนาการไว้
อันเซียร์กระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับระดับสายตาให้ชินกับแสงสลัว ก่อนที่สายตาจะเบนมาจับจ้องอยู่ที่เจ้าของปราสาท
แผ่นหลังตั้งตรงเป็นสง่า มือที่ถือเชิงเทียนนั้นขาวสะอาดติดที่เส้นเลือดสีน้ำเงินกระจายเป็นริ้ว
และไร้คำตอบสำหรับคำถาม...
“นั่งสิ”
สิ่งที่ตอบกลับมาคือการเชื้อเชิญเสียแทน
มีดเงินที่ถูกเขาเก็บไว้ภายใต้เสื้อคลุมดูจะเย็นเฉียบขึ้นมากะทันหัน
เบื้องหน้าของเขาคือโต๊ะไม้ขัดมันปลาบที่ละลานตาไปด้วยอาหารชั้นดีมากมาย อันเซียร์ยังคงยืนนิ่ง
ดวงตายังไม่คลายจากการจับจ้อง
“หนึ่งดอกแลกหนึ่งชีวิต ---
ไม่ใช่หรือ ?”
อันเซียร์เอ่ยถาม
หยั่งเชิงด้วยใจที่เต้นระรัว ถ้าหากอีกฝ่ายตัดสินใจฆ่าเขา
ตัวเขาเองนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายปลิดขั้วหัวใจอีกฝ่ายด้วยมีดเล่มนี้
แม้ว่าความงามเบื้องหน้าจะชวนให้ใจอ่อนยวบก็ตาม
“ไม่ใช่วันนี้” เสียงนุ่มเอื้อนเอ่ย
“อย่างน้อย...ไม่ใช่จนกว่าเจ้าจะตัดสินใจหนีออกจากที่นี่”
ชายหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อได้ฟังคำอธิบายนั้น
--- ในเมื่อมันไม่ต่างจากการจองจำเขาให้อยู่ในสถานที่แห่งนี้เลยสักนิด
เขาพยายามมองหาคำอธิบายเพิ่มเติมหากเจ้าของมรกตคู่งามกลับเฉยชา คล้ายไม่คิดใส่ใจ
จนสุดท้ายกลายเป็นอันเซียร์ที่ต้องถามเสียเอง
“ทำไม ?”
ร่างสูงเพรียวในเงามืดนั้นชะงักไปเพียงนิดก่อนจะตอบกลับมา
“ข้าชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้า”
แวมไพร์หนุ่มเอ่ยเชื้อเชิญอีกครั้ง
ในครั้งนี้อันเซียร์ตัดสินใจที่นั่งลงแต่โดยดีด้วยไม่เห็นว่าตนเองจะสามารถทำอะไรได้อีก
เพราะยังไม่เคยเห็นถึงความดุร้ายและฝีมือในการต่อสู้ ชายหนุ่มบอกตัวเองว่านั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขายังพะวักพะวงไม่กล้าที่จะลงมือ
ถึงอย่างนั้น... ในใจเขากลับคัดค้าน
“เจ้าเดินทางมาไกลคงเหนื่อยและหิวมาก”
อสูรแสนงามว่า “อาหารตรงหน้า ข้าจัดไว้ให้เจ้า”
“ข้าต้องอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่” พรานหนุ่มไม่สนใจอาหารเบื้องหน้าแม้แต่น้อย
แม้ว่ากระเพาะของเขาจะเริ่มส่งเสียงประท้วงแล้วก็ตาม อันเซียร์หันมองร่างที่ยืนอยู่เบื้องหลังหากก็พบเพียงริมฝีปากบางที่หยักยิ้ม
หากก็เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกปวดใจเสียเหลือเกิน
“กินเถอะ...”
นิ่งอยู่สักพักสุดท้ายอันเซียร์ก็ลงมือจัดการอาหารเบื้องหน้าอย่างเงียบเชียบ
ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยมากหรืออะไรแต่รสชาติของมันดีเกินกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้มากโข
“ทุกคืนข้าจะมารอเจ้าที่ห้องนี้เวลาหนึ่งทุ่มตรง”
อันเซียร์เหลือบตามอง
อีกฝ่ายเหมือนตั้งใจที่จะเอ่ยประโยคคำสั่งมากกว่าประโยคบอกเล่า
“เมื่อเจ้ากินเสร็จข้าจะพาไปที่ห้อง”
เจ้าของปราสาทว่า “เวลากลางวันหากเจ้าสนใจที่จะชมปราสาทหลังนี้ข้าก็ไม่ว่า
แต่เวลากลางคืนไม่ใช่เวลาที่ดีนักสำหรับการออกข้างนอก”
“มันมีอะไร”
ร่างเพรียวยกยิ้มอีกครั้ง “เชื่อข้าสิ
--- เจ้าไม่อยากรู้หรอก”
xxxxxxxxxxxxxxx
อันเซียร์ทิ้งตัวลงบนเตียง...
สัมผัสแรกคือความนุ่มและอบอุ่น
ต่อมาคือความสบายชวนให้เคลิ้มหลับถ้าไม่ติดที่แผลมากมายที่โดนกิ่งไม้บาดนั้นจะเริ่มปวดหนึบขึ้นมาอย่างน่ารำคาญ
อันเซียร์ระบายลมหายใจที่หนักในอก
เรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่ --- ในคราแรกเขาตัดสินใจมาเพื่อ ‘ฆ่า’ และกลับไปยังบ้าน...
บ้านที่มีคนรออยู่ แต่ในตอนนี้นอกจากสมองจะไม่ยอมสั่งการให้ทำ หัวใจยังคัดค้านเต็มที่จนสุดท้ายต้องมาติดอยู่ในปราสาทแห่งนี้แทน
พี่ชายเขาคงเป็นห่วงมาก...
จิงจี๋และลงเทียนฉาก็คงเป็นห่วงมาก...
เกรน
เมย์และเมโลดี้ก็คงเป็นห่วงมากเหมือนกัน...
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากเตียง
ตัดสินใจที่จะหาน้ำเย็น ๆ มาช่วยคลายความเหนื่อยล้าที่สะสมในร่างกายเสียหน่อย หากสายตาดันเหลือบไปเห็นกรอบไม้เก่าคร่ำคร่าที่ถูกทิ้งพิงไว้ข้างกำแพง
อันเซียร์จับมันพลิกขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่ามันคือกรอบรูป
ภายในบรรจุภาพสีน้ำมันที่ถูกเขียนอย่างประณีต
เป็นรูปคู่ของชายหญิงคู่หนึ่ง ---
ฝ่ายชายแต่งตัวราวกับชายผู้สูงศักดิ์ทว่าบริเวณใบหน้ากลับขาดหายไปราวกับถูกฉีกกระชากอย่างแรง
ในขณะที่ฝ่ายหญิงอยู่ในชุดกระโปรงยาว ใบหน้าสวยสง่านั้นประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
บนริมฝีปาก
ภาพของใครกับใคร
?
คำถามผุดขึ้นมาในใจแม้จะรู้ดีว่าอย่างไรเสียก็ไม่มีคำตอบ
จ้องมองอยู่นานสุดท้ายอันเซียร์ก็ตัดสินใจวางมันลงที่เดิมแล้วเปลี่ยนความสนใจไปอยู่กับสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้เสียดีกว่า
ห้องของเขาอยู่บริเวณปีกซ้ายของปราสาท
ในขณะที่ทางด้านปีกขวาเจ้าของปราสาทกำชับเพียงว่าไม่ต้องสนใจ อันเซียร์เดินถัดมาเพียงไม่กี่ห้องเขาก็พบกับสิ่งที่ต้องการ
บริเวณกลางห้องกว้างนั้นคือบ่อน้ำ
แม้รอบข้างจะรายล้อมด้วยเถาวัลย์ที่มีหนามแหลมมากมายจนแทบไม่สามารถมองเห็นถึงพื้นผิวของมันได้แต่ชายหนุ่มไม่หวั่น
ขายาวก้าวเข้าไปก่อนจะหยุดอยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำเบื้องหน้านัก
“นั่นมัน...”
สิ่งที่แปลกประหลาดคือกลางบ่อน้ำนั้นมีดอกกุหลาบดอกหนึ่งบานสะพรั่งอยู่เหนือผิวน้ำ
กลีบดอกของมันสีแดงก่ำ --- แดงก่ำราวกับเลือด บางกลีบที่ร่วงโรยนั้นลอยกระจายอยู่เหนือผิวน้ำ
อันเซียร์ก้าวเข้าไปทรุดนั่งชิดริมบ่อ
ใช้ปลายนิ้วในการสัมผัสผิวน้ำเป็นอย่างแรกก่อนที่จะใช้ทั้งมือในการวักน้ำ
มันเย็นเฉียบไม่ต่างจากน้ำแข็งแต่ช่วยทุเลาความเหนื่อยล้าของเขาลงไปได้มาก
พลัน แสงเรืองรองค่อย ๆ
อาบไล้ผิวกายเขาอย่างแช่มช้า
รู้สึกตัวอีกทีรอยแผลต่าง ๆ
ตามร่างกายของเขากลับสมานกันดีจนเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน !
อันเซียร์เคยคิดมาเสมอว่าโลกนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาด
แต่บางทีเรื่องมันก็ประหลาดเกินไปสำหรับเขาอยู่ดี !
ในค่ำคืนแรกที่ปราสาทที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกประหลาดแห่งนี้...
ชายหนุ่มรู้สึกราวกับถูกใครคนหนึ่งจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แว่วเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังร่ำไห้
เธอเหมือนพยายามที่จะพูดอะไรสักอย่างเพียงแต่เขาได้ยินไม่ชัดเอาเสียเลย
ทั้งน่าหวาดกลัวและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
‘ช่วย... ช่วย...ที...’
xxxxxxxxxxxxxxx
แสงสีทองที่สาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาช่วยปลุกชายหนุ่มให้ฟื้นจากนิทรา
อันเซียร์ขยับบิดตัวเพื่อคลายความเมื่อยขบที่สะสมมาตลอดทั้งคืน
อากาศยามเช้าเย็นเสียจนเขาไม่อยากจะขยับกายออกจากผ้านวมผืนใหญ่เสียเลย
แต่กลิ่นอาหารหอมกรุ่นโชยมาแตะจมูก
อันเซียร์สอดส่ายสายตามองก่อนจะพบอาหารจำนวนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ข้าง ๆ
กันนั้นมีเสื้อผ้าชุดหนึ่งถูกวางพับไว้เรียบร้อย
อันเซียร์อดไม่ได้ที่จะระบายยิ้มจางบนริมฝีปากเมื่อนึกถึงเมื่อคืน
สายตาคู่นั้นคงไม่พ้นเจ้าของปราสาทนิรนาม...
หลังจากจัดการกิจวัตรในยามเช้าเสร็จทั้งหมดแล้ว
อันเซียร์ตัดสินใจออกสำรวจปราสาทหลังใหญ่
นอกจากความวังเวงและเปล่าเปลี่ยวแม้จะอยู่ในตอนกลางวันแล้วเขายังไม่พบอะไรอีกเลย แม้แต่สิ่งมีชีวิตสักชนิดเขาก็ยังไม่พบ
กระทั่งเจ้าของปราสาทเองเขาก็ไม่พบเช่นกัน
หลายครั้งที่เขาสังเกตเห็นกรอบรูปเก่าคร่ำคร่าที่ถูกวางระเกะระกะอย่างไม่มีการเอาใจใส่
กรอบรูปที่ภายในมักบรรจุรูปของชายหญิงคู่หนึ่งเสมอ
และก็เป็นทุกครั้งที่รูปทางด้านฝ่ายชายถูกฉีกกระชากออกไปเสียไม่เหลือชิ้นดี
ในยามที่นาฬิกาโบราณตีบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรง
เมื่ออันเซียร์เดินมาถึงยังสถานที่นัดพบเขาก็พบกับร่างสูงเพรียวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
อีกฝ่ายดูไม่ต่างจากเมื่อวานเสียเท่าไหร่ และเมื่อสังเกตเห็นอันเซียร์
มือเรียวก็ผายออกไปยังเก้าอี้ตัวถัดมาพร้อมคำเชื้อเชิญ
“นั่งสิ”
อันเซียร์ยอมนั่งลงอย่างไม่อิดออด
ก่อนจะเริ่มลงมือจัดการอาหารเบื้องหน้าเมื่อเจ้าของปราสาทพยักเพยิดเป็นสัญญาณ
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เสียงนุ่มนั้นเอ่ยถาม “มีอะไรติดขัดตรงไหนหรือไม่”
อันเซียร์วางมือจากมื้ออาหารเมื่ออีกฝ่ายเริ่มบทสนทนา
ดวงตาสีนิลสวยสบเข้ากับนัยน์ตาสีมรกต แววตาเฉยชายังคงเหมือนเดิมแต่ว่าอันเซียร์กลับรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายมีสีหน้าอ่อนลงมากกว่าเมื่อวาน
“ข้ามีคำถาม”
ไร้ซึ่งเสียงทัดทานหรือตอบรับ ดังนั้นเขาจึงถามต่ออย่างไม่กลัวเกรง
“ยามกลางวันข้าเดินสำรวจทั่วปราสาทแล้วแต่ไม่พบเจ้า”
อันเซียร์เหมือนเห็นมุมปากนั้นยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยทว่าแววตาดูหม่นลงเสียจนใจหายเมื่อได้ยินคำถาม
“เจ้าอยู่ที่ใดกัน ?”
“เจ้าไม่รู้หรอกหรือ ?”
กลับเป็นคนโดนถามที่เป็นฝ่ายถามเสียเอง
อันเซียร์ยังคงมองนิ่งเพื่อรอคอยคำตอบ
ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมอยู่นานในที่สุดแวมไพร์หนุ่มก็เป็นฝ่ายยอมแพ้
“เจ้าคงรู้ว่าข้าไม่มีวันตาย”
เสียงนุ่มเอื้อนเอ่ยราวกับเล่านิทาน “แม้ในตำนานจะกล่าวถึงวิธีการฆ่าผีดิบอย่างข้า
แต่สุดท้ายข้าก็สามารถฟื้นกลับคืนมาจากความตายได้อยู่ดี”
“ข้าไม่มีวันตาย --- ต่อให้เจ้าเอามีดเงินที่เจ้านำมามาปักที่หัวใจข้า...ข้าก็ยังฟื้นขึ้นมาได้อยู่ดี”
นั่นทำให้อันเซียร์เผลอเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างตกใจ
“ถึงอย่างนั้น...แสงอาทิตย์ทำให้ข้าทรมาน”
เขายังว่าต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “มันไม่อาจฆ่าข้าได้แต่หากหลีกเลี่ยงคงจะดีเสียกว่า
เจ้าจึงไม่พบเห็นข้าในยามกลางวัน”
ไม่มีวันตาย...?
สิ่งมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์...
“หายสงสัยหรือยัง ? เด็กน้อย...”
น้ำคำคล้ายจะหยอกเย้า ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มชาวาบไปหมดทั้งตัว
มีดเงินที่ถูกพกไว้ติดตัวเสมอดูจะร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มือไม้พลันเย็นเยียบไม่ต่างจากน้ำแข็ง อันเซียร์เห็นอีกฝ่ายยกยิ้ม ไม่ใช่รอยยิ้มของผู้เหนือกว่าแต่เป็นรอยยิ้มราวกับเยาะเย้ยปนสมเพชระคนไป
เยาะเย้ยและสมเพชในชีวิต...
ในวินาทีนั้น... ความชาทั้งหมดแล่นหายไปจากร่างกาย อันเซียร์อยากจะรั้งร่างที่ยังคงนั่งตรงเป็นสง่านั้นสู่อ้อมกอดเสียเหลือเกิน
หากแต่สติที่เหลือเป็นตัวฉุดรั้งเขาเอาไว้ว่าไม่สมควร
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทนมองใบหน้านั้นได้อีกอยู่ดี
ในอกปวดหนึบราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัด
ถึงภายนอกจะเป็นอสูรร้าย
แต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน
มื้ออาหารดำเนินต่อไปอย่างเงียบเชียบ
โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาอีกเลย
xxxxxxxxxxxxxxx
ในค่ำคืนนั้นอันเซียร์ฝันอีกครั้ง
แต่เป็นฝันที่ต่างจากเดิมไปโดยสิ้นเชิง
เขาฝันถึงหญิงสาวผู้งดงามและชายหนุ่มไร้ใบหน้าในรูปภาพท่ามกลางดงดอกกุหลาบบานสะพรั่ง
แม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่ชายหนุ่มคาดเดาได้จากรอยยิ้มของหญิงสาวว่าทั้งคู่ต้องมีความสุขมากแน่
ๆ
ชายหนุ่มผู้ไร้ใบหน้ายืนหันหลังให้เขา
ในมือถือจานสีคล้ายกำลังวาดภาพ มือเรียวสวยนั้นขยับยุกยิกบนผ้าใบอย่างประณีตท่ามกลางรอยยิ้มของหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
เมื่อชายหนุ่มผละออกอันเซียร์ถึงเห็นรูปวาด
เป็นรูปวาดของหญิงสาวท่ามกลางดงดอกกุหลาบเบื้องหน้าเขานี่เอง...
ด้านล่างของผ้าใบมีตัวอักษรเล็ก ๆ
ถูกเขียนไว้อย่างบรรจง
‘แด่หัวใจของข้า... โจชัว
เอนด์เลส’
xxxxxxxxxxxxxxx
Talk
เนื่องด้วยจะเปิดเทอมแล้ว...การอัพนิยายอาจจะช้าลงนะคะ
อาจจะหายไปบ้างแต่จะพยายามมาเป็นระยะ
ๆ ค่ะ #ยิ้มแห้ง
ความจริงคือไร้โน้ตบุ๊คไปใช้
จึงเขียนไม่ได้นี่แล แหะ ๆ
ขอให้นักอ่านทุกคนมีความสุขกับการอ่านนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตาม ทุกคำคอมเม้นท์ค่ะ #โค้งHL
ความคิดเห็น