คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 11 : เดิมพันความรัก
“ขออภัย ขอรับนายท่าน แม่นางท่านนี้คือนายหญิงของข้า แม่หญิงของสกุลจี ซึ่งเป็นสกุลที่มีการทำการค้าขายที่เมืองไคฟง มีนามว่า ส้มจีน หรือ กู่ยีเฟย เรียกว่า เฟย ส่วนนางคือน้องสาวของแม่นางส้มจีน มีนามว่า กู่จุงเหมย เรียกว่า แม่นางเหมย ส่วนข้าคือกู่นาช่า ผู้ดูแลแม่นางทั้งสอง ขอรับ พวกข้าออกเดินทางเพื่อแสวงหาสถานฝึกสอนวิทยายุทธและสถานฝึกสอนวิชาชีพ ขอรับ แต่บังเอิญผลัดหลงกันในเมืองนี้และได้หลงเข้ามายังสถานฝึกสอนของท่าน แล้วคุณชายหวี่ยู่ใจดีให้พวกข้าเข้ามาพัก 2-3 วัน ขอรับนายท่าน”
นาช่าพูดจบ ทั้งส้มและเหมย หันหน้ามองกันอย่างมึนงง และ มองไปยังนาช่า ที่สามารถพูดโกหกได้หน้าตาเฉยเมยและน้ำเสียงไม่มีพิรุธเลย
“อ้อ อืม งั้นในเมื่อลูกชายข้าได้ทำการเชื้อเชิญพวกของท่านแล้ว ถือว่าพวกท่านเป็นแขกของลูกชายข้าและเป็นแขกของข้าด้วย พวกท่านเชิญเข้าพักตามสบายนะ ขาดเหลืออะไรก็บอกเด็กรับใช้ได้เลย อ้อ ขออภัยข้ามีธุระนิดหน่อย ข้าขอตัวก่อนนะ แล้วเจอกันมื้อเย็นนะ”
พูดจบก้อหันไปทางหวี่ยู่ว่า
“เสี่ยวยู่ ตามพ่อไปที่ห้องหนังสือด้วย ข้าอยากฟังคำอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ เสี่ยวหยาดูแลแขกของเราเป็นอย่างดีด้วย พ่อฝากด้วย”
“ได้ขอรับท่านพ่อ”
เสียงขานรับทั้งหวี่ยู่และหวี่หยาดังขึ้นพร้อมกัน
หลังจากที่หวี่หยาส่ง 2 พี่น้องไปดูห้องพักที่เรือนพักตะวันออก และพาไปพักผ่อนที่สวนย่อมในเรือนที่พัก
ณ.สวนย่อมในเรือนที่พัก
ส้มจีนนั่งชมวิวอย่างสบายอารมณ์ และเหมยวิ่งเล่นไปทั่ว โดยมีนาช่ายืนอยู่ข้างหลังส้มจีนอย่างเงียบ ๆ ยิ้มอย่างสบายใจ เมื่อเห็นนายหญิงของตนนั่งอมยิ้มออกจะเหม่อ อย่างกับนึกคิดถึงใครบางคน จากการสังเกตของนาช่าเดาว่านางกำลังคิดถึงคุณชายหวี่ยู่อยู่เป็นแน่แท้ และก้อมีเสียงพึมพำเหมือนบ่นอยู่คนเดียวจากนาช่าว่า
“นางเป็นคนนิ่ง ๆ ชอบธรรมชาติ ชอบความสงบ เป็นคนตื่นตกใจง่ายนัก แต่ไม่ออกอาการผวาตกใจ(คืออาการตกใจแล้วมือไม้ไม่อยู่นิ่งเช่น ตกใจแล้วมือกวาดไปด้านหน้าหรือหลัง หรือ ตกใจแล้วพูดออกมาโดยไม่ทันคิดหรือไม่รู้ตัว)”
อีกมุมหนึ่งภายในสวนบริเวณในพุ่มไม้
ในเงาไม้มีชาย 3 คนยืนอยู่ หนึ่งหนุ่ม หนึ่งแก่ หนึ่งเด็ก มีเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า
“ท่านพ่อ ว่าแม่นางคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
เสียงเด็กหนุ่มดังขึ้น
“อืม นางก็สวย น่ารักดี ดูแล้วแฝงด้วยสง่าราศี อือ ใช้ได้ เจ้าสนใจนางงั้นรึ เสี่ยวยู่ แล้วเสี่ยวหยา เจ้าสนใจ นางคนเล็กนั่นด้วยรึเปล่า บอกข้ามา”
“ก้....อ สนอยู่ แต่คงไม่เท่าพี่ใหญ่หรอก ที่สนนางตั้งแต่แรกเห็น”
“อืม งั้นเสี่ยวยู่ หากเจ้าทำให้นางรักเจ้าได้ภายในหนึ่งเดือน ไม่แน่ข้าอาจตกลงสู่ขอนางให้แก่เจ้า”
“ ท่านพ่อ เตรียมพิธีแก่ข้าได้เลย”
“ ท่านพ่อ จะพนันกับพี่ใหญ่หรืออย่างใด คราวก่อน ท่านพ่อก้อเสียหยกไพลินทะเลบูรพาของท่านปู่ให้กับพี่ใหญ่แล้ว คราวนี้ท่านพ่อจะพนันสู่ขอให้กับพี่ใหญ่ แล้วพี่ใหญ่จะเอาอะไรมาพนันล่ะ ”
“ เสี่ยวหยา เจ้าพูดมากเกินไปแล้วนะ เงียบเถอะ เสี่ยวยู่เจ้าจะเอาอะไรมาพนันกับข้า หากเจ้าอยากได้นาง”
“ อือ แล้วแต่ท่านพ่อ หรือท่านต้องการหยกไพลินทะเลบูรพาคืนล่ะ เป็นอย่างไร”
“ อือ ตกลงตามนี้”
“นี่
เดี๋ยวข้ามานะ”
ว่าแล้วเจ้าน้องชายก้อเดินไปหาเหมย
ในขณะที่เหมยกำลังเดินมาเก็บดอกไม้ แถว ๆ กอดอกไม้แล้วเสี่ยวหยู่ก้อพูด เบา ๆว่า
“ชู่ว
!!!”
“นี่
แม่นางน้อย ข้ามีอะไรจะถามเจ้า”
“
อะไร อย่าโผล่มาแบบนี้สิ ฉันตกใจนะ”
“
ข้าขอโทษ เออ
ข้าอยากถามว่าเจ้ากับพี่สาวเจ้าอยากเรียนวิทยายุทธไหม คือข้ากับพี่จะสอนให้”
“จริงหรอ
เออ งั้นเดี๋ยวฉันไปถามพี่ฉันก่อนแต่ว่าพวกเราพักไม่นานนะ จะสอนทันหรอ”
“ไม่เป็นไร
เรียนรู้เฉย ๆ ก้อได้
ไว้พวกเจ้าผ่านมาเมืองนี้ก้อค่อยมาแวะพักที่นี้แล้วเรียนต่อก้อได้นิจริงไหมแม่นาง”
“อือ
นี่อย่าเรียกเราแบบนี้เลย เรียกเราว่าเหมยสิ”
“ได้
เหมย เจ้าลองไปถามพี่ใหญ่เจ้าดูแล้วกัน
แล้วข้าจะไปรอเจ้าที่ตรงมุมริมน้ำนั้น”
ว่างพลางก้อชี้ไปยังริมน้ำที่อยู่ใกล้
กับดงไม้ที่พ่อและพี่ชายเค้าอยู่
“อือ
ได้ งั้นเดี๋ยวเจอกัน”
ณ.ดงไม้
“นี่เจ้าไปพูดอันใด
กับแม่นางน้อยนั้นเล่า”
พ่อของเสี่ยวหวี่เอ่ยขึ้นหลังจากที่เสี่ยวหวี่แอบเดินเลียบทางมาถึง
“อ้อ
ข้าก้อไปช่วยพี่ใหญ่นำทางให้พี่ใหญ่นิดหน่อย
แค่พี่ใหญ่เจอเสี่ยวเจี้ยะ(สาวงาม)คนนี้เข้าหน่อยก้อมือไม้สั่นไม่เป็นท่า
แต่ทีเห็นสาวงามนางอื่นล่ะ นิ่งเป็นท่อนไม้ไร้ความรู้สึก
ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ไปถูกใจอะไรเจ้เจ้(พี่สาว) นางนี้เข้าน่า พี่ใหญ่บอกข้าหน่อยสิ”
“นี่เจ้า
พูดมากนัก ไม่ต้องให้เจ้านำทางข้าก้อมีวิธีของข้าล่ะน่า ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ว่ามาว่าเที่ยวนี้มีแผนอะไรแฝงอยู่เล่า”
“โธ่
พี่ใหญ่ ทำไม ท่านถึงรู้ดี เอ๊ย รู้ใจข้านักล่ะ ก้อท่านมีของท่าน ข้ามีของข้า
พี่ใหญ่จะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคนของข้าอย่างใดเล่า ”
“ห๋า
นี่เจ้าจะเอากับเค้าด้วยหรือ นางยังเด็กนัก ห่างกับเจ้าไม่ถึง3 ขวบปีเลยนะ”
คนเป็นพ่อตกใจยิ่งเมื่อลูกคนเล็กเอ่ยว่าจะจีบสาวตั้งแต่ยังเด็ก
แถมสาว ยังเด็กกว่าตนเสียอีก
“โธ่
ท่านพ่อก้อ นางน่ารักดี ข้าชอบ แต่คงไม่ถึงขนาดจะคบไปจนแต่งหรอ ยังอีกยาวไกล
ยังต้องมีเสี่ยวเจี้ยะให้ข้าเลือกอีกหลายนัก ท่านพ่อ ”
ถึงแม้กล่าวออกไป
แต่ใจเด็กน้อยนี้ก้อพึงพอใจสาวน้อยนางนี้นัก เพราะนางทั้งน่ารัก ร่าเริง
เหมือนตนนัก
“พี่ใหญ่ในเมื่อเรามีเป้าหมายเดียวกันคือจีบหญิงงาม
งั้นข้าว่าเรามาพนันกันดีกว่า ว่าใครจะจีบได้สำเร็จก่อนกัน”
“แล้วเจ้าจะเอาอันใดเดิมพันเล่า
เด็กน้อยเอ๊ย”
“ฮืม
หากท่านชนะ ข้ายอมรับใช้ท่านทุกอย่างโดยไม่ขอบ่นหรือเกี่ยงงอสักคำ เป็นเวลา 1 เดือน
แต่หากข้าชนะ เออ.... ข้ายังนึกไม่ออก
ไว้ข้าชนะแล้วนึกออกจะบอกท่านทีหลัง”
ถึงแม้กล่าวไปเช่นนั้นแต่สายตา
แววตาฟ้องว่ามีเลศนัยอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะเอาอันใดมาเดิมพัน
“ได้
แต่ข้าว่าเจ้าเตรียมตัวเตรียมใจเตรียมชุดเด็กรับใช้ได้เลย เสี่ยวหวี่”
“ฮาๆๆๆๆๆ
เจ้าลูกทั้งสองของข้า พวกเจ้านี่ช่างสรรหาเรื่องเสียจริง
ถึงขนาดเอาสาวงามทั้งสองนางที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วจะพักกับเรานานเท่าใด
มาเป็นเกมสำหรับพวกเจ้า เฮ้อ !
น่าสงสาร เสี่ยวเจี้ยะ เจ้ม่วย(พี่สาว น้องสาว) คู่นี้จริงๆ
ที่ต้องตกเป็นของเล่นพวกเจ้า เฮ้อ
! ”
ณ.เก้าอี้กลางสวน
ส้มจีนกำลังคิดถึงงานเพลิน ๆ
อยู่ก้อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นแต่ไกลว่า
“พี่ส้ม
พี่ส้ม แฮะ ๆ ”
“อะไรวิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว
ระวังโรคหอบจะกำเริบนะ”
“
คือ คือ คือว่า เสี่ยวหวี่เค้าให้มาถามว่า
พี่อยากเรียนยุดไหม”
“อะไรนะ
อะไรยุด”
“วิดยายุด
น่ะ”
“อ้อ
วิทยายุทธ อืมน่าสนใจดี ว่าแต่ใครจะสอนให้ก้อพวกเค้านั้นแหละ”
“หือ
หรอ แล้วเหมยล่ะ อยากเรียนไหม”
“นายหญิง
ท่านสอง ฟังนาช่า กล่าวสักครู่ได้หรือไหมขอรับ”
“มีอะไรนาช่า
”
เหมยถาม
“คือว่า
ถึงแม้ว่านายหญิงจะเป็นวิชาที่นี้ สามารถต่อสู้ มีกำลังภายในที่นี้ แต่ว่าในโลกความเป็นจริง
นายหญิงทั้งสองจะจำได้เพียงแค่ท่าทางแต่ไม่มีพลังเหมือนอย่างกับอยู่ที่นี้นะขอรับ”
“
หรอ แย่จัง เหมย กะว่าจะเอาไปเล่นกับเพื่อน ๆที่โรงเรียนซะหน่อย อดเลย ”
“เอาไง
ยังอยากเรียนอยู่ไหม”
“เรียนสิ
โธ่ ดีกว่าอยู่เฉย ๆ อ่ะ เหมยเริ่มเบื่อแล้ว อย่างน้อยถ้าเป็นยุด แล้ว
เหมยจะได้ลองสู้กับคนอื่นเค้าบ้าง เห็นพี่ชายคนนั้นสู้แล้วน่าหนุกดี
แต่น่ากลัวเหมือนกันนะ ”
“อือ
ถ้าเหมย อยากเรียนพี่เรียนด้วย งั้นเหมยไปบอกพวกเค้าแล้วกัน เรียนเมื่อไร
ใครสอนบอกพี่ด้วยล่ะกันนะ สาวน้อยของพี่ ”
“
ฮิ ๆ คะ นางคว้าของน้อง”
ว่าแล้วเหมยก้อไปตามนัด
ณ.ริมสระน้ำ
มีเด็กหนุ่มคนนึงยืนรออยู่ ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
เจ้าแผนยิ่งนัก เมื่อมีเสียงลมสายดังกำลังแล่นตรงมา จึงหันหน้าไปแล้วถามว่า
“ว่าไง
เหมย พี่สาวเจ้าเรียนยุทธหรือไม่”
“เรียน
แต่ว่าใครจะสอนใครบ้าง หรือเรียนพร้อมกัน”
“เปล่า
หรอก เจ้าน่ะข้าสอนให้ แต่ว่าพี่สาวเจ้า พี่ใหญ่ข้าสอน
แต่ว่าเจ้าอย่าเพิ่งบอกนางนะว่าพี่ใหญ่จะสอน ให้เจ้าบอกนางว่า เรียนพร้อมกัน ”
“ทำไมล่ะ ”
“เพราะข้าอยากได้พี่สาวเจ้ามาเป็นพี่สะใภ้นะซี”
“อ้อ
นี่นายจะให้พี่ชายของนายจีบพี่สาวเราน่ะหรอ”
“ใช่แล้ว เออ จริงสิ พวกของแม่นางเป็นคนที่ไหนหรือ
ถึงได้กล่าววาจาแปลก ๆ ทั้งสำเนียงและวาจาประหลาดนัก”
“อ้อ
พวกเรามาจากที่ไกล แสนไกล น่ะ เลยพูดไม่เหมือนที่นายพูด ”
“แล้วพวกของแม่นางมาทำอะไรแถวนี้หรือ ”
“อ้อ
คือ พี่สาวเรามาทำงานในเมืองน่ะ เพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่นี้
แล้วฉันก้อเกิดพลัดหลงกันแถวประตูเมืองน่ะ”
“แล้วบ้านของแม่นางประกอบการสิ่งใดหรือ
”
“ประกอบการคืออะไรหรอ
”
“เออ
คือ ทำงานอะไรน่ะ ”
“อ้อ
รู้สึกว่าจะเป็นพัดมั้ง ”
“ชื่อร้านอะไรนะ
”
“จำไม่ได้แล้ว
ต้องถามพี่ส้ม กับนาช่า น่ะ ”
“อ้อ
ได้ งั้นพรุ่งนี้หลังข้าวเช้า ค่อยเจอกันนะ ที่ตรงนี้ ส่วนพี่สาวของแม่นางให้บอกว่าไปรอที่หน้าประตูใหญ่ทิศใต้ก่อนแล้วพวกเราจะตามไปนะ
”
“
โอเค”
“อะไร
โอเคะ คืออะไรหรือแม่นาง ”
“แปลว่า
ตกลงนะ ”
“โอเคะ
ใช่ไหม ”
“ไม่ใช่
โอเค ดูปากนะ โอออ เคคคค”
“โออเคค”
“สั้น
ๆ ก้อพอ โอเค”
“โอเค เออ ภาษาของแม่นางกล่าวยากจัง ”
“ไม่นานก้อชินเองแหละ
”
“งั้นเดี๋ยวเจอกันมื้อเย็นนะ
”
“โอเค
”
“โอเค
”
ความคิดเห็น