ตอนที่ 8 : M E E T 8
Title :: I’ll Find You [AU]
Pairing :: Minho x Jonghyun ft. Taemin x Onew
Rate :: PG-15+
Talk :: ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ฮือออ เค้าติดโปรเจคปิดเทอม แต่จะพยายามมาต่ออีกนะ ! รออีกไม่นานก็จะจบแล้วนะ จุ๊บ ขอให้มีความสุขในการอ่านนะคะ !
M E E T 8
“ไม่คิดว่าจะเจอของดีนะเนี่ย”
“อย่ายุ่งกับเขา”
มินโฮบอกเสียงเรียบ เขาบีบข้อมืออัลฟ่าคนนั้นอย่างแรง อย่างน้อยก็แรงพอที่จะให้อีกฝ่ายยอมปล่อยแขนของโอเมก้าในอ้อมกอดเขาได้ อีกฝ่ายส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอบ่งบอกได้ว่าไม่สบอารมณ์นักแต่มินโฮไม่คิดจะสนใจ เขาประคองร่างอ่อนแรงของพี่เข้าไปในห้องแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไป ไหล่ของเขากลับถูกกระชากเสียแทน
“หวงก้างจังวะ” อัลฟ่าคนนั้นคำรามต่ำ กลิ่นฟีโรโมนนั้นกำลังยั่วให้เขาคลั่ง “อย่ามาทำตัวเป็นเจ้าของหน่อยเลย”
“เขาไม่ใช่สิ่งของ !” มินโฮกระชากเสียง อารมณ์รุนแรงพลุ่งพล่านขึ้นในอก เขาหันร่างไปเผชิญหน้าคนที่ยังตามมาไม่ลดละ เพราะไม่ใช่คนที่เขาคุ้นหน้าเขาเลยไม่คิดจะเกรงใจนัก “ถอยออกไป”
“แค่โอเมก้าคนเดียว แบ่งกันใช้ไม่ได้หรือไงวะ !”
มินโฮกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ความโกรธนั้นทำให้เขาเกือบจะซัดหมัดลงบนใบหน้านั้นแล้วถ้าอนยูกับแทมินไม่ถลันตัวมาคว้าไว้เสียก่อน
“มินโฮ สงบสติอารมณ์หน่อย” อนยูปราม ยังดีที่น้องยังพอตั้งสติได้บ้างถึงได้ยอมปล่อยคอเสื้ออีกฝ่ายลงแต่แรงผลักนั้นทำให้คนที่ไม่ตั้งตัวเสียหลักไปวูบหนึ่ง
“มึงคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ !” อัลฟ่าคนนั้นคำรามอย่างเดือดดาล สัญชาตญาณในตัวกำลังพลุ่งพล่านทำให้ทันทีที่ตั้งตัวได้เขาก็ถลันมาผลักไหล่อัลฟ่าอีกคนจนเซ เงื้อหมัดขึ้นหวังชกอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ
“คุณไม่มีสิทธิ์ทำร้ายร่างกายศิลปินของผม”
โชคร้ายที่แขนของเขาถูกยึดไว้เสียก่อนด้วยฝีมือของผู้จัดการวง ชเวจินพูดเสียงต่ำขณะเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือก่อนจะเหวี่ยงอีกฝ่ายไปอีกทาง
ชเวจินขมวดคิ้วไม่ชอบใจนัก กลิ่นฟีโรโมนรุนแรงที่แม้แต่เบต้าอย่างเขายังสัมผัสได้ทำให้พอเดาเรื่องได้ราง ๆ ยังดีที่กลิ่นฟีโรโมนไม่ค่อยมีผลกระทบต่อเบต้าเท่าอัลฟ่านัก และโชคดีที่เดินมาทันเห็นเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อครู่พอดี ชเวจินไม่ชอบให้คนนอกมาก้าวก่ายเด็ก ๆ ภายใต้การดูแลของเขา
“ก็แค่โอเมก้าคนเดียว !” ชายคนนั้นยังไม่ยอมแพ้
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณได้รับอนุญาตให้เข้ามาด้วยซ้ำ” เขาพยายามพูดอย่างใจเย็น ปรายตามองคนที่ดูยังไงก็คงไม่ใช่พนักงานคงเป็นแฟนคลับที่แอบตามมาเสียมากกว่า ชเวจินไม่อยากใช้ความรุนแรงนักเพราะมันทำให้คนอื่น ๆ มองน้องของเขาไม่ดีไปด้วย
“มันมีค่าอะไรนักหนาวะถึงได้ปกป้องขนาดน... !”
ผัวะ !
ร่างของคนพูดเซไปเล็กน้อยด้วยแรงหมัดของคนที่ขึ้นชื่อว่าใจเย็นที่สุดในวงท่ามกลางความตกใจของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ อนยูหักนิ้วขณะที่สาวเท้าเข้าไปใกล้คนที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ออกแรงกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายให้ยืนขึ้นพลางพูดเสียงเรียบ “เมื่อกี้สำหรับที่แกดูถูกโอเมก้า”
ชเวจินกระโจนเข้าไปหมายจะห้ามแต่ไม่ทันเมื่อหัวหน้าวงโผนเข้าไปต่อยอีกครั้งจนอีกฝ่ายหน้าคว่ำ แรงเสียจนได้ยินเสียงหมัดกระทบผิวเนื้อชัดเจน
“และนั่นสำหรับที่แกดูถูกน้องฉัน”
xxxxxxxxxxxxxx
โชคร้ายไปหน่อยที่อัลฟ่าคนนั้นเป็นปาปารัสซี่ไม่ใช่แฟนคลับ
ถึงอีกฝ่ายจะผิดที่บุกเข้ามาในสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตแต่ข่าวที่ได้ออกไปนั้นทำให้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เรียกว่าหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสารข่าวบันเทิงทั้งหลายแหล่ต้องลงข่าว กลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ภายในชั่วข้ามคืน
แน่นอนว่าข่าวนั้นดังไปเข้าหูบริษัท และนั่นทำให้จงฮยอนถูกพักงานชั่วคราว
ถ้าจะพูดให้ถูกจริง ๆ คือคิม จงฮยอนถูกพักงานชนิดไม่มีกำหนดที่เขาขอลงความเห็นว่าอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมตัวโดน ‘ไล่ออกอย่างเป็นทางการ’ เพียงแค่รอให้ผ่านการประชุมให้เรียบร้อยก่อนเท่านั้น แต่แม่ง --- มันก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าผลสรุปจะเป็นยังไงในเมื่อเขาทำผิดกฎข้อร้ายแรงของบริษัท
ไม่โดนให้ทำไงไหววะ
“อาการเป็นไงบ้าง”
อ่อ... เขาไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าตลอดช่วงเวลาฮีทพี่อนยูเป็นคนคอยดูแลเขา
ยังดีที่ฟีโรโมนของโอเมก้าไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเบต้าเท่าอัลฟ่า ความจริงคือมีผลแต่มนุษย์ที่ควบคุมตัวเองได้ดีตลอดเวลา วางตัวได้สมศักดิ์ศรีหัวหน้าวงอย่างพี่อนยูไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ถึงอย่างนั้นจงฮยอนไม่ชอบใจนักที่ต้องเห็นพี่เขามาอยู่ด้วยทั้งที่เป็นเวลางาน
อี จินกิถูกทัณฑ์บนเนื่องจากการใช้ความรุนแรง แน่นอนว่าประเด็นต่อยปาปารัสซี่ทำให้อีกฝ่ายดังไม่แพ้กัน เรียกว่าควบคู่สูสีกับเขาเลยทีเดียว เนื่องจากผู้เห็นเหตุการณ์มีค่อนข้างเยอะแต่นอกจากเจ้าตัวจะไม่ว่าอะไรแล้วยังยิ้มเรื่อย ๆ พร้อมกล่าวว่า ‘เขาสมควรโดน’ ด้วยซ้ำ
อันที่จริงอนยูโดนสัมภาษณ์ไปครั้งหนึ่งก่อนถูกสั่งกักบริเวณ แต่คำตอบในการให้สัมภาษณ์ของเขาคือ ‘แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรในการทำร้ายโอเมก้า ?’ เล่นเอาสังคมสั่นสะเทือนกันไปเป็นแถบ กลายเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ใหญ่โตสำหรับการกระทำในครั้งนี้เลยทีเดียว
ก็คนเป็นข่าวดันเป็นคนที่มีภาพลักษณ์อ่อนโยน สุภาพ นุ่มนวล สุภาพบุรุษ ไม่มีปากมีเสียงนี่นา
สรุปคือตอนนี้งานโปรโมทหรืองานแสดงของวงถูกพักไว้เรียบ เนื่องจากพี่ทั้งสองคนของวงถูกพักงาน และนั่นส่งผลให้น้อง ๆ ที่เหลืออีกสามคนงอแงไม่อยากทำอะไรตามไปด้วยจนโดนอนยูดุเข้าไปอีกรอบหนึ่งถึงได้ดูกระตือรือร้นมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะต้องออกไปเจอสถานการณ์ที่ไม่ค่อยชอบใจก็ตาม
ก็นะ... นักข่าวเล่นรุมเช้ารุมเย็น กว่าจะฝ่าได้แต่ละทีนี่เขาเหนื่อยแทนน้องจริง ๆ
“กลับมาแล้วครับ”
สามเสียงประสานกันเรียกรอยยิ้มของพี่ ๆ ทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี แทมินเดินหอบข้าวของพะรุงพะรังตามมาด้วยคีย์และมินโฮที่สภาพดูลำบากลำบนไม่แพ้กัน
“เฮ้ย อะไรเยอะแยะวะ” จงฮยอนทักขณะที่ก้าวเข้าไปช่วยน้องถือ
“จากแฟน ๆ น่ะครับ” แทมินยิ้มกว้าง หน้าตาน้องดูสดใสกว่าเมื่อวานตอนที่รู้ว่าพี่ ๆ โดนพักงานขึ้นเยอะ “กำลังใจดีสุด ๆ ไปเลย”
จงฮยอนเลิกคิ้ว ปกติพี่ชเวจินไม่ค่อยยอมให้รับของจากแฟน ๆ โดยตรงมากนักส่วนใหญ่จะเป็นของที่แฟน ๆ ส่งมาให้ทางบริษัทเพื่อนำมาให้มากกว่าแต่ดูจากปริมาณข้าวของมากมายทั้งการ์ดกระดาษ จดหมาย ป้ายไฟ ตุ๊กตาและของกินมากมายแล้วดูเหมือนถ้าส่งมาให้แต่ที่บริษัทที่เดียวคงได้บริษัทแตกกันบ้าง
“แฟน ๆ ฝากจดหมายมาให้พี่เยอะมาก” มินโฮยื่นถุงกระดาษใบโตส่งให้พี่คนรอง แล้วหันไปส่งให้พี่คนโต “ของพี่เองก็เยอะไม่แพ้กันครับ”
“ผมถ่ายคลิปตอนแฟน ๆ ไปรอรับเราที่บริษัทไว้ด้วยนะ” คีย์รีบวางของลงแล้ววิ่งมาหาคนอื่นที่กำลังรุมอ่านจดหมายกันอยู่ ข้อความส่วนใหญ่เป็นข้อความให้กำลังใจ บางส่วนแสดงถึงความเป็นห่วงเล่นเอาคนอ่านยิ้มแทบไม่หุบ คีย์ขยับเข้ามากลางวงขณะที่กดเล่นวิดีโอในมือถือ
มันปรากฏภาพของกลุ่มคนจำนวนมากที่ยืนอออยู่เต็มไปหมด พวกเธอพยายามโบกไม้โบกมือให้ดูแล้วน่าปวดหัวอยู่ไม่น้อย พอแทมินเริ่มเดินไปตามทางที่จัดไว้ตามด้วยมินโฮ เสียงกรี๊ดพลันกระหึ่มออกมาจากลำโพงทำให้พวกเขาอมยิ้ม แทรกปนมาด้วยประโยคสั้น ๆ ที่พอจับใจความได้บ้าง
‘พวกฉันรักพี่นะคะ !’
‘พี่คะ ! อย่าเพิ่งท้อนะ !’
‘พวกฉันจะปกป้องพี่เองค่ะ !’
และอีกมากมายทั้งที่จับใจความได้และจับใจความไม่ค่อยได้ จงฮยอนอมยิ้มมองภาพความวุ่นวายเล็ก ๆ ทั้งที่จำนวนไม่ได้น้อยแล้วรู้สึกเหมือนน้ำตาคลอ เขาอ่อนไหวง่าย ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้จงฮยอนยิ่งรู้สึกว่าเขาอ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ
แต่แม่ง --- แฟนคลับพวกเขาโคตรน่ารักเลยว่ะ
“ฉันอยากเข้าบริษัทว่ะ” จงฮยอนพึมพำทั้งที่สายตายังไล่อ่านจดหมายจากแฟน ๆ ไม่หยุด ทั้งที่ข้อความเหมือน ๆ กันแต่จงฮยอนกลับรู้สึกดีที่ได้อ่านมัน
“จะดีอ่อวะพี่” คีย์ย่นหน้า นึกถึงสภาพนักข่าวที่พุ่งเข้ามารุมพวกเขาแล้วรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ
“ดีสิ” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักอย่างตัดสินใจได้ ถึงในใจจะโหวง ๆ อยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการเร่งเวลาของเขาให้หมดเร็วขึ้นหรือเปล่า “อย่างน้อยพี่ก็อยากให้เขารู้ว่าทำไมพี่ทำแบบนี้”
แต่ในเมื่อแฟน ๆ ยังพยายามเพื่อเขาขนาดนี้ เขาจะอยู่เฉย ๆ ได้ยังไง
เขาก็ควรพยายามเพื่อตอบแทนพวกเธอบ้าง ถูกมั้ย ?
xxxxxxxxxxxxxx
แต่พูดก็พูดเถอะ....
ทำไมขาเขาถึงได้สั่นขนาดนี้วะ !
จงฮยอน อนยู และมินโฮมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้า ในขณะที่คีย์มีคิวเดินแบบกว่าจะเสร็จก็ช่วงบ่าย ส่วนแทมินมีถ่ายรายการยาวตั้งแต่เช้าเหมือนกัน ทั้งสองคนดูงอแงอยู่นิดหน่อย ปากพร่ำ ๆ บอกแต่ว่าอยากมาด้วยแต่พอเห็นท่าทางไม่ค่อยเห็นด้วยของพี่อนยูแล้วก็เงียบกันทั้งคู่
แน่สิ ไม่อยากโดนบ่นรอบสองหรอกนะ !
“มินโฮ” จงฮยอนดึงแขนเสื้อคนที่เดินนำอยู่ก่อนหนึ่งก้าว ไม่รู้ว่าน้องตั้งใจหรือว่าเป็นความเคยชินแต่การที่เขาเดินไปและมองเห็นไหล่กว้าง ๆ นั้นได้จากข้างหลังมันดูทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาเหมือนกัน เพราะรู้ดีว่าเจ้าของไหล่กว้างนี้สามารถปกป้องเขาได้
“เป็นอะไรครับพี่” คนน้องพอรับรู้ถึงแรงกระตุกนั้นถึงหันมาหาพร้อมรอยยิ้มอุ่น ๆ พอเห็นหน้าเจื่อน ๆ ของพี่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม “กลัวเหรอ ?”
“แม่งแบบ... ใจไม่ค่อยดีเลยว่ะ”
“กลัวอะไร” คนตัวสูงกว่าผ่อนฝีเท้าลงจนสุดท้ายก็เดินลงมาข้างกัน “ผมอยู่ตรงนี้ ไม่เห็นต้องกลัวเลย”
ไออุ่นที่ได้รับผ่านมือที่อยู่บริเวณข้อศอกทำให้จงฮยอนแอบอมยิ้ม ความจริงแล้วมินโฮอยากส่งความร้อนจากร่างกายให้มือเย็น ๆ นั้นมากกว่าแต่ถ้าทำแบบนั้นมันคงประเจิดประเจ้อไปหน่อย
“มาจีบอะไรกันหน้าห้องท่านประธานวะ” หัวหน้าวงที่เดินอยู่อีกข้างกระซิบขำ ๆ เล่นเอาน้องทั้งสองสะดุ้ง อนยูโคลงหัวแจกยิ้มเรียบเรื่อยให้น้อง “พร้อมมั้ย ? จะเข้าแล้วนะ”
“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมปะพี่” จงอยอนรู้สึกได้ว่าเสียงตัวเองสั่น ๆ พอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็ได้แต่ครางในใจ “นี่ถึงเวลานัดแล้วด้วย”
ปกติแล้วเวลามีการประชุม คนที่เข้าประชุมคือผู้จัดการวงที่จะนำเนื้อหาในการประชุมมาบอกศิลปินของตัวเองอีกที และนั่นทำให้พวกเขาไม่ค่อยได้พบท่านประธานเสียเท่าไหร่ นอกจากท่านลงมาแวะเยี่ยมเยียนเล็ก ๆ เท่านั้น ที่จงฮยอนรู้คือการเข้าพบท่านประธานนั้นยากมากด้วยตารางเวลาที่แน่นขนัด เรียกว่าถ้าไม่นัดล่วงหน้าอย่าหวังว่าจะได้พบ
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแค่โทรไปหาพี่ชเวจินแล้ววันรุ่งขึ้นถึงได้เข้าพบเลย จงฮยอนไม่อยากคิดว่ามันเป็นเพราะข่าว ‘คาว’ ของเขาเท่าไหร่หรอก
ท่านประธานอีนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ใบหน้าที่ปรากฏร่องรอยตามวัยนั้นเคร่งขรึมเสียจนจงฮยอนอดเกร็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากทำความเคารพ จัดแจงที่นั่งเรียบร้อยแล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
เอาตรง ๆ คือเขาว่าเขาเตรียมใจมาเยอะแล้วนะ แต่พอนั่งอยู่ตรงนี้แล้วใจมันปิ๋ว ๆ ว่ะ
“ผมขอโทษครับ” จงฮยอนลุกขึ้นโค้งต่ำ มือสั่น ตัวสั่นไปหมด เขาไม่กล้าเงยหน้าด้วยซ้ำจนกระทั่งได้ยินเสียงดุ ๆ บอกให้เขาเงยหน้ามานั่งดี ๆ “ท่านครับ ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันผิดและไม่น่าให้อภัยแต่ได้โปรดให้ผมบังอาจขออะไรท่านสักอย่างได้มั้ยครับ”
“ว่ามาสิ...”
“ตลอดชีวิตที่ผ่านมา --- ผมรับรู้มาตลอดว่าโอเมก้าไม่ใช่สถานะที่ได้รับการยอมรับจากสังคม ผมรู้ครับว่าโอเมก้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องสิทธิ์ใด ๆ ให้ตัวเองได้” จงฮยอนสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกกำลังใจ ไม่ทันไรมือใหญ่ ๆ ของคนที่นั่งข้างก็ขยับมากอบกุม แรงกระชับมือเบา ๆ นั้นเหมือนจะบอกว่าเป็นกำลังใจให้อยู่และนั่นทำให้จงฮยอนกล้าที่จะพูดต่อ “ผมแค่หวังว่ามันจะมีที่ไหนสักที่ยินยอมให้โอเมก้าอย่างผมได้พิสูจน์ว่าผมเองก็ไม่ได้ต่างจากเบต้าหรืออัลฟ่า สักที่ที่จะยอมมองโอเมก้าอย่างผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง”
เขากระพริบตาถี่เพื่อกลั้นน้ำตาให้ไหลกลับลงไป ถึงอย่างนั้นจมูกของเขากลับแสบไปหมด
“ในตอนที่ท่านพิจารณาเรื่องการพักงานของผม ท่านจะช่วยมองผมที่เป็นตัวผมได้มั้ยครับ ตัวผมที่ไม่ใช่โอเมก้า” จงฮยอนกำลังเกร็งแต่อีกสองคนที่นั่งขนาบข้างเขาก็เกร็งไม่แพ้กัน “ท่านครับ... ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมขอมันมากเกินไปแต่ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากเกิดเป็นโอเมก้าหรอกครับ”
“ท่านครับ ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าวง...ผมอยากเรียนท่านว่าผมทำงานกับมันมาเก้าปี ผ่านอะไรมาด้วยกันก็เยอะแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มันจะทำตัวมีปัญหาเพียงเพราะมันเป็นโอเมก้า” อนยูเป็นฝ่ายพูดบ้าง “มันตั้งใจทำเต็มที่ทุกครั้งในทุกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ผมเห็นมันเหนื่อย ผมเห็นมันท้อแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมจะเห็นมันยอมแพ้”
คนเป็นพี่ยิ้มภูมิใจขณะที่โค้งตัวลงต่ำ
“ท่านครับ ผมเชื่อว่าท่านเห็นสิ่งที่มันพยายามมาโดยตลอด ผมเชื่อว่าท่านเห็นศักยภาพและความพยายามในตัวมันที่มีไม่แพ้เบต้าหรืออัลฟ่า ได้โปรดเถอะครับผมอยากให้ท่านลองพิจารณาเรื่องของมันใหม่อีกครั้ง” อนยูเห็นน้ำตาตัวเองหยดลงกระทบหลังมือ “ท่านเคยบอกผมไว้ตอนที่ผมได้เป็นหัวหน้าวงว่าจะเป็นเบต้าหรืออัลฟ่ามันก็ไม่สำคัญ ขอเพียงมีใจที่อยากทำงานไม่ว่าใครก็ทำได้ ขอเพียงผมมีใจที่อยากดูแลน้อง ๆ ผมก็จะเป็นหัวหน้าวงที่ดีได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นอัลฟ่า”
“ได้โปรดให้โอกาสมันเหมือนตอนที่ท่านให้โอกาสผมเถอะครับ”
xxxxxxxxxxxxxx
“เธอรู้มั้ยว่าสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดในการรับโอเมก้าเข้ามาทำงานไม่ใช่เรื่องศักยภาพ” เสียงทุ้มดุเอ่ยขึ้นช้าชัด จงฮยอนคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองแต่เขาเห็นรอยปราณีในดวงตาคู่นั้น “เรื่องที่ฉันกลัวคือเรื่องความปลอดภัย เวลาที่โอเมก้าเกิดฮีทนั้นเป็นช่วงที่ไม่สามารถป้องกันตัวได้ การที่ต้องทำงานที่พบปะผู้คนมากมายขนาดนี้สำหรับโอเมก้าเธอคิดว่ามันปลอดภัยหรือ”
ท่านประธานอีถอนหายใจหนัก
“ฉันได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ แล้วเธอรู้ไหมว่าฉันโล่งใจแค่ไหนตอนที่รู้ว่าเธอปลอดภัย”
“ผม...” จงฮยอนพูดไม่ออก หัวตาเขาร้อนผ่าว
“เธอเป็นคนเก่งนะจงฮยอนฉันยอมรับ แต่เธอคิดว่าการเอาตัวเองมาอยู่ในแวดวงแบบนี้มันดีต่อตัวเธอแล้วจริง ๆ หรือ”
ความเงียบเข้าครอบคลุมภายในห้องอีกครั้ง จงฮยอนก้มหน้าลงอย่างจำยอม เขาอยากเถียงแต่แรงดึงที่ข้อแขนในวันนั้นเขายังจำได้ดี เขาจำได้ว่าเขากลัวแค่ไหนตอนที่อัลฟ่าคนนั้นดึงตัวเขาไปจากมินโฮ จำคำพูดที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเขาได้
“ผมจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นครับ” คนที่นั่งเงียบมาตั้งแต่แรกเป็นคนเอ่ยขึ้น มินโฮสบตากับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างแน่วแน่ “ท่านเคยได้ยินเรื่องเล่าที่ว่าในโลกใบนี้ได้สร้างอัลฟ่าคนหนึ่งเพื่อให้มาดูแลและปกป้องโอเมก้าคนหนึ่งไหมครับ ?”
มินโฮกระชับมือที่เขากุมอยู่ไว้แน่นราวกับการยืนยัน
“ในฐานะอัลฟ่าคนนั้น --- ผมไม่มีวันปล่อยให้โอเมก้าของตัวเองต้องพบเจอเรื่องแบบนั้นแน่นอนครับ”
xxxxxxxxxxxxxx
เข้าใจประธานมากๆ เหมือนที่จงฮยอนบอก ถ้าไม่มีมินโฮกับเมมเบอร์อยู่ด้วยตอนเกิดเหตุการณ์นั้นคงแย่ แต่มีมินโฮนี่นา เราไว้ใจมินโฮนะ พูดแบบนี้จงฮยอนรักตาย แง เราขอรักด้วยนะ
เราชอบภาษา การอธิบายมากค่ะ แต่งฟิคสักเรื่องได้แบบนี้คงดี แฮ่
ตอนคิมจงถูกพักงานไม่มีกำหนดนี่ไรท์เตอร์ทำเราเครียดอ่ะ นึกว่าจะโดนไล่ออกซะแล้ว แต่ที่ไหนได้ ท่านประธานสั่งพักงานเพราะเป็นห่วงศิลปิน ฮือออออ ท่านประธานน่ารักมาก หนูรักท่านประธานนะคะ 😢
ประโนคสุดท้ายทำเราเขินเลยอ่า พี่มินโฮรู้แล้วสินะว่าเป็นคู่พี่จง งือออออ *จิกหมอน* ในเมื่อรู้แล้วก็ดูแลพี่จงให้ดีนะคะพี่มินโฮ ห้ามให้ใครมาทำร้ายพี่จงได้น้า ><
เราว่าจะบอกไรท์เตอร์หลายตอนแล้วค่ะว่าเราชอบเวลาไรท์เตอร์เขียนบรรยายอ่า แบบเวลาแสดงสีหน้ามันชัดเจนมาก เราเห็นภาพชัดเลย สำนวนดีมากเลยค่ะ เราชอบนะคะ รีบมาต่อน้า มันค้างมากเลยยยย ^^
อยากจะบอกว่าในส่วนของตอนนี้หลายอารมณ์มากค่ะ โกรธอัลฟ่านิสัยเสีย แต่ก็อึ้งไปกับตะหงิที่ต่อยเอาๆ หน้ายิ้มๆแต่ร้ายกาจใช่เล่น และอบอุ่นกับฉากที่แฟนคลับและน้องๆในวงให้กำลังใจทุกคน
มันดีย์ค่ะ ฮือออออออออ
ชเวมิงคงรจัดการคนของตัวเองได้แล้วนะคะ! กัดคอเลยค่ะ! #ผิด
จริงๆเราชอบฟิคตัวเองตรงที่คาร์แต่ละคนเคาะมาจากชายในมุมที่พวกเราเห็นแค่เปลี่ยนเป็นเล่นดนตรีเท่านั้นเอง
ท่านประธานใจดีมากกก ดูไม่แบ่งเรื่องชนชั้นด้วย เพราะเป็นห่วงล้วนๆเลย หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ได้ทพวงด้วยกันต่อนะคะ แง
สู้ๆค่า ขอบคุณสำหรับฟิคสนุกๆนะคะ