คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 : ภาค เมืองฮิบรู
ณ. ประเทศอียิปต์ ปี 190
มีฟาโรห์รูปงาม ร่างกายกำยำสีผิวเหลืองคล้ำพองาม หาได้คล้ำกร้านแดดไม่ นาม ซูโมอัส มีพระชนม์มายุ 24 ชันษาเป็นกษัตริย์ที่เรืองอำนาจไม่มีอาณาจักรใดสามารถต่อกรได้ ฟาโรห์ มักออกรบประจำเพื่อขยายอาณาเขตดินแดนออกไปจนอาณาจักรอียิปต์ไร้ผู้ต่อต้าน
แต่แปลกที่ฟาโรห์องค์นี้ทรงเก่งกาจ แต่กลับหามีชายาคู่ใจ อาจเพราะทรงออกรบเพื่อความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรตั้งแต่พระองค์อายุได้ 13 ชันษา พระองค์มักทรงออกรบร่วมกับพระบิดาจนพระองค์อายุได้ 18 ชันษา ฟาโรห์องค์บิดาก็ทรงสิ้นในสนามรบ ฟาโรห์ซูโมอัส จึงได้เป็นฟาโรห์แทนพระบิดา แต่แล้วพระองค์ยังทรงออกศึก อยู่เสมอ โดยให้เสนาบดี อีเฮนัพ ดูแลบ้านเมืองแทน อีเฮนัพ ก็จงรักภักดีเสมอมา ท่านเป็นเสนาบดีถึง 2 สมัย ช่วยพระองค์ดูแลบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบ บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข เวลาออกรบพระองค์จะมีพ่อหมอนาม ซีนัพอู และองครักษ์ฮามินรู ที่เป็นพระสหายแต่วัยเยาว์และองครักษ์ประจำพระองค์ ไปกับพระองค์เสมอจนเหล่าทหารและผู้ติดตามแอบซุบซิบกันว่า องค์ฟาโรห์และราชองครักษ์ฮามินรูเป็นคู่รักกัน เพราะทั้งสองมักจะอยู่ด้วยกันเสมอ บางคราจะมีพ่อหมอซีนัพอู อยู่ด้วย
ณ.ค่ายกระโจมของกองทัพแห่งฟาโรห์ ซูโมอัส ในเพลาหลังอาหารเย็นระหว่างที่รอหน่วยลาดตระเวนมารายงาน
พระองค์ ทรงนั่งดูนางระบำเชลยที่เพิ่งจับมาได้จากเมืองฮีบรู อย่างทรงเบื่อหน่าย ซึ่งพระองค์กำลังนั่งท้าวแขนข้างซ้ายกับพนักแขน แล้วทรงท้าวหัวของพระองค์กับต้นแขนซ้าย พ่อหมอ ซีนัพอูวัย 50 ปี รูปร่างค่อนข้างใหญ่ สมบูรณ์ร่างชายผู้หนึ่งได้พานางผู้นึงที่ปิดโฉมหน้าครึ่งใบเหลือเพียงดวงตาทั้งยังสลบไสลเข้ามายังกระโจม นางนั้นมีลักษณะทรวดทรงอวบอิ่มเต็มเนื้อสาวค่อนไปทางเจ้าเนื้อ ผิวสีขาวเหลืองใส นวลเนียนดังเทพี อายุราว ๆ 20 กว่าๆ ปี สีผิวมิคล้ายคนอียิปต์เหมือนนางเป็นชาวต่างชาติแอบเอเชียมากกว่า ได้ถูกนำมาวางไว้ที่หน้าพระพักตร์ก่อนขึ้นเฝ้าฟาโรห์ ฟาโรห์จึงยกแขนข้างทำท่าให้พวกนางรำออกจากกระโจมไป พ่อหมอพอเห็นผู้คนออกไปจนหมดแล้ว จึงกราบทูลฟาโรห์ว่า
“กราบทูลฝ่าบาทข้าจับของดีมาได้ชิ้นหนึ่ง นางนี้คือ นางแม่หมอ ของอาณาจักรฮีบรูแห่งนี้ หากอาณาจักรขาดนางซึ่งชี้นำแล้วไซร้ ก็ไม่ต่างจากบ้านข้าทาสทั่วไปหรอกฝ่าบาท”
“เออ อย่าหาว่าข้าดูแคลนเจ้า หากนางเป็นแม่หมอดังคำเจ้า แล้วเหตุใด เจ้าจึงสามารถจับนางกลับมาได้เล่า นางแม่หมอทุกผู้ล้วนเก่งกล้ามิใช่หรอ”
“จริงดังฝ่าบาทกล่าวมา เพียงแต่ข้าได้แอบล่อลวงให้นางดื่มยาของกระหม่อม และในยานั้นกระหม่อมได้วางยามนตราการหลับใหลแก่นาง มิสามารถมีผู้ใดล่วงรู้ว่าในนั้นมียา หากนางรู้ล่วงหน้า นางจะรู้เพียงแต่ว่าจะมีเคราะห์จากอาหารเพียงนั้น ซึ่งข้าสืบมาว่านางนั้นทำงานได้ภายในเวลาเพียง 1 เดือนก็สามารถทำให้ขุนนางที่ไม่ภักดี ที่คิดปองร้าย ฟาโรห์ อาฮูรูจนหมดสิ้นนี้เพียงแค่นางเข้ามาช่วยฟาโรห์อาฮูรูได้เพียง 6 เดือนเองพ่ะย่ะคะ”
“อ้อ แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นไรกับนางเล่า”
“สุดแต่พระองค์ พ่ะย่ะคะ นางเก่งกาจจริง แต่นางกลับกลัวสิ่ง ๆ หนึ่งเช่นเดียวกับข้าพระองค์ที่เกรงกลัว พระธำมรงค์ (แหวน) ที่พระดรรชนี (นิ้วชี้) ของพระองค์พ่ะย่ะคะ”
“อ้อ อันใดเล่า ที่นางนั้นกลัวนักหนา”
“คือ กำไรคู่นี้พ่ะย่ะคะ หม่อมฉันใช้เพลาถึง 5 ราตรี กว่าจะนำกำไรนี่มาจากฟาโรห์ อาฮูรูได้ หากพระองค์อยากเป็นเจ้าของนางนั้นไซร้ ให้สวมกำไรนี่ นางก็จะไม่สามารถเป็นภัยต่อพระองค์ อีกทั้งยังปกป้องพระองค์ดังเป็นสัญชาตญาณของนางเอง โดยพระองค์ต้องกล่าวคำมนต์บทหนึ่ง แล้วนางจะไม่มีสามารถใช้มนต์อำนาจใด ๆ ต่อพระองค์ได้ จนกว่าจะพระองค์จะพูดบทมนต์อีกบทเพื่อถอนมนต์ เช่นเดียวกับกระหม่อม ซึ่งกระหม่อมคาดว่านางก็คงมาจากสำนักเดียวกับกระหม่อม”
“อ้อ หรอ ปลดผ้าคลุมหน้านางออกสิ”
“พ่ะย่ะคะ”
พ่อหมอปลดผ้าคลุมหน้านางออก นางนั้นสวยงามดังรูปเทพีโซฟีหรือเทพธิดาปรากฏอยู่ตรงหน้า หน้าตาของนางมองพิศ ยิ่งเหมือนคนเอเชียมากกว่าเป็นคนอียิปต์ ฟาโรห์ถึงกลับคราง
“อือ”
ฟาโรห์ พระองค์ถึงกับต้องทรงเงยพระเนตร(ตา) เพื่อเพ่งพินิจมองนางถึงอยู่ช่วงเพลาหนึ่ง
ฟาโรห์เริ่มสนใจในตัวนาง พระองค์รับสั่งถามว่า
“ซีนัพอู มนต์ทั้งสองบทนั้นกล่าวว่าอย่างไร”
“ขอประทานอภัยพระองค์พ่ะย่ะคะ”
แล้วพ่อหมอ ซีนัพอูก็เดินเข้าไปข้างพระกรรณ(หู)ของฟาโรห์กระซิบให้ฟาโรห์ได้ยินเพียงองค์เดียวว่า
“หากพระองค์ต้องการให้นางรับใช้จริงให้สวมกำไลคู่นี้ กับ ข้อพระหัตถ์ (ข้อมือ) แล้วท่องมนต์ตามนี้ว่า
ข้าแต่เทพไท้อนูบิส ข้าประสงค์ให้นาง
หากแต่พระองค์มิต้องการหาใช้นางแล้วไซร้ให้ทรงตรัสคำมนต์ที่ว่า
ข้าแต่เทพอนูบิส ข้าเกลียดชังซึ่งนางนี้ไซร้ ขอปลดพันธนาการที่ผูกมัดไว้ณในบัดดล เซปาลู ฮากาซีนัพ”
พ่อหมอส่งกำไรทั้งคู่แก่ฟาโรห์ ซูโมอัส
“อือ”
นางที่ทุกผู้กำลังเพ่งจ้องมอง นางลืมตาสีมรกตดังอัญมณีขึ้นมองกวาดตาโดยรอบ แล้วนางก็เหลือบเห็นพ่อหมอที่ล่อลวงนางให้ดื่มน้ำใส่ยาแก้วนั้น นางถึงกับลุกขึ้นร้องด่าว่า
“แก ไอ้ชั่วบังอาจมาวางยาต่อข้าได้ เฮซูนัพ ฮับตาเย”
แล้วนางก็ร่ายมนต์ใส่พ่อหมอทันที พ่อหมอที่ไม่ทันระวังตัว ถึงกับต้องมนต์สะบัดจนกระเด็นกระแทก ม้วนลำตัวใส่โต๊ะอาหารที่อยู่ด้านข้างจนโต๊ะ แตกกระจาย ฟาโรห์เห็นเช่นนั้น แววพระเนตรมีแววสะดุ้ง แต่ภายหน้าหามีปฏิกิริยาใด ๆ ไม่ พระองค์ต้องการช่วยข้าทาสของพระองค์ จึงได้ทรงตวาดว่า
“หยุดมือได้แล้ว”
นางได้ยินก็ชะงักไปชั่วขณะ ทหารเห็นเข้าจึงเข้ารวบตัวไว้
ฟาโรห์หนุ่มทรงหันทหารรวบตัวนางไว้ถนัดแล้ว จึงตรัสถามออกไปว่า
“เจ้ามีนามว่ากระไร”
“เจ้าเป็นผู้ใด มีสิทธิ์อันใดมาถามนามแห่งข้า”
พ่อหมอและขุนนางต่างพากันตกใจใหญ่ ที่จู่ ๆ หญิงนางนี้บังอาจมาตะโกนถามฟาโรห์ของตนเช่นนี้ องครักษ์ประจำตัวของฟาโรห์นาม ฮามินรู รูปร่างสมชาย ชาตรี ผิวสีคล้ำวัย 25 ปี ตวาดกลับไปว่า
“บังอาจ เจ้ามิรู้รึว่า ท่านคือผู้ใด ท่านนั..”
“เหอะ มีรึข้าจะมิรู้ ผู้ใหญ่หยิ่งแห่งอาณาจักรอียิปต์ อันเกรียงไกร กษัตริย์ฟาโรห์ซูโมอัส ผู้กระหายสงคราม”
ฟาโรห์ได้ยินก็ทรงแย้มปรางโอษฐ์(มุมปาก) ตรัสว่า
“เมื่อเจ้ารู้แล้วเหตุใด เจ้าถึงกล่าวหาว่าข้ามิมีสิทธิ์ถามชื่อเจ้า”
“มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะถามข้าได้คือนายแห่งข้า องค์ฟาโรห์อาฮูรู เท่านั้น”
“อ้อ เจ้าคงหมายถึง เจ้าของกำไรคู่นี้ใช่หรือไม่”
นางแม่หมอเงยหน้ามองที่พระหัตถ์ของฟาโรห์ ฟาโรห์หนุ่มโชว์กำไลให้นางเห็นอีกทั้งยังทรงเขย่า กำไลเล่น เมื่อนางเห็นแล้วถึงกับหน้าซีดเผือกถอดสีเสียในบัดดล อ้าปากหวอออกมาทีเดียว เมื่อฟาโรห์หนุ่มเห็นดังนั้น ก็ทรงยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วทรงสวมทองพระกร ทั้งสองข้างแล้วทรงตรัสคำมนต์ดังว่า
“ข้าแต่เทพไท้อนูบิส ข้าประสงค์ให้นางอยู่ข้างกายข้า เซอูลา ปาปากาลู ”
ประโยคหลังทรงตรัสอย่างไร้เสียง และแล้วแสงสีเขียวดังสีของอัญมณีมรกตบนทองพระกร(กำไล)ก็อาบร่างของนางและฟาโรห์ นางถึงกับทรุดลงพื้นในพลัน ฟาโรห์ทรงแย้มปรางโอษฐ์อีกครั้ง ทรงตรัสถามนางอีกคราว่า
“แล้วตอนนี้นายของเจ้าคือข้า ทีนี้เจ้าจะบอกกล่าวนามของเจ้าแก่ข้าได้หรือยัง แม่หมอสาว”
นางพยายามลุกขึ้นแล้วกล่าวอย่างโกรธแค้นว่า
“เฮ้ย ก็ได้ หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้”
“เช่นไร”
“ต่อสู้”
“ได้”
เมื่อพระองค์ทรงเสด็จมายังเบื้องหน้านาง นางสะบัดตัวจนเหล่าทหารไม่สามารถจับนางได้ เหล่าทหารเตรียมเข้าไปจับตัวนางอีกครา ฟาโรห์ทรงยกพระหัตถ์ห้าม เมื่อนางตั้งตัวได้ก็สำรวจท่าทีของฟาโรห์ทันทีว่าพระองค์มีจุดอ่อนที่ตรงใดบ้าง แล้วนางก็จัดการเข้ากระโจนใส่พระองค์ทันที ฟาโรห์หนุ่มม้วนตัวแล้วเริ่มจู่โจมใส่นางทันทีเช่นกัน แล้วทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ พอฟาโรห์จะทุ่มนาง โดยรัดตัวนางไว้เตรียมพร้อมที่จะทุ่มนางเมื่อได้จังหวะ แต่แล้วนางก็เกร็งขาตั้งตัวไว้แล้วทำการทุ่มฟาโรห์แทน โดยเอาพระวรกาย(ตัว)ของฟาโรห์ไว้ด้านล่างแต่แล้ว ฟาโรห์หนุ่มกลับคว้าศรีษะนางไว้แล้วหอมนางแทน นางตกใจรีบลุกขึ้นมาแล้วตบ พระพักตร์(หน้า)ฟาโรห์ดัง เผียะ
นางโกรธจัด เข้าล็อคพระพาหุ(แขน)ของฟาโรห์โดนหักพระพาหุไว้ด้านหลัง แต่ฟาโรห์หนุ่มกลับลำตัวม้วนรัดนางไว้ นางกวาดเท้าจากพื้นไปฟาดพระเศียร(ศรีษะ)ของฟาโรห์หนุ่ม ฟาโรห์หนุ่มถึงกลับปล่อยพระหัตถ์(มือ)จากนางโดยพลัน นางกวาดฝ่ามือจากซ้ายไปขวา โดยกะระยะเหวี่ยงโดนลำตัวสีข้างของพระองค์ ฟาโรห์เห็นนางมีฝีมือดี แต่เห็นนางเริ่มหอบเหนื่อย จึงทรงกลัวว่าจะบานปลายและยังรู้สึกสนุกกับนาง แต่ด้วยความที่เวลานี้ยังมิเหมาะจะเล่นกับนาง ทรงคิดจะเก็บตัวนางไว้เป็นของเล่นข้างพระวรกายมากกว่า จึงทรงเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือของนางแล้วรวบมือนางไว้ด้านหลังแทน จากนั้นทรงตรัสคำว่า
“หยุดได้แล้ว ข้าหมดอารมณ์เล่นกับเจ้าตอนนี้แล้ว และเจ้าก็แพ้ข้าแล้วเช่นกัน”
“ยัง ข้ายังไม่แพ้ ปล่อยข้าสิ”
แต่ฟาโรห์กลับไม่ปล่อยทรงเรียกทหารมาว่า
“ทหาร นำตัวนางไปกระโจมพักของข้า”
“พ่ะย่ะคะ”
ความคิดเห็น