ตอนที่ 22 : บทที่๑๑...งานแต่งของเรา (๕๐)
บทที่๑๑...งานแต่งของเรา
งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะความใจร้อนของเจ้าบ่าวอยากร่วมหอลงโรงกับภรรยาสาวสวย ทุกคนตามใจเขาเพราะขัดไม่ได้ จนแม้แต่คุณพัฒน์ก็หมั่นไส้บุตรชายที่แต่ก่อนทำท่ารังเกียจพริมาเสียเต็มประดาสุดท้ายมาตกม้าตายเอง งานหมั้นและงานแต่งจัดที่โรงแรมเพื่อความสะดวกแก่แขกเหรื่อที่จะมาร่วมงาน
“คุณพรีมคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”ในระหว่างแต่งตัวพนักงานของโรงแรมเข้ามาเรียนให้เจ้านายคนใหม่ทราบ ใบหน้าหวานมีแววครุ่นคิดแล้วพยักหน้าให้เชิญเข้ามา ใครกันนะมาในเวลานี้ การปรากฏตัวของผู้มาใหม่สร้างความตกใจให้ไม่น้อย
“คุณเนตร”ร่างบางมองคนที่มาร่วมงานด้วยใบหน้าซีดเผือด ดีที่มีเครื่องสำอางช่วยปกปิดคนมาใหม่จึงไม่รู้ว่าเจ้าสาวรู้สึกกังวลไม่น้อยที่ไปแย่งผู้ชายของสาวซึ่งขึ้นชื่อว่าสมบูรณ์แบบมาเป็นของตนเอง
“เนตรขอคุยกับคุณพรีมสักครู่ได้ไหมคะ”แววตาที่มีแต่ความเป็นมิตรพอจะให้วางใจได้บ้างจนต้องหันไปมองผู้ช่วยแต่งตัว
“เอ่อ พรีมขอคุยกับคุณเนตรสักครู่นะคะ”เหลืออีกสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาพริมาจึงไม่ปฏิเสธที่จะพูดคุยอย่างเปิดอก ทุกคนออกจากห้องเหลือไว้เพียงสองสาวที่มองหน้ากันก่อนเจ้าสาวคนสวยจะเชิญให้แขกสาวนั่งบนโซฟา ความเงียบปกคลุมรอบห้องจนรู้สึกอึดอัด
เหมือนคนทำความผิดที่กำลังรอการลงทัณฑ์
“คุณเนตรมีอะไรจะคุยกับพรีมคะ”ในที่สุดก็เป็นเธอที่ทนไม่ไหวเอ่ยปากถามก่อน
“เนตรแค่อยากมาเคลียร์ให้คุณพรีมเข้าใจว่าระหว่างพี่พามกับเนตร เราเป็นแค่พี่น้องกันค่ะ”กลัวว่าเรื่องของเธอและพีมกรจะเป็นประเด็นให้พริมาเข้าใจผิด และคาดว่าเจ้าบ่าวคงไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้เจ้าสาวตนเองทราบแน่เพราะยุ่งเรื่องอื่น แค่เวลาพักยังหายากต้องเร่งเคลียร์เอกสารต่างๆ เพื่องานแต่งวันนี้โดยเฉพาะ
“หมายความว่ายังไงคะ”เห็นเทียวไล้เทียวขื่อกันบ่อยจนคิดว่าทั้งสองเป็นคู่รัก แต่เธอก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทจนกระทั่งวันนี้ที่เนตรอัปสรเดินเข้ามาหาด้วยกันเองจึงนึกขึ้นได้ว่า พีมกรมีอีกคนในใจเหมือนกัน
“ที่เห็นพี่พามกับเนตรไปไหนด้วยกันบ่อยก็แค่พี่น้องค่ะ เราไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น เนตรอยากให้คุณพรีมสบายใจว่าจะไม่มีการขัดขวางงานครั้งนี้จากเนตรแน่นอน”ได้ฟังอย่างนั้นก็รู้สึกสบายใจ ใบหน้าหวานแย้มยิ้มด้วยความสุข
“ขอบคุณคุณเนตรที่มาบอกพรีมนะคะ”อีกฝ่ายก็ยิ้มรับก่อนจะเกริ่นเข้าเรื่องที่ตนอยากรู้
“ถ้าเนตรขอถามเรื่องคุณวรินทร์ ไม่ทราบว่าคุณพรีมพอจะตอบได้ไหมคะ”เห็นว่าคนมาใหม่ไม่ได้มีพิษมีภัยใดๆ ก็พยักหน้ายิ้มพร้อมตอบคำถามที่คาดว่าคงไม่พ้นการเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวในครั้งนี้
“ยินดีค่ะ ถามมาได้เลย”
“เอ่อ คือว่า”ยังไม่ทันจะได้ถามประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมการมาของบุคคลที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน กานดา ประจักษ์โยธิน ลูกสาวของคุณปณิดา เลิศธนโยธาน้องสาวของคุณลุงพัฒน์ที่แยกออกไปมีครอบครัวแต่ท่านก็ยังคงใช้นามสกุลเดิมไม่ได้เปลี่ยนตามสามี เมื่อแต่งงานย้ายออกจากบ้านใหญ่ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของตระกูลเพียงถือหุ้นตามที่บิดามอบให้
“ฮัลโหลน้องพรีม พี่กานดามาแล้ว”คนมาใหม่ยิ้มร่าเริงเข้ามาก่อนชะงักเมื่อเห็นแขกของน้องสาว เธอยิ้มให้เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนดังในแวดวงไฮโซ
“พี่เนตรสวัสดีค่ะ”ชื่อนั้นเรียกความสนใจให้ชายหนุ่มที่เดินตามหลังเข้ามาเป็นอย่างดี วรินทร์ก้าวขามายืนเคียงข้างกานดาสบตากับเนตรอัปสรที่ลุกขึ้นยืนรับไหว้จากทันตะแพทย์สาวสวย
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”ทันทีที่สองหนุ่มสาวอดีตคนเคยรักได้สบตากันบรรยากาศพลันเปลี่ยนแต่อีกสองคนในห้องไม่ได้รับรู้ด้วย
“เนตรขอตัวก่อนนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ ค่ะ”ค้อมศีรษะเดินออกไปทันทีจนชายหนุ่มเพียงคนเดียวได้แต่มองตามเหลียวหลัง “พี่ขอตัวนะ คุยกันเลย”วิ่งตามออกไปทำเอาสองคนที่เหลือได้แต่มองหน้ากันอย่างงุนงง รู้สึกว่าระหว่างสองคนนั้นมีอะไรแปลกๆ แต่ช่างเถอะไม่ใช่ธุระอะไร ตอนนี้ควรจะยินดีกับเจ้าสาวคนสวยเสียก่อน
“ไหนมาดูสิ โตแล้วสวยขึ้นเป็นกองเลยน้องสาวพี่”กานดาเอ่ยชมด้วยแววตาภูมิใจ แม้ว่าคุณปณิดาจะแยกตัวออกไปแต่ว่าทุกเทศกาลก็พาบุตรชายและบุตรสาวไปเยี่ยมที่บ้านเสมอเด็กๆ จึงรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะพริมาและกานดาที่เป็นผู้หญิงเพียงสองคนท่ามกลางชายหนุ่ม ทั้งวรินทร์ พีมกร และการินพี่ชายของกานดา
“ไม่เท่าพี่กานดาหรอกค่ะ ออร่าคุณหมอจับจนแสบตาไปหมด”หยอกล้อกันพลางหัวเราะอย่างมีความสุขผิดจากอีกสองคนที่ท่าทางเคร่งเครียดเหลือเกิน เนตรอัปสรพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแต่ไม่ทันเพราะโดนวรินทร์คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“กรุณาปล่อยด้วยค่ะ ดิฉันไม่ได้รู้จักคุณเป็นการส่วนตัว ทำแบบนี้ถือว่าล่วงเกินนะคะ”การเตือนไม่เป็นผลเพราะวรินทร์ไม่คิดจะปล่อยมือกลับเลื่อนไปกอบกุมมือนิ่มเอาไว้แทน ดวงตาสื่อถึงความรักที่ยังไม่จางหาย
“ผม..ขอโทษ”เพียงแค่ประโยคเดียวกลับสั่นคลอนเธอได้ทั้งหัวใจ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ได้แต่เฝ้าถามตนเองว่าเหตุผลที่เขาบอกเลิกคืออะไร เธอทำผิดอะไรอย่างนั้นหรือ ทั้งที่วันนั้นคือวันครบรอบห้าเดือนแต่กลายเป็นว่าเขาเดินมาบอกเลิก ไม่มีเหตุผลมารองรับ เนตรอัปสรจมอยู่กับความไม่เข้าใจมาแสนนาน
“มันสายไปแล้วค่ะ”มันสายไปแล้วสำหรับการเริ่มต้นใหม่กับคนเก่า ชีวิตของเธอต้องเดินหน้าแต่ไม่รู้ทำไมภาพอนาคตถึงเห็นคนข้างกายคือวรินทร์ ควรจะลืมไม่ใช่หรือ
“รอก่อนได้ไหม อย่าพึ่งมีใครเลยนะ”เป็นคำขอร้องที่ไม่มีเหตุผลมารองรับ รออย่างนั้นหรือ ตลอดหลายปีที่ไม่เคยเปิดรับใครนั้นไม่เรียกว่าเธอรอเขาหรอกหรือ เนตรอัปสรเจ็บใจที่ต่อให้เขาร้ายอย่างไรใจเธอก็ยังมั่นคงกับผู้ชายคนนี้ไม่เปลี่ยน
“รู้ไหมว่าฉันเกลียดผู้ชายอย่างคุณที่สุด”สะบัดมือเพื่อให้หลุดจากสถานการณ์นี้และวรินทร์ก็ปล่อยเพราะเจ็บกับคำว่าเกลียดของเธอ มันสมควรแล้วที่เธอจะเกลียด ผู้ชายขี้ขลาดแบบเขาก็ทำได้แค่มองแผ่นหลังบางที่ห่างออกไปเรื่อยๆ
แค่จะลุกขึ้นเพื่อต่อสู้กับความรักยังไม่สามารถทำได้
ช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นตามขนบธรรมเนียมของไทย พีมกรอยู่ในชุดเสื้อราชประแตนและกางเกงโจงกระเบนดูแปลกตาแต่หล่อเหลาทำเอาสาวในงานล่ำลือเป็นเสียงเดียวกันว่าหล่อน่าลาก สื่อที่มาทำข่าวถ่ายภาพบรรยากาศด้วยความชื่นมื่นแต่ดูเหมือนตอนนี้เจ้าบ่าวจะไม่มีความสุขด้วย
“ตอนไหนประตูบ้าๆ มันจะหมดสักทีพ่อ”ตั้งแต่เดินมาเขาผ่านกั้นประตูเงินประตูทองมากว่าห้าประตูแล้ว กว่าจะถึงเจ้าสาวเขาไม่หมดตัวก่อนหรือ
“ใจเย็น ใกล้หมดแล้วล่ะ”คุณพัฒน์หัวเราะบุตรชายที่ทำหน้าเป็นหมีกินผึ้งไม่สบอารมณ์กับพิธีตรงหน้า เขาอยากเห็นหน้าเจ้าสาวเร็วๆ ผิดกับเพื่อนเจ้าสาวที่ไม่รู้ว่าคนเงียบๆ ทำไมถึงได้มีเพื่อนเยอะขนาดนี้ เยอะเสียจนเขานึกว่ามีงานแจกของฟรีเสียแล้ว
ภายในงานประดับตกแต่งแบบไทยแท้ สวยงามดูหรูหราสมฐานะของเจ้าบ่าว ผนังด้านหลังมีชื่อของคู่บ่าวสาวติดเอาไว้ ที่นั่งสำหรับญาติผู้ใหญ่ก็มีบิดาและมารดาเลี้ยง ทั้งเจ้าสัวตระกูลใหญ่โตมาเป็นญาติกิตติมศักดิ์ให้อีกด้วย คุณย่ารินลดานั่งเป็นแขกให้เจ้าสาวเคียงข้างรัฐมนตรีที่ท่านรู้จัก
การปรากฏตัวของเจ้าสาวสร้างความตกตะลึงให้แขกไม่เว้นเจ้าบ่าวที่มองตาค้าง วันนี้พริมาสวยในชุดไทยประยุกต์สีทองงามอร่ามขับผิวขาวผ่องให้ดูสะอาดตาขึ้นไปอีก ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มโดยช่างแต่งหน้ามือหนึ่งของประเทศโดยมีเจ้าบ่าวจ่ายเงินให้ไม่อั้นลัดคิวทุกงานเพื่อเจ้าสาวคนสวยโดยเฉพาะ
ร่างบางเริ่มก้าวขาไม่ออกเมื่อกลายเป็นเป้าสายตา แต่ก็ต้องรีบขึ้นมานั่งบนพื้นเวทีซึ่งจัดสูงเพียงเล็กน้อย แสงแฟลชสาดแข่งกันจนถึงเวลามงคล สองดวงตาสบกันก่อนที่คนตัวเล็กจะเอียงหน้าหนีด้วยความเขินอาย พีมกรมองเธอด้วยความรักใคร่ที่มีล้นใจและมันทำให้ใบหน้าหวานแดงยิ่งขึ้น
งานดำเนินไปตามตารางที่วางเอาไว้กระทั่งสวมแหวนให้กัน พีมกรสั่งทำแหวนพิเศษโดยเฉพาะ เขาไม่ชอบแหวนเพชรเม็ดโตที่สวมไว้ประเดี๋ยวประด๋าวแต่ชอบแหวนที่ใส่ได้ในชีวิตประจำวันทุกคนจะได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีเจ้าของแล้ว การแลกแหวนผ่านไปด้วยดีทั้งสองก็ไปนั่งประจำที่เพื่อรอรดน้ำสังข์ แม้จะเหนื่อยแต่ก็แฝงความสุข ไม่รู้ว่าถ้าผู้ชายข้างเธอเป็นวรินทร์จะมีความสุขเช่นนี้ไหม..
ดีแล้วที่เป็นพี่พาม ผู้ชายที่เธอรัก
ระหว่างนี้บ่าวสาวแทบไม่ได้คุยอะไรกันเพราะหลังจากเสร็จพิธีเช้าก็เริ่มงานเลี้ยงตอนบ่ายทันที พีมกรไม่อยากให้เวลางานแต่งไปเบียดเบียนเวลาเข้าหอ แน่นอนว่าครั้งนี้ไม่ใช่แค่สตรอเบอร์รี่แต่ยังรวมหลากหลายกลิ่นให้ภรรยาได้เลือกสรร
งานเลี้ยงตอนบ่ายเริ่มขึ้น แขกช่วงบ่ายเริ่มเข้างานจนโต๊ะที่เตรียมไว้เต็มทุกที่ต้องหาโต๊ะมาเสริม อาหารก็อร่อยงานเลี้ยงวันนี้จึงอบอวลไปด้วยความสุข หากแต่ยังมีบางคนที่กล่าวถึงการเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวกะทันหัน อันที่จริงพีมกรจะแก้ไขให้ทุกคนได้เข้าใจแต่เพราะพริมาเองที่ห้ามไว้ ในเมื่อเรื่องที่เขาพูดมันคือความจริงจะไปแก้ไขอะไรได้ อีกไม่นานเรื่องก็ซาไปเอง
“สละโสดแล้วนะครับ ยินดีด้วย”เพื่อนสมัยเรียนต่างเข้ามายินดีกับเจ้าบ่าวที่แยกตัวออกมาจากเจ้าสาวคุยเป็นการส่วนตัวเฉพาะหนุ่มๆ
“แต่วันนี้มึงหล่อว่ะ สมกับตำแหน่งหัวหน้าทีมฟุตบอลของโรงเรียนจริงๆ”ครั้งที่ยังเป็นหนุ่มวัยรุ่นพีมกรเล่นกีฬาเก่งมากคว้าถ้วยรางวัลมาให้โรงเรียนก็เยอะจนมีสาวตามกรี๊ดเชียร์ถึงขอบสนาม แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครได้เข้าใกล้เกินนั้น ตั้งแต่รู้จักกันมานับสาวที่เพื่อนควงได้เลยว่าไม่เกินห้าคนแน่นอน
“เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แค่หัวหน้าทีมครับ มันคือท่านประธานแห่งโรงแรมพราเซียสที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศและตอนนี้กำลังเจาะตลาดต่างประเทศ”ศรัลขยายความต่อให้ราวเป็นเลขาส่วนตัวของพีมกรจนเพื่อนโห่แซว
“ถ้าไม่บอกว่ามึงดูแลกิจการที่บ้านกูนึกว่ามึงไปเป็นพีอาร์ให้โรงแรมไอ้พามมันแล้ว”ทุกคนหัวเราะด้วยความสุข หยิบไวน์ขึ้นมาดื่ม คิดไม่ผิดที่มางานนี้เพราะแอลกอฮอล์ไม่อั้น ดื่มตอนกลางวันไม่เกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น
“แล้วทำไมมึงจัดงานเร็วขนาดนี้วะ ดีนะที่กูลางานมาได้ คนบ้าอะไรจัดงานช่วยบ่าย”เพื่อนในกลุ่มส่วนมากก็ไม่เข้าใจงานแต่งของหนุ่มหล่อที่เลือกจัดช่วงกลางวัน บางคนติดธุระมาไม่ได้ก็ฝากซองมาพร้อมกล่าวขอโทษ เจ้าบ่าวยกยิ้มมุมปากแต่ไมได้ตอบอะไรจนศรัลที่รู้เช่นเห็นชาติตอบแทน
“ให้กูเดานะเว้ย คนหื่นๆ อย่างไอ้พามมันจะต้องเอาเวลาตั้งแต่เลิกงานจนถึงฟ้าสางจัดการลอกคราบแมวน้อยแน่ๆ”ได้ฟังอย่างนั้นเสียงของคนทั้งกลุ่มก็ดังขึ้น เดินมาตบบ่าเจ้าบ่าวจนอีกฝ่ายมองตาขวาง ตบมาได้แรงไม่ใช่น้อยเลย
“กูลืมไป ฉายาไอ้พามแรงม้าไม่ใด้มาเล่นๆ เว้ย”เพื่อนเจ้าบ่าวเฮฮาในขณะที่ฝั่งเจ้าสาวเองก็ถูกเพื่อนแต่ละคนซักฟอกเป็นการด่วน หลังเรียนจบมาก็แยกย้ายกันไปทำงาน บางคนแต่งงานมีครอบครัวไม่ค่อยได้นัดสังสรรค์กันเท่าไหร่ ได้พบกันทีก็คือมีงานสำคัญอย่างเช่นวันนี้ พริมาคุยกับเพื่อนก่อนจะขอแยกตัวก็มาสะดุดที่ร่างบางมีใบหน้าคุ้นตาเหมือนเห็นในโทรทัศน์บ่อย
“สวัสดีค่ะคุณพรีม กั้งเป็นญาติฝั่งแฟนเก่าเจ้าบ่าวค่ะ น้องสาวของพี่เนตร”มองดูแล้วไม่มีความเป็นมิตรสักนิด พริมาจำต้องยิ้มเป็นมารยาทพื้นฐาน
“ค่ะ ขอบคุณที่มาร่วมงานนะคะ”ตอบเสียงนุ่มพยายามหาทางเลี่ยงแต่ว่าอีกฝ่ายก็ตามไม่ปล่อย
“ยินดีมากเลยค่ะ ยังไงเราก็ถือเป็นคนกันเองอยู่แล้ว แต่ก่อนพี่เนตรก็เกือบได้แต่งงานกับพี่พามอยู่แล้วเชียว”คนที่ไม่ค่อยชอบจะตอบโต้หรือมีปัญหาอย่างพริมาได้เพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้นทั้งที่รู้ว่าคำพูดนั่นจงใจหักหน้าเธอโดยเฉพาะ
.......................
คนน่ากลัวดูท่าว่าจะไม่ใช่คุณเนตรแล้วล่ะค่ะ
น่าจะเป็นน้องสาวมากกว่า
มาลุ้นกันนะคะว่าหนูพรีมจะรอดพ้นหรือเปล่า
เอาใจช่วยด้วยนะคะ
ฝากคุณดลหนูเปรมด้วยน้าาา
![]() |
|
เอ๋...แล้วอีกคู่นี้แยกเล่มรึรู้ผลในนี้คะ