คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Sight 02 (1)
Sight 02
1 เดือนหลังจากนั้น...
???: …
ณ ห้องนอนในบ้านหลังหนึ่งในช่วงเช้า
เป็นห้องเล็กๆขนาดประมาณ 5x5 เมตร มีเตียงชิดอยู่ฝั่งซ้ายอยู่ตรงข้ามกับประตูเข้าห้องแบบพอดิบพอดี
ภายในห้องนั้น กว่าครึ่งของกำแพงถูกประกอบไปด้วยบานกระจกที่ปิดสนิท สามารถมองเห็นห้องจากภายนอกได้ดี แต่กลับมืดทะมึนอย่างน่าฉงน
คงไม่แปลกหรอก
เพราะภายนอกบานกระจกเหล่านั้น กลับมีต้นไม้รกระรุงรังขึ้นสูงอยู่เต็มไปหมด
เสียงของใบไม้ที่ระโหยโรยราอย่างเงียบสงัดถูกกลบเสียงจากเครื่องปรับอากาศที่อยู่เหนือหัวของเตียงนอนอย่างพอดิบพอดี
‘บรรยากาศชวนขนลุกในบ้านหลังนี้ คงจะทำให้ง่วงนอนกันไปตามๆกันสินะ’
ก๊อก ก๊อก....
เป็นเสียงเคาะประตูสั้นๆสองเสียงในบรรยากาศที่แทบจะเงียบสงัด
???: พี่เซย์? ตื่นรึยัง?
หลังจากที่เหตุการณ์ได้เข้าสู่ความสงบสุขในโรงพยาบาล
ดวงตาลึกลับที่น่าสยดสยองนั้นก็ไม่ได้ปรากฏให้ผมได้เห็นอีกเลย
มันเหลือไว้แต่เพียงความหวาดระแวงเล็กๆน้อยๆที่ถูกเก็บอัดเข้าไว้ในส่วนลึกที่สุดของความทรงจำอันน่าสยดสยองนั้น
แล้วจนกระทั่งเวลาได้ผ่านไปถึงวันที่ผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้
และก็ได้เป็นช่วงเวลาที่ได้ริเริ่มถามถึงเรื่องราวในอดีตกับเพียงคนๆเดียวที่เหลือพอจะเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษากับผมได้มากที่สุด
‘ รินเนล ’
คือชื่อของเธอ
ผิดคาดกับที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล
สาวน้อยผู้เป็นห่วงผมในฐานะ ‘น้องสาว’ คนหนึ่งที่ได้ปรากฏตัวมาอย่างลึกลับ ซึ่งแม้แต่เศษเสี้ยวหรือชั่ววูบหนึ่งของความทรงจำ ไม่ได้มีส่วนใดเลยที่สามารถบ่งบอกตัวตนของเธอได้ว่าเป็นน้องสาวของผม
‘ทำไมน่ะเหรอ?’
ก็ลองนึกย้อนไปสิว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับผม
‘แม้แต่ใบหน้าของเธอผมยังไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ’
ทางถนนที่แสนโหดร้าย
มันเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลๆหนึ่งบนโลกใบนี้ได้
เคยรู้บ้างไหม ว่าเวลาที่คนเราไม่สามารถมองอะไรเห็นได้นั้น
มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากในตอนที่ต้องเผชิญกับมัน
แต่แล้วเมื่อลองได้เป็นและเผชิญเอง ‘เรื่องตาบอดนั้นมันไม่ได้น่ากลัวเลยซักนิด’
ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่สามารถเห็นสิ่งสวยงามหรือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใดๆได้เลยก็ตาม แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถรับรู้ถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายได้เช่นกัน...
ต่างกับผม... ที่เห็นทุกอย่าง
เป็นเพียง ‘สิ่งมีชีวิต’ สีขาวใสบริสุทธิ์ กับ สีดำที่มืดมิดสนิทจนเรียกว่าว่างเปล่าเลยก็ว่าำได้
‘มันไม่เหมือนกับภาพขาวดำในโทรทัศน์หรอกนะ’
เพราะมันยังมีสีเทาในเฉดต่างๆที่ทำให้เห็นใบหน้าของใครๆผู้นั้นได้...
มันสามารถทำให้เรารับรู้อารมณ์ความรู้สึกหรือการกระทำของคนๆนั้นได้...
แต่มันต่างกับที่เกิดขึ้นตรงนี้...
กำแพงสีขาวกับสายตาที่จ้องมาหาเรา...
ไม่หรอก จากรูปร่างแบบนี้ก็คาดไว้ไม่ยากอะไร...
เพราะนี่คือหน้าตา ‘รินเนล’ คนที่เป็นน้องสาวของผมตอนที่เธอรู้ว่าเธอสามารถพาผมกลับบ้านได้นั่นเอง
‘สับสนอยู่สินะ ว่าสายตาที่แต่ละคนมองผมมันเป็นอะไรกันแน่’
ตอนนี้มันทำให้ผมสามารถเรียนรู้จากอะไรหลายๆอย่างที่ได้เกิดขึ้นได้บ้าง
‘สายตาที่ผู้คนมองเรามันบอกอะไรไม่ได้เลยซักนิด...’
รอยยิ้มและลักษณะการฉีกยิ้มบนใบหน้าของเธอผมไม่สามารถมองเห็นได้เลย...
มันเหลือแต่เพียงผิวหน้าที่เป็น ‘สีขาวแท้ๆ’ ของเธอเท่านั้นที่ผมเห็น
‘ดวงตาของเธอสีอะไร’
‘ผมของเธอสีอะไร’
‘ผมเป็นยังไง...’
มันตั้งข้อสงสัยได้ทุกอย่างไม่ต่างกับคนตาบอด...
แต่มันน่ากลัวยิ่งกว่า.........
………
……………………
…………………………....
เพราะทุกสายตาที่จ้องมาหาผม มันเป็นสิ่งที่สร้างความระแวงจนเกิดเป็นความกลัวให้ผมไงล่ะ
ห้องกินข้าวในบ้านหลังหนึ่งตอนช่วงเช้าตรู่
???: วันนี้มีอะไรงั้นเหรอ? ถึงต้องรีบตื่นมาตั้งแต่เช้า
รินเนล: ก็วันนี้พวกเราจะต้องไปโรงเรียนน่ะสิคะ
???: หา? โรงเรียน??
รินเนล: เอ๋? พี่เซย์ก็ไม่รู้เหรอคะว่าโรงเรียนคืออะไร?
เซย์: เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น.... แต่ไอ้ที่หมายถึงน่ะ มันเริ่มมาแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นเหรอ?
รินเนล: ก็เราเพิ่งจะหมดช่วงปิดเทอมไปเองล่ะคะ...
เซย์: …..
เซย์ขมวดคิ้วและนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง...
เขาค่อยๆหันหน้ามาทางรินเนลแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เซย์: อุบัติเหตุนี่มันเกิดขึ้นตอนไหนงั้นเหรอ รินเนล?
รินเนล: อุบัติเหตุ?
เซย์: ที่พี่ต้องเข้าโรงพยาบาลน่ะ
รินเนล: อ๋อ...........
เซย์: ……
รินเนล: ขอโทษด้วยค่ะพี่... หนูเพิ่งจะได้กลับบ้านมาเมื่อเดือนที่แล้วได้เอง...
เซย์: ……ป......เป็นอย่างนั้นเองหรอกเหรอ...
เซย์วางจานอาหารลงอย่างนุ่มนวลเมื่ออาหารในจานนั้นว่างเปล่าแล้ว...
เซย์: …
เซย์มองไปรอบๆบ้านที่เงียบสนิทด้วยความสงสัยอีกครั้ง...
เซย์: (บ้านหลังนี้.....)
เขาเดินออกไปนอกห้องและยังคงมองรอบๆบ้านอยู่เหมือนเดิม
รินเนล: มีอะไรเหรอคะพี่?
เซย์: …
เซย์หยุดอยู่หน้าประตูและไม่ได้เดินสำรวจต่อจากนั้น
เซย์: ไม่มีอะไรหรอก...
รินเนล: …
ทางเดินไปโรงเรียน
เป็นการเดินที่แสนจะเงียบสนิท
ต่างฝ่ายต่างไม่ได้แม้แต่จะปริปากพูดกันซักคำ...
เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มได้ยินชัดเจนอยู่เป็นจังหวะ
แต่กลับของสาวน้อยร่างบางนี้แทบจะไม่ได้รับรู้เลยว่าเธอเดินอยู่ตรงนั้น
แม้กระทั่งเสียงของเหล่าใบไม้ที่แว่วพัดผ่านหูของทั้งสองคนยังสามารถสัมผัสได้ถึงอรรถรสอันอ่อนโยนของสายลมในตอนเช้าที่ฟ้ามืดครึ้มสนิท
น่าขนหัวลุกเสียจริง...เสียงของอากาศที่ถูกสูดเข้าไปยังปอดและคายออกมาอย่างอ่อนล้านั้นยังได้ยินเข้าถึงหูของพวกเขาได้เช่นกัน
เซย์: ……
รินเนล: …….
แล้วจนถึงช่วงที่รินเนลได้เงยหน้าขึ้นมาและชี้ไปที่ตึกแห่งหนึ่งซึ่งเห็นอยู่ชัดเจน แต่หนทางที่จะเดินไปถึงก็ไกลอยู่พอสมควร
รินเนล: นั่นแหละคะ โรงเรียนของพวกเรา...
เซย์: ที่นั่นน่ะเหรอ... เห? น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันแหละนะ
รินเนล: ‘เห?’ ที่ว่านี่ หมายถึงโรงเรียนเหรอคะ?
เซย์: ….
และเซย์ก็หยุดเดินที่ตรงนั้น....
เซย์: ไม่ได้....หมายถึงโรงเรียนซะทีเดียวหรอก...
รินเนล: …….
เซย์ทำท่าอึกๆอักๆ และยืนคิดอยู่พักหนึ่งกับสิ่งที่เขาเองกำลังจะพูด...
เขานิ่งอยู่ประมาณ 5 วินาที
เขาค่อยๆหันหน้าของเขาที่จ้องพื้นอยู่พักหนึ่งขึ้นมาหารินเนล
เซย์: แล้ว? …
รินเนล: …
บรรยากาศที่เงียบสงบแบบนี้ ทำให้เซย์ต้องคิดแล้วคิดอีก
เขานิ่งและอึกๆอักๆไปอยู่หลายรอบ แต่แววตาของสาวน้อยที่คอยยืนฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดนั้นไม่ได้มีท่าทีว่าจะลดละลงไปเลยซักนิดเดียว...
เซย์: แล้ว..…ครอบครัวของเราล่ะ?
รินเนล: ......
รินเนลเริ่มทำสีหน้าแปลกไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เซย์พูดขึ้นมา...
แต่ตัวของเซย์เองนั้น ไม่ได้สามารถสังเกตเห็นถึงสิ่งที่ผิดปกติใดๆไปจากนั้น...
เซย์: ก็อย่างที่ถามล่ะนะ.... บ้านของเราก็ใหญ่โตพอสมควร... มีของกินของใช้มากอยู่เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าบ้านของเราก็มีฐานะเหมือนกันสินะ...
รินเนล: …..
เซย์: ไหนจะเรื่องที่ตัวของรินเนลเองก็เพิ่งจะกลับมาบ้านเอย ไหนจะเรื่องค่ารักษาพยาบาลของพี่อีก...
รินเนล: ……..
เซย์: แล้วพ่อแม่ของพวกเรา....
รินเนล: ย้ายไปน่ะ...
เซย์: …
รินเนลพูดขัดขึ้นมาในช่วงที่เซย์จะพูดต่อจากนั้น...
เซย์: ย้ายไป.....ที่ว่านี่....
รินเนล: ทำงานอยู่ที่อื่น....
เซย์: ที่อื่น?….
รินเนล: ที่ประเทศอื่น....
เซย์: ….
รินเนล: คะ...
ภาพที่เซย์เห็นนั้น
เป็นเพียงแววตาที่เธอจ้องมายังตัวของเขา...
แววตาที่หรี่ลงเหลือครึ่งหนึ่งจากที่เคยกลมโต
ลูกตาที่เหลือบขึ้นมาหาเขาโดยที่แม้แต่ศีรษะยังไม่ได้เงยขึ้นมาเลยซักนิดเดียว
ร่างเล็กๆที่เหลือบตาจ้องขึ้นมานั้นเหมือนกับว่าเธอได้ส่งสัญญาณแปลกๆจากคำถามนั้นผ่านทางสายตาของเธอไว้อย่างชัดเจนแล้ว
‘สงสาร...สังเวช...และไม่สบอารมณ์นัก’
เซย์: รินเนล?
รินเนล: ไปกันเถอะคะ พี่เซย์....
เซย์: ….
รินเนล: เดี๋ยวจะสายเอานะคะ....
ว่าจบรินเนลก็เดินต่อไปจากจุดๆนั้น...
เซย์: ……..
เซย์มองร่างที่สีดำสนิทกำลังเคลื่อนไหวไปทางข้างหน้า...
เซย์: เดี๋ยวก่อน! รินเนล
รินเนล: ….
เซย์เริ่มกระวนกระวายและไกวแกว่งแขนไปมาพร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความสับสน...
รินเนล: พี่เซย์?
ซึ่งสิ่งที่เขาได้เห็นอยู่นั้น นั่นก็คือพื้นที่โดยรอบจากที่มีจุดสีขาวๆอยู่บนพื้น ที่เป็นเส้นบนถนนสีขาว กับรั้วเล็กๆสีขาวๆที่กั้นรถไม่ให้ไหลตกลงเขา แต่กลับอยู่ดีๆก็ค่อยๆดำสนิทคืบกลายเข้ามาทางเซย์อย่างช้าๆ...
มืดดำสนิทและว่างเปล่าจนทุกๆอย่างค่อยๆเลือนหายไปอย่างช้าๆ
ไม่ต่างจากคนตาบอดนักที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวนั้นกลายเป็นสีที่มืดมิดและดำสนิทจนไม่เห็นสิ่งใดเลย
เซย์: รินเนล?!
เสียงเอื้อนเอ่ยอย่างระหวาดระแวงออกไปด้วยโทนเสียงที่ผิดปกติ...
จนกระทั่งเขาได้เห้นดวงตาขาวๆกลมๆเล็กๆทั้งสองดวงค่อยๆเคลื่อนเข้าหาตัวของเขา และได้โอมอุ้งมือขวาของเขาเอาไว้อย่างอ่อนโยน...
รินเนล: พะ พี่เซย์?
เซย์: ….
เซย์รู้ตัวอีกครั้งเมื่อความหวาดระแวงได้หายไป...
เหลือแต่เพียงดวงตาสีขาวๆที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นที่เขาเห็น...
เซย์: ถนน....มันหายไปน่ะ
รินเนล: ถนน?
เมื่อรินเนลมองไปรอบๆ เธอก็ไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติใดๆ
รินเนล: …
รินเนลพยายามสังเกตดีๆ จนเธอพบว่าก้อนเมฆสีดำทมึนๆค่อยๆคืบคลานครอบคลุมผ่านขอบลับฟ้าไป จึงทำให้เธอพอจะเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้...
รินเนล: พี่เซย์มองไม่เห็นทางแล้วเหรอคะ...
เซย์: ….
เซย์พยักหน้าตอบสั้นๆ...
รินเนล: ....
เซย์: ….
ดวงตาดวงน้อยทั้งสองซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เซย์มองเห็นได้ก็ค่อยๆเลือนลับหายไปเช่นกัน...
รินเนล: ไปกันเถอะคะ...
เซย์: …
แต่รินเนลก็ไม่ได้คิดถือสาอะไร...
เธอจูงมือของพี่ชายเธอเดินต่อไปอย่างอ่อนโยน...
เซย์: รินเนล...
รินเนล: คะ?
เซย์: คือว่า....
รินเนล: ไม่เป็นไรหรอกคะ...
เซย์: …
รินเนล: หนูพาพี่ไปส่งก่อนก็ได้...
เซย์: ม ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะ...
รินเนล: …
เซย์: ขอโทษด้วยนะ...ที่ถามอะไรไปแบบนั้น...
รินเนล: ไม่เป็นอะไรหรอกคะ...
เซย์: …..
และมันก็เป็นเรื่องจริง...
ที่เวลาที่เซย์พูดถึงเรื่องนี้ทีไร...
ก็จะได้ตอบรับ กลับมาเป็นเสียงที่เป็นอันกังวล ไร้นิมิตสิ้นสุดถึงแก่น ในห้วงของความว่างเปล่าที่มีเพียงแต่เสียงแว่วหวั่นเท่านั้นที่รายล้อมตัวอยู่กับตัวของเธอ
‘เพราะเรื่องในอดีต....อย่างนั้นเหรอ?’
ห้องพักครู
รินเนล: ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวไปก่อนนะคะพี่เซย์
เซย์: อื้อ...
ว่าจบ เธอก็เดินจากไปจาก ณ ตรงนั้น
เหลือเพียงให้ชายผู้ตาบอดยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบสงัด...
สิ่งที่เห็นนั้นมีเพียงกำแพงสีขาวกับลายตัดบางช่วงที่เป็นสีดำ พอจะให้เดาออกว่าเป็นเฉดเงาของกำแพงที่นูนออกมาเล็กน้อย
กับหัวของเหล่าอาจารย์บางคนที่ตัดกับกำแพงพอดีจนเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาเหล่านั้น...
???: เป็นไงบ้างล่ะ เซย์โก...
เซย์: ??
เซย์หันกลับไปด้วยความสงสัยว่ามีใครอาจจะเรียกชื่อของเขา
???: ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอแล้วล่ะนะ
เซย์: ระ เหรอครับ? แต่ เซย์โก นี่?
???: ก็ชื่อของเธอไง
เซย์โก: อ๋า? เซย์โกหรอกเหรอครับ?
???: จริงๆด้วยสินะ...
เซย์โก: ……
???: อาจารย์ชื่ออาเจนล่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก.... เอ ไม่สิ
เซย์โก: ครับ?
อ.อาเจน: อาจารย์กับเราน่ะ เคยรู้จักกันเมื่อ 2 ปีก่อนล่ะนะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องทักทายกันอย่างเป็นทางการมากนักก็ได้...
อาจารย์ตัวสูงใหญ่ไหล่กว้างและสวมแว่นหนาเตอะกรอบขาวใสสนิทลายตัดสีอะไรไม่สามารถบ่งบอกได้เพราะมันเป็นสีดำ
แต่จากที่เห็นนั้นเป็นสีลายทางม้าลาย ใบหน้าเกือบเหลี่ยมเป้นทรงซะสนิท ทรงผมจากที่เห็นรอบนอก เห็นได้พอจะรู้ว่าจัดทรงผมฟุ่มฟูและหยักศก คาดว่าน่าจะเป็นผู้ชาย
เซย์โก: ถ้าอย่างนั้นชื่อของผม...
อ.อาเจน: อือ...ใช่แล้วล่ะ เซย์โกนั่นล่ะถูกแล้ว
เซย์โก: ครับ.....
อ.อาเจน: เธอจำนามสกุลของเธอได้รึเปล่า?
เซย์โก: มะ.....ไม่ครับ....
อ.อาเจน: ออยยยยย ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากเลยน่ะสิ เพราะในใบกรอกรายชื่อของนายไม่ได้ลงไว้นี่น่ะสิ
เซย์โก: อ๊ะ ถ้าอย่างนั้นก็ตรวจจากของน้องสาวของผมก็ได้ครับ
อ.อาเจน: เอ๋? น้องสาว? คนเมื่อตะกี้น่ะเหรอ?
เซย์โก: ครับ คนนั้นล่ะครับ
อ.อาเจน: เพิ่งจะได้รู้วันนี้นะเนี่ย ว่าเธอมีน้องสาวเหมือนกัน
เซย์โก: ผมก็เพิ่งจะรู้ได้ไม่นานเหมือนกันครับ......
อ.อาเจน: อ้าว? แล้วตกลงพวกเธอเป็นพี่น้องกันรึเปล่าน่ะ?
เซย์โก: ผมความจำเสื่อมก็เลยจำไม่ค่อยได้หรอกครับ....
อ.อาเจน: อ๋อ~! เป็นอย่างนั้นเองสินะ ปัดโธ่! อย่าทำให้ครูตกใจสิ
และอาจารย์คนนั้นก็หันกลับไปหยิบของบางอย่างออกมาจากชั้นๆหนึ่ง
เป็นลักษณะของเหลี่ยมๆที่เขาดึงออกมาจากชั้นๆหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่ทำให้เซย์โกพอจะเดาได้นั้นนั่นก็คือ แฟ้มรายชื่อ
สิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามันลักษณะเป็นเหลี่ยมๆนั้นคือรอยตัดช่วงระหว่างกำแพงสีขาวกับลักษณะของแฟ้มสีอื่นนอกเหนือจากขาวนั่นเอง
อ.อาเจน: น้องเธอชื่ออะไร อยู่ปีไหน?
เซย์โก: ชื่อรินเนลครับ... ตัวเล็กๆ แต่จากท่าทางแล้วน่าจะห่างกับผมซัก 2-3 ปีล่ะครับ
อ.อาเจน: อายุก็ไม่รู้หรอกเหรอ??
เซย์โก: ขอโทษครับ... เพราะผมจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเหตุการณ์หลังจากอุบัติเหตุ
อ.อาเจน: ถึงอย่างนั้นก็ยังคุยเป็นภาษาที่คนปกติพูดได้อยู่เหมือนกันสินะ...
เซย์โก: ………
อาจารย์ยังคงหาต่อไป พร้อมกับหยิบถ้วยเครื่องดื่มที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาดื่มไปด้วย...
เซย์โกเห็นควันสีขาวลอยขึ้นมาจากถ้วยที่ลักษณะน่าจะเป็นถ้วยกาแฟโชยขึ้นมาจนทำให้ภาพนิมิตข้างหลังที่เป็นสีดำบิดเบือนเล็กน้อยจนเห็นเป็นกองของชั้นหนังสือที่กองกันอย่างไม่เป็นระเบียบ
อ.อาเจน: เจอแล้วล่ะ
เซย์โก: ครับ
อ.อาเจน: ไม่ใช่ทั้งปี 2 และปี 3 แต่อ่อนกว่าเธออยู่ปีเดียว อยู่ปี 4 ล่ะ
เซย์โก: O_o!
อ.อาเจน: หวึย~!
อาจารย์ถอยผงะเล็กน้อยเมื่อเซย์โกเบิ่งตาออกมาอย่างตกใจ
เซย์โก: ปีเดียวเองหรอกเหรอครับ???
อ.อาเจน: อย่าทำตาอย่างนั้นสิ มันน่ากลัวน่ะ รู้ไหม
เซย์โก: อะ? ตาของผมเหรอ?
อ.อาเจน: ไม่เคยเห็นเองสินะ... จะบอกลักษณะให้ก็ได้
เซย์โก: ……
“ดวงตาข้างนอกน่ะ เป็นสีขาวเหมือนปกติ
ถัดเข้ามาก่อนถึงนัยน์ตา ตาของเธอเป้นสีน้ำตาลน่ะ
แต่แกนกลางน่ะสิ....”
เซย์โก: ….
อ.อาเจน: มันขาวโพลนเลยล่ะ
ความคิดเห็น