คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 12 : เริ่มเรียนวิชา
ณ. รุ่งเช้าประมาณ 6 โมงเช้า
หลังมื้อเช้าผ่านไป ซึ่งเช้านี้นาช่าต้องทำงานหนักหน่อยเพราะนายหญิงทั้งสองของตน ขี้เซ้าไม่ใช่เล่น กว่าจะลุกจากเตียงได้แต่ละนาง เล่นเอาเหนื่อยแทบขาดใจ แถมเวลาอาบน้ำก้อไม่มีสบู่อีก มีแต่น้ำเปล่ากับดอกไม้ ทำให้การทานข้าวเช้าเกือบล่าช้าไป ซึ้งมี พ่อของสองพี่น้อง เสี่ยวยู่ เสี่ยวหวี่ และ เพื่อนของเสี่ยวยู่ รออยู่ที่โต๊ะอาหาร จนต้องบอกกับทุกคนว่า ขอโทษด้วย เมื่อคืนนอนดึกไปนอน เพราะไม่คุ้นที่นะคะ
มื้อเช้าของทั้งสองจึงเหมือนกับกินไป สะลึมสะลือ เกือบเคลิ้บหลับไปทั้งคู่ ทำให้เสี่ยวยู่ เสี่ยวหวี่ และเพื่อนของเสี่ยวยู่แอบขำไม่ได้ ส่วนพ่อของทั้งสองพี่น้องเห็นแล้วต้องส่ายหน้า เพราะทั้งสงสารและขำขันกับท่ากินของทั้งสองที่กินไป สะลึมสะลือไป เพื่อนของเสี่ยวยู่เห็นอย่างนั้น จริงแอบกล่าวเบา ๆ เหมือนเป็นการปลุกส้มไปในตัวว่า หากแม่นางนอนที่นี้แล้วไม่สบาย ลองไปนอนหลับพักที่บ้านข้าดีหรือไม่ แม่นางคนสวย ซึ่งเสี่ยวยู่มีพลังยุทธพอ ถึงกับได้ยิน จึงส่งสายตาพิฆาตเหยื่อต่อเพื่อนชายจอมจุ่นคนนี้ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงรังสีพิฆาตมาเยี่ยนจึงเงียบไปอาหารเช้ามื้อนี้จึงจบลงด้วยความเงียบงัน
ณ.จุดนัดพบของ 2 หนุ่มสาว
ที่ประตูหน้าใหญ่ของสำนักมีชายหนุ่มหน้ามนยืนพิงขอบหลักของประตูด้วยขาข้างเดียวมือกอดอกอยู่แต่สีหน้าแสดงออกด้วยความยินดีแฝงความประหม่าเล็กน้อย สักพัก สาวงามหน้าตาจิ้มลิ้มจึงเดินออกมาพร้อมกับมองซ้าย มองขวา เหมือนหาอะไรอยู่สักอย่าง
“ อุ๊ย ตกใจหมด”
“ แม่นางกำลังหาใครอยู่หรือ”
“ ก้ออาจารย์ที่จะสอนฉัน เอ๊ย ข้านะสิ ”
“ อ้อ ข้าเอง แม่นาง ”
“ คุณ เอ๊ย ท่านเองหรือ ข้านึกว่าน้องข้าบอกผิดซะอีก ”
“ มาเถอะ ได้เวลาเรียนแล้ว”
“ เออ... ”
ยังกล่าวไม่ทันจบ คนหน้าขรึมก้อเดินนำหน้าโด่ง จนส้มต้องรีบเดินตามทันที
“ บทเรียนแรก ข้าจะแนะนำสถานฝึกสอนที่นี้ก่อน ”
“ ที่นี่จะแบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ เหนือ คือสถานฝึกสอนวิชาการ ด้านบุ๋น ท่านแม่เป็นผู้ดูแล ใต้ คือสถานฝึกสอนวิชาบู๊ ท่านพ่อเป็นผู้ดูแล ตะวันออก คือ เรือนพักของนักเรียนหญิงที่นี้ และ ตะวันตก คือเรือนพักของนักเรียนชาย ซึ่งข้าเป็นผู้ดูแล โดยมีส่วนสุดท้ายคือ ศูนย์กลาง เป็นที่พักของครอบครัว และแขก
และเนื้อหาด้านบุ๋น จะประกอบด้วยหลายหมวด คือ
หมวดการค้า มีการสอนเกี่ยวกับ บัญชี การค้าขาย การบริหารงาน
หมวดขุนนาง คือวิชาการกฏหมาย กวี ปรัชญา ต่างๆ การทูต
หมวดนักพิสูจน์ของ มีการสอนเกี่ยวกับ
การพิสูจน์
วัตถุดิบ ใบชา สุรา
การพิสูจน์วัตถุโบราณ นักประวัติศาสตร์
หมวดดนตรี มีการสอนเกี่ยวกับ ขลุ่ย กลอง พิณ ปีแป่ ผีผ่า จระเข้ ซอ และการรำ
หมวดงานเรือน คือ วิชาการอาหาร การเย็บปัก การร้อย และการตกแต่งต้นไม้
ส่วนด้านบู๊ จะสอนวิชาพื้นฐานที่ให้ผู้เรียนไปต่อยอดคิดค้นวิชาสำหรับตนเอง ประกอบด้วย
กระบี่ กระบอง กระบอง 3 ท่อน ดาบ ง้าว ทวน อาวุธลับ ไม้เท้า ตะบอง
หมัด ฝ่ามือ เท้า รวมทั้งการสร้างอาวุธ”
พอเสี่ยวยู่กล่าวจบ ส้มคิดในใจทันทีเลยว่า ‘โห ยังกะมหาลัยไม่ก้อเมืองที่เก็บรวมความรู้เลย ว้าว’
“ ไม่ทราบว่าแม่นางสนใจเรียนอะไรหรือ ”
“ เออ ไม่ทราบว่าที่นี้มีพื้นที่เท่าไรกันเนี่ย”
“ อืม ก้อราว ๆ 5-6 พันไร่นะ ”โห เยอะจัง นี่สร้างเมืองย่อมๆ ได้1เมืองเเลยนะนี่
“ โห อืม แล้วไม่ทราบว่าค่าเรียนวิชาละเท่าไรกันคะ”
“ ที่นี้แบ่งวิชาเป็นหมวด แต่ละหมวดแบ่งเป็นขั้น ราคาขั้นละ 5 ตำลึง หากไม่มีจ่าย ก้อสามารถทำงานชดเชยค่าเรียนได้ เพราะเรามีงานให้ทำโดยจะแบ่งเงินเป็น 3 ส่วน เราเก็บหนึ่งส่วน เก็บเป็นค่าเรียนหนึ่งส่วน ให้นักศึกษาเองอีกหนึ่งส่วน ไม่ทราบว่าแม่นางอยากเรียนไหม แล้วจักเรียนอันใด”
“ อืม งั้นขอเรียนวิชากระบี่ กับพิสูจน์ใบชาแล้วกันคะ แล้วส่วนค่าเรียนค่อยจ่ายให้ตอนทานข้าวเที่ยงนะเพราะเงินข้าฝากไว้กับนาช่าน่ะ”
“ ได้สิ สำหรับแม่นาง”
หวี่ยู่ ปากและหน้าตากล่าวไปอย่างราบเรียบแต่ในใจแล้วกลับตื่นเต้นแทบจะออกมาเต้นตรงหน้า ที่สาวงามตรงหน้าตัดสินใจเรียนด้วย ส่วนส้มจีนก้อแอบดีใจที่จะได้เจอคนตรงหน้า แต่ยังไม่มั่นใจเลยแกล้งถามว่า
“ เอ้ แล้วใครเป็นคนสอนให้หรอ ทั้ง 2 วิชานี้ล่ะ”
“ ข้าเอง วิชาเก้าในสิบที่บอกมาข้าเป็นเกือบหมด ขาดก้อแต่วิชา เย็บ ปัก ถัก ร้อย ซึ่งเป็นวิชาที่รับสอนเฉพาะนารีเท่านั้น หากแม่นางเห็นว่าข้าไม่เหมาะสม เดี๋ยวข้าจะให้ผู้อื่นมาสอนแทน”
“ อืม ก้อดีนะ ท่านอายุไล่กับข้า คงไม่ดีหรอกกระมัง”
“ ได้ งั้นเดี๋ยวข้าจะให้คนอื่นมาสอนให้ รอเดี๋ยวนะแม่นาง”
แม้เสียงที่หวี่ยู่กล่าวไปจะราบเรียบแต่น้ำเสียงก้อส่อเค้าความเศร้าใจอย่างยิ่ง ส้มได้ฟังแล้วรู้สึกดีใจนิด ๆ ที่ได้แกล้งคนไร้ความรู้สึกตรงหน้า เพราะตั้งแต่คุยกันมา ชายตรงหน้าแสดงอารมณ์ว่าไร้ความรู้สึก และดีใจที่ชายตรงหน้าอาจรู้สึกชอบตนอยู่เล็กน้อย ก้อเป็นได้ แต่แล้วหวี่ยู่ยังถามย้ำความรู้สึกอีกรอบว่า
“ แม่นางแน่ใจนะ ว่าจะไม่ให้ข้าสอน”
“ อืม”
หวี่ยู่ได้ฟังแล้วต้องรู้สึกห่อเหี่ยวอีกรอบจนน้ำเสียงแต่กล่าวตามหลังว่า
“ งั้นเดี๋ยวข้าไปตามคนที่เก่งในวิชากระบี่มาสอนแม่นางให้แล้วกัน แม่นางรอสักครู่เถิด”
ส้มได้ฟังแล้วเห็นใจจึงยอมเลิกราเลยกล่าวว่า
“ นั้นจะไปจริงหรอ ไม่อยากสอนข้าจริงหรอ ท่านอยากสอนข้าหรือเปล่าล่ะ”
“ แม่นางหมายความว่าเช่นไรกัน ข้าไม่เข้าใจ ท่านบอกว่าไม่ให้ข้าสอนไม่ใช่หรอ”
“ ข้าแค่ล้อเล่น เพราะเห็นท่านไร้ความรู้สึกเลยทดสอบดู หากไม่งั้นชีวิตข้าคงน่าเบื่อแน่ที่มีคนสอนที่ไร้ความรู้สึกรู้สมให้กับฉันเอ๊ย กับข้า”
“ข้ามีข้อตกลงอะไรนิดหน่อย ได้หรือไม่แม่นาง”
“ก้อได้อะไรหรอ”
“คือว่าเวลาที่ข้าสอนท่าน ให้ท่านเรียกข้าว่า ยู่หลาง(แปลว่า สามีชื่อยู่ที่รัก) แต่หากอยู่กับผู้อื่นด้วย ให้ท่านเรียกว่าข้าว่าเสี่ยวยู่ได้หรือไม่”
“ทำไมต้องเรียกเช่นนั้นด้วย”
“เออ ข้าอยากให้ท่านเรียกเช่นนั้นได้หรือไม่”
ในใจของส้มคิดว่า ‘ อะไรคน คนนี้ ทำไมต้องเรียกอย่างนั้นด้วย บอกเหตุผลก้อไม่ได้ เฮ้ย เออ หรือว่า หมายถึงอาจารย์ แต่ว่าเราเคยได้ยินเค้าเรียกอาจารย์อีกอย่างนิหน่า เอ้ หรือหมายถึงอาจารย์ที่อายุเยาว์หว่า สงสัยใช่มั้ง เรียกก้อได้ เอาเหอะคงไม่ได้ให้เรียกว่าที่รักหรอกน่า หน้าตา ท่าทางอย่างนั้นคงไม่คิดอะไรกับเราหรอกน่า’
“ก้อได้เรียกก้อได้ ยู่หลางงงงงง พอใจไหมคะ ยู่หลางงงงงงงงงงง”
เสี่ยวยู่ได้ยินรู้สึกทั้งดีใจและต้องกลั้นหัวเราะให้กับความไม่รู้ของสาวน้อยตรงหน้าอย่างเจ้าเล่ห์ที่หลงกลตน
“ งั้นแม่นางตามข้ามา ข้ามีสถานที่สอนวิชาที่เงียบสวบไร้ผู้คน เหมาะกับการเรียนรู้ของท่าน”
ณ.ริมผา
ณ.สถานที่แห่งหนึ่งด้านหนึ่งเป็นริมผา เหวลึกกว่า 10 จั้ง ยาวประมาณ 200 เมตรอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหนึ่งเป็นน้ำตกเล็กไหลลงสู่สถานฝึกสอนอยู่ด้านซ้ายของริมเหว ซึ่งรูปริมผาเป็นลักษณะ 3 เหลี่ยม มีแหลมกว่า 1 เมตร กั้นระหว่างน้ำตกและริมผา มีพื้นที่ส่วนหนึ่งเข้ามายังฝั่งพื้นบนมีก้อนหินใหญ่อยู่ 3 ก้อนอยู่เรียงกันในลักษณะรูป 3 เหลี่ยม ซึ่งรูปตรงกลางมีลักษณะเหมือนเก้าอี้มีพนักข้างเล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนเป็นเพียงแค่หินที่มีร่องน้ำเท่านั้น ส่วนอีก 2 ก้อนซ้ายขวาเป็นหินเรียบ ด้านซ้ายมีสีเทา อีกก้อนมีสีขวานวล
“ เชิญแม่นางนั่ง”
หวี่ยู่ผายมือไปยังก้อนหินด้านซ้ายมือ ส่วนตนเองได้นั่งลงที่ก้อนหินทางขวามือ โดยทั้งสองได้นั่งหันหน้าเข้าหากัน
“ หากท่านต้องการเรียนวิชาหมัดมวยแล้ว ท่านต้องรู้จักการใช้กำลังเสียก่อน โดยกำลังที่ใช้ออกประกอบด้วย ใน 4 นอก 6 ...”
“เดี๋ยวสิ คุณชาย ”
ยังไม่ทันที่เสี่ยวยู่จะอธิบายจบ ส้มจีนก้อขัดขึ้นมาเสียก่อน
“มีอันใดหรือแม่นาง”
“ขออภัย ข้าจำไม่ได้แล้ว ก้อเนื้อหาที่คุณให้มันเยอะมากเลย จำลำบากรอแปบนะ”
จากนั้นส้มจึงก้มลงหยิบสมุดเปล่า กับดินสอ(ถ่านแท่งที่ตัดให้มีลักษณะเป็นแท่งขนาดพอกระชับมือแล้วนำผ้ามาพันไม่ให้เลอะมือ มีช่วงให้เขียนได้ที่ด้านปลายประมาณ 1 นิ้ว)จากกระเป๋าที่นาช่าจัดเตรียมให้เมื่อเช้าหลังทานอาหารเช้า พร้อมทั้ง หลี่ตาข้างหนึ่ง อีกทั้งแลบลิ้นพลาง เพียงเท่านั้น แต่มันก้อตรึงใจเสี่ยวยู่ยิ่งนัก นางช่างน่ารักอะไรเช่นนี้ แต่สังเกตุเห็นดินสอที่นาช่าทำให้จึงถามส้มไปว่า
“แม่นางนั้นคือสิ่งใด นำมาเพื่อสิ่งใดกัน”
“อ้อนี่น่ะหรอ”
พร้อมกับยกดินสอให้ดู
“อืม”
“เรียกว่า ดินสอน่ะ มีไว้เขียน เหมือนกันที่คุณใช้พู่กันกับหมึกน่ะ แต่ว่านี้ไม่ต้องใช้พู่กันกับหมึก พกพาง่ายกว่ามาก”
“ แม่นาง ข้าบอกให้ท่านเรียกข้าว่าอะไรเวลาที่ข้าสอนท่าน”
“ขออภัย ข้าจำไม่ได้แล้ว ก้อเนื้อหาที่คุณให้มันเยอะมากเลย จำลำบากเลยลืมอ่ะ”
“ข้าจักกล่าวอีกรอบหากคราหน้าท่านไม่เรียกข้าว่า ยู่หลาง ข้าจะลงโทษท่าน”
“จ้าาาา อาจารย์ยู่หลางงงงง”
เสี่ยวยู่ได้ยินถึงกับแอบอมยิ้มจนหน้าเริ่มแดงอ่อน ๆ แต่ก้อปรับอารมณ์ได้รวดเร็วจนสาวน้อยตรงหน้ามองไม่ทันเห็นหน้าเปลี่ยนสี ซึ่งไม่เพียงแค่เสี่ยวยู่ที่แอบอมยิ้มเท่านั้นยังมีนาช่าที่ลอบตามมาสังเกตการณ์ตรงที่เป็นมุมอับซึ่งจุดที่นาช่าอยู่นั้นเป็นมุมอับ โดยที่ทั้ง 2 คนมองไม่เห็นแต่นาช่าสามารถมองเห็นทั้ง 2 คน
“นายท่านช่างเล่นนัก”
เสียงนี้ย่อมเป็นนาช่าแน่นอน
เสี่ยวยู่ถามต่อเพื่อแก้เขินว่า
“แม่นาง ท่านพร้อมหรือยัง”
“โอเค พร้อมแล้ว”
“เมื่อกี้ท่านว่ากระไรนะ โอเก คืออะไรหรือ”
“โอเค คือตกลง หรือการตอบรับนะ”
“งั้นข้าขออธิบายต่อนะ นอก 6 ใน 4 ประกอบด้วย ใน 4 ส่วนประกอบด้วย ลมปราณภายใน 3 ส่วน วิธีการหายใจ 1 ส่วน นอก 6 ส่วน คือใช้ท่าทาง 2 ส่วน ออกแรง 2 ส่วน จังหวะ 1 ส่วน สติและสมาธิ 1 ส่วน ซึ่งกำลังภายใน จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ลมปราณบริสุทธิ์ ลมปราณหยาง และ ลมปราณหยิน ซึ่งลมปราณบริสุทธิ์เป็นกลุ่มที่มีผู้คนฝึกน้อยมากเนื่องจากฝึกยาก แต่หากฝึกสำเร็จแล้ว ท่านไม่ต้องดื่ม ต้องกินก้อสามารถอยู่ได้เป็นสิบปี และพลังจะมีอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอนจนท่านสิ้น แต่หากฝึกสายอื่น หากไม่ดื่ม ไม่กิน ท่านจะอยู่ได้เพียง 1 ปี เท่านั้น และหากอย่างมีพลังต่อเนื่องท่านต้องเสียพลังภายในอย่างมาก ถึงกระนั้นก้อไม่สามารถอยู่ได้เกิน 3 ชั่วยาม ส่วนลมปราณหยางคือ การฝึกแบบร้อน และ
”
ความคิดเห็น