ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unknown Species .Code : A1

    ลำดับตอนที่ #6 : Edwin De Hawk (เอ็ดวิน เดอ ฮอว์ค)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 53


    ผมรู้สึกสลดใจอย่างมาก เพราะผมลืมว่าเอ็ดวินจากเราไปแล้วซะสนิท ถึงแม้ว่าผมกับเอ็ดวินจะเริ่มต้นมิตรภาพกันอย่างไม่สวยหรูนัก แต่ผมก็หวังว่าเวลาที่มิตรภาพของผมและเขาจบลงมันควรจะดีกว่านี้ เอ็ดวินคือเพื่อนและครูของผม เขาไม่ควรตายเลย

    ผมเดินผ่านประตูศูนย์บัญชาการเข้าไป เดินตามทางไปยังที่ที่เสียงสวดนั่นดังออกมา ผมเดินเข้าไปในห้องที่มีประตูสีน้ำตาลซึ่งอาจจะทำมาจากไม้โอ้ค มันอยู่ทางด้านขวาของทางเดิน ทันทีที่ผมเข้ามาความรู้สึกนับสิบพุ่งทะลุจิตใจและสมองของผม ผมรู้สึกผ่อนคลายกับห้องที่จำลองทำให้เป็นสวนกลางแจ้ง แสงแดดยามเย็นสาดส่องเข้ามากระทบกับดอกทิวลิปสีเหลืองนับร้อยที่ถูกปลูกอยู่รอบๆห้อง แต่ในขณะเดียวกันนั้นผมก็รู้สึกหดหู่ เอ วัน นับสิบยืนเรียงรายกันอยู่ ทุกคนล้วนใส่ชุดสูตรสีดำซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวประหลาดเพราะตอนนี้ผมคือ เจมส์ผู้เปื้อนฝุ่นและโคลน อย่างไรก็ตาม ผมเห็นเอ วัน คนหนึ่ง เขาไม่ได้สวมชุดสูตรแบบคนอื่นๆ นั่นเพราะตัวของเขาติดไฟตลอดเวลาและผมก็รู้สึกดีใจมากที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้สึกมา เอลิช่ายืนอยู่ข้างๆหลุมศพสีดำ หลุ่มศพของเอ็ดวินซึ่งมีธงชาติสหรัฐคลุมอยู่ ผมแน่ใจว่ามันคงไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลส่งตรงมาให้เอ็ดวินแน่ๆ แต่เขาก็สมควรได้รับงานศพที่เป็นเกียรตินี้

    ผมอยากจะวิ่งไปกอดเอลิช่า แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เอลิช่ากำลังร้องไห้ ราวกับว่าสิ่งรอบๆตัวเธอถูกควบคุมด้วยโทรจิต เวลาถูกหยุด หรืออะไรสักอย่าง แสงอาทิตย์ส่องมาที่หน้าของหล่อนที่กำลังก้มมองโลงศพอย่างโศกเศร้า แสงแดดทำให้น้ำตาของเอลิช่าเปลี่ยนเป็นสีทอง น้ำตาค่อยๆไหลและหยดลงพื้นอย่างช้าๆ  มันถูกควบคุมด้วยพลังจิตของเอลิช่า ผมค่อยขยับตัวและเดินช้าๆ ไปยังตรงที่เอลิช่ายืนอยู่ บาทหลวงผู้ซึ่งอาจจะเป็นเอ วัน จ้องมองผมแว่บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปท่องคำสวดต่อ

    ผมเพิ่งรู้ตัวได้ว่าผมกำลังสัมผัสพลังบางอย่าง มันเป็นพลังที่เปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง ความโศกเศร้า และความโกรธแค้น พลังจิตของเอลิช่าแผ่พลังงานออกมา ผมรับรู้มันได้ ตอนนี้หล่อนดูไม่ดีเท่าไรคล้ายกับหล่อนถูกพรากสิ่งที่หล่อนรักเป็นที่สุด (ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องจริง) ผมอยากจะถามหล่อนว่า เธอสบายดีมั้ย เธอโอเคนะ แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคำถามงี่เง่า บางทีผมควรจะยืนนิ่งๆและทำตัวเป็นผู้ร่วมงานศพที่ดี แต่คำถามของผมที่อยากจะถามมากที่สุดก็คือ พวกเขาเจอร่างไร้วิญญาณของเอ็ดวินที่ไหน

     

    หลังพิธีฝังศพเอ็ดวิน ผมเดินแยกตัวออกมาพร้อมเอลิช่า หล่อนพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมหลังลงสู่พื้นเป็นพันครั้ง ผมไม่สามารถเล่าให้หล่อนฟังได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่หล่อนเพิ่งเสียเอ็ดวิน สิ่งที่ผมทำได้คือการเปลี่ยนประเด็น

    “ให้ตายสิ!” เอลิช่าโพล่ง “นายเลิกเปลี่ยนเรื่องได้แล้ว ...ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาย” ผมสังเกตเห็นดวงตาของหล่อนเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลเข้มบางทีมันอาจกำลังปล่อยคลื่นพลังจิตบางอย่างออกมาก็ได้ ชั่วขณะหนึ่งผมจำได้ว่า เอลิช่าสามารถอ่านจิตใจของผมได้ บางทีหล่อนอาจจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม

    “นายเจอออสติน” เอลิช่าพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น “เขา ...เขาฆ่าเอ็ดวิน” ทันใดนั้นเอลิช่าก็เปลี่ยนไปเป็นสาวน้อยผู้เปี่ยมไปด้วยความแค้น

    “เขาน่ากลัวมาก” ผมเอ่ย “ยากที่จะต่อสู้กับเขาโดยที่ฉันจะไม่รับบาดเจ็บ”

    “นายควรจะฆ่าเขา ...ตอนที่นายมีโอกาส” มันไม่ดีแน่ๆ เอลิช่ากำลังทำให้ผมรู้สึกเหมือนตอนที่ผมเผชิญหน้ากับออสติน

    “เขาเป็นพี่ชายของเธอ”

    “ฉันไม่มีพี่ชายชื่อ ออสติน! ...เขาตายไปตั้งแต่วันที่เขามอบจิตจิญญาณแก่ คาลิสโตแล้ว” เอลิช่าแย้งด้วยน้ำเสียงโทสะ

    “ฉันเสียใจด้วย” ผมก้มหน้า “ฉันไม่ควรเล่าให้เธอฟัง...”

    “ฉันแอบอ่านใจนายต่างหาก”

    “แล้วก็เรื่องเอ็ดวินด้วย” ผมเงยหน้ามองหล่อน ตาของเอลิช่าเปลี่ยนไปเป็นปกติอย่างที่มันควรจะเป็น “เขาไม่สมควรตาย”

    “ใครสักคนต้องชดใช้” เอลิช่ามองเหม่อออกไปยังหน้าต่างของทางเดิน “แต่เขาผู้นั้นคือ ออสติน”

    หลังจากคำพูดของหล่อนจบลง เราไม่ได้คุยอะไรกันต่อ เพียงแต่เดินไปยังลิฟต์สุดหรูของศูนย์บัญชาการ พวกเรากำลังจะไปหาโฮเซ่น

     

    โฮเซ่นดูเปลี่ยนไปมาก เขาตัวสูงขึ้นกว่าเดิมประมาณครึ่งฟุต เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากว่าเดิม ที่สำคัญ ...ไม่รู้สิ ผมคิดว่าเขาดูเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ผมหมายถึงสายตาของเขานิ่งและมั่นคง เขาดูเหมือนราชสีห์ที่สง่างาม

    “ยินดีต้อนรับอีกครั้งครับ” ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปคือคำพูดที่ฟังดูน่าขัน(ในความคิดส่วนตัวของผมนะ) และเปี่ยมไปด้วยพิธีการ “ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนะครับ ...เอลิช่า”

    “ขอบคุณค่ะ” เอลิช่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เราทุกคนพร้อมสำหรับการสูญเสียเสมอ”

    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ” โฮเซ่นเหม่อลอย “มันมีความเป็นไปได้สูงที่เราจะต้องสูญเสียบุคคลเช่นเขาไปได้มาก ...ถ้าเรายังต้องการสู้กับคาลิสโต”

    “ผมเผชิญหน้ากับ ...เอ่อ ...ออสติน” ผมพยายามหนีหน้าเอลิช่าขณะพูดชื่อพี่ชายผู้ทรยศของหล่อน “เขาเก่งมาก ...พลังของเขา...”

    “หลุมดำ” เอลิช่าแทรก “เขาจะต้องถูกดูดด้วยหลุมดำของเขา ...ฉันสัญญา” สายตาเคียดแค้นของเอลิช่าจ้องมาที่ผม มันเหมือนกับว่าหล่อนกำลังกระตุ้นให้เลือดในตัวของผมเดือด เพื่อว่าผมจะเข้าใจความรู้สึกของหล่อนให้มากขึ้น มันกดดันผมเหลือเกิน

    “ผมดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้งนะ โฮเซ่น” ผมรีบตัดบทอย่างกระอักกระอ่วน “เอ วันทั้งหมดที่คุณพบตอนนี้ปลอดภัยดีใช่มั้ย”

    “พวกเขากำลังเดินทางไปยังศูนย์ริชวูดแล้ว”

    “ทำไม...”

    “มันมีความเป็นไปได้ที่ คาลิสโตจะสะกดรอยตามคุณมา ...และมันปลอดภัยกว่าที่ เอ วันทั้งหมดจะถูกส่งไปยังริชวูด โดยปราศจากการเดินทางทางอากาศ” โฮเซ่นพูดภาษาของเขาอีกครั้งและทุกครั้งที่ผมฟังมันทำให้ผมปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทุกที

    “หมายความว่า...”

    “เราเจอ เอ วัน ยอดนักขุด ...อย่ากังวลเลยครับ” 

    “เอ่อ ...เจ๋งทีเดียว” ผมไม่รู้ว่าผมควรจะแสดงความคิดเห็นอะไร แต่ฟังจากที่โฮเซ่นพูดแล้ว ผมเชื่อว่า เอ วันทุกคนจะปลอดภัย

    “ผมรู้สึกสงสัย” โฮเซ่นหันไปพูดกับเอลิช่าต่อ “คุณเจอศพของเอ็ดวินอย่างไร”

    “ความจริงแล้ว” เอลิช่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่น บางทีผมควรจะบอกกับโฮเซ่นว่า เฮ้พวก นายกำลังทำหล่อนหัวเสียมากเลยทีเดียวที่ถามคำถามงี่เง่านั่นออกไป “เรายังไม่เจอศพของเขา ...ฉันแค่อยากให้เขาได้สิ่งที่เขาสมควรจะได้รับ” เอลิช่าตาแดงก่ำ หล่อนกำลังจะร้องไห้

    “ผมขอโทษนะครับ” โฮเซ่นยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวให้เอลิช่า “การพูดอะไรที่ไม่เข้าหูคนอื่นเป็นงานประจำของผมไปซะแล้ว”

    โฮเซ่นเดินกลับไปนั่งยังเก้าอี้บัลลังก์แก้ว และทำท่าทางผ่อนคลาย

    “พวกคุณคงจะเหนื่อยมากแน่ๆ ...ผมเลยเตรียมห้องไว้ให้คุณทั้งคู่แล้ว” เห็นได้ชัดว่าโฮเซ่นมีอาการแปลกๆหลังจากฟังคำตอบอันน่าสลดจากเอลิช่า ถึงกระนั้นก็ตามผมรู้ว่าต้องทำอะไร

    “พูดได้ตรงใจเลย ...ฉันเหนื่อยเหมือนกับพายเรือในแม่น้ำไนล์มาทั้งวันเลย ให้ตายสิ!” ผมเอ่ยพลางมองหน้าโฮเซ่น เขาแสดงสายตาบ่งบอกให้รู้ว่า เฮ้ นายทำได้ดีนี่

    “เอลิช่า” ผมหันไปพูดกับเอลิช่าด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันว่าเราควรไปพักผ่อนเอาแรงก่อนนะ ...เธอดูเพลียๆด้วย แล้วก็...”

    “ไปสิ” เอลิช่ามองหน้าผม ดวงตาของเอลิช่าเป็นประกาย แต่พระเจ้าช่วย! ดวงตาของหล่อนมันทำให้ภาพต่างๆของออสติน ผุดขึ้นหัวของผม หลุมดำของเขา สายตาสีดำสนิท อาวุธของเขา หรือแม้กระทั่งภาพตอนออสตินกำลังฆ่าผม ...เอลิช่าพยายามอ่านจิตใจของผม

    “ฉันคิดว่า...” ผมพยายามพูดอย่างกระอักกระอ่วนในขณะที่จิตใจถูกรบกวน “ฉันเล่าให้เธอฟังดีกว่านะ” ก่อนอื่นผมขออธิบายก่อนว่า การถูกรบกวนจิตใจ มันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดมาก เพราะคุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนที่กำลังอ่านจิตใจของคุณอยู่จะพบสิ่งต่างๆที่คุณซ่อนมันไว้หรือไม่ แบบว่าคุณมีความลับหนะ ดังนั้นสิ่งที่ผมกำลังทำตอนนี้ไม่ใช่แค่หยุดการคิดเรื่องอื่น แต่ผมจำเป็นต้องปิดกั้นสิ่งที่เอลิช่าไม่ควรรู้ในตัวของผมเช่นกัน

    ระหว่างทางผมทำตามสัญญา ผมตัดสินใจเล่าเรื่องที่เหลือทั้งหมดหลังจากผมหลุดออกจากอำนาจพลังจิตของหล่อนและดิ่งลงสู่พื้น เอลิช่าให้คำตอบกับผมว่าทำไมผมจึงไม่เป็นอะไรหลังกระแทกพื้น ...ผมแทบไม่เชื่อ มันคือพลังใหม่ของผม ...หล่อนสันนิษฐานว่า ผมอาจสามารถเปลี่ยนพลังงานจลน์ให้อยู่ในพลังงานรูปอื่นก็ได้ เช่นเดียวกันกับตอนที่ผมหยุดอาวุธของออสติน

    ผมอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเอ็ดวิน ชั่วขณะหนึ่งผมสัมผัสได้ว่า เอลิช่ากำลังแผ่พลังงานที่เต็มไปด้วยความแค้น และความโศกเศร้า แต่เธอก็ยอมเล่าเรื่องเอ็ดวินให้ผมฟัง

    “ตอนนั้น ...ฉันอายุเพียงสิบแปด ฉันอยู่กับแม่และออสติน ไม่นานออสตินก็กลายไปเป็น เอ วัน และต่อมาพวกเขาต้องการฉันด้วย ...แม่ไม่ยอม พวกเขาจึงลักพาตัวแม่ไป รวมทั้งฉันด้วย แม่หายสาบสูญ ส่วนฉัน หลังจากถูกเปลี่ยนให้กลายเป็น เอ วัน ฉันตัดสินใจหนีออกมา ...ตอนนั้น ด้วยพลังอะไรสักอย่าง ฉันทำที่นั่นพินาศ ระหว่างทางฉันรู้รับรู้ถึงพลังของ เอ วัน คนอื่น ...เอ็ดวินกำลังหนีมาจากที่นั่นเช่นกันด้วยเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นของขา ...เขาจอดรับฉัน”

    “ที่นั่นคือ...”

    “สถานที่ทดลองของรัฐบาล ...นายอาจเคยทำงานที่นั่น หรืออาจเคยถูกทดลองบางอย่าง ...ใครจะรู้”

    “เอ่อ ...แล้วเธอกับเอ็ดวินพบกับคุณเปเรส อย่างไรเหรอ”

    “เอ็ดวินพาฉันไปที่ ศูนย์ริชวูด เขาทราบมาว่าที่นั่นมี เอ วัน กลุ่มหนึ่งที่ช่วยเหลือ เอ วัน ที่กำลังหลบหนี ตอนแรกสภาไม่ต้อนรับเราทั้งคู่ เนื่องจากพวกเขาฝังไมโครชิปในหัวของฉัน คุณเปเรสเป็นคนเดียวที่ทราบถึงพลังของฉัน ...เขาใช้อำนาจสั่งการของเขาในตอนนั้นต้อนรับฉันกับเอ็ดวินเป็นพิเศษ แต่การที่ฉันอยู่ที่ ริชวูด โดยที่เป็นตัวล่อรัฐบาลได้นั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่ เปเรสส่งฉันมาที่นี่ เพื่อพบกับคุณโฮเซ่น โฮเซ่นเป็นคนที่สอนฉันให้ใช้พลังจิตในการทำลายไมโครชิปนั้น ...ฉันยอมรับมันทรมานมาก แต่มันก็ดีกว่าที่ฉันจะเป็นตัวเดือดร้อนของพวกเขาทุกคน เอ็ดวินเป็นคนที่ไม่ชอบที่จะแสดงออก ...เขาเป็นห่วงฉันมาก ฉันรับรู้ได้ เพียงแค่เขายังไม่ลืมสัญชาตญาณการเป็นทหารของเขาไปเท่านั้นเอง” เอลิช่าผ่อนสายตาลงมองที่พื้น เราทั้งคู่มาถึงที่หน้าเชลเตอร์พักของเอลิช่าแล้ว ประตูอัตโนมัติเลื่อนออก เสียงจากระบบคอมพิวเตอร์ดังขึ้นจากลำโพงเหนือศีรษะของพวกเรา สวัสดีคะ คุณเอลิช่า แมค อะลิสโต ห้องพักของคุณพร้อมแล้วค่ะ

    “ไว้... ฉันจะเล่าให้ฟังต่อก็แล้วกัน” เอลิช่ากล่าวลาพลางโบกมือ

    “ได้” หลังจบการสนทนาเอลิช่าเดินผ่านประตูเข้าไปประตูอัตโนมัติเลื่อนปิดทันที ไฟสีเขียวเหนือประตูเป็นไปเป็นสีแดง แสดงข้อความ กำลังพักผ่อน

    ผมเดินกลับมายังเชลเตอร์ของผม ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า ไม่นานผมก็หลับไป...

    ในฝันผมเห็นการต่อสู้ของผมกับออสติน แต่ว่าผมเห็นเอลิช่ากำลังลอยอยู่บนฟ้า หล่อนกำลังจ้องมองผม ออสตินปาวุธของเขาใส่ที่ผม ไฟแดงฉานลุกท่วมตัวผม เสียงระเบิดดัง ผมไม่รู้สึกหรอกว่ามันทรมานขนาดไหน เปลวไฟเปลี่ยนฉากความฝันให้เป็นอีกฉาก ผมเห็นเอ็ดวินกำลังขับเครื่องบินแบบไอพ่น บางทีมันอาจถูกเรียกว่า เอฟสิบหก หรืออะไรเทือกนี้ เอ็ดวินสวมชุดกองทัพสหรัฐอย่างเต็มรูปแบบ เขาดูหน้าเคร่งเครียดและตะโกนเป็นภาษาทหารตลอดเวลา เสียงเครื่องบินเสียดอากาศดังแสบหูผนวกกับเสียงระเบิดที่ดังมาจากพื้นดินใต้เครื่องบิน

    “ฮอว์คเรียกอินทรี ฮอว์คเรียกอินทรี ประจำตำแหน่งยิงแล้ว ...กำลังรอคำสั่งยืนยัน กำลังรอคำสั่งยืนยัน” สิ้นเสียงเอ็ดวินมีเสียงดังมาจากวิทยุ ยืนยันการยิง ยืนยันการยิง

    “มาเล่นกันหน่อยสิอีหนู!” เอ็ดวินพูดด้วยน้ำเสียงดีใจพลางกดปุ่มสีแดงจากคันโยกที่เขาจับอยู่ตลอดเวลา หัวรบจำนวนสองหัวพุ่งออกจากข้างเครื่องบิน พุ่งรี่ลงไปพื้นดินเสียงฝาด

    บึ้ม!

    ไฟแดงฉานประทุขึ้นสูงเท่าตึกสองชั้น เศษโลหะจำนวนมหาศาลกระเด็นออกมาจากไฟนั่น

    “นั่นแหละ ...เธอทำได้งามแล้วน้องหนู”

    ผมกำลังจะนึกบางอย่างออก แต่ว่า...

    “ขอโทษที ฉันนอนไม่หลับ!” ฉากสนามรบของเอ็ดวินเปลี่ยนไป กลายเป็นร้านกาแฟสตาร์บั๊คส์ ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าร้าน ผมจำได้ว่าที่นี่คือแมนฮัตตัน ผมมาออกบ่อย เพราะมันเป็นร้านโปรดของผมที่นั่งตรงข้ามผมคือเอลิช่า เธอแอบเข้ามาในความฝันของผม

    “เฮ้! เธอเข้ามาในความฝันอย่างนี้ไม่ได้นะ” ผมโน้มตัวไปกระซิบกับหล่อน

    “ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันเช็คเรียบร้อยแล้ว” หล่อนพูดพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

    “เช็คงั้นหรอ” ผมแปลกใจ “ฉันไม่เข้า...”

    “ก็เผื่อนายอาจกำลังฝันถึงเรื่องอย่างว่าอยู่ไง” หล่อนหัวเราะเยาะเย้ยผม ผมรู้สึกได้ว่าหน้าของผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เอลิช่าทำผมเขิน ถึงมันจะเป็นความฝันก็ตาม

    “พระเจ้าช่วย! ฉันไม่...”

    “อย่าโกหกเลยน่า ...ฉันเคยมีพี่ชาย ลืมไปแล้วหรอ” ถึงมันจะเป็นเรื่องล้อเล่นก็เถอะ ผมไม่นึกเลยว่าเอลิช่าจะพูดถึงพี่ชายของหล่อน

    “ช่างมันเถอะ” ผมพยายามบ่ายเบี่ยงประเด็น

    “เมื่อครู่ ฉันสร้างความฝันให้นาย เรื่องของ ฮอว์คหนะ” เอลิช่าตัดบท “เรื่องราวหลังจากนั้นทั้งหมดมันคือ ..นี่” เอลิช่าหยิบหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ทาม พาดหัวข่าว เหตุสลด ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของกองทัพอากาศ ทหารคลั่งย่างสดกว่าร้อยศพในอาคารพาณิชย์ ณ กรุงโยฮันเนสเบิร์ก มาวางบนโต๊ะ ทันทีที่ผมอ่านจบ ผมก็นึกได้ทันทีว่าผมนึกถึงอะไรในขณะฝัน เอ็ดวินกลายเป็นแพะรับบาปของกองทัพสหรัฐ เนื่องจากเขารู้ความลับอะไรบางอย่างของกองทัพ

    “เหตุผลที่ เอ็ดวิน หนีมาจากกองทัพ” ผมพูดเบาๆ ทันใดนั้นฉากทั้งหมดก็หายไปกลับกลายเป็นสีดำ เอลิช่าก็หายไปด้วย ผมรู้สึกผ่อนคลายและทุกอย่างก็เลือนหายไป

    ตอนเช้าเอลิช่ามาปลูกผมด้วยเสียงสัญญาเตือนการล่วงล้ำเชลเตอร์ ผมเริ่มแปลกใจกับอารมณ์ของเอลิช่า เมื่อวานหล่อนดูเศร้าราวกับว่าโลกทั้งใบแทบจะกลายเป็นสีดำ เพราะว่าพลังจิตของหล่อน ถึงอย่างนั้นก็เถอะผมก็ไม่ได้ถาม ...แต่ด้วยนิสัยของเอลิช่า ถึงตอนนี้หล่อนอ่านจิตใจของผมอยู่ หล่อนก็จะไม่ตอบคำถามนั้น ถ้าหากว่าหล่อนคิดว่า มันจะทำให้หล่อนรู้สึกอ่อนไหว

    “ไปกันเถอะ เราต้องไปหลุยส์เซียน่าด้วยกัน” เอลิช่าทำเสียงเยือกเย็นใส่ผม ซึ่งผิดกับน้ำเสียงของหล่อนที่พูดกับผมในฝัน มันต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×