ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic No Hero] Gentleman and The Beautiful Beast [อันเซียร์ x โจชัว]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 :: เสียงคร่ำครวญในฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 58




    Chapter 2

     

    จากคนเป็น...เปลี่ยนเป็นคนตาย

     

    จิตใจของมันดุร้าย...คลุ้มคลั่งราวสัตว์ป่ากระหายเลือด

     

    อ่อนเยาว์ไม่มีวันแก่เฒ่า...เพราะมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์

     

    แพ้พ่ายต่อแสงตะวัน...เพราะมันเป็นสัตว์กลางคืน

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    เทียนถูกจุดเล่มต่อเล่ม...

     

    แสงเทียนค่อย ๆ ขับไล่ความมืดออกไปอย่างแช่มช้าเผยห้องโถงสูงใหญ่กว่าที่เคยจินตนาการไว้ อันเซียร์กระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับระดับสายตาให้ชินกับแสงสลัว ก่อนที่สายตาจะเบนมาจับจ้องอยู่ที่เจ้าของปราสาท

     

    แผ่นหลังตั้งตรงเป็นสง่า มือที่ถือเชิงเทียนนั้นขาวสะอาดติดที่เส้นเลือดสีน้ำเงินกระจายเป็นริ้ว

     

    และไร้คำตอบสำหรับคำถาม...

     

    “นั่งสิ”

     

    สิ่งที่ตอบกลับมาคือการเชื้อเชิญเสียแทน มีดเงินที่ถูกเขาเก็บไว้ภายใต้เสื้อคลุมดูจะเย็นเฉียบขึ้นมากะทันหัน เบื้องหน้าของเขาคือโต๊ะไม้ขัดมันปลาบที่ละลานตาไปด้วยอาหารชั้นดีมากมาย อันเซียร์ยังคงยืนนิ่ง ดวงตายังไม่คลายจากการจับจ้อง

     

    “หนึ่งดอกแลกหนึ่งชีวิต --- ไม่ใช่หรือ ?”

     

    อันเซียร์เอ่ยถาม หยั่งเชิงด้วยใจที่เต้นระรัว ถ้าหากอีกฝ่ายตัดสินใจฆ่าเขา ตัวเขาเองนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายปลิดขั้วหัวใจอีกฝ่ายด้วยมีดเล่มนี้ แม้ว่าความงามเบื้องหน้าจะชวนให้ใจอ่อนยวบก็ตาม

     

    “ไม่ใช่วันนี้” เสียงนุ่มเอื้อนเอ่ย “อย่างน้อย...ไม่ใช่จนกว่าเจ้าจะตัดสินใจหนีออกจากที่นี่”

     

    ชายหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อได้ฟังคำอธิบายนั้น --- ในเมื่อมันไม่ต่างจากการจองจำเขาให้อยู่ในสถานที่แห่งนี้เลยสักนิด เขาพยายามมองหาคำอธิบายเพิ่มเติมหากเจ้าของมรกตคู่งามกลับเฉยชา คล้ายไม่คิดใส่ใจ จนสุดท้ายกลายเป็นอันเซียร์ที่ต้องถามเสียเอง

     

    “ทำไม ?”

     

    ร่างสูงเพรียวในเงามืดนั้นชะงักไปเพียงนิดก่อนจะตอบกลับมา

     

    “ข้าชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้า”

     

    แวมไพร์หนุ่มเอ่ยเชื้อเชิญอีกครั้ง ในครั้งนี้อันเซียร์ตัดสินใจที่นั่งลงแต่โดยดีด้วยไม่เห็นว่าตนเองจะสามารถทำอะไรได้อีก เพราะยังไม่เคยเห็นถึงความดุร้ายและฝีมือในการต่อสู้ ชายหนุ่มบอกตัวเองว่านั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขายังพะวักพะวงไม่กล้าที่จะลงมือ

     

    ถึงอย่างนั้น... ในใจเขากลับคัดค้าน

     

    “เจ้าเดินทางมาไกลคงเหนื่อยและหิวมาก” อสูรแสนงามว่า “อาหารตรงหน้า ข้าจัดไว้ให้เจ้า”

     

    “ข้าต้องอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่” พรานหนุ่มไม่สนใจอาหารเบื้องหน้าแม้แต่น้อย แม้ว่ากระเพาะของเขาจะเริ่มส่งเสียงประท้วงแล้วก็ตาม อันเซียร์หันมองร่างที่ยืนอยู่เบื้องหลังหากก็พบเพียงริมฝีปากบางที่หยักยิ้ม

     

    หากก็เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกปวดใจเสียเหลือเกิน

     

    “กินเถอะ...”

     

    นิ่งอยู่สักพักสุดท้ายอันเซียร์ก็ลงมือจัดการอาหารเบื้องหน้าอย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยมากหรืออะไรแต่รสชาติของมันดีเกินกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้มากโข

     

    “ทุกคืนข้าจะมารอเจ้าที่ห้องนี้เวลาหนึ่งทุ่มตรง”

     

    อันเซียร์เหลือบตามอง อีกฝ่ายเหมือนตั้งใจที่จะเอ่ยประโยคคำสั่งมากกว่าประโยคบอกเล่า

     

    “เมื่อเจ้ากินเสร็จข้าจะพาไปที่ห้อง” เจ้าของปราสาทว่า “เวลากลางวันหากเจ้าสนใจที่จะชมปราสาทหลังนี้ข้าก็ไม่ว่า แต่เวลากลางคืนไม่ใช่เวลาที่ดีนักสำหรับการออกข้างนอก”

     

    “มันมีอะไร”

     

    ร่างเพรียวยกยิ้มอีกครั้ง “เชื่อข้าสิ --- เจ้าไม่อยากรู้หรอก”

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    อันเซียร์ทิ้งตัวลงบนเตียง...

     

    สัมผัสแรกคือความนุ่มและอบอุ่น ต่อมาคือความสบายชวนให้เคลิ้มหลับถ้าไม่ติดที่แผลมากมายที่โดนกิ่งไม้บาดนั้นจะเริ่มปวดหนึบขึ้นมาอย่างน่ารำคาญ

     

    อันเซียร์ระบายลมหายใจที่หนักในอก เรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่ --- ในคราแรกเขาตัดสินใจมาเพื่อ ฆ่า และกลับไปยังบ้าน... บ้านที่มีคนรออยู่ แต่ในตอนนี้นอกจากสมองจะไม่ยอมสั่งการให้ทำ หัวใจยังคัดค้านเต็มที่จนสุดท้ายต้องมาติดอยู่ในปราสาทแห่งนี้แทน

     

    พี่ชายเขาคงเป็นห่วงมาก...

    จิงจี๋และลงเทียนฉาก็คงเป็นห่วงมาก...

    เกรน เมย์และเมโลดี้ก็คงเป็นห่วงมากเหมือนกัน...

     

    ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากเตียง ตัดสินใจที่จะหาน้ำเย็น ๆ มาช่วยคลายความเหนื่อยล้าที่สะสมในร่างกายเสียหน่อย หากสายตาดันเหลือบไปเห็นกรอบไม้เก่าคร่ำคร่าที่ถูกทิ้งพิงไว้ข้างกำแพง อันเซียร์จับมันพลิกขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่ามันคือกรอบรูป

     

    ภายในบรรจุภาพสีน้ำมันที่ถูกเขียนอย่างประณีต เป็นรูปคู่ของชายหญิงคู่หนึ่ง --- ฝ่ายชายแต่งตัวราวกับชายผู้สูงศักดิ์ทว่าบริเวณใบหน้ากลับขาดหายไปราวกับถูกฉีกกระชากอย่างแรง ในขณะที่ฝ่ายหญิงอยู่ในชุดกระโปรงยาว ใบหน้าสวยสง่านั้นประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ บนริมฝีปาก

     

    ภาพของใครกับใคร ?

     

    คำถามผุดขึ้นมาในใจแม้จะรู้ดีว่าอย่างไรเสียก็ไม่มีคำตอบ จ้องมองอยู่นานสุดท้ายอันเซียร์ก็ตัดสินใจวางมันลงที่เดิมแล้วเปลี่ยนความสนใจไปอยู่กับสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้เสียดีกว่า

     

    ห้องของเขาอยู่บริเวณปีกซ้ายของปราสาท ในขณะที่ทางด้านปีกขวาเจ้าของปราสาทกำชับเพียงว่าไม่ต้องสนใจ อันเซียร์เดินถัดมาเพียงไม่กี่ห้องเขาก็พบกับสิ่งที่ต้องการ บริเวณกลางห้องกว้างนั้นคือบ่อน้ำ แม้รอบข้างจะรายล้อมด้วยเถาวัลย์ที่มีหนามแหลมมากมายจนแทบไม่สามารถมองเห็นถึงพื้นผิวของมันได้แต่ชายหนุ่มไม่หวั่น ขายาวก้าวเข้าไปก่อนจะหยุดอยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำเบื้องหน้านัก

     

    “นั่นมัน...”

     

    สิ่งที่แปลกประหลาดคือกลางบ่อน้ำนั้นมีดอกกุหลาบดอกหนึ่งบานสะพรั่งอยู่เหนือผิวน้ำ กลีบดอกของมันสีแดงก่ำ --- แดงก่ำราวกับเลือด บางกลีบที่ร่วงโรยนั้นลอยกระจายอยู่เหนือผิวน้ำ

     

    อันเซียร์ก้าวเข้าไปทรุดนั่งชิดริมบ่อ ใช้ปลายนิ้วในการสัมผัสผิวน้ำเป็นอย่างแรกก่อนที่จะใช้ทั้งมือในการวักน้ำ มันเย็นเฉียบไม่ต่างจากน้ำแข็งแต่ช่วยทุเลาความเหนื่อยล้าของเขาลงไปได้มาก

     

    พลัน แสงเรืองรองค่อย ๆ อาบไล้ผิวกายเขาอย่างแช่มช้า

     

    รู้สึกตัวอีกทีรอยแผลต่าง ๆ ตามร่างกายของเขากลับสมานกันดีจนเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน !

     

    อันเซียร์เคยคิดมาเสมอว่าโลกนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาด แต่บางทีเรื่องมันก็ประหลาดเกินไปสำหรับเขาอยู่ดี !

     

    ในค่ำคืนแรกที่ปราสาทที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกประหลาดแห่งนี้... ชายหนุ่มรู้สึกราวกับถูกใครคนหนึ่งจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แว่วเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังร่ำไห้ เธอเหมือนพยายามที่จะพูดอะไรสักอย่างเพียงแต่เขาได้ยินไม่ชัดเอาเสียเลย ทั้งน่าหวาดกลัวและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

     

    ช่วย... ช่วย...ที...

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    แสงสีทองที่สาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาช่วยปลุกชายหนุ่มให้ฟื้นจากนิทรา อันเซียร์ขยับบิดตัวเพื่อคลายความเมื่อยขบที่สะสมมาตลอดทั้งคืน อากาศยามเช้าเย็นเสียจนเขาไม่อยากจะขยับกายออกจากผ้านวมผืนใหญ่เสียเลย แต่กลิ่นอาหารหอมกรุ่นโชยมาแตะจมูก อันเซียร์สอดส่ายสายตามองก่อนจะพบอาหารจำนวนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ข้าง ๆ กันนั้นมีเสื้อผ้าชุดหนึ่งถูกวางพับไว้เรียบร้อย

     

    อันเซียร์อดไม่ได้ที่จะระบายยิ้มจางบนริมฝีปากเมื่อนึกถึงเมื่อคืน

     

    สายตาคู่นั้นคงไม่พ้นเจ้าของปราสาทนิรนาม...

     

    หลังจากจัดการกิจวัตรในยามเช้าเสร็จทั้งหมดแล้ว อันเซียร์ตัดสินใจออกสำรวจปราสาทหลังใหญ่ นอกจากความวังเวงและเปล่าเปลี่ยวแม้จะอยู่ในตอนกลางวันแล้วเขายังไม่พบอะไรอีกเลย แม้แต่สิ่งมีชีวิตสักชนิดเขาก็ยังไม่พบ กระทั่งเจ้าของปราสาทเองเขาก็ไม่พบเช่นกัน

     

    หลายครั้งที่เขาสังเกตเห็นกรอบรูปเก่าคร่ำคร่าที่ถูกวางระเกะระกะอย่างไม่มีการเอาใจใส่ กรอบรูปที่ภายในมักบรรจุรูปของชายหญิงคู่หนึ่งเสมอ และก็เป็นทุกครั้งที่รูปทางด้านฝ่ายชายถูกฉีกกระชากออกไปเสียไม่เหลือชิ้นดี

     

    ในยามที่นาฬิกาโบราณตีบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรง เมื่ออันเซียร์เดินมาถึงยังสถานที่นัดพบเขาก็พบกับร่างสูงเพรียวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว อีกฝ่ายดูไม่ต่างจากเมื่อวานเสียเท่าไหร่ และเมื่อสังเกตเห็นอันเซียร์ มือเรียวก็ผายออกไปยังเก้าอี้ตัวถัดมาพร้อมคำเชื้อเชิญ

     

    “นั่งสิ”

     

    อันเซียร์ยอมนั่งลงอย่างไม่อิดออด ก่อนจะเริ่มลงมือจัดการอาหารเบื้องหน้าเมื่อเจ้าของปราสาทพยักเพยิดเป็นสัญญาณ

     

    “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงนุ่มนั้นเอ่ยถาม “มีอะไรติดขัดตรงไหนหรือไม่”

     

    อันเซียร์วางมือจากมื้ออาหารเมื่ออีกฝ่ายเริ่มบทสนทนา ดวงตาสีนิลสวยสบเข้ากับนัยน์ตาสีมรกต แววตาเฉยชายังคงเหมือนเดิมแต่ว่าอันเซียร์กลับรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายมีสีหน้าอ่อนลงมากกว่าเมื่อวาน

     

    “ข้ามีคำถาม”

     

    ไร้ซึ่งเสียงทัดทานหรือตอบรับ ดังนั้นเขาจึงถามต่ออย่างไม่กลัวเกรง

     

    “ยามกลางวันข้าเดินสำรวจทั่วปราสาทแล้วแต่ไม่พบเจ้า” อันเซียร์เหมือนเห็นมุมปากนั้นยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยทว่าแววตาดูหม่นลงเสียจนใจหายเมื่อได้ยินคำถาม “เจ้าอยู่ที่ใดกัน ?”

     

    “เจ้าไม่รู้หรอกหรือ ?”

     

    กลับเป็นคนโดนถามที่เป็นฝ่ายถามเสียเอง

     

    อันเซียร์ยังคงมองนิ่งเพื่อรอคอยคำตอบ ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมอยู่นานในที่สุดแวมไพร์หนุ่มก็เป็นฝ่ายยอมแพ้

     

    “เจ้าคงรู้ว่าข้าไม่มีวันตาย” เสียงนุ่มเอื้อนเอ่ยราวกับเล่านิทาน “แม้ในตำนานจะกล่าวถึงวิธีการฆ่าผีดิบอย่างข้า แต่สุดท้ายข้าก็สามารถฟื้นกลับคืนมาจากความตายได้อยู่ดี”

     

    “ข้าไม่มีวันตาย --- ต่อให้เจ้าเอามีดเงินที่เจ้านำมามาปักที่หัวใจข้า...ข้าก็ยังฟื้นขึ้นมาได้อยู่ดี

     

    นั่นทำให้อันเซียร์เผลอเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างตกใจ

     

    “ถึงอย่างนั้น...แสงอาทิตย์ทำให้ข้าทรมาน” เขายังว่าต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “มันไม่อาจฆ่าข้าได้แต่หากหลีกเลี่ยงคงจะดีเสียกว่า เจ้าจึงไม่พบเห็นข้าในยามกลางวัน”

     

    ไม่มีวันตาย...?

    สิ่งมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์...

     

    “หายสงสัยหรือยัง ? เด็กน้อย...”

     

    น้ำคำคล้ายจะหยอกเย้า ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มชาวาบไปหมดทั้งตัว

     

    มีดเงินที่ถูกพกไว้ติดตัวเสมอดูจะร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ มือไม้พลันเย็นเยียบไม่ต่างจากน้ำแข็ง อันเซียร์เห็นอีกฝ่ายยกยิ้ม ไม่ใช่รอยยิ้มของผู้เหนือกว่าแต่เป็นรอยยิ้มราวกับเยาะเย้ยปนสมเพชระคนไป

     

    เยาะเย้ยและสมเพชในชีวิต...

     

    ในวินาทีนั้น... ความชาทั้งหมดแล่นหายไปจากร่างกาย อันเซียร์อยากจะรั้งร่างที่ยังคงนั่งตรงเป็นสง่านั้นสู่อ้อมกอดเสียเหลือเกิน หากแต่สติที่เหลือเป็นตัวฉุดรั้งเขาเอาไว้ว่าไม่สมควร ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทนมองใบหน้านั้นได้อีกอยู่ดี

     

    ในอกปวดหนึบราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัด

     

    ถึงภายนอกจะเป็นอสูรร้าย

    แต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน

     

    มื้ออาหารดำเนินต่อไปอย่างเงียบเชียบ โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาอีกเลย

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    ในค่ำคืนนั้นอันเซียร์ฝันอีกครั้ง แต่เป็นฝันที่ต่างจากเดิมไปโดยสิ้นเชิง เขาฝันถึงหญิงสาวผู้งดงามและชายหนุ่มไร้ใบหน้าในรูปภาพท่ามกลางดงดอกกุหลาบบานสะพรั่ง

     

    แม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่ชายหนุ่มคาดเดาได้จากรอยยิ้มของหญิงสาวว่าทั้งคู่ต้องมีความสุขมากแน่ ๆ

     

    ชายหนุ่มผู้ไร้ใบหน้ายืนหันหลังให้เขา ในมือถือจานสีคล้ายกำลังวาดภาพ มือเรียวสวยนั้นขยับยุกยิกบนผ้าใบอย่างประณีตท่ามกลางรอยยิ้มของหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้า

     

    เมื่อชายหนุ่มผละออกอันเซียร์ถึงเห็นรูปวาด เป็นรูปวาดของหญิงสาวท่ามกลางดงดอกกุหลาบเบื้องหน้าเขานี่เอง...

     

    ด้านล่างของผ้าใบมีตัวอักษรเล็ก ๆ ถูกเขียนไว้อย่างบรรจง

     

    แด่หัวใจของข้า... โจชัว เอนด์เลส

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

    Talk

    เนื่องด้วยจะเปิดเทอมแล้ว...การอัพนิยายอาจจะช้าลงนะคะ

    อาจจะหายไปบ้างแต่จะพยายามมาเป็นระยะ ๆ ค่ะ #ยิ้มแห้ง

    ความจริงคือไร้โน้ตบุ๊คไปใช้ จึงเขียนไม่ได้นี่แล แหะ ๆ

    ขอให้นักอ่านทุกคนมีความสุขกับการอ่านนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตาม ทุกคำคอมเม้นท์ค่ะ #โค้งHL

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×