ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic No Hero] Gentleman and The Beautiful Beast [อันเซียร์ x โจชัว]

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 58


    CR.SHL


     Prologue

     

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ...  ภายในผืนป่าลึกลับอันไกลโพ้น

     

    เคยมีตำนานกล่าวถึงเรื่องราวของมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ริอาจหาญที่จะ รัก อสูรร้าย หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวด้วยใจที่บริสุทธิ์ อย่างที่อสูรไม่เคยได้รับจาก ใคร มาก่อน

     

    มันจริงหรือที่อสูรตนหนึ่ง สามารถที่จะครองรักกับมนุษย์ได้...

     

     

    ลองมาอ่านเรื่องราวของพวกเขาสิ...

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

     

    มันเป็นคืนที่มืด...

     

    บนท้องฟ้าที่ดำสนิทราวกับมีผ้ากำมะหยี่สีดำมาปกคลุมไว้ มีเพียงแสงดาวริบหรี่ที่กระจายเต็มผืนฟ้า ใยหมอกบางเบาทิ้งตัวอยู่รอบกายพร้อมสายลมหวีดหวิวที่ชวนให้หนาวสั่น มีเพียงผืนป่ารกชัฏมืดสนิทที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า พื้นหิมะสีขาวโพลนและเสียงเห่าหอนแว่ว ๆ ของฝูงหมาป่าที่ยังคงอยู่เป็นเพื่อน

     

    เทียนฉาอดไม่ได้ที่จะแนบตัวลงต่ำกับม้าคู่ใจของเขา

     

    ถามว่ากลัวไหม... คงใช่ เทียนฉาเป็นเพียงชายวัยกลางคนที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นปรากฏตามใบหน้า ผิวดำแดงกร้านแดดและผมที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดอกเลา เป็นพ่อค้าที่โดนโกงเงินไปมหาศาลจนสิ้นเนื้อประดาตัว เป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีลูก ๆ รอให้กลับไปหา

     

    หลายปีก่อน --- ในวันที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างถึงที่สุด กิจการอันเป็นขุมทรัพย์หลักของบ้านจำต้องปิดตัวลง เรือสำเภาที่เคยขนส่งสินค้าของเขาถูกปล้นจนก่อเป็นหนี้มหาศาลทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยมีต้องหายไปในพริบตา เหลือเพียงครอบครัวและบ้านหลังเล็ก ๆ พร้อมที่ดินไม่มากแถบชายแดน เทียนฉาและครอบครัวจึงย้ายมาตั้งรกรากที่บ้านหลังนั้นจวบจนกระทั่งวันนี้

     

    วันที่เขาได้รับข่าวถึงทรัพย์สินที่หลงเหลือจากเรือสำเภา วันที่เขาคิดว่าจะสามารถกลับมาตั้งต้นชีวิตการค้าขายของเขาได้ใหม่ ทำให้เทียนฉาเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปรับทรัพย์สินที่เหลืออยู่แต่สิ่งที่เขาคว้ากลับมาได้เป็นเพียงความว่างเปล่า

     

    มีคนแอบอ้างชื่อของเขารับสิ่งของพวกนั้นไปหมดแล้ว... สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นชายที่สิ้นเนื้อประดาตัวคนเดิม

     

    ในความมืดอันหนาวเหน็บและวังเวง เทียนฉานึกถึงเพียงแต่ใบหน้าของลูก ๆ ที่เฝ้ารอให้เขากลับมาบ้านกับภรรยาที่จากไปนานมากแล้ว หัวใจบีบรัดจนปวดหนึบเพราะไม่สามารถนำสิ่งที่ลูก ๆ ต้องการกลับไปได้สักอย่าง

     

    ทั้งอาหาร เสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือแม้แต่ดอกกุหลาบที่สวยที่สุดหนึ่งดอก

     

    อาชาคู่ใจยังคงเยื้องเหยาะไปอย่างไร้ทิศทาง

     

    “นั่น...”

     

    แสงไฟ ? ...เขาเห็นแสงไฟ !

     

    มือสองข้างกระตุกบังเหียนเพื่อเร่งฝีเท้าม้าให้ตรงไปยังแสงไฟนั้นอย่างรวดเร็ว มันเหมือนแสงไฟจากบ้านคนอย่างน้อยเพียงขออาศัยให้พอคลายความหนาวเหน็บก็ยังดี

     

    แต่ยิ่งเข้าใกล้ ความหวังริบหรี่เมื่อสักครู่ดูจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

     

    มันไม่ใช่บ้านคน...

     

    แต่คือปราสาทหลังใหญ่ดำทะมึน

     

    xxxxxxxxxxxxxxx

     

    เสียงประตูเอี๊ยดอ๊าดนั้นชวนให้ขนลุก

     

    เทียนฉาทำได้เพียงยืนมองห้องโถงสูงใหญ่เบื้องหน้าอย่างหวาดหวั่น แสงเทียนริบหรี่นั่นเป็นข้อยืนยันว่าแสงไฟที่เขามองเห็นมาจากที่นี่ บรรยากาศภายในนั้นอบอุ่นกว่าข้างนอกมากโข เพียงแต่สิ่งที่ยังติดอยู่ในใจไม่ให้เขาก้าวล้ำเข้าไปมากกว่านี้ก็คือสภาพที่ดูไร้คนอาศัย

     

    มือของเขาแข็งเกร็งและไร้ความรู้สึกเนื่องจากเผชิญความหนาวเหน็บมานาน สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจก้าวเข้าไป

     

    ประตูบานใหญ่มหึมานั้นปิดลงทิ้งความหนาวเหน็บอยู่เบื้องหลัง

     

    ราวกับสวรรค์... สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าของเขาคืออาหารชั้นเลิศหลากหลายชนิด รวมถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่บรรจุภายในหีบอย่างดีที่เปิดอ้า ราวกับรอให้มีคนมาหยิบมันไป กลิ่นหอมหวนจากอาหารเบื้องหน้าสะกิดให้ท้องร้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนสุดท้ายเขาก็ลงมือจัดการกับอาหารมากมาย

     

    นอกจากจะคลายความหนาวแล้วท้องยังอิ่มแต่ใจยังคงพะวงถึงของขวัญของลูกสาวลูกชาย

     

    ของทุกอย่างกองอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว! เมื่อนึกถึงใบหน้าอันยินดีของลูก ๆ เทียนฉาถึงข่มความกลัวในใจแล้วจัดการหอบของเบื้องหน้าให้มากที่สุดเท่าที่เขาและม้าของเขาจะทนได้ เพื่อความสุขของลูกแม้การกระทำจะไม่ต่างจากขโมยเขาก็ยอม ถึงอย่างนั้นใจของเทียนฉาก็ยังคงกังวลถึงของขวัญของลูกสาวคนเล็กอยู่ดี

     

    ดอกกุหลาบที่สวยที่สุดหนึ่งดอก

     

    ที่นี่ไม่มีดอกกุหลาบ... เทียนฉารู้ว่าคงได้รับสายตาผิดหวังจากเด็กสาวตัวเล็กเช่นเคย เพียงแค่นึกถึงใบหน้าหมองเศร้าของเจ้าตัวเล็ก เขาก็อยากจะกรีดร้อง

     

    หีบที่บรรจุเสื้อผ้า เพชรนิลจินดารวมถึงอาหารมากมายทั้งหมดถูกขนขึ้นม้า เทียนฉาทำได้เพียงขอบคุณภายในใจ ไม่ว่าเจ้าของสิ่งของพวกนี้จะเป็นใครแต่มันคงสร้างรอยยิ้มให้แก่ครอบครัวของเขาได้มหาศาล เป็นบุญคุณที่สักวันเขาต้องทดแทนให้ได้

     

    สายลมพัดแผ่วพร้อมกลีบดอกกุหลาบสีแดง...

     

    แปลงกุหลาบเรียงรายอยู่ถัดจากเขาไปไม่ไกล เมื่อเดินเข้าไปใกล้ถึงพบว่ามันกำลังแข่งกันชูช่อออกดอกแข่งกันอย่างสวยงาม สีแดงสดนั้นตัดกับพื้นหิมะสีขาว ดูสวยงาม ราวกับหลอกล่อให้ต้องมนตร์ สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ

     

    เทียนฉาเอื้อมมือไปแตะมันอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวที่จะทำให้มันช้ำ ปราสาทร้างแห่งนี้ไร้คนอาศัย หากจะขอนำไปเป็นของขวัญแก่ลูกสาวเขาสักดอกก็คงไม่เป็นไร อย่างไรเสียหากปล่อยให้มันชูช่ออยู่ที่นี่ก็คงไม่มีใครที่ได้ชมความงามของมัน

     

    วินาทีนั้นร่างของเขาถูกเหวี่ยงอย่างแรง !

     

    หลังกระแทกพื้นเจ็บจนเสียงร้องหลุดออกมาจากปาก ทว่ามือยังกำดอกกุหลาบแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

    “ที่ข้าให้เจ้าทั้งหมดยังไม่พอใจอีกหรือ”

     

    เสียงคำรามวังเวงดังก้องจนใจสะท้าน มือเรียวเย็นเฉียบแข็งแกร่งดั่งคีมเหล็กกดแน่นอยู่ที่คอจนหายใจลำบาก ความกลัวถาโถมเข้าในจิตใจจนน้ำตาคลอ

     

    “ทำไมต้องยุ่งกับของรักของข้า”

     

    มันเป็นคืนที่มืดสนิท... ทว่าร่างที่ปรากฏเบื้องหน้าของเขานั้นโดดเด่นออกมาจากความมืดนั้น ผิวขาวซีดจนเห็นเส้นเลือดสีน้ำเงินเป็นริ้วตามร่างกายตัดกับเรือนผมดำขลับยาวสยาย ใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดน่ากลัว

     

    และนัยน์ตาสีมรกตที่วาวโรจน์

     

    “ข้าเพียง...อยากนำกุหลาบนี้...ไปเป็นของ...ขวัญให้...ลูกสาวของข้า” เทียนฉาพยายามเอ่ยอย่างยากลำบาก คอที่ถูกกดแน่นนั้นยากต่อการหายใจและการพูด “ข้าไม่ได้...ตั้งใจ”

     

    “ข้าไม่สน” เขี้ยวขาวแสยะออก “การที่เจ้ามายุ่งกับของรักข้า สิ่งที่เจ้าต้องชดใช้คือชีวิต !

     

    “ได้โปรด !” เทียนฉาทำได้เพียงเอ่ยอ้อนวอน “อย่างน้อย...ให้ข้า...ได้กลับไป...ให้ลูกสาวข้า...แล้วท่านจะเอาชี...ชีวิตข้าก็เชิญ !

     

    ความเย็นเยียบที่กดแน่นบริเวณลำคอค่อย ๆ หายไป แม้ปลายเล็บแหลมคมยังคงจ่ออยู่ที่คอ เทียนฉาหอบหายใจ กอบโกยอากาศที่เขาเคยคิดว่าอาจจะไม่ได้ใช้อีกแล้ว

     

    “ข้าเกลียดคนผิดสัญญา”

     

    เทียนฉารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหยุดหายใจ

     

    “ข้าให้โอกาสเจ้า” อสูรเบื้องหน้าเขาคำราม “จัดการทุกอย่างให้เสร็จแล้วกลับมาที่นี่ภายในหนึ่งทุ่มวันพรุ่งนี้”

     

    เทียนฉาปากคอสั่น...ทำได้เพียงมอง ผีดิบ ข้างหน้าขยับห่างไป

     

    “ถ้าเจ้าไม่กลับมา ข้าจะตามหาเจ้าแล้วฆ่าครอบครัวพวกเจ้าทิ้งทีละคน” นัยน์ตาดวงนั้นจ้องตรงมาที่เขา เย็นชาราวกับไร้หัวใจ “ข้าจะทรมานพวกเขาต่อหน้าเจ้า จะเก็บลูกสาวเจ้าไว้เป็นคนสุดท้าย...เพราะเจ้ารักนางมาก”

     

    ผ้าคลุมพัดสะบัดก่อนที่ร่างทั้งร่างจะกลืนหายไปกับความมืดพร้อมเสียงวังเวงที่ยังคงก้อง

     

    “หนึ่งดอกแลกหนึ่งชีวิต จำไว้ !



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×