คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Epilogue
Epilogue
ภาพที่เขาเห็นคือมีดเงินวาววับที่ทอประกายกับแสงแรกของวันใหม่ในมือของซอนเน่
ซีแนน พี่ชายต่างสายเลือดของเขา
ดวงตาคมปลาบนั้นจ้องมาทางชายหนุ่มนิ่งแม้จะยังไม่ยอมลดอาวุธในมือลง
ถัดมาคือร่างที่แสนคุ้นตา ลำคอขาวถูกกดให้แนบไปกับพื้นหินอ่อน
กลุ่มผมสีดำสนิทนั้นทิ้งตัวปกปิดทำให้อันเซียร์ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลาได้
ทว่าสภาพร่างที่แทบจะชุ่มโชกไปด้วยเลือดนั่นทำให้หัวใจบีบรัดอย่างทรมาน
“วางมีด
!” อันเซียร์ไม่รู้ตัวว่าเขาตะโกนเสียงดังแค่ไหนแต่เขาเห็นรอยตกใจบนดวงตาของพี่ชาย
“ข้าบอกให้วางมีดลง !”
“เซียร์”
คนสูงวัยกว่าเรียกเสียงเข้มแต่ก็ยอมลดระดับอาวุธในมือของตนลงเมื่อคนที่เป็นน้องชายตวัดมองด้วยสายตาเอาเรื่อง
ยิ่งเห็นอันเซียร์วิ่งเข้ามาประคองร่างอ่อนแรงเบื้องหน้าขึ้นแนบอกอย่างทะนุถนอมแล้วยิ่งไม่เข้าใจ
“ถอยห่างจากผีดิบนั่นซะ”
“ไม่ !”
เป็นอีกครั้งที่อันเซียร์ตวาดพี่ชาย ยิ่งชายหนุ่มเห็นรอยเลือดที่เป็นทางยาวตั้งแต่ทางเข้าของปราสาทบนพื้นหินอ่อน
ในอกยิ่งร้อนราวกับจะระเบิด “พี่นั่นแหละถอยออกไป !”
“เซียร์ !”
เป็นครั้งแรกที่อันเซียร์เมินเฉยกับเสียงของผู้เป็นพี่ชาย
“โจชัว...โจชัว”
พรานหนุ่มเรียกร่างในอ้อมแขนอย่างร้อนรน ยิ่งไร้การตอบสนองกลับมายิ่งใจเสีย
ชายหนุ่มลูบมือตามโครงหน้าเย็นเฉียบอย่างเบามือ “ตอบข้าหน่อย ได้โปรด”
“ทำไมพี่ทำแบบนี้” อันเซียร์รู้สึกถึงหยดน้ำใส
ๆ ที่คลออยู่ที่ดวงตาแต่เขาไม่สนใจ เขาสนใจเพียงพี่ชายที่ยืนนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไรถัดไปไม่ไกลนัก
“ข้าเคยบอกไม่ใช่หรือว่าข้าจะจัดการเรื่องนี้คนเดียว”
ซอนเน่ ซีแนนแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ
“เจ้าหายไปสามเดือนโดยไม่แม้แต่จะส่งข่าวกลับมา
จะบอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าไม่เป็นอะไรเลยหรือ”
“เขาไม่เคยทำร้ายข้า !” อันเซียร์สวนกลับทันควัน “มีแต่พี่และชาวบ้านที่ทำร้ายเขา
!”
พอเห็นคนเป็นพี่ชายกำลังจะแย้งขึ้นมาอีกรอบชายหนุ่มก็ขัดขึ้นในทันใดด้วยเสียงอันดัง
“ไม่ต้องพูดแล้ว ! ข้าไม่อยากฟัง !”
ซีแนนถอยออกมายืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดในอก
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาเป็นทั้งพ่อ แม่ และเพื่อนให้น้องชายต่างสายเลือดเพียงเพราะมีกันแค่สองคน
เขาที่เคยดูแล ให้ความรักและปกป้องน้องชายมาโดยตลอดกลับโดนน้องชายที่ไม่เคยแม้แต่จะขึ้นเสียงใส่ตวาดซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพราะอสูรตนหนึ่ง
มันเกิดอะไรขึ้น...ทำไมน้องชายของเขาถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
“พี่กับคนอื่น ๆ ออกไปจากที่นี่ให้หมด
แล้วอย่ากลับมายุ่งกับปราสาทหลังนี้และโจชัวอีก” อันเซียร์เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ยเสียงแข็งเมื่อตัดสินใจได้
“ถ้าพี่ไม่ยอมข้าจะเกลียดพี่ พี่ไม่มีวันที่จะได้เห็นหน้าข้าอีกตลอดชีวิต
พี่ก็รู้ว่าข้าทำได้”
อันเซียร์กำลังจะพูดต่อทว่าแรงกระตุกที่ชายเสื้อบางเบานั้นดึงความสนใจทั้งหมดลงไป
อ้อมแขนแข็งแรงโอบประคองร่างอ่อนแรงขึ้นขณะที่อีกฝ่ายลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า
“อย่า...”
เสียงนุ่มนั้นแผ่วเบาจนแทบจะกลายเป็นเพียงลมบางเบา
“อย่าพูดแบบนั้นกับพี่เจ้า...เพราะเจ้าจะเสียใจ...”
“อะไรนะ...” เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“ข้าไม่อยาก...”
อันเซียร์รู้สึกเหมือนเขาได้ยินเสียงสะอื้นจากร่างในอ้อมกอด “...ให้เจ้าเสียใจ”
เสียงที่ขาดเป็นช่วง ๆ
นั้นส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวเสียงเครียดแต่ยังคงความอ่อนโยนไว้ในแววตา
“ถ้าเจ็บเวลาพูดก็ไม่ต้องพูด”
ซีแนนมองน้องชายที่ประคองอสูรร้ายอย่างอ่อนโยนนั้นด้วยแววตาอ่อนลง
เขาได้ยินน้องชายกระซิบถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงเป็นใยขณะที่พยายามสำรวจบาดแผลต่าง
ๆ ที่เขาเป็นคนทำอย่างเบามือ ในวินาทีหนึ่งความคิดบ้า ๆ ก็ปรากฏในสมอง
ความคิดที่ว่า... บางทีคงถึงเวลาแล้วที่เขาจะปล่อยมือจากน้องชายตัวเอง
น้องชายที่เคยเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก
ๆ ให้เขาต้องคอยดูแลและปกป้อง
ในวันนี้ดูเติบใหญ่จนพร้อมที่จะดูแลและปกป้องคนอื่นได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีพี่ชายอย่างเขาอีก
แต่ถึงอย่างนั้น --- ซีแนนก็สลัดความคิดบ้า
ๆ พวกนั้นทิ้งไปให้หมด เพราะรักที่เขามีให้อีกฝ่ายมาก ดังนั้นต่อให้น้องชายจะเกลียดเขาแต่ถ้ามันทำให้อันเซียร์สามารถอยู่ได้โดยไร้อันตรายเขาก็พร้อมที่จะยอมรับ
“พี่กลับไปเถอะ” เขาไม่รู้ว่าอสูรพูดอะไรกับน้องของเขาแต่เสียงของน้องดูสั่นเครือกว่าครั้งแรกที่พูดออกมา
สั่นไปถึงหัวใจคนฟัง
“ไม่”
หรือบางที
“ข้าขอร้อง...”
อาจจะเป็นน้องชายของเขาที่เลือกจะเป็นคนเดินจากมาเอง...
xxxxxxxxxxxxxxx
ชาวบ้านทุกคนกลับไปหมดแล้ว ---
อันเซียร์นึกขอบคุณที่พี่ชายเขายอมที่จะฟังคำขอร้องของเขาแทนที่การดึงดัน
เพราะหากพี่ชายเขายังดึงดันที่จะฆ่าโจชัว อันเซียร์ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้เหมือนกันว่าเขาจะเลือกใคร
ปราสาทที่ครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่อาศัยจนรู้จักทุกซอกทุกมุมนั้นถูกเผาวอดไปกว่าครึ่งหลัง
กอกุหลาบแสนสวยอันเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมดเหลือเพียงซาก
แม้กระทั่งเจ้าของของมันที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าไม่มีสิ่งใดสามารถฆ่าได้ก็ดูเหมือนจะแตกสลายได้ในพริบตา
“ข้าขอโทษ...สำหรับทุกอย่าง”
ในยามที่ความเงียบเข้าครอบคลุมทุกพื้นที่อันเซียร์ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากร่างในอ้อมแขน
ใบหน้าซีดเซียวนั้นมุ่นลงอาจะเป็นเพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบนร่างกาย แต่ริมฝีปากหยักนั้นยังคงประดับด้วยรอยยิ้มจาง
ๆ
“พูดอะไร”
เขาอยากจะดุเมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนจะเจ็บตลอดเวลาที่เอ่ยปากแต่รอยยิ้มที่ยังคงอยู่บนริมฝีปากทำให้เขาไม่กล้าขัด
ทำได้เพียงเตือนเบา ๆ ขณะที่ช้อนร่างโชกเลือดขึ้นในอ้อมแขน “อย่าเพิ่งพูดเลย
ข้าจะพาเจ้าไปรักษาก่อน”
แรงขืนตัวเบา ๆ นั้นหยุดการกระทำของเขาลง
“มันไม่ช่วยอะไรหรอก ข้ารู้ตัวเองดี”
รอยยิ้มบนริมฝีปากดูฝืดเฝื่อนเต็มที “ข้าขอโทษ”
“เจ้าบอกว่าเจ้ามีชีวิตอมตะ...”
เสียงของเขาแหบลงจนแทบจะหายไปในลำคอ “เจ้าบอกข้า...ว่าไม่มีอะไรสามารถฆ่าเจ้าได้”
อันเซียร์ได้ยินเสียงหัวเราะฝืด ๆ ที่มาพร้อมรอยชื้นบนอกและเสียงกระซิบ
“มันจบแล้ว”
“ไม่” ชายหนุ่มแย้ง “เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถฟื้นตัวได้...และฟื้นตัวได้ดีหากได้กินเลือดมนุษย์”
ฉับพลันนั้นอันเซียร์คว้ามีดสั้นที่พกติดตัวอยู่เสมอหวังจะกรีดลงบนข้อมือ
ท่ามกลางเสียงร้องของโจชัว “ไม่ !”
ร่างที่รวมแรงเฮือกสุดท้ายทุ่มเข้าใส่จนล้มกลิ้งไปทั้งคู่หอบแผ่ว
ๆ อยู่บนอก มีดสั้นที่เกือบได้ลิ้มรสเลือดของอันเซียร์กระเด็นไปจนไม่อาจเอื้อมถึง
อันเซียร์รีบประคองร่างที่นอนคุดคู้อยู่ขึ้นแนบอก “ทำอะไร !”
“อย่าทำแบบนั้น”
เขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะท้านในอ้อมแขน “มันไม่ช่วยอะไร...อีกแล้ว”
“ทำไม...” เสียงของเขาอ่อนระโหยลงอย่าเห็นได้ชัด
“ข้าพ้นจากคำสาปแล้ว...”
อันเซียร์ไม่รู้ตัวว่าเขากำลังจะร้องไห้จนกระทั่งมือเรียวนั้นยกขึ้นปาดรอยชื้นที่ปลายหางตาออก
“ข้ามีชีวิตอีกครั้ง...เพราะเจ้า”
อันเซียร์เคยคิดว่าหากวันนี้มาถึงเขาควรจะดีใจ
แต่เขากลับดีใจไม่ออก
“ขอบคุณ...และขอโทษ”
โดยเฉพาะเมื่อ...
“ขอโทษที่หนทางสุดท้ายของข้าคือความตาย”
ชายหนุ่มเห็นหยดน้ำใสที่กลิ้งลงจากดวงตาคู่งามคู่นั้นที่เขาเคยนึกชมว่ามันสวยนักหนา
“ขอโทษที่ต่อให้เจ้าช่วยข้าอย่างไร...ข้าก็จบลงที่ตายอยู่ดี”
กระบอกตาของเขาร้อนผ่าว
ลำคอแสบไปหมด แม้กระทั่งเสียงที่ถามออกมาก็ยังเจือเสียงสะอื้น
“ข้าควรทำอย่างไร”
โจชัวยิ้ม ---
ยิ้มที่อันเซียร์คิดว่ามันสวยที่สุด
“แค่กอดข้าไว้ก็พอ”
xxxxxxxxxxxxxxx
สายลมหนาวพัดผ่านมาวูบหนึ่ง...
สองร่างกอดเคียงกันอยู่ไม่ห่าง
ผลัดกันบอกรักซ้ำ ๆ ด้วยรอยยิ้มที่ถูกแต่งแต้มขึ้นมา ดวงตาสีรัตติกาลและมรกตสบกันเนิ่นนานราวกับจะบันทึกความทรงจำเบื้องหน้าเอาไว้ให้ได้นานที่สุด
จนกระทั่งเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตค่อย ๆ จมดิ่งสู่ห้วงนิทรา
ตลอดกาล
“โจชัว...โจชัว...”
เสียงทุ้มยังคงเรียกแม้จะรู้ดีว่าไม่มีวันที่อีกฝ่ายจะตอบสนองเขาได้อีกแล้ว
ใบหน้ายามหลับใหลนั้นดูสงบทั้งยังประดับด้วยรอยยิ้มเจือจางที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
ริมฝีปากอุ่นแนบลงประทับนิ่งเนิ่นนาน
หยดน้ำใสหยดหนึ่งหยดกระทบผิวแก้มซีดก่อนที่จะกลิ้งหล่นกระทบพื้นดิน
ไม่มีเสียงสะอื้น
“หลับให้สบายนะ...โจชัว”
เขาหวังว่าโจชัวคงจะหลับฝันดี...
xxxxxxxxxxxxxxx
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... ภายในป่าลึกลับอันไกลโพ้น
เคยมีตำนานหนึ่งกล่าวถึงมนุษย์ผู้ยึดมั่นในความรักต่ออสูรตนหนึ่งทั้งหมดของหัวใจ
แม้ว่าชีวิตจะดับสูญไปก็ตาม
xxxxxxxxxxxxxxx
‘โจชัว’
“โจชัว”
“โจชัว
!”
เปลือกตาบางเปิดขึ้นในฉับพลันเมื่อมืออุ่นเขย่าเข้าที่หัวไหล่
พ่อบ้านแวมไพร์กระพริบตาปริบ ๆ
อยู่สองสามทีก่อนที่จะพบว่าตนเองยังคงนอนอยู่ในโลงศพเช่นเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยคือ
‘คุณหนู’ ตรงหน้าเขาต่างหาก
นี่เขาฝันประหลาด ?
“ปกตินายไม่เคยนอนเกินเวลานี่นา
แล้วนี่จะมื้อเย็นอยู่แล้วด้วย” คุณหนูดูตกใจมากจริง ๆ “นายเป็นอะไร
ทำไมร้องไห้ใหญ่เลย !”
แวมไพร์หนุ่มอดไม่ได้ที่จะยกมือสัมผัสถึงรอยชื้นที่หางตาขณะที่มองเจ้านายด้วยความงงงวย
อันที่จริงนอกจากจะมีคุณหนูที่ยืนส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยมาให้แล้ว เมโลดี้ เกรน
เมย์ และเทียนฉาก็ยังส่งสายตาแปลก ๆ มาให้เขาด้วยเหมือนกัน
“คุณหนู...ผม...”
โจชัวเรียบเรียงเรื่องราวในหัวอยู่ครู่หนึ่ง
“ผมคิดว่าผมฝัน”
เรื่องราวคร่าว ๆ
ถูกถ่ายทอดออกไปและจบลงด้วยเสียงหัวเราะของเมโลดี้และเกรน
“พ่อบ้าน
ช่วงนี้นายดื่มเลือดมากเกินไปใช่ไหม” เมโลดี้สัพยอกอย่างขบขัน “แต่ฉันนับถือนะ
นายฝันเป็นเรื่องเป็นราวมาก ๆ”
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว”
ในที่สุดอันเซียร์ก็เอ่ยมาด้วยความโล่งใจ
“ครับ...”
เสียงท้องร้องประสานกันแทรกความเงียบขึ้นมาแทบจะทันที
“ผมคิดว่าผมควรไปเตรียมมื้อเย็น...”
“อื้อ เอาสิ”
อันเซียร์มองตามแผ่นหลังของพ่อบ้านไปจนลับสายตา
คนอื่น ๆ เองก็ทยอยออกจากห้องไปทำภารกิจของตัวเองตามเดิมเหมือนกัน
เหลือเพียงอันเซียร์ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่นาน
เขาไม่รู้ว่าฝันนั้นคืออะไร
แต่ที่แน่
ๆ
คือเขาไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดกับ
‘พ่อบ้านของเขา’
โดยเด็ดขาด
xxxxxxxxxxxxxxx
และเรื่องราวก็คงดำเนินต่อไป : ]]
Talk
จบแล้วเนอะ #หัวเราะ #หลบรองเท้า
ตอนแรกจะจบดราม่าแต่จบดราม่าแล้วมันค้างคาเพราะงั้นอย่าเลยเนาะ
อีกอย่างคือเป็นคนแต่งดราม่าแล้วประหลาด
เพราะงั้นขอโทษนะค้าบ
เรื่องนี้มีหลุด ๆ
ไม่อ่ะความจริงคือมันหลุดจากทุก ๆ อย่าง ไม่สมควรจะขึ้นว่าเป็นแฟนฟิคเลย
ควรเรียกว่าเอาตัวละครคุณอวี้หว่อมาปู้ยี้ปู้ยำคงจะดีกว่า
แต่อย่างไรก็ตามดีใจเสมอที่ทุกคนยังอ่านอยู่นะคะ
#จุ๊บ ขอบคุณทุก ๆ
คนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ
และเจอกันเมื่อชาติต้องการ #หัวเราะ
ความคิดเห็น