ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic No Hero] Gentleman and The Beautiful Beast [อันเซียร์ x โจชัว]

    ลำดับตอนที่ #11 : Epilogue

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 59




    Epilogue

     


    ภาพที่เขาเห็นคือมีดเงินวาววับที่ทอประกายกับแสงแรกของวันใหม่ในมือของซอนเน่ ซีแนน พี่ชายต่างสายเลือดของเขา ดวงตาคมปลาบนั้นจ้องมาทางชายหนุ่มนิ่งแม้จะยังไม่ยอมลดอาวุธในมือลง ถัดมาคือร่างที่แสนคุ้นตา ลำคอขาวถูกกดให้แนบไปกับพื้นหินอ่อน กลุ่มผมสีดำสนิทนั้นทิ้งตัวปกปิดทำให้อันเซียร์ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลาได้

     

    ทว่าสภาพร่างที่แทบจะชุ่มโชกไปด้วยเลือดนั่นทำให้หัวใจบีบรัดอย่างทรมาน

     

    “วางมีด !อันเซียร์ไม่รู้ตัวว่าเขาตะโกนเสียงดังแค่ไหนแต่เขาเห็นรอยตกใจบนดวงตาของพี่ชาย “ข้าบอกให้วางมีดลง !

     

    “เซียร์” คนสูงวัยกว่าเรียกเสียงเข้มแต่ก็ยอมลดระดับอาวุธในมือของตนลงเมื่อคนที่เป็นน้องชายตวัดมองด้วยสายตาเอาเรื่อง ยิ่งเห็นอันเซียร์วิ่งเข้ามาประคองร่างอ่อนแรงเบื้องหน้าขึ้นแนบอกอย่างทะนุถนอมแล้วยิ่งไม่เข้าใจ “ถอยห่างจากผีดิบนั่นซะ”

     

    “ไม่ !” เป็นอีกครั้งที่อันเซียร์ตวาดพี่ชาย ยิ่งชายหนุ่มเห็นรอยเลือดที่เป็นทางยาวตั้งแต่ทางเข้าของปราสาทบนพื้นหินอ่อน ในอกยิ่งร้อนราวกับจะระเบิด “พี่นั่นแหละถอยออกไป !

     

    “เซียร์ !

     

    เป็นครั้งแรกที่อันเซียร์เมินเฉยกับเสียงของผู้เป็นพี่ชาย

     

    “โจชัว...โจชัว” พรานหนุ่มเรียกร่างในอ้อมแขนอย่างร้อนรน ยิ่งไร้การตอบสนองกลับมายิ่งใจเสีย ชายหนุ่มลูบมือตามโครงหน้าเย็นเฉียบอย่างเบามือ “ตอบข้าหน่อย ได้โปรด”

     

    “ทำไมพี่ทำแบบนี้” อันเซียร์รู้สึกถึงหยดน้ำใส ๆ ที่คลออยู่ที่ดวงตาแต่เขาไม่สนใจ เขาสนใจเพียงพี่ชายที่ยืนนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไรถัดไปไม่ไกลนัก “ข้าเคยบอกไม่ใช่หรือว่าข้าจะจัดการเรื่องนี้คนเดียว”

     

    ซอนเน่ ซีแนนแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ “เจ้าหายไปสามเดือนโดยไม่แม้แต่จะส่งข่าวกลับมา จะบอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าไม่เป็นอะไรเลยหรือ”

     

    “เขาไม่เคยทำร้ายข้า !” อันเซียร์สวนกลับทันควัน “มีแต่พี่และชาวบ้านที่ทำร้ายเขา !

     

    พอเห็นคนเป็นพี่ชายกำลังจะแย้งขึ้นมาอีกรอบชายหนุ่มก็ขัดขึ้นในทันใดด้วยเสียงอันดัง “ไม่ต้องพูดแล้ว ! ข้าไม่อยากฟัง !

     

    ซีแนนถอยออกมายืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดในอก ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาเป็นทั้งพ่อ แม่ และเพื่อนให้น้องชายต่างสายเลือดเพียงเพราะมีกันแค่สองคน เขาที่เคยดูแล ให้ความรักและปกป้องน้องชายมาโดยตลอดกลับโดนน้องชายที่ไม่เคยแม้แต่จะขึ้นเสียงใส่ตวาดซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพราะอสูรตนหนึ่ง

     

    มันเกิดอะไรขึ้น...ทำไมน้องชายของเขาถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้

     

    “พี่กับคนอื่น ๆ ออกไปจากที่นี่ให้หมด แล้วอย่ากลับมายุ่งกับปราสาทหลังนี้และโจชัวอีก” อันเซียร์เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ยเสียงแข็งเมื่อตัดสินใจได้ “ถ้าพี่ไม่ยอมข้าจะเกลียดพี่ พี่ไม่มีวันที่จะได้เห็นหน้าข้าอีกตลอดชีวิต พี่ก็รู้ว่าข้าทำได้”

     

    อันเซียร์กำลังจะพูดต่อทว่าแรงกระตุกที่ชายเสื้อบางเบานั้นดึงความสนใจทั้งหมดลงไป อ้อมแขนแข็งแรงโอบประคองร่างอ่อนแรงขึ้นขณะที่อีกฝ่ายลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า

     

    “อย่า...” เสียงนุ่มนั้นแผ่วเบาจนแทบจะกลายเป็นเพียงลมบางเบา “อย่าพูดแบบนั้นกับพี่เจ้า...เพราะเจ้าจะเสียใจ...”

     

    “อะไรนะ...” เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

     

    “ข้าไม่อยาก...” อันเซียร์รู้สึกเหมือนเขาได้ยินเสียงสะอื้นจากร่างในอ้อมกอด “...ให้เจ้าเสียใจ”

     

    เสียงที่ขาดเป็นช่วง ๆ นั้นส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวเสียงเครียดแต่ยังคงความอ่อนโยนไว้ในแววตา “ถ้าเจ็บเวลาพูดก็ไม่ต้องพูด”

     

    ซีแนนมองน้องชายที่ประคองอสูรร้ายอย่างอ่อนโยนนั้นด้วยแววตาอ่อนลง เขาได้ยินน้องชายกระซิบถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงเป็นใยขณะที่พยายามสำรวจบาดแผลต่าง ๆ ที่เขาเป็นคนทำอย่างเบามือ ในวินาทีหนึ่งความคิดบ้า ๆ ก็ปรากฏในสมอง

     

    ความคิดที่ว่า... บางทีคงถึงเวลาแล้วที่เขาจะปล่อยมือจากน้องชายตัวเอง

     

    น้องชายที่เคยเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ ให้เขาต้องคอยดูแลและปกป้อง ในวันนี้ดูเติบใหญ่จนพร้อมที่จะดูแลและปกป้องคนอื่นได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีพี่ชายอย่างเขาอีก

     

    แต่ถึงอย่างนั้น --- ซีแนนก็สลัดความคิดบ้า ๆ พวกนั้นทิ้งไปให้หมด เพราะรักที่เขามีให้อีกฝ่ายมาก ดังนั้นต่อให้น้องชายจะเกลียดเขาแต่ถ้ามันทำให้อันเซียร์สามารถอยู่ได้โดยไร้อันตรายเขาก็พร้อมที่จะยอมรับ

     

    “พี่กลับไปเถอะ” เขาไม่รู้ว่าอสูรพูดอะไรกับน้องของเขาแต่เสียงของน้องดูสั่นเครือกว่าครั้งแรกที่พูดออกมา สั่นไปถึงหัวใจคนฟัง

     

    “ไม่”

     

    หรือบางที

     

    “ข้าขอร้อง...”

     

    อาจจะเป็นน้องชายของเขาที่เลือกจะเป็นคนเดินจากมาเอง...

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    ชาวบ้านทุกคนกลับไปหมดแล้ว --- อันเซียร์นึกขอบคุณที่พี่ชายเขายอมที่จะฟังคำขอร้องของเขาแทนที่การดึงดัน เพราะหากพี่ชายเขายังดึงดันที่จะฆ่าโจชัว อันเซียร์ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้เหมือนกันว่าเขาจะเลือกใคร

     

    ปราสาทที่ครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่อาศัยจนรู้จักทุกซอกทุกมุมนั้นถูกเผาวอดไปกว่าครึ่งหลัง กอกุหลาบแสนสวยอันเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมดเหลือเพียงซาก แม้กระทั่งเจ้าของของมันที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าไม่มีสิ่งใดสามารถฆ่าได้ก็ดูเหมือนจะแตกสลายได้ในพริบตา

     

    “ข้าขอโทษ...สำหรับทุกอย่าง”

     

    ในยามที่ความเงียบเข้าครอบคลุมทุกพื้นที่อันเซียร์ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากร่างในอ้อมแขน ใบหน้าซีดเซียวนั้นมุ่นลงอาจะเป็นเพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบนร่างกาย แต่ริมฝีปากหยักนั้นยังคงประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

     

    “พูดอะไร” เขาอยากจะดุเมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนจะเจ็บตลอดเวลาที่เอ่ยปากแต่รอยยิ้มที่ยังคงอยู่บนริมฝีปากทำให้เขาไม่กล้าขัด ทำได้เพียงเตือนเบา ๆ ขณะที่ช้อนร่างโชกเลือดขึ้นในอ้อมแขน “อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะพาเจ้าไปรักษาก่อน”

     

    แรงขืนตัวเบา ๆ นั้นหยุดการกระทำของเขาลง

     

    “มันไม่ช่วยอะไรหรอก ข้ารู้ตัวเองดี” รอยยิ้มบนริมฝีปากดูฝืดเฝื่อนเต็มที “ข้าขอโทษ”

     

    “เจ้าบอกว่าเจ้ามีชีวิตอมตะ...” เสียงของเขาแหบลงจนแทบจะหายไปในลำคอ “เจ้าบอกข้า...ว่าไม่มีอะไรสามารถฆ่าเจ้าได้”

     

    อันเซียร์ได้ยินเสียงหัวเราะฝืด ๆ ที่มาพร้อมรอยชื้นบนอกและเสียงกระซิบ “มันจบแล้ว”

    “ไม่” ชายหนุ่มแย้ง “เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถฟื้นตัวได้...และฟื้นตัวได้ดีหากได้กินเลือดมนุษย์”

     

    ฉับพลันนั้นอันเซียร์คว้ามีดสั้นที่พกติดตัวอยู่เสมอหวังจะกรีดลงบนข้อมือ ท่ามกลางเสียงร้องของโจชัว “ไม่ !

     

    ร่างที่รวมแรงเฮือกสุดท้ายทุ่มเข้าใส่จนล้มกลิ้งไปทั้งคู่หอบแผ่ว ๆ อยู่บนอก มีดสั้นที่เกือบได้ลิ้มรสเลือดของอันเซียร์กระเด็นไปจนไม่อาจเอื้อมถึง อันเซียร์รีบประคองร่างที่นอนคุดคู้อยู่ขึ้นแนบอก “ทำอะไร !

     

    “อย่าทำแบบนั้น” เขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะท้านในอ้อมแขน “มันไม่ช่วยอะไร...อีกแล้ว”

     

    “ทำไม...” เสียงของเขาอ่อนระโหยลงอย่าเห็นได้ชัด

     

    “ข้าพ้นจากคำสาปแล้ว...” อันเซียร์ไม่รู้ตัวว่าเขากำลังจะร้องไห้จนกระทั่งมือเรียวนั้นยกขึ้นปาดรอยชื้นที่ปลายหางตาออก “ข้ามีชีวิตอีกครั้ง...เพราะเจ้า”

     

    อันเซียร์เคยคิดว่าหากวันนี้มาถึงเขาควรจะดีใจ แต่เขากลับดีใจไม่ออก

     

    “ขอบคุณ...และขอโทษ”

     

    โดยเฉพาะเมื่อ...

     

    “ขอโทษที่หนทางสุดท้ายของข้าคือความตาย”

     

    ชายหนุ่มเห็นหยดน้ำใสที่กลิ้งลงจากดวงตาคู่งามคู่นั้นที่เขาเคยนึกชมว่ามันสวยนักหนา

     

    “ขอโทษที่ต่อให้เจ้าช่วยข้าอย่างไร...ข้าก็จบลงที่ตายอยู่ดี”

     

    กระบอกตาของเขาร้อนผ่าว ลำคอแสบไปหมด แม้กระทั่งเสียงที่ถามออกมาก็ยังเจือเสียงสะอื้น

     

    “ข้าควรทำอย่างไร”

     

    โจชัวยิ้ม --- ยิ้มที่อันเซียร์คิดว่ามันสวยที่สุด

     

    “แค่กอดข้าไว้ก็พอ”

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    สายลมหนาวพัดผ่านมาวูบหนึ่ง...

     

    สองร่างกอดเคียงกันอยู่ไม่ห่าง ผลัดกันบอกรักซ้ำ ๆ ด้วยรอยยิ้มที่ถูกแต่งแต้มขึ้นมา ดวงตาสีรัตติกาลและมรกตสบกันเนิ่นนานราวกับจะบันทึกความทรงจำเบื้องหน้าเอาไว้ให้ได้นานที่สุด จนกระทั่งเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตค่อย ๆ จมดิ่งสู่ห้วงนิทรา

     

    ตลอดกาล

     

    “โจชัว...โจชัว...”

     

    เสียงทุ้มยังคงเรียกแม้จะรู้ดีว่าไม่มีวันที่อีกฝ่ายจะตอบสนองเขาได้อีกแล้ว ใบหน้ายามหลับใหลนั้นดูสงบทั้งยังประดับด้วยรอยยิ้มเจือจางที่เปี่ยมไปด้วยความสุข

     

    ริมฝีปากอุ่นแนบลงประทับนิ่งเนิ่นนาน

     

    หยดน้ำใสหยดหนึ่งหยดกระทบผิวแก้มซีดก่อนที่จะกลิ้งหล่นกระทบพื้นดิน ไม่มีเสียงสะอื้น

     

    “หลับให้สบายนะ...โจชัว”

     

    เขาหวังว่าโจชัวคงจะหลับฝันดี...

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... ภายในป่าลึกลับอันไกลโพ้น

     

    เคยมีตำนานหนึ่งกล่าวถึงมนุษย์ผู้ยึดมั่นในความรักต่ออสูรตนหนึ่งทั้งหมดของหัวใจ แม้ว่าชีวิตจะดับสูญไปก็ตาม

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    โจชัว

     

    “โจชัว”

     

    “โจชัว !

     

    เปลือกตาบางเปิดขึ้นในฉับพลันเมื่อมืออุ่นเขย่าเข้าที่หัวไหล่ พ่อบ้านแวมไพร์กระพริบตาปริบ ๆ อยู่สองสามทีก่อนที่จะพบว่าตนเองยังคงนอนอยู่ในโลงศพเช่นเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยคือ คุณหนูตรงหน้าเขาต่างหาก

     

    นี่เขาฝันประหลาด ?

     

     “ปกตินายไม่เคยนอนเกินเวลานี่นา แล้วนี่จะมื้อเย็นอยู่แล้วด้วย” คุณหนูดูตกใจมากจริง ๆ “นายเป็นอะไร ทำไมร้องไห้ใหญ่เลย !

     

    แวมไพร์หนุ่มอดไม่ได้ที่จะยกมือสัมผัสถึงรอยชื้นที่หางตาขณะที่มองเจ้านายด้วยความงงงวย อันที่จริงนอกจากจะมีคุณหนูที่ยืนส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยมาให้แล้ว เมโลดี้ เกรน เมย์ และเทียนฉาก็ยังส่งสายตาแปลก ๆ มาให้เขาด้วยเหมือนกัน

     

    “คุณหนู...ผม...”

     

    โจชัวเรียบเรียงเรื่องราวในหัวอยู่ครู่หนึ่ง

     

    “ผมคิดว่าผมฝัน”

     

    เรื่องราวคร่าว ๆ ถูกถ่ายทอดออกไปและจบลงด้วยเสียงหัวเราะของเมโลดี้และเกรน

     

    “พ่อบ้าน ช่วงนี้นายดื่มเลือดมากเกินไปใช่ไหม” เมโลดี้สัพยอกอย่างขบขัน “แต่ฉันนับถือนะ นายฝันเป็นเรื่องเป็นราวมาก ๆ”

     

    “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว” ในที่สุดอันเซียร์ก็เอ่ยมาด้วยความโล่งใจ

     

    “ครับ...”

     

    เสียงท้องร้องประสานกันแทรกความเงียบขึ้นมาแทบจะทันที

     

    “ผมคิดว่าผมควรไปเตรียมมื้อเย็น...”

     

    “อื้อ เอาสิ”

     

    อันเซียร์มองตามแผ่นหลังของพ่อบ้านไปจนลับสายตา คนอื่น ๆ เองก็ทยอยออกจากห้องไปทำภารกิจของตัวเองตามเดิมเหมือนกัน เหลือเพียงอันเซียร์ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่นาน

     

    เขาไม่รู้ว่าฝันนั้นคืออะไร

     

    แต่ที่แน่ ๆ

     

    คือเขาไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดกับ พ่อบ้านของเขาโดยเด็ดขาด

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    และเรื่องราวก็คงดำเนินต่อไป : ]]

     

     

    Talk

    จบแล้วเนอะ #หัวเราะ #หลบรองเท้า

    ตอนแรกจะจบดราม่าแต่จบดราม่าแล้วมันค้างคาเพราะงั้นอย่าเลยเนาะ

    อีกอย่างคือเป็นคนแต่งดราม่าแล้วประหลาด เพราะงั้นขอโทษนะค้าบ

    เรื่องนี้มีหลุด ๆ ไม่อ่ะความจริงคือมันหลุดจากทุก ๆ อย่าง ไม่สมควรจะขึ้นว่าเป็นแฟนฟิคเลย

    ควรเรียกว่าเอาตัวละครคุณอวี้หว่อมาปู้ยี้ปู้ยำคงจะดีกว่า

    แต่อย่างไรก็ตามดีใจเสมอที่ทุกคนยังอ่านอยู่นะคะ

    #จุ๊บ ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านค่ะ

     

    ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ

    และเจอกันเมื่อชาติต้องการ #หัวเราะ

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×