คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prologue
Prologue
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ... ภายในผืนป่าลึกลับอันไกลโพ้น
เคยมีตำนานกล่าวถึงเรื่องราวของมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ริอาจหาญที่จะ
‘รัก’ อสูรร้าย หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวด้วยใจที่บริสุทธิ์
อย่างที่อสูรไม่เคยได้รับจาก ‘ใคร’ มาก่อน
มันจริงหรือที่อสูรตนหนึ่ง
สามารถที่จะครองรักกับมนุษย์ได้...
ลองมาอ่านเรื่องราวของพวกเขาสิ...
xxxxxxxxxxxxxxx
มันเป็นคืนที่มืด...
บนท้องฟ้าที่ดำสนิทราวกับมีผ้ากำมะหยี่สีดำมาปกคลุมไว้
มีเพียงแสงดาวริบหรี่ที่กระจายเต็มผืนฟ้า
ใยหมอกบางเบาทิ้งตัวอยู่รอบกายพร้อมสายลมหวีดหวิวที่ชวนให้หนาวสั่น มีเพียงผืนป่ารกชัฏมืดสนิทที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
พื้นหิมะสีขาวโพลนและเสียงเห่าหอนแว่ว ๆ ของฝูงหมาป่าที่ยังคงอยู่เป็นเพื่อน
‘เทียนฉา’ อดไม่ได้ที่จะแนบตัวลงต่ำกับม้าคู่ใจของเขา
ถามว่ากลัวไหม... คงใช่
เทียนฉาเป็นเพียงชายวัยกลางคนที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นปรากฏตามใบหน้า
ผิวดำแดงกร้านแดดและผมที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดอกเลา
เป็นพ่อค้าที่โดนโกงเงินไปมหาศาลจนสิ้นเนื้อประดาตัว เป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีลูก
ๆ รอให้กลับไปหา
หลายปีก่อน --- ในวันที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างถึงที่สุด
กิจการอันเป็นขุมทรัพย์หลักของบ้านจำต้องปิดตัวลง
เรือสำเภาที่เคยขนส่งสินค้าของเขาถูกปล้นจนก่อเป็นหนี้มหาศาลทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยมีต้องหายไปในพริบตา
เหลือเพียงครอบครัวและบ้านหลังเล็ก ๆ พร้อมที่ดินไม่มากแถบชายแดน
เทียนฉาและครอบครัวจึงย้ายมาตั้งรกรากที่บ้านหลังนั้นจวบจนกระทั่งวันนี้
วันที่เขาได้รับข่าวถึงทรัพย์สินที่หลงเหลือจากเรือสำเภา
วันที่เขาคิดว่าจะสามารถกลับมาตั้งต้นชีวิตการค้าขายของเขาได้ใหม่
ทำให้เทียนฉาเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปรับทรัพย์สินที่เหลืออยู่แต่สิ่งที่เขาคว้ากลับมาได้เป็นเพียงความว่างเปล่า
มีคนแอบอ้างชื่อของเขารับสิ่งของพวกนั้นไปหมดแล้ว...
สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นชายที่สิ้นเนื้อประดาตัวคนเดิม
ในความมืดอันหนาวเหน็บและวังเวง
เทียนฉานึกถึงเพียงแต่ใบหน้าของลูก ๆ
ที่เฝ้ารอให้เขากลับมาบ้านกับภรรยาที่จากไปนานมากแล้ว หัวใจบีบรัดจนปวดหนึบเพราะไม่สามารถนำสิ่งที่ลูก
ๆ ต้องการกลับไปได้สักอย่าง
ทั้งอาหาร เสื้อผ้า เครื่องประดับ
หรือแม้แต่ดอกกุหลาบที่สวยที่สุดหนึ่งดอก
อาชาคู่ใจยังคงเยื้องเหยาะไปอย่างไร้ทิศทาง
“นั่น...”
แสงไฟ ? ...เขาเห็นแสงไฟ !
มือสองข้างกระตุกบังเหียนเพื่อเร่งฝีเท้าม้าให้ตรงไปยังแสงไฟนั้นอย่างรวดเร็ว
มันเหมือนแสงไฟจากบ้านคนอย่างน้อยเพียงขออาศัยให้พอคลายความหนาวเหน็บก็ยังดี
แต่ยิ่งเข้าใกล้
ความหวังริบหรี่เมื่อสักครู่ดูจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
มันไม่ใช่บ้านคน...
แต่คือปราสาทหลังใหญ่ดำทะมึน
xxxxxxxxxxxxxxx
เสียงประตูเอี๊ยดอ๊าดนั้นชวนให้ขนลุก
เทียนฉาทำได้เพียงยืนมองห้องโถงสูงใหญ่เบื้องหน้าอย่างหวาดหวั่น
แสงเทียนริบหรี่นั่นเป็นข้อยืนยันว่าแสงไฟที่เขามองเห็นมาจากที่นี่
บรรยากาศภายในนั้นอบอุ่นกว่าข้างนอกมากโข เพียงแต่สิ่งที่ยังติดอยู่ในใจไม่ให้เขาก้าวล้ำเข้าไปมากกว่านี้ก็คือสภาพที่ดูไร้คนอาศัย
มือของเขาแข็งเกร็งและไร้ความรู้สึกเนื่องจากเผชิญความหนาวเหน็บมานาน
สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจก้าวเข้าไป
ประตูบานใหญ่มหึมานั้นปิดลงทิ้งความหนาวเหน็บอยู่เบื้องหลัง
ราวกับสวรรค์...
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าของเขาคืออาหารชั้นเลิศหลากหลายชนิด
รวมถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่บรรจุภายในหีบอย่างดีที่เปิดอ้า
ราวกับรอให้มีคนมาหยิบมันไป กลิ่นหอมหวนจากอาหารเบื้องหน้าสะกิดให้ท้องร้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จนสุดท้ายเขาก็ลงมือจัดการกับอาหารมากมาย
นอกจากจะคลายความหนาวแล้วท้องยังอิ่มแต่ใจยังคงพะวงถึงของขวัญของลูกสาวลูกชาย
ของทุกอย่างกองอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว! เมื่อนึกถึงใบหน้าอันยินดีของลูก
ๆ เทียนฉาถึงข่มความกลัวในใจแล้วจัดการหอบของเบื้องหน้าให้มากที่สุดเท่าที่เขาและม้าของเขาจะทนได้
เพื่อความสุขของลูกแม้การกระทำจะไม่ต่างจากขโมยเขาก็ยอม ถึงอย่างนั้นใจของเทียนฉาก็ยังคงกังวลถึงของขวัญของลูกสาวคนเล็กอยู่ดี
ดอกกุหลาบที่สวยที่สุดหนึ่งดอก
ที่นี่ไม่มีดอกกุหลาบ...
เทียนฉารู้ว่าคงได้รับสายตาผิดหวังจากเด็กสาวตัวเล็กเช่นเคย เพียงแค่นึกถึงใบหน้าหมองเศร้าของเจ้าตัวเล็ก
เขาก็อยากจะกรีดร้อง
หีบที่บรรจุเสื้อผ้า เพชรนิลจินดารวมถึงอาหารมากมายทั้งหมดถูกขนขึ้นม้า
เทียนฉาทำได้เพียงขอบคุณภายในใจ
ไม่ว่าเจ้าของสิ่งของพวกนี้จะเป็นใครแต่มันคงสร้างรอยยิ้มให้แก่ครอบครัวของเขาได้มหาศาล
เป็นบุญคุณที่สักวันเขาต้องทดแทนให้ได้
สายลมพัดแผ่วพร้อมกลีบดอกกุหลาบสีแดง...
แปลงกุหลาบเรียงรายอยู่ถัดจากเขาไปไม่ไกล
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ถึงพบว่ามันกำลังแข่งกันชูช่อออกดอกแข่งกันอย่างสวยงาม
สีแดงสดนั้นตัดกับพื้นหิมะสีขาว ดูสวยงาม ราวกับหลอกล่อให้ต้องมนตร์
สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ
เทียนฉาเอื้อมมือไปแตะมันอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวที่จะทำให้มันช้ำ
ปราสาทร้างแห่งนี้ไร้คนอาศัย
หากจะขอนำไปเป็นของขวัญแก่ลูกสาวเขาสักดอกก็คงไม่เป็นไร
อย่างไรเสียหากปล่อยให้มันชูช่ออยู่ที่นี่ก็คงไม่มีใครที่ได้ชมความงามของมัน
วินาทีนั้นร่างของเขาถูกเหวี่ยงอย่างแรง
!
หลังกระแทกพื้นเจ็บจนเสียงร้องหลุดออกมาจากปาก
ทว่ามือยังกำดอกกุหลาบแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ที่ข้าให้เจ้าทั้งหมดยังไม่พอใจอีกหรือ”
เสียงคำรามวังเวงดังก้องจนใจสะท้าน มือเรียวเย็นเฉียบแข็งแกร่งดั่งคีมเหล็กกดแน่นอยู่ที่คอจนหายใจลำบาก
ความกลัวถาโถมเข้าในจิตใจจนน้ำตาคลอ
“ทำไมต้องยุ่งกับของรักของข้า”
มันเป็นคืนที่มืดสนิท...
ทว่าร่างที่ปรากฏเบื้องหน้าของเขานั้นโดดเด่นออกมาจากความมืดนั้น
ผิวขาวซีดจนเห็นเส้นเลือดสีน้ำเงินเป็นริ้วตามร่างกายตัดกับเรือนผมดำขลับยาวสยาย
ใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดน่ากลัว
และนัยน์ตาสีมรกตที่วาวโรจน์
“ข้าเพียง...อยากนำกุหลาบนี้...ไปเป็นของ...ขวัญให้...ลูกสาวของข้า”
เทียนฉาพยายามเอ่ยอย่างยากลำบาก คอที่ถูกกดแน่นนั้นยากต่อการหายใจและการพูด “ข้าไม่ได้...ตั้งใจ”
“ข้าไม่สน” เขี้ยวขาวแสยะออก “การที่เจ้ามายุ่งกับของรักข้า
สิ่งที่เจ้าต้องชดใช้คือชีวิต !”
“ได้โปรด !” เทียนฉาทำได้เพียงเอ่ยอ้อนวอน “อย่างน้อย...ให้ข้า...ได้กลับไป...ให้ลูกสาวข้า...แล้วท่านจะเอาชี...ชีวิตข้าก็เชิญ
!”
ความเย็นเยียบที่กดแน่นบริเวณลำคอค่อย
ๆ หายไป แม้ปลายเล็บแหลมคมยังคงจ่ออยู่ที่คอ เทียนฉาหอบหายใจ
กอบโกยอากาศที่เขาเคยคิดว่าอาจจะไม่ได้ใช้อีกแล้ว
“ข้าเกลียดคนผิดสัญญา”
เทียนฉารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหยุดหายใจ
“ข้าให้โอกาสเจ้า” อสูรเบื้องหน้าเขาคำราม
“จัดการทุกอย่างให้เสร็จแล้วกลับมาที่นี่ภายในหนึ่งทุ่มวันพรุ่งนี้”
เทียนฉาปากคอสั่น...ทำได้เพียงมอง ‘ผีดิบ’ ข้างหน้าขยับห่างไป
“ถ้าเจ้าไม่กลับมา
ข้าจะตามหาเจ้าแล้วฆ่าครอบครัวพวกเจ้าทิ้งทีละคน” นัยน์ตาดวงนั้นจ้องตรงมาที่เขา เย็นชาราวกับไร้หัวใจ
“ข้าจะทรมานพวกเขาต่อหน้าเจ้า
จะเก็บลูกสาวเจ้าไว้เป็นคนสุดท้าย...เพราะเจ้ารักนางมาก”
ผ้าคลุมพัดสะบัดก่อนที่ร่างทั้งร่างจะกลืนหายไปกับความมืดพร้อมเสียงวังเวงที่ยังคงก้อง
“หนึ่งดอกแลกหนึ่งชีวิต
จำไว้ !”
ความคิดเห็น