ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sight Perception บอดแห่งอมรอันนิรันดร

    ลำดับตอนที่ #2 : Sight 02 (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 35
      0
      17 เม.ย. 55

    Sight 02

              1 เดือนหลังจากนั้น...

    ???: … 

              ณ ห้องนอนในบ้านหลังหนึ่งในช่วงเช้า 

              เป็นห้องเล็กๆขนาดประมาณ 5x5 เมตร มีเตียงชิดอยู่ฝั่งซ้ายอยู่ตรงข้ามกับประตูเข้าห้องแบบพอดิบพอดี

              ภายในห้องนั้น กว่าครึ่งของกำแพงถูกประกอบไปด้วยบานกระจกที่ปิดสนิท สามารถมองเห็นห้องจากภายนอกได้ดี แต่กลับมืดทะมึนอย่างน่าฉงน

              คงไม่แปลกหรอก

              เพราะภายนอกบานกระจกเหล่านั้น กลับมีต้นไม้รกระรุงรังขึ้นสูงอยู่เต็มไปหมด

              เสียงของใบไม้ที่ระโหยโรยราอย่างเงียบสงัดถูกกลบเสียงจากเครื่องปรับอากาศที่อยู่เหนือหัวของเตียงนอนอย่างพอดิบพอดี

    บรรยากาศชวนขนลุกในบ้านหลังนี้ คงจะทำให้ง่วงนอนกันไปตามๆกันสินะ

     

              ก๊อก ก๊อก....

              เป็นเสียงเคาะประตูสั้นๆสองเสียงในบรรยากาศที่แทบจะเงียบสงัด

     

    ???: พี่เซย์? ตื่นรึยัง?

     

     

    หลังจากที่เหตุการณ์ได้เข้าสู่ความสงบสุขในโรงพยาบาล

     

    ดวงตาลึกลับที่น่าสยดสยองนั้นก็ไม่ได้ปรากฏให้ผมได้เห็นอีกเลย

     

    มันเหลือไว้แต่เพียงความหวาดระแวงเล็กๆน้อยๆที่ถูกเก็บอัดเข้าไว้ในส่วนลึกที่สุดของความทรงจำอันน่าสยดสยองนั้น

              แล้วจนกระทั่งเวลาได้ผ่านไปถึงวันที่ผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้

    และก็ได้เป็นช่วงเวลาที่ได้ริเริ่มถามถึงเรื่องราวในอดีตกับเพียงคนๆเดียวที่เหลือพอจะเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษากับผมได้มากที่สุด

     

              รินเนล

              คือชื่อของเธอ

     

    ผิดคาดกับที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล

     

    สาวน้อยผู้เป็นห่วงผมในฐานะ น้องสาวคนหนึ่งที่ได้ปรากฏตัวมาอย่างลึกลับ ซึ่งแม้แต่เศษเสี้ยวหรือชั่ววูบหนึ่งของความทรงจำ ไม่ได้มีส่วนใดเลยที่สามารถบ่งบอกตัวตนของเธอได้ว่าเป็นน้องสาวของผม

     

              ทำไมน่ะเหรอ?

              ก็ลองนึกย้อนไปสิว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับผม


              แม้แต่ใบหน้าของเธอผมยังไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ

     

    ทางถนนที่แสนโหดร้าย

     

    มันเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลๆหนึ่งบนโลกใบนี้ได้

     

    เคยรู้บ้างไหม ว่าเวลาที่คนเราไม่สามารถมองอะไรเห็นได้นั้น

    มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากในตอนที่ต้องเผชิญกับมัน

     

    แต่แล้วเมื่อลองได้เป็นและเผชิญเอง เรื่องตาบอดนั้นมันไม่ได้น่ากลัวเลยซักนิด

     

    ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่สามารถเห็นสิ่งสวยงามหรือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใดๆได้เลยก็ตาม แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถรับรู้ถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายได้เช่นกัน...

     

              ต่างกับผม... ที่เห็นทุกอย่าง

     

              เป็นเพียง สิ่งมีชีวิตสีขาวใสบริสุทธิ์ กับ สีดำที่มืดมิดสนิทจนเรียกว่าว่างเปล่าเลยก็ว่าำได้

     

              มันไม่เหมือนกับภาพขาวดำในโทรทัศน์หรอกนะ

     

    เพราะมันยังมีสีเทาในเฉดต่างๆที่ทำให้เห็นใบหน้าของใครๆผู้นั้นได้...

    มันสามารถทำให้เรารับรู้อารมณ์ความรู้สึกหรือการกระทำของคนๆนั้นได้...

     

    แต่มันต่างกับที่เกิดขึ้นตรงนี้...


     

    กำแพงสีขาวกับสายตาที่จ้องมาหาเรา...

     

    ไม่หรอก จากรูปร่างแบบนี้ก็คาดไว้ไม่ยากอะไร...

     

    เพราะนี่คือหน้าตา รินเนลคนที่เป็นน้องสาวของผมตอนที่เธอรู้ว่าเธอสามารถพาผมกลับบ้านได้นั่นเอง

     

              สับสนอยู่สินะ ว่าสายตาที่แต่ละคนมองผมมันเป็นอะไรกันแน่

     

    ตอนนี้มันทำให้ผมสามารถเรียนรู้จากอะไรหลายๆอย่างที่ได้เกิดขึ้นได้บ้าง

     

              สายตาที่ผู้คนมองเรามันบอกอะไรไม่ได้เลยซักนิด...

     

    รอยยิ้มและลักษณะการฉีกยิ้มบนใบหน้าของเธอผมไม่สามารถมองเห็นได้เลย...

     

    มันเหลือแต่เพียงผิวหน้าที่เป็น สีขาวแท้ๆของเธอเท่านั้นที่ผมเห็น

     

              ดวงตาของเธอสีอะไร

     

              ‘ผมของเธอสีอะไร

     

              ‘ผมเป็นยังไง...

     

    มันตั้งข้อสงสัยได้ทุกอย่างไม่ต่างกับคนตาบอด...

     

    แต่มันน่ากลัวยิ่งกว่า.........

     

    ………

     

     

    ……………………

     

     

    …………………………....

     

    เพราะทุกสายตาที่จ้องมาหาผม มันเป็นสิ่งที่สร้างความระแวงจนเกิดเป็นความกลัวให้ผมไงล่ะ

     

     

              ห้องกินข้าวในบ้านหลังหนึ่งตอนช่วงเช้าตรู่

     

    ???: วันนี้มีอะไรงั้นเหรอ? ถึงต้องรีบตื่นมาตั้งแต่เช้า

    รินเนล: ก็วันนี้พวกเราจะต้องไปโรงเรียนน่ะสิคะ

    ???: หา? โรงเรียน??

    รินเนล: เอ๋? พี่เซย์ก็ไม่รู้เหรอคะว่าโรงเรียนคืออะไร?

    เซย์: เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น.... แต่ไอ้ที่หมายถึงน่ะ มันเริ่มมาแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นเหรอ?

    รินเนล: ก็เราเพิ่งจะหมดช่วงปิดเทอมไปเองล่ะคะ...

    เซย์: …..

     

              เซย์ขมวดคิ้วและนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง...

     

              เขาค่อยๆหันหน้ามาทางรินเนลแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย

     

    เซย์: อุบัติเหตุนี่มันเกิดขึ้นตอนไหนงั้นเหรอ รินเนล?

    รินเนล: อุบัติเหตุ?

    เซย์: ที่พี่ต้องเข้าโรงพยาบาลน่ะ

    รินเนล: อ๋อ...........

    เซย์: ……

     

    รินเนล: ขอโทษด้วยค่ะพี่... หนูเพิ่งจะได้กลับบ้านมาเมื่อเดือนที่แล้วได้เอง...

    เซย์: ……ป......เป็นอย่างนั้นเองหรอกเหรอ...

     

              เซย์วางจานอาหารลงอย่างนุ่มนวลเมื่ออาหารในจานนั้นว่างเปล่าแล้ว...

     

    เซย์: …

     

              เซย์มองไปรอบๆบ้านที่เงียบสนิทด้วยความสงสัยอีกครั้ง...

     

    เซย์: (บ้านหลังนี้.....)

     

              เขาเดินออกไปนอกห้องและยังคงมองรอบๆบ้านอยู่เหมือนเดิม

     

    รินเนล: มีอะไรเหรอคะพี่?

    เซย์: …

     

              เซย์หยุดอยู่หน้าประตูและไม่ได้เดินสำรวจต่อจากนั้น

     

    เซย์: ไม่มีอะไรหรอก...

    รินเนล: …

     

     

              ทางเดินไปโรงเรียน

     

              เป็นการเดินที่แสนจะเงียบสนิท

     

              ต่างฝ่ายต่างไม่ได้แม้แต่จะปริปากพูดกันซักคำ...

     

              เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มได้ยินชัดเจนอยู่เป็นจังหวะ

              แต่กลับของสาวน้อยร่างบางนี้แทบจะไม่ได้รับรู้เลยว่าเธอเดินอยู่ตรงนั้น

     

              แม้กระทั่งเสียงของเหล่าใบไม้ที่แว่วพัดผ่านหูของทั้งสองคนยังสามารถสัมผัสได้ถึงอรรถรสอันอ่อนโยนของสายลมในตอนเช้าที่ฟ้ามืดครึ้มสนิท

     

              น่าขนหัวลุกเสียจริง...เสียงของอากาศที่ถูกสูดเข้าไปยังปอดและคายออกมาอย่างอ่อนล้านั้นยังได้ยินเข้าถึงหูของพวกเขาได้เช่นกัน

     

    เซย์: ……

    รินเนล: …….

     

              แล้วจนถึงช่วงที่รินเนลได้เงยหน้าขึ้นมาและชี้ไปที่ตึกแห่งหนึ่งซึ่งเห็นอยู่ชัดเจน แต่หนทางที่จะเดินไปถึงก็ไกลอยู่พอสมควร

     

    รินเนล: นั่นแหละคะ โรงเรียนของพวกเรา...

    เซย์: ที่นั่นน่ะเหรอ... เห? น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันแหละนะ

    รินเนล: ‘เห?ที่ว่านี่ หมายถึงโรงเรียนเหรอคะ?

    เซย์: ….

     

              และเซย์ก็หยุดเดินที่ตรงนั้น....

     

    เซย์: ไม่ได้....หมายถึงโรงเรียนซะทีเดียวหรอก...

    รินเนล: …….

     

              เซย์ทำท่าอึกๆอักๆ และยืนคิดอยู่พักหนึ่งกับสิ่งที่เขาเองกำลังจะพูด...

     

              เขานิ่งอยู่ประมาณ 5 วินาที

              เขาค่อยๆหันหน้าของเขาที่จ้องพื้นอยู่พักหนึ่งขึ้นมาหารินเนล

     

    เซย์: แล้ว?

    รินเนล: …

     

              บรรยากาศที่เงียบสงบแบบนี้ ทำให้เซย์ต้องคิดแล้วคิดอีก

              เขานิ่งและอึกๆอักๆไปอยู่หลายรอบ แต่แววตาของสาวน้อยที่คอยยืนฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดนั้นไม่ได้มีท่าทีว่าจะลดละลงไปเลยซักนิดเดียว...

     

    เซย์: แล้ว..ครอบครัวของเราล่ะ?

    รินเนล: ......

     

              รินเนลเริ่มทำสีหน้าแปลกไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เซย์พูดขึ้นมา...

     

              แต่ตัวของเซย์เองนั้น ไม่ได้สามารถสังเกตเห็นถึงสิ่งที่ผิดปกติใดๆไปจากนั้น...

     

    เซย์: ก็อย่างที่ถามล่ะนะ.... บ้านของเราก็ใหญ่โตพอสมควร... มีของกินของใช้มากอยู่เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าบ้านของเราก็มีฐานะเหมือนกันสินะ...

    รินเนล: …..

     

    เซย์: ไหนจะเรื่องที่ตัวของรินเนลเองก็เพิ่งจะกลับมาบ้านเอย ไหนจะเรื่องค่ารักษาพยาบาลของพี่อีก...

    รินเนล: ……..

     

    เซย์: แล้วพ่อแม่ของพวกเรา....

    รินเนล: ย้ายไปน่ะ...

    เซย์: …

     

              รินเนลพูดขัดขึ้นมาในช่วงที่เซย์จะพูดต่อจากนั้น...

     

    เซย์: ย้ายไป.....ที่ว่านี่....

    รินเนล: ทำงานอยู่ที่อื่น....

    เซย์: ที่อื่น?….

    รินเนล: ที่ประเทศอื่น....

    เซย์: ….

    รินเนล: คะ...

     

              ภาพที่เซย์เห็นนั้น

     

              เป็นเพียงแววตาที่เธอจ้องมายังตัวของเขา...

              แววตาที่หรี่ลงเหลือครึ่งหนึ่งจากที่เคยกลมโต

     

              ลูกตาที่เหลือบขึ้นมาหาเขาโดยที่แม้แต่ศีรษะยังไม่ได้เงยขึ้นมาเลยซักนิดเดียว

     

              ร่างเล็กๆที่เหลือบตาจ้องขึ้นมานั้นเหมือนกับว่าเธอได้ส่งสัญญาณแปลกๆจากคำถามนั้นผ่านทางสายตาของเธอไว้อย่างชัดเจนแล้ว

     

              สงสาร...สังเวช...และไม่สบอารมณ์นัก

     

    เซย์: รินเนล?

    รินเนล: ไปกันเถอะคะ พี่เซย์....

    เซย์: ….

     

    รินเนล: เดี๋ยวจะสายเอานะคะ....

     

              ว่าจบรินเนลก็เดินต่อไปจากจุดๆนั้น...

     

    เซย์: ……..

     

              เซย์มองร่างที่สีดำสนิทกำลังเคลื่อนไหวไปทางข้างหน้า...

     

    เซย์: เดี๋ยวก่อน! รินเนล

    รินเนล: ….

     

              เซย์เริ่มกระวนกระวายและไกวแกว่งแขนไปมาพร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความสับสน...

     

    รินเนล: พี่เซย์?

     

              ซึ่งสิ่งที่เขาได้เห็นอยู่นั้น นั่นก็คือพื้นที่โดยรอบจากที่มีจุดสีขาวๆอยู่บนพื้น ที่เป็นเส้นบนถนนสีขาว กับรั้วเล็กๆสีขาวๆที่กั้นรถไม่ให้ไหลตกลงเขา แต่กลับอยู่ดีๆก็ค่อยๆดำสนิทคืบกลายเข้ามาทางเซย์อย่างช้าๆ...

     

              มืดดำสนิทและว่างเปล่าจนทุกๆอย่างค่อยๆเลือนหายไปอย่างช้าๆ

     

              ไม่ต่างจากคนตาบอดนักที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวนั้นกลายเป็นสีที่มืดมิดและดำสนิทจนไม่เห็นสิ่งใดเลย

     

    เซย์: รินเนล?!

     

              เสียงเอื้อนเอ่ยอย่างระหวาดระแวงออกไปด้วยโทนเสียงที่ผิดปกติ...

     

              จนกระทั่งเขาได้เห้นดวงตาขาวๆกลมๆเล็กๆทั้งสองดวงค่อยๆเคลื่อนเข้าหาตัวของเขา และได้โอมอุ้งมือขวาของเขาเอาไว้อย่างอ่อนโยน...

     

    รินเนล: พะ พี่เซย์?

    เซย์: ….

     

              เซย์รู้ตัวอีกครั้งเมื่อความหวาดระแวงได้หายไป...

     

              เหลือแต่เพียงดวงตาสีขาวๆที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นที่เขาเห็น...

     

    เซย์: ถนน....มันหายไปน่ะ

    รินเนล: ถนน?

     

              เมื่อรินเนลมองไปรอบๆ เธอก็ไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติใดๆ

     

    รินเนล: …

     

              รินเนลพยายามสังเกตดีๆ จนเธอพบว่าก้อนเมฆสีดำทมึนๆค่อยๆคืบคลานครอบคลุมผ่านขอบลับฟ้าไป จึงทำให้เธอพอจะเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้...

     

    รินเนล: พี่เซย์มองไม่เห็นทางแล้วเหรอคะ...

    เซย์: ….

     

              เซย์พยักหน้าตอบสั้นๆ...

     

    รินเนล: ....

    เซย์: ….

     

              ดวงตาดวงน้อยทั้งสองซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เซย์มองเห็นได้ก็ค่อยๆเลือนลับหายไปเช่นกัน...

     

    รินเนล: ไปกันเถอะคะ...

    เซย์: …

     

              แต่รินเนลก็ไม่ได้คิดถือสาอะไร...

              เธอจูงมือของพี่ชายเธอเดินต่อไปอย่างอ่อนโยน...

     

    เซย์: รินเนล...

    รินเนล: คะ?

    เซย์: คือว่า....

    รินเนล: ไม่เป็นไรหรอกคะ...

    เซย์: …

     

    รินเนล: หนูพาพี่ไปส่งก่อนก็ได้...

    เซย์: ม ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะ...

    รินเนล: …

    เซย์: ขอโทษด้วยนะ...ที่ถามอะไรไปแบบนั้น...

    รินเนล: ไม่เป็นอะไรหรอกคะ...

    เซย์: …..

     

              และมันก็เป็นเรื่องจริง...

              ที่เวลาที่เซย์พูดถึงเรื่องนี้ทีไร...

     

              ก็จะได้ตอบรับ กลับมาเป็นเสียงที่เป็นอันกังวล ไร้นิมิตสิ้นสุดถึงแก่น ในห้วงของความว่างเปล่าที่มีเพียงแต่เสียงแว่วหวั่นเท่านั้นที่รายล้อมตัวอยู่กับตัวของเธอ

     

              เพราะเรื่องในอดีต....อย่างนั้นเหรอ?

     

     

              ห้องพักครู

     

    รินเนล: ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวไปก่อนนะคะพี่เซย์

    เซย์: อื้อ...

     

              ว่าจบ เธอก็เดินจากไปจาก ณ ตรงนั้น

     

              เหลือเพียงให้ชายผู้ตาบอดยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบสงัด...

     

              สิ่งที่เห็นนั้นมีเพียงกำแพงสีขาวกับลายตัดบางช่วงที่เป็นสีดำ พอจะให้เดาออกว่าเป็นเฉดเงาของกำแพงที่นูนออกมาเล็กน้อย

              กับหัวของเหล่าอาจารย์บางคนที่ตัดกับกำแพงพอดีจนเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาเหล่านั้น...

     

    ???: เป็นไงบ้างล่ะ เซย์โก...

    เซย์: ??

     

              เซย์หันกลับไปด้วยความสงสัยว่ามีใครอาจจะเรียกชื่อของเขา

     

    ???: ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอแล้วล่ะนะ

    เซย์: ระ เหรอครับ? แต่ เซย์โก นี่?

    ???: ก็ชื่อของเธอไง

    เซย์โก: อ๋า? เซย์โกหรอกเหรอครับ?

    ???: จริงๆด้วยสินะ...

    เซย์โก: ……

    ???: อาจารย์ชื่ออาเจนล่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก.... เอ ไม่สิ

    เซย์โก: ครับ?

    อ.อาเจน: อาจารย์กับเราน่ะ เคยรู้จักกันเมื่อ 2 ปีก่อนล่ะนะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องทักทายกันอย่างเป็นทางการมากนักก็ได้...

     

              อาจารย์ตัวสูงใหญ่ไหล่กว้างและสวมแว่นหนาเตอะกรอบขาวใสสนิทลายตัดสีอะไรไม่สามารถบ่งบอกได้เพราะมันเป็นสีดำ

              แต่จากที่เห็นนั้นเป็นสีลายทางม้าลาย ใบหน้าเกือบเหลี่ยมเป้นทรงซะสนิท ทรงผมจากที่เห็นรอบนอก เห็นได้พอจะรู้ว่าจัดทรงผมฟุ่มฟูและหยักศก คาดว่าน่าจะเป็นผู้ชาย

     

    เซย์โก: ถ้าอย่างนั้นชื่อของผม...

    อ.อาเจน: อือ...ใช่แล้วล่ะ เซย์โกนั่นล่ะถูกแล้ว

    เซย์โก: ครับ.....

    อ.อาเจน: เธอจำนามสกุลของเธอได้รึเปล่า?

    เซย์โก: มะ.....ไม่ครับ....

    อ.อาเจน: ออยยยยย ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากเลยน่ะสิ เพราะในใบกรอกรายชื่อของนายไม่ได้ลงไว้นี่น่ะสิ

    เซย์โก: อ๊ะ ถ้าอย่างนั้นก็ตรวจจากของน้องสาวของผมก็ได้ครับ

    อ.อาเจน: เอ๋? น้องสาว? คนเมื่อตะกี้น่ะเหรอ?

    เซย์โก: ครับ คนนั้นล่ะครับ

    อ.อาเจน: เพิ่งจะได้รู้วันนี้นะเนี่ย ว่าเธอมีน้องสาวเหมือนกัน

    เซย์โก: ผมก็เพิ่งจะรู้ได้ไม่นานเหมือนกันครับ......

    อ.อาเจน: อ้าว? แล้วตกลงพวกเธอเป็นพี่น้องกันรึเปล่าน่ะ?

    เซย์โก: ผมความจำเสื่อมก็เลยจำไม่ค่อยได้หรอกครับ....

    อ.อาเจน: อ๋อ~! เป็นอย่างนั้นเองสินะ ปัดโธ่! อย่าทำให้ครูตกใจสิ

     

              และอาจารย์คนนั้นก็หันกลับไปหยิบของบางอย่างออกมาจากชั้นๆหนึ่ง

     

              เป็นลักษณะของเหลี่ยมๆที่เขาดึงออกมาจากชั้นๆหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่ทำให้เซย์โกพอจะเดาได้นั้นนั่นก็คือ แฟ้มรายชื่อ

     

              สิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามันลักษณะเป็นเหลี่ยมๆนั้นคือรอยตัดช่วงระหว่างกำแพงสีขาวกับลักษณะของแฟ้มสีอื่นนอกเหนือจากขาวนั่นเอง

     

    อ.อาเจน: น้องเธอชื่ออะไร อยู่ปีไหน?

    เซย์โก: ชื่อรินเนลครับ... ตัวเล็กๆ แต่จากท่าทางแล้วน่าจะห่างกับผมซัก 2-3 ปีล่ะครับ

    อ.อาเจน: อายุก็ไม่รู้หรอกเหรอ??

    เซย์โก: ขอโทษครับ... เพราะผมจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเหตุการณ์หลังจากอุบัติเหตุ

    อ.อาเจน: ถึงอย่างนั้นก็ยังคุยเป็นภาษาที่คนปกติพูดได้อยู่เหมือนกันสินะ...

    เซย์โก: ………

     

              อาจารย์ยังคงหาต่อไป พร้อมกับหยิบถ้วยเครื่องดื่มที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาดื่มไปด้วย...

     

              เซย์โกเห็นควันสีขาวลอยขึ้นมาจากถ้วยที่ลักษณะน่าจะเป็นถ้วยกาแฟโชยขึ้นมาจนทำให้ภาพนิมิตข้างหลังที่เป็นสีดำบิดเบือนเล็กน้อยจนเห็นเป็นกองของชั้นหนังสือที่กองกันอย่างไม่เป็นระเบียบ

     

    อ.อาเจน: เจอแล้วล่ะ

    เซย์โก: ครับ

    อ.อาเจน: ไม่ใช่ทั้งปี 2 และปี 3 แต่อ่อนกว่าเธออยู่ปีเดียว อยู่ปี 4 ล่ะ

    เซย์โก: O_o!

    อ.อาเจน: หวึย~!

     

              อาจารย์ถอยผงะเล็กน้อยเมื่อเซย์โกเบิ่งตาออกมาอย่างตกใจ

     

    เซย์โก: ปีเดียวเองหรอกเหรอครับ???

    อ.อาเจน: อย่าทำตาอย่างนั้นสิ มันน่ากลัวน่ะ รู้ไหม

    เซย์โก: อะ? ตาของผมเหรอ?

    อ.อาเจน: ไม่เคยเห็นเองสินะ... จะบอกลักษณะให้ก็ได้

    เซย์โก: ……

     

    ดวงตาข้างนอกน่ะ เป็นสีขาวเหมือนปกติ

    ถัดเข้ามาก่อนถึงนัยน์ตา ตาของเธอเป้นสีน้ำตาลน่ะ

     

    แต่แกนกลางน่ะสิ....

     

    เซย์โก: ….

    อ.อาเจน: มันขาวโพลนเลยล่ะ

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×