คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนแรก
ในบทนี้เราจะกล่าวถึงห้อง 1 ที่เพิ่งได้อยู่มาไม่นานนี้ อย่าคิดนะ ว่าห้องหนึ่งจะมีแต่พวกคนดี ขี้เกรงใจ ใส่แว่นหนาๆเท่าหมูยอป้าบี๋ ข้อมูลนี้คนเขียนขอชูจักกาแร้เถียงในแบบฉบับทายาทนักการเมืองบางคน มีหลากสไตล์หลายสปีชี่ย์เหมือนกัน ไม่ขอเล่าล่ะว่าเป็นยังไง เดี๋ยวจะโดนรุมยำเปล่าๆ แต่จะเล่าเป็นวีรกรรมเลยละกัน เริ่มจาก
ในชั่วโมงงานช่างที่ร้อนระอุพอควร หลังจากที่บรรยายก่อนเข้าสู่บทเรียนมานานนม ก็หมดคาบ พวกเราก็ยกเก้าขึ้นตามปกติ ทุกอย่างควรจะเป็นไปตามปกติ แต่ทว่า มีนักเรียนที่โลกลืมอยู่คนนึง พี่เน็ต พี่เน็ตเป็นคนพูดน้อย ไม่โดดเด่น ไม่ยิ้ม นั่งข้างแกเหมือนนั่งข้างไม้ผุๆเน่าๆไม่มีผิดเพี้ยนแต่ประการใด ฟังเพลงของสุนทราพรน์ เรียนเก่ง เก่งแต่เรียน ไม่ชอบให้ความร่วมมือกับกิจกรรมห้องเท่าไรนัก ว้า เข้าเรื่องซะที คือหลังจากที่ยกเก้าอี้เนี่ย ประชากรห้อง 1 เค้าก็พร้อมใจกันทยอยเดินออกจากห้องกันหมด พี่แกก็อยู่ดีไม่ว่าดี ทำอะไรก็ไม่รู้กับแฟ้มแก บวกกับบุญวาสนาอันน้อยนิด ทำให้โดนเก้าอี้บังไปเลย เพราะเจือกกระแดะนั่งหลังห้อง อาจารย์เค้าก็นึกว่าไปกันหมดแล้ว ดึงประตูปิดมันแม่มันซะ ล็อกกุญแจขังวิญญาณร้ายเอาไว้ซะเลย จะไม่มีใครรู้ว่าพี่เน็จยังอยู่ข้างในถ้าไอ้คนเขียนมันไม่สายตาสอดแส่เห็นก่อน เลยบอกพวกนั้น พวกนั้นก็ไม่เชื่อ หาว่าคนเขียนมันซุงแหล เรียกร้องความสนใจ จนพี่แกเคาะประตูโบะๆๆนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่ายังหลงเหลือสิ่งมีชีวิตตกค้างอยู่ในห้อง เลยตะโกนเรียกอาจารย์มาปลดปล่อยวิญญาณร้ายออกจากห้อง เป็นเรื่องเป็นราวไป ขอบอก มันตลกมากๆ คืออันที่จริงเราต้องสงสารเค้าใช่ม้า ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาพิการเนี่ย คือมันต้องอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวเองน่ะนะ จะได้รู้ว่ามันบ้าบอขนาดไหน
อย่างที่เคยบอกกันตั้งแต่ต้น ห้องเรียน 4/1 ได้ถูกเนรเทศไปชั้น 3 เพราะเด็กห้อง 7 เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ชั้น 3 ย่อมมีลมพัดเป็นธรรมดา จะไม่ธรรมดาตรงที่ประตูจะเหวี่ยงปิดชนิดออโต้เมติก กะลังนั่งเรียนอย่างสงบเสงี่ยมเจี๋ยมเจี้ยมแบบที่ไม่ได้ทำมานานหลายปี อีประตูวอกนี่ก็กระแทกซะ ตู้ม 100ทั้ง100 ตกใจกันหมด ทั้งอวัยวะทั้งของสงวนทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งพี่ทั้งน้องใครหล่นซะกระจุยกระจาย กรี๊ดกันยิ่งกว่าดูเดอะชัตเตอร์ซะอีก ซึ่งไม่ว่าประตูจะเหวี่ยงปิดเป็นกี่พันครั้ง ก็จะมีเสียงกรี๊ดส่งท้ายตลอด ไม่มีใครเคยชินกับเรื่องนี้เลย
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ (ไม่ใช่วันศุกร์ที่แกอ่าน วันศุกร์เวลาที่กูเขียน) ได้มีโอกาสนั่งอ่านหนังสืออยู่ห้องสมุด อย่าคาดหวังเลยว่าหน้าด้านๆอย่างคนเขียนจะหยิบหนังสือมีสาระมาอ่าน หึ โนเวย์ พูดอีกอย่างคือไม่มีทาง นั่งฟังMp 3 คู่อริห้องปกครอง ฟังไปฟังมาได้ยินเสียงโวยวายอะไรกันก็ไม่รู้ รู้แค่ว่ามีรึ กูไม่อยากรู้ วิ่งเข้าไปสิ ภาพที่ปรากฎก็คือ นักเรียนล้อมรอบมุงกันเป็นวงกลมรัศมีใหญ่พอสมควร มีนักเรียน 2 คนกับ อาจารย์เป็นจุดศูนย์กลาง เด็กม. 1 คนแรกไม่มีริ้วรอยบาดเจ็บแต่อย่างใด อีคนที่ 2 นี่สี เลือดกำเดาไหลพรากเลย กำลังร้องไห้อยู่ จุดศูนย์กลางทั้งหมดคุยกันไปคุยกันมาซักพัก ไอ้คนเลือดกำเดาไหลลุกหนีแล้วสบถอะไรบางอย่างหยาบคายพอสมควร แต่คนเขียนจับใจความไม่ทัน ลองจับทันซะหน่อย จะคาบเอามาแฉและประจานกันถึงนี่เลย เดินๆๆไปถีบประตูห้องพักครูห้องสมุด เสียงดังพอสมควร แหม ลองมาทำในบ้านคนเขียนนะ ไม่ได้ตายดีหรอก ศพไม่สวยเลยล่ะ แล้วฝ่ายอาจารย์ก็สอบถามคู่กรณีอีกฝ่าย ขณะที่เพื่อนคนเขียนก็ถามน้องๆผู้เห็นเหตุการณ์ ไม่มีใครทราบสาเหตุว่าทำไม้ ทำไมมันต้องจำเพาะเจาะจงมาตบตีกันที่ห้องสมุด รู้แค่ว่าไอ้คนที่โดนอาจารย์เซ้าซี้อยู่น่ะ โดนไอ้เลือดกำเดาถีบก่อน เอาล่ะ ขี้เกียจสืบล่ะ ไปนั่งเม้าท์ต่อ เจอชมพู่เอาแต่นั่งหัวเราะประหนึ่งว่าเห็นคนเขียนหน้าแตก ไม่ได้รูดซิบกางเกง ถามไปถามมาถึงได้รู้ว่าหัวเราะไอ้เลือดกำเดานั่น ประมาณว่าภายในจิตใต้สำนึกนี่ไม่มีหัวใจรักเด็กเลย มีแต่ใบหน้าเป็นอาวุธทรงพลัง ซึ่งอันที่จริงคุณเธอก็พูดถูกนะ คนทะเลาะกันนี่เค้าไม่ร้องไห้ไม่ใช่เหรอ ไอ้บ้านี่โดนเค้าสวนทีเดียวน้ำตาไหลพรากเลย นี่แหละน้า ถ้าจะต่อยเค้าก็ต้องรู้จักหน้าหนาทนเค้าสวนมาด้วย ไม่ใช่มาร้องไห้ฮือๆๆใช้น้ำตาแก้ปัญหา ร้องให้ตายไอ้แบงค์วงแคลชเค้าก็ไม่ตามมาเช็ดให้หรอก เสียพลังงานเปล่าๆปลี้ๆ สู้เอามาสาระแนเรื่องชาวบ้านเหมือนคนเขียนดีกว่า ได้ความรู้ตั้งเยอะ (ถึงแม่งจะไม่ออกข้อสอบก็เหอะ)
เอาล่ะ ถึงเวลาเสด็จออกจากห้องสมุด เดินๆๆอยู่ หารองเท้า แม่เจ้า เกือกส้มโอหาย กรี๊ดๆๆ อย่างกะโดนเปิดบริสุทธิ์ ก็อิชั้นสู้อุตส่าห์บรรจงถอดและบรรจงเขวี้ยงมันทั้งคู่ไว้ตรงนี้นี่ ใครมันยังจะเออะหน้าด้านเอาไปอีก เพื่อนผู้น่ารักและชอบเจือกทั้งหลายก็เอาเลย อะไรๆมีอะไร ใครมีชู้เหรอ ใบหน้าเสือกกระสนอย่างเอาเป็นเอาตายเลย เมื่อทราบถึงพระราชบัญญัติและพระบรมราโชวาทแล้ว ทุกคนก็ช่วยกันตามหารองเท้าแก้วของเจ้าหญิงซินเดอร์ส้มโอกันยกใหญ่ อย่างกะหาฝาขวดโออิชิกันเลย แต่ก็ไม่ปรากฎรองเท้าแก้วของเจ้าหญิงแต่อย่างใด หันไปหันมา เจออั๋นกำลังก้มดูรองเท้าอยู่เหมือนกัน ถามไปถามมาถึงได้รู้ว่า เกือกอั๋นก็หายเหมือนกัน อู้ ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนกู รองเท้าแก้วส้มโอหายไปนี่รู้กันไปซะครึ่งประเทศ เร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งอีก ไอ้อั๋นรองเท้าหายนี่ไม่มีใครสนใจใฝ่รู้เอาซะเลย สงสัยอั๋นเค้าคงประมาณว่า TeeN ใคร tEeN มันน่ะนะ ไม่ใช่เหมือนส้มโอ TeEn กูก็คือ tEEn พวกมึงด้วย ดังนั้น จงหามาถวายให้ข้าซะดีๆ ไม่งั้น พวกมึง ตายยยยยยยยยยยย
จบเรื่องเกือกแก้วคำหนักขาวแล้ว ซึ่งกรณีเกือกหายนี่ไม่ใช่ส้มโอคนเดืยวที่โดน ประชากร รร. นี้โดนไปหลายครั้งแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าตายอดตายอยากมาจากไหน ถึงได้มาTuRn เอารองเท้าคนอื่นไปซะเฉย ผู้อ่านบางคนอาจจะหาว่าคนเขียนมันต้องสังกัดอยู่ที่สตอเบอร์แหลคลับแน่ๆเลย ขอบอก ของจริงว้อย ยิ่งกว่า rEaLitY sHoW อีก คนเขียนเจอมาแล้ว ถึงได้มาเขียนระบายถึงนี่ไง
เมื่อวานนี้ข้าพเจ้าได้อัฟเดทตัวเองด้วยการเปิดอินเตอร์เน็ทดูเว็บบอร์ดของรร.เรา ซึ่งเป็นเว็บบอร์ดที่ นร.เป็นคนจัดตั้งและโพสข้อความเอง มีทั้งโพสเพื่อด่าและโพสเพื่อสรรเสริญ ซึ่งอันหลังนี่น้อยมาก รอโหลดนานนนนนเหมือนกัน ดูซิ อันไหนติดชาร์ต แม่เจ้า แม่เจ้า โอ้ คิดอย่างไรกับคนคุมโรงอาหารของเรา นี่แหละ นี่แหละ สิ่งที่ชั้นต้องการ โอ้ว จอร์ต ชั้นเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ มายก๊อด ตอนนี้ คุณผู้อ่านก็คงจะงงเป็นไก่ตาแตกได้ที่ อะไรของมันวะ แค่คนคุมโรงอาหารมันเป็นยังไง อยากรู้กันมากแล้วใช่ม้า ได้ เดี๋ยวจัดให้ รุ่น กูให้มึง
กาลครั้งหนึ่งนานนนนนนนมาแล้ว ได้มีโรงอาหารที่แสนสงบสุขในรร.ที่คนเขียนสิงสถิตย์ หากแต่ความสุขนั้นไม่ได้คงทนเสมอไป เมื่อเธอ ได้เดินเข้ามาในรั้วรร. เธอคนนั้น ชื่อ E ส. เจ๊ส.ไม่สูงมากนัก โบ๊ะแป้งหนาเป็นกระสอบ หน้าที่หลักคือหย่อนบั้นท้ายพันปีลงบนเก้าอี้ รอให้รากงอกไปพลาง นั่งนับเงินไปพลาง มองไกลๆเหมือนคุณหญิงที่ชอบต่อว่าบุคคลที่แต่งตัวโป๊ๆ หรือร้องเพลงส่อเสียด กระแทกใจคุณเธอมากไป เธอมาในฐานะของ ผู้คุมโรงอาหาร แรกๆ เธอก็ไม่ได้ออกแนวโหมดบังคับเท่าไร แต่อยู่ไปอยู่มา จากที่โรงอาหารเคยสงบสุข ก็กลับเป็นนรกในใจผู้เรียนและร้านค้ารอบข้างไปซะได้ เล่าถึงวีรกรรมเธอเป็นข้อๆเลยละกัน
- หลังจากที่ได้สั่งน้ำส้มสำเร็จรูปมาขายเสร็จสรรพ พี่แกก็ไล่เจ้าที่เคยขายน้ำส้มคั้นสดออกไปในทันที เนื่องจากอาเจ๊ aFrAId ไปว่าน้องหนูกะจะมาแย่งผลประโยชน์ แย่งเค้าขายน้ำส้มปรุงแต่ง รังแกเค้า แล้วอีนักเรียนหน้าโง่ที่ไหนมันจะหน้าโง่มากระแดะซื้อน้ำส้มห่วยๆของเค้าเล่าถ้ามึงยังขายอยู่ เออ เหตุผลดีมาก มอบรางวัลหน้าหนาพันปี และรับประกันความทนของรางวัล 5 ปีซ้อน
- อาเจ๊ทอนตังค์ช้ามากกกกก ให้เงินวันนี้สงสัยต้องรออีกสามวันถึงจะได้ คุณเธอจะค่อยๆกรีดกรงเล็บที่ผ่านการปรุงแต่งมาแล้วว่า สวยที่สุดในโลกในสายตาEสม กรรมการผู้ทรงเกียรติเอง คนอื่นเค้าจะสมเพชยังไงก็ช่างมัน ไม่ใช่สายตากู ไม่สน กรงเล็บดังกว่าจะหยิบเงินจากมือเราไปอย่างรวดเร็ว แต่อีตอนทอนนี่นะ ช้าชิบ คนเขียนเคยจะเออะเข้าไปทีนึง นึกว่าต้องตั้งแคมป์รอซะแล้ว เหมือนเค้าถ่ายโฆษณาบัตรเงินสดเลย เป็นที่อิดหนาระอาจิตของเหล่านักเรียนเป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกันก็เป็นขี้ปากของเหล่าเด็กนักเรียนทั้งที่ InNoSenT BoyS aNd GiRlS และ สู่รู้ BoYs AnD สู่รู้ gIrLs คละคลุ้งไปทั่วทั้งสถานศึกษาเรียบร้อย (แหงแซะ กระทู้พี่แกติดท็อปเท็นนี่หว่า เห็นมั้ยว่าพี่แกกลายเป็นที่ป็อบปูล่าในสถานศึกษาแห่งนี้มากขนาดไหน)
- คุณเธอจะหวงสหกรณ์ของคุณเธอเป็นอย่างมาก อย่างกะรากเหง้าคุณเธอเป็นคนก่อตั้งก็ไม่ปาน ประมาณว่าถ้ามีใครเข้าไปเดินวนสองรอบเหมือนเดินแคทวอร์คแล้วไม่คิดจะซื้ออะไร คุณเธอจะออกฮาร์ดคอร์กันเลย เข้ามาทำไม มาแช่แอร์เหรอ นอกจากนี้ คุณเธอยังจิตหลอนหนัก ประสาทหลอน จากร้านขนมเห็นเป็นร้านจิลเวลรี่ คิดว่าเค้าจะมาขโมยของร้านอาเจ๊ จนมีนักเรียนดวยซวย โดนมันค้นกระเป๋าไปแล้ว
มาถึงตรงนี้ คนเขียนขอคั่นบรรทัดหน่อย แบบว่ามันคันปากคันคะเยออีกแล้วอ้ะ โดยความคิดเห็นส่วนตัวอ่ะนะ อะฮั้นว่ามันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากๆ นักเรียนเค้าก็ต้องมีภาระไปทำ มีงานไปสะสาง มีเรื่องไปเม้าท์เหมือนที่คนเขียนทำประจำ ไม่ใช่ว่างมาแหกๆถ่างๆเปิดๆกระเป๋าให้ชาวบ้านดู ว่ากูไม่ได้สด.ดิบอย่างมึง จะได้มาทำตัวไพร่ๆขโมยของชาวบ้านเค้า
เอาล่ะ ต่อครั้งหน้าละกันเน้อ .
ความคิดเห็น